ททท.ถอดรหัสรายได้3เดือนสุดท้ายทัวร์ไทยใช้เงินเข้าเป้า1ล้านล้านบาท-เที่ยวSweet Rockเมืองจัทน์สวยหวานสุดๆ
ททท.ถอดรหัสรายได้3เดือนเข้าเป้า1ล้านล้าน
เพิ่มยาแรงกระตุ้นเที่ยวไทย 3กลุ่มใหญ่ปี’62
คิงเพาเวอร์ประกวดดนตรีอินเตอร์ชิง4.3ล้าน
ททท.บูมงานไหมรับ26ประเทศในเวทีPATA
บางจากจัดใหญ่เศรษฐกิจชีวภาพ27 พ.ย.นี้
TCEBดันPATAขอนแก่น-ไมซ์ชุมชนเชียงใหม่
ศูนย์ไม้ผลพระราชดำริต้นแบบเครือข่ายชุมชน
เที่ยวSweet Rockจันทบุรีผจญภัยสวยหวาน
เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่ช่วยลดสารพิษตกค้าง
เปิดเบื้องหลังศึกชิงประธานสภาฯท่องเที่ยว
บินไทยยกเลิกบางไฟลต์ภาคเหนือ31ธ.ค.นี้
บอร์ดทอท.ฟิตเดือนพ.ย.ประชุมถี่2ครั้งติด
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ตามไปฟัง “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถอดรหัสการเพิ่มรายได้ตลาดในประเทศโค้งสุดท้าย 3 เดือน ปี 2561 ต้องได้อีก 2 แสนล้านบาทเข้ามาเติม 9 เดือนแรกตุนไว้แล้ว 800,000 ล้านบาท ปี’62 ขยับฐานคนไทยใช้เงินเที่ยวสัดส่วนทะลุ 33 % ของทั้งหมด เล็ง 3 กลุ่ม “ครอบครัว-สูงวัย-สตรี” เที่ยวแหลก ตลุยแหลก 55 เมืองรอง คาด “วันธรรมดาน่าเที่ยว” จะใช้ยาแรงกระตุ้นสร้างเลือกใหม่กระจายการเดินทางทั่วไทย
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงโค้งสุดท้าย 3 เดือน ช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยวปลายปีนี้ พุ่งเป้าเพิ่มยอดรายได้จากตลาดคนไทย เพราะสถิติภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศ 9 เดือนแรกปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนคนและรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นเฉลี่ยเติบโตสูงขึ้น 9 % ทำรายได้เกิน 800,000 ล้านบาท ช่วงเวลาที่เหลือน่าจะทำได้อีก 200,000 ล้านบาท รวมแล้วเข้าเป้าที่ตั้งไว้ 1 ล้านล้านบาท
ดังนั้น ททท.จึงต้องโหมแคมเปญทุกรูปแบบ ทั้ง ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน การกระตุ้นท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีได้ จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างเม็ดเงินท่องเที่ยวในประเทศอีก 2 เดือนข้างหน้าทำได้ตามเป้าหมาย
ส่วนแผน ททท.ปี 2562 ได้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในประเทศให้ได้ถึง 33 % เพื่อสร้างสมดุลการพึ่งพารายได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังจะช่วยกระจายคนไทยเข้าไปท่องเที่ยว 55 เมืองรองด้วย เน้นการเจาะเซ็กเมนต์เฉพาะ ได้แก่ กลุ่มครอบครัว เดินทางวันหยุดต่อเนื่อง มีทั้งพ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย ป้าน้าอา ดัชนีชี้วัดคือได้แลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้บริหารค่ายรถยนต์ ระบุรถประเภทครอบครัวมียอดขายสูงมาก ททท.จึงจะเข้าไปขับเคลื่อนจัดทำโครงการ “คารานวานท่องเที่ยว”
นายธเนศวร์กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้ ททท.พร้อมใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดปลุกกระแสคนออกมาใช้เงินท่องเที่ยวฤดูหนาวในพื้นที่แนะนำ 55 เมืองรอง ขณะนี้ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจสถานการณ์ภาคเหนือ สภาพอากาศกำลังสบาย ในลำพูน เชียงใหม่ รวมทั้งได้ทดลองปั่นจักรยานท่องเที่ยว ซึ่งทั่วประเทศเตรียมร่วมปั่นช่วงงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ครั้งที่ 2 จะจุดประกายการปั่นจักรยานท่องเที่ยว หลายจังหวัดถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก แต่ละจังหวัดจะมีชมรมจักรยานมีความเข้มแข็งมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวรองในลำพูน มีสมาชิกชมรมจักรยานรวมตัวกันได้กว่า 600 คัน
วันที่ 9 ธันวาคม 2561 จัดเป็นวันที่จะมีการปั่นจักรยานระดับชาติเกิดขึ้นนั้นกับงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว แต่ละจังหวัดได้กำหนดเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวออกมาแล้วเช่นกัน ททท.จะได้ถือจังหวะนี้เปิดเส้นทางปั่นท่องเที่ยวเพื่อปูพรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเทรนด์มีส่วนร่วมรับผิดชอบ น่าจะใช้จักรยานเสริมแคมเปญดังกล่าว ซึ่งสามารถนำนักท่องเที่ยวสัมผัสชีวิตคนท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังประหยัดพลังงาน
ส่วนแผนสื่อสารการตลาดท่องเที่ยวช่วง 2 เดือนสุดท้าย ก็จะต้องรุกหนักให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษี โดยยังคงใช้แพกเกจ 4 มหามิตร ททท. การบินไทย ธนาคารกรุงไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันทำ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” เป็นหัวหอกดึงรายได้เพิ่มขึ้น
วางกลยุทธ์บุกเจาะตลาดในประเทศ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มแรก ครอบครัว ซึ่งมีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางพร้อมกันได้ครั้งละหลาย ๆ คน จะช่วยเพิ่มรายได้กระจายสู่เมืองรองและท้องถิ่นทั่วไทยได้
กลุ่มที่ 2 “ผู้สูงอายุ” หรือ Silver Age เพิ่งเกษียน ถึงแม้อายุ 60-70 ปี สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้สบาย ๆ ทั้งสุขภาพดีแข็งแรง ไม่มีห่วงเรื่องเวลา และเดินทางได้อย่างสบายใจ สามารถไปยังชุมชนหมู่บ้านหัตถกรรม จับจ่ายได้เต็มที่
กลุ่มที่ 3 กลุ่มนักท่องเที่ยวสตรี Lady Traveller มีหลากหลายวัย หากเป็นวัยรุ่นก็จะไปกับเพื่อนฝูงเป็นกลุ่ม 3-5 คน นิยมเลือกรับประทานอาหารตามร้านเก๋ ๆ หรือชอบช็อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง หมวก กระเป๋า สินค้าโอท็อปนวัตวิถีกำลังตีตลาดมาแรง
นักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่ม คือตลาดศักยภาพสูง สามารถที่จะกระจายเพิ่มส่วนแบ่งตลาด “การท่องเที่ยววันธรรมดา” เหมาะสุดคือกลุ่มสูงอายุ ไม่ต้องทำงานมีฐานะทางการเงินมั่นคง ข้อได้เปรียบคือระหว่างการท่องเที่ยวไม่ต้องแย่งกันกินกันใช้เหมือนเที่ยวช่วงวันหยุด
ททท.จะใส่แรงจูงใจในการสร้างสรรค์การผลิตสื่อ โดยจะเลือก “พรีเซ็นเตอร์สูงวัย” ออกมาเดินทางท่องเที่ยว จะเห็นได้จากพัฒนาการ “เที่ยวไทยเท่” ที่จะมีคลิปชวนเที่ยวเก๋ ๆ ออกมากระตุ้นการเดินทาง
ส่วนแพกเกจท่องเที่ยวหน้าหนาวช่วงปลายปีระหว่างส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะนี้ภาคเหนือตามเมืองรอง เช่น ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ ห้องพักเริ่มมียอดจองหนาแน่น หรือเมืองท่องเที่ยวรองอีกหลายภาค นักท่องเที่ยวจะต้องรีบเข้าไปจองที่พักกันแล้ว เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและการเดินทางกลับบ้าน และอาจมีการพาเพื่อนไปเยี่ยมเยือนด้วย
นายธเนศวร์กล่าวว่า ททท.มั่นใจปลายปีนี้คนจะออกมาท่องเที่ยวฤดูหนาวเติบโตสูงกว่าทุกปี ด้วยแม่เหล็กสำคัญอย่างการเปิดบริการของกลุ่มสตาร์ต อัพ ทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ เก๋ โรงแรมบูติกโฮเต็ล มีให้เลือกเป็นดอกเห็ดทำให้การท่องเที่ยวต่างจังหวัดคึกคัก อีกทั้งยังได้พลังของโซเชียล มีเดีย เข้ามาเสริมทัพ จะยิ่งทำให้ปลายปี 2561 การท่องเที่ยวในประเทศจะทำให้เม็ดเงินท่องเที่ยวกระจายสะพัดสู่เศรษฐกิจของทั้งประเทศอย่างแน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์จัดประกวดดุริยางค์ดนตรีชิง4.3ล้านบาท”
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ ได้เดินหน้าโครงการเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ต่อยอดโครงการด้านดนตรี - MUSIC POWER จัดการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ ประจำปี 2562 ปีที่ 2 โดยได้รับความร่วมมือจาก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเวทีให้เยาวชนและคนไทยได้แสดงความสามารถด้านดนตรีบนเวทีระดับนานาชาติ รวมทั้งยังมีถ้วยรางวัลและเงินรางวัลรวมมูลค่า 4,330,000 บาท
ล่าสุดร่วมกับ ศาสตราจารย์ นพ.บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล อาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะกรรมการจัดการประกวด แนะนำการเข้าร่วมโครงการประกวดดังกล่าว ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การจัดประกวดดนตรีเครื่องเป่านานาชาติปีแรก 2560 ประสบความสำเร็จอย่างสูง นานาชาติและประชาชนทั่วไปให้การยอมรับสูงมาก มีโรงเรียนต่าง ๆ สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก และมีนานาประเทศลงแข่งด้วย เช่น ฮ่องกง สเปน สวิตเซอร์แลนด์
สำหรับ ปี 2562 ได้เปิดแข่งขันรุ่นไม่จำกัดอายุ ให้โอกาสบุคคลทั่วไปได้โชว์ฝีมือ พร้อมยกระดับให้วงดุริยางค์เครื่องเป่าไทยได้เข้าร่วมประกวดในระดับนานาชาติมากขึ้น กระตุ้นบรรยากาศทางด้านศิลปวัฒนธรรมดนตรี ส่งเสริมให้เยาวชนไทยและบุคคลทั่วไปได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ คาดจะมีจำนวนวงเข้าประกวดมากกว่าปีก่อนทั้งวงจากในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเวทีเดียวในแถบอาเซียนที่เปิดรุ่นสำหรับประชาชนทั่วไป ในการแข่งขันแบบเครื่องลม
ประการสำคัญที่สุดในการประกวดครั้งนี้ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยและชาวโลก ซึ่งแต่ละวงจะต้องบรรเลงเพลงบังคับที่ทางผู้จัดการประกวดได้ระบุไว้ เพื่อเป็นมาตราฐานในเรื่องของเทคนิคการบรรเลง และได้แสดงถึงศักยภาพ คุณภาพ ของวงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องบรรเลง เพลงประจำชาติ และเพลงเลือกอื่นๆ อีกด้วย
สำหรับการสมัครเข้าประกวดโครงการนี้ เริ่มตั้งแต่วันนี้แล้วจะปิดรับสมัคร วันที่ 29 มกราคม 2562 เวลา 17.00 น. สมัครประกวดได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/tiwsc โทร.02-800 2525 ต่อ 3107 ,3109, 3117
รอบคัดเลือก จะพิจารณาผลงานที่ส่งเข้ามาแข่งขัน วันที่ 12 – 13 กุมภาพันธ์ 2562แล้วประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ทาง www.music.mahidol.ac.th/tiwsc และ Facebook : King Power Thai Power พลังคนไทย ประกอบด้วย รุ่น Class A และรุ่น Class B รุ่นละ 10 วง และรุ่น Class C รุ่น Class D รุ่นละ 16 วง
รอบรองชนะเลิศ วันที่ 1 – 4 เมษายน 2562 เปิดหอแสดงดนตรีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลคัดเลือก
รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 6 เมษายน 2562 เปิดพื้นที่ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล คัดทุกรุ่นให้เลืออย่างละ 5 วง
ข่าวที่ 2 “ททท.บูมงานไหมขอนแก่นพ่วงขายPATA/เมืองรอง”
นางสาวศิริวรรณ สีหาราช ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับจังหวัดขอนแก่นและหน่วยงานต่าง ๆ จัดเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2561 ระหว่าง 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ขอนแก่นเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมระดับนานาชาติ PATA Destination Marketing Forum 2018 ในระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน นี้ เจ้าของงานคือสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Pacific Asia Travel Association-PATA) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำต่างชาติจาก 26 ประเทศ เข้าร่วมการประชุมกว่า 200 คน ซึ่งสามารถผนวก 2 งานนี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงคนเข้าสู่เมืองหลักขอนแก่น เชื่อมโยงไปยังเมืองรอง ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่
โดยกลุ่มสารสนเทศการตลาด ททท. ได้ร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยทำ Mobile Application “Trippointz” นำเสนอข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางการท่องเที่ยว ข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ผ่านระบบจองบัตรโดยสาร ที่พักต่างๆ และใช้กิจกรรมรับแต้มสะสมแล้วนำคะแนนสะสมไปแลกรับของที่ระลึก หรือตั๋วบินฟรี สร้างความคึกคักทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักเมืองท่องเที่ยวหลักและรองมากขึ้น
การจัดงานปีนี้มีความพิเศษเรื่องขอนแก่นได้ประกาศลายผ้าไหมประจำจังหวัดลาย “แคนแก่นคูน” (KAN KAEN KOON) โดยรวบรวมลายผ้าทั้งหมดมาสร้างสีสันตามความหมายโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ 7 ลาย ได้แก่ ลายแคน- สัญลักษณ์แทนความเจริญและสนุกสนาน “ลายดอกคูณ”- ดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น “ลายพานบายศรี”-มิตรภาพ ประเพณีการผูกเสี่ยว “ลายขอ” -ความอุดมสมบูรณ์ของขอนแก่น “ลายโคม”-ภูมิปัญญา วัฒนธรรมของชาวขอนแก่น “ลายกง”-อาณาเขตที่ได้รับการรักษาให้มั่นคง ปลอดภัย “ลายหมากจับ”-ความรัก ความสามัคคี ของชาวขอนแก่น
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดสัมมนาเปิดมุมใหม่เศรษฐกิจชีวภาพ”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมเปิดสำนักงานใหญ่ จัดสัมมนา "BIO ECONOMY อนาคตใหม่...สู่ความยั่งยืน" ต้อนรับเทรนด์เศรษฐกิจชีวภาพ ในวันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 08.30 - 12.00 น. ณ ชั้น 8 สำนักงานใหญ่ บางจากฯ อาคาร M-Tower โดยได้เชิญชวนให้ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ เพราะต้องารถ่ายทอดแนวคิดและทิศทางของเศรษฐกิจชีวภาพ หรือ Bio Economy หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย จากวิทยากรภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติที่จะถกกันใน Panel discussion Bio Economy Global Trend ทิศทางอนาคตใหม่...ขับเคลื่อนโลก จาก Mr.Bas Melssen Director Public Affairs & Sustainability Asia, Novozymes และ Mr.Mukund Rao ที่ปรึกษา บริษัท บีบีจีโอ จำกัด (มหาชน)
ต่อด้วยการเสวนาจากนักธุรกิจภาคเอกชนและนักแสดงผู้มีหัวใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Plenary session Bio Economy Thailand Trend ทิศทางอนคตใหม่...สู่ความยั่งยืน โดย คุณเจริญชัย ประเทืองสุขศรี ประธานคณะทำงานโครงการลงทุน สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คุณจุฬารัตน์ นิรัติศยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ จากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และคุณปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก นักแสดง ดำเนินรายการโดย คุณอาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์
ข่าวที่ 4 “TCEBลุย2งานPATAขอนแก่น-ไมซ์ชุมชนเชียงใหม่”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน 2561 ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดไมซ์ถึง 2 งาน งานแรก PATA DESTINATION MARKETING FORUM 2018 เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2561ที่จังหวัดขอนแก่น เมือง 1 ใน 5 ไมซ์ซิตี้ของทีเส็บ โดยมีเจ้าของลิขสิทธิ์คือ สมาคมท่องเที่ยวเอเชีย แปซิฟิก : Pacific Asia Travel Association : PATA แต่ละปีจะจัดงานประชุมประจำปีหลายรูปแบบ ทาง TCEB จึงไปดึงงานนี้เข้ามาจัดในไทยภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมพัฒนาการตลาดแหล่งท่องเที่ยว : Destination Marketing เน้นทั้งการพัฒนาและทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก เป็นงานที่ยังไม่ค่อยนำเข้ามาจัดในไทย ทว่าภูมิภาคเอเชียสนใจจะมาด้วย โดยได้เสนอจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เมือง MICE CITY
งานที่สอง จะนำสื่อมวลชนลงพื้นที่สร้างประสบการณ์ไมซ์ในโครงการ “เชียงใหม่..ไมซ์เพื่อชุมชน” ระหว่าง 29-30 พฤศจิกายน 2561 โดยร่วมกับนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดแผนพัฒนาเชียงใหม่พร้อมก้าวเข้าสู่ไมซ์ ซิตี้ 4.0 ควบคู่กับการเร่งพัฒนาชุมชนบ้านออนใต้ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็น “ต้นแบบโครงการหมู่บ้าน CIV : หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” ตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม อันถือเป็นทุนทางวัฒนธรรม วิถีช่วิตดั้งเดิมผสมผสานเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ด้วยดีไซน์และการสร้างมูลค่าเพิ่มการผลิตสินค้าที่ระลึก ผลิตภัณฑ์บริการเชิงคุณภาพได้เป็นอย่างดี โดยชาวบ้นได้ร่วมกันสร้างสรรค์ชิ้นงานต่าง ๆ ออกมาเป็นสินค้าจำหน่ายกลุ่มตลาดไมซ์ในประเทศและนานาชาติได้อย่างมีคุณค่า รวมถึงมีอาหารถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองด้วย
ถือเป็นงานใน 2 จังหวัด ไมซ์ ซิตี้ ที่จะช่วยสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยทั้งในขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงเชียงใหม่ที่จะขยายผลให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับประเทศ เติบโต
ข่าวที่ 5 “ศูนย์ไม้ผลตามพระราชดำริเมืองจันทน์ต้นแบบเครือข่ายชุมชน”
มูลนิธิปิดทองหลังพระ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชม “โครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี” ตำบลทุ่งโตนด ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นต้นแบบและตัวอย่างที่ทั่วประเทศเหมาะจะไปศึกษาดูงานการทำเกษตรด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ รวมทั้งได้เห็นหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการจนกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายชุมชนที่ประสบความสำเร็จ โดยมีแปลงเกษตร-ผลไม้ตัวอย่าง สามารถต่อยอดการสร้างอาชีพ และรายได้เสริมให้ชุมชนรอบพื้นที่ในหลายส่วนด้วยกัน
นายสุวิวัฒน์ วงษ์สกุลไชยะ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน หัวหน้างานวิชาการเกษตรศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าโครงการ “ศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี” เป็นต้นแบบศาสตร์พระราชา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ เมื่อปี 2521 จัดซื้อที่ดินสวนผลไม้จำนวน 109.99 ไร่ จัดทำเป็นศูนย์พัฒนาไม้ผล เป็นแหล่งทดลองเรียนรู้ด้านไม้ผลและการเกษตร ตัวอย่างการเพาะปลูก พัฒนาผลผลิตการเกษตรแบบอินทรีย์ ถ่ายทอดให้ราษฎรนำไปปรับใช้ในชีวิตได้ เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา
ภายในสวนจะมีแปลงทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจของภาคตะวันออกครบ โดยมีทั้งทุเรียน ซึ่งต่อยอดเป็นพันธุ์จันทบุรี 1-2-3 ลำไย มังคุด สละ ลองกอง เงาะ โดยมีการนำชันโรงช่วยผสมพันธุ์เกสรธรรมชาติ และบริเวณศูนย์พันธุ์ไม้โบราณหายาก
ตลอด 40 ปี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอำเภอท่ามะขาม อยู่ดีกินดีประกอบสัมมาอาชีพสร้างและพัฒนา ครอบครัว ชุมชน จนเกิดความมั่นคงถาวร
“ณัฏฐกฤต ชัยอริยเมธี” อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ปี 2560 ได้นำมหาวิทยาลัยรำไพพรรณี เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการฯ เป็นแห่งแรกที่จัดทำหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุไว้ในหลักสูตร พร้อมกับมีรายวิชาใหม่ชื่อ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยนำนักศึกษามาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ในที่ดินของพ่อ นำร่องดำนา ปลูกข้าวพันธุ์ “พญาทองดำ” ไว้ ตอนนี้ครบ 120 พร้อมเกี่ยวข้าวสุกที่ปลูกไว้แล้ว 2 แปลง เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่จะช่วยขยายผลเศรษฐกิจพอเพียงผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันศึกษา ขณะนี้มีหลายแห่งกำลังทำในลักษณะเดียวกัน
ส่วนในสวนลำไยภายในศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ มีไฮไลต์คือการทดลองปลูก “ลำไยออกผลนอกฤดู” โดยจะให้ผลผลิตออกในช่วงตรุษจีนปี 2562 จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวเพื่อนำรายได้ทูลเกล้าถวาย
ทั้งนี้ราคาขายลำไยเฉลี่ย 40 บาท/กิโลกรัม ผลผลิตโดยรวมของชาวสวนแถบนี้และที่ศูนย์พัฒนาไม้ผลฯ จะส่งให้ล้งบ้างบางส่วนเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ทางกรมส่งเสริมการเกษตรจังหวัด จะนำเทคโนโลยีการเกษตรซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยเน้นเกษตรปลอดภัยเข้ามาใช้ แล้วก็ถ่ายทอดให้ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการปีละ 300 รายขึ้นไป
“นางสาวรสริน บุญอาจ” ผู้ใหญ่บ้านสันตอ หมู่ 3 กลุ่มสัมมาชีพบ้านสันตอน้ำพริกเผา สูตรลำไย กล่าวว่า ได้บริหารจัดการแต่ละกลุ่มแยกกันไปทำนำวัตถุดิบปลูกในชุมชนมาปรุงเข้าด้วยกัน ทั้งพริก หอม กระเทียม ลำไย เพื่อผลิตน้ำพริกบรรจุกล่องใช้กินกับผักสดท้องถิ่น โดยทำการตลาดประจำที่ศูนย์ของพ่อ ต้อนรับกลุ่มคณะศึกษาดูงาน และเครือข่ายเชื่อมโยงกลุ่มเทศบาล เรื่อยไปจนถึงเข้าร่วมงานโอท็อประดับประเทศ
หลังจากที่ได้ต่อยอดอาชีพจากสวนผลไม้ ศูนย์ของพ่อ แล้ว ขณะนี้กลุ่มมีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาท แล้วมาหารเฉลี่ยกันในกลุ่ม 40 คน รวมทั้งได้รับเชิญไปสอนอาชีพตามพื้นที่อื่น ๆ ด้วย บางครั้งผู้บริโภคก็ปากต่อปาก ราคากระปุกละขีดครึ่ง 50 บาท รวมทั้งได้ต่อยอดสัมมาชีพชุมชน มีการอบรมนำมาแลกเปลี่ยนปรับปรุงถ่ายทอด เพื่อสร้างความยั่งยืน
นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จังหวัดโชคดีมากในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมาดูแล พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า “จันทบุรีเป็นจังหวัดทำการเพาะปลูกผลไม้ ฝนตกมาก ซึ่งต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศ ต่อไปภายหน้าถ้าไม่ดูแลแหล่งน้ำดี ๆ จะเกิดปัญหา ต่อมาก็เกิดขึ้นจริง” พระองค์ท่านต้องการให้อำเภอมะขาม เป็นแบบอย่าง ลดต้นการผลิต พัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค รักษาสิ่งแวดล้อม และการสร้างเครือข่ายพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งขณะนี้ก็ชุมชนรอบศูนย์ฯ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความสุขอยู่จนถึงทุกวันนี้
ช่วงที่ 2 แสวงหามุมใหม่ใน “จันทบุรี” ท่องเที่ยวผจญภัยใน Sweet Rock เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน แล้วหันมาลองทำให้โลกน่าอยู่กับการ “เปลี่ยนไลฟ์สไตล์เลิกสารพิษตกค้าง” และข่าวมันส์สุดในรอบสัปดาห์ “แฉเบื้องหลังศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” เหตุใด “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ต้องขยับขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าวงการ “การบินไทย” เตรียมเลิกบินบางไฟลต์ช่วงสิ้นปี 61 “บอร์ด ทอท.” ฟิตจัดเดือนพฤศจิกายนนี้ ประชุมต่อเนื่อง 2 ครั้ง 20 และ30 พ.ย.นี้
@เที่ยวจันทบุรีชมสวีตร็อค-วิถีชีวิตจีน/ญวนริมน้ำ
ความหวานแสนสดใสบนลานหินสีชมพูใน “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน” จังหวัดจันทบุรี เป็นอีกแห่งท่องเที่ยวมุมใหม่ ดึงดูความสนใจผู้คน ด้วยธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ เป็นผลพวงของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นจากหินทรายอาร์โคส ซึ่งเป็นส่วนผสมของแร่เหล็กมากจนหินแปรสภาพเป็นสีชมพูสวยจนได้รับฉายาว่า Sweet Rock
เป็นโลเกชั่นดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มผจญภัย เดินทางเข้ามาถ่ายภาพที่นี่ ด้วยการลัดเลาะเส้นทางกึ่งผจญภัยนิด ๆ ผ่านโขดหินแนวหาดทรายริมชายหาดประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อไปยืนโชว์ความแกร่งบนลานหินสีชมพูแห่งนี้ เมื่อหันสายตาทอดมองไปทางทิศตะวันออก ก็จะได้เห็นแห่งท่องเที่ยวเจ้าถิ่นในทะเลอ่าวไทยได้ชัดเจน อย่าง เกาะช่องสะบ้า หาดแหลมสิงห์ เกาะเปริด เกาะนมสาว เกาะช้าง
บอกกันไว้ก่อนว่าทุกครั้งที่จะเดินทางไปยังลานหินสีชมพูแห่งนี้ ควรจะตรวจสอบเวลาน้ำขึ้น น้ำลง ด้วย เพื่อความปลอดภัยในการไปเที่ยวอย่างมีความสุข
แหล่งท่องเที่ยวในจันทบุรี ที่ต้องไปให้ถึงอีกหลาย ๆ ก็มี “จุดชมวิวเนินนางพญา” เป็นถนนเลียบทะเลยาวที่สุดในประเทศไทย ไต่ขึ้นไปยังจุดชมวิวอันงดงามที่เรียก “เนินนางพญา” ช่วงแดดอ่อนช่วงเช้าหรือก่อนตะวันลับฟ้าสามารถปั่นจักรยานชมธรรมชาติขึ้นไปนั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้าได้ทุกวัน
ส่วน “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” นั้น ขึ้นชื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักเป็นอย่างดี มีโครงการพัฒนาอาชีพประมงและการเกษตรริมชายฝั่ง ที่น่าศึกษาเรียนรู้ แถมยังสามารถเดินเล่นบนสะพานไม้ระแนงนำทางเข้าไปชมป่าชายเลน ตลอดสองข้างทางมีทั้งสัตว์ทะเล ไม้นานาพันธุ์ และโอโซนบริสุทธิ์ ให้สูดได้แบบเต็มปอด
“ชุมชนเก่าริมน้ำย่านท่าหลวง (ชุมชนริมน้ำจันทบูร)” เป็นรากฐานแห่งต้นแบบวิถีต้นคนเมืองจันทบุรี มีชุมชนเก่าแก่ของชาวจีน คนญวนอพยพมาตั้งรกรากสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พื้นที่ชุมชนจึงเต็มไปด้วยตึกแถวโบราณ ตกแต่งด้วยลายไม้งดงาม อย่าง “บ้านหลวงไมตรี” บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก หรือโรงงานไอศรีมตราจรวด ส่วนนักช้อป ก็มีสินค้าท้องถิ่นให้เดินชมหรือเลือกได้ในตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำ อากาศดีแถมใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ได้ด้วย
จันทบุรี เป็นอีกเมืองรองต้องลอง ต้องรัก ต้องไป กันให้ได้สักครั้ง
@ลดสารพิษตกค้างด้วยไลฟ์สไตล์แบบใหม่การใช้ชีวิต
วิธีลดการตกค้างของสารพิษในร่างกาย ด้วยไลฟ์สไตล์แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการกินและใช้น้ำยาต่างๆ ที่เต็มไปด้วยสารเคมี หันมาเรียนรุ้การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้มากขึ้น
1.กินอาหารคลีน อาหารสดใหม่ใช้สารปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เลี่ยงอาหารหมักดอง ใส่สารกันบูด สีผสมอาหาร ผงชูรส และสารเคมีอื่นๆ
2.อาบน้ำแบบไร้สารเคมี ลดใช้สบู่ให้น้อยที่สุด อาบน้ำด้วยน้ำเปล่าและใช้ใยบวบถูตัว บางวันใช้น้ำมะขามเปียกชโลมทั่วตัว แล้วใช้ใยบวบขัดผิว
3.หน้าสดลดใช้เครื่องสำอาง ไม่แต่งหน้าบ้างในบางวัน เพื่อให้ผิวได้พักจากสารเคมี
4.เบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู ใช้ทำความสะอาด ห้องน้ำ ห้องครัว ขจัดกลิ่น ถูพื้น ล้างจาน หรือแก้ปัญหาท่อน้ำตัน
5.ปรนนิบัติผิวด้วยธรรมชาติ ผลไม้ ช่วยบำรุงผิวให้ใสสะอาดแบบไร้สารเคมี ลองใช้ส้มเขียวหวานหรือ มะเขือเทศฝานเป็นแว่นบางๆ ถูล้างหน้าตอนเช้าแทนสบู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชำแหละศึกชิงประธานสภาท่องเที่ยวสมาชิกเทล้างไพ่เก่า”
กระแสฮือฮาแห่งปีในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 ต้องใช้เวลาต่อสู้กันนานเกือบ 10 ชั่วโมง สรุปก็ได้ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” เจ้าของร้านอาหารตำนานป่า และตำนานป่ารีสอร์ต จ.ระยอง นั่งเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนที่ 6 ช่วงปี 2561-2562 โดยมีฐานเสียงเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการต่างจังหวัดสนับสนุนเต็มที่
ส่วนคู่ต่อสู้ที่ลงสนามแข่งคือนางศิริรัตน์ เด่นวรพงษาสุข เจ้าของโรงแรมอุบลบุรี ที่แพ้โหวตจากสมาชิกสามัญ 102 ราย มีผู้แทนพื้นที่ 13 เขต ตัวแทนสาขาอาชีพ 13 กลุ่ม และเลือกผู้ทรงคุณวุฒิอีก 8 คนของแต่ละทีม
ขณะที่เบื้องหลังที่ทำให้ “นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ได้รับชัยชนะเนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่จากทุกภูมิภาคมีความเห็นตรงกันนั่นคือต้องการล้างไพ่และขั้วอำนาจเก่า ที่ส่งคนเข้ามาบริหารสภาท่องเที่ยวในยุคนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก อยู่ในตำแหน่ง 2 สมัย แต่โชว์ผลงานไม่เข้าตา ทำให้สมาชิกผู้ประกอบการท่องเที่ยวเทกระดานการเลือกครั้งนี้ให้ประธานคนใหม่ แต่สิ่งที่น่าจับตาในยุคของนายชัยรัตน์คือการประกาศตั้งประธานเขตเข้ามาเป็นรองประธานสภาฯ ท่องเที่ยวมากถึง 13 คน นั้นจะมีความเป็นไปได้จริงหรือไม่
ข่าวที่สอง “การบินไทยยกเลิกบางไฟลต์วันสิ้นปี31ธ.ค.61”
เรืออากาศเอก ปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่าจะปรับและยกเลิกบางเที่ยวบินในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัย ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ได้แก่ TG 120 และ 121 พร้อมกับปรับเวลาใหม่ TG 116 เป็นออกจากกรุงเทพฯ เวลา 15.40 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 16.50 น.
โทรศัพท์สอบถามได้ที่ 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่สาม “บอร์ดทอท.เดือนพ.ย.มีประชุม2รอบติด ๆ”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าในเดือนพฤศจิกายน 2561 คณะกรรมการ (บอร์ด) จะจัดประชุม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ สรุปมติที่ประชุมโครงการไฮไลต์การเดินหน้าขยายการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 เพื่อรอความชัดเจนจากทางอัยยการสูงสุด กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ทบทวนหรือยุติการก่อสร้าง
ส่วนการประชุมบอร์ด ทอท.ครั้งที่ 2 วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน นี้ จะมีการพิจารณาตัวเลขผลประกอบการ เพื่อประกาศผลกำไรในปี 2561 ซึ่งขณะนี้มีรายงานออกมาเป็นระยะ ๆ ว่า ทอท.พร้อมจ่ายโบนัสพนักงานไม่ต่ำกว่า 7 เดือน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
เพิ่มยาแรงกระตุ้นเที่ยวไทย 3กลุ่มใหญ่ปี’62
คิงเพาเวอร์ประกวดดนตรีอินเตอร์ชิง4.3ล้าน
ททท.บูมงานไหมรับ26ประเทศในเวทีPATA
บางจากจัดใหญ่เศรษฐกิจชีวภาพ27 พ.ย.นี้
TCEBดันPATAขอนแก่น-ไมซ์ชุมชนเชียงใหม่
ศูนย์ไม้ผลพระราชดำริต้นแบบเครือข่ายชุมชน
เที่ยวSweet Rockจันทบุรีผจญภัยสวยหวาน
เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่ช่วยลดสารพิษตกค้าง
เปิดเบื้องหลังศึกชิงประธานสภาฯท่องเที่ยว
บินไทยยกเลิกบางไฟลต์ภาคเหนือ31ธ.ค.นี้
บอร์ดทอท.ฟิตเดือนพ.ย.ประชุมถี่2ครั้งติด
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ตามไปฟัง “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถอดรหัสการเพิ่มรายได้ตลาดในประเทศโค้งสุดท้าย 3 เดือน ปี 2561 ต้องได้อีก 2 แสนล้านบาทเข้ามาเติม 9 เดือนแรกตุนไว้แล้ว 800,000 ล้านบาท ปี’62 ขยับฐานคนไทยใช้เงินเที่ยวสัดส่วนทะลุ 33 % ของทั้งหมด เล็ง 3 กลุ่ม “ครอบครัว-สูงวัย-สตรี” เที่ยวแหลก ตลุยแหลก 55 เมืองรอง คาด “วันธรรมดาน่าเที่ยว” จะใช้ยาแรงกระตุ้นสร้างเลือกใหม่กระจายการเดินทางทั่วไทย
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงโค้งสุดท้าย 3 เดือน ช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยวปลายปีนี้ พุ่งเป้าเพิ่มยอดรายได้จากตลาดคนไทย เพราะสถิติภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศ 9 เดือนแรกปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนคนและรายได้กระจายสู่ท้องถิ่นเฉลี่ยเติบโตสูงขึ้น 9 % ทำรายได้เกิน 800,000 ล้านบาท ช่วงเวลาที่เหลือน่าจะทำได้อีก 200,000 ล้านบาท รวมแล้วเข้าเป้าที่ตั้งไว้ 1 ล้านล้านบาท
ดังนั้น ททท.จึงต้องโหมแคมเปญทุกรูปแบบ ทั้ง ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน การกระตุ้นท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีได้ จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างเม็ดเงินท่องเที่ยวในประเทศอีก 2 เดือนข้างหน้าทำได้ตามเป้าหมาย
ส่วนแผน ททท.ปี 2562 ได้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในประเทศให้ได้ถึง 33 % เพื่อสร้างสมดุลการพึ่งพารายได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังจะช่วยกระจายคนไทยเข้าไปท่องเที่ยว 55 เมืองรองด้วย เน้นการเจาะเซ็กเมนต์เฉพาะ ได้แก่ กลุ่มครอบครัว เดินทางวันหยุดต่อเนื่อง มีทั้งพ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย ป้าน้าอา ดัชนีชี้วัดคือได้แลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้บริหารค่ายรถยนต์ ระบุรถประเภทครอบครัวมียอดขายสูงมาก ททท.จึงจะเข้าไปขับเคลื่อนจัดทำโครงการ “คารานวานท่องเที่ยว”
นายธเนศวร์กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้ ททท.พร้อมใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดปลุกกระแสคนออกมาใช้เงินท่องเที่ยวฤดูหนาวในพื้นที่แนะนำ 55 เมืองรอง ขณะนี้ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจสถานการณ์ภาคเหนือ สภาพอากาศกำลังสบาย ในลำพูน เชียงใหม่ รวมทั้งได้ทดลองปั่นจักรยานท่องเที่ยว ซึ่งทั่วประเทศเตรียมร่วมปั่นช่วงงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ครั้งที่ 2 จะจุดประกายการปั่นจักรยานท่องเที่ยว หลายจังหวัดถือเป็นกิจกรรมที่ดีมาก แต่ละจังหวัดจะมีชมรมจักรยานมีความเข้มแข็งมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวรองในลำพูน มีสมาชิกชมรมจักรยานรวมตัวกันได้กว่า 600 คัน
วันที่ 9 ธันวาคม 2561 จัดเป็นวันที่จะมีการปั่นจักรยานระดับชาติเกิดขึ้นนั้นกับงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว แต่ละจังหวัดได้กำหนดเส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยวออกมาแล้วเช่นกัน ททท.จะได้ถือจังหวะนี้เปิดเส้นทางปั่นท่องเที่ยวเพื่อปูพรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเทรนด์มีส่วนร่วมรับผิดชอบ น่าจะใช้จักรยานเสริมแคมเปญดังกล่าว ซึ่งสามารถนำนักท่องเที่ยวสัมผัสชีวิตคนท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังประหยัดพลังงาน
ส่วนแผนสื่อสารการตลาดท่องเที่ยวช่วง 2 เดือนสุดท้าย ก็จะต้องรุกหนักให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษี โดยยังคงใช้แพกเกจ 4 มหามิตร ททท. การบินไทย ธนาคารกรุงไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันทำ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” เป็นหัวหอกดึงรายได้เพิ่มขึ้น
วางกลยุทธ์บุกเจาะตลาดในประเทศ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มแรก ครอบครัว ซึ่งมีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางพร้อมกันได้ครั้งละหลาย ๆ คน จะช่วยเพิ่มรายได้กระจายสู่เมืองรองและท้องถิ่นทั่วไทยได้
กลุ่มที่ 2 “ผู้สูงอายุ” หรือ Silver Age เพิ่งเกษียน ถึงแม้อายุ 60-70 ปี สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้สบาย ๆ ทั้งสุขภาพดีแข็งแรง ไม่มีห่วงเรื่องเวลา และเดินทางได้อย่างสบายใจ สามารถไปยังชุมชนหมู่บ้านหัตถกรรม จับจ่ายได้เต็มที่
กลุ่มที่ 3 กลุ่มนักท่องเที่ยวสตรี Lady Traveller มีหลากหลายวัย หากเป็นวัยรุ่นก็จะไปกับเพื่อนฝูงเป็นกลุ่ม 3-5 คน นิยมเลือกรับประทานอาหารตามร้านเก๋ ๆ หรือชอบช็อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง หมวก กระเป๋า สินค้าโอท็อปนวัตวิถีกำลังตีตลาดมาแรง
นักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่ม คือตลาดศักยภาพสูง สามารถที่จะกระจายเพิ่มส่วนแบ่งตลาด “การท่องเที่ยววันธรรมดา” เหมาะสุดคือกลุ่มสูงอายุ ไม่ต้องทำงานมีฐานะทางการเงินมั่นคง ข้อได้เปรียบคือระหว่างการท่องเที่ยวไม่ต้องแย่งกันกินกันใช้เหมือนเที่ยวช่วงวันหยุด
ททท.จะใส่แรงจูงใจในการสร้างสรรค์การผลิตสื่อ โดยจะเลือก “พรีเซ็นเตอร์สูงวัย” ออกมาเดินทางท่องเที่ยว จะเห็นได้จากพัฒนาการ “เที่ยวไทยเท่” ที่จะมีคลิปชวนเที่ยวเก๋ ๆ ออกมากระตุ้นการเดินทาง
ส่วนแพกเกจท่องเที่ยวหน้าหนาวช่วงปลายปีระหว่างส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะนี้ภาคเหนือตามเมืองรอง เช่น ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ ห้องพักเริ่มมียอดจองหนาแน่น หรือเมืองท่องเที่ยวรองอีกหลายภาค นักท่องเที่ยวจะต้องรีบเข้าไปจองที่พักกันแล้ว เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและการเดินทางกลับบ้าน และอาจมีการพาเพื่อนไปเยี่ยมเยือนด้วย
นายธเนศวร์กล่าวว่า ททท.มั่นใจปลายปีนี้คนจะออกมาท่องเที่ยวฤดูหนาวเติบโตสูงกว่าทุกปี ด้วยแม่เหล็กสำคัญอย่างการเปิดบริการของกลุ่มสตาร์ต อัพ ทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ เก๋ โรงแรมบูติกโฮเต็ล มีให้เลือกเป็นดอกเห็ดทำให้การท่องเที่ยวต่างจังหวัดคึกคัก อีกทั้งยังได้พลังของโซเชียล มีเดีย เข้ามาเสริมทัพ จะยิ่งทำให้ปลายปี 2561 การท่องเที่ยวในประเทศจะทำให้เม็ดเงินท่องเที่ยวกระจายสะพัดสู่เศรษฐกิจของทั้งประเทศอย่างแน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์จัดประกวดดุริยางค์ดนตรีชิง4.3ล้านบาท”
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ ได้เดินหน้าโครงการเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ต่อยอดโครงการด้านดนตรี - MUSIC POWER จัดการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ ประจำปี 2562 ปีที่ 2 โดยได้รับความร่วมมือจาก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเวทีให้เยาวชนและคนไทยได้แสดงความสามารถด้านดนตรีบนเวทีระดับนานาชาติ รวมทั้งยังมีถ้วยรางวัลและเงินรางวัลรวมมูลค่า 4,330,000 บาท
ล่าสุดร่วมกับ ศาสตราจารย์ นพ.บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล อาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะกรรมการจัดการประกวด แนะนำการเข้าร่วมโครงการประกวดดังกล่าว ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การจัดประกวดดนตรีเครื่องเป่านานาชาติปีแรก 2560 ประสบความสำเร็จอย่างสูง นานาชาติและประชาชนทั่วไปให้การยอมรับสูงมาก มีโรงเรียนต่าง ๆ สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก และมีนานาประเทศลงแข่งด้วย เช่น ฮ่องกง สเปน สวิตเซอร์แลนด์
สำหรับ ปี 2562 ได้เปิดแข่งขันรุ่นไม่จำกัดอายุ ให้โอกาสบุคคลทั่วไปได้โชว์ฝีมือ พร้อมยกระดับให้วงดุริยางค์เครื่องเป่าไทยได้เข้าร่วมประกวดในระดับนานาชาติมากขึ้น กระตุ้นบรรยากาศทางด้านศิลปวัฒนธรรมดนตรี ส่งเสริมให้เยาวชนไทยและบุคคลทั่วไปได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ คาดจะมีจำนวนวงเข้าประกวดมากกว่าปีก่อนทั้งวงจากในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากเป็นเวทีเดียวในแถบอาเซียนที่เปิดรุ่นสำหรับประชาชนทั่วไป ในการแข่งขันแบบเครื่องลม
ประการสำคัญที่สุดในการประกวดครั้งนี้ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยและชาวโลก ซึ่งแต่ละวงจะต้องบรรเลงเพลงบังคับที่ทางผู้จัดการประกวดได้ระบุไว้ เพื่อเป็นมาตราฐานในเรื่องของเทคนิคการบรรเลง และได้แสดงถึงศักยภาพ คุณภาพ ของวงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องบรรเลง เพลงประจำชาติ และเพลงเลือกอื่นๆ อีกด้วย
สำหรับการสมัครเข้าประกวดโครงการนี้ เริ่มตั้งแต่วันนี้แล้วจะปิดรับสมัคร วันที่ 29 มกราคม 2562 เวลา 17.00 น. สมัครประกวดได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/tiwsc โทร.02-800 2525 ต่อ 3107 ,3109, 3117
รอบคัดเลือก จะพิจารณาผลงานที่ส่งเข้ามาแข่งขัน วันที่ 12 – 13 กุมภาพันธ์ 2562แล้วประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ทาง www.music.mahidol.ac.th/tiwsc และ Facebook : King Power Thai Power พลังคนไทย ประกอบด้วย รุ่น Class A และรุ่น Class B รุ่นละ 10 วง และรุ่น Class C รุ่น Class D รุ่นละ 16 วง
รอบรองชนะเลิศ วันที่ 1 – 4 เมษายน 2562 เปิดหอแสดงดนตรีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลคัดเลือก
รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 6 เมษายน 2562 เปิดพื้นที่ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล คัดทุกรุ่นให้เลืออย่างละ 5 วง
ข่าวที่ 2 “ททท.บูมงานไหมขอนแก่นพ่วงขายPATA/เมืองรอง”
นางสาวศิริวรรณ สีหาราช ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับจังหวัดขอนแก่นและหน่วยงานต่าง ๆ จัดเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2561 ระหว่าง 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ขอนแก่นเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมระดับนานาชาติ PATA Destination Marketing Forum 2018 ในระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน นี้ เจ้าของงานคือสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Pacific Asia Travel Association-PATA) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำต่างชาติจาก 26 ประเทศ เข้าร่วมการประชุมกว่า 200 คน ซึ่งสามารถผนวก 2 งานนี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงคนเข้าสู่เมืองหลักขอนแก่น เชื่อมโยงไปยังเมืองรอง ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่
โดยกลุ่มสารสนเทศการตลาด ททท. ได้ร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยทำ Mobile Application “Trippointz” นำเสนอข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางการท่องเที่ยว ข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ผ่านระบบจองบัตรโดยสาร ที่พักต่างๆ และใช้กิจกรรมรับแต้มสะสมแล้วนำคะแนนสะสมไปแลกรับของที่ระลึก หรือตั๋วบินฟรี สร้างความคึกคักทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักเมืองท่องเที่ยวหลักและรองมากขึ้น
การจัดงานปีนี้มีความพิเศษเรื่องขอนแก่นได้ประกาศลายผ้าไหมประจำจังหวัดลาย “แคนแก่นคูน” (KAN KAEN KOON) โดยรวบรวมลายผ้าทั้งหมดมาสร้างสีสันตามความหมายโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ 7 ลาย ได้แก่ ลายแคน- สัญลักษณ์แทนความเจริญและสนุกสนาน “ลายดอกคูณ”- ดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น “ลายพานบายศรี”-มิตรภาพ ประเพณีการผูกเสี่ยว “ลายขอ” -ความอุดมสมบูรณ์ของขอนแก่น “ลายโคม”-ภูมิปัญญา วัฒนธรรมของชาวขอนแก่น “ลายกง”-อาณาเขตที่ได้รับการรักษาให้มั่นคง ปลอดภัย “ลายหมากจับ”-ความรัก ความสามัคคี ของชาวขอนแก่น
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดสัมมนาเปิดมุมใหม่เศรษฐกิจชีวภาพ”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมเปิดสำนักงานใหญ่ จัดสัมมนา "BIO ECONOMY อนาคตใหม่...สู่ความยั่งยืน" ต้อนรับเทรนด์เศรษฐกิจชีวภาพ ในวันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 08.30 - 12.00 น. ณ ชั้น 8 สำนักงานใหญ่ บางจากฯ อาคาร M-Tower โดยได้เชิญชวนให้ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ เพราะต้องารถ่ายทอดแนวคิดและทิศทางของเศรษฐกิจชีวภาพ หรือ Bio Economy หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย จากวิทยากรภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติที่จะถกกันใน Panel discussion Bio Economy Global Trend ทิศทางอนาคตใหม่...ขับเคลื่อนโลก จาก Mr.Bas Melssen Director Public Affairs & Sustainability Asia, Novozymes และ Mr.Mukund Rao ที่ปรึกษา บริษัท บีบีจีโอ จำกัด (มหาชน)
ต่อด้วยการเสวนาจากนักธุรกิจภาคเอกชนและนักแสดงผู้มีหัวใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Plenary session Bio Economy Thailand Trend ทิศทางอนคตใหม่...สู่ความยั่งยืน โดย คุณเจริญชัย ประเทืองสุขศรี ประธานคณะทำงานโครงการลงทุน สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คุณจุฬารัตน์ นิรัติศยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ จากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และคุณปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก นักแสดง ดำเนินรายการโดย คุณอาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์
ข่าวที่ 4 “TCEBลุย2งานPATAขอนแก่น-ไมซ์ชุมชนเชียงใหม่”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน 2561 ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดไมซ์ถึง 2 งาน งานแรก PATA DESTINATION MARKETING FORUM 2018 เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2561ที่จังหวัดขอนแก่น เมือง 1 ใน 5 ไมซ์ซิตี้ของทีเส็บ โดยมีเจ้าของลิขสิทธิ์คือ สมาคมท่องเที่ยวเอเชีย แปซิฟิก : Pacific Asia Travel Association : PATA แต่ละปีจะจัดงานประชุมประจำปีหลายรูปแบบ ทาง TCEB จึงไปดึงงานนี้เข้ามาจัดในไทยภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมพัฒนาการตลาดแหล่งท่องเที่ยว : Destination Marketing เน้นทั้งการพัฒนาและทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก เป็นงานที่ยังไม่ค่อยนำเข้ามาจัดในไทย ทว่าภูมิภาคเอเชียสนใจจะมาด้วย โดยได้เสนอจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เมือง MICE CITY
งานที่สอง จะนำสื่อมวลชนลงพื้นที่สร้างประสบการณ์ไมซ์ในโครงการ “เชียงใหม่..ไมซ์เพื่อชุมชน” ระหว่าง 29-30 พฤศจิกายน 2561 โดยร่วมกับนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดแผนพัฒนาเชียงใหม่พร้อมก้าวเข้าสู่ไมซ์ ซิตี้ 4.0 ควบคู่กับการเร่งพัฒนาชุมชนบ้านออนใต้ ซึ่งได้รับเลือกให้เป็น “ต้นแบบโครงการหมู่บ้าน CIV : หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” ตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม อันถือเป็นทุนทางวัฒนธรรม วิถีช่วิตดั้งเดิมผสมผสานเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ด้วยดีไซน์และการสร้างมูลค่าเพิ่มการผลิตสินค้าที่ระลึก ผลิตภัณฑ์บริการเชิงคุณภาพได้เป็นอย่างดี โดยชาวบ้นได้ร่วมกันสร้างสรรค์ชิ้นงานต่าง ๆ ออกมาเป็นสินค้าจำหน่ายกลุ่มตลาดไมซ์ในประเทศและนานาชาติได้อย่างมีคุณค่า รวมถึงมีอาหารถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองด้วย
ถือเป็นงานใน 2 จังหวัด ไมซ์ ซิตี้ ที่จะช่วยสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยทั้งในขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงเชียงใหม่ที่จะขยายผลให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับประเทศ เติบโต
ข่าวที่ 5 “ศูนย์ไม้ผลตามพระราชดำริเมืองจันทน์ต้นแบบเครือข่ายชุมชน”
มูลนิธิปิดทองหลังพระ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชม “โครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี” ตำบลทุ่งโตนด ตำบลท่าหลวง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นต้นแบบและตัวอย่างที่ทั่วประเทศเหมาะจะไปศึกษาดูงานการทำเกษตรด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ รวมทั้งได้เห็นหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการจนกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเครือข่ายชุมชนที่ประสบความสำเร็จ โดยมีแปลงเกษตร-ผลไม้ตัวอย่าง สามารถต่อยอดการสร้างอาชีพ และรายได้เสริมให้ชุมชนรอบพื้นที่ในหลายส่วนด้วยกัน
นายสุวิวัฒน์ วงษ์สกุลไชยะ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน หัวหน้างานวิชาการเกษตรศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่าโครงการ “ศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี” เป็นต้นแบบศาสตร์พระราชา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ เมื่อปี 2521 จัดซื้อที่ดินสวนผลไม้จำนวน 109.99 ไร่ จัดทำเป็นศูนย์พัฒนาไม้ผล เป็นแหล่งทดลองเรียนรู้ด้านไม้ผลและการเกษตร ตัวอย่างการเพาะปลูก พัฒนาผลผลิตการเกษตรแบบอินทรีย์ ถ่ายทอดให้ราษฎรนำไปปรับใช้ในชีวิตได้ เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา
ภายในสวนจะมีแปลงทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจของภาคตะวันออกครบ โดยมีทั้งทุเรียน ซึ่งต่อยอดเป็นพันธุ์จันทบุรี 1-2-3 ลำไย มังคุด สละ ลองกอง เงาะ โดยมีการนำชันโรงช่วยผสมพันธุ์เกสรธรรมชาติ และบริเวณศูนย์พันธุ์ไม้โบราณหายาก
ตลอด 40 ปี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอำเภอท่ามะขาม อยู่ดีกินดีประกอบสัมมาอาชีพสร้างและพัฒนา ครอบครัว ชุมชน จนเกิดความมั่นคงถาวร
“ณัฏฐกฤต ชัยอริยเมธี” อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ปี 2560 ได้นำมหาวิทยาลัยรำไพพรรณี เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการฯ เป็นแห่งแรกที่จัดทำหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุไว้ในหลักสูตร พร้อมกับมีรายวิชาใหม่ชื่อ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยนำนักศึกษามาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ในที่ดินของพ่อ นำร่องดำนา ปลูกข้าวพันธุ์ “พญาทองดำ” ไว้ ตอนนี้ครบ 120 พร้อมเกี่ยวข้าวสุกที่ปลูกไว้แล้ว 2 แปลง เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่จะช่วยขยายผลเศรษฐกิจพอเพียงผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันศึกษา ขณะนี้มีหลายแห่งกำลังทำในลักษณะเดียวกัน
ส่วนในสวนลำไยภายในศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ มีไฮไลต์คือการทดลองปลูก “ลำไยออกผลนอกฤดู” โดยจะให้ผลผลิตออกในช่วงตรุษจีนปี 2562 จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวเพื่อนำรายได้ทูลเกล้าถวาย
ทั้งนี้ราคาขายลำไยเฉลี่ย 40 บาท/กิโลกรัม ผลผลิตโดยรวมของชาวสวนแถบนี้และที่ศูนย์พัฒนาไม้ผลฯ จะส่งให้ล้งบ้างบางส่วนเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ทางกรมส่งเสริมการเกษตรจังหวัด จะนำเทคโนโลยีการเกษตรซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยเน้นเกษตรปลอดภัยเข้ามาใช้ แล้วก็ถ่ายทอดให้ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการปีละ 300 รายขึ้นไป
“นางสาวรสริน บุญอาจ” ผู้ใหญ่บ้านสันตอ หมู่ 3 กลุ่มสัมมาชีพบ้านสันตอน้ำพริกเผา สูตรลำไย กล่าวว่า ได้บริหารจัดการแต่ละกลุ่มแยกกันไปทำนำวัตถุดิบปลูกในชุมชนมาปรุงเข้าด้วยกัน ทั้งพริก หอม กระเทียม ลำไย เพื่อผลิตน้ำพริกบรรจุกล่องใช้กินกับผักสดท้องถิ่น โดยทำการตลาดประจำที่ศูนย์ของพ่อ ต้อนรับกลุ่มคณะศึกษาดูงาน และเครือข่ายเชื่อมโยงกลุ่มเทศบาล เรื่อยไปจนถึงเข้าร่วมงานโอท็อประดับประเทศ
หลังจากที่ได้ต่อยอดอาชีพจากสวนผลไม้ ศูนย์ของพ่อ แล้ว ขณะนี้กลุ่มมีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาท แล้วมาหารเฉลี่ยกันในกลุ่ม 40 คน รวมทั้งได้รับเชิญไปสอนอาชีพตามพื้นที่อื่น ๆ ด้วย บางครั้งผู้บริโภคก็ปากต่อปาก ราคากระปุกละขีดครึ่ง 50 บาท รวมทั้งได้ต่อยอดสัมมาชีพชุมชน มีการอบรมนำมาแลกเปลี่ยนปรับปรุงถ่ายทอด เพื่อสร้างความยั่งยืน
นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า จังหวัดโชคดีมากในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมาดูแล พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า “จันทบุรีเป็นจังหวัดทำการเพาะปลูกผลไม้ ฝนตกมาก ซึ่งต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศ ต่อไปภายหน้าถ้าไม่ดูแลแหล่งน้ำดี ๆ จะเกิดปัญหา ต่อมาก็เกิดขึ้นจริง” พระองค์ท่านต้องการให้อำเภอมะขาม เป็นแบบอย่าง ลดต้นการผลิต พัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค รักษาสิ่งแวดล้อม และการสร้างเครือข่ายพัฒนาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งขณะนี้ก็ชุมชนรอบศูนย์ฯ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่มีความสุขอยู่จนถึงทุกวันนี้
ช่วงที่ 2 แสวงหามุมใหม่ใน “จันทบุรี” ท่องเที่ยวผจญภัยใน Sweet Rock เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน แล้วหันมาลองทำให้โลกน่าอยู่กับการ “เปลี่ยนไลฟ์สไตล์เลิกสารพิษตกค้าง” และข่าวมันส์สุดในรอบสัปดาห์ “แฉเบื้องหลังศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” เหตุใด “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ต้องขยับขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าวงการ “การบินไทย” เตรียมเลิกบินบางไฟลต์ช่วงสิ้นปี 61 “บอร์ด ทอท.” ฟิตจัดเดือนพฤศจิกายนนี้ ประชุมต่อเนื่อง 2 ครั้ง 20 และ30 พ.ย.นี้
@เที่ยวจันทบุรีชมสวีตร็อค-วิถีชีวิตจีน/ญวนริมน้ำ
ความหวานแสนสดใสบนลานหินสีชมพูใน “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน” จังหวัดจันทบุรี เป็นอีกแห่งท่องเที่ยวมุมใหม่ ดึงดูความสนใจผู้คน ด้วยธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ เป็นผลพวงของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นจากหินทรายอาร์โคส ซึ่งเป็นส่วนผสมของแร่เหล็กมากจนหินแปรสภาพเป็นสีชมพูสวยจนได้รับฉายาว่า Sweet Rock
เป็นโลเกชั่นดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มผจญภัย เดินทางเข้ามาถ่ายภาพที่นี่ ด้วยการลัดเลาะเส้นทางกึ่งผจญภัยนิด ๆ ผ่านโขดหินแนวหาดทรายริมชายหาดประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อไปยืนโชว์ความแกร่งบนลานหินสีชมพูแห่งนี้ เมื่อหันสายตาทอดมองไปทางทิศตะวันออก ก็จะได้เห็นแห่งท่องเที่ยวเจ้าถิ่นในทะเลอ่าวไทยได้ชัดเจน อย่าง เกาะช่องสะบ้า หาดแหลมสิงห์ เกาะเปริด เกาะนมสาว เกาะช้าง
บอกกันไว้ก่อนว่าทุกครั้งที่จะเดินทางไปยังลานหินสีชมพูแห่งนี้ ควรจะตรวจสอบเวลาน้ำขึ้น น้ำลง ด้วย เพื่อความปลอดภัยในการไปเที่ยวอย่างมีความสุข
แหล่งท่องเที่ยวในจันทบุรี ที่ต้องไปให้ถึงอีกหลาย ๆ ก็มี “จุดชมวิวเนินนางพญา” เป็นถนนเลียบทะเลยาวที่สุดในประเทศไทย ไต่ขึ้นไปยังจุดชมวิวอันงดงามที่เรียก “เนินนางพญา” ช่วงแดดอ่อนช่วงเช้าหรือก่อนตะวันลับฟ้าสามารถปั่นจักรยานชมธรรมชาติขึ้นไปนั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้าได้ทุกวัน
ส่วน “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” นั้น ขึ้นชื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักเป็นอย่างดี มีโครงการพัฒนาอาชีพประมงและการเกษตรริมชายฝั่ง ที่น่าศึกษาเรียนรู้ แถมยังสามารถเดินเล่นบนสะพานไม้ระแนงนำทางเข้าไปชมป่าชายเลน ตลอดสองข้างทางมีทั้งสัตว์ทะเล ไม้นานาพันธุ์ และโอโซนบริสุทธิ์ ให้สูดได้แบบเต็มปอด
“ชุมชนเก่าริมน้ำย่านท่าหลวง (ชุมชนริมน้ำจันทบูร)” เป็นรากฐานแห่งต้นแบบวิถีต้นคนเมืองจันทบุรี มีชุมชนเก่าแก่ของชาวจีน คนญวนอพยพมาตั้งรกรากสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พื้นที่ชุมชนจึงเต็มไปด้วยตึกแถวโบราณ ตกแต่งด้วยลายไม้งดงาม อย่าง “บ้านหลวงไมตรี” บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก หรือโรงงานไอศรีมตราจรวด ส่วนนักช้อป ก็มีสินค้าท้องถิ่นให้เดินชมหรือเลือกได้ในตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำ อากาศดีแถมใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ได้ด้วย
จันทบุรี เป็นอีกเมืองรองต้องลอง ต้องรัก ต้องไป กันให้ได้สักครั้ง
@ลดสารพิษตกค้างด้วยไลฟ์สไตล์แบบใหม่การใช้ชีวิต
วิธีลดการตกค้างของสารพิษในร่างกาย ด้วยไลฟ์สไตล์แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการกินและใช้น้ำยาต่างๆ ที่เต็มไปด้วยสารเคมี หันมาเรียนรุ้การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้มากขึ้น
1.กินอาหารคลีน อาหารสดใหม่ใช้สารปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เลี่ยงอาหารหมักดอง ใส่สารกันบูด สีผสมอาหาร ผงชูรส และสารเคมีอื่นๆ
2.อาบน้ำแบบไร้สารเคมี ลดใช้สบู่ให้น้อยที่สุด อาบน้ำด้วยน้ำเปล่าและใช้ใยบวบถูตัว บางวันใช้น้ำมะขามเปียกชโลมทั่วตัว แล้วใช้ใยบวบขัดผิว
3.หน้าสดลดใช้เครื่องสำอาง ไม่แต่งหน้าบ้างในบางวัน เพื่อให้ผิวได้พักจากสารเคมี
4.เบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู ใช้ทำความสะอาด ห้องน้ำ ห้องครัว ขจัดกลิ่น ถูพื้น ล้างจาน หรือแก้ปัญหาท่อน้ำตัน
5.ปรนนิบัติผิวด้วยธรรมชาติ ผลไม้ ช่วยบำรุงผิวให้ใสสะอาดแบบไร้สารเคมี ลองใช้ส้มเขียวหวานหรือ มะเขือเทศฝานเป็นแว่นบางๆ ถูล้างหน้าตอนเช้าแทนสบู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชำแหละศึกชิงประธานสภาท่องเที่ยวสมาชิกเทล้างไพ่เก่า”
กระแสฮือฮาแห่งปีในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 ต้องใช้เวลาต่อสู้กันนานเกือบ 10 ชั่วโมง สรุปก็ได้ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” เจ้าของร้านอาหารตำนานป่า และตำนานป่ารีสอร์ต จ.ระยอง นั่งเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนที่ 6 ช่วงปี 2561-2562 โดยมีฐานเสียงเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการต่างจังหวัดสนับสนุนเต็มที่
ส่วนคู่ต่อสู้ที่ลงสนามแข่งคือนางศิริรัตน์ เด่นวรพงษาสุข เจ้าของโรงแรมอุบลบุรี ที่แพ้โหวตจากสมาชิกสามัญ 102 ราย มีผู้แทนพื้นที่ 13 เขต ตัวแทนสาขาอาชีพ 13 กลุ่ม และเลือกผู้ทรงคุณวุฒิอีก 8 คนของแต่ละทีม
ขณะที่เบื้องหลังที่ทำให้ “นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ได้รับชัยชนะเนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่จากทุกภูมิภาคมีความเห็นตรงกันนั่นคือต้องการล้างไพ่และขั้วอำนาจเก่า ที่ส่งคนเข้ามาบริหารสภาท่องเที่ยวในยุคนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก อยู่ในตำแหน่ง 2 สมัย แต่โชว์ผลงานไม่เข้าตา ทำให้สมาชิกผู้ประกอบการท่องเที่ยวเทกระดานการเลือกครั้งนี้ให้ประธานคนใหม่ แต่สิ่งที่น่าจับตาในยุคของนายชัยรัตน์คือการประกาศตั้งประธานเขตเข้ามาเป็นรองประธานสภาฯ ท่องเที่ยวมากถึง 13 คน นั้นจะมีความเป็นไปได้จริงหรือไม่
ข่าวที่สอง “การบินไทยยกเลิกบางไฟลต์วันสิ้นปี31ธ.ค.61”
เรืออากาศเอก ปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่าจะปรับและยกเลิกบางเที่ยวบินในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัย ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ได้แก่ TG 120 และ 121 พร้อมกับปรับเวลาใหม่ TG 116 เป็นออกจากกรุงเทพฯ เวลา 15.40 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 16.50 น.
โทรศัพท์สอบถามได้ที่ 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่สาม “บอร์ดทอท.เดือนพ.ย.มีประชุม2รอบติด ๆ”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าในเดือนพฤศจิกายน 2561 คณะกรรมการ (บอร์ด) จะจัดประชุม 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ สรุปมติที่ประชุมโครงการไฮไลต์การเดินหน้าขยายการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 เพื่อรอความชัดเจนจากทางอัยยการสูงสุด กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ทบทวนหรือยุติการก่อสร้าง
ส่วนการประชุมบอร์ด ทอท.ครั้งที่ 2 วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน นี้ จะมีการพิจารณาตัวเลขผลประกอบการ เพื่อประกาศผลกำไรในปี 2561 ซึ่งขณะนี้มีรายงานออกมาเป็นระยะ ๆ ว่า ทอท.พร้อมจ่ายโบนัสพนักงานไม่ต่ำกว่า 7 เดือน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น