ไทยนำEAT THAI GO THAILANDผงาดITB2018
ททท.ผนึกลุฟฮันฯปลุกยุโรปกลุ่มใหม่เที่ยวไทย
คิงเพาเวอร์ดันMusicPowerปั้นเด็กปั๊มทัวร์โลก
จัดยิ่งใหญ่เทศกาลเก็บองุ่นวังน้ำเขียว 10มี.ค.นี้
บางจากแจก8เท่าเมื่อเติมไฮพรีเมี่ยมดีเซลเอส
สนามบินเชียงใหม่ลุย2แผนเร่งด่วนแก้คับคั่ง
ฟินกินเที่ยวร้านอร่อยหาดตายายในเกาะล้าน
แนะวิธีรักษาอาการหวัดช่วงอากาศแปรปรวน
บินไทยชิงขายตั๋วถูกงานดนตรีVivadซิดนีย์
คนไทยเตรียมเฮใช้ตั๋วร่วมรถสาธารณะมิ.ย.นี้
สบพ.จับมือญี่ปุ่นผุดหลักสูตรช่างบินอินเตอร์
ยกเครื่องเฟอรี่สมุยรับคลื่นมนุษย์สงกรานต์
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ตามติด “ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีม ททท.ทั่วยุโรปบุกตลุยขาย New Shade ด้วยแคมเปญแรง EAT THAI GO THAILAND ปลุกนักท่องเที่ยวหน้าใหม่เที่ยวไทยเพิ่มในสัดส่วนให้ถึง 50 % ยึดเวที ITB 2018 ช่วง 8-10 มีนาคม นี้ ผนึกลุฟท์ฮันซ่า เซ็นเตอร์ ซิตี้ ขาใหญ่ในยุโรปนำสมาชิกจับคู่ขายเที่ยวไทยมุมใหม่ใน “ชุมชน-เมืองรอง”
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวทั้ง 4 ทวีปเข้าเมืองไทยตลอดปี 2561 เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ตลาดยุโรปมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.4 % ส่วนรายได้เติบโตเกือบ 9 % จึงหันมาตอกย้ำเรื่องความยั่งยืน รายได้ คุณภาพ แต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเริ่มไหวตัวทันแม้ภาพรวมจะเป็นบวกจาก รัสเซีย สเปน ยุโรปตะวันออก แต่ก็ติดลบในสแกนดิเนเวีย รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมายาวนาน พอสถานการณ์ Brexit ที่สหราชอาณาจักรประกาศถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปคลายตัวลง ผนวกกับยุโรปเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
ปี 2561 ประเทศไทยมีความพร้อมเดินหน้าเต็มอัตรา โดยเฉพาะปัจจัยหลักคือสายการบินเข้าออก ตลาดยุโรปหลายแห่งสดใสมากขึ้น เคยกังวลอิตาลีเที่ยวบินหายไปจากเศรษฐกิจตกต่ำ ลดเที่ยวบินทั้งของการบินไทย เอทิฮัด อลิตาเลีย ลดความถี่เพิ่มราคาตั๋วโดยสาร สร้างผลกระทบต่อเนื่อง ต่างจากขณะนี้ การบินไทยเริ่มเพิ่มเที่ยวบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิลาน 4 เป็น 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ กาตาร์เพิ่มจากมิลาน เป็นวันละ 2 เที่ยว เป็นการสร้างโอกาสไทยให้ดีขึ้น และสตาร์คิปเปอร์เรือสำราญขาย สิงคโปร์เข้าภูเก็ต เป็นอีกช่องทางขาขึ้นของท่องเที่ยว รวมไปถึง ททท.หันมาบุกหนักการขายตลาดนักท่องเที่ยวหรูหรา Luxury ทำให้จำนวนและรายได้ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ดีขึ้นอย่างมาก
ส่วนสเปนและยุโรปทางตอนใต้แม้จะไม่มีเที่ยวบินตรง ก็ยังสามารถบริหารจัดการให้ตลาดเติบโตตามเป้าก็ยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี
แต่ปัญหาความท้าทายปีนี้คือการเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ first visit เติบโตน้อยต้องการจะกระตุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า แตกต่างกลุ่มเก่าเที่ยวซ้ำ re-visit จะมีสินค้าใหม่ไปเสนอคือ การท่องเที่ยวเมืองรอง โดยจะใช้กลยุทธ์สร้างการรับรู้เมืองรอง โดยขายพ่วงผ่านแคมเปญ Promotion for Vacation ผ่านการสนับสนุนบริษัทตัวแทนนำเที่ยวทำหน้าที่ขายในยุโรปกระจายเส้นทางเข้ามายังไทย รวมทั้งจะเจาะเมืองรองในยุโรป อย่างสหราชอาณาจักร มี ไอเดนเบอระ แมนเชสเตอร์ จะดึงมาเป็นลูกค้าใหม่มาไทย และต้องเข้าไปเปลี่ยน mindset ของนักท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กันถึงความเข้าใจว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเชิงปริมาณ mass tourism นั้นไม่ใช่ทั้งหมดยังมีอีกหลายจังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะ เงียบสงบ สามารถมาท่องเที่ยวได้
สำหรับการเข้าร่วมมหกรรมแลกเปลี่ยนการขายในงาน International Travel Berlin 2018 ระหว่าง 8-10 มีนาคม นี้ ที่กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมันี ททท.เตรียมโจทก์ต่าง ๆ ไปทำความเข้าใจกับคู่ค้าทั่วโลก โดยจะเปิดตัว Open to the New Shades พร้อมกับนำชุมชนของไทยไปดูสถานการณ์จริง นำสินค้าเมืองรองไปประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ เป็นเวทีสำคัญที่จะเร่งทำ
แต่ ททท.สำนักงานยุโรปทุกแห่งก็เร่งทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อส่งข้อมูลปูพรมสร้างการรับรู้อย่างแพร่หลาย ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2561
อีกทั้งในงาน ITB 2018 ครั้งนี้จะร่วมกับ ลุฟฮันซ่า ซิตี้ เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ประกอบการนำเที่ยวรายใหญ่กระจายทั่วยุโรป และเป็นธุรกิจในเครือสายการบินลุฟฮันซ่า ของเยอรมัน นำสมาชิกเข้ามาร่วมทำ Mini Mart จัดพื้นที่เฉพาะเพื่อจับคู่ระหว่างสมาชิกของลุฟท์ฮันซ่า เซ็นเตอร์ ซิตี้ กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย โดยททท.สำนักงานยุโรปทั้งหมด คัดเลือกบริษัทนำเที่ยวยุโรปที่ยังไม่เคยมาเมืองไทยเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลในเวทีดังกล่าวด้วย
สำหรับการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ททท.จะต้องโหมการเปลี่ยน mindset สร้างการรับรู้ประเทศไทยในมุมมองใหม่ อย่าง สหราชอาณาจักร กำลังสร้างแคมเปญการรับรู้ ข้อมูล สินค้าใหม่ ในมุมที่ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีพื้นที่เที่ยวเฉพาะไม่ใช่เน้นเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว หรือการเตรียมบุกพื้นที่ใหม่ในยุโรปตะวันออก มี ททท.ปร๊าก ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่
ปัจจุบัน ททท.ต้องการเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ให้ได้ถึง 50 % จากปัจจุบัน 30 % เพราะไทยยังมีลูกค้าเก่าอยู่มากถึง 70 % นับจากนี้ไปจะต้องบริหารความเสี่ยงกรณีถ้าลูกค้าเก่าเกิดชะลอการเดินทางลง แต่ก็ยังต้องคัดสรรสินค้าใหม่ไปขายนักท่องเที่ยวกลุ่มเก่าตามเมืองใหม่ เรื่องใหม่ ส่วนกลุ่มใหม่จะขายในมุมไฮเอนด์หรูมากขึ้น เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้าประเทศ เช่น กระบี่ ภูเก็ต และหลายพื้นที่ นำโปรดักซ์ใหม่ขายลูกค้าเก่าและโปรดักซ์เก่าขายลูกค้าใหม่ในมุมที่ไม่ใช่เชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว
การสร้างการรับรู้ปูพรมตลาดยุโรปต้องพุ่งเป้าทำโฆษณาให้คุ้มค่าเงินไม่เน้นการหว่าน โดยพ่วงพันธมิตรเพื่อให้เกิดการขายได้จริง ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์และจัดอีเวนต์ เชื่อมโยง Thai Authentic City สามารถใช้วิถีการกินกับวิถีไทยสามารถนำ “อาหารไทย” เป็นสะพานเชื่อมการดึงนักท่องเที่ยวได้ จึงจะทำแคมเปญ EAT THAI : GO THAILAND กระจายทำทั่วยุโรป ขณะนี้เริ่มทำไปบ้างแล้ว โดยดึงร้านอาหารไทยในต่างแดนร่วมแคมเปญนี้ จัดดารา เซลิบริตี้ เชฟ นำอาหารไทยเป็นสะพานเชื่อมมายังเมืองไทยด้วย ผนวกกับการเชื่อม “วิถีไทย” ซึ่งจะขยายการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและเมืองรอง ซึ่งเป็นความเป็นไทยที่ขายได้
ส่วนการบุกนำชุมชนกับเมืองรองเข้าสู่ตลาดทั้ง 4 ทวีป ต้องสร้างความชัดเจนการโปรโมตเส้นทางขายท่องเที่ยว ด้วยการคัดเลือกชุมชนมาอย่างดี เช่น ภูเก็ตเชื่อมพังงา ตอนนี้ทางภูมิภาคยุโรปได้เลือกลงพื้นที่เวิร์คช็อปกับชุมหลักชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางชุมชนเองก็แสดงอัตลักษณ์ความต้องการชัดเจน ทั้งเรื่อง ขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละครั้งไม่เกินกี่คน และต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ยึดหลักปฎิบัติตามเงื่อนไขของชุมชน เช่น ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ ระบุรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละไม่เกิน 50 คน และต้องเคารพกฎ 5 ส. คือ สุกร สุรา สายเดียว สิ่งเสพติด สะอาด เป็นชุมชนที่มีความแข็งแรงและเข้าใจวิถีชีวิตหลักทำอาชีพการเกษตร ส่วนอาชีพเสริมคือการท่องเที่ยว
ดังนั้นชุมชนที่ ททท.เลือกมานำเสนอขายในตลาดยุโรป จะมีความโดดเด่นถึงการทำท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมและไม่ได้เปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อการท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวปรับตัวตามวิถีชีวิตในพื้นที่นั้น ๆ รวมทั้งควบคุมได้เรื่องปริมาณนักท่องเที่ยว และการรู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ โดยหลักการขาย ททท.ยังคงแนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางกับบริษัทนำเที่ยวซึ่งมีความพร้อมด้านข้อมูล ไกด์ และอื่น ๆ ยกเว้นบางชุมชนมีความพร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระก็สามารถทำได้ตามความสามารถของชุมชนนั้น ๆ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ดันMusicPowerปั้นเด็กดึงทัวร์โลกปี61”
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าในฐานะผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวครบวงจรของเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในปี 2561 พร้อมเดินหน้าพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์เพื่อสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม (Corporation Social Responsibility : CSR) ปีที่ 2 ด้วยโครงการ “King Power Thai Power พลังคนไทย” วางกลยุทธ์พุ่งเป้าสร้างรากฐานให้แก่เยาวชนไทยได้รับโอกาสดี ๆ จากกิจกรรมดนตรีและกีฬาเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป
จัดทำโครงการ Power Music บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จับมือกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำกิจกรรม “ประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 : Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC” เปิดแข่งขันรุ่นไม่จำกัดอายุ เพื่อกระตุ้นบรรยากาศทางด้านศิลปวัฒนธรรมดนตรี ส่งเสริมให้เยาวชนกับคนไทยทั่วไปใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ห่างไกลยาเสพติดและยกระดับประเทศไทยเข้าสู่เวทีนานาชาติ
โดยมีรางวัลการแข่งขันกระตุ้นความสนใจมูลค่ารวมกว่า 4.33 ล้านบาท ประการสำคัญยังวางแผนใช้โครงการแข่งขันดนตรีครั้งนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 15,000 คน
ล่าสุดกลุ่มคิง เพาเวอร์ เปิดเวทีให้นักดนตรีทุกวัยลงชิงชัยกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2561 ให้แต่ละวงนำเสนอผลงานความสามารถผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เฟชบุ๊คไลฟ์ facebook : Kingpower Thai Power พลังคนไทย จากนั้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบรอบคัดเลือก ประกอบด้วย 4 รุ่น จำนวน 66 วง ได้แก่ 1.คลาสสิก เอ 12 วง 2. คลาสสิก บี 12 วง 3.คลาสสิก ซี 21 วง และ 4.คลาสสิก ดี 21 วง
กำหนดชี้ชะตากันอีกครั้งใน “รอบรองชนะเลิศ” ระหว่างวันที่ 19-22 มีนาคม 2561 แต่ละวันจะนำดุริยางค์เครื่องเป่าฝีมือดีมาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ตลอด 4 วัน แต่ละรุ่นจะต้องเข้ามาจับสลากเลือกเวลาทำการแสดงช่วงเวลา 09.00-17.00 น. ณ อาคารมหิดลสิทธาคารมหาวิทยาลัยมหดิล
เริ่มวันแรก 19 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก ดี 21 วง วันที่สอง 20 มีนาคม 2561 รุ่น คลาสสิก ซี 21 วง วันที่สาม 21 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก บี 12 วง และวันที่สี่ 22 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก เอ 12 วง
จากนั้นวันที่ 24 มีนาคม 2561 ร่วมลุ้นกันต่อใน “รอบชิงชนะเลิศ” คัดทีมผ่านรอบรองชนะเลิศทั้ง 4 รุ่น ลงสนามขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งวัน ณ อาคารมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นคลาสสิก เอ จะคัดเหลือเพียง 5 วง แข่งขันช่วง 16.30-19.30 น. รุ่นคลาสสิก บี เหลือ 5 วง แข่งขันช่วง 13.00-16.30 น. และรุ่นคลาสสิก ซี กับ คลาสสิก ดี จะเหลือรุ่นละ 5 วงเช่นกัน แข่งขันช่วง 09.00-12.00 น.
ไฮไลต์สำคัญในวันที่ 25 มีนาคม 2561 ผู้คว้าแชมป์การแข่งขัน Music Power -King Power Thai Power พลังคนไทย” รายการ Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC” คือ วงดนตรีผู้ชนะเลิศการแข่งขันจะได้รับเกียรติให้ยกทีมมาจัดแสดงให้ผู้ชมทั้งคนไทยและนานาชาติได้ชมอย่างตระการตาที่ “โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์” คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ
สำหรับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้จัดประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 : Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC ก็เพื่อเปิดโอกาสให้วงดุริยางค์เครื่องเป่าของไทยและทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมการประกวดโดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเอเชียเท่านั้น แต่ต้องการสร้างเวทีและโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพและการฝึกฝนทักษะการเล่นดนตรีแบบรวมวงผ่านการประกวดในประเทศไทยพัฒนาตนเองสู่ระดับนานาชาติต่อไป
เหตุผลสำคัญที่สุดในการจัดประกวดครั้งนี้คือ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงเป็นดุริยกวี เป็นอัครศิลปิน ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยและชาวโลก และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยแต่ละวงจะบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพลงประจำชาติ และเลือกเพลงอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายขาดดุลปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ในการส่งทีมดุริยางค์ไทยไปร่วมประกวดเครื่องเป่านานาชาติทั้งที่ เกาหลี แคนาดา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ อเมริกา ฮ่องกง และอื่น ๆ การนำกลับมาจัดในไทยจะเกิดประโยชน์โดยตรงกับประเทศในระยะยาว
ข่าวที่ 2 “ททท.โหมงานเที่ยวเทศกาลไร่องุ่นเสาร์ที่10มี.ค.นี้”
นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า จับมือกับ ไร่องุ่นวิลเลจฟาร์ม แอนด์ไวน์เนอรี่ อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา สนับสนุนการประชาสัมพันธ์การจัดเทศกาลแห่งความสุข “เทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นไวน์ ประจำปี 2561” Village Farm’s Night Harvest Festival of 2018 is here คืนวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 เวลา 19.00 น. ณ ไร่ใหญ่วิลเลจฟาร์ม อำเภอวังน้ำเขียว งานเริ่มด้วยบรรยากาศแห่งความสวยงามท่ามกลางความกว้างใหญ่ของไร่องุ่นไวน์วิลเลจฟาร์มแหล่งปลูกองุ่นสายพันธุ์ดี โอบล้อมด้วยวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และดื่มด่ำกับอาหารชั้นเลิศจากกุ๊กฝีมือเยี่ยม ไวน์กลิ่นหอมรสชาติดี ท่ามกลางบทเพลงที่กล่อมบรรเลง และกิจกรรมมากมาย
มีกิจกรรมความหลากหลายที่จะชวนนักท่องเที่ยวไปสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์และเรียนรู้ไปกับเส้นทางของต้นองุ่น ซึ่งเป็นความภูมิใจของท้องถิ่น ชื่นชมความสวยงามในช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นไวน์ ร่วมกิจกรรมขั้นตอนความเป็นมาของต้นองุ่น รับประทานอาหารเย็นกับเมนูสไตล์ตะวันตกและผักปลอดสารพิษที่สดและอร่อย การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์จากต้นองุ่น โดยซื้อบัตรได้ที่วิลเลจฟาร์ม โทรศัพท์ 0 4422 8407-8, 08 1877 3711
รวมทั้งเดินทางท่องเที่ยวชมธรรมชาติทั่ววังน้ำเขียวอย่างหลากหลาย ทั้งผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน แปลงผักปลอดสารพิษ สวนลุงไกร สวนลุงโชคและสวนลุงอินทร์ การเก็บเห็ดหอม วังน้ำเขียวฟาร์ม ชิมพุทรานมสด แหนมเห็ดหอมร้านแม่ตุ้ย ไหว้ขอพรองค์หลวงพ่อคูณสีทองคำสุดยิ่งใหญ่ ณ วัดบุไผ่ ปากทาง เข้าตำบลไทยสามัคคี
ข่าวที่ 3 “บางจากแจกแต้ม8เท่าเติมไฮพรีเมียมดีเซลเอสทั่วไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ระหว่างวันนี้-30 เมษายน 2561 เมื่อเติมบางจาก Hi-Premium Diesel S ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่จำหน่าย Hi-Premium Diesel S ทั่วประเทศ สมาชิกบางจากดีเซลคลับรับไปเลยคะแนนสะสม 8 เท่า
โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อขอบคุณผู้บริโภคที่ให้การตอบรับนวัตกรรมความแรง ระดับพรีเมียมของน้ำมันบางจาก Hi-Premium Diesel S ที่มีค่าซีเทนสูงสุดถึง 70 พร้อมมาตรฐาน EURO 5 ค่ากำมะถัน ต่ำสุด ดีต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้งาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bcpgreenclub.com หรือ call center 1651
ข่าวที่ 4 “สนามบินเชียงใหม่ทำ2แผนเร่งด่วนแก้ผู้โดยสารคับคั่ง”
นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.-AOT เปิดเผยว่า วางแผนแก้ปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร ระหว่างรอการดำเนินงานตามแผนแม่บทปี 2560 - 2568 แต่ขณะนี้สนามบินมีขีดความสามารรองรับผู้โดยสารปีละ 8 ล้านคน และปริมาณผู้โดยสารเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ12% ทำให้ปี 2560 (มกราคม - ธันวาคม 2560) มีจำนวนผู้โดยสารกว่า 10.2 ล้านคน มีปริมาณจราจรทางอากาศของเครื่องบินพาณิชย์ใช้บริการขึ้น-ลง 71,994 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 4.03% ซึ่งเกินขีดความสามารถการรองรับของสนามบิน
ดังนั้น ทอท.จึงต้องกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น และระยะกลาง 2 กลุ่มงานหลัก 17 งานย่อย
กลุ่มงานแรก แก้ไขปัญหาเร่งด่วนระยะสั้น เริ่มเดือนเมษายน 2561 รวม 6 งานย่อย คือ 1. ปรับปรุงป้ายบอกทางเพื่อปรับเปลี่ยนการเข้า-ออก ของผู้โดยสาร 2. เพิ่มพื้นที่บริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ด้วยการรื้อย้ายสวนหย่อม 3.จัดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นให้เพียงพอกับจำนวนเครื่อง X-ray 4. เพิ่มช่องทางเข้าอาคาร บริเวณประตูหมายเลข 6 เพื่อเป็นช่องทางของเจ้าหน้าที่และสำหรับขนถ่ายสินค้า 5. เพิ่มเคาน์เตอร์สำหรับผู้โดยสาร Self Check-in อีก 3 เคาน์เตอร์ 6. ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้องสัมภาษณ์พิเศษสำหรับด่านควบคุมโรคและด่านจัดหางาน
กลุ่มงานที่ 2 แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ระยะกลาง เริ่มปี 2562 รวม 11 งานย่อย 1. ปรับปรุงทางสัญจร และเพิ่มพื้นที่ผิวการจราจรบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร 2. ปรับปรุงเพิ่มทางลาดบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร 3.ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้อง Bus Gate สำหรับอากาศยานขนาดเล็ก 4. ปรับปรุงพื้นที่บริเวณจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ 5. จัดทำห้องตรวจตัวพิเศษ บริเวณเครื่อง X-ray ให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย
6.ก่อสร้างที่จอดรถบัสเพิ่มเติม บริเวณด้านทิศใต้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 7. ก่อสร้างลานวางอุปกรณ์ภาคพื้น (GSE: Ground Service Equipment) 8. ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 2 เป็นห้องโถงผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ 9. ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 3 อาคารผู้โดยสารเป็นพื้นที่สำนักงาน 10. ก่อสร้างอาคารดับเพลิงและกู้ภัย
11. ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ด้านทิศเหนือ สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่จอดรถ โดยดำเนินการในรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
นาวาอากาศตรี มณธนิก กล่าวว่า ระหว่างมกราคม - ธันวาคม 2560 เชียงใหม่มีเครื่องบินพาณิชย์ขึ้น-ลง 71,994 เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.03% จากปี 2559 มี 8 สายการบินภายในประเทศ ย ทำการบิน 13 เส้นทาง และ 26 สายการบินระหว่างประเทศ ทำการบินใน 23 เส้นทาง เฉลี่ยวันละ 221 เที่ยว รวมแล้วมีผู้โดยสารผ่านเข้าออกตลอดทั้งปี 10.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.30%
ช่วงที่ 2 ชวนกันไปฟินสุด ๆ ที่ “หาดนาจอมเทียน สัตหีบ” ชลบุรี เลาะทะเลดื่มด่ำบรรยากาศ แล้วต้องห้ามพลาดเลือกร้านอาหารและเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่เก๋ไก๋ สไตล์ชิค ๆ กับเมนูคาวหวานอร่อยลิ้นทุกร้าน จากนั้นต้องดูแลสุขภาพกับ
@ฟินกินเที่ยวหาดนาจอมเทียนเลียบหาดยาว5กม.
ไปทะเลกันดีกว่า ชายหาด “นาจอมเทียน สัตหีบ” ความสงบแห่งอยู่ห่างจากเมืองพัทยาเพียง 4 กิโลเมตร มีชายหาดทอดยาวถึง 4 กิโลเมตร บรรยากาศจากแสงสีทองฉาบก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ช่างเป็นภาพแสนฟินสวยสุด ๆ ยามเช้าและบ่ายจะมีนักท่องเที่ยวไปเล่นกีฬาทางน้ำกันอย่างคึกคัก รอบพื้นที่ก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ ดีไซน์เก๋ ๆ ให้เลือกรับประทานได้ตามไลฟ์สไตล์ของทุกคน แต่ละร้านจะเปิดช่วง 11.00-24.00 น.
เริ่มจากต้นหาดนาจอมเทียน ที่ร้าน “The Glass House” ออกแบบโอ่โถงเหมาะกับการจัดปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงและพาครอบครัวไปกินอาหารอร่อยวิวทะเล ทุกมื้อเชฟจะพิถีพิถันคัดวัตถุดิบทะเลสดมาปรุงอาหารรสจัดจ้าน จานเด็ดก็ต้อง เมี่ยงปลากะพงทอด สลัดปูนิ่ม กุ้งกลาสเฮาส์ ตบท้ายด้วยของหวาน ช็อกโกแลต ฟอนแด๊นท์ สนนราคาอาหารจานละ 380-590 บาท โทร.038-255-922 fb : TheGlassHousePattaya
ที่ไม่ธรรมดาอีกร้านคือ “ViewMare Pattaya” อยู่ซอยนาจอมเทียน 14 ทั้งชีลและโรแมนติก ด้วยไอเย็นจากน้ำทะเลกับคลื่นน้ำประกยายระยับจากแสงอาทิตย์ บวกกับชายหาดที่สะอาด น้ำใส ทรายนุ่ม หนุนส่งให้ร้านนี้มีบรรยากาศน่านั่งสบาย ๆ ไปพร้อมกับสั่งอาหารจานอร่อยมาชิมอย่าง แกงส้มผักรวมกุ้ง ปลากะพงทอดสมุนไพร ไข่ตุ๋นทะเล ข้าวอบสับปะรด โทร.038-255-678 fb :viewmare
ส่วนร้านที่มีระเบียงยื่นออกไปใกล้ชิดทะเลต้องที่ “ ริมผา ลาพิณ” นาจอมเทียน 36 กม.160 บ้านอำเภอ ต้งอยู่ติดทะเลบริเวณริมผามีเทอเรซเล่นระดับตามความลาดชันของหน้าผามองเห็นวิวโค้งตลอดแนวหาดจอมเทียน พร้อมกับเมนูชิค ๆ กลิ่นอายทะเลที่ต้องสั่งคือ กุ้งผัดพริกเกลือ ยำเรือล่ม ห่อหมกทะเล และ ปลากะพงทรงเครื่อง สนนราคาจานละ 250-450 บาท โทร.038-235-515, fb :rimpalapinpattaya
“ครัวคุณแม่ (บ้านอำเภอ)” หมู่ 9 นาจอมเทียน ก็เป็นอีกร้านที่มีชื่อเสียงโดดเด่นมายาวนาน เคยอยู่ในโอเชียน มารีน่า ตอนนี้ย้ายออกมาเปิดบริการด้านนอกติดถนนสุขุมวิท พื้นที่โอ่โถง เสิร์ฟจานฮ็อตในราคาย่อมเยา เริ่มจานละ 70-150 บาทคือ หมึกไข่ผัดเค็ม ข้าวผัดครัวคุณแม่ ปีกไก่ทอด ส้มตำไทย เปิดแต่เช้าตั้งแต่ 8 โมง ถึง 3 ทุ่ม โทร.038-237-344
สำหรับร้านกาแฟและของหวานหน้าตาดี รสชาติถูกปากนักท่องเที่ยว ต้องที่นี่ “4ourty Ei8ht Cafe” อยู่ตรง กม.161 นาจอมเทียน เป็นแบบสไตล์ลอฟท์ ให้ความอบอุ่น น่านั่ง ตัวร้านทำจากตู้คอนเทนเนอร์สีดำตัดกับสีสดใสของเฟอร์นิเจอ์และของตกแต่งร้านอื่น ๆ ออกแบบโซนให้เลือกนั่งได้ทั้ง In & Out Door สามารถแวะไปย้อนวัยน่ารัก ๆ พร้อมกับกินของอร่อยกันได้ทั้ง 48 Warm Bread แบบฟูลเซ็ตเพียง 55 บาท สตอร์เบอรี่ วนิลา แฟรบเป้ 70 บาท แพสชั่นฟรุ้ต สมูตตี้ 70 บาท และ ช็อคโค บานาน่า แฟร็บเป้ ก็แค่ 70 บาทเช่นกัน อีกทั้งมีเค้กให้เลือกสารพัดรสด้วย โทร.096-882-4068 fb : 4OURTY EI8HT
หลบความวุ่นวายในเมืองกรุง และชายหาดพัทยา ไปพักผ่อนคลายสมองกันได้ที่ หาดนาจอมเทียน สัตหีบ อีกมุมชายหาดอ่าวไทยทอดยาว เต็มไปด้วยของอร่อย ๆ ทั้งคาวและหวาน แถมสนนราคาสบายกระเป๋า และได้ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
@วิธีรักษาอาการหวัดช่วงสภาพอากาศแปรปรวน
มีข้อแนะนำดี ๆ มาฝาก ถ้าแน่ใจว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เราอาจใช้การรักษาตัวเอง ดังนี้
พักผ่อนให้มากขึ้น อย่าอาบน้ำเย็น ควรดื่มน้ำมากๆ (อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำส้มคั้น น้ำผลไม้ ก็ได้)
ถ้าเบื่ออาหารให้กินน้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำข้าวต้ม ทีละน้อย แต่บ่อยๆ
กินยาลดไข้ เช่น แอสไพริน หรือพาราเซตามอล ครั้งละ 1-2 เม็ด (เด็กใช้พาราเซตามอล ชนิดน้ำเชื่อมครั้งละ ครึ่ง-2 ช้อนชาตามอายุ) ถ้ายังมีไข้ให้กินซ้ำได้ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง
ถ้ามีอาการชวนสงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก อย่ากินยาแอสไพริน ควรใช้ยาพาราเซตามอล แทน
การรักษาเพียง 3 ข้อนี้ ก็เพียงพอสำหรับไข้หวัดและโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่นๆ และอาการไข้ควรจะลดลงภายใน 3-4 วัน ส่วนยาอื่นๆ ไม่ค่อยมีความจำเป็นในการรักษาไข้หวัด
ในเด็กเล็ก: ให้ยาแก้ไข้แก้หวัด ชนิดน้ำเชื่อม ในขวดเดียวมีตัวยาผสมกันทั้ง 2 อย่าง เช่น ยาแก้หวัดแก้ไอคลอริเอต ยาแก้หวัดแก้ไอไพร์ตอน เป็นต้น ให้กินครั้งละ ครึ่ง-1 ช้อนชา วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร เมื่ออาการดีขึ้นก็หยุดได้ หรือถ้ากินแล้วกลับมีอาการไอมากขึ้นก็ควรงดเสีย เพราะยานี้อาจทำให้เสลดในคอเหนียว ขับออกยาก ทำให้ไอมากขึ้นได้
สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่: ให้กินยาแก้แพ้ได้แก่ คลอร์เฟนิรามีน ครั้งละ ครึ่ง-1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง และยาแก้ไอน้ำดำ จิบครั้งละ ครึ่ง-1 ช้อนชาเวลาไอ ถ้ากินแล้วกลับไอมากขึ้นควรงดเช่นเดียวกัน
เมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ อาการตัวร้อนควรจะหายเป็นปกติ ภายใน 3-4 วัน (อย่างมากไม่เกิน 7 วัน) แต่อาจมีน้ำมูกหรือไอต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์ (บางคนอาจไอโครกเป็นเดือน) ถ้าอาการทั่วๆ ไปเป็นปกติดี กินได้น้ำหนักไม่ลด ก็ไม่ต้องตกใจ จะค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยชิงขายตั๋วถูกทัวร์ชมดนตรีVivadซิดนีย์”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั๋วโดยสารราคาสุดคุ้มให้บินในช่วงมหกรรมดนตรีระดับโลก "Vivid Sydney" เทศกาลแสดงแสงสี ดนตรี และความคิดสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 พ.ค. ถึง 16 มิ.ย. นี้ กับแคมเปญพิเศษ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยชาวไทย ด้วยตั๋วโดยสารราคา เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 11,905 บาท ออกบัตรโดยสารและเดินทางได้ตั้งแต่ วันนี้ - 30 มิ.ย. 2561
นักท่องเที่ยวชาวไทย ที่สนใจไปร่วมงาน "Vivid Sydney 2018 - Light, Music and Ideas" ที่ซิดนีย์ หรือไปท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ อย่าง เมลเบิร์น, บริสเบน, เพิร์ท ซื้อตั๋วราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 11,905 บาท ได้เหมือนกัน
เทศกาล "Vivid Sydney 2018 - Light, Music and Ideas" เปิดให้ชมฟรีตลอด 23 คืน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 พ.ค. ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย. 61 จะเนรมิตภูมิทัศน์ของนครซิดนีย์ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. ให้กลายเป็นผืนผ้าใบสร้างสรรค์สุดตระการตาสำหรับคนทุกเพศทุกวัยที่จะเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือบนอ่าวซิดนีย์ ให้เลือกเดินทางผ่านสถานที่ยอดนิยมอย่าง The Rocks หรือจาก Martin Place ไปยังสวนสาธารณะ Royal Botanic Garden Sydney แวะเยี่ยมชม Darling Harbour และ Barangaroo เพื่อชมโชว์น้ำพุที่จะเริงระบำไปพร้อมกับแสงเลเซอร์ ดนตรี และพลุแสนสวย หรือเยี่ยมชมสวนสัตว์ Taronga Zoo และ Chatswood พร้อมแสงสีเจิดจรัสสุดอลังการ
ช่าวที่สอง “คนไทยเตรียมเฮใช้ตั๋วร่วมรถสาธารณะมิ.ย.นี้”
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมมีมติการจัดทำระบบตั๋วร่วมรถสาธารณะเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ตามกรอบเวลาที่สามารถใช้ตั๋วได้ภายในปี 2561 คือ 1.ตั๋วรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ภายในมิถุนายน 2.รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน (แอร์พอร์ตเรลลิ้งก์) ภายในสิงหาคม 3.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายสีม่วง สีเขียว และสีน้ำเงิน ภายในพฤศจิกายน 2561
จากนั้นในระยะต่อไปจะสามารถใช้บริการระบบตั๋วร่วมได้ครอบคลุมทุกระบบการขนส่ง ได้แก่ ระบบทางพิเศษ เรือโดยสาร และรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ และสามารถใช้ซื้อสินค้าบริการแทนเงินสดจากร้านค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมด้วย
ระหว่างนี้กระทรวงคมนาคม เร่งเดินหน้าภารกิจหลักในโครงการจัดทำระบบตั๋วร่วมเชื่อมการเดินทางรถสาธารณะควบคู่กันไปด้วย คือ 1. การบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CCH) รฟม. อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการต่าง ๆ ในระบบตั๋วร่วม เพื่อจัดทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการในการบูรณาการการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะตามเป้าหมายที่กำหนด 2. การจัดทำร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... อยู่ระหว่างกระทรวงฯ เสนอร่าง พ.ร.บ.ฯ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามแนวทางการจัดทำ และเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข่าวที่สาม “สบพ.จับมือญี่ปุ่นทำหลักสูตรช่างการบินอินเตอร์”
พลเรือตรี ปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) กล่าวว่า ได้ลงนามความร่วมมือหรือเอ็มโอยูกับ Corporation (AGP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนงานด้านการบริการภาคพื้นในท่าอากาศยานของประเทศญี่ปุ่น มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมือง Tokyo เชี่ยวชาญด้านให้บริการอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้น และอุปกรณ์ในอาคารผู้โดยสาร มีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับสากล เช่น ระบบ Ground Support Equipment, Airport Facilities, Aircraft Ground Handling ซึ่งจะเข้ามาช่วยพัฒนาหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) ให้ สบพ. และจะจัดทำหลักสูตรร่วมกัน ครอบคลุมงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล โดยจะขอการรับรองมาตรฐานหลักสูตรภายใต้มาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ International Civil Aviation Organization (ICAO) ต่อไปด้วย
หลักสูตรที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือในครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสให้แก่นักศึกษา สบพ. และผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ให้สามารถเข้ามาศึกษาต่อในหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) โดยมีระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปี ส่งผลให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรดังกล่าว มีความรู้ ความสามารถ ด้านการบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นในท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมการบินมากขึ้นอีกด้วย
รวมถึงโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศอู่ตะเภา ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor) รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ของไทยและภูมิภาคในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจการซ่อมบำรุงและการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล อาทิ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization - ICAO) คณะกรรมการและหน่วยงานความปลอดภัยการบินยุโรป (European Aviation Safety Agency -EASA) และสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ( Federal Aviation Administration - FAA)
ข่าวที่สี่ “ยกเครื่องบริการเฟอรี่สมุยรับท่องเที่ยวสงกรานต์ปีจอ”
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำ) กล่าวว่า ได้ประชุมกำหนดแนวทางการดำเนินการและเร่งรัดติดตามการแก้ไขให้บริการเรือเฟอร์รี่เกาะสมุย เพื่อทำพัฒนาปรับปรุงการให้บริการของผู้ประกอบการเรือเฟอร์รี่ระหว่างดอนสัก - เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยการกำหนดแนวทางการตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงการให้บริการด้านท่าเทียบเรือ อาทิ การออกตรวจและสำรวจท่าเทียบเรือเฟอร์รี่เกาะสมุย
โดยแบ่งคณะทำงานออกเป็น 2 ชุด ทำหน้าที่ตรวจสอบเรือเฟอร์รี่ ทั้งยังกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและแบบฟอร์มบันทึกผลเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2561 เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งปรับปรุงการบริการด้านคนประจำเรือ โดยจัดอบรมในวันที่ 14-15 มีนาคม 2561 ให้คนเรือมีความรู้และความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย ผู้ทำหน้าที่ให้บริการทุกด้านทั้งเรือ ท่าเรือ คนประจำเรือ จึงต้องเตรียมความพร้อมให้ได้มาตรฐาน
ติดตามฟังข่าวท่องเที่ยว การบิน คมนาคมขนส่ง ครบวงจร ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ททท.ผนึกลุฟฮันฯปลุกยุโรปกลุ่มใหม่เที่ยวไทย
คิงเพาเวอร์ดันMusicPowerปั้นเด็กปั๊มทัวร์โลก
จัดยิ่งใหญ่เทศกาลเก็บองุ่นวังน้ำเขียว 10มี.ค.นี้
บางจากแจก8เท่าเมื่อเติมไฮพรีเมี่ยมดีเซลเอส
สนามบินเชียงใหม่ลุย2แผนเร่งด่วนแก้คับคั่ง
ฟินกินเที่ยวร้านอร่อยหาดตายายในเกาะล้าน
แนะวิธีรักษาอาการหวัดช่วงอากาศแปรปรวน
บินไทยชิงขายตั๋วถูกงานดนตรีVivadซิดนีย์
คนไทยเตรียมเฮใช้ตั๋วร่วมรถสาธารณะมิ.ย.นี้
สบพ.จับมือญี่ปุ่นผุดหลักสูตรช่างบินอินเตอร์
ยกเครื่องเฟอรี่สมุยรับคลื่นมนุษย์สงกรานต์
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ตามติด “ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีม ททท.ทั่วยุโรปบุกตลุยขาย New Shade ด้วยแคมเปญแรง EAT THAI GO THAILAND ปลุกนักท่องเที่ยวหน้าใหม่เที่ยวไทยเพิ่มในสัดส่วนให้ถึง 50 % ยึดเวที ITB 2018 ช่วง 8-10 มีนาคม นี้ ผนึกลุฟท์ฮันซ่า เซ็นเตอร์ ซิตี้ ขาใหญ่ในยุโรปนำสมาชิกจับคู่ขายเที่ยวไทยมุมใหม่ใน “ชุมชน-เมืองรอง”
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวทั้ง 4 ทวีปเข้าเมืองไทยตลอดปี 2561 เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ตลาดยุโรปมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.4 % ส่วนรายได้เติบโตเกือบ 9 % จึงหันมาตอกย้ำเรื่องความยั่งยืน รายได้ คุณภาพ แต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเริ่มไหวตัวทันแม้ภาพรวมจะเป็นบวกจาก รัสเซีย สเปน ยุโรปตะวันออก แต่ก็ติดลบในสแกนดิเนเวีย รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมายาวนาน พอสถานการณ์ Brexit ที่สหราชอาณาจักรประกาศถอนตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปคลายตัวลง ผนวกกับยุโรปเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
ปี 2561 ประเทศไทยมีความพร้อมเดินหน้าเต็มอัตรา โดยเฉพาะปัจจัยหลักคือสายการบินเข้าออก ตลาดยุโรปหลายแห่งสดใสมากขึ้น เคยกังวลอิตาลีเที่ยวบินหายไปจากเศรษฐกิจตกต่ำ ลดเที่ยวบินทั้งของการบินไทย เอทิฮัด อลิตาเลีย ลดความถี่เพิ่มราคาตั๋วโดยสาร สร้างผลกระทบต่อเนื่อง ต่างจากขณะนี้ การบินไทยเริ่มเพิ่มเที่ยวบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิลาน 4 เป็น 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ กาตาร์เพิ่มจากมิลาน เป็นวันละ 2 เที่ยว เป็นการสร้างโอกาสไทยให้ดีขึ้น และสตาร์คิปเปอร์เรือสำราญขาย สิงคโปร์เข้าภูเก็ต เป็นอีกช่องทางขาขึ้นของท่องเที่ยว รวมไปถึง ททท.หันมาบุกหนักการขายตลาดนักท่องเที่ยวหรูหรา Luxury ทำให้จำนวนและรายได้ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ดีขึ้นอย่างมาก
ส่วนสเปนและยุโรปทางตอนใต้แม้จะไม่มีเที่ยวบินตรง ก็ยังสามารถบริหารจัดการให้ตลาดเติบโตตามเป้าก็ยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี
แต่ปัญหาความท้าทายปีนี้คือการเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ first visit เติบโตน้อยต้องการจะกระตุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า แตกต่างกลุ่มเก่าเที่ยวซ้ำ re-visit จะมีสินค้าใหม่ไปเสนอคือ การท่องเที่ยวเมืองรอง โดยจะใช้กลยุทธ์สร้างการรับรู้เมืองรอง โดยขายพ่วงผ่านแคมเปญ Promotion for Vacation ผ่านการสนับสนุนบริษัทตัวแทนนำเที่ยวทำหน้าที่ขายในยุโรปกระจายเส้นทางเข้ามายังไทย รวมทั้งจะเจาะเมืองรองในยุโรป อย่างสหราชอาณาจักร มี ไอเดนเบอระ แมนเชสเตอร์ จะดึงมาเป็นลูกค้าใหม่มาไทย และต้องเข้าไปเปลี่ยน mindset ของนักท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กันถึงความเข้าใจว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเชิงปริมาณ mass tourism นั้นไม่ใช่ทั้งหมดยังมีอีกหลายจังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะ เงียบสงบ สามารถมาท่องเที่ยวได้
สำหรับการเข้าร่วมมหกรรมแลกเปลี่ยนการขายในงาน International Travel Berlin 2018 ระหว่าง 8-10 มีนาคม นี้ ที่กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมันี ททท.เตรียมโจทก์ต่าง ๆ ไปทำความเข้าใจกับคู่ค้าทั่วโลก โดยจะเปิดตัว Open to the New Shades พร้อมกับนำชุมชนของไทยไปดูสถานการณ์จริง นำสินค้าเมืองรองไปประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ เป็นเวทีสำคัญที่จะเร่งทำ
แต่ ททท.สำนักงานยุโรปทุกแห่งก็เร่งทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อส่งข้อมูลปูพรมสร้างการรับรู้อย่างแพร่หลาย ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2561
อีกทั้งในงาน ITB 2018 ครั้งนี้จะร่วมกับ ลุฟฮันซ่า ซิตี้ เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ประกอบการนำเที่ยวรายใหญ่กระจายทั่วยุโรป และเป็นธุรกิจในเครือสายการบินลุฟฮันซ่า ของเยอรมัน นำสมาชิกเข้ามาร่วมทำ Mini Mart จัดพื้นที่เฉพาะเพื่อจับคู่ระหว่างสมาชิกของลุฟท์ฮันซ่า เซ็นเตอร์ ซิตี้ กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย โดยททท.สำนักงานยุโรปทั้งหมด คัดเลือกบริษัทนำเที่ยวยุโรปที่ยังไม่เคยมาเมืองไทยเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลในเวทีดังกล่าวด้วย
สำหรับการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ททท.จะต้องโหมการเปลี่ยน mindset สร้างการรับรู้ประเทศไทยในมุมมองใหม่ อย่าง สหราชอาณาจักร กำลังสร้างแคมเปญการรับรู้ ข้อมูล สินค้าใหม่ ในมุมที่ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีพื้นที่เที่ยวเฉพาะไม่ใช่เน้นเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว หรือการเตรียมบุกพื้นที่ใหม่ในยุโรปตะวันออก มี ททท.ปร๊าก ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่
ปัจจุบัน ททท.ต้องการเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ให้ได้ถึง 50 % จากปัจจุบัน 30 % เพราะไทยยังมีลูกค้าเก่าอยู่มากถึง 70 % นับจากนี้ไปจะต้องบริหารความเสี่ยงกรณีถ้าลูกค้าเก่าเกิดชะลอการเดินทางลง แต่ก็ยังต้องคัดสรรสินค้าใหม่ไปขายนักท่องเที่ยวกลุ่มเก่าตามเมืองใหม่ เรื่องใหม่ ส่วนกลุ่มใหม่จะขายในมุมไฮเอนด์หรูมากขึ้น เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้าประเทศ เช่น กระบี่ ภูเก็ต และหลายพื้นที่ นำโปรดักซ์ใหม่ขายลูกค้าเก่าและโปรดักซ์เก่าขายลูกค้าใหม่ในมุมที่ไม่ใช่เชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว
การสร้างการรับรู้ปูพรมตลาดยุโรปต้องพุ่งเป้าทำโฆษณาให้คุ้มค่าเงินไม่เน้นการหว่าน โดยพ่วงพันธมิตรเพื่อให้เกิดการขายได้จริง ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์และจัดอีเวนต์ เชื่อมโยง Thai Authentic City สามารถใช้วิถีการกินกับวิถีไทยสามารถนำ “อาหารไทย” เป็นสะพานเชื่อมการดึงนักท่องเที่ยวได้ จึงจะทำแคมเปญ EAT THAI : GO THAILAND กระจายทำทั่วยุโรป ขณะนี้เริ่มทำไปบ้างแล้ว โดยดึงร้านอาหารไทยในต่างแดนร่วมแคมเปญนี้ จัดดารา เซลิบริตี้ เชฟ นำอาหารไทยเป็นสะพานเชื่อมมายังเมืองไทยด้วย ผนวกกับการเชื่อม “วิถีไทย” ซึ่งจะขยายการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและเมืองรอง ซึ่งเป็นความเป็นไทยที่ขายได้
ส่วนการบุกนำชุมชนกับเมืองรองเข้าสู่ตลาดทั้ง 4 ทวีป ต้องสร้างความชัดเจนการโปรโมตเส้นทางขายท่องเที่ยว ด้วยการคัดเลือกชุมชนมาอย่างดี เช่น ภูเก็ตเชื่อมพังงา ตอนนี้ทางภูมิภาคยุโรปได้เลือกลงพื้นที่เวิร์คช็อปกับชุมหลักชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางชุมชนเองก็แสดงอัตลักษณ์ความต้องการชัดเจน ทั้งเรื่อง ขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละครั้งไม่เกินกี่คน และต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ยึดหลักปฎิบัติตามเงื่อนไขของชุมชน เช่น ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ ระบุรับนักท่องเที่ยวได้ครั้งละไม่เกิน 50 คน และต้องเคารพกฎ 5 ส. คือ สุกร สุรา สายเดียว สิ่งเสพติด สะอาด เป็นชุมชนที่มีความแข็งแรงและเข้าใจวิถีชีวิตหลักทำอาชีพการเกษตร ส่วนอาชีพเสริมคือการท่องเที่ยว
ดังนั้นชุมชนที่ ททท.เลือกมานำเสนอขายในตลาดยุโรป จะมีความโดดเด่นถึงการทำท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมและไม่ได้เปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อการท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวปรับตัวตามวิถีชีวิตในพื้นที่นั้น ๆ รวมทั้งควบคุมได้เรื่องปริมาณนักท่องเที่ยว และการรู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ โดยหลักการขาย ททท.ยังคงแนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางกับบริษัทนำเที่ยวซึ่งมีความพร้อมด้านข้อมูล ไกด์ และอื่น ๆ ยกเว้นบางชุมชนมีความพร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระก็สามารถทำได้ตามความสามารถของชุมชนนั้น ๆ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ดันMusicPowerปั้นเด็กดึงทัวร์โลกปี61”
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าในฐานะผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวครบวงจรของเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในปี 2561 พร้อมเดินหน้าพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์เพื่อสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม (Corporation Social Responsibility : CSR) ปีที่ 2 ด้วยโครงการ “King Power Thai Power พลังคนไทย” วางกลยุทธ์พุ่งเป้าสร้างรากฐานให้แก่เยาวชนไทยได้รับโอกาสดี ๆ จากกิจกรรมดนตรีและกีฬาเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป
จัดทำโครงการ Power Music บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จับมือกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทำกิจกรรม “ประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 : Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC” เปิดแข่งขันรุ่นไม่จำกัดอายุ เพื่อกระตุ้นบรรยากาศทางด้านศิลปวัฒนธรรมดนตรี ส่งเสริมให้เยาวชนกับคนไทยทั่วไปใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ห่างไกลยาเสพติดและยกระดับประเทศไทยเข้าสู่เวทีนานาชาติ
โดยมีรางวัลการแข่งขันกระตุ้นความสนใจมูลค่ารวมกว่า 4.33 ล้านบาท ประการสำคัญยังวางแผนใช้โครงการแข่งขันดนตรีครั้งนี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 15,000 คน
ล่าสุดกลุ่มคิง เพาเวอร์ เปิดเวทีให้นักดนตรีทุกวัยลงชิงชัยกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2561 ให้แต่ละวงนำเสนอผลงานความสามารถผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เฟชบุ๊คไลฟ์ facebook : Kingpower Thai Power พลังคนไทย จากนั้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบรอบคัดเลือก ประกอบด้วย 4 รุ่น จำนวน 66 วง ได้แก่ 1.คลาสสิก เอ 12 วง 2. คลาสสิก บี 12 วง 3.คลาสสิก ซี 21 วง และ 4.คลาสสิก ดี 21 วง
กำหนดชี้ชะตากันอีกครั้งใน “รอบรองชนะเลิศ” ระหว่างวันที่ 19-22 มีนาคม 2561 แต่ละวันจะนำดุริยางค์เครื่องเป่าฝีมือดีมาแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ตลอด 4 วัน แต่ละรุ่นจะต้องเข้ามาจับสลากเลือกเวลาทำการแสดงช่วงเวลา 09.00-17.00 น. ณ อาคารมหิดลสิทธาคารมหาวิทยาลัยมหดิล
เริ่มวันแรก 19 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก ดี 21 วง วันที่สอง 20 มีนาคม 2561 รุ่น คลาสสิก ซี 21 วง วันที่สาม 21 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก บี 12 วง และวันที่สี่ 22 มีนาคม 2561 รุ่นคลาสสิก เอ 12 วง
จากนั้นวันที่ 24 มีนาคม 2561 ร่วมลุ้นกันต่อใน “รอบชิงชนะเลิศ” คัดทีมผ่านรอบรองชนะเลิศทั้ง 4 รุ่น ลงสนามขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งวัน ณ อาคารมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นคลาสสิก เอ จะคัดเหลือเพียง 5 วง แข่งขันช่วง 16.30-19.30 น. รุ่นคลาสสิก บี เหลือ 5 วง แข่งขันช่วง 13.00-16.30 น. และรุ่นคลาสสิก ซี กับ คลาสสิก ดี จะเหลือรุ่นละ 5 วงเช่นกัน แข่งขันช่วง 09.00-12.00 น.
ไฮไลต์สำคัญในวันที่ 25 มีนาคม 2561 ผู้คว้าแชมป์การแข่งขัน Music Power -King Power Thai Power พลังคนไทย” รายการ Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC” คือ วงดนตรีผู้ชนะเลิศการแข่งขันจะได้รับเกียรติให้ยกทีมมาจัดแสดงให้ผู้ชมทั้งคนไทยและนานาชาติได้ชมอย่างตระการตาที่ “โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์” คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ
สำหรับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้จัดประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 : Thailand International Wind Symphony Compettition 2018 -TIWSC ก็เพื่อเปิดโอกาสให้วงดุริยางค์เครื่องเป่าของไทยและทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมการประกวดโดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเอเชียเท่านั้น แต่ต้องการสร้างเวทีและโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพและการฝึกฝนทักษะการเล่นดนตรีแบบรวมวงผ่านการประกวดในประเทศไทยพัฒนาตนเองสู่ระดับนานาชาติต่อไป
เหตุผลสำคัญที่สุดในการจัดประกวดครั้งนี้คือ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงเป็นดุริยกวี เป็นอัครศิลปิน ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยและชาวโลก และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยแต่ละวงจะบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพลงประจำชาติ และเลือกเพลงอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายขาดดุลปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ในการส่งทีมดุริยางค์ไทยไปร่วมประกวดเครื่องเป่านานาชาติทั้งที่ เกาหลี แคนาดา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ อเมริกา ฮ่องกง และอื่น ๆ การนำกลับมาจัดในไทยจะเกิดประโยชน์โดยตรงกับประเทศในระยะยาว
ข่าวที่ 2 “ททท.โหมงานเที่ยวเทศกาลไร่องุ่นเสาร์ที่10มี.ค.นี้”
นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า จับมือกับ ไร่องุ่นวิลเลจฟาร์ม แอนด์ไวน์เนอรี่ อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา สนับสนุนการประชาสัมพันธ์การจัดเทศกาลแห่งความสุข “เทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นไวน์ ประจำปี 2561” Village Farm’s Night Harvest Festival of 2018 is here คืนวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 เวลา 19.00 น. ณ ไร่ใหญ่วิลเลจฟาร์ม อำเภอวังน้ำเขียว งานเริ่มด้วยบรรยากาศแห่งความสวยงามท่ามกลางความกว้างใหญ่ของไร่องุ่นไวน์วิลเลจฟาร์มแหล่งปลูกองุ่นสายพันธุ์ดี โอบล้อมด้วยวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม และดื่มด่ำกับอาหารชั้นเลิศจากกุ๊กฝีมือเยี่ยม ไวน์กลิ่นหอมรสชาติดี ท่ามกลางบทเพลงที่กล่อมบรรเลง และกิจกรรมมากมาย
มีกิจกรรมความหลากหลายที่จะชวนนักท่องเที่ยวไปสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์และเรียนรู้ไปกับเส้นทางของต้นองุ่น ซึ่งเป็นความภูมิใจของท้องถิ่น ชื่นชมความสวยงามในช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นไวน์ ร่วมกิจกรรมขั้นตอนความเป็นมาของต้นองุ่น รับประทานอาหารเย็นกับเมนูสไตล์ตะวันตกและผักปลอดสารพิษที่สดและอร่อย การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์จากต้นองุ่น โดยซื้อบัตรได้ที่วิลเลจฟาร์ม โทรศัพท์ 0 4422 8407-8, 08 1877 3711
รวมทั้งเดินทางท่องเที่ยวชมธรรมชาติทั่ววังน้ำเขียวอย่างหลากหลาย ทั้งผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน แปลงผักปลอดสารพิษ สวนลุงไกร สวนลุงโชคและสวนลุงอินทร์ การเก็บเห็ดหอม วังน้ำเขียวฟาร์ม ชิมพุทรานมสด แหนมเห็ดหอมร้านแม่ตุ้ย ไหว้ขอพรองค์หลวงพ่อคูณสีทองคำสุดยิ่งใหญ่ ณ วัดบุไผ่ ปากทาง เข้าตำบลไทยสามัคคี
ข่าวที่ 3 “บางจากแจกแต้ม8เท่าเติมไฮพรีเมียมดีเซลเอสทั่วไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ระหว่างวันนี้-30 เมษายน 2561 เมื่อเติมบางจาก Hi-Premium Diesel S ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่จำหน่าย Hi-Premium Diesel S ทั่วประเทศ สมาชิกบางจากดีเซลคลับรับไปเลยคะแนนสะสม 8 เท่า
โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อขอบคุณผู้บริโภคที่ให้การตอบรับนวัตกรรมความแรง ระดับพรีเมียมของน้ำมันบางจาก Hi-Premium Diesel S ที่มีค่าซีเทนสูงสุดถึง 70 พร้อมมาตรฐาน EURO 5 ค่ากำมะถัน ต่ำสุด ดีต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้งาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bcpgreenclub.com หรือ call center 1651
ข่าวที่ 4 “สนามบินเชียงใหม่ทำ2แผนเร่งด่วนแก้ผู้โดยสารคับคั่ง”
นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.-AOT เปิดเผยว่า วางแผนแก้ปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร ระหว่างรอการดำเนินงานตามแผนแม่บทปี 2560 - 2568 แต่ขณะนี้สนามบินมีขีดความสามารรองรับผู้โดยสารปีละ 8 ล้านคน และปริมาณผู้โดยสารเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ12% ทำให้ปี 2560 (มกราคม - ธันวาคม 2560) มีจำนวนผู้โดยสารกว่า 10.2 ล้านคน มีปริมาณจราจรทางอากาศของเครื่องบินพาณิชย์ใช้บริการขึ้น-ลง 71,994 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 4.03% ซึ่งเกินขีดความสามารถการรองรับของสนามบิน
ดังนั้น ทอท.จึงต้องกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น และระยะกลาง 2 กลุ่มงานหลัก 17 งานย่อย
กลุ่มงานแรก แก้ไขปัญหาเร่งด่วนระยะสั้น เริ่มเดือนเมษายน 2561 รวม 6 งานย่อย คือ 1. ปรับปรุงป้ายบอกทางเพื่อปรับเปลี่ยนการเข้า-ออก ของผู้โดยสาร 2. เพิ่มพื้นที่บริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ด้วยการรื้อย้ายสวนหย่อม 3.จัดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นให้เพียงพอกับจำนวนเครื่อง X-ray 4. เพิ่มช่องทางเข้าอาคาร บริเวณประตูหมายเลข 6 เพื่อเป็นช่องทางของเจ้าหน้าที่และสำหรับขนถ่ายสินค้า 5. เพิ่มเคาน์เตอร์สำหรับผู้โดยสาร Self Check-in อีก 3 เคาน์เตอร์ 6. ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้องสัมภาษณ์พิเศษสำหรับด่านควบคุมโรคและด่านจัดหางาน
กลุ่มงานที่ 2 แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ระยะกลาง เริ่มปี 2562 รวม 11 งานย่อย 1. ปรับปรุงทางสัญจร และเพิ่มพื้นที่ผิวการจราจรบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร 2. ปรับปรุงเพิ่มทางลาดบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร 3.ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้อง Bus Gate สำหรับอากาศยานขนาดเล็ก 4. ปรับปรุงพื้นที่บริเวณจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ 5. จัดทำห้องตรวจตัวพิเศษ บริเวณเครื่อง X-ray ให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย
6.ก่อสร้างที่จอดรถบัสเพิ่มเติม บริเวณด้านทิศใต้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 7. ก่อสร้างลานวางอุปกรณ์ภาคพื้น (GSE: Ground Service Equipment) 8. ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 2 เป็นห้องโถงผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ 9. ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 3 อาคารผู้โดยสารเป็นพื้นที่สำนักงาน 10. ก่อสร้างอาคารดับเพลิงและกู้ภัย
11. ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ด้านทิศเหนือ สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่จอดรถ โดยดำเนินการในรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
นาวาอากาศตรี มณธนิก กล่าวว่า ระหว่างมกราคม - ธันวาคม 2560 เชียงใหม่มีเครื่องบินพาณิชย์ขึ้น-ลง 71,994 เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.03% จากปี 2559 มี 8 สายการบินภายในประเทศ ย ทำการบิน 13 เส้นทาง และ 26 สายการบินระหว่างประเทศ ทำการบินใน 23 เส้นทาง เฉลี่ยวันละ 221 เที่ยว รวมแล้วมีผู้โดยสารผ่านเข้าออกตลอดทั้งปี 10.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.30%
ช่วงที่ 2 ชวนกันไปฟินสุด ๆ ที่ “หาดนาจอมเทียน สัตหีบ” ชลบุรี เลาะทะเลดื่มด่ำบรรยากาศ แล้วต้องห้ามพลาดเลือกร้านอาหารและเครื่องดื่มเทรนด์ใหม่เก๋ไก๋ สไตล์ชิค ๆ กับเมนูคาวหวานอร่อยลิ้นทุกร้าน จากนั้นต้องดูแลสุขภาพกับ
@ฟินกินเที่ยวหาดนาจอมเทียนเลียบหาดยาว5กม.
ไปทะเลกันดีกว่า ชายหาด “นาจอมเทียน สัตหีบ” ความสงบแห่งอยู่ห่างจากเมืองพัทยาเพียง 4 กิโลเมตร มีชายหาดทอดยาวถึง 4 กิโลเมตร บรรยากาศจากแสงสีทองฉาบก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ช่างเป็นภาพแสนฟินสวยสุด ๆ ยามเช้าและบ่ายจะมีนักท่องเที่ยวไปเล่นกีฬาทางน้ำกันอย่างคึกคัก รอบพื้นที่ก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ ดีไซน์เก๋ ๆ ให้เลือกรับประทานได้ตามไลฟ์สไตล์ของทุกคน แต่ละร้านจะเปิดช่วง 11.00-24.00 น.
เริ่มจากต้นหาดนาจอมเทียน ที่ร้าน “The Glass House” ออกแบบโอ่โถงเหมาะกับการจัดปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงและพาครอบครัวไปกินอาหารอร่อยวิวทะเล ทุกมื้อเชฟจะพิถีพิถันคัดวัตถุดิบทะเลสดมาปรุงอาหารรสจัดจ้าน จานเด็ดก็ต้อง เมี่ยงปลากะพงทอด สลัดปูนิ่ม กุ้งกลาสเฮาส์ ตบท้ายด้วยของหวาน ช็อกโกแลต ฟอนแด๊นท์ สนนราคาอาหารจานละ 380-590 บาท โทร.038-255-922 fb : TheGlassHousePattaya
ที่ไม่ธรรมดาอีกร้านคือ “ViewMare Pattaya” อยู่ซอยนาจอมเทียน 14 ทั้งชีลและโรแมนติก ด้วยไอเย็นจากน้ำทะเลกับคลื่นน้ำประกยายระยับจากแสงอาทิตย์ บวกกับชายหาดที่สะอาด น้ำใส ทรายนุ่ม หนุนส่งให้ร้านนี้มีบรรยากาศน่านั่งสบาย ๆ ไปพร้อมกับสั่งอาหารจานอร่อยมาชิมอย่าง แกงส้มผักรวมกุ้ง ปลากะพงทอดสมุนไพร ไข่ตุ๋นทะเล ข้าวอบสับปะรด โทร.038-255-678 fb :viewmare
ส่วนร้านที่มีระเบียงยื่นออกไปใกล้ชิดทะเลต้องที่ “ ริมผา ลาพิณ” นาจอมเทียน 36 กม.160 บ้านอำเภอ ต้งอยู่ติดทะเลบริเวณริมผามีเทอเรซเล่นระดับตามความลาดชันของหน้าผามองเห็นวิวโค้งตลอดแนวหาดจอมเทียน พร้อมกับเมนูชิค ๆ กลิ่นอายทะเลที่ต้องสั่งคือ กุ้งผัดพริกเกลือ ยำเรือล่ม ห่อหมกทะเล และ ปลากะพงทรงเครื่อง สนนราคาจานละ 250-450 บาท โทร.038-235-515, fb :rimpalapinpattaya
“ครัวคุณแม่ (บ้านอำเภอ)” หมู่ 9 นาจอมเทียน ก็เป็นอีกร้านที่มีชื่อเสียงโดดเด่นมายาวนาน เคยอยู่ในโอเชียน มารีน่า ตอนนี้ย้ายออกมาเปิดบริการด้านนอกติดถนนสุขุมวิท พื้นที่โอ่โถง เสิร์ฟจานฮ็อตในราคาย่อมเยา เริ่มจานละ 70-150 บาทคือ หมึกไข่ผัดเค็ม ข้าวผัดครัวคุณแม่ ปีกไก่ทอด ส้มตำไทย เปิดแต่เช้าตั้งแต่ 8 โมง ถึง 3 ทุ่ม โทร.038-237-344
สำหรับร้านกาแฟและของหวานหน้าตาดี รสชาติถูกปากนักท่องเที่ยว ต้องที่นี่ “4ourty Ei8ht Cafe” อยู่ตรง กม.161 นาจอมเทียน เป็นแบบสไตล์ลอฟท์ ให้ความอบอุ่น น่านั่ง ตัวร้านทำจากตู้คอนเทนเนอร์สีดำตัดกับสีสดใสของเฟอร์นิเจอ์และของตกแต่งร้านอื่น ๆ ออกแบบโซนให้เลือกนั่งได้ทั้ง In & Out Door สามารถแวะไปย้อนวัยน่ารัก ๆ พร้อมกับกินของอร่อยกันได้ทั้ง 48 Warm Bread แบบฟูลเซ็ตเพียง 55 บาท สตอร์เบอรี่ วนิลา แฟรบเป้ 70 บาท แพสชั่นฟรุ้ต สมูตตี้ 70 บาท และ ช็อคโค บานาน่า แฟร็บเป้ ก็แค่ 70 บาทเช่นกัน อีกทั้งมีเค้กให้เลือกสารพัดรสด้วย โทร.096-882-4068 fb : 4OURTY EI8HT
หลบความวุ่นวายในเมืองกรุง และชายหาดพัทยา ไปพักผ่อนคลายสมองกันได้ที่ หาดนาจอมเทียน สัตหีบ อีกมุมชายหาดอ่าวไทยทอดยาว เต็มไปด้วยของอร่อย ๆ ทั้งคาวและหวาน แถมสนนราคาสบายกระเป๋า และได้ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
@วิธีรักษาอาการหวัดช่วงสภาพอากาศแปรปรวน
มีข้อแนะนำดี ๆ มาฝาก ถ้าแน่ใจว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เราอาจใช้การรักษาตัวเอง ดังนี้
พักผ่อนให้มากขึ้น อย่าอาบน้ำเย็น ควรดื่มน้ำมากๆ (อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำส้มคั้น น้ำผลไม้ ก็ได้)
ถ้าเบื่ออาหารให้กินน้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำข้าวต้ม ทีละน้อย แต่บ่อยๆ
กินยาลดไข้ เช่น แอสไพริน หรือพาราเซตามอล ครั้งละ 1-2 เม็ด (เด็กใช้พาราเซตามอล ชนิดน้ำเชื่อมครั้งละ ครึ่ง-2 ช้อนชาตามอายุ) ถ้ายังมีไข้ให้กินซ้ำได้ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง
ถ้ามีอาการชวนสงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก อย่ากินยาแอสไพริน ควรใช้ยาพาราเซตามอล แทน
การรักษาเพียง 3 ข้อนี้ ก็เพียงพอสำหรับไข้หวัดและโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่นๆ และอาการไข้ควรจะลดลงภายใน 3-4 วัน ส่วนยาอื่นๆ ไม่ค่อยมีความจำเป็นในการรักษาไข้หวัด
ในเด็กเล็ก: ให้ยาแก้ไข้แก้หวัด ชนิดน้ำเชื่อม ในขวดเดียวมีตัวยาผสมกันทั้ง 2 อย่าง เช่น ยาแก้หวัดแก้ไอคลอริเอต ยาแก้หวัดแก้ไอไพร์ตอน เป็นต้น ให้กินครั้งละ ครึ่ง-1 ช้อนชา วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร เมื่ออาการดีขึ้นก็หยุดได้ หรือถ้ากินแล้วกลับมีอาการไอมากขึ้นก็ควรงดเสีย เพราะยานี้อาจทำให้เสลดในคอเหนียว ขับออกยาก ทำให้ไอมากขึ้นได้
สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่: ให้กินยาแก้แพ้ได้แก่ คลอร์เฟนิรามีน ครั้งละ ครึ่ง-1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง และยาแก้ไอน้ำดำ จิบครั้งละ ครึ่ง-1 ช้อนชาเวลาไอ ถ้ากินแล้วกลับไอมากขึ้นควรงดเช่นเดียวกัน
เมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ อาการตัวร้อนควรจะหายเป็นปกติ ภายใน 3-4 วัน (อย่างมากไม่เกิน 7 วัน) แต่อาจมีน้ำมูกหรือไอต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์ (บางคนอาจไอโครกเป็นเดือน) ถ้าอาการทั่วๆ ไปเป็นปกติดี กินได้น้ำหนักไม่ลด ก็ไม่ต้องตกใจ จะค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยชิงขายตั๋วถูกทัวร์ชมดนตรีVivadซิดนีย์”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั๋วโดยสารราคาสุดคุ้มให้บินในช่วงมหกรรมดนตรีระดับโลก "Vivid Sydney" เทศกาลแสดงแสงสี ดนตรี และความคิดสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 พ.ค. ถึง 16 มิ.ย. นี้ กับแคมเปญพิเศษ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยชาวไทย ด้วยตั๋วโดยสารราคา เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 11,905 บาท ออกบัตรโดยสารและเดินทางได้ตั้งแต่ วันนี้ - 30 มิ.ย. 2561
นักท่องเที่ยวชาวไทย ที่สนใจไปร่วมงาน "Vivid Sydney 2018 - Light, Music and Ideas" ที่ซิดนีย์ หรือไปท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ อย่าง เมลเบิร์น, บริสเบน, เพิร์ท ซื้อตั๋วราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 11,905 บาท ได้เหมือนกัน
เทศกาล "Vivid Sydney 2018 - Light, Music and Ideas" เปิดให้ชมฟรีตลอด 23 คืน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 พ.ค. ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย. 61 จะเนรมิตภูมิทัศน์ของนครซิดนีย์ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. ให้กลายเป็นผืนผ้าใบสร้างสรรค์สุดตระการตาสำหรับคนทุกเพศทุกวัยที่จะเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือบนอ่าวซิดนีย์ ให้เลือกเดินทางผ่านสถานที่ยอดนิยมอย่าง The Rocks หรือจาก Martin Place ไปยังสวนสาธารณะ Royal Botanic Garden Sydney แวะเยี่ยมชม Darling Harbour และ Barangaroo เพื่อชมโชว์น้ำพุที่จะเริงระบำไปพร้อมกับแสงเลเซอร์ ดนตรี และพลุแสนสวย หรือเยี่ยมชมสวนสัตว์ Taronga Zoo และ Chatswood พร้อมแสงสีเจิดจรัสสุดอลังการ
ช่าวที่สอง “คนไทยเตรียมเฮใช้ตั๋วร่วมรถสาธารณะมิ.ย.นี้”
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมมีมติการจัดทำระบบตั๋วร่วมรถสาธารณะเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ตามกรอบเวลาที่สามารถใช้ตั๋วได้ภายในปี 2561 คือ 1.ตั๋วรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ภายในมิถุนายน 2.รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน (แอร์พอร์ตเรลลิ้งก์) ภายในสิงหาคม 3.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายสีม่วง สีเขียว และสีน้ำเงิน ภายในพฤศจิกายน 2561
จากนั้นในระยะต่อไปจะสามารถใช้บริการระบบตั๋วร่วมได้ครอบคลุมทุกระบบการขนส่ง ได้แก่ ระบบทางพิเศษ เรือโดยสาร และรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ และสามารถใช้ซื้อสินค้าบริการแทนเงินสดจากร้านค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมด้วย
ระหว่างนี้กระทรวงคมนาคม เร่งเดินหน้าภารกิจหลักในโครงการจัดทำระบบตั๋วร่วมเชื่อมการเดินทางรถสาธารณะควบคู่กันไปด้วย คือ 1. การบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CCH) รฟม. อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการต่าง ๆ ในระบบตั๋วร่วม เพื่อจัดทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการในการบูรณาการการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะตามเป้าหมายที่กำหนด 2. การจัดทำร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... อยู่ระหว่างกระทรวงฯ เสนอร่าง พ.ร.บ.ฯ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามแนวทางการจัดทำ และเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข่าวที่สาม “สบพ.จับมือญี่ปุ่นทำหลักสูตรช่างการบินอินเตอร์”
พลเรือตรี ปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) กล่าวว่า ได้ลงนามความร่วมมือหรือเอ็มโอยูกับ Corporation (AGP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสนับสนุนงานด้านการบริการภาคพื้นในท่าอากาศยานของประเทศญี่ปุ่น มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมือง Tokyo เชี่ยวชาญด้านให้บริการอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้น และอุปกรณ์ในอาคารผู้โดยสาร มีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับสากล เช่น ระบบ Ground Support Equipment, Airport Facilities, Aircraft Ground Handling ซึ่งจะเข้ามาช่วยพัฒนาหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) ให้ สบพ. และจะจัดทำหลักสูตรร่วมกัน ครอบคลุมงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล โดยจะขอการรับรองมาตรฐานหลักสูตรภายใต้มาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ International Civil Aviation Organization (ICAO) ต่อไปด้วย
หลักสูตรที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือในครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสให้แก่นักศึกษา สบพ. และผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ให้สามารถเข้ามาศึกษาต่อในหลักสูตรช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Support Equipment) โดยมีระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปี ส่งผลให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรดังกล่าว มีความรู้ ความสามารถ ด้านการบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นในท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมการบินมากขึ้นอีกด้วย
รวมถึงโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศอู่ตะเภา ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor) รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ของไทยและภูมิภาคในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจการซ่อมบำรุงและการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล อาทิ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization - ICAO) คณะกรรมการและหน่วยงานความปลอดภัยการบินยุโรป (European Aviation Safety Agency -EASA) และสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ( Federal Aviation Administration - FAA)
ข่าวที่สี่ “ยกเครื่องบริการเฟอรี่สมุยรับท่องเที่ยวสงกรานต์ปีจอ”
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำ) กล่าวว่า ได้ประชุมกำหนดแนวทางการดำเนินการและเร่งรัดติดตามการแก้ไขให้บริการเรือเฟอร์รี่เกาะสมุย เพื่อทำพัฒนาปรับปรุงการให้บริการของผู้ประกอบการเรือเฟอร์รี่ระหว่างดอนสัก - เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยการกำหนดแนวทางการตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงการให้บริการด้านท่าเทียบเรือ อาทิ การออกตรวจและสำรวจท่าเทียบเรือเฟอร์รี่เกาะสมุย
โดยแบ่งคณะทำงานออกเป็น 2 ชุด ทำหน้าที่ตรวจสอบเรือเฟอร์รี่ ทั้งยังกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและแบบฟอร์มบันทึกผลเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2561 เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งปรับปรุงการบริการด้านคนประจำเรือ โดยจัดอบรมในวันที่ 14-15 มีนาคม 2561 ให้คนเรือมีความรู้และความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย ผู้ทำหน้าที่ให้บริการทุกด้านทั้งเรือ ท่าเรือ คนประจำเรือ จึงต้องเตรียมความพร้อมให้ได้มาตรฐาน
ติดตามฟังข่าวท่องเที่ยว การบิน คมนาคมขนส่ง ครบวงจร ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น