นันทินี เชื้อชูวงศ์5เทรนด์ใหม่ตลาดโรงแรมไทย ITB ASIA2019ส่งสัญญาณธุรกิจรับมือการค้าไฮเทค-คิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี62
เจาะใจ”นันทินี เชื้อชูวงศ์”ชี้เป้าตลาดโรงแรม5เทรนด์ใหม่
เวทีITB ASIA2019ส่งสัญญาณธุรกิจไทยตั้งรับค้าไฮเทค
คิงเพาเวอร์เทDelightช้อปกระหึ่มโค้งสุดท้าย6สนามบิน
คิงเพาเวอร์โชว์มือโปรแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี’62
ททท.-UNESCOคลิกออฟปฏิญญาเที่ยวไทยยั่งยืนปี’63
บางจากปลื้มผลสำเร็จหุ้นคล้ายทุนหมื่นล้านขายเกลี้ยง
TCEBชูไทยแลนด์7MICEเฟส2สินค้าชุมชน14จังหวัดรุ่ง
ตะลอนเที่ยวชุมชนสถาปัตยกรรมเรือนไม้งามแพร่-น่าน
ปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกลภัยโรคหัวใจ –
หลอดเลือด
รัฐบาลชวนชมนิทรรศการเรือพยุหยาตราฯถึง11พ.ย.นี้
“บิ๊กตู่”ปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยรถไฟ3สนามบินเปิดปี’66
ชิม ช้อป ใช้ เฟส2
ปลุกคนรวยเที่ยวเข้าเป้า6หมื่นล้าน
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
#รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋ # # # # # #
ช่วงที่ 1 ธุรกิจโรงแรมห้ามพลาด “นันทินี เชื้อชูวงศ์”
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ ชี้เป้า 5 เทรนด์ใหม่จากเวที ITB ASIA 2019 จุดเปลี่ยนปี 2563 เครือข่าย OTA แปลงร่างการค้าห้องพักโลก หันขายบนแอพลิเคชั่นมือ ถือแบบครบวงจร ห้อง-สารพัด
optional”
ส่งสัญญาณเตือนเอกชนไทยตื่นตัวระวังธุรกิจอินเตอร์รูปแบบใหม่ เป็นดาบสองคม
พร้อมจะกลืนรายได้จากไทยทุกช่องทาง
ส่วนกระแสมาแรงเหมาซื้อห้องพักโลว์ซีซันไปจัดกลุ่มทำ HOT SALE ในตลาดโลกเชื่อวินวินกันทุกฝ่าย
แนะโรงแรมในไทยเตรียมรับมือความท้าทายเศรษฐกิจโลกปีหน้า
ต้องกล้าดึงเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเป็นตัวช่วยภาคบริการด่วน
นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ |
นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ เปิดเผยว่าในการเข้าร่วมงานเจรจาธุรกิจในมหกรรมการค้าท่องเที่ยวระดับอินเตอร์
International Travel Brose (ITB) Asia 2019 ณ ประเทศสิงคโปร์
ได้พบกับเทรนด์ใหม่ของคู่ค้าซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการการค้าท่องเที่ยวนานาชาติ
จำนวนมากแตกตัวออกมาจากบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์แถวหน้าของโลก (Online
Travel Agents :OTA)
หันมาพัฒนาธุรกิจเองผ่านเว็บไซต์และแอพลิเคชั่นโดยได้เข้ามาเจรจากับผู้ประกอบการไทย
1.ขอคอนเทร็กซ์ตรงกับขอ
Alotment ห้องพักโรงแรม 2.บริษัทขายออนไลน์กลุ่มใหม่เริ่มลงรายละเอียดมากขึ้น
ตัวอย่างการ D-USE บวก Optional
ต่าง ๆ
ก่อนหน้านี้เคยมีมาบ้างแล้วแต่ปี 2562 เห็นปรากฎการณ์ความชัดเจนมาก
เพราะการขอซื้อจะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะห้องพักเพียงอย่างเดียว แต่ได้เพิ่มออปชั่น
เช่น สปา ดินเนอร์ โปรแกรมต่าง ๆ
ที่แต่ละโรงแรมมีบริการลูกค้าภายในแต่ละประเทศนั้น ๆ
สร้างจุดเปลี่ยนน่าสนใจมากขึ้น
3.มีบางบริษัทขอให้ทางโรงแรมเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์กับกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจผู้นำตลาดไมซ์จัดการประชุม
เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าของเอเย่นต์สายพันธุ์ใหม่ ๆ
เพื่อรับส่วนต่างคอมมิสชั่น 4.บริษัทนำเสนอการขายสไตล์ Pay per Click จะดึงโรงแรมเข้าไปอยู่บนแพลตฟอร์มของบริษัทตนเองโดยมีชื่อเว็บไซต์โรงแรมสแลชตามด้วยชื่อของบริษัทคู่ค้า
จากนั้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาคลิกดูข้อมูลก็จะให้ทางโรงแรมจ่ายตามจำนวนคลิกหรือการจองห้องพัก
แต่โรงแรมจะรู้ได้อย่างไรในการโปรโมตจริงหรือไม่ จะต้องเข้าไปดูหลักฐานจาก IP
ในระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นหน้าร้านการขายร่วมรูปแบบใหม่ ราคาจ่ายแต่ละคลิกเริ่มต้นที่ 1 เหรียญสหรัฐ
เป็นช่องทางการทำตลาดรูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้โรงแรมมีโอกาสมากขึ้น
5.กลุ่มบริษัทที่ขอให้โรงแรมจ้างไกด์ให้เพียงอย่างเดียว
กลยุทธ์การค้าลักษณะดังกล่าวซึ่งบริษัทเหล่านี้จะใช้วิธีสร้างเครือข่ายจ้างไกด์และเส้นทางท่องเที่ยวเป็นสต็อกไว้ทั่วโลก
เพียงแค่นำลูกค้าเข้ามาใช้พักค้างคืนโรงแรมตามประเทศต่าง ๆ
แล้วพวกเขาก็สามารถทำทัวร์ได้เองแบบครบวงจร
จึงเป็นสัญญาณอันตรายต่อบริษัททัวร์ในไทยหรือประเทศอื่นด้วย
เพราะจะถูกธุรกิจใหม่กลืนอาชีพและรายได้ไปโดยอัตโนมัติ
อีกทั้งทางโรงแรมจะต้องให้ข้อมูลกับไกด์ที่คัดเลือกมาเข้าใจถึงพฤติกรรมลูกค้าต้องการโปรแกรมท่องเที่ยวในไทย
โดยห้ามพาไปแวะช้อปปิ้งในแหล่งที่ไม่ต้องการ
นางสาวนันทินีกล่าวว่า
ระหว่างงาน ITB ASIA 2019
มีกลุ่มเอเย่นต์คู่ค้าเสนอขอเหมาห้องพักช่วงโลว์ซีซันไว้ โดยขอลดราคาจากปกติไปอีก 30-40
% เพื่อนำห้องไปบริหารจัดการเทขายผ่านออนไลน์หรือแอพลิเคชั่นเปิดให้รีบเข้ามาจองราคาสุดพิเศษช่วงสั้น
ๆ 1-2 สัปดาห์
แต่จะทำการขายต่อเนื่องในตลาด 1-2 เดือน
พร้อมกับวางแผนให้แต่ละประเทศใกล้กันด้วยว่านักท่องเที่ยวควรเลือกจองช่วงโลว์โรงแรมในไทย
ก่อนเดินไปเที่ยวต่อในประเทศใกล้เคียงที่มีห้องราคาโลว์ซีซันต่อเนื่องที่ไหนได้อีกบ้าง
สำหรับประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทยจะได้รับจากการมีคู่ค้าเทรนด์ใหม่เข้ามาเหมาห้องพักโลว์ซีซันไปทำตลาดให้ในเวิลด์ไวด์
เพราะแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองไทยมีช่วงฤดูท่องเที่ยวและโลว์ซีซันต่างกัน เช่น
ฝั่งทะเลอันดามันกับอ่าวไทย หรือสมุย ภูเก็ต บางช่วงไม่ตรงกัน จึงเป็นโอกาสอีกช่องทางที่จะขายได้มากขึ้นในราคาพิเศษกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายใหม่
ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น
ภายในงาน
ITB ASIA 2019 ก็มีคู่ค้าสนใจ
2-3 ราย
เข้ามาดีลห้องพักช่วงโลว์ซีซันจากรามาการ์เด้นราคาพิเศษด้วยเช่นกัน
กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารเพื่อปิดดีลดังกล่าว ด้วยโครงสร้างห้องพักของโรงแรมมีจำนวนรวม
512 ห้อง
ช่วงโลว์ซีซันก็จะมีห้องว่างสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้
เช่นเดียวกับโรงแรมอื่น ๆ ในเมืองไทย
ยิ่งตอนนี้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวนานาชาติเปลี่ยนไปใช้ออนไลน์สูงขึ้นทุกปี
ตอนนี้จึงมีกลุ่มธุรกิจใหม่เข้ามานำเสนอขายเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเหมือนในงาน ITB
ASIA 2019 ปีนี้สิงคโปร์ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับผู้เข้าร่วมงานทุกกลุ่มด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยีสแกนใบหน้าจึงมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวเมืองไทยในอนาคตอันใกล้นี้
เพราะระบบสามารถติดตามพฤติกรรรมการใช้จ่ายเงินภายในโรงแรมในแต่ละฟังก์ชั่นได้ เช่น
กินอาหารห้องไหนด้วยความถี่มากเป็นพิเศษ สนใจใช้บริการกิจกรรมใดบ้าง
ขณะนี้มีบริษัทดาหน้ากันเข้ามาเสนอขาย
Mobile Application เลือกเฉพาะกลุ่มชัดเจน
อายุ 25 ปีบวกลบไม่เกิน
30 ปี
เป็นกลุ่มที่นิยมใช้สมาร์ทโฟน มีความรู้ในการใช้มือถือจองห้องพักโรงแรม
และโปรแกรมท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ
ดังนั้นรามาการ์เดนส์เองเตรียมรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโดยการลงทุนเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เช่น นำโทรศัพท์แม่แบบที่ใช้เป็นเครือข่ายยิงสัญญาณไปตามห้องพักของลูกค้าภายในโรงแรมเพื่อบริการลูกค้า
ซึ่งเครื่องจะสามารถแปรภาษาได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างดี
ปัจจุบันทดลองใช้งานแล้ว
อยู่ในช่วงประมวลผลว่าเทคโนโลยีชนิดนี้สามารถช่วยให้การปฏิบัติงานของโรงแรมคล่องตัวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่อย่างไร
เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยียุคใหม่ด้วย
นางสาวนันทินีกล่าวว่าสถานการณ์การขายห้องพักผ่านออนไลน์เป็นเทรนด์มาแรงยอดจองเพิ่มขึ้น
เพราะนอกจากผู้ชำนาญการใช้ออนไลน์แล้ว ยังมีกลุ่มออฟไลน์หันมาใช้ออนไลน์สูงขึ้น
บางโรงแรมอาจหวือหวามากโดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมขนาดไม่เกิน 80 ห้อง มีรายละเอียดกิจกรรมไม่ซับซ้อนมาก แต่บางโรงแรมอาจจะค่อยเป็นค่อยไป
อย่างรามาการ์เดนส์ยังมีสัดส่วนออนไลน์ไม่ถึง 50 %
เนื่องจากมีบริการที่ยังต้องพึ่งพาพนักงานอธิบายรายละเอียดบริการที่มีมากกว่าการซื้อขายเพียงอย่างเดียว
เช่น ขายหลายรูปแบบมีงานฟังก์ชั่น ลูกค้าต้องการพูดคุยโต้ตอบข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งานซึ่งมีลักษณะเฉพาะงาน
ปี 2563
รามาการ์เดนส์ชูโปรดักต์เด่น ๆ
เป็นวันสต็อป เซอร์วิส ได้แก่ 1.รถบริการรับ-ส่ง
มีรูปแบบรวมอยู่ในการขายนักท่องเที่ยวหมู่คณะ 2.การขายห้องพักแบบ DAY USE จองพักเฉพาะกลางวันก่อนไปสนามบินดอนเมือง
เมื่อก่อนขายดีแต่ตอนนี้ลดลงบ้างเพราะผู้โดยสารหลักจะเป็นกลุ่มใช้เงินประหยัด ต่างจากทางฝั่งสนามบินสุวรรณภูมิจะขายห้องเดย์ยูสได้ดีกว่าด้วยความหลากหลายของลูกค้า
แต่ก็จะพยายามขายให้มากขึ้น 3.กีฬาภายในโรงแรมมีสปอร์ต
คอมเพล็กซ์ เต็มรูปแบบ มีสควอช 2 สนาม
เทนนิส 6 สนาม
และยิมเนเซียม เป็นโปรดักต์ทางเลือกนำเสนอขายจะเน้นให้น่าสนใจมากขึ้น
ไฮไลต์ปีหน้าจะเน้นหนักการเจาะตลาดประชุม
สัมมนา รับกรุ๊ปนักกีฬา
จากกลุ่มประเทศหนีหนาวซ้อมไม่ได้ต้องมาใช้สถานที่ซ้อมในเมืองไทย
ตอนนี้ก็ได้คุยกับทางกลุ่มกีฬาที่จะเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก 2020 ซึ่งมีบางกลุ่มเคยใช้รามาการ์เดนส์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการรามาการ์เดนส์
กล่าวว่า ปี 2563 การรับมือกับสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศรุนแรง
การดำเนินธุรกิจจึงท้าทายและหาช่องทางออกค่อนข้างยากพอสมควร
แต่ก็ยังพอพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือเข้าถึงสร้างความรวดเร็ว
นำเสนอโปรดักต์ได้คล่องตัว ก็ต้องนำเข้ามาใช้
พร้อมกับอบรมพนักงานให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนช้อปDelights&Surprises6สนามบิน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปในช่วงสัปดาห์สุดท้ายแคมเปญฉลอง 30 ปี “Delights and Surprises celebrate 30 years of remarkable journey ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ได้ลุ้นบินฟรี 30 เส้นทาง” ช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) วันนี้ – 31 ต.ค. 2562 ที่ คิง เพาเวอร์ สาขา 6สนามบินหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ อู่ตะเภา
พิเศษ! สมาชิก CROWN, VEGA รับคูปองลุ้น
2 สิทธิ์ คุ้มยิ่งกว่า!
เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และแลกคะแนนเท่ากับยอดซื้อ รับคืนสูงสุด 20% เป็นเครดิตเงินคืน
ในบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้แก่ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย
กรุงไทย
กรุงศรีบัตรเครดิต
ทหารไทย ธนชาต ยูโอบี ซิตี้แบงค์ ไอซีบีซี
กติกาลุ้นรับตั๋วบินฟรี 30 เส้นทาง
1.ตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติม
ณ จุดขาย 2.ใช้ร่วมกับส่วนลดบัตรสมาชิก
คิง เพาเวอร์ 3.ผ่อนชำระ
0% สามารถร่วมรายการ 4.ใช้บัตรเครดิตร่วมลดได้ของ
คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย 5.สมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000
บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% 6.รางวัลลุ้นทริปท่องเที่ยว 30 เส้นทางพร้อมตั๋วบินตามประเทศที่กำหนด
เท่านั้น 1 รางวัล 2 คน
และผู้ได้รับรางวัลต้องเสียภาษีสนามบิน ภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงเอง
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี62
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า คิงเพาเวอร์คว้ารางวัลชนะเลิศผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีสนามบิน
ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียต่อเนื่องปีที่ 2 จากเวที “เวิลด์ ทราเวล อวอร์ดส” ปี 2562 ( World Travel
Awards Asia & Oceania Gala Ceremony 2019) จัดที่เกาะฟูกว๊วก เวียดนาม โดยมี นายอันทาเรส เชง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า และ นายแดนนี่ ฮุย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า- วางแผนกลยุทธ์สินค้า กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล
รางวัลดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ด้านการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรีในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานสากล
นายอันทาเรส เชง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า กล่าวว่า การคว้ารางวัล “Asia’s
Leading Airport Duty Free Operator 2019” ปีที่ 2
ยืนยันถึงศักยภาพความสามารถของบริษัทคนไทย
ในการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรี โดยปีนี้คิง เพาเวอร์ ก้าวสู่ปีที่ 30 นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยด้วย ไม่นับรวมรางวัลอื่นๆ ที่ คิง เพาเวอร์
เคยได้รับในระดับโลกมาแล้วรวมกว่า 100 รางวัล
เมื่อปี
2561 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ สาขา “World’s
Leading Airport Duty Free Operator 2018” ในงาน World
Travel Awards Grand Final ณ เมืองลิสบอน โปรตุเกส
ข่าวที่ 3 “ททท.ร่วมยูเนสโก้ชูปฎิญญาท่องเที่ยวยั่งยืนปี’63
นายฉัททันต์
กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า 3 ททท. ร่วมกับ 2 พันธมิตร เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป และ องค์การการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เปิดปฏิญญายูเนสโก ประกาศเดินหน้าทำการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- The UNESCO Sustainable Tourism Pledge โดยไทยเป็นประเทศแรกนำร่องโครงการระดับโลกและพร้อมจะเป็นผู้นำท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โดยมีข้อตกลงสนับสนุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและการแก้ไขปัญหาขยะในทะเล
โดยเฉพาะขยะพลาสติกในอาเซียน
ปี 2563
ททท.มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณค่า Brand ประเทศไทย
ผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
เพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง
ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางวัฒนธรรม
เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม-Preferred Destination
ทางด้าน เอ็กซ์พีเดีย
กรุ๊ป ได้ลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งสนับสนุนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ ททท. โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เน้นเจาะกลุ่มคุณภาพรายกลุ่ม
(Segment) ตามแผนตลาด 5
GO ได้แก่ 1.กลุ่มกำลังซื้อสูงมีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม-Go high 2.กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่-Go New Customer 3.กระตุ้นเข้ามาไทยช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว -Go Low Season 4.ประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชน-Go Local 5.ใช้ระบบดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้เข้าถึงลูกค้า-Go Digital
เอร์เนสโต
อ็อตโตเน อาร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปด้านวัฒนธรรรม ยูเนสโก กล่าวว่า ความร่วมมือในปฏิญญาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนจากคำพูดให้เป็นการลงมือปฏิบัติของทั้ง 3 พันธมิตร
อันจะเป็นก้าวสำคัญช่วยลดปริมาณขยะการท่องเที่ยว ควบคู่การส่งเสริมบทบาทด้านวัฒนธรรมพัฒนาไปอย่างยั่งยืน
ดีต่อโลกและชุมชนและอาจเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะยกระดับสู่ระดับโลกต่อไป
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า บางจากฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์
ที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ
มูลค่าเสนอขายรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับเรทติ้ง “BBB+” จากทริส
เรทติ้ง (เรทติ้งองค์กร “A” แนวโน้ม “คงที่”) จ่ายดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี สำหรับช่วง
5 ปีแรก โดยทำการออกหุ้นกู้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562
การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ
ครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ลักษณะดังกล่าว
ครั้งแรกของบางจาก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างท่วมท้น
บริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มมูลค่าการเสนอขายจากเดิม 6,000 ล้านบาท
โดยการออกหุ้นกู้สำรอง (Greenshoe) เพิ่มอีก
4,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท
เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของผู้ลงทุน
สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบางจากฯ
ส่งผลให้สามารถระดมทุนได้ตามแผนการจัดหาเงินที่ระดับต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม
นายสุรชัย
โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามมาตรฐานการบัญชีใหม่ ฉบับที่ 32 หรือ TAS 32
ที่ปรับปรุงเรื่องการแสดงรายการเครื่องมือทางการเงิน จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม
2563 นั้น บริษัทได้ตระหนักถึงผลกระทบและได้มีการหารือกับที่ปรึกษากฎหมายและผู้สอบบัญชี
เพื่อจัดทำข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดนี้
ให้สามารถนับเป็นส่วนของทุนในทางบัญชีได้ 100%
ตลอดอายุหุ้นกู้ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่
ดังนั้นการใช้มาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่หรือ TAS 32 ปี 2563 จึงไม่มีผลกระทบต่อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ แต่อย่างใด
ข่าวที่ 4 “TCEBเคลื่อนทัพไทยแลนด์7ไมซ์เฟส2ลดขยะโลก”
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า
ได้เดินหน้าโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 เฟส 2 เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป
โดยได้คัดเลือกเส้นทางไมซ์สายใหม่ที่มากด้วยแนวคิดเชิงสร้างสรรค์มากถึง 115 ผลิตภัณฑ์
เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางการตลาด
นำเสนอสินค้าพร้อมบริการใหม่ ๆ ประการสำคัญจะรายได้เข้าชุมชนแหล่งผลิตครอบคลุมถึง 14 จังหวัด ประกอบด้วย 2 กลุ่ม 1.ไมซ์ซิตี้ 5 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา
เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น 2.เมืองรองเชื่อมโยง 9 จังหวัด
ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อุดรธานี เชียงราย ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สงขลา และนครศรีธรรมราช รวมทั้งจะกระตุ้นให้กลุ่มผู้ซื้อเลือกมาจัดนำงานมาจัดในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
ส่วนโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes เฟส 1 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ดังตัวอย่างชุมชนดังต่อไปนี้คือ 1.บ้านหัวฝาย อ.ชนบท
จ.ขอนแก่น มีกลุ่มนักเดินทางไมซ์มาเยือนมากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ ขนาดกลุ่มละ 30-300 คน
สร้างรายได้เข้าชุมชนได้ผลิตหม่อนไหมและทอผ้าแบบเต็มกำลัง
ได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันต่างๆ แถมชุมชนยังมีความเข้าใจไมซ์มากขึ้น 2.ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย พัทยา
ผลตอบรับดีเกินคาดมีนักเดินทางไมซ์ไทยและต่างชาติเข้าไปใช้บริการเติบโตมากถึง 200% 3.ไร่วานิช จ.ภูเก็ต กลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรม Team Building ให้โรงแรมและรีสอร์ทต่าง ๆ
ทั่วภูเก็ต เช่น The Charm Resort and Spa และมีกิจกรรมเชิงอาหารจากหน่วยงานราชการของภูเก็ต
นำอาหารถิ่นของเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนไปบริการผู้เข้าประชุม 300 คน
ทีเส็บจึงตั้งเป้า Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 เฟส 2 ทั้ง 115 ผลิตภัณฑ์ จะประสบความสำเร็จ
ตลาดไมซ์ชุมชนเติบโตและกระจายรายได้ถึงมือชาวบ้านอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับ 7 Themes ประกอบด้วย 1. การผจญภัย (Exhilarating
Adventures) 2.นำเสนออาหารไทยทุกการจัดงานที่หลากหลาย (Culinary Journeys) 3. กิจกรรม CSR และการประชุมเชิงอนุรักษ์ (CSR and Green Meetings) 4. ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Fascinating History and Culture) 5. การสร้างทีมเวิร์ค (Treasured Team Building) 6. การจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ (Lavish Luxury) 7. กิจกรรมบรรยากาศชายหาด (Beach Bliss) แต่ละธีมจะมีไอคอนสื่อถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น
ไอคอนรูปคลื่นสื่อถึงธีมชายหาด
ปี 2562 มีกิจกรรมไฮไลท์แต่ละธีมต่างกันดังนี้
1.ธีมการผจญภัย ชูกีฬาทางน้ำที่อมรา วอเตอร์ สปอร์ต
พัทยา ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการพายเรือแพดเดิลบอร์ด
เรือใบ และกีฬาทางน้ำอื่นๆ ในทะเลพัทยา และทำกิจกรรม CSR ช่วยเก็บขยะกับทางชุมชน
2.ธีมนำเสนออาหารไทยทุกการจัดงานอย่างหลากหลาย
ไฮไลต์ที่บ้านดินอาข่าโฮมสเตย์ บ้านหล่อโย จ.เชียงราย
จะได้เรียนรู้การทำอาหารพื้นบ้านของชนเผ่าอาข่า
3.ธีม CSR กับการประชุมเชิงอนุรักษ์ ชูโครงการปักจิตปักใจ
จ.เชียงใหม่ ร่วมเรียนรู้และให้โอกาสผู้พิการทางสายตา
4.ธีมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ลองลงมือเขียนไห
เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานเก่าแก่ ณ โฮมสเตย์เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมบ้านเชียงและวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร
บ้านเชียงก้าวหน้า จ.อุดรธานี
5.ธีมสร้างทีมเวิร์ค แนะนำสวนเกษตรมีกิน จ.ขอนแก่น
ผู้จัดสัมมนาสามารถแบ่งกลุ่มแข่งขันทำอาหารพื้นบ้าน เช่น แข่งขันตำส้มตำ และอื่น ๆ
6.ธีมการจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ แนะนำ Spectrum Rooftop Lounge and Bar กรุงเทพฯ สถานที่จัดงานแบบพิเศษบนดาดฟ้าที่สามารถชมวิวตึกระฟ้าของเมืองหลวงยามค่ำคืน
7.ธีมกิจกรรมบรรยากาศชายหาด แนะนำไฮไลท์ที่ห้ามพลาด
ก็คือ เกาะเฮ จ.ภูเก็ต
นางสาวกฤษณี
ศรีษะทิน ประธานฝ่ายพัฒนาศักยภาพ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) “TICA” กล่าวว่า
ในฐานะวิทยากรด้านเวิร์กชอปโครงการ Thailand 7 MICE
Magnificent Themes 2019 ปีนี้ได้เดินทางไปร่วมทำกิจกรรมทั้งเมืองไมซ์ซิตี้และเมืองรองทุกพื้นที่ทุกจังหวัด
เล็งเห็นถึงประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้นแก่ทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มที่ 2 ชุมชนยังสามารถพัฒนาตัวเอง
ต่อยอดการบริการ ด้วยการนำเอกลักษณ์หรือจุดเด่นท้องถิ่นมาบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้
กลุ่มที่ 3 นักเดินทางไมซ์ต่างประเทศนั้น
ส่วนใหญ่ล้วนเคยเดินทางมาเมืองไทยแล้วต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
มากกว่าเข้าร่วมประชุมสัมมนา แต่ได้ทดลองทำจริง
ได้เรียนรู้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ด้วย
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ
(สทน.) กล่าวว่า ขณะนี้
สทน.เน้นขับเคลื่อนเมืองทางภาคใต้ซึ่งมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ร่ำรวยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่น่าสนใจ
โดยได้เดินทางทดสอบเส้นทางสายไมซ์ใหม่ในสงขลา นครศรีธรรมราชข ได้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นทั้งความรู้
คอนเนคชั่น กิจกรรม โดยมีสมาชิก 90% มีลูกค้าเป็นบริษัทและคอร์ปอเรทอยู่โดยส่วนใหญ่จัดการประชุม
(Meeting) และอินเซนทีฟ (Incentive) เป็นหลัก
สามารถเชื่อมโยงเข้าร่วมโครงการไมซ์เฟสสองกับทีเส็บได้อย่างมีคุณภาพ
นายประเสริฐ
ฤทธิ์รักษา ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า
ในฐานะตัวแทนชุมชนหรือเจ้าของพื้นที่ผลิตภัณฑ์ไมซ์ใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 ปีนี้ ได้ต้อนรับกลุ่มตลาดไมซ์คุณภาพซึ่งเข้ามาช่วยสร้างโอกาสให้กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน
ช่วยกระจายรายได้ เพราะภูเก็ตมีจุดขายมากกว่าทะเลนั่นคือ
มีชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมที่ยังคงรักษารากเหง้าและวิถีชีวิตเอาไว้ให้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกหลายจุด
ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมด้วยการเปิดบ้านต้อนรับนักเดินทางไมซ์
หรือชวนมาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือทำ CSR รวมทั้งชาวไร่สับปะรดต่อยอดการขายได้
โดยนำผลผลิตแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม หรืออาหารว่างเสริมระหว่างการประชุม
ส่วนสวนยางพาราดีไซน์พื้นที่ร่มรื่นปรับให้เป็นสถานที่จัดงานได้ ซึ่งผู้นำชุมชนเน้น 3 เรื่องหลัก
คือ สะดวก สะอาด ปลอดภัย
ขณะเดียวกันก็ได้ปลูกจิตสำนึกคนในชุมชนให้ตระหนักอย่างมากเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม
พร้อมใจกันปฏิเสธพลาสติกอย่างสิ้นเชิง เน้นใช้วัสดุและภาชนะรักษ์โลก
และรณรงค์ให้กลุ่มไมซ์ร่วมอนุรักษ์คืนชะนีสู่ป่า ทำธนาคารปูม้า ปลูกหญ้าทะเล
ช่วยเพิ่มห่วงโซ่อาหารสู่วงจรชีวิตพะยูน และอื่น ๆ
ที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่จะดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไม่ต้องเดี๋ยวไปเที่ยว
“วิถีชุมชนบ้านไม้สักโบราณเมืองแพร่-น่าน ล้านนา” สวยโดนใจทุกมุม
มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะหลายแห่ง ด้านสุขภาพ
“ชี้ช่องวิธีห่างไกลโรคหัวใจและหลอดเลือด” ส่วนข่าวน่าฟัง “รัฐบาลจัดนิทรรศการแสดงพยุหยาตราชลมารค”
ให้ประชาชนได้ชมที่ท้องสนามหลวง 24 ต.ค.-11พ.ย.นี้ “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์”
นำทีมปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบินเปิดบริการให้ได้ปี 2566 และ “ชิม ช้อป ใช้ เฟส2” ให้ใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 ธ.ค.นี้ หวังปลุกคนออกมาใช้เงินเที่ยวมากถึง 6 หมื่นล้านบาท
เมืองไทยไม่ต้องเดี๋ยวเที่ยวได้ทันที
ทริปนี้ชวนกันไป “ทัวร์ชุมชน ชมวิถีเรือนไม้สักงาม” แห่งล้านนาตะวันออก ที่ “แพร่”
ไปดื่มด่ำกับมรดกทางสถาปัตยกรรมของบ้านไม้สักแต่ละหลังโดดเด่นต่างกัน
เป็นของบรรดาเชื้อพระวงศ์ คหบดี
และเจ้านายสมัยโบราณ ซึ่งมีเรื่องราวแตกต่างกันไป
เริ่มต้นตรง
“บ้านวงศ์บุรี” เรือนปั้นหยาเก่าแก่ที่สุด ไร่เรียงไปที่ “คุ้มเจ้าหลวง”
คุ้มเจ้าเมืองโบราณเคยเป็นคุกขังนักโทษ “บ้านวงศ์พระกาง”
ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งการค้าสำคัญ “บ้านขัติยะวรา”
เรือนชั้นเดียวสไตล์ขนมปังขิงสีสดงดงาม “บ้านหลวงศรี” อาคารสีครีม ชมพู น้ำตาล
“บ้านเจ้าหนา” บ้านเจ้าหนานไชยวงศ์” เป็นเรือนไม้ฉลุลายแบบขนมปังขิงอีกหลัง
ทาสีขลิบแดง จุดเด่นมีห้องน้ำแบบดั้งเดิม “คุ้มวิชัยราชา”
อาคารไม้สักทาสีครีมเขียว
ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าบ้านหลังนี้เคยช่วยข้าราชการไทยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่
ลองจัดเวลาไปพักผ่อนสัก
3 วัน
วันแรกนั่งเครื่องไปลงที่ “น่าน” แวะ “วัดภูมินทร์” กราบพระคู่เมือง
แล้วไปเดินชมวิถีท้องถิ่นใน “ชุมชนบ้านในเวียง” มีกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวทำ
ตุงค่าคิง สลักพระไม้ กรวยดอกไม้ ทอผ้าฝ้าย ต่อด้วย “ชุมชนบ่อสวก”
ชมต้นแบบเตาเผาโบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ นอนพักค้างคืนในรีสอร์ตกลางเมืองน่าน
เช้าวันใหม่ตรงเข้าเมืองแพร่
จุดแรกแวะสักการะ “พระธาตุแช่แห้ง” เที่ยว “ชุมชนม่วงตี๊ด”
ที่มีความโดดเด่นด้านการทำโคมมะเต้าถวายเทียนสะเดาะเคราะห์ถวายพระธาตุ
แล้วก็เดินชมบ้านเรือนสวย ๆ ทำจากไม้สักทรงต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ข้างต้น
วันสุดท้ายก่อนกลับช่วงเช้าแวะ
“พระธาตุช่อแฮ” มื้อเที่ยงต้องลองชิมอาหารถิ่น “ขนมจีนน้ำย้อย”
เลื่องชื่ออร่อยในแบบล้านนา พร้อมกับเลือกช้อปของดีอย่าง เสื้อหม้อห้อม จิ๊นส้ม
ผ้าตีนจกเมืองลอง เดินทางไปสนามบินแพร่ ขึ้นเครื่องกลับบ้านอย่างสบายใจ
โรคหัวใจและหลอดเลือด
เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอันดับต้นๆ ของคนไทย โรคหัวใจที่พบบ่อย คือ
โรคหัวใจขาดเลือด หรือ โรคหลอดเลือดแดงโคโรนารี
เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน
ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อสะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในหนาขึ้น
1.ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
อย่าปล่อยให้อ้วนลงพุง โดยผู้ชายรอบเอวไม่ควรเกิน 36 นิ้ว ( 90 ซ.ม. ) ผู้หญิงรอบเอวไม่ควรเกิน
32 นิ้ว ( 80 ซ.ม. )
2.รับประทานอาหารให้ครบ
5 หมู่ ควบคุมปริมาณและสัดส่วนเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
โดยหลีกเลี่ยงอาหารทีมีไขมันหรือโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ เครื่องใน
ไข่แดง เนย ครีม ลดอาหารเค็มจัด หวานจัด รับประทานผัก
ผลไม้รสไม่หวานให้ครบทั้ง 5 สี ได้แก่ คะน้า แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ หอมแดง
กระเทียม เพิ่มวิตามิน เกลือแร่ และระบบภูมิคุ้มกันโรค
3.งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4.ผ่อนคลายความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ 5.ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างถูกวิธี
เหมาะสมต่อสภาพร่างกาย เพศ และวัย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันๆ ละ 30 นาที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชมนิทรรศการพยุหยาตรชลมารคที่สนามหลวงถึง11พ.ย.นี้”
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ
ภาคเอกชน และภาคประชาชน อาทิ กระทรวงกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี
จัดแสดงนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร
โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-22.00 น. ณ ท้องสนามหลวง
เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ อนุรักษ์ สืบสานและต่อยอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่
โดยภายในนิทรรศการฯ แบ่งออกเป็น 4
ส่วน ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1
“เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ สยามรัฐสีมา” มีรูปแบบการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 3
ห้อง ได้แก่
ห้องที่ 1
“มหามงคลสมัยพระขวัญไผทเถลิงรัช”
จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน
โดยมีเนื้อหาและภาพพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์
และการแสดงมหรสพสมโภชทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ผ่านจอแอลอีดีและแท่นอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา
รวมทั้งห้องสมุดอิเล็กกทรอนิกส์ E-book สำหรับสืบค้นข้อมูลภาษาไทยและอังกฤษ
ห้องที่ 2
“นิรมิตเรืองนทีเถลิงหล้า” จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม
นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสุขของคนไทยใต้ร่มพระบารมีผ่านจอแอลอีดีในรูปแบบ ๓
มิติ ประกอบการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากดารา นักแสดงที่มีชื่อแสง
และการแสดงขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค เรือพระราชพิธีจำลอง 52 ลำ
พร้อมกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
ห้องที่ 3
“ขบวนนาวาอารยศิลป์แผ่นดินสยาม”
จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับขบวนพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำเสนอภาพขบวนเรือจากอดีตถึงปัจจุบันผ่านจอแอลอีดี
รวมทั้งกาพย์เห่เรือ จำลองเรือ ๕๒ ลำ ประกอบคำบรรยาย
พร้อมทั้งจัดแสดงดนตรีประกอบการเห่เรือและหุ่นแสดงเครื่องแต่งกายของพนักงานประจำเรือ
ทั้งนี้ ภายในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการฯ ทั้ง 3 ห้อง
จัดทำอารยสถาปัตย์และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยการความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุอีกด้วย
ส่วนที่ 2
“ศรีศุภรยาตรา ปวงประชาชนรวมใจถวายพระพร” จัดแสดงเรือพระที่นั่งจำลอง 4 ลำ
ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ
รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชและเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
ประกอบการแสดงเห่เรือจากกองทัพเรือ รวมทั้ง มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก 4
ภูมิภาค และการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ การแสดงละครนอก ละครใน
โดยนักแสดงจากกรมศิลปากรและสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ส่วนที่ 3
“ม่านธาราลือขจรเฉลิมราชย์องค์ราชัน” จัดแสดงม่านน้ำประกอบแสง สี เสียง
เฉลิมพระเกียรติฯ นำเสนอวิถีชีวิตคนไทยกับสายน้ำที่ผูกพันมาอย่างยาวนาน
และความวิจิตร และตระการของโขนเรือขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
รวมทั้งพระราชกรณียกิจต่างๆ ผ่านเทคนิคม่านน้ำ
ส่วนที่ 4
“เอมอิ่มสุขสันต์ครบครันสำรับไทย” จำหน่ายสุดยอดอาหารไทยเลิศรสจากร้านที่มีชื่อเสียง
ข่าวที่สอง “คลังลุ้นชิมช้อปใช้เฟส2หวังท่องเที่ยวสะพัด6หมื่นล้าน
นายลวรณ แสงสนิท
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่าทันทีที่กระทรวงการคลัง
เปิดให้การลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 เพิ่มอีก 3 ล้านคน กำหนดให้ลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน วันละ 2 รอบ รอบละ 5 แสนราย
จะเต็มภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้เปลี่ยนทั้งเวลา
การให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น รวมถึงปรับการเติมเงินกระเป๋า 2 ให้ง่ายขึ้น และให้ใช้สิทธิ์ได้จนถึง 31 ธันวาคม 2562
จึงคาดการณ์จะมีประชาชนใช้จ่ายท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือปีนี้ 5-6
หมื่นล้านบาท
สำหรับชิมช้อปใช้ เฟส 2 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่เคยลงทะเบียน 10 ล้านคน ชิมช้อปใช้ เฟสแรกเมื่อเข้ามาลงเฟส
2 จะไม่ได้รับเงิน 1,000 บาท แต่จะได้ใช้สิทธิ์เงินคืน
(ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่) เมื่อเติมเงินเข้ากระเป๋า G-Wallet 2 สามารถขอรับเงินคืนได้สูงสุดถึง 20% ของยอดใช้จ่ายส่วนที่เกิน 30,000 -
50,000 บาท
หรือสูงสุด 8,500 บาท
2. กลุ่มที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อนจะได้รับเงิน 1,000 บาท หากเติมเงินเข้าประเป๋า G-Wallet 2
สามารถขอรับเงินคืนได้
15 - 20% ของยอดใช้จ่ายส่วนที่เกิน 30,000 - 50,000 บาท หรือสูงสุด 8,500 บาท
ส่วนห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกและรายย่อย ที่เข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้
เฟส 2 สามารถจัดโปรโมชั่น เช่น ออกคูปอง
ออกบัตรกำนัล (voucher) เพื่อกระตุ้นให้คนใช้เพิ่มทางกระเป๋าเงินช่องที่
2 ซึ่งมีแรงจูงใจการคืนเงินถึง 20% สูงสุด
8,500 บาท วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 50,000 บาท
โดยกำหนดให้ร้านค้าจัดโปรโมชั่นได้ในกติกา 3 ข้อ ดังนี้1.ต้องใช้ภายในวันนั้นให้หมด 2.ต้องใช้ภายในสาขาที่จัดโปรโมชั่นเท่านั้น แ3.แลกคืนเป็นเงินสดไม่ได้
ซึ่งจะถือว่าไม่ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
ข่าวที่สาม
“บิ๊กตู่ปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยรถไฟ3สนามบินเปิดปี’66
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม
2562 พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ระหว่าง กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร
กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยกกันร่วมเป็นสักขีพยานอย่างคับคั่งมีทั้งนายอนุทิน
ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย
ฝั่งคมนาคมมากันพร้อมหน้าทั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ นายอธิรัฐ
รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดคมนาคม นายดิสทัต
โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) นายวรวุฒิ มาลา วรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน
รักษาการ ผู้ว่ารฟท.นายคณิศ แสงสุพรรณ
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยมีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ รฟท. เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ระยะทาง 220 กิโลเมตร ขบวนรถทำความเร็วสูงสุดได้ 250
กิโลเมตร/ชั่วโมง เริ่มต้นทางที่ “สนามดอนเมือ” ตรงสู่สถานีกลางบางซื่อ
ผ่านสถานีมักกะสัน “เข้าสนามบินสุวรรณภูมิ” ต่อไปตามแนวทางรถไฟสายตะวันออก
ผ่านแม่น้ำบางปะกง เข้าสถานีฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา ไปสิ้นสุดที่ “อู่ตะเภา”
การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นครั้งแรกของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
ที่นำร่องใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP Net Cost) ภายใต้สัญญาร่วมลงทุน
50 ปี
อีกทั้งทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญาโดยสัญญามีมูลค่าสูง
224,544 ล้านบาท คาดประเทศได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงสัญญาสัมปทานวงเงินตามความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี
119,425 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน)
กลุ่มเอกชนเสนอกรอบวงเงินที่รัฐร่วมลงทุน 117,226
ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 2,200
ล้านบาท
ตั้งเป้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
จะเปิดให้บริการได้ปี 2566 ซึ่งจะช่วยพัฒนาเมืองรอบสถานี
นำความเจริญสู่ชุมชน เกิดการกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่
มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจราว 650,000 ล้านบาท ช่วงการก่อสร้างจะเกิดการจ้างงานมากถึง
16,000 อัตรา และอีก 5 ปีหน้าจะมีการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากกว่า
100,000 อัตรา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น