เปิดใจ“ทายาทหนุ่มสาวทัวร์”ฉลองใหญ่4ทศวรรษ
ชี้ปี’62ไทยพุ่งได้แรงหนุนเลือกตั้งดันอินบาวนด์โต
เบื้องหลังคิงเพาเวอร์คว้าดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา600ตรม.
ททท.ดันPassport Saleโกยเงินนักช้อปต่างชาติ
ปลุกทั่วไทยใช้เงินปลายปีทัวร์55เมืองรองลดภาษี
บางจากแรง4ปีหน้าเท7.7หมื่นล้านธุรกิจโต2เท่า
TCEBเร่งอุตฯไมซ์ปี61-62เงินสะพัด4.3แสนล้าน
หนาวนี้ไปนอนดูดาวที่มอหินขาวสโตนเฮนท์ไทย
4วิธีง่ายๆ คลายเครียดก่อนนอนเพื่อหลับสบาย
นักบินTGชิงซบอกโลว์คอสต์ม.ค.62จัดแถวใหม่
บางกอกแอร์9เดือนกำไรไม่เกรงใจใคร676ล้าน
นกแอร์9เดือนหนี้ท่วมขาดทุนอ่วมเฉียด2พันล.
แอร์เอเชียประคอง9เดือนยังไหวกำไร314ล้าน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 พบกับทายาทธุรกิจคนรุ่นใหม่ “โชติช่วง ศูรางกูร” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด โชว์แนวรุกฉลอง 4 ทศวรรษบริษัทคนไทยผู้บุกเบิกท่องเที่ยวครบวงจร “เที่ยวไทย-เที่ยวนอก-ดึงชาติมาไทย” ลั่นทุ่มลงทุนจัดเต็มโปรแกรมขายทัวร์ย้อนรอยอดีตทั่วไทย 9 เส้นทาง จีบสูงวัย อินเซ็นทีฟ ใช้เงินสะพัด พร้อมดึงชาวละตินแห่เที่ยวเมืองไทย ชี้ “การเลือกตั้ง” ปีหน้าจะเป็นแรงกระเพื่อมต่างชาติเที่ยวไทยคึกคัก
นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า วางแผนฉลองบริษัทก้าวขึ้นสู่ปีที่ 40 มุ่งตอบโจทก์วางรูปแบบเจาะเซกเมนท์เพิ่มขึ้นลดการทำตลาด mass market โดยจะทำโครงการตลาดผู้สูงอายุ แนวโน้มเติบโตดีแตกต่างจากกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีความพร้อมหาข้อมูลท่องเที่ยวออนไลน์เดินทางได้เอง จึงไม่ต้องพึ่งพาบริษัทนำเที่ยว ดังนั้นจึงต้องรุกเข้าไปยังกลุ่มนักเดินทางซึ่งต้องการบริการเต็มรูปแบบ ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แพกเกจทำให้ตั้งแต่ประสานงานตั้งแต่ต้นทางทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ล่าสุดทำผลสำรวจกลุ่มอายุ 50-60 ปี ต้องการไลฟ์ไทม์อย่างไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่การเลือกเที่ยวบินให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้สูงวัย มีมัคคุเทศก์ผ่านการอบรมด้านปฐมพยาบาล การเลือกเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ กำหนดความเร็วของรถท่องเที่ยว
โครงการที่ 2 ผลิตโปรแกรมท่องเที่ยวย้อนรอยอดีตที่ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด เคยบุกเบิกไว้ท่องเที่ยวในประเทศ จะมีให้เลือกไม่ต่ำกว่า 9 เส้นทาง เช่น 14 จังหวัดภาคใต้ กับอีสานรอบใหม่ทั้งอีสานเหนือและใต้ ซึ่งสมัยก่อนพอเปิดขายมียอดจองเต็มทันที จะเริ่มเปิดขายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
เส้นทางต่างประเทศจะเน้นความเป็น Exotic มากขึ้น ทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมกับนำเสนอเส้นทางใหม่ อย่าง โมร็อกโค ละตินอเมริกาใต้ ไปชมความมหัศจรรย์ของ มาชูปิชู
ปี 2561 การดูแลนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยเที่ยวในประเทศและเที่ยวต่างประเทศ ไม่ต่ำกว่า 30,000 คน คนไทยเที่ยวไทยจะจำนวนมากเพราะบางกลุ่มซื้อแพกเกจเที่ยววันเดียว แตกต่างจากกลุ่มเดินทางต่างประเทศ
ส่วนกลยุทธ์การตลาดจะหันมาปรับราคาแพกเกจ กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลเดินทางท่องเที่ยวฟรี (incentive) ก็จะปรับราคาลงตามจำนวนวันเดินทาง ขณะนี้มีการขายทัวร์หน้าร้าน ขายเที่ยววันเดียวราคาเริ่มต้น 1,100 บาท/คน/วัน แต่บริการรถคุณภาพดีสปริ๊นเตอร์ หรือจะเป็นต่างประเทศ ทัวร์ไต้หวัน จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท/คน/วัน เป็นเรื่องบริการแล้วนักท่องเที่ยวขับรถท่องเที่ยวกันเอง
โดยนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการหนุ่มสาวทัวร์นิยมซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ไต้หวัน 2.ญี่ปุ่น และยุโรปกลาง เช่น เวียนนา (ออสเตรีย) สาธารณรัฐเชค บูการี โรมาเนีย 4.ฝรั่งเศส 5.อิตาลี กับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะใกล้เคียงกัน
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศ มีความหลากหลายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นอินเซ็นทีฟสูงถึง 85 % ส่วนใหญ่เป็นองค์กรทำเป็นการท่องเที่ยวไมซ์ เมื่อ 4-5 ปีก่อนกระจุกตัวอยู่เขาใหญ่ แตกต่างจากปี 2561 กระจายไปยัง ภูเก็ต กระบี่ พังงา กาญจนบุรี สวนผึ้ง (ราชบุรี) จันทบุรี ซึ่งขณะนี้บางบริษัทมีนโยบายไม่ให้พนักงานท่องเที่ยวโดยนั่งเรือไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
ขณะเดียวกันก็ได้ผนวกการขายเมืองรอง แต่ะจะทำเฉพาะบางเมืองพ่วงเข้ากับเมืองหลัก เช่น น่าน ในมุมการขายต้องการพัฒนาการขายเมืองรองที่มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนหนุ่ม สาว ทัวร์ ก็ต้องการขายทุกเส้นทาง สวนทางกับผู้บริโภคชื่นชอบความสะดวกสบายเป็นอันดับต้น ๆ
ปลายปี 2561 เปิดขายแพกเกจท่องเที่ยวมียอดจองเต็มเกือบหมดแล้วรวม ๆ กว่า 20 กรุ๊ป ขนาดแต่ละกรุ๊ปมีทั้งใหญ่และเล็กตั้งแต่ 20-49 คน/กรุ๊ป เส้นทางก็มี สาธารณรัฐประชาชจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรปยอดจองไป สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส ยังคงหนาแน่น ยกเว้นโอเชเนียออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไม่ได้ทำโปรแกรมขายเพราะราคาสูงกว่ายุโรป ต้นปี 2562 จะขายโปรแกรมไอร์แลนด์ เพื่อนำชมแสงเหนือซึ่งกำลังสวยงาม
ทางด้านเส้นทางในประเทศจะมีแพกเกจ ตามรอยพญานาค วัดป่าภูก้อน เป็นเส้นทางหลักตามเทศกาล ในแต่ละภาคของประเทศ
สถานการณ์ปี 2562 ประเมินสถานการณ์ เหตุการณ์เลือกตั้งของไทย จะเป็นแรงกระเพื่อมให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางเข้ามายังไทย เพราะช่วง 3-4 ปีในยุคที่ไทยเกิดการรัฐประหารบริหารประเทศด้วยระบบทหาร ทำให้หลายประเทศทางฝั่งยุโรปชะลอตัวลง เนื่องจากบริษัทรับทำประกันการเดินทางมาเที่ยวไม่รับทำให้กับนักเดินทาง จึงทำให้กรุ๊ปขนาด 100 คนหายไป แล้วหันไปเที่ยวเวียดนามแทน อันเป็นผลมาจากแนวคิดของชาวตะวันตกที่ไม่มาประเทศไทย ส่วนจีนลดลงต่อเนื่อง จึงต้องเผชิญความท้าทายพอสมควร
บริษัทหนุ่ม สาว ทัวร์ มีการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย (inbound) มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10 % ของทั้งหมด ปี 2562 จะบุกขยายฐานนักเดินทางอิสระ และองค์กร ตลาดเป้าหมายมากสุดคือ ยุโรป เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมัน อีกตลาดคือบราซิล เปรู ในแถบละตินอเมริกา เพราะชื่นชอบประเทศไทยพอมาเห็นความแปลกใหม่ มาแล้วสนุกสนาน ผสมผสานกับเดินทางท่องเที่ยวเชิงหาความรู้บางส่วน พักระยะยาว 2-3 สัปดาห์/คน ใช้จ่ายเงินสูงกว่ายุโรป โดยเน้นการช้อปปิ้งเพื่อเป็นของฝากกลับบ้าน
ทางหนุ่ม สาว ทัวร์ มีนโยบายกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินกระจายลงสู่ชุมชน ตลาดพื้นเมือง เพิ่มขึ้น มากกว่าที่จะจ่ายเฉพาะร้านอาหาร โรงแรม เป็นหลัก เพราะสินค้าหรืออาหารท้องถิ่นบางอย่างอาจจะจ่ายแพงกว่าปกติสักเล็กน้อย แต่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเพราะต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในไทย ซึ่งบางกลุ่มก็เห็นต่างถึงการตั้งราคาขายสินค้าไทยให้กับนักท่องเที่ยว
สำหรับตลาดคนไทยไปต่างประเทศ (outbound) ยังมีแนวโน้มสดใส เพราะสายการบินมีปริมาณที่นั่งจำนวนมาก และราคาถูกลงเรื่อย ๆ สามารถทำให้คนมีโอกาสท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น และโดยพฤติกรรม
โดยภาพรวมอนาคตของธุรกิจการท่องเที่ยวเอกชนปี 2562 ยังคงสดใสทั้งตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ คนไทยเที่ยวต่างประเทศ และ ต่างชาติท่องเที่ยวเมืองไทย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “เบื้องลึกคิงเพาเวอร์ชนะดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเสนอชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เข้าชิงงานประมูลโดยชนะคู่แข่งแบบขาดลอย ได้รับสิทธิ์เข้าลงทุนบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ประมาณกว่า 600 ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง 10 ปี นับเป็นการเสนองานครั้งแรกหลังจากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตก โดยทายาทและผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าทำภารกิจอย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงถึงศักยภาพความสามารถของผู้บุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีเมืองไทย
สำหรับคิง เพาเวอร์ เมื่อชนะการประมูลดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา ตามขั้นตอนจะต้องเข้าตกแต่งพื้นที่ทันทีหลังจากได้รับการประกาศชื่อผู้ชนะ ซึ่งจะมีเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ในการไปทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จ และพร้อมเปิดบริการขายสินค้าให้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
ขณะนี้ทางกองทัพเรือเจ้าของสนามบินอู่ตะเภาและกระทรวงกลาโหม เตรียมประกาศรายชื่อผู้ชนะอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
ส่วนเกณฑ์ทางคณะกรรมการพิจารณาได้ใช้มาตรฐานตามทีโออาร์ ตัดสินเลือกผู้ประกอบการที่พร้อมจ่ายเงินตอบแทนรัฐสูงสุด และจะต้องจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 12 % ของรายได้จากการขายในแต่ละปี
อย่างไรก็ตามตลอดสัปดาห์มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องนับจาก 7 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันกำหนดเปิดให้เอกชนผู้ซื้อซองทีโออาร์ 5 บริษัท ยื่นเอกสารประมูลได้ จากนั้นอีกเพียง 6 วัน ทางคณะกรรมการได้เปิดซองเทคนิคและราคาเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2561 โดยทางท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้เชิญตัวแทนเอกชนฝ่ายละ 4 คน เข้าไปยืนยันซองของแต่ละบริษัทว่าถูกต้องตามที่ได้ส่งให้คณะกรรมการทั้งกิจกรรมสัญญาดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ทางผู้บริหารสนามบินอู่ตะเภายืนยันว่าไม่เคยให้ข้อมูลใด ๆ ถึงตัวเลขการเสนอผลตอบแทนของกลุ่มผู้ชนะและผู้แพ้การประมูลดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพราะตามระเบียบจะต้องยึดถือประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ www.utapao.com กับลงโฆษณาผ่านสื่อที่ระบุเท่านั้น
สำหรับพื้นที่ รวมทั้งหมด 2,000 ตารางเมตร นั้นประกอบด้วย 1.พื้นที่ดิวตี้ฟรี 600 ตารางเมตร ของกลุ่มบริษัท คิง เพาแวอร์ 2.พื้นที่เชิงพาณิชย์อีก 1,000 ตารางเมตร ของกลุ่มเซ็นทรัล
ข่าวที่ 2 “ททท.ลุยใช้Passport Saleเพิ่มทัวร์ต่างชาติ”
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการค้าภาย ในกระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร สมาคมค้าปลีกไทย ภาคเอกชนห้างสรรพสินค้า และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกันนำเสนอโครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privillages” เพื่อเดินหน้ากระตุ้นการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 – 15 มกราคม 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 อนุมัติให้เร่งดำเนินการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า
ด้วยกลยุทธ์ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สินค้าแบรนด์เนม ออกแบบบริการพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแสดงหนังสือเดินทางหรือ Passport ใช้เงินซื้อสินค้าตามศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรี ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ แล้วสามารถขอคืนภาษี VAT 7 % จากยอดช้อปปิ้ง คืนเป็นสดได้ทันที ตามที่กรมสรรพากรจะได้เปิดให้ตั้งบริการเคาน์เตอร์ VAT Refund Downtown เพิ่มได้ตามห้างสรรพสินค้าในเมือง จากเดิมอนุญาตให้มีเพียง 3 จุดตามร้าน 7-11 เท่านั้น
จากนั้นทางห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จะได้นำแคมเปญ Passport Privillage ไปต่อยอดด้วยการทำ VTR โฆษณาประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นสินค้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติให้เข้ามาใช้จ่ายเงินช้อปปิ้งอย่างต่อเนื่องในอนาคตต่อไป
ข่าวที่ 3 “เที่ยว55เมืองรองปลายปีลดภาษีเต็มพิกัด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนคนไทยออกไป “เที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้” ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2561 ด้วยการปฏิบัติง่าย ๆ 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรก รีบเข้าไปจองซื้อแพกเกจทัวร์หรือออกเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
ขั้นตอนที่ 2 ขอใบกำกับภาษี หรือ ใบเสร็จรับเงิน ค่าที่พัก จากโรงแรม โฮมสเตย์ เรียกว่า ค่าบริการนำเที่ยว จากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมาย จะต้องตรวจความถูกต้องในใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้อง ว่าเขียนรายละเอียดครบถ้วนชัดเจน ทั้ง ชื่อ นามสกุล ของผู้เสียภาษี จำนวนเงิน วัน-เดือน-ปี ที่จ่ายเงินจริง
ขั้นตอนที่ 3 นำเอกสาร ใบกำกับภาษี หรือ ใบเสร็จรับเงิน ค่าที่พัก จากโรงแรม โฮมสเตย์ ไปยื่นลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2561
สามารถเข้าไปค้นหารายชื่อเมืองท่องเที่ยวรองทั่วประเทศทั้ง 55 จังหวัดได้ที่ www.tourismthailand.org/global ไดตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ 4 “บางจากทุ่ม7.7หมื่นล้านดันรายได้โต2ท่า”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรม การผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เปิดเผยว่า ใน 4 ปีข้างหน้า (2562-2565) นี้ บริษัทมีแผนลงทุน 77,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจกลุ่มบางจากฯ โดยตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) โตขึ้น 2 เท่า และในปี 2566 จะมี EBITDA มากกว่า 30,000 ล้านบาท และโดยในปี 2566 คาดว่ามี EBITDA มากกว่า 30,000 ล้านบาท
โดยการเติบโตของ EBITDA เพิ่มขึ้นเท่าตัวอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเมื่อปี 2555 เคยทำเพิ่มจากกว่า 7,000 ล้านบาท ในปี 2560 ขยับเป็น 14,000 ล้านบาท ด้วยการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว ดังนั้นจึงวางแผนอีก 4-5 ปีข้างหน้าจะเร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพและธุรกิจต้นน้ำด้วย 4 กลไกหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่มุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบูรณาการเทคโนโลยี และสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจชีวภาพด้วย
ข่าวที่ 5 “TCEBเร่งสร้างอุตไมซ์ปี61-62ทำเงิน4แสนล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ "TCEB" เปิดเผยว่า ช่วงปี 2561 และ 2562 จะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ทำรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 4.3 แสนล้านบาท โดยปี 2561 มีผลการดำเนินงานสร้างรายได้กระจายทั่วประเทศรวม 212,924 ล้านบาท จากจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศสูงถึง 34,267,307 ราย
เป้าหมายปี 2562 ทั้งรายได้และจำนวนตลาดไมซ์ภาพรวมจะเร่งการเติบโตเฉลี่ย 5 % ตามเป้ารายได้ตั้งไว้ 221,500 ล้านบาท จำนวน 35.98 ล้านคน แบ่งเป็นจากตลาดต่างประเทศ 100,500 ล้านบาท จำนวน 1.32 ล้านคน ตลาดในประเทศ 1.21 แสนล้านบาท จำนวน 34.662 ล้านคน
ในอีก 5 ปีข้างหน้า ช่วงปี 2565 ทางบริษัท ฟรอท์ส แอนด์ ซัลลิวัน(ไทยแลนด์) จำกัด ทำผลวิจัยโดยระบุอุตสาหกรรมไมซ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของTCEBจะสร้างรายได้ในระบบเศรษฐกิจของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมได้มูลค่ารวมสูงถึง 3.16-4.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ธุรกิจไมซ์ 1.772 แสนล้านบาท คิดเป็น 1.2 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมทั้งจะจัดเก็บภาษีให้ประเทศได้กว่า 23,400 ล้านบาท จ้างงานสูงราว 1.81 แสนตำแหน่ง
นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ปี 2562 จะเน้นการขยายฐานการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์เข้ายัง 2 พื้นที่ (Area Base) คือ 1.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor :EEC) ซึ่งทีเส็บจะส่งตัวแทนเข้าไปร่วมอยู่ในสถาบันเอเชียศึกษาในเซกชั่น EEC MICE Corridor 2.CLMVกัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม เชื่อมต่อการขายไมซ์เป็นพื้นที่เดียวกันกับไทย ขณะนี้มีเมกะโปรเจ็กต์นำร่องในแถบนี้กับ EEC ในการเปิดตะเข็บไทยในฝั่งจังหวัดตราดกับสีหนุวิลล์ กัมพูชา นำตลาดไมซ์ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทนานาชาติโดยเฉพาะจีนที่เข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจสีหนุวิลล์ เดินทางด้วยเรือเข้ามายังภาคตะวันออกของไทย จากตราดสู่พัทยา และชลบุรี
อีกทั้งระหว่างนี้ยังได้นำเสนอรัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ) ให้ TCEB สามารถเป็นหน่วยงานเจ้าภาพประมูลงานเมกะอีเวนต์และเอ็กซโปร์นานาชาติมาจัดในประเทศไทยได้ แตกต่างจากเดิมต้องรอให้ทางกระทรวงพนิชย์เป็นเจ้าภาพดำเนินการ
สำหรับปี 2562 TCEB จะสร้างการเติบโตตลาดไมซ์ด้วยการใช้ 3 กลยุทธ์เป็นหัวหอกสำคัญ คือ
กลยุทธ์ที่ 1 สร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจ โดยขยายฐานเพิ่มในตลาดหลักเอเชีย ยุโรป อเมิรา และตลาดรองในโอเชเนีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชูโปรดักซ์หลัก ๆ S-CURVE กับ New S-CURVE ได้แก่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ประกอบด้วย ยานยนต์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์ หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร อิเล็คทรอนิกส์อัจฉริยะ ท่องเที่วเชิงสุขภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทอล เน้นขยายผลการจัดประชุมแบบ One on Oneซึ่งได้ผลมากกว่าทำโร้ดโชว์
กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาด้วยนวัตกรรม ต่อยอดจากการสร้างมาตรฐานการรับรองThailand MICE Venue Standard : TMVS จะเพิ่มมาตรฐาน ISO เข้าไปให้กับกลุ่มศูนย์ประชุมและผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 เตรียมเปิด Intelligent MICE Center ทำเป็นศูนย์บริการอัจฉริยะด้านไมซ์แห่งแรกในอาเซียน รวบรวมนำงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับไมซ์มาให้ผู้ประกอบการอในอุตสาหกรรมได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เปิดตัวแอพลิเคชั่น Brigde Connect ไปเรียบร้อยแล้ว
กลยุทธ์ที่ 3 กระจายรายได้และความเจริญ โดยจะยกระดับการขายไมซ์เชื่อมโยงกับทางกลุ่มประเทศ CLMVและลุ่มน้ำโขง GMS ในปีงบประมาณ 2562 เริ่มจากตุลาคมปีนี้เป็นต้นมา กระจายงานไมซ์อินเตอร์ไปจัดตามพื้นที่ดังกล่าว เช่น งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก 23-25 พฤศจิกายน 2562 จ.ร้อยเอ็ด งานแสดงสินค้าพลังงานแห่งอนาคต Future Energy Asia 2018 ระหว่าง 12-14 ธันวาคม 2561 และงานระดับโลกรายการใหญ่สุดอย่างงาน 86th UFI Global Congress 2019 ระหว่าง 6-8 พฤศจิกายน 2562
ช่วงที่ 2 ไปนอนนับดาวช่วงต้นฤดูหนาวได้ที่ “มอหินขาว” ชัยภูมิ เสพสุขกับสโตนเฮ้นท์แห่งเดียวในเมืองไทย แล้วต้องดูแลสุขภาพด้วย “4วิธีง่าย ๆ คลายเครียดก่อนนอน” จากนั้นมาดู “นักบิน TG ออกเพียบ” ตบเท้าไปซบอกโลว์โคสต์ และ 1ธ.ค.นี้ “การบินไทยจะเก็บค่าออกตั๋ว2-30 ดอลล์/คน ส่วนการประกาศผลการดำเนินธุรกิจ 9 เดือนแรก บางกอกแอร์กำไรฉลุย แอร์เอเชียเฉียดฉิว นกแอร์ขาดทุนท่วม
@นอนนับดาวตื่นรับแสงใหม่ใน”มอหินขาว” ชัยภูมิ
อากาศเริ่มเย็นลง สถานที่ท่องเที่ยวเมืองรองในภาคอีสาน สามารถนอนนับดาวหรือนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางประติมากรรมลานหินธรรมชาติรูปทรงแปลก ๆ ได้ ที่ “มอหินขาว” จังหวัดชัยภูมิ
ในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดน ประติมากรรมหินสีขาว จนกลายเป็น “สโตนเฮ้นต์เมืองไทย” ตั้งเรียงรายกระจายอยู่ทั่วพื้นที่บนลานหญ้ากว้าง พอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาว นักท่องเที่ยวมักจะทยอยกันขึ้นไปชมความแปลกของหินขนาดใหญ่มีรูปร่างสวยงามแตกต่างกันไป มีรูปตรงกลางคล้ายหัวใจเป็นสัญลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวได้เชลฟี่เป็นที่ระลึก
เรื่องเล่าของประติมากรรมหินสีขาวแท่งขนาดยักษ์บริเวณมอหินขาว มีอย่างยาวนาน 175-197 ล้านปี ทางอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกางเต็นท์พักค้างแรมได้ เพื่อนอนนับดาวยามค่ำคืนสุกสกาวสวยงาม ยามเช้าก็จะได้ดื่มด่ำกับแสงสีทองของพระอาทิตย์โผล่จากขอบฟ้ากลางป่าเขียวขจี และดอกไม้ป่าส่งกลิ่นหอม ๆ ระเรื่อ เป็นระยะ ๆ
จากมอหินขาว สามารถเดินทางไปท่องเที่ยว “พระธาตุชัยภูมิ” ในวัดอรุณธรรมสถาน สร้างขึ้นตามแบบแผนเจดีย์โบราณ ด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างล้านนากับล้านช้าง จึงเป็นศาสนสถานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบชาวชัยภูมิ
หรือจะไปดับร้อนได้ที่ “น้ำตกตาดโตน” ธรรมชาติได้รังสรรค์สถานที่พักผ่อนอีกแห่งในชัยภูมิ ซึ่งเป็นลานหินราบรองรับระดับน้ำไหลรินจากที่สูงลงต่ำ ช่วงสวย ๆ เห็นน้ำตกสาดกระเซ็นเย็นชุ่มฉ่ำจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน ของทุกปี สำหรับหน้าหนาวภายในบริเวณนี้โอบล้อมด้วยพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่น้อย และมุมนั่งสูดโอโซนสบาย ๆ ได้เช่นกัน
แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งคือ “ทุ่งดอกกระเจียว ผาหินงาม” ต้องไปในช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม ของทุกปี จะเห็นดอกกระเจียวสีขาว สีชมพู สีม่วง ชูช่อหนาแน่นแข่งกันโอดโฉมความงามให้นักท่องเที่ยวได้แอบอิงถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่วนช่วงฤดูอื่นจะออกดอกเบาบางพอได้เห็นบ้าง
เที่ยวเมืองไทยในจังหวัดรองอย่าง “ชัยภูมิ” ก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถเดินทางไปสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นกันได้ตลอดทั้งปี
@4วิธีคลายเครียดก่อนนอนให้หลับสบาย
มีเทคนิคมากมายที่คุณนำมาใช้ไม่สามารถลดความตึงเครียดก่อนนอนลงได้ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าจะทำให้คุณหลับสนิทได้ภายใน 5 นาที
1.ผ่อนลมหายใจ เริ่มจากหายใจเข้าทางจมูก นับ 1-5 ในใจ แล้วปล่อยลมหายใจออกทางปากช้าๆ ระหว่างนั้น นับ 1-10 ในใจ ร่างกายจะผ่อนคลายลงทันทีและนอนหลับอย่างสงบ
2.จิบน้ำผึ้งครึ่งช้อนชา เพราะน้ำผึ้งจะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน ทำให้เราผ่อนคลายได้ภายใน 5 นาที
3.ทำให้มืออุ่น เมื่อเราเครียดมือมักจะเย็น ดังนั้น ก่อนนอน เราจึงควรเอามือแช่ในน้ำอุ่น สักครู่จะช่วยคลายความตึงเครียดและทำให้หลับง่ายและสบายขึ้น
4.นวดเท้าคลายเครียด โดยกดเบาๆ บริเวณรอยต่อของกระดูกนิ้วเท้าข้อที่ 1 และข้อที่ 2 จำนวน 10 ครั้ง จะช่วยคลายเครียดได้ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปี’61-62นักบินลาTGแห่ออกไปซบอกโลว์คอสต์”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานปลายปี 2561 มีนักบินการบินไทย (TG) ลาออกจากที่มี 1,200 คน ปี 2561 ออกไปแล้ว 50 คน ปี 2562 จะออกเพิ่มขึ้นอีก สถิติช่วง 8 ปี ระหว่าง 2553-2560 นักบินการบินไทยลาออกแล้วถึง 400 คน โดยพากันไปสมัครเป็นนักบินของโลว์คอสต์ซึ่งให้ค่าตอบแทนดีกว่า อีกทั้งยังทำแผนการลงทุนชัดเจนทั้งซื้อฝูงบินและเปิดเส้นทางบินใหม่
ในการลาออกนั้นนักบินบางส่วนยอมให้การบินไทยฟ้องเพราะอยู่ไม่ครบสัญญา ต้องจ่ายค่าปรับคนละ 5-6 ล้านบาท ส่วนกว่า 100 ราย เลือกใช้วิธีประนอมหนี้กับบริษัท
ทั้งนี้นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) เตรียมใช้มาตรการ pay per box เริ่ม 1 มกราคม 2562 ห้ามเลือดนักบินลาออกเป็นจำนวนมาก ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ เพราะทุกวันนี้ให้เงินนักบินไกลโซนยุโรปได้เบี้ยเลี้ยงวันละ4,000 บาท ส่วนในเอเชียจ่ายแค่วันละ 3,000 บาท และในประเทศวันละ 2,000 บาท ระบบใหม่จะนำมารวมกันก่อนแล้วหารแบ่งกัน
@บินไทยเก็บค่าออกตั๋วทั่วโลก2-30ดอลล์1ธ.ค.นี้”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เตรียมเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสารที่สำนักงานการบินไทยและศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (THAI Contact Center) เริ่ม 1 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป เฉลี่ย 2-30 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง เพื่อให้ไปจองผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชันแทนโดยฟรีค่าธรรมเนียม
โดยได้กำหนดค่าธรรมเนียม แยกเป็น 1.เส้นทางบินในประเทศ 2 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง 2.เส้นทางบินภูมิภาคเอเชีย 10 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง 3.เส้นทางบินข้ามทวีป 15 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการจองในสำนักงานการบินไทยและศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ที่ประเทศอื่น ๆ เพื่อบินมายังไทยและอินโดจีน 5 ดอลลาร์สหรัฐ เส้นทางบินแถบภูมิภาค 10 ดอลลาร์สหรัฐ และเส้นทางบินญี่ปุ่น/เกาหลี/ข้ามทวีป ค่าธรรมเนียม 30 ดอลลาร์สหรัฐ
โทร.สอบถามเพิ่มที่ 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์ฟันกำไร9เดือน.676ล้าน”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของบางกอก แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า รายได้ 7,066.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8 % มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางภาษี 885.7 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกปีนี้ เมื่อหักภาษีแล้วมีกำไรสุทธิ 676.9 ล้านบาท
เป็นผลมาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4 % เนื่องจากเส้นทางบินภายในประเทศ ยกเว้นเข้า-ออกสมุย การเดินทางคึกคักตลอดทั้งปี
ข่าวที่สี่ “นกแอร์อ่วม9เดือนขาดทุนเกือบ2พันล้าน”
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งถึงผลประกอบการ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ไตรมาส 3 ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 1,106 ล้านบาท และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการ 974 ล้านบาท และเมื่อรวม 3 ไตรมาสขาดทุนสุทธิในงบการเงินรวม 1,963 ล้านบาท และขาดทุนในงบการเงินเฉพาะกิจการ 1,748 ล้านบาท
ข่าวที่ห้า “แอร์เอเชียประคองกำไร9เดือนแรกปี61”
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) และบจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ผลประกอบการของ AAV ไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้รวม 9,307 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาท ส่วน 9เดือนแรกปีนี้มีรายได้รวม 30,203 ล้านบาท ยังคงมีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.001-2.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ชี้ปี’62ไทยพุ่งได้แรงหนุนเลือกตั้งดันอินบาวนด์โต
เบื้องหลังคิงเพาเวอร์คว้าดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา600ตรม.
ททท.ดันPassport Saleโกยเงินนักช้อปต่างชาติ
ปลุกทั่วไทยใช้เงินปลายปีทัวร์55เมืองรองลดภาษี
บางจากแรง4ปีหน้าเท7.7หมื่นล้านธุรกิจโต2เท่า
TCEBเร่งอุตฯไมซ์ปี61-62เงินสะพัด4.3แสนล้าน
หนาวนี้ไปนอนดูดาวที่มอหินขาวสโตนเฮนท์ไทย
4วิธีง่ายๆ คลายเครียดก่อนนอนเพื่อหลับสบาย
นักบินTGชิงซบอกโลว์คอสต์ม.ค.62จัดแถวใหม่
บางกอกแอร์9เดือนกำไรไม่เกรงใจใคร676ล้าน
นกแอร์9เดือนหนี้ท่วมขาดทุนอ่วมเฉียด2พันล.
แอร์เอเชียประคอง9เดือนยังไหวกำไร314ล้าน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 พบกับทายาทธุรกิจคนรุ่นใหม่ “โชติช่วง ศูรางกูร” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด โชว์แนวรุกฉลอง 4 ทศวรรษบริษัทคนไทยผู้บุกเบิกท่องเที่ยวครบวงจร “เที่ยวไทย-เที่ยวนอก-ดึงชาติมาไทย” ลั่นทุ่มลงทุนจัดเต็มโปรแกรมขายทัวร์ย้อนรอยอดีตทั่วไทย 9 เส้นทาง จีบสูงวัย อินเซ็นทีฟ ใช้เงินสะพัด พร้อมดึงชาวละตินแห่เที่ยวเมืองไทย ชี้ “การเลือกตั้ง” ปีหน้าจะเป็นแรงกระเพื่อมต่างชาติเที่ยวไทยคึกคัก
นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า วางแผนฉลองบริษัทก้าวขึ้นสู่ปีที่ 40 มุ่งตอบโจทก์วางรูปแบบเจาะเซกเมนท์เพิ่มขึ้นลดการทำตลาด mass market โดยจะทำโครงการตลาดผู้สูงอายุ แนวโน้มเติบโตดีแตกต่างจากกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีความพร้อมหาข้อมูลท่องเที่ยวออนไลน์เดินทางได้เอง จึงไม่ต้องพึ่งพาบริษัทนำเที่ยว ดังนั้นจึงต้องรุกเข้าไปยังกลุ่มนักเดินทางซึ่งต้องการบริการเต็มรูปแบบ ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แพกเกจทำให้ตั้งแต่ประสานงานตั้งแต่ต้นทางทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ล่าสุดทำผลสำรวจกลุ่มอายุ 50-60 ปี ต้องการไลฟ์ไทม์อย่างไรบ้าง
เริ่มตั้งแต่การเลือกเที่ยวบินให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้สูงวัย มีมัคคุเทศก์ผ่านการอบรมด้านปฐมพยาบาล การเลือกเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ กำหนดความเร็วของรถท่องเที่ยว
โครงการที่ 2 ผลิตโปรแกรมท่องเที่ยวย้อนรอยอดีตที่ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด เคยบุกเบิกไว้ท่องเที่ยวในประเทศ จะมีให้เลือกไม่ต่ำกว่า 9 เส้นทาง เช่น 14 จังหวัดภาคใต้ กับอีสานรอบใหม่ทั้งอีสานเหนือและใต้ ซึ่งสมัยก่อนพอเปิดขายมียอดจองเต็มทันที จะเริ่มเปิดขายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
เส้นทางต่างประเทศจะเน้นความเป็น Exotic มากขึ้น ทั้ง เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมกับนำเสนอเส้นทางใหม่ อย่าง โมร็อกโค ละตินอเมริกาใต้ ไปชมความมหัศจรรย์ของ มาชูปิชู
ปี 2561 การดูแลนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยเที่ยวในประเทศและเที่ยวต่างประเทศ ไม่ต่ำกว่า 30,000 คน คนไทยเที่ยวไทยจะจำนวนมากเพราะบางกลุ่มซื้อแพกเกจเที่ยววันเดียว แตกต่างจากกลุ่มเดินทางต่างประเทศ
ส่วนกลยุทธ์การตลาดจะหันมาปรับราคาแพกเกจ กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลเดินทางท่องเที่ยวฟรี (incentive) ก็จะปรับราคาลงตามจำนวนวันเดินทาง ขณะนี้มีการขายทัวร์หน้าร้าน ขายเที่ยววันเดียวราคาเริ่มต้น 1,100 บาท/คน/วัน แต่บริการรถคุณภาพดีสปริ๊นเตอร์ หรือจะเป็นต่างประเทศ ทัวร์ไต้หวัน จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท/คน/วัน เป็นเรื่องบริการแล้วนักท่องเที่ยวขับรถท่องเที่ยวกันเอง
โดยนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการหนุ่มสาวทัวร์นิยมซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ไต้หวัน 2.ญี่ปุ่น และยุโรปกลาง เช่น เวียนนา (ออสเตรีย) สาธารณรัฐเชค บูการี โรมาเนีย 4.ฝรั่งเศส 5.อิตาลี กับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะใกล้เคียงกัน
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศ มีความหลากหลายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นอินเซ็นทีฟสูงถึง 85 % ส่วนใหญ่เป็นองค์กรทำเป็นการท่องเที่ยวไมซ์ เมื่อ 4-5 ปีก่อนกระจุกตัวอยู่เขาใหญ่ แตกต่างจากปี 2561 กระจายไปยัง ภูเก็ต กระบี่ พังงา กาญจนบุรี สวนผึ้ง (ราชบุรี) จันทบุรี ซึ่งขณะนี้บางบริษัทมีนโยบายไม่ให้พนักงานท่องเที่ยวโดยนั่งเรือไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
ขณะเดียวกันก็ได้ผนวกการขายเมืองรอง แต่ะจะทำเฉพาะบางเมืองพ่วงเข้ากับเมืองหลัก เช่น น่าน ในมุมการขายต้องการพัฒนาการขายเมืองรองที่มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนหนุ่ม สาว ทัวร์ ก็ต้องการขายทุกเส้นทาง สวนทางกับผู้บริโภคชื่นชอบความสะดวกสบายเป็นอันดับต้น ๆ
ปลายปี 2561 เปิดขายแพกเกจท่องเที่ยวมียอดจองเต็มเกือบหมดแล้วรวม ๆ กว่า 20 กรุ๊ป ขนาดแต่ละกรุ๊ปมีทั้งใหญ่และเล็กตั้งแต่ 20-49 คน/กรุ๊ป เส้นทางก็มี สาธารณรัฐประชาชจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรปยอดจองไป สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส ยังคงหนาแน่น ยกเว้นโอเชเนียออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไม่ได้ทำโปรแกรมขายเพราะราคาสูงกว่ายุโรป ต้นปี 2562 จะขายโปรแกรมไอร์แลนด์ เพื่อนำชมแสงเหนือซึ่งกำลังสวยงาม
ทางด้านเส้นทางในประเทศจะมีแพกเกจ ตามรอยพญานาค วัดป่าภูก้อน เป็นเส้นทางหลักตามเทศกาล ในแต่ละภาคของประเทศ
สถานการณ์ปี 2562 ประเมินสถานการณ์ เหตุการณ์เลือกตั้งของไทย จะเป็นแรงกระเพื่อมให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางเข้ามายังไทย เพราะช่วง 3-4 ปีในยุคที่ไทยเกิดการรัฐประหารบริหารประเทศด้วยระบบทหาร ทำให้หลายประเทศทางฝั่งยุโรปชะลอตัวลง เนื่องจากบริษัทรับทำประกันการเดินทางมาเที่ยวไม่รับทำให้กับนักเดินทาง จึงทำให้กรุ๊ปขนาด 100 คนหายไป แล้วหันไปเที่ยวเวียดนามแทน อันเป็นผลมาจากแนวคิดของชาวตะวันตกที่ไม่มาประเทศไทย ส่วนจีนลดลงต่อเนื่อง จึงต้องเผชิญความท้าทายพอสมควร
บริษัทหนุ่ม สาว ทัวร์ มีการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย (inbound) มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10 % ของทั้งหมด ปี 2562 จะบุกขยายฐานนักเดินทางอิสระ และองค์กร ตลาดเป้าหมายมากสุดคือ ยุโรป เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมัน อีกตลาดคือบราซิล เปรู ในแถบละตินอเมริกา เพราะชื่นชอบประเทศไทยพอมาเห็นความแปลกใหม่ มาแล้วสนุกสนาน ผสมผสานกับเดินทางท่องเที่ยวเชิงหาความรู้บางส่วน พักระยะยาว 2-3 สัปดาห์/คน ใช้จ่ายเงินสูงกว่ายุโรป โดยเน้นการช้อปปิ้งเพื่อเป็นของฝากกลับบ้าน
ทางหนุ่ม สาว ทัวร์ มีนโยบายกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินกระจายลงสู่ชุมชน ตลาดพื้นเมือง เพิ่มขึ้น มากกว่าที่จะจ่ายเฉพาะร้านอาหาร โรงแรม เป็นหลัก เพราะสินค้าหรืออาหารท้องถิ่นบางอย่างอาจจะจ่ายแพงกว่าปกติสักเล็กน้อย แต่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเพราะต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในไทย ซึ่งบางกลุ่มก็เห็นต่างถึงการตั้งราคาขายสินค้าไทยให้กับนักท่องเที่ยว
สำหรับตลาดคนไทยไปต่างประเทศ (outbound) ยังมีแนวโน้มสดใส เพราะสายการบินมีปริมาณที่นั่งจำนวนมาก และราคาถูกลงเรื่อย ๆ สามารถทำให้คนมีโอกาสท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น และโดยพฤติกรรม
โดยภาพรวมอนาคตของธุรกิจการท่องเที่ยวเอกชนปี 2562 ยังคงสดใสทั้งตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ คนไทยเที่ยวต่างประเทศ และ ต่างชาติท่องเที่ยวเมืองไทย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “เบื้องลึกคิงเพาเวอร์ชนะดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเสนอชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เข้าชิงงานประมูลโดยชนะคู่แข่งแบบขาดลอย ได้รับสิทธิ์เข้าลงทุนบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยอง พัทยา ประมาณกว่า 600 ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง 10 ปี นับเป็นการเสนองานครั้งแรกหลังจากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตก โดยทายาทและผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าทำภารกิจอย่างเต็มที่ ด้วยการแสดงถึงศักยภาพความสามารถของผู้บุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีเมืองไทย
สำหรับคิง เพาเวอร์ เมื่อชนะการประมูลดิวตี้ฟรีอู่ตะเภา ตามขั้นตอนจะต้องเข้าตกแต่งพื้นที่ทันทีหลังจากได้รับการประกาศชื่อผู้ชนะ ซึ่งจะมีเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ในการไปทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จ และพร้อมเปิดบริการขายสินค้าให้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
ขณะนี้ทางกองทัพเรือเจ้าของสนามบินอู่ตะเภาและกระทรวงกลาโหม เตรียมประกาศรายชื่อผู้ชนะอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
ส่วนเกณฑ์ทางคณะกรรมการพิจารณาได้ใช้มาตรฐานตามทีโออาร์ ตัดสินเลือกผู้ประกอบการที่พร้อมจ่ายเงินตอบแทนรัฐสูงสุด และจะต้องจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 12 % ของรายได้จากการขายในแต่ละปี
อย่างไรก็ตามตลอดสัปดาห์มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องนับจาก 7 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันกำหนดเปิดให้เอกชนผู้ซื้อซองทีโออาร์ 5 บริษัท ยื่นเอกสารประมูลได้ จากนั้นอีกเพียง 6 วัน ทางคณะกรรมการได้เปิดซองเทคนิคและราคาเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2561 โดยทางท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้เชิญตัวแทนเอกชนฝ่ายละ 4 คน เข้าไปยืนยันซองของแต่ละบริษัทว่าถูกต้องตามที่ได้ส่งให้คณะกรรมการทั้งกิจกรรมสัญญาดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ทางผู้บริหารสนามบินอู่ตะเภายืนยันว่าไม่เคยให้ข้อมูลใด ๆ ถึงตัวเลขการเสนอผลตอบแทนของกลุ่มผู้ชนะและผู้แพ้การประมูลดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพราะตามระเบียบจะต้องยึดถือประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ www.utapao.com กับลงโฆษณาผ่านสื่อที่ระบุเท่านั้น
สำหรับพื้นที่ รวมทั้งหมด 2,000 ตารางเมตร นั้นประกอบด้วย 1.พื้นที่ดิวตี้ฟรี 600 ตารางเมตร ของกลุ่มบริษัท คิง เพาแวอร์ 2.พื้นที่เชิงพาณิชย์อีก 1,000 ตารางเมตร ของกลุ่มเซ็นทรัล
ข่าวที่ 2 “ททท.ลุยใช้Passport Saleเพิ่มทัวร์ต่างชาติ”
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการค้าภาย ในกระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร สมาคมค้าปลีกไทย ภาคเอกชนห้างสรรพสินค้า และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกันนำเสนอโครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privillages” เพื่อเดินหน้ากระตุ้นการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 – 15 มกราคม 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 อนุมัติให้เร่งดำเนินการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า
ด้วยกลยุทธ์ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สินค้าแบรนด์เนม ออกแบบบริการพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแสดงหนังสือเดินทางหรือ Passport ใช้เงินซื้อสินค้าตามศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรี ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ แล้วสามารถขอคืนภาษี VAT 7 % จากยอดช้อปปิ้ง คืนเป็นสดได้ทันที ตามที่กรมสรรพากรจะได้เปิดให้ตั้งบริการเคาน์เตอร์ VAT Refund Downtown เพิ่มได้ตามห้างสรรพสินค้าในเมือง จากเดิมอนุญาตให้มีเพียง 3 จุดตามร้าน 7-11 เท่านั้น
จากนั้นทางห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จะได้นำแคมเปญ Passport Privillage ไปต่อยอดด้วยการทำ VTR โฆษณาประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นสินค้า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติให้เข้ามาใช้จ่ายเงินช้อปปิ้งอย่างต่อเนื่องในอนาคตต่อไป
ข่าวที่ 3 “เที่ยว55เมืองรองปลายปีลดภาษีเต็มพิกัด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนคนไทยออกไป “เที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้” ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2561 ด้วยการปฏิบัติง่าย ๆ 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรก รีบเข้าไปจองซื้อแพกเกจทัวร์หรือออกเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
ขั้นตอนที่ 2 ขอใบกำกับภาษี หรือ ใบเสร็จรับเงิน ค่าที่พัก จากโรงแรม โฮมสเตย์ เรียกว่า ค่าบริการนำเที่ยว จากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมาย จะต้องตรวจความถูกต้องในใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้อง ว่าเขียนรายละเอียดครบถ้วนชัดเจน ทั้ง ชื่อ นามสกุล ของผู้เสียภาษี จำนวนเงิน วัน-เดือน-ปี ที่จ่ายเงินจริง
ขั้นตอนที่ 3 นำเอกสาร ใบกำกับภาษี หรือ ใบเสร็จรับเงิน ค่าที่พัก จากโรงแรม โฮมสเตย์ ไปยื่นลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2561
สามารถเข้าไปค้นหารายชื่อเมืองท่องเที่ยวรองทั่วประเทศทั้ง 55 จังหวัดได้ที่ www.tourismthailand.org/global ไดตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ 4 “บางจากทุ่ม7.7หมื่นล้านดันรายได้โต2ท่า”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรม การผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เปิดเผยว่า ใน 4 ปีข้างหน้า (2562-2565) นี้ บริษัทมีแผนลงทุน 77,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจกลุ่มบางจากฯ โดยตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) โตขึ้น 2 เท่า และในปี 2566 จะมี EBITDA มากกว่า 30,000 ล้านบาท และโดยในปี 2566 คาดว่ามี EBITDA มากกว่า 30,000 ล้านบาท
โดยการเติบโตของ EBITDA เพิ่มขึ้นเท่าตัวอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเมื่อปี 2555 เคยทำเพิ่มจากกว่า 7,000 ล้านบาท ในปี 2560 ขยับเป็น 14,000 ล้านบาท ด้วยการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว ดังนั้นจึงวางแผนอีก 4-5 ปีข้างหน้าจะเร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพและธุรกิจต้นน้ำด้วย 4 กลไกหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่มุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบูรณาการเทคโนโลยี และสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจชีวภาพด้วย
ข่าวที่ 5 “TCEBเร่งสร้างอุตไมซ์ปี61-62ทำเงิน4แสนล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ "TCEB" เปิดเผยว่า ช่วงปี 2561 และ 2562 จะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ทำรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 4.3 แสนล้านบาท โดยปี 2561 มีผลการดำเนินงานสร้างรายได้กระจายทั่วประเทศรวม 212,924 ล้านบาท จากจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งในและต่างประเทศสูงถึง 34,267,307 ราย
เป้าหมายปี 2562 ทั้งรายได้และจำนวนตลาดไมซ์ภาพรวมจะเร่งการเติบโตเฉลี่ย 5 % ตามเป้ารายได้ตั้งไว้ 221,500 ล้านบาท จำนวน 35.98 ล้านคน แบ่งเป็นจากตลาดต่างประเทศ 100,500 ล้านบาท จำนวน 1.32 ล้านคน ตลาดในประเทศ 1.21 แสนล้านบาท จำนวน 34.662 ล้านคน
ในอีก 5 ปีข้างหน้า ช่วงปี 2565 ทางบริษัท ฟรอท์ส แอนด์ ซัลลิวัน(ไทยแลนด์) จำกัด ทำผลวิจัยโดยระบุอุตสาหกรรมไมซ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของTCEBจะสร้างรายได้ในระบบเศรษฐกิจของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมได้มูลค่ารวมสูงถึง 3.16-4.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ธุรกิจไมซ์ 1.772 แสนล้านบาท คิดเป็น 1.2 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมทั้งจะจัดเก็บภาษีให้ประเทศได้กว่า 23,400 ล้านบาท จ้างงานสูงราว 1.81 แสนตำแหน่ง
นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ปี 2562 จะเน้นการขยายฐานการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์เข้ายัง 2 พื้นที่ (Area Base) คือ 1.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor :EEC) ซึ่งทีเส็บจะส่งตัวแทนเข้าไปร่วมอยู่ในสถาบันเอเชียศึกษาในเซกชั่น EEC MICE Corridor 2.CLMVกัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม เชื่อมต่อการขายไมซ์เป็นพื้นที่เดียวกันกับไทย ขณะนี้มีเมกะโปรเจ็กต์นำร่องในแถบนี้กับ EEC ในการเปิดตะเข็บไทยในฝั่งจังหวัดตราดกับสีหนุวิลล์ กัมพูชา นำตลาดไมซ์ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทนานาชาติโดยเฉพาะจีนที่เข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจสีหนุวิลล์ เดินทางด้วยเรือเข้ามายังภาคตะวันออกของไทย จากตราดสู่พัทยา และชลบุรี
อีกทั้งระหว่างนี้ยังได้นำเสนอรัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ) ให้ TCEB สามารถเป็นหน่วยงานเจ้าภาพประมูลงานเมกะอีเวนต์และเอ็กซโปร์นานาชาติมาจัดในประเทศไทยได้ แตกต่างจากเดิมต้องรอให้ทางกระทรวงพนิชย์เป็นเจ้าภาพดำเนินการ
สำหรับปี 2562 TCEB จะสร้างการเติบโตตลาดไมซ์ด้วยการใช้ 3 กลยุทธ์เป็นหัวหอกสำคัญ คือ
กลยุทธ์ที่ 1 สร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจ โดยขยายฐานเพิ่มในตลาดหลักเอเชีย ยุโรป อเมิรา และตลาดรองในโอเชเนีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชูโปรดักซ์หลัก ๆ S-CURVE กับ New S-CURVE ได้แก่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ประกอบด้วย ยานยนต์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์ หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร อิเล็คทรอนิกส์อัจฉริยะ ท่องเที่วเชิงสุขภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทอล เน้นขยายผลการจัดประชุมแบบ One on Oneซึ่งได้ผลมากกว่าทำโร้ดโชว์
กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาด้วยนวัตกรรม ต่อยอดจากการสร้างมาตรฐานการรับรองThailand MICE Venue Standard : TMVS จะเพิ่มมาตรฐาน ISO เข้าไปให้กับกลุ่มศูนย์ประชุมและผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 เตรียมเปิด Intelligent MICE Center ทำเป็นศูนย์บริการอัจฉริยะด้านไมซ์แห่งแรกในอาเซียน รวบรวมนำงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับไมซ์มาให้ผู้ประกอบการอในอุตสาหกรรมได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เปิดตัวแอพลิเคชั่น Brigde Connect ไปเรียบร้อยแล้ว
กลยุทธ์ที่ 3 กระจายรายได้และความเจริญ โดยจะยกระดับการขายไมซ์เชื่อมโยงกับทางกลุ่มประเทศ CLMVและลุ่มน้ำโขง GMS ในปีงบประมาณ 2562 เริ่มจากตุลาคมปีนี้เป็นต้นมา กระจายงานไมซ์อินเตอร์ไปจัดตามพื้นที่ดังกล่าว เช่น งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก 23-25 พฤศจิกายน 2562 จ.ร้อยเอ็ด งานแสดงสินค้าพลังงานแห่งอนาคต Future Energy Asia 2018 ระหว่าง 12-14 ธันวาคม 2561 และงานระดับโลกรายการใหญ่สุดอย่างงาน 86th UFI Global Congress 2019 ระหว่าง 6-8 พฤศจิกายน 2562
ช่วงที่ 2 ไปนอนนับดาวช่วงต้นฤดูหนาวได้ที่ “มอหินขาว” ชัยภูมิ เสพสุขกับสโตนเฮ้นท์แห่งเดียวในเมืองไทย แล้วต้องดูแลสุขภาพด้วย “4วิธีง่าย ๆ คลายเครียดก่อนนอน” จากนั้นมาดู “นักบิน TG ออกเพียบ” ตบเท้าไปซบอกโลว์โคสต์ และ 1ธ.ค.นี้ “การบินไทยจะเก็บค่าออกตั๋ว2-30 ดอลล์/คน ส่วนการประกาศผลการดำเนินธุรกิจ 9 เดือนแรก บางกอกแอร์กำไรฉลุย แอร์เอเชียเฉียดฉิว นกแอร์ขาดทุนท่วม
@นอนนับดาวตื่นรับแสงใหม่ใน”มอหินขาว” ชัยภูมิ
อากาศเริ่มเย็นลง สถานที่ท่องเที่ยวเมืองรองในภาคอีสาน สามารถนอนนับดาวหรือนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางประติมากรรมลานหินธรรมชาติรูปทรงแปลก ๆ ได้ ที่ “มอหินขาว” จังหวัดชัยภูมิ
ในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดน ประติมากรรมหินสีขาว จนกลายเป็น “สโตนเฮ้นต์เมืองไทย” ตั้งเรียงรายกระจายอยู่ทั่วพื้นที่บนลานหญ้ากว้าง พอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาว นักท่องเที่ยวมักจะทยอยกันขึ้นไปชมความแปลกของหินขนาดใหญ่มีรูปร่างสวยงามแตกต่างกันไป มีรูปตรงกลางคล้ายหัวใจเป็นสัญลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวได้เชลฟี่เป็นที่ระลึก
เรื่องเล่าของประติมากรรมหินสีขาวแท่งขนาดยักษ์บริเวณมอหินขาว มีอย่างยาวนาน 175-197 ล้านปี ทางอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกางเต็นท์พักค้างแรมได้ เพื่อนอนนับดาวยามค่ำคืนสุกสกาวสวยงาม ยามเช้าก็จะได้ดื่มด่ำกับแสงสีทองของพระอาทิตย์โผล่จากขอบฟ้ากลางป่าเขียวขจี และดอกไม้ป่าส่งกลิ่นหอม ๆ ระเรื่อ เป็นระยะ ๆ
จากมอหินขาว สามารถเดินทางไปท่องเที่ยว “พระธาตุชัยภูมิ” ในวัดอรุณธรรมสถาน สร้างขึ้นตามแบบแผนเจดีย์โบราณ ด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างล้านนากับล้านช้าง จึงเป็นศาสนสถานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบชาวชัยภูมิ
หรือจะไปดับร้อนได้ที่ “น้ำตกตาดโตน” ธรรมชาติได้รังสรรค์สถานที่พักผ่อนอีกแห่งในชัยภูมิ ซึ่งเป็นลานหินราบรองรับระดับน้ำไหลรินจากที่สูงลงต่ำ ช่วงสวย ๆ เห็นน้ำตกสาดกระเซ็นเย็นชุ่มฉ่ำจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน ของทุกปี สำหรับหน้าหนาวภายในบริเวณนี้โอบล้อมด้วยพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่น้อย และมุมนั่งสูดโอโซนสบาย ๆ ได้เช่นกัน
แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งคือ “ทุ่งดอกกระเจียว ผาหินงาม” ต้องไปในช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม ของทุกปี จะเห็นดอกกระเจียวสีขาว สีชมพู สีม่วง ชูช่อหนาแน่นแข่งกันโอดโฉมความงามให้นักท่องเที่ยวได้แอบอิงถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่วนช่วงฤดูอื่นจะออกดอกเบาบางพอได้เห็นบ้าง
เที่ยวเมืองไทยในจังหวัดรองอย่าง “ชัยภูมิ” ก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถเดินทางไปสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นกันได้ตลอดทั้งปี
@4วิธีคลายเครียดก่อนนอนให้หลับสบาย
มีเทคนิคมากมายที่คุณนำมาใช้ไม่สามารถลดความตึงเครียดก่อนนอนลงได้ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าจะทำให้คุณหลับสนิทได้ภายใน 5 นาที
1.ผ่อนลมหายใจ เริ่มจากหายใจเข้าทางจมูก นับ 1-5 ในใจ แล้วปล่อยลมหายใจออกทางปากช้าๆ ระหว่างนั้น นับ 1-10 ในใจ ร่างกายจะผ่อนคลายลงทันทีและนอนหลับอย่างสงบ
2.จิบน้ำผึ้งครึ่งช้อนชา เพราะน้ำผึ้งจะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน ทำให้เราผ่อนคลายได้ภายใน 5 นาที
3.ทำให้มืออุ่น เมื่อเราเครียดมือมักจะเย็น ดังนั้น ก่อนนอน เราจึงควรเอามือแช่ในน้ำอุ่น สักครู่จะช่วยคลายความตึงเครียดและทำให้หลับง่ายและสบายขึ้น
4.นวดเท้าคลายเครียด โดยกดเบาๆ บริเวณรอยต่อของกระดูกนิ้วเท้าข้อที่ 1 และข้อที่ 2 จำนวน 10 ครั้ง จะช่วยคลายเครียดได้ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปี’61-62นักบินลาTGแห่ออกไปซบอกโลว์คอสต์”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานปลายปี 2561 มีนักบินการบินไทย (TG) ลาออกจากที่มี 1,200 คน ปี 2561 ออกไปแล้ว 50 คน ปี 2562 จะออกเพิ่มขึ้นอีก สถิติช่วง 8 ปี ระหว่าง 2553-2560 นักบินการบินไทยลาออกแล้วถึง 400 คน โดยพากันไปสมัครเป็นนักบินของโลว์คอสต์ซึ่งให้ค่าตอบแทนดีกว่า อีกทั้งยังทำแผนการลงทุนชัดเจนทั้งซื้อฝูงบินและเปิดเส้นทางบินใหม่
ในการลาออกนั้นนักบินบางส่วนยอมให้การบินไทยฟ้องเพราะอยู่ไม่ครบสัญญา ต้องจ่ายค่าปรับคนละ 5-6 ล้านบาท ส่วนกว่า 100 ราย เลือกใช้วิธีประนอมหนี้กับบริษัท
ทั้งนี้นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) เตรียมใช้มาตรการ pay per box เริ่ม 1 มกราคม 2562 ห้ามเลือดนักบินลาออกเป็นจำนวนมาก ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ เพราะทุกวันนี้ให้เงินนักบินไกลโซนยุโรปได้เบี้ยเลี้ยงวันละ4,000 บาท ส่วนในเอเชียจ่ายแค่วันละ 3,000 บาท และในประเทศวันละ 2,000 บาท ระบบใหม่จะนำมารวมกันก่อนแล้วหารแบ่งกัน
@บินไทยเก็บค่าออกตั๋วทั่วโลก2-30ดอลล์1ธ.ค.นี้”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เตรียมเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสารที่สำนักงานการบินไทยและศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (THAI Contact Center) เริ่ม 1 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป เฉลี่ย 2-30 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง เพื่อให้ไปจองผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชันแทนโดยฟรีค่าธรรมเนียม
โดยได้กำหนดค่าธรรมเนียม แยกเป็น 1.เส้นทางบินในประเทศ 2 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง 2.เส้นทางบินภูมิภาคเอเชีย 10 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง 3.เส้นทางบินข้ามทวีป 15 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการจองในสำนักงานการบินไทยและศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ที่ประเทศอื่น ๆ เพื่อบินมายังไทยและอินโดจีน 5 ดอลลาร์สหรัฐ เส้นทางบินแถบภูมิภาค 10 ดอลลาร์สหรัฐ และเส้นทางบินญี่ปุ่น/เกาหลี/ข้ามทวีป ค่าธรรมเนียม 30 ดอลลาร์สหรัฐ
โทร.สอบถามเพิ่มที่ 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์ฟันกำไร9เดือน.676ล้าน”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของบางกอก แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า รายได้ 7,066.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8 % มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางภาษี 885.7 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกปีนี้ เมื่อหักภาษีแล้วมีกำไรสุทธิ 676.9 ล้านบาท
เป็นผลมาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4 % เนื่องจากเส้นทางบินภายในประเทศ ยกเว้นเข้า-ออกสมุย การเดินทางคึกคักตลอดทั้งปี
ข่าวที่สี่ “นกแอร์อ่วม9เดือนขาดทุนเกือบ2พันล้าน”
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งถึงผลประกอบการ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ไตรมาส 3 ปี 2561 ขาดทุนสุทธิ 1,106 ล้านบาท และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิในงบการเงินเฉพาะกิจการ 974 ล้านบาท และเมื่อรวม 3 ไตรมาสขาดทุนสุทธิในงบการเงินรวม 1,963 ล้านบาท และขาดทุนในงบการเงินเฉพาะกิจการ 1,748 ล้านบาท
ข่าวที่ห้า “แอร์เอเชียประคองกำไร9เดือนแรกปี61”
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) และบจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ผลประกอบการของ AAV ไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้รวม 9,307 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 358 ล้านบาท ส่วน 9เดือนแรกปีนี้มีรายได้รวม 30,203 ล้านบาท ยังคงมีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.001-2.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น