วิชัย ศรีวัฒนประภา : THE POSSIBLE MAN VS
นำพลังไทยด้านท่องเที่ยว-กีฬายิ่งใหญ่ในเวทีโลก
เสาร์ที่3พ.ย.พระราชทานน้ำหลวงอาบศพคุณวิชัย
คิงเพาเวอร์เปิด90ปีมิคกี้เมาส์บูมท่องเที่ยวข้ามปี
ททท.หนุนคุนหมิงแอร์ไลน์เพิ่มจีนเที่ยวหาดใหญ่โต
บางจากชวนร่วมทำหนังสือเสียงช่วยผู้พิการทางตา
ทีเส็บลุยเลือกโมเดลต้นแบบขอนแก่นไมซ์ซิตี้2แบบ
ทอท.ฉลุย6สนามบินปี’61ผู้โดยสารพุ่ง132ล้านคน
ทัวร์นครสวรรค์เมืองอาหารอร่อยล้ำ-แหล่งทัวร์เลิศ
อาการแพ้เครื่องสำอางมีวิธีรับมือให้สวยได้ตลอด
การบินไทยผุดลีมูซีนสุวรรณภูมิเจาะตลาดคนรวย
รถไฟยิ้มตั๋วปีใหม่ขายเกลี้ยง244ตู้ขนวันละแสนคน
เจ้าท่าเอาจริงมาตรการปลอดภัยเรือทัวร์อันดามัน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เจาะลึกคุณูปการของนักธุรกิจคนไทยผู้“วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คือ “The Possible Man VS” ที่คนทั่วโลกพากันยกย่อง โดยได้สร้างผลงานมากมายตลอด 3 ทศวรรษ บุกเบิก 16 บริษัท 5 กลุ่มธุรกิจ ทำให้พลังคนไทยโด่งดังมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทั้งทางด้านร้านค้าปลีกการท่องเที่ยวดิวตี้ฟรี นำพาประเทศไทยมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับอินเตอร์ผู้สร้างปาฏิหารย์เมืองเลสเตอร์ สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ “การสร้างและการให้โอกาส” คนทุกชนชาติได้รับอานิสงส์เหล่านี้วินวินไปด้วยกัน
พลังคนไทยที่ชื่อ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บุรุษผู้สร้างประวัติศาสตร์จนทั่วโลกพากันยกย่องสรรเสริญว่าเป็นสุภาพบุรุษสุดยอดนักธุรกิจ “ผู้ให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด” ถึงแม้จะล่วงลับไปด้วยวัยเพียง 60 ปี จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตกบริเวณใกล้สนามฟุตบอล คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2561
ทว่าคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้บุกเบิกและก่อตั้งไว้ 16 บริษัท จัดได้ 5 กลุ่มธุรกิจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจประเทศ สร้างและให้โอกาสกับผู้คน
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน “วิชัย ศรีวัฒนประภา” สกุลเดิม รักศรีอักษร บินลัดฟ้าจากฮ่องกง กลับบ้านเกิดในประเทศไทย พร้อม ๆ กับเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ กลุ่มแรก “ร้านค้าปลอดภาษีและอากร” ภายใต้ชื่อ บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อปี 2532 ยึดทำเลแรกในตึกมหาทุน พลาซ่า แล้วต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ โดยการแตกไลน์ตามลักษณะของธุรกิจ อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, ดิวตี้ฟรี, แท็กฟรี, มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเมนท์, เอนเตอร์เทนเมนท์ และมหานคร
กระทั่งปัจจุบันดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีครบวงจร ได้แก่
1.ดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) ซึ่งรัฐบาลไทยเปิดเสรีเมื่อปี 2537 ทำให้คิง เพาเวอร์ ขยายสาขาได้ถึง 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ 2 แห่ง ที่รางน้ำ และศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และกำลังจะเปิดในตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร ภายในปี 2561 เป็นต้นไป
2.ดิวตี้ฟรีสนามบิน (duty free airport ) ได้มาจากการลงแข่งขันประมูลสิทธิ์อย่างถูกต้องจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รวม 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่
3.ดิวตี้ฟรีบนเครื่องบิน (duty free onbroad) ใน 2 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย และแอร์เอเชีย
ธุรกิจกลุ่มที่ 2 กีฬาฟุตบอล กับโปโล โดยเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับอินเตอร์เนชั่นแนล 2 สโมสร และยังได้บุกเบิกก่อตั้งสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย
ธุรกิจกลุ่มที่ 3 อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ และอาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร เทรนด์ใหม่สไตล์ MIX USE ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโครงการมีบริการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าดิวตี้ฟรี จุดชมวิวสูง และส่วนเชื่อมต่อกับคอนโดมิเนียม
ธุรกิจกลุ่มที่ 4 การโฆษณา การตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าของบริษัทเป็นหลัก รวมถึงการทำแบรนด์อินเฮาส์ของตนเอง
ธุรกิจกลุ่มที่ 5 เกี่ยวกับการบินบางประเภท ซึ่งเข้าไปถือหุ้นไทย แอร์เอเชีย บางส่วน และการดูแลเครื่องบินส่วนตัวที่ใช้ในกิจการสโมสรฟุตบอล
เส้นทางการพัฒนาธุรกิจจากจุดเริ่มเล็ก ๆ จนกลายเป็นอาณาจักรที่มีความมั่งคั่ง ตามที่นิตยสาร Forb จัดให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 5 ของเมืองไทย ประจำปี 2561 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.62 แสนล้านบาท
ตลอด 3 ทศวรรษที่ “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” ก่อร่างสร้างขึ้นมาจนทำให้คนทั่วโลกรู้จัก “ประเทศไทย” รวมทั้งยังเป็นเสาหลักส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยได้สร้างรายได้เข้าสู่ระบบในเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล แต่ละยุคผ่านวิกฤตและความยากลำบากมาไม่ต่ำกว่า 10 รัฐบาล
ระหว่างปี 2532-2560 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ร้านค้าดิวตี้ฟรีเป็นแม่เหล็กสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใช้จ่ายเงินหมุนเวียนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท พร้อม ๆ กับสนับสนุนสินค้าไทยและผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 1,200 ราย นำสินค้ามาวางจำหน่ายในร้านดิวตี้ฟรีคิง เพาเวอร์ สาขาต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงขณะนี้มูลค่าเกินกว่าครึ่งแสนล้านบาท
ประการสำคัญ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “จ่ายภาษี-ผลตอบแทนรัฐ” อย่างสม่ำเสมอมาตลอด 29 ปี รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การชำระค่าตอบแทนภาครัฐที่เกี่ยวข้องกว่า 80,000 ล้านบาท จ่ายภาษีธุรกิจคืนรัฐประมาณ 25,000 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้คนไทยนับจากวันเริ่มต้นที่อาคารมหาทุน พลาซ่า มีพนักงานแค่หลักร้อยคน กระทั่งวันนี้มีสาขาทั่วประเทศรวมพนักงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
ทศวรรษที่ 1 ระหว่างปี 2532-2542
ช่วง 10 ปีแรก หลังจากได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากร (duty/tax free) แห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้อาคาร “มหาทุนพลาซ่า” เป็นฐานที่มั่นรวม 7 ปี จากปี 2533 มาจนถึงปี 2537
ปี 2534 หลังบุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมืองแห่งแรกของไทยสำเร็จ ถัดไปเพียง 1 ปี คุณวิชัยได้ขยายแนวรุกไปยังต่างประเทศ โดยขยายสู่ต่างประเทศ จากการได้รับอนุญาตให้เปิด “ดิวตี้ฟรีกัมพูชา” ขึ้นอีกแห่ง เปิดบริการประมาณ 12 ปี ก็ยุติลงเมื่อปี 2545
ปี 2536 คุณวิชัยได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งจากการได้รับสัมปทานเปิดร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินดอนเมือง (airport duty free) เป็นเวลา 10 ปี ครบสัญญาเมื่อปี 2545
ปี 2538-2540 ทางรัฐบาลจีนสนับสนุนให้คิง เพาเวอร์ ใช้พื้นที่ในบริเวณกำแพงเมืองจีน กรุงปักกิ่ง เปิดร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก พร้อม ๆ กับการได้สัมปทานในสนามบินไคตั๊ก พัฒนาร้านค้าดิวตี้ฟรีที่เกาะฮ่องกง
ปี 2540-2549 คุณวิชัยนำทีมสร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในการเข้าบริหารร้านค้าดิวตี้ฟรีบริเวณชั้น 7 อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งยังได้สัมปทานจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ให้เปิดร้านค้าในสนามบินดอนเมืองต่อเป็นครั้งที่ 2
ปี 2542 สามารถทำธุรกิจดิวตี้ฟรีแบบครบวงจร เมื่อ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สิทธิ์คิง เพาเวอร์ สามารถนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องการบินไทยในทุกเที่ยวบินระหว่างประเทศ เป็นเวลา 3 ปี สัญญาแรกสิ้นสุดปี 2544
ทศวรรษที่ 2 ช่วงปี 2543-2549
ปี 2549 คุณวิชัย นำคิงเพาเวอร์ประเดิมการบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) ในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเปิดบริการปีแรก
รวมถึงเป็นปีที่ได้ก่อสร้างอาณาจักรใหม่เป็นของตนเอง บนที่ดินเช่าใช้จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พื้นที่ขนาด 30 ไร่ เดิมเคยเป็นที่ตั้งองค์การรับส่งพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) แล้วถูกยุบทิ้งในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ดินดังกล่าวได้รับการแปลงโฉมใหม่กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งแห่งใหม่ของเมืองไทย
คิง เพาเวอร์ ทุ่มเงินราว 3,500 ล้านบาท ก่อสร้าง อาคารคิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่ระหว่างซอยรางน้ำและศรีอยุธยา ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 ร้านค้าปลอดอากรในเมืองมีเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเป็นลูกโลกครึ่งใบเรียกว่า Crown Complex มีพื้นที่ กว่า 10,000 ตารางเมตร เปิดขายสินค้าปลอดอากร ปลอดภาษี สินค้าหัตถกรรมไทยและไทยโมเดิร์น พร้อมภัตตาคาร ร้านอาหาร และโรงละครอักษรา ขนาด 1,200 ที่นั่ง
ส่วนที่ 2 อาคารสำนักงานใหญ่ 9 ชั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอยรวม 12,250 ตารางเมตร
ส่วนที่ 3 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซึ่งเปิดเป็นแห่งแรกในเอเชีย ด้วยสไตล์ City Hotel กึ่งรีสอร์ต จำนวน 430 ห้อง มีห้องอาหาร ห้องประชุม สัมมนา และบริการครบวงจร
ปี 2550 คิง เพาเวอร์ หวนกลับไปได้สัญญาจากการนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องการบินไทยอีกครั้ง
ทศวรรษที่ 3 ระหว่างปี 2553-ปัจจุบัน
ปี 2554 คุณวิชัยประกาศขยายดิวตี้ฟรีในเมืองสาขาแรกในต่างจังหวัด โดยเลือกพัทยาซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ในปีเดียวกันก็ยังได้ร่วมมือกับ “แอร์ เอเชีย” ซึ่งเป็นสายการบินแบบประหยัดรายแรกของทวีปเอเชีย นำสินค้าดิวตี้ฟรีขึ้นไปขายบนเครื่องทุกเที่ยวบินระหว่างประเทศ
ปี 2555 เมื่อรัฐบาลประกาศให้กลับมาเปิดใช้สนามบินนานาชาติดอนเมืองอีกครั้ง หลังจากปิดมาถึง 7 ปี ครั้งนั้นคุณวิชัยเข้าร่วมประมูลพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีดอนเมืองใหม่อีกครั้งและสามารถชนะการประมูลได้สิทธิจำหน่ายสินค้าแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ กลายเป็นเจ้าของพื้นที่ดิวตี้ฟรีสนามบินศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ทั้ง 2 แห่ง คือสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ปี 2556 เพียงหนึ่งปีให้หลังก็ได้ลงทุนใช้เงินกว่า 3,000 ล้านบาท เนรมิต “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์”เมกะโปรเจ็กต์ดิวตี้ฟรีในเมือง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการแวะช้อป และรับประทานอาหาร เพื่อรอเวลาจะขึ้นเครื่อง โดยไม่ต้องไปแออัดกันอยู่ในสนามบิน ปัจจุบันศรีวารีเป็นร้านค้าดิวตี้ฟรีที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะปีละหลายล้านคน
ปี 2557 คุณวิชัยได้สร้างปรากฏการณ์ลงทุนอีก 2 โครงการ นั่นคือนำคิง เพาเวอร์ เข้าไปจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีบนเครื่องแอร์เอเชียอีกครั้งครอบคลุมเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก รวมทั้งได้เปิดร้าน “เลสเตอร์ ซิตี้แฟน” แห่งแรกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม
ปี 2559 ทุ่มทุนสร้างดิวตี้ฟรีในเมืองภูเก็ต ขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน โดยเปิดทั้งชั้น นำสินค้าไทยและผลิตภัณฑ์ชุมชนไปวางจำหน่าย ช่วยยกระดับสินค้าไทย
ปี 2560 ในเดือนตุลาคม ได้ปิดปรับปรุงอาคารร้านค้าดิวตี้ฟรีเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยเงินกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับโฉมเปิดบริการใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2561 จนถึงขณะนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ล้ำสมัยในการ “เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด” ด้วยดีไซน์ทันสมัยสีสันสดใส พร้อมกับเพิ่มไฮไลต์ใหม่นำร้านอาหารสตรีทฟู้ดแถวหน้าของเมืองไทยมาไว้ในคอมเพล็กซ์ ชั้น 3 พร้อม ๆ กับแปลงโฉมบริเวณลานด้านหน้าอาคารให้กลายเป็น “ฟาวเท่น สแควร์” เพื่อใช้จัดกิจกรรมอีเวนต์กลางแจ้งช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง และกิจกรรมบันเทิงพิเศษ กระตุ้นการท่องเที่ยว ดึงดูดคนไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเยือนเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักต่อเนื่องทุกปี
โดยยังคงส่วนประกอบของอาคารโดยรวมไว้คือ อาคารสำนักงานใหญ่ 9 ชั้น และโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ 430 ห้อง มีห้องอาหาร ห้องประชุม สัมมนา และบริการครบวงจร
กลุ่มที่ 2 “ธุรกิจฟุตบอล” นำคิง เพาเวอร์ เข้าเป็นเจ้าของสโมสรใหญ่ในทวีปยุโรปถึง 2 สโมสร
เริ่มจากปี 2553 คุณวิชัยสร้างความฮือฮาทั่วโลก ในการตัดสินใจจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนามกิจการร่วมค้า “เอเชียน ฟุตบอล อินเวสต์เมนท์” ใช้เงินทุนเกือบ 5,000 ล้านบาท (100 ล้านปอนด์) เข้าสู่ซื้อสโมสรฟุตบอล “เลสเตอร์ ซิตี้” ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ครอบครองทรัพย์สินหลัก ๆ คือ สนามฟุตบอล สถาบันฝึกสอนฟุตบอล และวอล์เกอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม”
ปี 2560 ถัดจากนั้นอีก 7 ปี ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีดังกล่าว เข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแห่งที่ 2 “Oud-Heverlee Leuven : OHL” ประเทศเบลเยี่ยม
ไฮไลต์สำคัญคือ คุณวิชัยใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถนำ “สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้” ซึ่งตกชั้นมายาวนาน 132 ปี ผงาดคว้าแชมป์ “ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ” เป็นผลสำเร็จได้ในฤดูกาล ปี 2015/2016 เปิดประวัติศาสตร์โลกครั้งสำคัญเป็นตำนานได้รับการกล่าวขานถึงจากทั่วโลกอย่างกว้างขวาง ถึงศักยภาพความสามารถของนักธุรกิจไทย
นั่นคือจุดเริ่มที่ทำให้ชาวเมืองเลสเตอร์รักคุณวิชัยและครอบครัว ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงปลุกเมืองที่เคยหลับไหลให้ตื่นมามีชีวิตคึกคักในหลาย ๆ ด้าน ทั้งชื่อเสียงซึ่งทำให้คนทั่วโลกรู้จักมากขึ้น สร้างเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของผู้คนเลสเตอร์ ดีขึ้น ๆ ตามลำดับ โดยนำเงินบริจาคช่วยด้านการศึกษา โรงพยาบาล สร้างงาน สร้างโอกาสให้ชาวยุโรป และนักเตะมีรายได้เป็นกอบกำ
ในปี 2560 ได้ใช้เงินราว 500 ล้านบาท ซื้อสนามแฮมโปโล ใจกลางกรุงลอนดอน พัฒนาปรับปรุงแล้วแปลี่ยนชื่อเป้น คิง เพาเวอร์ บิลลิ่งแบร์ โปโล พาร์ค
ปี 2561 ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประกาศใช้เงิน 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการขนาดใหญ่คิง เพาเวอร์ มหานคร กลุ่มธุรกิจใหม่ถอดด้าม อสังหาริมทรัพย์สไตล์ Mix Use เตรียมเปิดบริการอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้
วิชัย ศรีวัฒนประภา คือ THE IMPOSSIBLEMAN VS คือผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้ทั่วโลกต้องจดจำไปตลอดกาล
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “พระราชทานน้ำหลวงอาบศพคุณวิชัยคิงเพาเวอร์”
กำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดพระอภิธรรม คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ณ ศาลากวีนิรมิต (กลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เวลา 17.30 น.พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศประกอบศพ เวลา 18.30 น.พิธีสวดอภิธรรมศพ
วันอาทิตย์ที่ 4 – วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2561 พิธีสวดอภิธรรมศพ ทุกวันเวลา 19.00 น.
การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศแปดเหลี่ยม ฉัตรเบญจาตั้งประดับ ปี่ กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพเวลากลางคืน กำหนด 3 คืน
ในการนี้ เจ้าภาพขอความร่วมมืองดพวงหรีด โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถร่วมบำเพ็ญกุศลสมทบทุนเพื่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลศิริราช
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์เปิด90ปีมิคกี้เมาส์ดึงคนเที่ยวยาว
นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เป็นประธานเปิดงาน “คิง เพาเวอร์ แอนด์ ดีสนีย์ เอนด์เลส เซเลเบรชั่นส์” (King Power and Disney’s Endless Celebrations) เมื่อเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นแคมเปญความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กับ บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์ ต่อเนื่อง 88 วัน ณ บริเวณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนศกนี้ - 27 มกราคม 2562 เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์ร่วมในดินแดนมหัศจรรย์ 6 โซน พร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยระบบ 3D แม็ปปิ้ง นิทรรศการภาพวาดโมเดลมิคกี้ เม้าส์ โดยศิลปินไทยชั้นนำระดับประเทศ
การจัดงานฉลอง 90 ปี แห่งความมหัศจรรย์ของมิคกี้ เม้าส์ ที่ได้เดบิวต์ครั้งแรกในการ์ตูนสั้นเรื่อง Steamboat Willie กำกับโดย วอลท์ ดีสนีย์ เมื่อ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1928 (พ.ศ.2471) ซึ่งวันดังกล่าวทุกปีจึงกลายมาเป็นวันเกิดของมิคกี้ เม้าส์ ปีนี้ได้นำมาสร้างสรรค์ให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชีย ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ
การเปิดงานวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เป็นตามกำหนด โดยมีเหล่าดาราดังและศิลปินชั้นนำให้เกียรติร่วมงานคับคั่ง อาทิ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย ควงคู่มากับก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พร้อมด้วยคู่เพื่อนรัก เบลล์-เขมิศรา พลเดช และ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง, เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย และลูกๆ ทั้ง 4 ได้แก่ ออกัส ออก้า ออกู๊ด และ ออเกรซ ส่วน เคน-ภูภูมิ พงศ์ภานุภาค มาพร้อม เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ตลอดการจัดงาน 88 วัน ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เนรมิตพื้นที่ด้วยการดีไซน์เรื่องราวของมิคกี้ เมาส์ ให้นักท่องเที่ยวด้เดินชมดินแดนมหัศจรรย์ทั้ง 6 โซน ได้แก่
1.“เซเลเบรชั่น เอ็กซ์เพรส (Celebration Express)” รถไฟมหาสนุกที่มีหน้าต่างเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
ซึ่งเหมาะใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายภาพ ภายในรถไฟจำลองเหมือนของจริง หน้าต่างจะเป็นจอที่มีภาพทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามในรูปแบบกราฟิกแอนิเมชั่น เมื่อขึ้นไปบนรถไฟจะรู้สึกราวกับรถไฟกำลังเคลื่อนไหวอยู่จริง ๆ เพื่อเดินทางไปสู่ “มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด”
2.“การ์เด้น ออฟ ดรีมส์ (Garden of Dreams)” เป็นสวนกลางถนนรางน้ำที่ตกแต่งในธีมมิคกี้ เม้าส์แห่งแรกในประเทศไทย สวนนี้เปรียบเสมือนดินแดนแห่งความฝัน ที่ละลานตาไปด้วยดอกไม้จริงที่มีสีสันสวยงาม มีจุดสำหรับถ่ายรูปพร้อมตัวการ์ตูนต่างๆ มากมาย ที่มอบโอกาสให้แฟนๆ สามารถสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่
3.“มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด (Mickey and Friends Boulevard)” ออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนย่านการค้า ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ตกแต่งอาคารทั้งสองฝั่งถนนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากตัวการ์ตูนดิสนีย์ในท่าทางต่าง ๆ ทั้งมิคกี้ เม้าส์ มินนี่ เม้าส์ พลูโต กู๊ฟฟี่ โดนัลด์ ดั๊ก เดซี่ ดั๊ก และชิปแอนด์เดล พร้อมมีกิจกรรมและเวิร์คช็อปสำหรับแฟน ๆ ทุกเพศทุกวัย รวมถึงไฮไลท์ช่วงเย็นด้วยขบวนพาเหรดสร้างความประทับใจให้ทุกคน
4.“มิคกี้ ฮอลล์เวย์ (Mickey Hallway)” ผนังอินเตอร์แอคทีฟขนาดยาว ที่จะมีการแสดงภาพกราฟิกน่ารัก ๆ และจอสำหรับเล่นเกม โดยเกมจะเปลี่ยนไปตามธีมของแต่ละเดือนดังนี้
- เดือนพฤศจิกายน แฟนๆ จะได้สนุกไปกับเหล่าเพื่อนผองจากดีสนีย์ในเกมโยนลูกบอลลงห่วงรูปมิคกี้ เม้าส์
- เดือนธันวาคม สนุกไปกับกิจกรรมปั้นหิมะเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
-เดือนมกราคมจะมีกล่องรางวัลมากมาย ที่จะมีพลุออกมาเมื่อสัมผัส
5.“เมกา สโตร์ (Mega Store)” พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์ที่ออกแบบมาเพื่อร่วมเทศกาลนี้ มีสินค้าสำหรับทุกคนในครอบครัว อาทิ เสื้อผ้า ของเล่น ที่หุ้มกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสะพาย พวงกุญแจ และเครื่องใช้ต่าง ๆ วางจำหน่ายในช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของมิคกี้ เม้าส์ โดยมีสินค้ามิคกี้ เม้าส์ คอลเลคชั่น ‘สวัสดี’ มาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในโลก
6.“มิคกี้ แกลเลอรี่ (Mickey Gallery)” นิทรรศการศิลปะสุดแนวในชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” ที่สร้างสรรค์ลวดลายบนหุ่นโมเดลมิคกี้ เม้าส์ โดย 9 ศิลปินชาวไทย และนักแสดงระดับแถวหน้า พร้อมเหล่าคนดังมากมาย เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์
ไฮไลต์วันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 แฟนดีสนีย์ และลูกค้า คิง เพาเวอร์ จะได้มีโอกาสกระทบไหล่กับเหล่าผองเพื่อนตัวโปรดจากดีสนีย์ และชวนคนเกิดเดือนพฤศจิกายน 1,928 คน มาร่วมสร้างสถิติกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส ร่วมเป่าเทียน 1,928 เล่มพร้อมกันเพื่อฉลองวันเกิดให้มิคกี้ เม้าส์ พร้อมทั้งร่วมปล่อยบอลลูนสู่ท้องฟ้า 1,928 ลูกสู่ท้องฟ้า แล้วจากนั้นก็สามารถร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ตลอดระหว่าง 23- 25 พฤศจิกายน 2561
สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ชวนนักท่องเที่ยวร่วมได้ภายในงาน ประกอบไปด้วย กิจกรรมเวิร์คช็อปสร้างสรรค์แอคเซสเซอรี่สไตล์ดีสนีย์ ชมการแสดง แสง สี เสียง และ 3D แม็ปปิ้ง สุดตระการตา ในโอกาสพิเศษนี้ แฟน ๆ มิคกี้เมาส์จะได้พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษมากมายทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ตุ๊กตา เครื่องครัว เครื่องใช้ต่าง ๆ
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในร้านคิง เพาเวอร์ ทุกสาขา รวมทั้ง เมกา สโตร์ (Mega Store) บริเวณ ถนนรางน้ำ โดยไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางไปต่างประเทศก็ซื้อได้เช่นเดียวกับ “สินค้าป้ายฟ้า” พร้อมจำหน่ายและเปิดให้ช้อปได้ปกติเหมือนสินค้าทั่วไป
ข่าวที่ 3 “ททท.หนุนคุนหมิงแอร์เพิ่มจีนดันหาดใหญ่โต”
นางฐิติพร มณีเนตร ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สายการบินคุนหมิงแอร์ไลน์ ได้กลับมาเปิดบินตรงในช่วงตารางบินฤดูหนาวตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2561 – 30 มีนาคม 2562 เส้นทางไป-กลับ ไท่หยวน-คุนหมิง-หาดใหญ่ ด้วยเที่ยวบิน KY8361 และ KY8362 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของไทย บริเวณเชื่อมโยงจากหาดใหญ่ สงขลา สู่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล จะเติบโตเพิ่มจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ซึ่งแต่ละปีเดินทางเข้าเมืองไทย 6.7 - 7 แสนคน โดยนิยมไปพักผ่อนตามจังหวัดที่มีหาดทรายชายทะเล ชอบใช้จ่ายเงินรับประทานอาหารอร่อย ช้อปปิ้ง
ตามที่ ททท. ประเมินสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นฟูกลับมาและจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ตามปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 10.5 – 10.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5 – 7 % สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้ประเทศได้ถึง 5.9 – 6.02 แสนล้านบาท เพิ่ม 10 – 12% ปี 2562 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนไว้ประมาณ 11.1 ล้านคน เพิ่ม 4% และสามารถสร้างรายได้กระจายสู่ทั่วประเทศอีกประมาณ 6.59 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 %
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 นางนิติพรร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ KY8361 ที่เดินทางมาถึงหาดใหญ่ พร้อมกับมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มดังกล่าว โดยมีนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าการราชการจังหวัดสงขลา Ms. Yilin Jin รองกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำสงขลา พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดสงขลาร่วมมือกันอย่างแข็งขัน
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนร่วมทำหนังสือเสียงช่วยสังคม”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้โพสต์ในเฟสบุ๊ค เชิญชวนให้ร่วมโครงการ จัดทำหนังสือเสียง ให้แก่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งหนังสือคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ จึงเปิดให้คนที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์หนังสือเสียง เพื่อส่งมอบความสุขและโอกาสให้กับผู้พิการทางสายตา
ผู้ที่สนใจร่วมสร้างสรรค์การทำหนังสือเสียง สามารถเข้าร่วมได้ในช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1.ผ่านแอพพลิเคชั่น “Read for the Blind” ด้วยการอ่านหนังสือหรือบทความสั้นๆ ที่น่าสนใจ ได้อย่างง่ายๆและสะดวกมากขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติม www.facebook.com/ReadfortheBlind
2. ห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ มูลนิธิคนตาบอดไทย ผ่านโปรแกรม OBI ข้อมูลเพิ่มเติม www.nlbp.org, www.facebook.com/daisyth.team
ข่าวที่ 5 “TCEBผนึกรัฐ/เอกชนปั้นโมเดลขอนแก่นไมซ์ซิตี้”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ได้นำทีมลงพื้นที่ไมซ์ ซิตี้ จังหวัดขอนแก่น เพื่อผนึกกำลังกันประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) กับรัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมมากกับการขับเคลื่อนไมซ์เพื่อกระจายรายได้สู่เมืองและชุมชน
โดยได้เดินหน้าสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมไมซ์กับหน่วยราชการ ถ่ายทอดองค์ความรู้เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้า ขณะเดียวกันทีเส็บยังได้เชิญวิทยากรระดับมืออาชีพจากศูนย์ประชุมในกรุงเทพฯ ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มผู้ฟังโดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากทั้ง นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ร่วมเป็นประธานเปิดการประชุมเวิร์คช็อปพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้เข้าร่วมงาน
ระหว่างการเวิร์คช็อปครั้งนี้ มีการนำเสนอให้ขอนแก่นเป็นโมเดลต้นแบบไมซ์ซิตี้ โดยผู้เข้าร่วมได้เสนอความเหมาะสมให้เลือก 4 รูปแบบ ประกอบด้วย 1. เมืองขอนแก่นตั้ง Convention and Visitors Bureau :cvb ขึ้นเอง เพื่อทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม อุตสาหกรรมไมซ์ 2. สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์ประสานงาน 3. ตั้งสมาคมไมซ์ของเมืองขอนแก่น โดยเอกชน 4. ทีเส็บลงทุนไปตั้งสำนักงานสาขาแห่งใหม่เพื่อทำหน้าที่พัฒนาไมซ์แบบครบวงจร
ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมสนใจโมเดลแบบที่ 2 ให้สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์ประสานงาน จากนั้นจะยกระดับไปสู่แบบที่ 3 ให้เอกชนขับเคลื่อนการจัดตั้งสมาคมไมซ์ ซิตี้ ขึ้น เพื่อความยั่งยืน โดยให้ยึดแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายต้องมีความพร้อมเดินหน้าไปด้วยกันแล้วทำงานเป็นทีม พัฒนาโมเดลขอนแก่นไมซ์ ซิตี้ ให้ก้าวหน้าต่อไป
ข่าวที่ 6“ทอท.ทำ6สนามบินผู้โดยสารปี61พุ่ง132ล้านคน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ปี 2561 ได้สรุปผลการดำเนินงาน ระหว่างตุลาคม 2560 – กันยายน 2561 ท่าอากาศยาน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารใช้บริการมากถึง 139.52 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 80.49 ล้านคน เพิ่ม 11 % โดยสารภายในประเทศ 59.03 ล้านคน เพิ่ม 4.2 % ส่วนเที่ยวบินจำนวน 875,000 เที่ยว เพิ่ม 6.2 % แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 462,230 เที่ยวเพิ่ม 11.3 % และเที่ยวบินภายในประเทศ 412,770 เที่ยว เพิ่ม 1.1 %
สถิติผู้โดยสารมากสุดคือ สุวรรณภูมิ 62.81 ล้านคน เพิ่ม 6.3 % แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 51.15 ล้านคน เพิ่ม 6.6 % ผู้โดยสารภายในประเทศ 11.66 ล้านคน เพิ่ม 5.3 % มีเที่ยวบิน 364,000 เที่ยว เพิ่ม 5.3 % แบ่งเป็นระหว่างประเทศ 277,900 เที่ยว เพิ่ม 6.9 % เที่ยวบินในประเทศ 86,100 เที่ยว เพิ่ม 0.3 %
รองลงมาคือดอนเมืองมีผู้โดยสาร 40.56 ล้านคน เพิ่ม 9.1 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15.83 ล้านคน เพิ่ม 19.2 % ผู้โดยสารภายในประเทศ 24.73 ล้านคน เพิ่ม 3.5 % มีเที่ยวบิน 270,000 เที่ยว เพิ่ม 6.5 % แบ่งเป็นระหว่างประเทศ 96,160 เที่ยว เพิ่ม 15.5 % ในประเทศ 173,840 เที่ยว เพิ่ม 2.1 %
ส่วนอีก 4 สนามบิน ได้แก่ 1.ภูเก็ตมีผู้โดยสาร 18.26 ล้านคน เพิ่ม 12.5 % มีเที่ยวบิน 116,500 เที่ยว เพิ่ม 11.1 % 2.เชียงใหม่มีผู้โดยสาร 10.81 ล้านคน เพิ่ม 8.4 % มีเที่ยวบิน 75,600 เที่ยว เพิ่ม 4.9 % 3.เชียงราย มีผู้โดยสาร 2.81 ล้านคน เพิ่ม 17.6 % มีเที่ยวบิน 19,700 เที่ยว เพิ่ม 16.7 % 4.หาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 4.27 ล้านคน ลดลง 1.9 % มีเที่ยวบิน 29,200 เที่ยว ลดลง 4.2 %
สำหรับผู้โดยสารเข้าและออก ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินทั้ง 6 แห่ง แยกตามสัญชาติจำนวนมากสุดไล่ลงไปตามลำดับ คือ กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก รัสเซีย และอเมริกา แยกเป็น 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน มีจำนวนมากสุด ท.กว่า 19.79 ล้านคน เพิ่ม 21.8 % ตามด้วย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย รัสเซีย อเมริกัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และอังกฤษ
ช่วงที่ 2 ออกไปลุยเที่ยว “นครสวรรค์ เมืองอาหารอร่อยล้ำ-แหล่งท่องเที่ยวแสนดี” ของกินแต่ละอย่างเด็ดอย่าบอกใคร ไฮไลต์ข้าวช่อราตรีแชมป์ระดับประเทศ ปลากรายเนื้อนุ่ม โมจิไส้ครบเครื่อง ปุยฝ้ายสวรรค์รสเลิศ กินเสร็จปีนไปเที่ยวยอดเขาหน่อแก้ว อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ เมืองไทยมีสุดยอดของดี จากนั้นก็มาดูว่า “อาการแพ้เครื่องสำอางมีวิธีป้องกันและแก้อย่างไร” ส่วนข่าวส่งท้าย “การบินไทย” ฮึดอีกรอบด้วยบริการลีมูนหรูผ่านออนไลน์ไป-กลับ สุวรรณภูมิ หวังเจาะตลาดคนรวยติดหรู “รถไฟ” ยิ้มกริ่มขายตั๋วเต็มแล้วช่วงปีใหม่ 28 ธ.ค.61- 4 ม.ค.2562 จัดรถไว้ 244 ขบวน รับได้วันละแสนคน ส่วน “เจ้าท่า” จัดใหญ่มาตรการความปลอดภัยเที่ยวทางเรือในกระบี่-อันดามัน
@นครสวรรค์เมืองอาหารเลิศรส-แหล่งเที่ยวแสนดี
เมืองท่องเที่ยวรองมีชื่อเสียงโด่งดังของศูนย์รวมของกินอร่อย ต้องยกให้ “นครสวรรค์” ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยารอยต่อภาคกลางตอนบนกับภาคเหนือตอนล่าง มีของอร่อยสมคำร่ำลือทั้ง “ขนมโมจิ” ต้นตำรับของเมืองไทย “ข้าวช่อราตรี” ของดีเมืองปากน้ำโพ “ลูกชิ้นปลากราย” รสนุ่มหนึบปลาล้วน ๆ ไร้แป้ง ได้ถูกกระจายไปผสมอยู่ในจานเด็ดตามร้านก๋วยเตี๋ยว “ขนมปุยฝ้าย” ที่ใช้ในงานเทศกาลมงคลมากมาย
“นครสวรรค์” เป็นเมืองการค้าเก่าแก่ขึ้นชื่อของปากน้ำโพ นครสวรรค์ เป็นอีกเมืองรองที่มีวัฒนธรรมอาหารถิ่น แปลกแตกต่างจากอีกหลายจังหวัด ไฮไลต์ “ข้าวช่อราตรี” มีคุณสมบัติโดดเด่นมากเมื่อนำมาหุงจะขึ้นหม้อ มีทั้งกลิ่นหอมและความนุ่มมาก เคยชนะเลิศคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้วเมื่อปี 2559
ส่วนขนม “ปุยฝ้ายสวรรค์” เป็นของฝากที่ใช้ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสื่อถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟู คล้ายลักษณะของขนม สำหรับรสชาติก็อร่อยไม่แพ้หน้าตาสวยหวานซึ้ง
“โมจิ” เป็นการนำขนมโมจิของญี่ปุ่นมาดัดแปลงรสชาติของไส้ให้ถูกปากคนไทย ครบเครื่องทั้งรสหวาน มัน เค็ม แตกต่างจากญี่ปุ่นจะเน้นไส้ที่มีความหวานเข้มข้นเพียงอย่างเดียว
เมื่อไปถึงนครสวรรค์ จะพลาดไม่ได้เลยในการเข้าไปสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง “เขาหน่อ-เขาแก้ว” ซึ่งเป็นจุดชมวิวท้าทายนักปีนป่ายเขาผ่านขั้นบันได เพื่อขึ้นไปยืนสูดโอโซนบนยอดสูงสุด ปรายตาทอดลงมามองจะเห็นทุ่งนาพาโนรามาเขียวขจี
“อุทยานแห่งชาติแม่วงก์” สุดยอดแห่งความงามในผืนป่าตะวันตก มีเส้นทางให้เหล่านักผจญภัยต้องชวนกันพิชิตเทือกเขา “โมโกจู” ในอุทยานแห่งนี้ ขอบอกก่อนเลยว่าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ความสวยที่ซ่อนความท้าทายอยู่อย่างมาก
“วัดคีรีวงศ์” ที่ประดิษฐานพระเจดีย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ มีพระจุฬามณีเจดีย์ สีทองอร่าม แต่ละชั้นมีรูปหล่อเกจิอาจารย์ดังและพระพุทธรูปจำลองสำคัญ ๆ อีกทั้งด้านบนสุดยังเป็นชมวิวทั้งเมืองนครสวรรค์ได้อย่างตระการตา
เที่ยวเมืองไทยไปนครสวรรค์ แล้วจะรู้ว่า “ของกินอาหารถิ่น” อร่อยล้ำ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวก็เทียบชั้นได้กับอีกหลายจังหวัดชั้นนำของเมืองไทย
@ผู้หญิงทั้งหลายเมื่อแพ้เครื่องสำอางต้องทำอย่างไร
การแพ้เครื่องสำอางมีลักษณะหลายประเภทต่าง ๆ กันตามกลไกการเกิดโรคดังนี้
1. ผิวหนังอักเสบจากภาวะภูมิไว้เกิน (Allergic Contact Dermatitis) เกิดจากสาร Paraphenylene diamine ในยาย้อมผม น้ำหอม ยาทาเล็บ สารกันบูด ยาระงับกลิ่นตัว ลิปสติก ทำให้มีผื่นแดง ตุ่มน้ำเหลืองเยิ้ม
2. ผิวหนังอักเสบจากภาวะภูมิไวเกิน ที่มีแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น (Paoto Allergic Dermatitis) จะพบผื่นแดง อาจมีตุ่มน้ำและปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บริเวณที่พบการอักเสบคือส่วนของผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้า เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม หู คอ พบบ่อยว่าเกิดจากสบู่ยา เครื่องสำอางที่ผสมน้ำหอม
3. ลมพิษตรงที่สัมผัสถูกสารเคมี (Contact Mrticaria) เช่น ใช้น้ำหอมทาที่ซอกคอก็เกิดผื่นลมพิษที่ซอกคอ ผื่นลมพิษนี้จะหายไปเองใน 24 ชม. ถ้าไม่ได้รับสารที่ทำให้เกิดลมพิษอีก มีการพบบ่อยในเครื่องสำอางที่ผสม Cinnamon Aldehyde, Cinnamon Acid, Benzoic Acid, Benzaldehyde)
กรณีที่เกิดการแพ้ขึ้นแล้วควรปฏิบัติอย่างไร?
ขั้นแรกให้รีบหยุดใช้เครื่องสำอางที่สงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของการแพ้ รอดูอาการสัก 3-4 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นหรือไม่หายให้ไปปรึกษาแพทย์ ระหว่างที่รออาจลองรักษาเองโดยใช้สำลี หรือผ้าขาวสะอาด ชุบน้ำต้มสุก ชะน้ำเหลืองออกวันละ 3-4 ครั้ง (ถ้ามีน้ำเหลืองเยิ้ม) ถ้าการอักเสบเป็นเพียงผื่นแดงไม่เยิ้ม ใช้น้ำสุกประคบก็ได้วันละ 3-4 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที หากมีอาการคันให้กินยาแก้แพ้ (คลอร์เฟนิรามีน) ขนาด 4 มก. ครั้งละ 1-2 เม็ด (สำหรับผู้ใหญ่) วันละ 3-4 ครั้ง
กรณีที่ไปพบแพทย์ ควรนำเครื่องสำอางพร้อมฉลากแนะนำผลิตภัณฑ์ติดตัวไปให้แพทย์ดูด้วย อาจช่วยให้การหาสาเหตุของการแพ้ง่ายขึ้น
มีวิธีการป้องกันการแพ้เครื่องสำอางหรือไม่?
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีที่เราเคยแพ้ แต่ในทางปฏิบัติเป็นการยากมาก เพราะมีหลายสาเหตุ และเครื่องสำอางประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดรวมกัน คนที่แพ้ อาจจะแพ้สารเคมีชนิดเดียว หรือหลายๆชนิด ที่เป็นส่วนผสมก็ได้
ดังนั้นก็คงต้องลองดูก่อนที่จะนำมาใช้จริง โดยลองทาเป็นบริเวณเล็กๆ ที่ท้องแขน แล้วปล่อยไว้ 24-48 ชม. โดยไม่ให้ถูกน้ำ หากปรากฏว่าเกิดผื่นแดงชัดเจน หรือมีตุ่มน้ำร่วมด้วย แสดงว่าแพ้ ก็ไม่ควรนำมาใช้อีกต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 บินไทยรุกบริการลีมูนซีนหรูไป-กลับสุวรรณภูมิ
นางปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ บริษัท แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด ในเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าการบินไทยได้ใช้รถลีมูซีนรับ-ส่ง และบริการอำนวยความสะดวกในสนามบิน ระดับเวิลด์คลาส หรูหรา ความปลอดภัย ตรงเวลา ไว้วางใจได้
นางสาวกนกพร ณ ระนอง ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า
ให้บริการลูกค้าคอร์เปอร์เรทระดับพรีเมี่ยมโดยจะให้บริการผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินต่างประเทศของการบินไทยในสุวรรณภูมิเท่านั้น โดยจะนำประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่คอร์เปอร์เรทแบรนด์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มไพรเวทแบงค์กิ้ง ลักซ์ชัวรี่คาร์ กลุ่มประกันภัย กลุ่มวานิชธนกิจ กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจสายการบิน
บริการดังกล่าวนี้ผู้โดยสารจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมง ทาง www.thaiairways.blacktie-limousine.com หรือ โทร. 0-2239-8800 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.
ข่าวที่สอง “ตั๋วรถไฟปีใหม่เต็มแล้ว244ขบวนวันละแสนคน”
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)กล่าวว่า การรถไฟฯ เตรียมแผนรองรับการเดินทางชช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ระหว่าง 28 ธันวาคม 2561– 4 มกราคม 2562 โดยได้จัดขบวนรถไว้บริการวันละ 244 ขบวน พร้อมพ่วงเพิ่มตู้โดยสารทุกขบวน และเพิ่มพิเศษอีก 8 ขบวน รับได้วันละ 1 แสนคน เพียงพอจะไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่การรถไฟ ตำรวจรถไฟ คุมเข้มมาตรการความปลอดภัย และเดินรถให้ตรงเวลา
แต่ละวันจะมีบริการขบวนนรถสายเหนือ 42 ขบวน รองรับได้ 17,294 คน สายตะวันออกเฉียงเหนือ 58 ขบวน รองรับได้ 21,280 คน สายใต้ 76 ขบวนรองรับได้ 28,040 คน สายตะวันออก 26 ขบวน รองรับได้ 12,936 คน และสายแม่กลอง 42 ขบวน รองรับได้ 11,088 คน
ช่วงขาออกจากกรุงเทพฯ วันที่ 28 – 29 ธันวาคม 2561 สายเหนือกับอีสานจะเพิ่มอีก 4 ขบวน รับผู้โดยสารได้ 5,200 คน ส่วนเที่ยวกลับช่วงวันที่ 1 – 2 มกราคม 2562 อีก 4 ขบวน รองรับได้ 5,200 คน ขณะนี้ยอดจองตั๋วรถไฟเต็มแล้วทุกเส้นทาง 100 % โดยเฉพาะรถขบวนใหม่ เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ - อุบลราชธานี ชั้น 1 และชั้น 2 เนื่องจาก ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้จองตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าตามกติกาสามารถจองก่อนเดินทางได้ไม่เกิน 90 วัน
ข่าวที่สาม “เจ้าท่าเร่งเรือทัวร์กระบี่-อันดามันมาตรการเซฟตี้”
นาย สมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ กล่าวว่า ผลการประชุมร่วมระหว่างเจ้าท่ากับหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลในกระบี่และอันดามัน ได้กำหนดมาตรการดูแลการท่องเที่ยวทางน้ำเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการตรวจความปลอดภัยทางน้ำประจำสัปดาห์ร่วมกัน 3 หน่วยงานหลัก คือ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-เกาะพีพี
รวมทั้งการกำหนดและมอบหมายพื้นที่รับผิดชอบทางน้ำที่ชัดเจน ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ การซักซ้อมวิธีปฏิบัติร่วมกับผู้ประกอบการตรวจเรือก่อนออกจากจุด check point ของจังหวัดกระบี่ 9 แห่ง เน้นย้ำต้องไม่บรรทุกผู้โดยสารเกินที่กำหนด เสื้อชูชีพต้องครบและได้มาตรฐาน การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้โดยสาร อุปกรณ์ประจำเรือ เอกสารอนุญาตเรือและคนประจำเรือต้องถูกต้อง
และให้ผู้ประกอบการเรือเร็วถ่ายรูปเรือและผู้โดยสารก่อนออกเรือ ส่วนผู้ประกอบการต้องถ่ายทอดสื่อประชาสัมพันธ์การถอดบทเรียนอุบัติเหตุ เรือไฟไหม้ เรือระเบิด ไปยังนายท้าย ช่างเครื่อง ให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำ โดยเป็นการจัดทำร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่ากับภาคเอกชนผู้ผลิตเครื่องเรือ เพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักในมาตรการความปลอดภัยทางน้ำ
อีกทั้งยังได้ขอให้ผู้ประกอบการลดความเร็วและลดเสียงเรือหัวโทง ในเขตชุมชนและบริเวณพื้นที่จัดงานแสดง รวมถึงการหารือแนวทางกำหนดและประกาศค่าโดยสารทางน้ำ เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับนักท่องเที่ยว
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง FM 97.0 MHz.
นำพลังไทยด้านท่องเที่ยว-กีฬายิ่งใหญ่ในเวทีโลก
เสาร์ที่3พ.ย.พระราชทานน้ำหลวงอาบศพคุณวิชัย
คิงเพาเวอร์เปิด90ปีมิคกี้เมาส์บูมท่องเที่ยวข้ามปี
ททท.หนุนคุนหมิงแอร์ไลน์เพิ่มจีนเที่ยวหาดใหญ่โต
บางจากชวนร่วมทำหนังสือเสียงช่วยผู้พิการทางตา
ทีเส็บลุยเลือกโมเดลต้นแบบขอนแก่นไมซ์ซิตี้2แบบ
ทอท.ฉลุย6สนามบินปี’61ผู้โดยสารพุ่ง132ล้านคน
ทัวร์นครสวรรค์เมืองอาหารอร่อยล้ำ-แหล่งทัวร์เลิศ
อาการแพ้เครื่องสำอางมีวิธีรับมือให้สวยได้ตลอด
การบินไทยผุดลีมูซีนสุวรรณภูมิเจาะตลาดคนรวย
รถไฟยิ้มตั๋วปีใหม่ขายเกลี้ยง244ตู้ขนวันละแสนคน
เจ้าท่าเอาจริงมาตรการปลอดภัยเรือทัวร์อันดามัน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เจาะลึกคุณูปการของนักธุรกิจคนไทยผู้“วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คือ “The Possible Man VS” ที่คนทั่วโลกพากันยกย่อง โดยได้สร้างผลงานมากมายตลอด 3 ทศวรรษ บุกเบิก 16 บริษัท 5 กลุ่มธุรกิจ ทำให้พลังคนไทยโด่งดังมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทั้งทางด้านร้านค้าปลีกการท่องเที่ยวดิวตี้ฟรี นำพาประเทศไทยมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับอินเตอร์ผู้สร้างปาฏิหารย์เมืองเลสเตอร์ สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ “การสร้างและการให้โอกาส” คนทุกชนชาติได้รับอานิสงส์เหล่านี้วินวินไปด้วยกัน
พลังคนไทยที่ชื่อ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บุรุษผู้สร้างประวัติศาสตร์จนทั่วโลกพากันยกย่องสรรเสริญว่าเป็นสุภาพบุรุษสุดยอดนักธุรกิจ “ผู้ให้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด” ถึงแม้จะล่วงลับไปด้วยวัยเพียง 60 ปี จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตกบริเวณใกล้สนามฟุตบอล คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2561
ทว่าคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้บุกเบิกและก่อตั้งไว้ 16 บริษัท จัดได้ 5 กลุ่มธุรกิจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจประเทศ สร้างและให้โอกาสกับผู้คน
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน “วิชัย ศรีวัฒนประภา” สกุลเดิม รักศรีอักษร บินลัดฟ้าจากฮ่องกง กลับบ้านเกิดในประเทศไทย พร้อม ๆ กับเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ กลุ่มแรก “ร้านค้าปลอดภาษีและอากร” ภายใต้ชื่อ บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อปี 2532 ยึดทำเลแรกในตึกมหาทุน พลาซ่า แล้วต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ โดยการแตกไลน์ตามลักษณะของธุรกิจ อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, ดิวตี้ฟรี, แท็กฟรี, มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเมนท์, เอนเตอร์เทนเมนท์ และมหานคร
กระทั่งปัจจุบันดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีครบวงจร ได้แก่
1.ดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) ซึ่งรัฐบาลไทยเปิดเสรีเมื่อปี 2537 ทำให้คิง เพาเวอร์ ขยายสาขาได้ถึง 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ 2 แห่ง ที่รางน้ำ และศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และกำลังจะเปิดในตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร ภายในปี 2561 เป็นต้นไป
2.ดิวตี้ฟรีสนามบิน (duty free airport ) ได้มาจากการลงแข่งขันประมูลสิทธิ์อย่างถูกต้องจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รวม 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่
3.ดิวตี้ฟรีบนเครื่องบิน (duty free onbroad) ใน 2 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย และแอร์เอเชีย
ธุรกิจกลุ่มที่ 2 กีฬาฟุตบอล กับโปโล โดยเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับอินเตอร์เนชั่นแนล 2 สโมสร และยังได้บุกเบิกก่อตั้งสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย
ธุรกิจกลุ่มที่ 3 อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ และอาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร เทรนด์ใหม่สไตล์ MIX USE ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโครงการมีบริการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าดิวตี้ฟรี จุดชมวิวสูง และส่วนเชื่อมต่อกับคอนโดมิเนียม
ธุรกิจกลุ่มที่ 4 การโฆษณา การตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าของบริษัทเป็นหลัก รวมถึงการทำแบรนด์อินเฮาส์ของตนเอง
ธุรกิจกลุ่มที่ 5 เกี่ยวกับการบินบางประเภท ซึ่งเข้าไปถือหุ้นไทย แอร์เอเชีย บางส่วน และการดูแลเครื่องบินส่วนตัวที่ใช้ในกิจการสโมสรฟุตบอล
เส้นทางการพัฒนาธุรกิจจากจุดเริ่มเล็ก ๆ จนกลายเป็นอาณาจักรที่มีความมั่งคั่ง ตามที่นิตยสาร Forb จัดให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 5 ของเมืองไทย ประจำปี 2561 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.62 แสนล้านบาท
ตลอด 3 ทศวรรษที่ “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” ก่อร่างสร้างขึ้นมาจนทำให้คนทั่วโลกรู้จัก “ประเทศไทย” รวมทั้งยังเป็นเสาหลักส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยได้สร้างรายได้เข้าสู่ระบบในเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล แต่ละยุคผ่านวิกฤตและความยากลำบากมาไม่ต่ำกว่า 10 รัฐบาล
ระหว่างปี 2532-2560 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ร้านค้าดิวตี้ฟรีเป็นแม่เหล็กสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใช้จ่ายเงินหมุนเวียนมากกว่า 1 ล้านล้านบาท พร้อม ๆ กับสนับสนุนสินค้าไทยและผลิตภัณฑ์ชุมชนกว่า 1,200 ราย นำสินค้ามาวางจำหน่ายในร้านดิวตี้ฟรีคิง เพาเวอร์ สาขาต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงขณะนี้มูลค่าเกินกว่าครึ่งแสนล้านบาท
ประการสำคัญ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “จ่ายภาษี-ผลตอบแทนรัฐ” อย่างสม่ำเสมอมาตลอด 29 ปี รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การชำระค่าตอบแทนภาครัฐที่เกี่ยวข้องกว่า 80,000 ล้านบาท จ่ายภาษีธุรกิจคืนรัฐประมาณ 25,000 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้คนไทยนับจากวันเริ่มต้นที่อาคารมหาทุน พลาซ่า มีพนักงานแค่หลักร้อยคน กระทั่งวันนี้มีสาขาทั่วประเทศรวมพนักงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
ทศวรรษที่ 1 ระหว่างปี 2532-2542
ช่วง 10 ปีแรก หลังจากได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีและอากร (duty/tax free) แห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้อาคาร “มหาทุนพลาซ่า” เป็นฐานที่มั่นรวม 7 ปี จากปี 2533 มาจนถึงปี 2537
ปี 2534 หลังบุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมืองแห่งแรกของไทยสำเร็จ ถัดไปเพียง 1 ปี คุณวิชัยได้ขยายแนวรุกไปยังต่างประเทศ โดยขยายสู่ต่างประเทศ จากการได้รับอนุญาตให้เปิด “ดิวตี้ฟรีกัมพูชา” ขึ้นอีกแห่ง เปิดบริการประมาณ 12 ปี ก็ยุติลงเมื่อปี 2545
ปี 2536 คุณวิชัยได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งจากการได้รับสัมปทานเปิดร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินดอนเมือง (airport duty free) เป็นเวลา 10 ปี ครบสัญญาเมื่อปี 2545
ปี 2538-2540 ทางรัฐบาลจีนสนับสนุนให้คิง เพาเวอร์ ใช้พื้นที่ในบริเวณกำแพงเมืองจีน กรุงปักกิ่ง เปิดร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก พร้อม ๆ กับการได้สัมปทานในสนามบินไคตั๊ก พัฒนาร้านค้าดิวตี้ฟรีที่เกาะฮ่องกง
ปี 2540-2549 คุณวิชัยนำทีมสร้างความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในการเข้าบริหารร้านค้าดิวตี้ฟรีบริเวณชั้น 7 อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งยังได้สัมปทานจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ให้เปิดร้านค้าในสนามบินดอนเมืองต่อเป็นครั้งที่ 2
ปี 2542 สามารถทำธุรกิจดิวตี้ฟรีแบบครบวงจร เมื่อ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สิทธิ์คิง เพาเวอร์ สามารถนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องการบินไทยในทุกเที่ยวบินระหว่างประเทศ เป็นเวลา 3 ปี สัญญาแรกสิ้นสุดปี 2544
ทศวรรษที่ 2 ช่วงปี 2543-2549
ปี 2549 คุณวิชัย นำคิงเพาเวอร์ประเดิมการบริหารจัดการพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) ในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเปิดบริการปีแรก
รวมถึงเป็นปีที่ได้ก่อสร้างอาณาจักรใหม่เป็นของตนเอง บนที่ดินเช่าใช้จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พื้นที่ขนาด 30 ไร่ เดิมเคยเป็นที่ตั้งองค์การรับส่งพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) แล้วถูกยุบทิ้งในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ดินดังกล่าวได้รับการแปลงโฉมใหม่กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งแห่งใหม่ของเมืองไทย
คิง เพาเวอร์ ทุ่มเงินราว 3,500 ล้านบาท ก่อสร้าง อาคารคิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่ระหว่างซอยรางน้ำและศรีอยุธยา ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 ร้านค้าปลอดอากรในเมืองมีเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมเป็นลูกโลกครึ่งใบเรียกว่า Crown Complex มีพื้นที่ กว่า 10,000 ตารางเมตร เปิดขายสินค้าปลอดอากร ปลอดภาษี สินค้าหัตถกรรมไทยและไทยโมเดิร์น พร้อมภัตตาคาร ร้านอาหาร และโรงละครอักษรา ขนาด 1,200 ที่นั่ง
ส่วนที่ 2 อาคารสำนักงานใหญ่ 9 ชั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอยรวม 12,250 ตารางเมตร
ส่วนที่ 3 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซึ่งเปิดเป็นแห่งแรกในเอเชีย ด้วยสไตล์ City Hotel กึ่งรีสอร์ต จำนวน 430 ห้อง มีห้องอาหาร ห้องประชุม สัมมนา และบริการครบวงจร
ปี 2550 คิง เพาเวอร์ หวนกลับไปได้สัญญาจากการนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องการบินไทยอีกครั้ง
ทศวรรษที่ 3 ระหว่างปี 2553-ปัจจุบัน
ปี 2554 คุณวิชัยประกาศขยายดิวตี้ฟรีในเมืองสาขาแรกในต่างจังหวัด โดยเลือกพัทยาซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ในปีเดียวกันก็ยังได้ร่วมมือกับ “แอร์ เอเชีย” ซึ่งเป็นสายการบินแบบประหยัดรายแรกของทวีปเอเชีย นำสินค้าดิวตี้ฟรีขึ้นไปขายบนเครื่องทุกเที่ยวบินระหว่างประเทศ
ปี 2555 เมื่อรัฐบาลประกาศให้กลับมาเปิดใช้สนามบินนานาชาติดอนเมืองอีกครั้ง หลังจากปิดมาถึง 7 ปี ครั้งนั้นคุณวิชัยเข้าร่วมประมูลพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีดอนเมืองใหม่อีกครั้งและสามารถชนะการประมูลได้สิทธิจำหน่ายสินค้าแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ กลายเป็นเจ้าของพื้นที่ดิวตี้ฟรีสนามบินศูนย์กลางของกรุงเทพฯ ทั้ง 2 แห่ง คือสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ปี 2556 เพียงหนึ่งปีให้หลังก็ได้ลงทุนใช้เงินกว่า 3,000 ล้านบาท เนรมิต “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์”เมกะโปรเจ็กต์ดิวตี้ฟรีในเมือง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีไว้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการแวะช้อป และรับประทานอาหาร เพื่อรอเวลาจะขึ้นเครื่อง โดยไม่ต้องไปแออัดกันอยู่ในสนามบิน ปัจจุบันศรีวารีเป็นร้านค้าดิวตี้ฟรีที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะปีละหลายล้านคน
ปี 2557 คุณวิชัยได้สร้างปรากฏการณ์ลงทุนอีก 2 โครงการ นั่นคือนำคิง เพาเวอร์ เข้าไปจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีบนเครื่องแอร์เอเชียอีกครั้งครอบคลุมเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก รวมทั้งได้เปิดร้าน “เลสเตอร์ ซิตี้แฟน” แห่งแรกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม
ปี 2559 ทุ่มทุนสร้างดิวตี้ฟรีในเมืองภูเก็ต ขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน โดยเปิดทั้งชั้น นำสินค้าไทยและผลิตภัณฑ์ชุมชนไปวางจำหน่าย ช่วยยกระดับสินค้าไทย
ปี 2560 ในเดือนตุลาคม ได้ปิดปรับปรุงอาคารร้านค้าดิวตี้ฟรีเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยเงินกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับโฉมเปิดบริการใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม 2561 จนถึงขณะนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ล้ำสมัยในการ “เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด” ด้วยดีไซน์ทันสมัยสีสันสดใส พร้อมกับเพิ่มไฮไลต์ใหม่นำร้านอาหารสตรีทฟู้ดแถวหน้าของเมืองไทยมาไว้ในคอมเพล็กซ์ ชั้น 3 พร้อม ๆ กับแปลงโฉมบริเวณลานด้านหน้าอาคารให้กลายเป็น “ฟาวเท่น สแควร์” เพื่อใช้จัดกิจกรรมอีเวนต์กลางแจ้งช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง และกิจกรรมบันเทิงพิเศษ กระตุ้นการท่องเที่ยว ดึงดูดคนไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเยือนเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักต่อเนื่องทุกปี
โดยยังคงส่วนประกอบของอาคารโดยรวมไว้คือ อาคารสำนักงานใหญ่ 9 ชั้น และโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ 430 ห้อง มีห้องอาหาร ห้องประชุม สัมมนา และบริการครบวงจร
กลุ่มที่ 2 “ธุรกิจฟุตบอล” นำคิง เพาเวอร์ เข้าเป็นเจ้าของสโมสรใหญ่ในทวีปยุโรปถึง 2 สโมสร
เริ่มจากปี 2553 คุณวิชัยสร้างความฮือฮาทั่วโลก ในการตัดสินใจจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนามกิจการร่วมค้า “เอเชียน ฟุตบอล อินเวสต์เมนท์” ใช้เงินทุนเกือบ 5,000 ล้านบาท (100 ล้านปอนด์) เข้าสู่ซื้อสโมสรฟุตบอล “เลสเตอร์ ซิตี้” ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ครอบครองทรัพย์สินหลัก ๆ คือ สนามฟุตบอล สถาบันฝึกสอนฟุตบอล และวอล์เกอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม”
ปี 2560 ถัดจากนั้นอีก 7 ปี ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีดังกล่าว เข้าซื้อสโมสรฟุตบอลแห่งที่ 2 “Oud-Heverlee Leuven : OHL” ประเทศเบลเยี่ยม
ไฮไลต์สำคัญคือ คุณวิชัยใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถนำ “สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้” ซึ่งตกชั้นมายาวนาน 132 ปี ผงาดคว้าแชมป์ “ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ” เป็นผลสำเร็จได้ในฤดูกาล ปี 2015/2016 เปิดประวัติศาสตร์โลกครั้งสำคัญเป็นตำนานได้รับการกล่าวขานถึงจากทั่วโลกอย่างกว้างขวาง ถึงศักยภาพความสามารถของนักธุรกิจไทย
นั่นคือจุดเริ่มที่ทำให้ชาวเมืองเลสเตอร์รักคุณวิชัยและครอบครัว ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงปลุกเมืองที่เคยหลับไหลให้ตื่นมามีชีวิตคึกคักในหลาย ๆ ด้าน ทั้งชื่อเสียงซึ่งทำให้คนทั่วโลกรู้จักมากขึ้น สร้างเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของผู้คนเลสเตอร์ ดีขึ้น ๆ ตามลำดับ โดยนำเงินบริจาคช่วยด้านการศึกษา โรงพยาบาล สร้างงาน สร้างโอกาสให้ชาวยุโรป และนักเตะมีรายได้เป็นกอบกำ
ในปี 2560 ได้ใช้เงินราว 500 ล้านบาท ซื้อสนามแฮมโปโล ใจกลางกรุงลอนดอน พัฒนาปรับปรุงแล้วแปลี่ยนชื่อเป้น คิง เพาเวอร์ บิลลิ่งแบร์ โปโล พาร์ค
ปี 2561 ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประกาศใช้เงิน 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการขนาดใหญ่คิง เพาเวอร์ มหานคร กลุ่มธุรกิจใหม่ถอดด้าม อสังหาริมทรัพย์สไตล์ Mix Use เตรียมเปิดบริการอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้
วิชัย ศรีวัฒนประภา คือ THE IMPOSSIBLEMAN VS คือผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้ทั่วโลกต้องจดจำไปตลอดกาล
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “พระราชทานน้ำหลวงอาบศพคุณวิชัยคิงเพาเวอร์”
กำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดพระอภิธรรม คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ณ ศาลากวีนิรมิต (กลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2561 เวลา 17.30 น.พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมด้วยเครื่องเกียรติยศประกอบศพ เวลา 18.30 น.พิธีสวดอภิธรรมศพ
วันอาทิตย์ที่ 4 – วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2561 พิธีสวดอภิธรรมศพ ทุกวันเวลา 19.00 น.
การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศแปดเหลี่ยม ฉัตรเบญจาตั้งประดับ ปี่ กลองชนะประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพเวลากลางคืน กำหนด 3 คืน
ในการนี้ เจ้าภาพขอความร่วมมืองดพวงหรีด โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถร่วมบำเพ็ญกุศลสมทบทุนเพื่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลศิริราช
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์เปิด90ปีมิคกี้เมาส์ดึงคนเที่ยวยาว
นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เป็นประธานเปิดงาน “คิง เพาเวอร์ แอนด์ ดีสนีย์ เอนด์เลส เซเลเบรชั่นส์” (King Power and Disney’s Endless Celebrations) เมื่อเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นแคมเปญความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กับ บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อจัดฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์ ต่อเนื่อง 88 วัน ณ บริเวณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนศกนี้ - 27 มกราคม 2562 เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์ร่วมในดินแดนมหัศจรรย์ 6 โซน พร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยระบบ 3D แม็ปปิ้ง นิทรรศการภาพวาดโมเดลมิคกี้ เม้าส์ โดยศิลปินไทยชั้นนำระดับประเทศ
การจัดงานฉลอง 90 ปี แห่งความมหัศจรรย์ของมิคกี้ เม้าส์ ที่ได้เดบิวต์ครั้งแรกในการ์ตูนสั้นเรื่อง Steamboat Willie กำกับโดย วอลท์ ดีสนีย์ เมื่อ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1928 (พ.ศ.2471) ซึ่งวันดังกล่าวทุกปีจึงกลายมาเป็นวันเกิดของมิคกี้ เม้าส์ ปีนี้ได้นำมาสร้างสรรค์ให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชีย ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ คอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ
การเปิดงานวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เป็นตามกำหนด โดยมีเหล่าดาราดังและศิลปินชั้นนำให้เกียรติร่วมงานคับคั่ง อาทิ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย ควงคู่มากับก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พร้อมด้วยคู่เพื่อนรัก เบลล์-เขมิศรา พลเดช และ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง, เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย และลูกๆ ทั้ง 4 ได้แก่ ออกัส ออก้า ออกู๊ด และ ออเกรซ ส่วน เคน-ภูภูมิ พงศ์ภานุภาค มาพร้อม เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ตลอดการจัดงาน 88 วัน ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เนรมิตพื้นที่ด้วยการดีไซน์เรื่องราวของมิคกี้ เมาส์ ให้นักท่องเที่ยวด้เดินชมดินแดนมหัศจรรย์ทั้ง 6 โซน ได้แก่
1.“เซเลเบรชั่น เอ็กซ์เพรส (Celebration Express)” รถไฟมหาสนุกที่มีหน้าต่างเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
ซึ่งเหมาะใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายภาพ ภายในรถไฟจำลองเหมือนของจริง หน้าต่างจะเป็นจอที่มีภาพทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามในรูปแบบกราฟิกแอนิเมชั่น เมื่อขึ้นไปบนรถไฟจะรู้สึกราวกับรถไฟกำลังเคลื่อนไหวอยู่จริง ๆ เพื่อเดินทางไปสู่ “มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด”
2.“การ์เด้น ออฟ ดรีมส์ (Garden of Dreams)” เป็นสวนกลางถนนรางน้ำที่ตกแต่งในธีมมิคกี้ เม้าส์แห่งแรกในประเทศไทย สวนนี้เปรียบเสมือนดินแดนแห่งความฝัน ที่ละลานตาไปด้วยดอกไม้จริงที่มีสีสันสวยงาม มีจุดสำหรับถ่ายรูปพร้อมตัวการ์ตูนต่างๆ มากมาย ที่มอบโอกาสให้แฟนๆ สามารถสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่
3.“มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูเลอวาร์ด (Mickey and Friends Boulevard)” ออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนย่านการค้า ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ตกแต่งอาคารทั้งสองฝั่งถนนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากตัวการ์ตูนดิสนีย์ในท่าทางต่าง ๆ ทั้งมิคกี้ เม้าส์ มินนี่ เม้าส์ พลูโต กู๊ฟฟี่ โดนัลด์ ดั๊ก เดซี่ ดั๊ก และชิปแอนด์เดล พร้อมมีกิจกรรมและเวิร์คช็อปสำหรับแฟน ๆ ทุกเพศทุกวัย รวมถึงไฮไลท์ช่วงเย็นด้วยขบวนพาเหรดสร้างความประทับใจให้ทุกคน
4.“มิคกี้ ฮอลล์เวย์ (Mickey Hallway)” ผนังอินเตอร์แอคทีฟขนาดยาว ที่จะมีการแสดงภาพกราฟิกน่ารัก ๆ และจอสำหรับเล่นเกม โดยเกมจะเปลี่ยนไปตามธีมของแต่ละเดือนดังนี้
- เดือนพฤศจิกายน แฟนๆ จะได้สนุกไปกับเหล่าเพื่อนผองจากดีสนีย์ในเกมโยนลูกบอลลงห่วงรูปมิคกี้ เม้าส์
- เดือนธันวาคม สนุกไปกับกิจกรรมปั้นหิมะเป็นรูปมิคกี้ เม้าส์
-เดือนมกราคมจะมีกล่องรางวัลมากมาย ที่จะมีพลุออกมาเมื่อสัมผัส
5.“เมกา สโตร์ (Mega Store)” พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์ที่ออกแบบมาเพื่อร่วมเทศกาลนี้ มีสินค้าสำหรับทุกคนในครอบครัว อาทิ เสื้อผ้า ของเล่น ที่หุ้มกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสะพาย พวงกุญแจ และเครื่องใช้ต่าง ๆ วางจำหน่ายในช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของมิคกี้ เม้าส์ โดยมีสินค้ามิคกี้ เม้าส์ คอลเลคชั่น ‘สวัสดี’ มาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในโลก
6.“มิคกี้ แกลเลอรี่ (Mickey Gallery)” นิทรรศการศิลปะสุดแนวในชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” ที่สร้างสรรค์ลวดลายบนหุ่นโมเดลมิคกี้ เม้าส์ โดย 9 ศิลปินชาวไทย และนักแสดงระดับแถวหน้า พร้อมเหล่าคนดังมากมาย เพื่อฉลองครบรอบ 90 ปี มิคกี้ เม้าส์
ไฮไลต์วันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 แฟนดีสนีย์ และลูกค้า คิง เพาเวอร์ จะได้มีโอกาสกระทบไหล่กับเหล่าผองเพื่อนตัวโปรดจากดีสนีย์ และชวนคนเกิดเดือนพฤศจิกายน 1,928 คน มาร่วมสร้างสถิติกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส ร่วมเป่าเทียน 1,928 เล่มพร้อมกันเพื่อฉลองวันเกิดให้มิคกี้ เม้าส์ พร้อมทั้งร่วมปล่อยบอลลูนสู่ท้องฟ้า 1,928 ลูกสู่ท้องฟ้า แล้วจากนั้นก็สามารถร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ตลอดระหว่าง 23- 25 พฤศจิกายน 2561
สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ที่ชวนนักท่องเที่ยวร่วมได้ภายในงาน ประกอบไปด้วย กิจกรรมเวิร์คช็อปสร้างสรรค์แอคเซสเซอรี่สไตล์ดีสนีย์ ชมการแสดง แสง สี เสียง และ 3D แม็ปปิ้ง สุดตระการตา ในโอกาสพิเศษนี้ แฟน ๆ มิคกี้เมาส์จะได้พบกับสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษมากมายทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ตุ๊กตา เครื่องครัว เครื่องใช้ต่าง ๆ
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในร้านคิง เพาเวอร์ ทุกสาขา รวมทั้ง เมกา สโตร์ (Mega Store) บริเวณ ถนนรางน้ำ โดยไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางไปต่างประเทศก็ซื้อได้เช่นเดียวกับ “สินค้าป้ายฟ้า” พร้อมจำหน่ายและเปิดให้ช้อปได้ปกติเหมือนสินค้าทั่วไป
ข่าวที่ 3 “ททท.หนุนคุนหมิงแอร์เพิ่มจีนดันหาดใหญ่โต”
นางฐิติพร มณีเนตร ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สายการบินคุนหมิงแอร์ไลน์ ได้กลับมาเปิดบินตรงในช่วงตารางบินฤดูหนาวตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2561 – 30 มีนาคม 2562 เส้นทางไป-กลับ ไท่หยวน-คุนหมิง-หาดใหญ่ ด้วยเที่ยวบิน KY8361 และ KY8362 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของไทย บริเวณเชื่อมโยงจากหาดใหญ่ สงขลา สู่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล จะเติบโตเพิ่มจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ซึ่งแต่ละปีเดินทางเข้าเมืองไทย 6.7 - 7 แสนคน โดยนิยมไปพักผ่อนตามจังหวัดที่มีหาดทรายชายทะเล ชอบใช้จ่ายเงินรับประทานอาหารอร่อย ช้อปปิ้ง
ตามที่ ททท. ประเมินสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นฟูกลับมาและจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ตามปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 10.5 – 10.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5 – 7 % สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้ประเทศได้ถึง 5.9 – 6.02 แสนล้านบาท เพิ่ม 10 – 12% ปี 2562 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวจีนไว้ประมาณ 11.1 ล้านคน เพิ่ม 4% และสามารถสร้างรายได้กระจายสู่ทั่วประเทศอีกประมาณ 6.59 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 %
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 นางนิติพรร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ KY8361 ที่เดินทางมาถึงหาดใหญ่ พร้อมกับมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มดังกล่าว โดยมีนายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าการราชการจังหวัดสงขลา Ms. Yilin Jin รองกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำสงขลา พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนในจังหวัดสงขลาร่วมมือกันอย่างแข็งขัน
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนร่วมทำหนังสือเสียงช่วยสังคม”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้โพสต์ในเฟสบุ๊ค เชิญชวนให้ร่วมโครงการ จัดทำหนังสือเสียง ให้แก่ผู้พิการทางสายตา ซึ่งหนังสือคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ จึงเปิดให้คนที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์หนังสือเสียง เพื่อส่งมอบความสุขและโอกาสให้กับผู้พิการทางสายตา
ผู้ที่สนใจร่วมสร้างสรรค์การทำหนังสือเสียง สามารถเข้าร่วมได้ในช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1.ผ่านแอพพลิเคชั่น “Read for the Blind” ด้วยการอ่านหนังสือหรือบทความสั้นๆ ที่น่าสนใจ ได้อย่างง่ายๆและสะดวกมากขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติม www.facebook.com/ReadfortheBlind
2. ห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ มูลนิธิคนตาบอดไทย ผ่านโปรแกรม OBI ข้อมูลเพิ่มเติม www.nlbp.org, www.facebook.com/daisyth.team
ข่าวที่ 5 “TCEBผนึกรัฐ/เอกชนปั้นโมเดลขอนแก่นไมซ์ซิตี้”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ได้นำทีมลงพื้นที่ไมซ์ ซิตี้ จังหวัดขอนแก่น เพื่อผนึกกำลังกันประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) กับรัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมมากกับการขับเคลื่อนไมซ์เพื่อกระจายรายได้สู่เมืองและชุมชน
โดยได้เดินหน้าสร้างความเข้าใจในอุตสาหกรรมไมซ์กับหน่วยราชการ ถ่ายทอดองค์ความรู้เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้า ขณะเดียวกันทีเส็บยังได้เชิญวิทยากรระดับมืออาชีพจากศูนย์ประชุมในกรุงเทพฯ ไปสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มผู้ฟังโดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากทั้ง นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ร่วมเป็นประธานเปิดการประชุมเวิร์คช็อปพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้เข้าร่วมงาน
ระหว่างการเวิร์คช็อปครั้งนี้ มีการนำเสนอให้ขอนแก่นเป็นโมเดลต้นแบบไมซ์ซิตี้ โดยผู้เข้าร่วมได้เสนอความเหมาะสมให้เลือก 4 รูปแบบ ประกอบด้วย 1. เมืองขอนแก่นตั้ง Convention and Visitors Bureau :cvb ขึ้นเอง เพื่อทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม อุตสาหกรรมไมซ์ 2. สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์ประสานงาน 3. ตั้งสมาคมไมซ์ของเมืองขอนแก่น โดยเอกชน 4. ทีเส็บลงทุนไปตั้งสำนักงานสาขาแห่งใหม่เพื่อทำหน้าที่พัฒนาไมซ์แบบครบวงจร
ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมสนใจโมเดลแบบที่ 2 ให้สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์ประสานงาน จากนั้นจะยกระดับไปสู่แบบที่ 3 ให้เอกชนขับเคลื่อนการจัดตั้งสมาคมไมซ์ ซิตี้ ขึ้น เพื่อความยั่งยืน โดยให้ยึดแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายต้องมีความพร้อมเดินหน้าไปด้วยกันแล้วทำงานเป็นทีม พัฒนาโมเดลขอนแก่นไมซ์ ซิตี้ ให้ก้าวหน้าต่อไป
ข่าวที่ 6“ทอท.ทำ6สนามบินผู้โดยสารปี61พุ่ง132ล้านคน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ปี 2561 ได้สรุปผลการดำเนินงาน ระหว่างตุลาคม 2560 – กันยายน 2561 ท่าอากาศยาน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารใช้บริการมากถึง 139.52 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 80.49 ล้านคน เพิ่ม 11 % โดยสารภายในประเทศ 59.03 ล้านคน เพิ่ม 4.2 % ส่วนเที่ยวบินจำนวน 875,000 เที่ยว เพิ่ม 6.2 % แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 462,230 เที่ยวเพิ่ม 11.3 % และเที่ยวบินภายในประเทศ 412,770 เที่ยว เพิ่ม 1.1 %
สถิติผู้โดยสารมากสุดคือ สุวรรณภูมิ 62.81 ล้านคน เพิ่ม 6.3 % แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 51.15 ล้านคน เพิ่ม 6.6 % ผู้โดยสารภายในประเทศ 11.66 ล้านคน เพิ่ม 5.3 % มีเที่ยวบิน 364,000 เที่ยว เพิ่ม 5.3 % แบ่งเป็นระหว่างประเทศ 277,900 เที่ยว เพิ่ม 6.9 % เที่ยวบินในประเทศ 86,100 เที่ยว เพิ่ม 0.3 %
รองลงมาคือดอนเมืองมีผู้โดยสาร 40.56 ล้านคน เพิ่ม 9.1 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15.83 ล้านคน เพิ่ม 19.2 % ผู้โดยสารภายในประเทศ 24.73 ล้านคน เพิ่ม 3.5 % มีเที่ยวบิน 270,000 เที่ยว เพิ่ม 6.5 % แบ่งเป็นระหว่างประเทศ 96,160 เที่ยว เพิ่ม 15.5 % ในประเทศ 173,840 เที่ยว เพิ่ม 2.1 %
ส่วนอีก 4 สนามบิน ได้แก่ 1.ภูเก็ตมีผู้โดยสาร 18.26 ล้านคน เพิ่ม 12.5 % มีเที่ยวบิน 116,500 เที่ยว เพิ่ม 11.1 % 2.เชียงใหม่มีผู้โดยสาร 10.81 ล้านคน เพิ่ม 8.4 % มีเที่ยวบิน 75,600 เที่ยว เพิ่ม 4.9 % 3.เชียงราย มีผู้โดยสาร 2.81 ล้านคน เพิ่ม 17.6 % มีเที่ยวบิน 19,700 เที่ยว เพิ่ม 16.7 % 4.หาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 4.27 ล้านคน ลดลง 1.9 % มีเที่ยวบิน 29,200 เที่ยว ลดลง 4.2 %
สำหรับผู้โดยสารเข้าและออก ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินทั้ง 6 แห่ง แยกตามสัญชาติจำนวนมากสุดไล่ลงไปตามลำดับ คือ กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก รัสเซีย และอเมริกา แยกเป็น 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน มีจำนวนมากสุด ท.กว่า 19.79 ล้านคน เพิ่ม 21.8 % ตามด้วย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย รัสเซีย อเมริกัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และอังกฤษ
ช่วงที่ 2 ออกไปลุยเที่ยว “นครสวรรค์ เมืองอาหารอร่อยล้ำ-แหล่งท่องเที่ยวแสนดี” ของกินแต่ละอย่างเด็ดอย่าบอกใคร ไฮไลต์ข้าวช่อราตรีแชมป์ระดับประเทศ ปลากรายเนื้อนุ่ม โมจิไส้ครบเครื่อง ปุยฝ้ายสวรรค์รสเลิศ กินเสร็จปีนไปเที่ยวยอดเขาหน่อแก้ว อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ เมืองไทยมีสุดยอดของดี จากนั้นก็มาดูว่า “อาการแพ้เครื่องสำอางมีวิธีป้องกันและแก้อย่างไร” ส่วนข่าวส่งท้าย “การบินไทย” ฮึดอีกรอบด้วยบริการลีมูนหรูผ่านออนไลน์ไป-กลับ สุวรรณภูมิ หวังเจาะตลาดคนรวยติดหรู “รถไฟ” ยิ้มกริ่มขายตั๋วเต็มแล้วช่วงปีใหม่ 28 ธ.ค.61- 4 ม.ค.2562 จัดรถไว้ 244 ขบวน รับได้วันละแสนคน ส่วน “เจ้าท่า” จัดใหญ่มาตรการความปลอดภัยเที่ยวทางเรือในกระบี่-อันดามัน
@นครสวรรค์เมืองอาหารเลิศรส-แหล่งเที่ยวแสนดี
เมืองท่องเที่ยวรองมีชื่อเสียงโด่งดังของศูนย์รวมของกินอร่อย ต้องยกให้ “นครสวรรค์” ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยารอยต่อภาคกลางตอนบนกับภาคเหนือตอนล่าง มีของอร่อยสมคำร่ำลือทั้ง “ขนมโมจิ” ต้นตำรับของเมืองไทย “ข้าวช่อราตรี” ของดีเมืองปากน้ำโพ “ลูกชิ้นปลากราย” รสนุ่มหนึบปลาล้วน ๆ ไร้แป้ง ได้ถูกกระจายไปผสมอยู่ในจานเด็ดตามร้านก๋วยเตี๋ยว “ขนมปุยฝ้าย” ที่ใช้ในงานเทศกาลมงคลมากมาย
“นครสวรรค์” เป็นเมืองการค้าเก่าแก่ขึ้นชื่อของปากน้ำโพ นครสวรรค์ เป็นอีกเมืองรองที่มีวัฒนธรรมอาหารถิ่น แปลกแตกต่างจากอีกหลายจังหวัด ไฮไลต์ “ข้าวช่อราตรี” มีคุณสมบัติโดดเด่นมากเมื่อนำมาหุงจะขึ้นหม้อ มีทั้งกลิ่นหอมและความนุ่มมาก เคยชนะเลิศคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้วเมื่อปี 2559
ส่วนขนม “ปุยฝ้ายสวรรค์” เป็นของฝากที่ใช้ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสื่อถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟู คล้ายลักษณะของขนม สำหรับรสชาติก็อร่อยไม่แพ้หน้าตาสวยหวานซึ้ง
“โมจิ” เป็นการนำขนมโมจิของญี่ปุ่นมาดัดแปลงรสชาติของไส้ให้ถูกปากคนไทย ครบเครื่องทั้งรสหวาน มัน เค็ม แตกต่างจากญี่ปุ่นจะเน้นไส้ที่มีความหวานเข้มข้นเพียงอย่างเดียว
เมื่อไปถึงนครสวรรค์ จะพลาดไม่ได้เลยในการเข้าไปสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง “เขาหน่อ-เขาแก้ว” ซึ่งเป็นจุดชมวิวท้าทายนักปีนป่ายเขาผ่านขั้นบันได เพื่อขึ้นไปยืนสูดโอโซนบนยอดสูงสุด ปรายตาทอดลงมามองจะเห็นทุ่งนาพาโนรามาเขียวขจี
“อุทยานแห่งชาติแม่วงก์” สุดยอดแห่งความงามในผืนป่าตะวันตก มีเส้นทางให้เหล่านักผจญภัยต้องชวนกันพิชิตเทือกเขา “โมโกจู” ในอุทยานแห่งนี้ ขอบอกก่อนเลยว่าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ความสวยที่ซ่อนความท้าทายอยู่อย่างมาก
“วัดคีรีวงศ์” ที่ประดิษฐานพระเจดีย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ มีพระจุฬามณีเจดีย์ สีทองอร่าม แต่ละชั้นมีรูปหล่อเกจิอาจารย์ดังและพระพุทธรูปจำลองสำคัญ ๆ อีกทั้งด้านบนสุดยังเป็นชมวิวทั้งเมืองนครสวรรค์ได้อย่างตระการตา
เที่ยวเมืองไทยไปนครสวรรค์ แล้วจะรู้ว่า “ของกินอาหารถิ่น” อร่อยล้ำ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวก็เทียบชั้นได้กับอีกหลายจังหวัดชั้นนำของเมืองไทย
@ผู้หญิงทั้งหลายเมื่อแพ้เครื่องสำอางต้องทำอย่างไร
การแพ้เครื่องสำอางมีลักษณะหลายประเภทต่าง ๆ กันตามกลไกการเกิดโรคดังนี้
1. ผิวหนังอักเสบจากภาวะภูมิไว้เกิน (Allergic Contact Dermatitis) เกิดจากสาร Paraphenylene diamine ในยาย้อมผม น้ำหอม ยาทาเล็บ สารกันบูด ยาระงับกลิ่นตัว ลิปสติก ทำให้มีผื่นแดง ตุ่มน้ำเหลืองเยิ้ม
2. ผิวหนังอักเสบจากภาวะภูมิไวเกิน ที่มีแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น (Paoto Allergic Dermatitis) จะพบผื่นแดง อาจมีตุ่มน้ำและปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บริเวณที่พบการอักเสบคือส่วนของผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้า เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม หู คอ พบบ่อยว่าเกิดจากสบู่ยา เครื่องสำอางที่ผสมน้ำหอม
3. ลมพิษตรงที่สัมผัสถูกสารเคมี (Contact Mrticaria) เช่น ใช้น้ำหอมทาที่ซอกคอก็เกิดผื่นลมพิษที่ซอกคอ ผื่นลมพิษนี้จะหายไปเองใน 24 ชม. ถ้าไม่ได้รับสารที่ทำให้เกิดลมพิษอีก มีการพบบ่อยในเครื่องสำอางที่ผสม Cinnamon Aldehyde, Cinnamon Acid, Benzoic Acid, Benzaldehyde)
กรณีที่เกิดการแพ้ขึ้นแล้วควรปฏิบัติอย่างไร?
ขั้นแรกให้รีบหยุดใช้เครื่องสำอางที่สงสัยว่าอาจเป็นสาเหตุของการแพ้ รอดูอาการสัก 3-4 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นหรือไม่หายให้ไปปรึกษาแพทย์ ระหว่างที่รออาจลองรักษาเองโดยใช้สำลี หรือผ้าขาวสะอาด ชุบน้ำต้มสุก ชะน้ำเหลืองออกวันละ 3-4 ครั้ง (ถ้ามีน้ำเหลืองเยิ้ม) ถ้าการอักเสบเป็นเพียงผื่นแดงไม่เยิ้ม ใช้น้ำสุกประคบก็ได้วันละ 3-4 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที หากมีอาการคันให้กินยาแก้แพ้ (คลอร์เฟนิรามีน) ขนาด 4 มก. ครั้งละ 1-2 เม็ด (สำหรับผู้ใหญ่) วันละ 3-4 ครั้ง
กรณีที่ไปพบแพทย์ ควรนำเครื่องสำอางพร้อมฉลากแนะนำผลิตภัณฑ์ติดตัวไปให้แพทย์ดูด้วย อาจช่วยให้การหาสาเหตุของการแพ้ง่ายขึ้น
มีวิธีการป้องกันการแพ้เครื่องสำอางหรือไม่?
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีที่เราเคยแพ้ แต่ในทางปฏิบัติเป็นการยากมาก เพราะมีหลายสาเหตุ และเครื่องสำอางประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดรวมกัน คนที่แพ้ อาจจะแพ้สารเคมีชนิดเดียว หรือหลายๆชนิด ที่เป็นส่วนผสมก็ได้
ดังนั้นก็คงต้องลองดูก่อนที่จะนำมาใช้จริง โดยลองทาเป็นบริเวณเล็กๆ ที่ท้องแขน แล้วปล่อยไว้ 24-48 ชม. โดยไม่ให้ถูกน้ำ หากปรากฏว่าเกิดผื่นแดงชัดเจน หรือมีตุ่มน้ำร่วมด้วย แสดงว่าแพ้ ก็ไม่ควรนำมาใช้อีกต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 บินไทยรุกบริการลีมูนซีนหรูไป-กลับสุวรรณภูมิ
นางปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ บริษัท แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด ในเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าการบินไทยได้ใช้รถลีมูซีนรับ-ส่ง และบริการอำนวยความสะดวกในสนามบิน ระดับเวิลด์คลาส หรูหรา ความปลอดภัย ตรงเวลา ไว้วางใจได้
นางสาวกนกพร ณ ระนอง ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า
ให้บริการลูกค้าคอร์เปอร์เรทระดับพรีเมี่ยมโดยจะให้บริการผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินต่างประเทศของการบินไทยในสุวรรณภูมิเท่านั้น โดยจะนำประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่คอร์เปอร์เรทแบรนด์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มไพรเวทแบงค์กิ้ง ลักซ์ชัวรี่คาร์ กลุ่มประกันภัย กลุ่มวานิชธนกิจ กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจสายการบิน
บริการดังกล่าวนี้ผู้โดยสารจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมง ทาง www.thaiairways.blacktie-limousine.com หรือ โทร. 0-2239-8800 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.
ข่าวที่สอง “ตั๋วรถไฟปีใหม่เต็มแล้ว244ขบวนวันละแสนคน”
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)กล่าวว่า การรถไฟฯ เตรียมแผนรองรับการเดินทางชช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ระหว่าง 28 ธันวาคม 2561– 4 มกราคม 2562 โดยได้จัดขบวนรถไว้บริการวันละ 244 ขบวน พร้อมพ่วงเพิ่มตู้โดยสารทุกขบวน และเพิ่มพิเศษอีก 8 ขบวน รับได้วันละ 1 แสนคน เพียงพอจะไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่การรถไฟ ตำรวจรถไฟ คุมเข้มมาตรการความปลอดภัย และเดินรถให้ตรงเวลา
แต่ละวันจะมีบริการขบวนนรถสายเหนือ 42 ขบวน รองรับได้ 17,294 คน สายตะวันออกเฉียงเหนือ 58 ขบวน รองรับได้ 21,280 คน สายใต้ 76 ขบวนรองรับได้ 28,040 คน สายตะวันออก 26 ขบวน รองรับได้ 12,936 คน และสายแม่กลอง 42 ขบวน รองรับได้ 11,088 คน
ช่วงขาออกจากกรุงเทพฯ วันที่ 28 – 29 ธันวาคม 2561 สายเหนือกับอีสานจะเพิ่มอีก 4 ขบวน รับผู้โดยสารได้ 5,200 คน ส่วนเที่ยวกลับช่วงวันที่ 1 – 2 มกราคม 2562 อีก 4 ขบวน รองรับได้ 5,200 คน ขณะนี้ยอดจองตั๋วรถไฟเต็มแล้วทุกเส้นทาง 100 % โดยเฉพาะรถขบวนใหม่ เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ - อุบลราชธานี ชั้น 1 และชั้น 2 เนื่องจาก ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้จองตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าตามกติกาสามารถจองก่อนเดินทางได้ไม่เกิน 90 วัน
ข่าวที่สาม “เจ้าท่าเร่งเรือทัวร์กระบี่-อันดามันมาตรการเซฟตี้”
นาย สมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ กล่าวว่า ผลการประชุมร่วมระหว่างเจ้าท่ากับหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลในกระบี่และอันดามัน ได้กำหนดมาตรการดูแลการท่องเที่ยวทางน้ำเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการตรวจความปลอดภัยทางน้ำประจำสัปดาห์ร่วมกัน 3 หน่วยงานหลัก คือ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-เกาะพีพี
รวมทั้งการกำหนดและมอบหมายพื้นที่รับผิดชอบทางน้ำที่ชัดเจน ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ การซักซ้อมวิธีปฏิบัติร่วมกับผู้ประกอบการตรวจเรือก่อนออกจากจุด check point ของจังหวัดกระบี่ 9 แห่ง เน้นย้ำต้องไม่บรรทุกผู้โดยสารเกินที่กำหนด เสื้อชูชีพต้องครบและได้มาตรฐาน การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้โดยสาร อุปกรณ์ประจำเรือ เอกสารอนุญาตเรือและคนประจำเรือต้องถูกต้อง
และให้ผู้ประกอบการเรือเร็วถ่ายรูปเรือและผู้โดยสารก่อนออกเรือ ส่วนผู้ประกอบการต้องถ่ายทอดสื่อประชาสัมพันธ์การถอดบทเรียนอุบัติเหตุ เรือไฟไหม้ เรือระเบิด ไปยังนายท้าย ช่างเครื่อง ให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำ โดยเป็นการจัดทำร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่ากับภาคเอกชนผู้ผลิตเครื่องเรือ เพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักในมาตรการความปลอดภัยทางน้ำ
อีกทั้งยังได้ขอให้ผู้ประกอบการลดความเร็วและลดเสียงเรือหัวโทง ในเขตชุมชนและบริเวณพื้นที่จัดงานแสดง รวมถึงการหารือแนวทางกำหนดและประกาศค่าโดยสารทางน้ำ เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับนักท่องเที่ยว
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น