ททท.นำเอกชนไทยยึด ITB ASIA 2019สิงคโปร์-แอร์ไลน์มี15ที่นั่งเข้าไทยเพิ่มตลาดอาเซียน-เอเชีย /งัดThe Best Trip in the Worldดึงคนดังโลกบูม60ปี
เจาะลึก“บิ๊กททท.”นำเอกชนยึดITB ASIA 2019สิงคโปร์
ชูเที่ยวบิน15ล้านที่นั่งโกยอาเซียน/เอเชียเพิ่มยาวไฮซีซัน
งัดThe Best Trip in the Worldดึงคนดังโลกบูม60ปี
คิงเพาเวอร์ชี้เป้า5ตัวแปรประมูลดิวตี้ฟรีดอนเมือง10ปี
ชวนช้อปโค้งสุดท้ายDelight&Surprisesคิงเพาเวอร์
เอกชนฮือค้าเทรนด์ใหม่ขายอื้อโลว์ซีซันITBASIA2019
ททท.จัดเต็ม100-วันธรรมดาช็อกโลกปั๊มเงิน400ล้าน
บางจากชวนThe1การ์ดเติมน้ำมันสะสมแต้มยาว3 ปี
TCEBย้ำ5เมืองไมซิตี้ตื่นตัวลดพลาสติกปี’63ลง50 %
ทัวร์3ชุมชน”เจริญสุข-โคกเมือง-โนนสำราญ”บุรีรัมย์
9
วิธีเช็คลิสต์การนอนอย่างมีคุณภาพแบบนี้ใช่เลย
จับตา!!ชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีดอนเมืองเริ่ม24ต.ค.นี้
ครม.เทแหลกมาตรการลดค่าชาเตอร์ไฟลต์เพิ่มทัวร์
จัดใหญ่เที่ยวพังงา@ชุมชนระดม8อำเภอรับไฮซีซัน
เข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม
2562
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
#รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋ #ITBASIA2019 #วันธรรมดาราคาช็อกโลก
#100เดียวเที่ยวทั่วไทย #ทัวร์ชุมชนบุรีรัมย์ #ทอทเปิดชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีดอนเมือง
ช่วงที่ 1 เกาะติดการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นำเอกชนบุกชิงตลาดเวทีอินเตอร์ ITB ASIA 2019 ในสิงคโปร์ ลั่นทำบิ๊กโปรเจ็กต์ตลาดการขาย “The
Best Trip in the World to Thailand” ฉลอง
60 ปี
ช็อกโลกด้วยการแจกฟรีท่องเที่ยวหรูสุดคนดังระดับพระกาฬ 60 คู่ ย้ำไทยเฉพาะอาเซียนบวกจีน
ก็ทำเงินเข้าประเทศเกือบ 1 ล้านล้านบาท
ตอนนี้มีเที่ยวบินเข้า-ออก อาเซียนปีละกว่า 15.4 ล้านที่นั่ง พร้อมขยายกำลังซื้อใหม่ได้อีกเพียบ
และเชิญชวนคนไทยออกมาเที่ยวปลายปีต้อนรับ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย วันธรรมดาราคาช็อกโลก
ได้ตั้งแต่ พฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ เพื่อให้รายได้ในประเทศปี 62 โกยได้ถึง 1.12 ล้านล้านบาท เกินเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
การนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงาน International
Tourism Borse (ITB) ASIA 2019 ระหว่าง 16-18 ตุลาคม
2562 ณ Sands Expo and Convention Center,
Marina Bay Sands สิงคโปร์ เป็นงานเทรดโชว์การเจรจาธุรกิจซื้อขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่ระดับโลกประเมินได้จากผู้ซื้อนานาชาติที่นัดพบกับผู้ขายของไทยและอื่น
ๆ มีอย่างละ 1,000 ราย
ซึ่งจะเน้นการเจาะกลุ่มตลาดคุณภาพ พร้อมทั้งหวังผลสร้างโอกาสเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันให้แก่เอกชนรายใหม่จากเมืองท่องเที่ยวรองของแต่ละภูมิภาคของประเทศทั้งภาคใต้
ภาคตะวันออก ภาคเหนือ รวมทั้งยังได้ทำให้เกิดการนำสินค้าท่องเที่ยวใหม่เข้าสู่ตลาด
รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยมุมใหม่ ๆ ด้วย
กลยุทธ์การขยายฐานตลาดภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเดินทางเที่ยวเมืองไทยนั้นได้ให้ความสำคัญเชิงคุณภาพมาหลายปี โดยเจาะเซกเมนท์ตลาดมุมใหม่ในเชิงนโยบายทั้ง 1.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.การท่องเที่ยวฟรีเพื่อเป็นรางวัล (incentive) 4.การท่องเที่ยวคู่รักแต่งงานฮันนีมูน
และให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากทั่วโลกส่งสัญญาณไม่ดีเริ่มชะลอตัว
นักท่องเที่ยวระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
ททท.ต้องเพิ่มช่องทางรุกกลุ่มที่มีเงินพร้อมใช้จ่ายสูงโดยไม่ได้รับผลกระทบความอ่อนไหวเรื่องราคาหรือเศรษฐกิจ
จึงต้องพุ่งเป้าสร้างประสบการณ์แตกต่างจากประเทศอื่น
เพราะการแข่งขันของทั่วโลกสูงมาก ดังนั้นไทยจะขายเพียงแค่หาดทราย ชายทะเล ธรรมชาติ
คงไม่เพียงพอหรือเป็นจุดขายของไทยอีกต่อไปแล้ว
ต่อไปสิ่งสำคัญสุดคือ การจัด เวิลด์ อีเวนต์ และเมกะอีเวนต์
ต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในระยะยาว
ขณะนี้ไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนและเอเชีย
เปรียบเทียบตลาดขนาดใหญ่สุดคือจีนมาไทยปีละ 10 ล้านคน สร้างรายได้ปีละกว่า 500,000 ล้านบาท ส่วนอาเซียน 9 ประเทศ จำนวนไม่ค่อยได้ต่างกัน ประกอบด้วย มาเลเซีย 3
ล้านคน สิงคโปร์ เวียดนาม ประเทศละ 1
ล้านคน แต่ในด้านการใช้จ่ายยังเป็นรองจีน
จึงต้องเร่งเพิ่มจำนวนคน ปี 2561 อาเซียนเข้าไทยกว่า
9 ล้านคน
สร้างรายได้ราว 200,000-300,000 ล้านบาท
จึงจะต้องพยายามกันต่อไปลุยเจาะกลุ่มคุณภาพเพิ่มขึ้นโดยมองไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยช่วงวันหยุดสามารถเดินทางเข้ามาถี่ขึ้น
เพราะระยะทางการบินไม่เกิน 4 ชั่วโมง
ส่วนปริมาณจราจรทางอากาศเข้าออกประเทศไทย
มีประมาณปีละ 15.4 ล้านที่นั่ง
แบ่งเป็น สิงคโปร์ 3.17 ล้านที่นั่ง
มาเลเซีย 3.19
ล้านที่นั่ง
อินโดนีเซีย 1.15
ล้านที่นั่ง
ฟิลิปปินส์ 8.17 แสนที่นั่ง
ปีนี้เป็นตลาดมาแรงมากเพิ่มเกิน 20 % ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม
LGBT บรูไน 7.66 หมื่นที่นั่ง เวียดนาม 2.78 ล้านที่นั่ง เดือนตุลาคมนี้
เวียดนามแอร์ไลน์ส เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ ภูเก็ต-โฮจิมินห์ อีก 3 เที่ยว/สัปดาห์ กัมพูชา 1.61 ล้านที่นั่ง เมียนมา 1.35 ล้านที่นั่ง และสปป.ลาว 7.24 แสนที่นั่ง
ด้วยปริมาณเที่ยวบินจำนวนมากเหล่านี้จะเพิ่มโอกาสให้ไทยขยายรายได้จากตลาดอาเซียนโตอย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น ฟิลิปปินส์ปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 22 %
อนาคตข้างหน้าก็มีโอกาสเพราะสายการบินพยายามบินตรงจากเมืองรองในฟิลิปปินส์มาไทยมากขึ้น
เช่น จากเซบู หรือเมืองอื่น ๆ แต่ก็มีปัญหาสล็อตการบินเข้าไทย
แต่ก็ยังหวังจะทำยอดรายได้เพิ่มจากตลาดอาเซียน
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า
เตรียมสร้างความฮือฮาจัดมหกรรมท่องเที่ยวระดับโลกด้วยโครงการ The Best Trip
in The World to Thailand 2020 ฉลองครบรอบการก่อตั้ง ททท.60
ปีในเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง
จึงคิดทำกิจกรรมหลายอย่าง ไฮไลต์ของโครงการดังกล่าวจะเชิญบุคคลสำคัญของโลกโดยให้
ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลก คัดสรรนักกีฬาระดับโลก คนดัง จำนวน 60 คู่
เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในโลกในประเทศไทย
รวมทั้งการจัดทำแฟมทริปนำบล็อกเกอร์ สื่อดิจิทัล ควบคู่กับการจัดกิจกรรมเด่น ๆ
ทุกเดือนตั้งแต่มีนาคม-ธันวาคม 2563
ส่วนการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งการยกระดับ 1.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การท่องเที่ยวชุมชนโฮมสเตย์หรือโฮมลอดจ์
3.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ได้ขานรับแนวนโยบายดังกล่าวเพื่อทำตลาดการขายเจาะกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
เพราะบางพื้นที่มีข้อจำกัดด้านขีดความสามารถทางการรองรับคนปริมาณมาก
ดังนั้นจะเริ่มนำร่องบางพื้นที่ที่มีความพร้อมอย่างชุมชนเมืองพัทลุง
เกาะสมุย(สุราษฎร์ธานี)
ซึ่งเดิมอาจจะคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวทะเลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะนำเสนอวิถีชุมชนมะพร้าว
และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อนำเข้าสู่การขายในตลาดโลกด้วย
ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างจิตสำนึกการดูแลรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
ปัจจุบันไทยจะขยับอันดับโลกด้านขีดความสามารถทางการแข่งขันมาเป็น 34 จาก 36 จากทั้งหมด 140 ประเทศ
ส่วนแต่พอดูรายละเอียดก็มีความกังวลอยู่บ้างด้านสิ่งแวดล้อมก่อนหน้านี้ไทยอยู่อันดับ
122 ตอนนี้ขยับรั้งอันดับ 130 ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกคนช่วยกัน
แต่ละกิจกรรมโครงการจะต้องผนวกเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งหมดเข้าไปร่วมด้วย นำการทำ Green Activity เข้ามาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ
ที่จัดในประเทศไทย และให้สำนักงาน ททท.ในประเทศและทั่วโลก เดินหน้าทำ 1 โครงการ 1 สำนักงานท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
สร้าง
Awareness ให้นักท่องเที่ยวเห็นถึงความมุ่งมั่นการมีส่วนร่วมรับผิดชอบเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะต่อไป
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า
การขับเคลื่อนท่องเที่ยวในการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (Eastern
Economic Corridor :EEC)
เตรียมปูพรมการทำงานต่อเนื่องผ่านคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
โดยได้ตั้งแนวความคิดไว้ภายใต้โครงการ “BEISURE :BUSINESS+LEISURE” มีทั้งการลงทุนธุรกิจและการท่องเที่ยวผสมผสานไปด้วยกัน
ซึ่งมีแผนงานเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งมีแผนพัฒนาบุคลากร โดยภาพรวม
ททท.ได้จัดเตรียมบุคคลกรท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ การประชาสัมพันธ์
เพื่อขายพื้นที่เชื่อมโยงเขต EEC พัทยา-ชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา
เจาะตลาดนักลงทุน นักท่องเที่ยว ที่หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ต่อไป
สำหรับปี 2562 สถิตินักท่องเที่ยวตามเป้าหมายของรัฐบาล
ตลาดต่างประเทศ 39.8 ล้านคน
สร้างรายได้ 2.04
ล้านล้านบาท
เติบโตไม่ต่ำกว่า 3 %
ส่วนตลาดในประเทศเติบโตค่อนข้างดี จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 180 ล้านคน สร้างรายได้ 1.12 ล้านล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งไว้เดิม 1.05 ล้านล้านบาท
ปี 2563 รัฐบาลกำหนดเป้าหมายตลาดต่างประเทศ
จำนวน 41.8 ล้านคน จากปีนี้ 39.8 ล้านคน ส่วนรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท
ททท.ได้เตรียมพร้อมโดยใช้ยุทธศาสตร์พิเศษกับบิ๊กโปรเจ็กต์ใหม่ฉลอง 60 ปี
ททท.น่าจะทำให้บรรลุเป้าหมายทั้งหมดตลอดปีหน้า
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าช่วงปลายปี 2562 รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศด้วยโครงการ
“ชิม ช้อป ใช้” และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ ททท.ต่อยอดทำโครงการ 2 กิจกรรม คือ โครงการแรก 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย โครงการสอง
วันธรรมดาราคาช็อกโลก จึงขอเชิญชวนคนไทยออกมาเดินทางต้อนรับฤดูหนาว โดยเปิดรับสิทธิ์วันที่
11,12
พฤศจิกายน และ 11,12 ธันวาคม นี้ รวม 4 ครั้ง ครั้งละ 1 สิทธิ์/คน
จึงจะรณรงค์ให้คนไทยทั่วประเทศเข้ามาร่วมใช้สิทธิ์เที่ยวเมืองกันมาก ๆ
เพราะแม้แต่ต่างชาติก็ยังมาเที่ยวกันอย่างหนาแน่นเป็นไฮซีซัน
ดังนั้น ททท.จึงไม่อยากให้คนไทยเสียโอกาส ชวนกันออกมาเที่ยวเมืองไทยปลายปี 2562 ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตตามนโยบายรัฐบาลตั้งไว้ได้เม็ดเงินกระจายรายได้อย่างทั่วถึงทุกคน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
เข้าสู่ฤดูแข่งขันประมูลโครงการ
“ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) สนามบินนานาชาติดอนเมือง” รอบใหม่ ของ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้
“อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา”
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
บุตรชายคนโตของเจ้าสัว “วิชัย ศรีวัฒนประภา”
เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษในมุมน่าสนใจว่า
ในฐานะผู้บุกเบิกร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวจำหน่ายสินค้าปลอดอากรครบวงจรทั้งในเมือง (Downtown
duty free) สนามบิน ((Airport
duty free) บนเครื่องบิน
((Onbroad duty free)
ออนไลน์และแอพลิเคชั่น โดยรุ่นพ่อบุกเบิกส่งต่อถึงรุ่นลูกพัฒนาต่อยอดปีนี้ครบ 30 ปี
ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการประมูลประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty
Free) สนามบินดอนเมือง ของ ทอท.
ตามเงื่อนไขประกาศเชิญชวนให้ยื่นข้อเสนอ (TOR) ได้ระหว่าง 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2562
ทว่าการประมูลครั้งนี้จะแตกต่างจากเมื่อปี
7 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจาก ทอท.แยกสัมปทานออกจากกันเป็น 2 ส่วน
ได้แก่ ส่วนแรก พื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี ส่วนที่ 2 พื้นที่จัดตั้งเคาน์เตอร์จุดส่งมอบสินค้า (pick
up counter)
ท่ามกลางตัวแปรความเปลี่ยนแปลงซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจในสนามบินดอนเมือง
ด้วยข้อจำกัดที่แต่ละฝ่ายจะต้องพิจารณาควบคู่กัน 5 เรื่อง ประกอบด้วย
เรื่องแรก
หลังจากดอนเมืองประกาศวางตำแหน่งเป็นสนามบินศูนย์กลางเชื่อมโยงรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ
(Lowcost Airlines Hub) รองรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติที่ใช้เงินอย่างประหยัด
ไม่นิยมซื้อสินค้าภายในสนามบินดอนเมืองมากนัก ประเมินจากคิง เพาเวอร์
ได้รับสิทธิเปิดร้านค้าดิวตี้ฟรีในพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร (เล็กกว่าในสนามบินสุวรรณเกือบ 10
เท่า มีพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร) ปี 2561 ทำยอดขายหมุนเวียนได้เพียง 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นแค่ 5 % ของยอดขายดิวตี้ฟรีบริษัททั้งหมด
เปรียบเทียบแล้วต่ำกว่าในดิวตี้ฟรีสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่
ซึ่งทำได้ปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท
หรือ 8 % ของยอดขายทั้งหมด
ส่วนยอดขายปี 2562 แนวโน้มจะใกล้เคียงปี 2561 ถึงแม้จะผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกดอนเมืองเพิ่มขึ้นบ้างตามปริมาณเที่ยวบิน
แต่พฤติกรรมของกลุ่มตลาดโลว์คอสต์ไม่นิยมช้อปปิ้งมากเหมือนสนามบินอื่น ๆ
เรื่องที่ 2 แนวโน้มปี 2563 ขีดความสามารถการรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารภายในดอนเมือง แทบจะไม่สามารถสร้างการเติบโตเพิ่มได้อีก
และแผนขยายการก่อสร้างสนามบินก็เดินหน้าไม่ได้มากด้วยเงื่อนไขหลายประการ
ย่อมส่งผลถึงการประกอบธุรกิจภายในสนามบินตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
เรื่องที่ 3 โอกาสในอนาคตที่จะดึงดูดหรือเพิ่มสายการบินระดับพรีเมี่ยม เข้ามาใช้บริการผู้โดยสาร ณ สนามบินดอนเมือง
มีน้อยมาก
เนื่องจากปริมาณจราจรการขึ้น-ลงหรือสล็อตการบินส่วนใหญ่โลว์คอสต์แอร์ไลน์สได้สิทธิ์ใช้อยู่แล้วเป็นจำนวนมาก
จึงแทบจะไม่เห็นแนวโน้มที่ดอนเมืองจะเติมเต็มนักเดินทางหรือลูกค้าพรีเมี่ยมเข้ามาเพิ่มมากขึ้นได้
เรื่องที่ 4 แผนขยายการลงทุนพัฒนาอาคารสนามบินดอนเมืองโครงการใหม่
ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาอันรวดเร็วจะต้องรออีกพอสมควร
แต่การประมูลพื้นที่ขายสินค้าดิวตี้ฟรี พื้นที่จุดส่งมอบสินค้า
ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป
เรื่องที่ 5 ภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศและทั่วโลก โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน
ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยปีละกว่า 10 ล้านคน แต่ตอนนี้เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัว
ค่าเงินหยวนอ่อน เงินบาทแข็ง
ทำให้สินค้าไทยสูงขึ้นโดยอัตโนมัติและนักช้อปเริ่มใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ย้ำว่า ทั้ง 5 ปัจจัยเป็นตัวแปรสำคัญต่อการประมูลโครงการในดอนเมืองของเอกชนแต่ละกลุ่มซึ่งมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน
แต่ทางบริษัทยังคงแสดงความสนใจในฐานะผู้บุกเบิกดิวตี้ฟรีเมืองไทย
และพร้อมจะใช้ความเป็นมืออาชีพมานานถึง 30 ปี
ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนรัฐบาลพัฒนาเศรษฐกิจให้เข้มแข็งต่อไป
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ชวนไปร่วมโค้งสุดท้ายในรอบสัปดาห์กับแคมเปญฉลอง 30 ปี “Delights and Surprises
celebrate 30 years of remarkable journey ยิ่งช้อป
ยิ่งคุ้ม ได้ลุ้นบินฟรี 30 เส้นทาง” ไฮไลต์ระหว่าง
17-20 ตุลาคม นี้
จัดโปรโมชั่นพิเศษลดสูงถึง 30 % ใน 3
รายการ คือ 1.ช้อปครบ 50,000 บาท รับฟรีตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 2.ช้อปครบ 30,000
บาท/ใบเสร็จ/วัน
ลุ้นรับสูงสุดคะแนนสะสมมูลค่า 3 ล้านกะรัต
3.ช้อปครบ 5,000
บาท ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินฟรีทั่วโลก
30 เส้นทาง
โดยผู้ซื้อจะต้องกรอกรายละเอียดข้อมูลหย่อนลงชิงโชคเพื่อจับฉลากหลังเสร็จสิ้นการจัดงาน
พลาดไม่ได้ สำหรับผู้มีไฟลท์บิน
กับแคมเปญ “Delights and Surprises celebrate 30
years of remarkable journey ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ได้ลุ้นบินฟรี 30
เส้นทาง” ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคม ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
หรือร่วมช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ www.kingpower.com รวมถึง
KING POWER Application (iOS และ Android)
พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จากพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว อาทิ ตั๋วเครื่องบิน
ไป-กลับ (กรุงเทพฯ-สิงคโปร์) เริ่มต้นเพียง 1,240
บาท, (กรุงเทฯ-ไทเป) เริ่ม 3,645
บาท รวมถึง แพ็กเกจทัวร์ตุรกี 8 วัน 6 คืน เริ่มต้นเพียง 22,900
บาท และอื่น ๆ ลดราคาสูงสุด 60%และ พิเศษ!! 17-20 ตุลาคม พิเศษที่มากกว่าคุ้ม
รับส่วนลดพิเศษเฉพาะสินค้าที่เข้าร่วมรายการ 30%
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์
ผู้อำนวยการด้านตลาดอาเซียน เอเชียใต้และแปซิกใต้ ททท.กล่าวว่า ในการนำเอกชนเข้าร่วมงาน ITB) ASIA 2019 ระหว่าง 16-18 ตุลาคม 2562 ณ Sands Expo and Convention Center, Marina Bay Sands สิงคโปร์ โดยภาพรวมแล้ว ททท.ตั้งเป้าใช้ศักยภาพตลาดอาเซียนและเอเชียดึงเงินเข้าประเทศช่วงตุลาคม-ธันวาคม
2562 ภายใน 2 เดือนจะเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทย
4.44
แสนคน โดยได้ใช้เงิน 30.05 ล้านบาท ทำ 5 กิจกรรม ได้แก่
1.กิจกรรม
Give
Me five ให้เพิ่มน้ำหนักสัมภาระกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องให้นักท่องเที่ยวอินเดียฟรีอีก
5 กก./คน/ทริป กระตุ้นคนเพิ่มได้ถึง 100,000 คน 2.กิจกรรม Fly Me to
Thailand ร่วมกับบางกอกแอร์เวย์ส
ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล บริการด้านท่องเที่ยว ร่วมกับสายการบินแอร์เอเชีย
จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ 3.ร่วมกับ
VISA
Mynmar Cross Broader และกลุ่มบริษัทขายท่องเที่ยวออนไลน์
:
OTA และโฮลเซลส์
สายการบินโลว์คอสต์ จัดมหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยว 4. ร่วมโปรโมชั่นกับบัตรเครดิต
หรือธนาคาร
ให้ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ และ 5.กิจกรรม
Thailand
Greate Deal ทำกิจกรรมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในอินโดนีเซียร่วมกับแอร์เอเชีย
และ Travelloka
ทางด้าน นางสาวนันทินี
เชื้อชูวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ โรงแรมรามาการ์เด้น เปิดเผยว่า
ได้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อในงาน ITB ASIA 2019 พบปรากฎการณ์ใหม่ของคู่ค้าในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับโลกได้หันมาเปิดธุรกิจบนแอพลิเคชั่นมือถือลงทุนขายแบบอิสระซึ่งแยกตัวออกมาจาก
ONLINE
TRAVEL AGENTS :OTA รายใหญ่ของโลกอย่าง
booking.com,
Agoda และอื่น ๆ
กลยุทธ์ของคู่ค้าเทรนด์ใหม่ได้เข้ามาขอซื้อห้องพักช่วงโลว์ซีซันของโรงแรมในแต่ละประเทศ
ขอราคาถูกกว่าทั่วไป 30-40 % แล้วจากนั้นจะนำไปบริหารจัดการเทขายดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกซึ่งมีอยู่ในมือจำนวนนับล้านคน
เข้ามาพักและใช้จ่ายเงินในเมืองไทย
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราพักให้โรงแรมได้ปีละหลายพันคืน
นางสาวเจนเน็ท ภิญโญบริสุทธิ์
ผู้จัดการฝ่ายสินค้าตลาดเอเชีย กลุ่ม AVANI Destinations กล่าวว่าทางบริษัทเป็นผู้ค้าส่งนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางอิสระ (F.I.T.) รายใหญ่ในอเมริกา มาร่วม ITB ASIA ปีที่ 2 โดยมีนัดหมายกับโรงแรมในไทยหลายแบรนด์
เช่น เขาหลักลากูน่า รีสอร์ต พังงา เพราะปัจจุบันอเมริกาเลือกมาเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับ
1 ในอาเซียน กระจาย 5 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต
กระบี่เชียงใหม่
และกำลังขยายไปเมืองรองพังงา เฉลี่ยจะใช้จ่ายเงินตลอดทริป 8 วัน ราว 150,000 บาทหรือ 5,000 เหรียญสหรัฐ/คน/ทริป
เนื่องจากโปรดักต์ห้องพักโรงแรมของไทยดีมากกว่าเกือบทุกประเทศ ปลายปี 2562 จับมือกับ ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส
โปรโมตการขายท่องเที่ยวเมืองรองในไทย
คาดจะกระตุ้นการเดินทางเพิ่มได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
ข่าวที่ 4 “ททท.จัดเต็ม100เดียว-วัธรรมดาช็อกโลกปั๊ม400ล้าน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท. ) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับผู้บริหาร ทั้งนายนพดล ภาคพรต
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ะนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว เดินหน้าต่อยอดชิม ช้อป ใช้
ทำโครงการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศช่วง 2 เดือนสุดท้าย พฤศจิกายน-ธันวาคม นี้
ภายใต้ชื่อ "ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทย" จัดทำ 2 แคมเปญ คือ แคมเปญแรก 100
เดียวเที่ยวทั่วไทย โครงการที่ 2 วันธรรมดาราคาช็อกโลก ด้วยการเปิดให้ประชาชนในประเทศเข้ามาช้อป
และเชิญชฝนผู้ประกอบการตั้งแต่ชุมชนไปจนถึงหรูหรา
นำสินค้าเข้เข้ามาร่วมขายอย่างเต็มที่รวมกว่า 60,000 แพ็ก
ตั้งเป้าปลุกกระแสการใช้จ่ายจากทั้ง 2 แคมเปญ สร้างเม็ดเงินไหลเข้าระบบศรษฐกิจกว่า
400 ล้านบาท
โดยให้นักท่องเที่ยวเข้าลงทะเบียนช้อปได้ทาง
www.tourismthailand.org มีสินค้าท่องเที่ยวให้เลือกครบวงจรทั้ง
ห้องพักโรงแรม ตั๋วโดยสารสายการบิน สปา ร้านค้า ร้านอาหาร
ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
สามารถลงทะเบียนร่วมช้อปกับแคมเปญ "เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก"
ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน-31ธันวาคม 2562 และ
แคมเปญ " 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย" ลงทะเบียนได้รอบละ 10,000 คน รวม 4
รอบ เริ่ม 11,12 พฤศจิกายน และ 11,12 ธันวาคม 2562
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท.
กล่าวว่าเป็นเจ้าภาพทำแคมเปญ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก”
ได้ระดมสินค้าคุณภาพมาตรฐานของชุมชนไปจนถึงหรูหรามาลดกระหน่ำสูงสุด 80% หวังเจาะตลาดท่องเที่ยวคนไทยระดับกลาง-บน
ไปพน้อม ๆ กับส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยสู่
High Value Destination นำสินค้าเข้าร่วมขายในแคมเปญ
วันธรรมดาราคาช็อกโบก 9 กลุ่ม
1. กลุ่มตั๋วโดยสารสายการบิน
เช่น การบินไทยและไทยสมายล์ ทำโปรโมชั่นเที่ยวบินในประเทศทุกเส้นทา
เริ่มต้นเที่ยวละ 1,150 บาท บางกอกแอร์เวย์ส
ทุกเส้นทางบินในประเทศเริ่มที่เที่ยวละ 990 บาท
2.กลุ่มโรงแรมที่พัก 5 ดาว
ไฮเอนด์อย่าง ศรีพันวา ภูเก็ตวิลล่า มีแพกเกจห้องพัก Pool Suite West Ocean View บันยันทรีสมุย
มีห้องพัก Pool Villa ราคาเพียง
9,999 บาท/คืน
3.กลุ่มสินค้าด้านสุขภาพและความงาม
เช่น TRIA
Medical Wellness Center เสนอ Package
สุขภาพความงาม
(ฝังเข็ม, H2O Bright, Onsen, Beauty Salad) ลด 50%
เหลือ 2,500 บาท จากราคาเต็ม 5,000 บาท A Spa Retreat โรงแรม X2 Koh
Samui ลดเหลือ
1,999 บาท
4.กลุ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยม
เช่น บริษัท Blue Voyage เสนอ Package นั่งเรือยอร์ช 10 คน/ลำ ในราคาเพียง 19,999
บาท สมาคมธุรกิจเรือยอร์ชไทยทำแพกเกจเที่ยวโดยยอร์ชเหลือแค่ 9,999 บาท จาก 50,000
บาท
5.กลุ่มกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน
มีตัวอย่าง โปรแกรมพายเรือแคนูอ่าวท่าเลน กระบี่ (รวมรถรับ-ส่ง) เหลือ 199 บาท
จากราคา 1,299 บาท
6. กลุ่มพันธมิตรอาหารไทยอาหารถิ่นสู่มิชลินสตาร์ ร้าน R-Haan เสนอ Chef Table ตามแนวคิด “Top Chef อาหารไทย ปะทะ Top Chef ชุมชน”
ลดเหลือ 999 บาท สมาคมภัตตาคารไทย
จัดแคมเปญ “100,000 อิ่ม กินวันธรรมดา ราคาช็อกโลก”
ดึงร้านอาหารดังร่วมขายราคาพิเศษ อย่างครัวเจ๊ง้อ
7.กลุ่มนันทนาการ โครงการ
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ องค์การสวนสัตว์
ลดบัตรเข้าชมราคาพิเศษ สยามนิรมิตกรุงเทพฯ
และภูเก็ต มีบัตรเข้าชมโชว์รวมอาหารค่ำ ลดเหลือ 800 บาท/คน จากปกติ 1,900 บาท
สวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล
หัวหิน ลด 50%
8.พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ Klook ทำแคมเปญ
"ลามะชวนเที่ยว วันธรรมดาราคาช็อกโลก"
ลดเพิ่มจากราคาลดหน้าเว็บไซต์ลงอีก 11% ช่วงพฤศจิกายน และ 12% ช่วงธันวาคม 2562
9.กลุ่มห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
โปรโมชั่นช็อกโลกพร้อมกัน เริ่ม 1 พฤศจิกายน 2562
กติกาเข้าร่วมช้อปทั้ง 2แคมเปญ
ประชาชนที่จะท่องเที่ยว จะต้องปฎิบัติดังนี้
1.ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18
ปีบริบูรณ์ (ณ วันลงทะเบียน)
2.สามารถลงทะเบียนเพื่อสำรองสิทธิ์ได้ที่ www.tourismthailand.org/เที่ยววันธรรมดา
หรือ www.เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก.com เริ่ม
1 พฤศจิกายน (00.00 น.) – 31 ธันวาคม 2562
3.ลงทะเบียนแล้วจะสามารถเข้าไปเลือกสินค้าทางการท่องเที่ยวได้จาก
9 กลุ่มจากนั้นจะได้รหัสคูปอง (promotional code) แล้วชำระเงินตามเงื่อนไขของผู้ประการนั้น ๆ
ภายใน 5 วัน มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์
โดยเว็บไซต์จะแสดงจำนวนรายการที่เหลือจากการจองอย่างชัดเจน
4.การช้อป
จะมีผู้ประกอบการที่มอบราคาพิเศษโดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์
สามารถเข้าไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ดังกล่าว แล้วไปใช้บริการในราคาพิเศษได้เลย
โดยไม่ต้องสำรองสิทธิ์ล่วงหน้า
5.ผู้ที่ได้รับสิทธิ์และชำระเงินแล้ว
จะสามารถใช้สินค้าและบริการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2562
โเยใช้สิทธิ์กลุ่มโรงแรมที่พักได้ในวันจันทร์ - พฤหัสบดี และจันทร์ – ศุกร์ ส่วนกลุ่ม 8 กลุ่ม โดยไม่สามารถโอน/เปลี่ยน/แลก/ทอน
เป็นเงินสดหรือไม่สามารถยกเลิก/แก้ไขรายการได้ทุกกรณี
6.ผู้เข้าร่วมโครงการที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
จะได้ลุ้นรับแพคเก็จท่องเที่ยววันธรรมดาราคา 1 บาท 8 รางวัล จับรางวัลทุกวันศุกร์ 8 ครั้ง โดย ททท. จะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการและรายละเอียดอื่นๆ
ในเว็บไซต์ต่อไป
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า
ได้รับผิดชอบแคมเปญ “100
เดียวเที่ยวทั่วไทย”ว่า มีสินค้าเป็นของขวัญให้เลือกช้อปได้ 5 หมวด คือ 1. หมวดการเดินทาง อาทิ
บัตรโดยสารเครื่องบินและรถบัสปรับอากาศ 2. หมวดที่พัก 3. หมวดอาหารและเครื่องดื่ม
4. หมวดแพคเก็จทัวร์ และ 5. หมวดแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมนันทนาการ และอื่น ๆ
มีทั้งหมด 40,000 ชิ้น(รายการ) ราคาชิ้นละ 100 บาท แล้วจะต้องทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน
Internet Banking (e-Banking) และมีเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ประกอบการลงทะเบียน
ได้ทาง www.tourismthailand.org/ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย 4 วัน คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562
ครั้งที่ 2 วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ครั้งที่ 3 วันที่ 11 ธันวาคม 2562 และครั้งที่ 4 วันที่ 12
ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น. ของแต่ละวันหรือจนกว่าของขวัญจะหมด มีวันละ 10,000 ชิ้น
เมื่อลงทะเบียนผ่านแล้ว จะสามารถเลือกซื้อของขวัญ ได้เพียง 1 ชิ้น/คน
บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญให้สมาชิก The 1 รับคะแนนสะสมเมื่อเติมน้ำมันบางจากหรือซื้อน้ำมันเครื่อง และสถานีบริการน้ำมันบางจาก
ทุกแห่งทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ระหว่างวันนี้– 31 มีนาคม 2565 ยาวต่อเนื่องถึง
3 ปี
สะสมคะแนนแบบง่าย ๆ คือ 1.เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 1 ลิตร รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน 2.เติมน้ำมันดีเซล 4 ลิตร ได้รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน 3.ซื้อน้ำมันเครื่องที่ร่วมรายการ ทุก 25 บาท ได้รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน
การแลกคะแนนสะสม 1.ใช้คะแนน The 1 Card 800 คะแนน เพื่อแลกรับส่วนลดได้ 100 บาท
ตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 – 31 มีนาคม 2565
เพียงทำตามกติกาดังนี้ 1.สมาชิก The 1 แจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือในการสะสมคะแนน
The 1 การ์ด 2.แสดงบัตรประชาชนในการแลกคะแนน
3.ไม่สามารถใช้สิทธิ์สะสมคะแนนร่วมกับ
บัตรสมาชิกบางจากทุกประเภท , บัตรเอสซีจี ดีเบนเจอร์คลับ
, บัตรเอไอเอส เซเรเนด ทุกประเภท และบัตรส่วนลดอื่นได้
4.เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 1 ลิตร
รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน
(จำกัดไม่เกิน 100 ลิตรต่อครั้ง / 1ครั้งต่อวัน
/ ไม่เกิน 400 ลิตรต่อเดือน)5.เติมน้ำมันดีเซล
4 ลิตร รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน (จำกัดไม่เกิน 200 ลิตรต่อครั้ง / 1ครั้งต่อวัน / ไม่เกิน 1,000 ลิตรต่อเดือน)
6.ซื้อน้ำมันเครื่องรุ่นที่ร่วมรายการ ทุก 25 บาท
รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน
(จำกัดไม่เกิน 2,500 บาทต่อครั้ง / 1ครั้งต่อวัน
/ ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน) 7.จำกัดการแลกคะแนน
1ครั้งต่อเดือน / ไม่เกิน 800 คะแนนต่อครั้ง)
8.เฉพาะสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการทั่วประเทศ 9.1 คะแนนมีมูลค่า 0.125 บาท สอบถามเพิ่มเติมที่ call
center 1651 กด 4
ข่าวที่ 4 “TCEBย้ำ5เมืองไมซ์ ซิตี้เร่งตื่นตัวปี63ลดขยะพลาสติกด่วน50%
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าขอตอกย้ำการประกาศความร่วมมือพัฒนา 5 เมืองไมซ์ ด้วยแคมเปญ “Zero Plastic Events” รณรงค์ให้โรงแรมและสถานที่จัดประชุมทุกแห่งในปี 2563 ช่วยกันหันมาลดจำนวนขวดพลาสติกที่ใช้ในห้องประชุมนำร่องเมืองไมซ์ ซิตี้ ทั้ง กรุงเทพฯ พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งปกติใช้ขวดพลาสติกมากถึงปีละ 17.345 ล้านขวด ลดลง 50 % หรือต้องลดให้เหลือเพียง 8.67 ล้านขวด ภายใน 1 ปี และสามารถลดปริมาณคาร์บอนได้ถึง 638 ตันคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เท่ากับปลูกต้นไม้ 70,226 ต้น ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้กว่า 30 ล้านบาท
โดยทีเส็บจะกระตุ้นการลดขวดพลาสติกด้วย
3 แนวทาง แนวทางแรก เลือกใช้ขวดแก้วให้เหมาะกับการประชุมระยะสั้น 1-2 วัน
ปัจจุบันน้ำ 1 ขวดต่อผู้ร่วมประชุม 2 คน แนวทางที่ 2 แนะนำให้ใช้ขวดน้ำพกพา
เหมาะกับการประชุมที่มีระยะเวลามากกว่า 1 วัน
สามารถแจกแทนของที่ระลึกและให้นำมาใช้ในการประชุมทุกวัน แนวทางที่ 3 นำตู้กดน้ำมาใช้ในงาน
ประชุมทุกประเภท แนะนำการนำภาชนะมาใช้เองของผู้เข้าประชุมหรือแก้วน้ำของสถานที่
โดยงดใช้แก้วพลาสติกหรือกระดาษ
ทั้งนี้เพื่อให้แคมเปญ
“Zero Plastic Events” สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม
เพราะทุกวันนี้ทั่วโลกตระหนักถึงการลดขยะพลาสติกซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างมาก
เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมไมซ์ในไทยต้องตื่นตัวร่วมกันลงมือทำเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
ช่วงที่ 2 ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทย “3 ชุมชนดี๊ดี บ้านเจริญสุข-โคกเมือง-โนนสำราญ”
ที่บุรีรัมย์ ลองไปแล้วจะรู้ว่าเมืองปราสาทหินมีวัฒนธรรมขอมโบราณ
ต้นกำเนิดการผลิตผ้าภูเขาไฟ ผ้าไหมลายโบราณ และโฮมสเตย์ดีดีให้เลือกพักผ่อน
สำหรับคนรักสุขภาพฟังทางนี้ “9วิธีเช็คลิสต์การนอน” อย่างมีคุณภาพ
และข่าวร้อน ๆ “จับตา!! ทอท.เปิดชิงสัมปทานดิวตี้ฟรีดอนเมือง”
24 ตุลาคม นี้ “ครม.เทมาตรการลดค่าจอดชาเตอร์ไฟลต์ไฮซีซันนี้”
หวังดึงทัวร์ทั่วโลกทะลักมาไทย “จัดกระหึ่มเที่ยวพังงา@ชุมชน” 23-27 ต.ค.62 นำ 33 ชุมชน 8 อำเภอในพังงา งัดสินค้ามาประชันขายเต็มที่
ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทยในบุรีรัมย์
กับหมู่บ้านร่ำรวยวิถีวัฒนธรรมความเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นกันได้ใน 3 ชุมชน เริ่มที่ “บ้านเจริญสุข”
ต้นกำเนิดการผลิต “ผ้าภูอัคนี” เลื่องชื่อ
ชาวบ้านได้นำดินธรรมชาติจากภูเขาไฟตรงบริเวณ “เขาพระอังคาร
ดินชนิดนี้นับเป็นวัตถุดิบหายากมาก ทำให้ผ้ามีคุณค่าอย่างมาก
ชมกรรมวิธีทำผ้าพร้อมกับซื้อเป็นของฝากเรียบร้อยแล้ว
ไปต่อยัง
“บ้านโคกเมือง” หมู่บ้านอารยธรรมขอมโบราณ มีบารายล้อมรอบ รวมถึงปราสาทหินเก่าแก่
เป็นอีกชุมชนที่สร้างลายผ้าไหมได้อย่างสวยงาม ทอเสื่อกกลายโบราณ
เป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรม D.I.Y.ของนักท่องเที่ยวทุกวัยได้ทุกวัน
เสน่ห์เหล่านี้ดึงดูดผู้คนเกิดความหลงไหลทั้งคนไทยและนานาชาติ
ต่อด้วย
“บ้านโนนสำราญ” ตำบลถลุงเหล็ก อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ชาวบ้านแถบนี้มีอาชีพดั้งเดิมคือปลูกอ้อยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
จุดเด่นคือ “อาหารถิ่น” ที่จะนำอ้อยมาแปรรูปทำเป็นอาหารจากยอดอ้อยได้สารพัดเมนู
หรือมาแปรรูปเป็นน้ำตาลปึก น้ำตาลอ้อย และหลากหลายของกินได้
แนะนำเส้นทางการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน เพื่อสัมผัสวิถีชุมชนและธรรมชาติบุรีรัมย์กันได้อย่างเต็ม ๆ ในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากชุมชนโอท็อป ก็ยังแหล่งท่องเที่ยว “บ้านตาลอง” เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชิมอาหารถิ่น ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและดนตรีชุมชน แล้วลองพักโฮมสเตย์ ตื่นเช้าอีกวันมาตักบาตร มุ่งหน้าไปเที่ยวต่อใน “เขื่อนลำนางรอง” ที่ได้รับฉายาว่าเป็นทะเลสาบอีสานใต้ สามารถลงไปเล่นน้ำ รับประทานอาหาร เดินชมรอบบริเวณ ก่อนจะมุ่งหน้าไปชม “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกมีสัตว์หายากให้ชมมากมาย
นักท่องเที่ยวที่ยังหลงไหลเสน่ห์ปราสาทหิน
ก็จัดเวลามุ่งหน้าสู่อำเภอประโคนชัย เพื่อชม “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง”
เวทสถานตามความเชื่อตามศาสนาฮินดู ตั้งอยู่บนภูเขาไฟดับสนิทมาหลายล้านปี
ถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วเมืองไทย
ลองแวะไปชม “หมู่บ้านโอท็อปเพื่อการท่องเที่ยว” กับวิถีชีวิต ธรรมชาติ
ที่บุรีรัมย์ ได้ทุกวัน ทุกเวลา
@เช็คลิสต์การนอนอย่างมีคุณภาพตามสัญญาณบอก 9 ข้อ
การจะรู้ว่าการนอนของเรามีคุณภาพหรือไม่
สามารถประเมินในเบื้องต้นได้จากร่างกายและความรู้สึก
ทั้งขณะนอนหลับและหลังการนอนหลับ ดังนี้
1. นอนหลับด้วยร่างกายที่ผ่อนคลาย
ยืดเหยียด ยืนเส้นยืดสาย
2. นอนหลับด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย
ปราศจากความเครียด
3. เมื่อตื่นร่างกายจะรู้สึกสดชื่น
กระปรี้กระเปร่า
4. ไม่มีอาการง่วงนอนบ่อยๆ
ในระหว่างวัน
5. รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่ง
ความคิดโลดแล่น ไม่ติดขัด
6. มีสมาธิการทำงานที่ยาวนานขึ้น
7. อารมณ์ความรู้สึกคงที่
8. ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง
9. ไม่มีอาการผิดปกติหรืออาการแทรกซ้อน
ในรายที่มีโรคประจำตัว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.เปิดให้ชิงพื้นที่ดิวตี้ฟรีดอนเมืองได้แล้ว24ต.ค.นี้
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า การเปิดประมูลพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินดอนเมืองช่วงเดือนพฤศจิกายน
นี้ เพื่อหาผู้ชนะเข้าดำเนินการในอีก 10 ปี 6 เดือนหน้า
นั้นแนวโน้มอาจจะมีผู้สนใจยื่นเอกสารเข้าร่วมโครงการ 4-5 ราย
ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยสนใจมาตั้งแต่เปิดการประมูลในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ทั้ง กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ห้างสรรพสินค้า และอื่น ๆ
โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ทอท.
ได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนให้เข้ร่วมประมูลงานให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร
(Duty Free) ณ สนามบินดอนเมือง 1 สัญญา
ระยะ 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565-31 มีนาคม 2576 โดยจะเปิดให้ผู้สนใจซื้อเอกสารการยื่นข้อเสนอ
(TOR) ระหว่าง 24 ตุลาคม- 8 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.00-16.00 น. ณ ฝ่ายบริหารธุรกิจ ชั้น 5 อาคารสำนักงานใหญ่
ทอท. เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
พร้อมทั้งได้กำหนดระยะเวลาแต่ละขั้นตอนไว้ดังนี้ วันที่11
พฤศจิกายน 2562
จะเปิดให้เอกชนรับฟังคำชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมและดูสถานที่ประกอบกิจการ ณ
สนามบินดอนเมือง วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 9.00-11.00 น. ก่อนจะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอที่ห้องประชุม1 ชั้น 6 อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท. แล้ววันเดียวกันก็จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติช่วง
11.00 น.
จากนั้นวันที่ 12 ธันวาคม 2562
ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจะต้องนำเสนอผลงาน (Presentation) ข้อเสนอด้านเทคนิค
ที่ห้องประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ชั้น 7
อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท. วันที่ 13 ธันวาคม 2562 เปิดซองข้อเสนอค่าตอบแทน วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ประกาศผลคะแนนสูงสุด ณ ห้องประชุม
บอร์ด ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท. ตั้งแต่ 9.30 น. เป็นต้นไป
คุณสมบัติหลักของผู้มีสิทธิ์ยื่นข้อเสนอจะต้องครบดังนี้
1.เป็นนิติบุคคลไทยรายเดียว หรือนิติบุคลหลายรายรวมกลุ่มกัน
โดยมีผู้รับผิดชอบหลัก (Lead Firm) เป็นนิติบุคคลไทย
2.ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทถ้วน
3.ผู้ยื่นข้อเสนอหรือสมาชิกในกลุ่มต้องไม่เป็นผู้ถูก ทอท.
บอกเลิกสัญญา หรือมีหนี้สินค้างชำระ
หรือไม่เป็นผู้ที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชำระหนี้และยังคงค้างชำระหนี้ดังกล่าวอยู่ในวันยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน
หรือต้องไม่เป็นผู้ที่มีข้อพิพาทในประเด็นของสัญญาหรือข้อกฎหมายกับ ทอท.
ที่ถึงขั้นฟ้องร้องในกระบวนการศาลหรืออนุญาโตตุลากร
ในขณะที่ยื่นข้อเสนอการดำเนินงา
โดยจะต้องมีประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านหนึ่ง
ดังนี้
3.1 มีประสบการณ์ในการบริหารห้างสรรพสินค้า
ศูนย์การค้าในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 5,000 ตารางเมตร อย่างต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
และยังคงเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน หรือ
3.2 มีประสบการณ์ในการบริหารดิวตี้ฟรีในประเทศไทย
หรือต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 500 ตารางเมตร อย่างต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
หรือยังคงเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
ข่าวที่สอง “ครม.หนุนเต็มเหนี่ยวอนุมัติลดค่าจอดเช่าเหมาลำเพิ่มไฮซีซัน
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ได้พิจารณาอนุมัติมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและช่วงฤดูท่องเที่ยวรวม
18 มาตรการ
แบ่งเป็น ระยะสั้น 11 มาตรการ และระยะกลาง–ระยะยาว 5
มาตรการ ซึ่ง 16 มาตรการแรกอนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับครั้งนี้อนุมัติเพิ่มเติมตามที่เสนอใหม่อีก 2
มาตรการ ประกอบด้วย
1.ลดค่าธรรมเนียมการลงจอดให้สายการบินเช่าเหมาลำ
(Charter flight)
เพื่อช่วยนักท่องเที่ยวบรรเทาความเดือดร้อนจากค่าเงินบาทแข็ง โดยเตรียมหารือกับ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าของสนามบินให้ช่วยลดราคาค่าธรรมเนียมการลงจอดจูงใจให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำนำนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นตลอดไฮซีซันนี้
2.ปลดล็อกปัญหาและอุปสรรคการจัดซื้อจัดจ้างของ
ททท.ในต่างประเทศ โดยจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลางต่อไป
ข่าวที่สาม “จัดใหญ่เที่ยวพังงาสุขใจ@ชุมชนรับไฮซีซัน23-27ต.ค.นี้
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า เตรียมจัดงานมหกรรม “เที่ยวพังงาสุขใจ@ชุมชนท่องเที่ยว
OTOP นวัตวิถีพังงา” ต้อนรับรับฤดูท่องเที่ยวระหว่าง23
– 27 ตุลาคม 2562 บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา (หลังเก่า)
อำเภอเมืองพังงา ตั้งเป้าหมายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจคึกคักมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนท่องเที่ยว OTOP
นวัตวิถีพังงา 33 ชุมชนจาก 8 อำเภอ โชว์ผลงานและนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชน
พร้อมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าโอทอป รวมถึงการพัฒนาศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
เกษตรกรรมยั่งยืน สังคมแห่งการเรียนรู้ สู่ความเป็นเมืองน่าอยู่ เมืองแห่งความสุข
สำหรับกิจกรรมหลัก ๆ ภายในงาน จะแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชน การสาธิต ภูมิปัญญาพื้นถิ่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมโดยชุมชน การประกวดนักเล่าเรื่องชุมชน การประกวดทำอาหารเมนูพื้นถิ่น โดยมีผลิตภัณฑ์สินค้าไฮไลต์
จากบ้านสามช่องเหนือ บ้านหานบัว อ.ตะกั่วทุ่ง เช่น ชาเหงือกปลาหมอ ผ้ามัดย้อม สบู่
แชมพูเหงือกปลาหมอ ถ่ายดูดกลิ่น ผลิตภัณฑ์จากไม้ตาล ข้าวไร่ดอกข่า ส่วนอาหารมี
หอยหลักควายลวกจิ้มซีฟู้ด สรรพคุณบำรุงพลังชาย แกงกะทิหอยกันยอดเป้ง ปลากะพงหลงเล
หอยนางรมหลงไพร โทร.สอบถามรายละเอียดงานได้ที่ 093-8940199
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น