ททท.กอดคอท่องเที่ยว5กลุ่มเทโปรบิ๊กล็อต100เดียวเที่ยวทั่วไทย-วันธรรมดาราคาช็อกโลก-เที่ยวงานบุญประเพณีรับบัวบางพลี
ททท.ถกท่องเที่ยว5กลุ่มเทโปรบิ๊กล็อตปลุกเศรษฐกิจพ.ย.-ธ.ค.62
WOW!เปิดจอง100เดียวเที่ยวทั่วไทย/วันธรรมดาราคาช็อกโลก
ไทยลุยปั้นสินค้าใหม่ทั่วอีสานโกยเงินโมโตจีพีรอบใหม่
มี.ค.63
คิงเพาเวอร์กระตุ้นช้อปผ่านบัตรร่วมกสิกรไทยลดร้อนแรง
15%
มูลนิธิ”วิชัยศรีวัฒนประภา”มอบเงินฟื้นฟูวิหารงเลสเตอร์36ล้าน
ททท.ขานรับโมโตจีพีบุรีรัมย์โมเดลขยายแนวรุกเที่ยวกีฬาปี’63
บางจากชวนใช้บัตรเครดิตกรุงเทพเติมน้ำมันรับเงินคืนได้10%
TCEBผนึกผู้นำเมืองพัทยาสร้างไมซ์ซิตี้รับEEC-ขยายอู่ตะเภา
ทัวร์บุญเที่ยวงานประเพณีรับบัวบางพลี-สักการะหลวงพ่อโต
สัญญาณเตือนโรคสมองเสื่อมภัยต้องหันมาใส่ใจป้องกันด่วน
การบินไทยเปิดเว็บรับลูกเรือ200คนรุกเปิดบริการเส้นทางใหม่
ไทยเวียตเจ็ทเทตั๋วโปร10บาทหมื่นที่นั่งฉลองจุดบินใหม่อุดรฯ
นกสกู๊ตนำฝูงบินใหม่777-200จ่อบินเพิ่มญี่ปุ่น/เกาหลี/อินเดีย
มูลนิธิ”วิชัยศรีวัฒนประภา”มอบเงินฟื้นฟูวิหารงเลสเตอร์36ล้าน
TCEBผนึกผู้นำเมืองพัทยาสร้างไมซ์ซิตี้รับEEC-ขยายอู่ตะเภา
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
#รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาราคาช็อกโลก #100เดียวเที่ยวทั่วไทย #
# # #
ช่วงที่ 1 ฮือฮาส่งท้ายปีกับ บิ๊กโปรเจ็กต์ต่อยอดชิมช้อปใช้
ในโครงการถึงเวลาทัวร์ทั่วไทย กับ “นพดล ภาคพรต” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับเข่าคุยเอกชนท่องเที่ยว 5 กลุ่ม แอร์ไลน์ รถสาธารณะ โรงแรม/รีสอร์ต
ร้านอาหาร สวนสนุก บริษัททัวร์ งัดโปรดักซ์สุด WOW มาขายในมหกรรม “100 เดียวเที่ยวทั่วไทยและวันธรรมดาราคาช็อกโลก”
ปลุกกำลังตลาดระดับปานกลางควักเงินซื้อช่วง 11,12 พ.ย.และ 11,12 ธ.ค.และช้อปเที่ยววันธรรมดาส่งท้ายปีตลอด 61
วัน
ส่วนอีสานเริ่มเตรียมแล้วควาญหาโปรดักซ์ขายต่อเนื่อง “โมโตจีพี” มีนาคม 2563
ชูวัฒนธรรม
อาหารถิ่น ล้วงเงินในกระเป๋านักท่องเที่ยวเพิ่ม
ควบปั้นโปรแกรมทัวร์ข้ามภาคขายก่อนและหลังงาน
นายนพดล
ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ขณะนี้ ททท.ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ
เดินหน้าตามนโยบายคณะรัฐมนตรีที่มีมติเห็นชอบให้ทำโปรเจ็กต์ “ถึงเวลาทัวร์ทั่วไทย”
ซึ่งมีวัตถุประสงค์ต่างกัน 2 โครงการ
ประกอบด้วย โครงการแรก 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย
สามารถท่องเที่ยวได้ทุกวัน กับ โครงการที่ 2 วันธรรมดาราคาช็อกโลก ให้สิทธิพิเศษเที่ยววันจันทร์-พฤหัสบดี
ของแต่ละสัปดาห์ โดยมีรายละเอียดการหารือร่วมกับเอกชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 การตอบรับดีมากทั้งสินค้า โปรแกรมท่องเที่ยว
กลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง ได้แก่ 1.สายการบิน
คร่าว ๆ จะมี ไทยแอร์เอเชีย กับ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยสไมล์ จะมีช่วงเวลาให้เข้าไปช้อปราคา
100 เดียว
รถขนส่งสาธารณะ (การเดินทางระหว่างจังหวัด) รถเช่า เรือ 2.กลุ่มที่พักเข้าร่วมในฐานะสมาชิกโรงแรมไทย โรงแรม รีสอร์ต จะมีทั้งระดับบนสุด 5-4-3-2
ดาว ราคาจะ WOW ต่างกัน 3.กลุ่มร้านอาหารเครื่องดื่ม 4.สวนสนุก 5.แพกเกจท่องเที่ยววันเดียวไปเช้าเย็นกลับ หรือ One
Day Trip แต่ละกลุ่มจะต้องไปคิดโปรดักซ์ที่จะเข้ามาร่วมกับ
ททท.รวมถึงเลือกสรรสินค้าทั่วไปจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ประการสำคัญที่สุดเอกชนจะต้องนำราคาพิเศษสุด
ดั๊มลงมาเพื่อสร้างความน่าสนใจกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุดช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี
2 เดือน
ระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 โดยตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแบ่งเป็น
100 เดียวเน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับกลาง
ส่วนวันธรรมดาเน้นกลุ่มกลางถึงระดับบนขึ้นไป
การดำเนินงานนักท่องเที่ยวจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนก่อนล่วงหน้าสัก
2-3 วัน
จากนั้นจึงจะไปเลือกซื้อสินค้าท่องเที่ยว 100 เดียว 4 รอบ
คือวันที่ 11,12 พฤศจิกายน และ 11,12
ธันวาคม 2562 จำนวนวันละ 10,000 สิทธิ์ รวมทั้งหมด 40,000 สิทธิ์ ส่วน วันธรรมดาราคาช็อกโลก
สามารถซื้อได้ทุกวันตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2562
สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่จะเข้าร่วมกับ
ททท.ทั้ง 2 โครงการ
จะมีกลไกต้องหารือกันอีกครั้งถึงวิธีการเมื่อนำโปรดักซ์มาวางในเชลท์แล้วระบบจะดีดข้อมูลกลับไปยังต้นทางในกลุ่มผู้ประกอบการประเภทต่าง
ๆ ที่นักท่องเที่ยวเลือกซื้อได้อย่างไรบ้าง
ต้องสามารถซื้อได้จริงและได้รับสินค้าอย่างถูกต้อง
และต้องมีขั้นตอนหลังบ้านเพื่อจ่ายเงิน
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปซื้อสินค้า
จะลดขั้นตอนให้เหลือเพียงใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ลงทะเบียน แล้วทาง ททท.จะส่ง SMS แจ้งสิทธิ์ไปยังนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ลงทะเบียนสำเร็จ
จากนั้นก็เข้าไปช้อปปิ้งสินค้าตามวัน เวลา ที่กำหนด เพื่อป้องกันเว็บล่มได้
เมื่อซื้อสินค้าตามสิทธิ์เรียบร้อยแล้วก็สามารถนำไปใช้ท่องเที่ยวได้จนถึงสิ้นปี 2562
นายนพดลกล่าวว่า
ตามมติ ครม.ให้ใช้งบประมาณทำทั้ง 2 โครงการ
ประมาณ 116 ล้านบาท
นั้นวิธีการสนับสนุนกำลังหาวิธีง่ายและสะดวกสุดโดยคำนึงถึงระเบียบการใช้เงินด้วย
เป้าหมายที่จะกระตุ้นคนไทยเที่ยวตลอด 2 เดือนปลายปีนี้
100 เดียวเที่ยวทั่วไทยกับวันธรรมดาน่าเที่ยวจำนวนรวมกันแล้วเฉียด
100,000 คน
ส่วนสถานการณ์ตลาดในประเทศปี
2562 สถิติครึ่งปีแรกใกล้เคียงกับเป้าหมายแต่ไม่ถึง
100 % เพราะคนส่วนใหญ่ระมัดระวังการใช้จ่าย
แต่ปลายปีอากาศเย็นเร็วลงกว่าทุกปีจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเดินทางเที่ยวในประเทศจำนวนมากขึ้น
ดังนั้นตลอดปี 2562 การท่องเที่ยวในประเทศน่าจะทำได้เข้าเป้ารวมประมาณ
1.02 ล้านล้านบาท
เติบโตเพิ่ม 9.5- 10 %
คาดว่าโครงการใหม่ทั้ง
2 กิจกรรม
เรื่องราคาจะเป็นแรงกระตุ้นหรือตัวเสริมทำให้ตัวเลขรายได้เข้าเป้ามากสุด
รวมถึงเมื่อ 4-6 ตุลาคม 2562
เพิ่งเสร็จสิ้นการจัดงาน โมโตจีพี
เวิลด์ กรังปรีซ์ 2019 ณ สนามช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น
ททท.วางกลไกให้เป็นรายการหลักเพื่อสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงภาคอีสาน
ลงมาขอนแก่น มายังกรุงเทพฯ ปี 2563
จังหวะที่จัดรอบใหม่ตรงกับช่วงเดือนมีนาคม 2563 ทางบุรีรัมย์กำลังพิจารณาจัดแข่งขันช่วงกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศร้อน
ดังนั้น ททท.จะชูขายวัฒนธรรมน่ารัก ๆ อาหาร ในอีสานต่อเนื่อง
โดยได้วางแนวคิดให้
ททท.แต่ละสำนักงานจัดทำโปรแกรม โปรดักซ์ที่จะดึงรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติเพิ่มขึ้นได้คือ
อาหารอีสาน ขณะนี้ ททท.กำลังรวบรวมร้านอาหาร
และคุยกับผู้ประกอบการเน้นความสะอาดดูแลควบคุมด้านสุขอนามัย
และรสชาติซึ่งต่างชาติสามารถรับประทานได้ บอกโจทย์คร่าว ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อตอบรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาร่วมโมโตจีพีปีหน้า
แล้วสร้างโปรแกรมก่อนและหลังเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวข้ามภาคจากอีสานสู่ภาคเหนือ
ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคกลาง
รวมถึงการจัดทำดิสเพย์ในงานต้องใส่โปรแกรมท่องเที่ยวให้ผู้ชมรับรู้ตลอดงานด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์ลดใหญ่2ต่อช้อปผ่านบัตรคิงเพาเวอร์-กสิกรไทย”
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ มอบส่วนลดให้นักช้อปเพิ่มสูงสุด 20% ในเดือนแห่งการฉลอง 30 ปี ระหว่างวันนี้ – 31
ต.ค. 2562
ต่อที่ 1 : รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด
20%*เพียงใช้คะแนนสะสม KBank Reward Point แลกเท่ายอดซื้อ โดยสามารถใช้บัตรกสิกรไทยได้ทุกประเภท รับส่วนลดเพิ่ม 15% ส่วนบัตรเครดิตร่วม
คิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย ลดได้ 20% เฉพาะวันที่ 17 - 20
ต.ค. 2562
ต่อที่ 2 : รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
4,000 บาท เมื่อจ่ายโดยบัตรเครดิตร่วม คิง
เพาเวอร์ – กสิกรไทย ช้อป 15,000 บาทขึ้นไป รับเครดิตเงินคืน 300 บาท บัตรกสิกรไทยประเภทอื่นรับเงินคืน 200
บาท ช้อป 50,000 บาท
คืน 1,500 บาท
และ 1,000 บาท และช้อป 100,000
บาทขึ้นไป รับคืน 4,000
บาท และ 2,500
บาท หรือ
เมื่อเลือกแบ่งจ่าย 0% นาน
10 เดือน รับเครดิตเงินคืน
สูงสุด 2,000
บาท เพียงแค่ส่ง
SMS ลงทะเบียน
พิมพ์ KP (เว้นวรรค)
ตามตัวหมายเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย
ส่งมาที่ 4545888 (ครั้งละ
3 บาท)
กติกาการใช้สิทธิ์ดังนี้ 1.การใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแทนส่วนลด
15% และ
20% ที่
คิง เพาเวอร์ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูเก็ต และ
รางน้ำ, มหานคร, ศรีวารี, พัทยา
และภูเก็ต) 2.ไม่สามารถนำยอดซื้อสินค้าหลังจากหักส่วนลดเพิ่ม
15% หรือ
20% จากการแลกคะแนนสะสมมาร่วมรายการแบ่งจ่ายรายเดือน
KBank Smart Pay 3.หากยอดซื้อเป็นเศษทศนิยม
การแลกคะแนนสะสมจะถูกปัดเศษทศนิยมลงเหลือเพียงจำนวนเต็ม และยอดส่วนลด 15% หรือ
20% จากการแลกคะแนนสะสมจะคำนวณจากจำนวนเต็มเท่านั้น
ข่าวที่ 2 “สมาชิกVEGAคิงเพาเวอร์รับฟรี4ครั้งบัตรชมวิวมหานครสกายวอร์ค
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
เปิดให้สมาชิกบัตรประเภท VEGA
รับฟรี! บัตรขึ้นจุดชมวิว มหานคร สกายวอล์ค
(จำกัด 4 ครั้ง/ปี)ที่ มหานคร แบงคอก สกายวอร์ค คิง
เพาเวอร์ มหานคร ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้วยวิธีง่ายแค่แสดงบัตรสมาชิก VEGA ตัวจริง
เพื่อรับสิทธิ์ สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2677
8722 หรือ1631* หรือ
แผนก Relationship Management ได้
รวมทั้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทางได้เริ่มเปิดบริการ “อาหารมื้อกลางวัน” ณ ห้องอาหาร “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์”
ชั้น 76-77 เวลา 11.00
-15.00 น.
ด้วยเมนูโปรโมชั่นเก๋ อร่อย สุดคุ้ม 2 คอร์ส
เพียง 850 บาทเท่านั้น
ข่าวที่ 3 “ททท.ขานรับโมโตจีพีบุรีรัมย์โมเดลดึง5กีฬาบูมท่องเที่ยวปี63”
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เปิดเผยว่า
ถึงเวลาขับเคลื่อนการท่องเที่ยวกับกีฬาให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันโดยใช้
“บุรีรัมย์ โมเดล” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก “โมโตจีพี
เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019” นำร่องขยายเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬาทั่วประเทศในปี 2563 อีก 14 เมือง
เพราะการจัดแข่งขันโมโตจีพีเพียง 3
วัน สามารถดึงดูดคนและรายได้เข้าพื้นที่กว่า 3,100
ล้านบาท ประการสำคัญมีนักกีฬาต่างชาติหันมาเลือกพักโฮมสเตย์บ้างแล้ว
สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงฯ
ซึ่งตั้งเป้ารณรงค์ให้นักท่องเที่ยวหันมาใช้บริการโฮมสเตย์ชุมชนทั่วประเทศปัจจุบันจดทะเบียนถูกต้องกว่า
300 แห่ง
เพื่อช่วยกระจายรายได้เพิ่มเข้าชุมชนโดยตรงอย่างแท้จริง
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ยืนยันว่า
พร้อมนำทีมเดินหน้าตามนโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยให้
ททท.ภูมิภาคภาคอีสาน วางแผนรองรับการจัดงานซึ่งปีนี้มีผู้จองใช้ห้องพักมากกว่า 300 % จึงต้องกระจายจากบุรีรัมย์
ไปยังนครราชสีมา สุรินทร์ ขอนแก่น รวมถึงเร่งเพิ่มการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวเชื่อมโยงเสริมเข้าไปด้วย
ในปี 2563 เตรียมรุกหนักโดยนำต้นแบบ
“บุรีรัมย์ โมเดล”
ไปต่อยอดรุกขยายฐานตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงกีฬาเติบโตเพิ่มขึ้น
ซึ่งอีสานมีโมโตจีพีเป็นแม่เหล็กสำคัญ
อีกทั้งปีหน้าได้รับความไว้วางใจให้จัดการแข่งขันโมโตจีพีอันดับต้น ๆ ของเซอร์กิต
ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ยิ่งต้องเร่งผลักดันการขายท่องเที่ยวเชื่อมโยง
เพิ่มรายได้กระจายสู่ชุมชนให้ได้มากยิ่งขึ้นต่อไป
นายธเนศวร์
เพชรสุวรรณ
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.
กล่าวว่า ตลอดการจัดงานโมโตจีพี 2562
ที่บุรีรัมย์ ได้ใช้ช่องทางการสื่อสารทั้งการนำนักบิดระดับโลกอย่าง
“ฮอร์เก ลอเรนโซ” ชาวสแปนิชจากเรปโซล ฮอนด้า
“คาล ครัทช์โลว” นักบิดอังกฤษจากแอลซีอาร์ ฮอนด้า และสมเกียรติ จันทรา
ดาวรุ่งไทยวัย 20 ปี จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย
ร่วมถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในกรุงเทพฯ กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬามอเตอร์สปอร์ต
เผยแพร่เข้าถึงแฟนคลับทั่วโลกกว่า 800
ล้านคน และยังให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนจากญี่ปุ่น
อังกฤษ สาธารณรัฐเช็ค แอฟริกาใต้ โดยนำเสนอกลยุทธ์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา
สร้างภาพจำใหม่จากการเน้นปริมาณ (mass
tourism) เพิ่มจุดขายใหม่ 2 เรื่อง คือ
1.อาหารที่ไทยประสบความสำเร็จทั้งการเชิญชวนมาชิมสตรีทฟู้ดเรื่อยไปจนถึงร้านอาหารหรูติดดาวมิชลิน
2.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ชี้ให้เห็นถึงความพยายามก้าวสู่ SPORT DESTINATION ด้วยการเสนอข้อมูลให้ทางคณะที่ปรึกษาการคัดเลือกเมืองกีฬา
(SPORT CITY)
ของ กกท.หันมายกระดับไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการ Training และ Coaching กีฬาเจาะตลาดนานาชาติ ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายครอบคลุมทั้งทางด้าน
ที่พักระยะยาว อาหาร และกลุ่มตลาดครอบครัวที่มาพร้อม ๆ กัน ควบคู่กับการดึงมหกรรมการแข่งขันระดับโลกเข้ามาจัดในไทยไฮไลต์
5
ประเภท ประกอบด้วย
ประเภทแรก
การแข่งขันรถแข่งระดับโลกโมโตจีพี สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งมีกลุ่มตลาดหลักส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป
ประเภทที่
2 การแข่งขันกอล์ฟ ททท.สนับสนุนกอล์ฟรายการใหญ่ ฮอนด้า แอลพีจีเอ
ทุกปี มีนักกอล์ฟทั่วโลกเข้าร่วมนับพันคน โดยมีตลาดหลักทั้ง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี
มาเลเซีย สิงคโปร์ ทั้งเอเชียและอาเซียน
ประเภทที่
3 มวยไทย ททท.จัดกิจกรรมระดับนานาชาติซึ่งได้รับความสนใจล้นหลามงาน
“ไหว้ครูมวยไทย” จัดทุกปีช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม ปี 2563 เตรียมจำลองงานไหว้ครูมวยไทยไปไว้ในงาน
ITB 2020
ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จะมีความเข้มและขลังไม่แพ้พระนครศรีอยุธยา
แล้วชวนชาวต่างชาติทั่วโลกที่ชื่นชอบเข้ามาร่วมพิธี
เพื่อเข้าถึงมวยไทยแล้วหาโอกาสมาเที่ยวเมืองไทยในโอกาสต่อไป
ประเภทที่
4 มาราธอน เตรียมจัด Bangkok Marathon 2020 เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ททท.สนับสนุนงบประมาณจัดยิ่งใหญ่เสริมภาพลักษณ์ประเทศให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬา
โดยเจาะตลาดเอเชีย และยุโรป ต่างสนใจมาเพื่อฝึกฝนและเทรนการเล่นกีฬา
ซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของการเทรนนิ่งและโค้ชชิ่งกีฬา
ประเภทที่
5 ไตรกีฬา และการปั่นจักรยาน โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพจัด L’etape by Le Tour de France เดือนพฤศจิกายน
2562
นี้ ที่พังงา ททท.สนับสนุนเงิน 5 ล้านบาท เป็นการแข่งขันเปิดให้มือสมัครเล่นนานาชาติเข้าร่วมโชว์ฝีมือเต็มที่
ขณะนี้มีนักปั่นจองห้องพักในพังงาเกือบเต็มแล้ว ทำให้วันพักเฉลี่ยการท่องเที่ยวและรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคใต้ด้วย
นายชัยวัฒน์
ตามไท ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานบุรีรัมย์
กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวบุรีรัมย์ช่วง 8 เดือน ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2562 มีรายได้รวมประมาณ
1,823.8 ล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5.2
หมื่นคน เพิ่มขึ้น 1.72 % สร้างรายได้
1,116.3 ล้านบาท
คนไทย 147 ล้านคน-ครั้ง
สร้างรายได้ 706.8 ล้านบาท
เพิ่ม 3.24 % ตามเป้าตลอดปีนี้จะต้องทำรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย
10 % ซึ่งจะได้จากการจัดงานโมโตจีพีที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป
นางสาวธมลวรรณ
เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า
การจัดโมโตจีพีมีผู้เข้าชมงานต่างชาติและคนไทยจองพักโรงแรมในสุรินทร์ด้วยกว่า 70 % ปี 2563 เตรียมโปรโมตการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ
โดยจะกระตุ้นจากเพื่อนบ้าน สสป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม
ท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ขับรถผ่านด่านแดนทางช่องจอม และช่องสะงำ (ศรีสะเกษ) เข้ามาเที่ยวสุรินทร์
ศรีสะเกษ ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ ครอบครัว ผู้หญิง
พร้อมใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รักษาพยาบาล และซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน
ผ้าไหม ข้าวหอมมะลิสุรินทร์โด่งดังมาก นักท่องเที่ยวจีน และชาติอื่น ๆ
นิยมเข้ามาซื้อกลับบ้าน รวมทั้งยังมีจุดขายท่องเที่ยวอีกหลากหลายมุมใหม่ของสุรินทร์
กับศรีสะเกษ พร้อมเข้าสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนใช้บัตรเครดิตกรุงเทพจ่ายค่าน้ำมันรับเงินคืน10%”
บริษัท บางจาก คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญคืนกำไรลูกค้าให้ร่วมสตาร์ทความสุขง่าย
ได้ทุกวัน ระหว่างวันนี้ - 30 มิ.ย. 63 ชำระเงินค่าเติมน้ำบางจาก ณ สถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ ด้วยบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพครบทุก 800 บาท รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10%
- บัตร Infinite รับ Cash Back10%
- บัตร Platinum และบัตร Titanium รับ Cash Back 3%
- บัตรเครดิตประเภทอื่นๆ ของธนาคาร รับ Cash Back 2%
*จำกัด 6 สิทธิ / บัญชีบัตร / รอบบัญชี
- บัตร Platinum และบัตร Titanium รับ Cash Back 3%
- บัตรเครดิตประเภทอื่นๆ ของธนาคาร รับ Cash Back 2%
*จำกัด 6 สิทธิ / บัญชีบัตร / รอบบัญชี
ข่าวที่ 5 “TCEBกอดคอเมืองพัทยาบูมไมซ์ซิตี้รับEEC-ขยายอู่ตะเภา”
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ได้จับมือกับนายสนธยา คุณปลื้ม
นายกเมืองพัทยา ร่วมสนับสนุนเมืองพัทยาขยายศักยภาพพัทยาให้เป็นศูนย์กลาง ไมซ์
ซิตี้ ต้อนรับการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยเฉพาะการดึงงานไมซ์ที่เหมาะกับเมืองอย่างเอ็กซิบิชั่น
และเมกะอีเวนต์ ระดับประเทศและนานาชาติจากทั่วโลกเข้ามาจัดต่อเนื่องตลอดปีนี้และปีต่อ
ๆ ไป รวมถึงเมื่อสนามบินอู่ตะเภากับโครงการ EEC เปิดเต็มรูปแบบก็จะดึงงานแอร์โชว์มาจัด
เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินของโลกมาเจรจาธุรกิจด่านอุปกรณ์การบิน
และยุทโธปกรณ์ให้คึกคักมากยิ่งขึ้นในปี 2565
โดยเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2562 ยังได้ร่วมมือกับ
8 สถาบันการศึกษาในภาคตะวันออก เดินหน้าพัฒนาบุคลากร ที่มีความต้องการเข้าสู่อุตสาหกรรม
11 SCURVE มากถึง 4.5 แสนคน
โดยอัตสาหกรรมไมซ์มีความต้องการราว 1.4 หมื่น คน
ควบคู่กับการจัดโรดโชว์และเทรดโชว์ไมซ์เข้ามาเพิ่มให้ได้มากที่สุด
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา
เปิดเผยว่า ผลการประชุมกับภาคีภาคส่วนต่างๆ ในฐานะพัทยาเป็นเมืองเขตบริหารพิเศษได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมายาวนานถึง
40 ปี บวกกับปี 2563 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวครบ 60 ปี
ในชลบุรีและเมืองพัทยาก็ก้าวหน้ามาอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีจีดีพีเกือบ 1
ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 2 แสนล้านบาท
ตามรายงานของคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ชี้ดัชนีความก้าวหน้าของพัทยา/ชลบุรี
ทางด้านชีวิตแรงงานอยู่อันดับ 2 การศึกษา อันดับ 3 และด้าสังคมติดอันดับ 6
ของประเทศ
ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายเร่งเดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
Eastern Economic Corridor : EEC ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนระบุ
มีนักลงทุนสนใจขอส่งเสริมการลงทุนใน 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา
ช่วงมกราคม 2561-มิถุนายน 2562 แล้วถึง 8 แสนล้านบาท อยู่ในชลบุรี 6.4 แสนล้านบาท
ทำให้เมืองพัทยาต้องหันมาทุ่มทำเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
เป็นรูปธรรมเพื่อดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพราะปัจจุบันต้องเผชิญเรื่อง
น้ำท่วม น้ำเสีย ขยะ ที่จะต้องเร่งแก้ไขป้องกันโดยเร็ว
อีกทั้ง EEC
จะทำให้เมืองพัทยาเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างรวดเร็ว
ในการพลิกโฉมหน้าพัทยาสู่ Neo Pattaya ภายใต้คอนเซ็ปต์ "พัทยาโฉมใหม่
ก้าวไกล ไม่ทิ้งกัน" พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในอนาคตมากถึง 3
เท่า จากปี 2561 มีจำนวนปีละ 14 ล้านคน ปี 2562 ประมาณ 18 ล้านคน และจะมีประชากรเข้ามาอยู่ร่วมกันเพิ่มขึ้นอีกกว่า
3 ล้านคน จากการลงทุนกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยอีก 5
ปีข้างหน้าเมื่อสนามบินอู่ตะเภาเปิดเต็มรูปแบบก็จะมีการเดินทางทางอากาศปีละกว่า 55
ล้านคนขึ้นไป จึงต้องเตรียมวางระบบต่าง ๆ ด้านการบำบัดน้ำเสีย กำจัดขยะ
ป้องกันน้ำท่วม รักษาสิ่งแวดล้อม
ไว้รองรับทั้งในพัทยาและกระจายคนไปยังเมืองเชื่อมโยง ฉะเชิงเทรา ระยอง ไปพร้อม ฟ
กัน
ปัจจุบันเมืองพัทยาพึ่งพารายได้จากท่องเที่ยวสูงถึง80
% และการลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาใน EEC กำลังเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เมืองชายทะเลที่มีความมั่นงคงมากกว่าเดิม
อันเป็นมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล จึงก่อให้เกิดธุรกิจสาขาใหม่ ๆ
เข้ามาเพิ่มอย่างไร้ขีดจำกัด ทั้ง สตาร์ตอัพ การเงิน และอื่น ๆ
ด้วยศักยภาพพัทยาเป็นเมืองชายทะเลซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับกาดไมอามีที่โด่งดังระดับโลก
มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนจำนวนใกล้เคียง
ต่างกันตรงขนาดของจีดีพีของพัทยาต่ำกว่าไมอามีถึง 10 เท่า เพราะไมอามีมีขีดความสามารถชัดเจนเรื่องเมืองศูนย์กลางทางการเงิน
ธุรกิจ และท่องเที่ยว หาก EEC เกิดเป็นรูปธรรมพัทยาก็จะมีศักยภาพสูงขึ้นมาก
ดังนั้นจึงต้องวางรากฐานพร้อมรับสถานการณ์อย่างทันท่วงที
เพื่อทำให้การเติบโตไปข้างหน้าทุกมิติพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสนธยา
กล่าวว่า เตรียมยื่นชิงการจัดงานระดับโลก Youth Olympic 2569
โยจะใช้ศักยภาพเมืองกีฬา เมืองไมซ์ และเมืองชายทะเลที่ทั่วโลก
ซึ่งมีสนามกีฬาระดับอนเตอร์ 3 แห่งรองรับได้ คือ สนามกีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย
ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง สนามกีฬาเมืองพัทยา และ สนามกีฬาในมหาวิทยาลัยแห่งชาติชลบุรี
ส่วนการบริหารจัดการขยะจะหันมาใช้โรงไฟฟ้ากำจัดขยะ
ตรงบริเวณเขาไม้แก้ว โดยวาวรูปแบบการใช้รถขนขยะตามแนวทางใหม่
โดยจัดระบบจราจรไม่ให้ไปกระทบกับคนในพื้นที่
ก็จะทำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันกำจัดขยะได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งขณะนี้เมืองพัทยาได้ศึกษาหลายทางเลือก
โดยมีเป้าหมายเพื่อลดข้อจำกัดทางราชการ เช่น การจัดตั้ง บริษัท กรุงเทพธนาคม
หรือแม้แต่ขอนแก่นโมเดล
เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้วนำมาปรับใช้กับพัทยาในอนาคตต่อไป
ซึ่งมีภาคส่วนสำคัญหลัก ๆ เข้าร่วมเป็นเครือข่ายพัฒนาพัทยา
ทั้งภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ภาคการศึกษา ภาคราชการ องค์กรเอกชน
เข้าร่วมคิดร่วมทำเมืองพัทยาและจังหวัดให้เกิดความยั่งยืนครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายสนธยากล่าวว่า
โครงการตัวอย่างเรื่องการกำจัดขยะ
เนื่องจากพัทยามีนักท่องเที่ยวบวกกับมีจำนวนประชากรมากจึงผลิตขยะมากถึงวันละ 460
ตัน
จึงต้องรณรงค์ให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมหันมาลดปริมาณการผลิตขยะลงอย่างจริงจัง
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความมากที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
อีกทั้งเมืองพัทยาดำเนินการ
3 โครงการหลัก ได้แก่ 1.ร่วมกับกรมโยธาธิการวางแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครบวงจรเรียบร้อยแล้ว
แบ่งเป็น ระยะเริ่มต้น วางระบบบำบัดน้ำเสียใหม่ให้ได้มากถึง 1.3 แสนลูกบาศก์เมตร
จากปัจจุบันบำบัดได้เพียง 6.7 หมื่นลูกบาศก์เมตร 2.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัล
พัฒนาเครือข่าย 5G บริเวณชายหาดพัทยา
3.ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
ยกระดับพัทยาเป็น MICE CITY ศูนย์กลางการประชุมและจัดนิทรรศการแสดงสินค้าระดับนานาชาติ
รวมถึงการพัฒนาครอบคลุมไปถึงด้านโครงสร้างพื้นฐาน การตลาด และบุคลากรไมซ์
ช่วงที่
2 ถึงเวลาเที่ยวไทยใกล้กรุง ไป MORE FUN เดือนแห่งงานบุญ “งานประเพณีรับบัว บางพลี สมุทรปราการ”
กราบสักการะหลวงพ่อโต รับพรความสุข ส่วนสุขภาพตามดู “สัญญาณเตือนสมองเสื่อม”
เตรียมป้องกันโดยด่วน ปิดท้ายด้วยข่าวฮ็อต “การบินไทยเปิดแล้วรับลูกเรือ 200 คน” เตรียมไว้ให้บริการเส้นทางใหม่ ๆ “ไทยเวียตเจ็ท” เทโปรตั๋วบิน 10 บาท 10,000 ที่นั่ง ให้ลองบินเส้นทางใหม่
กรุงเทพฯ-อุดรธานี อุดรธานี-เชียงราย เริ่ม 25 พ.ย.นี้เป็นต้นไป“นกสกู๊ต”
ดี๊ด๊านำฝูงบินใหม่โบอิ้ง 777-200 ลำใหญ่จุมากสุดถึง 415 ที่นั่ง จ่อเปิดบินเพิ่มเมืองใหญ่ 3 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย
@MORE
FUN!! เที่ยวงานบุญประเพณีรับบัว บางพลี
สมุทรปราการ
เดือนตุลาคมนี้ชวนกันไปเที่ยวงานบุญใกล้กรุงเทพฯ
ในงาน “ประเพณีรับบัว” 2562 สืบสานตำนานแห่งสายน้ำ มรดกล้ำค่า
ชาวบางพลี โดยจัดที่วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี สมุทรปราการ เพื่อให้ได้ร่วมสืบสานประเพณีโบราณ
ระหว่างวันนี้ไปจนถึง 14 ตุลาคม
2562 พร้อม
ๆ กับไปสักการะ “หลวงพ่อโต”
เรื่องราวงานประเพณีรับบัว เกิดเพราะเมื่อครั้งอดีตชาวบ้านในท้องถิ่นคนไทย
ชาวลาว ชาวมอญเมืองปากลัดหรือพระประแดงปัจจุบัน ทำนาอยู่ที่ตำบลบางแก้ว
(อำเภอบางพลี) พอถึงเทศกาลออกพรรษชาวมอญจะกลับไปทำบุญพระประแดง โดยพร้อมใจกันแจวเรือ
พายเรือ เก็บดอกบัวบางพลีในบึงน้ำจืดแถวบางพลีซึ่งมีบ่อน้ำจืดท่วมปีละ 6-8 เดือน
มาบูชาพระ และถวายพระสงฆ์ในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันออกพรรษา
ด้วยระยะทางพายและแจวเรือจากพระประแดงมายังบางพลีสมัยนั้นไกลพอสมควร
เพื่อให้ลืมความเหนื่อยชาวบ้านจึงร้องรำทำเพลงกันมาตลอดทาง สนุกสนาน เพลิดเพลิน
พอถึงบ่ายค่ำ ก็ถึงที่หมาย จากนั้นจึงชวนกันมาเยี่ยมญาติ เพื่อนฝูง
กินอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ โดยชาวบางพลีนำข้าวปลาอาหารมาต้อนรับ
ส่วนชาวพระประแดงก็นำมะพร้าว น้ำตาล หมาก มาฝาก
กลายเป็นประเพณีรับบัวมาจนถึงทุกวันนี้
ทุกปีระหว่างเที่ยวงานบุญ
“ประเพณีรับบัว” บางพลี คนที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมร่วมทำบุญ ก็จะต้องไปไปไหว้
“หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ
เนื้อทองสัมฤทธิ์แท้ลงรักปิดทอง เป็นพระประธานตั้งอยู่ในโบสถ์วัดบางพลีใน
จากคำบอกเล่าปากต่อปากถึงความศักดิ์ จึงมีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ตลอดทั้งปี
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม
นี้ นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่เรือหลวงพ่อโตทางน้ำ การประกวดเรือประเภทต่าง ๆ
ชมลานวัฒนธรรมการแสดงเพลงพื้นบ้านของชาวสมุทรปราการ การ
และการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง
สอบถามข้อมูลเพิ่มที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฉะเชิงเทรา โทร. 0 3851 4009
@สัญญาณเตือนโรคสมองเสื่อมต้องเตรียมพร้อมป้องกันโดยด่วน
สมองเสื่อม
เป็นภาวะความถดถอยในการทำงานของสมอง
ซึ่งเกิดจากการสูญเสียประสิทธิภาพของเซลล์สมองจากสาเหตุต่างๆ
ซึ่งอาจจะเริ่มจากส่วนใดส่วนหนึ่งของสมองก่อนแล้วลุกลามไปยังสมองส่วนอื่นๆ
ทำให้การทำงานของสมองด้านต่างๆ เช่น ความจำ ความคิดหรือการรับรู้ผิดปกติ
ส่งผลต่อการทำกิจวัตรประจำวัน จนอาจช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ต้องมีผู้คอยดูแลอย่างใกล้ชิดซึ่งมีสัญญาณเตือนของโรคสมองเสื่อมดังนี้
1.ความจำระยะสั้นเสื่อม เช่น
การถามย้ำซ้ำไปซ้ำมาหรือลืมไปแล้วว่าเมื่อสักครู่พูดอะไร
2.ไม่สามารถทำกิจกรรม หรือกิจวัตรประจำวันได้
เช่น อาหารที่เคยทำแต่ลืมว่าต้องใส่อะไรก่อน - หลัง และใส่เครื่องปรุงไม่ครบ
เป็นต้น
3.พูดไม่รู้เรื่อง นึกคำพูดไม่ออก ใช้คำผิด
เรียงลำดับคำผิด คิดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไร
4.สับสนเรื่องเวลาและทิศทาง หลงทาง กลับบ้านไม่ถูก
วางของผิดที่ผิดทาง
5.อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายและรวดเร็ว เช่น หงุดหงิด
โกรธ ร้องไห้ สงบนิ่ง สลับกัน บางรายอาจมีอาการซึมเศร้าหดหู่
6.บุคลิกหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป
ไม่สนใจสิ่งรอบตัวหรือมีบุคลิกที่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
7.กลายเป็นคนเฉื่อยชา แยกตัวไม่เข้าสังคม
ชวนไปไหนก็ปฏิเสธ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยรับลูกเรือล็อตใหญ่200คนสมัครทางเว็บถึง31 ต.ค.62”
นางสุวิมล บัวเลิศ
รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรบุคคล บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
บริษัท การบินไทยเปิดรับลูกเรือรุ่นใหม่ (TQV 2019)
200 อัตรา ผู้สนใจเริ่มกรอกใบสมัครวันนี้-31 ตุลาคม 2562 ผ่านเว็บไซต์ thaiairways.com
ในตำแหน่ง Flight Attendant หรือสแกน QR Code โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น
เพื่อรองรับการบริการและขยายเส้นทางบิน โดยพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินรุ่นใหม่นี้
จะรับเป็นพนักงานประเภทสัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี และหากทำงานครบแล้วผลงานหลักเกณฑ์การประเมินก็อาจต่ออายุสัญญาอีก
1 ครั้ง ไม่เกิน 3 ปี
คุณสมบัตรพื้นฐานของลูกเรือที่จะสมัครทั้งหญิงและชาย
ได้แก่ 1.สัญชาติไทย
สถานภาพโสด ไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน และไม่มีบุตร 2.อายุไม่เกิน
24 ปี (เกิดตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2538 เป็นต้นไป) 3.ความสูงไม่ต่ำหญิงกว่า
160 เซนติเมตร ชาย165
เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักต้องได้สัดส่วนกับความสูงเป็นไปตามมาตรฐานกำหนด 4.สามารถว่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า
50 เมตร โดยต้องว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ด้วย
คุณสมบัติอื่นๆ 1.วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี
หรือเทียบเท่าไม่จำกัดสาขา ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ต้องมีหนังสือรับรองการเทียบวุฒิจากสำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษามาแสดงพร้อมกันด้วย
2.ผ่านการทดสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ ดังนี้ • Test
of English for International Communication (TOEIC) 600
คะแนนขึ้นไป หรือ • Test of English as a Foreign
Language (TOEFL) โดยมี 1. Paper- based Test 500 คะแนนขึ้นไป หรือ 2. Computer-based Test 173 คะแนนขึ้นไป หรือ Internet-based Test 61 คะแนนขึ้นไป หรือ • International
English Language Testing System (IELTS) 5.5
คะแนนขึ้นไป หรือ • THAI Test of English
Proficiency (THAI-TEP) 59 คะแนนขึ้นไป
ข่าวที่สอง “ไทยเวียตเจ็ทเทโปรตั๋ว10บาทหมื่นใบจุดบินใหม่
“อุดร/เชียงราย”
สายการบิน ไทยเวียตเจ็ท รายงานว่า
จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารเครื่องบินต้อนรับการเปิดเส้นทางบินใหม่ ไป-กลับ กรุงเทพ
(สุวรรณภูมิ) -อุดรธานี และเชียงราย จัดโปรโมชั่นตั๋วราคาเริ่มต้น
10 บาท มีจำนวนกว่า 10,000 ใบ เข้าไปซื้อได้ระหว่างวันนี้ – 19 ตุลาคม
2562
ช่วงเวลา เวลา 12.00 - 14.00 น.ทางเว็บไซต์ www.vietjetair.com หรือ หรือจองผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก
https://www.facebook.com/vietjetthailand ซื้อแล้วนำไปใช้บินได้ตั้งแต่ 10
พฤศจิกายน 2562 – 10 มกราคม 2563 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เส้นทางบิน
กรุงเทพฯ– อุดรธานี จะเริ่มบิน 25 พฤศจิกายน
2562 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 3
เที่ยว ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี วันอาทิตย์ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
7.30 น. ถึงอุดรธานีเวลา 8.40 น. เที่ยวบินขากลับ 9.10 น. และกลับถึงกรุงเทพฯ
10.20 น. เวลา 21.20 น. ถึงกรุงเทพฯเวลา 22.30 น.
ส่วน เชียงราย – อุดรธานี บริการ สัปดาห์ละ
3 วัน ทุกวันอังคาร พฤหัสฯ และอาทิตย์ เริ่มบิน 26 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป ออกจากอุดรธานี
18.10 น. ถึงเชียงราย 19.15 น. ขากลับออกจากเชียงราย 19.45 น. กลับถึงอุดรธานี
20.50 น.
ข่าวที่สาม “นกสกู๊ตชูฝูงบินใหม่777-200เพิ่มจุดบินจีน-เกาหลี-อินเดีย
นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สายการบินนกสกู๊ต กล่าวว่า วางแผนการบินช่วงฤดูท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป
ฉลองการรับเครื่องบินใหม่เข้าฝูงโบอิ้ง
777-200 รองรับผู้โดยสารสูงสุด 415 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ
เตรียมไว้บริการบินในเส้นทาง ไป-กลับ ไทย ญี่ปุุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย
ต่อเนื่องจากปัจจุบัน นกสกู๊ตใช้สนามบินดอนเมืองบินสู่เมืองต่าง ๆ ประกอบด้วย
สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ นานกิง ชิงเต่า เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหยาง เทียนจิน
เมืองไทเป ไต้หวัน นาริตะ และโอซาก้า ญี่ปุ่น เดลี อินเดีย
สำหรับฝูงบินโบอิ้ง 777-200 ของนกสกู๊ต แต่ละลำรองรับผู้โดยสารมากถึง 415 ที่นั่ง
แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ (ScootPlus) 24 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 391
ที่นั่ง ผู้โดยสารสามารถสั่งซื้อบริการเพิ่มจ่ายเฉพาะโดยมีให้เลือก เช่น
ที่นั่ง อาหาร การเพิ่มน้ำหนักสัมภาระ รวมไปถึงบริการอื่นๆ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น