เปิด“โรงเรียนตชด.แพรกตะคร้อโมเดล”สอนชุมชนพอเพียง
พลิกชีวิตปะกากะญอสู่เศรษฐกิจยั่งยืนประเทศไทยมั่นคง
คิงเพาเวอร์ชวนสมัครบัตรสมาชิกรับส่วนลดแรง
ๆถึง30%
คิงเพาเวอร์มอบความสุขSpecail
Deal&Mealที่รางน้ำ
คิงเพาเวอร์ชูช้อปแบรนด์LCFCคอเล็คชั่นCity Summer
รัฐมนตรีพิพัฒน์หวังท่องเที่ยวฟื้นมิ.ย.นี้ไทยสูญแค่3แสนล้าน
เติมเจลแอลกอฮอล์ฟรี!ปั๊มบางจาก50 มล. เริ่ม23
มี.ค.นี้
บินไทยตื่นถอนเงินสหกรณ์DDโชว์ฐานะแกร่งมี6หมื่นล้าน
สภาทัวร์ออกโรงจี้รัฐปิดประเทศขอเยียวยาท่องเที่ยวด่วน
ไทยสไมล์ยกเลิกบินอินเดีย6เมืองคืนเงินค่าตั๋วเต็มจำนวน
กพท.ออกประกาศให้แอร์ไลน์ล็อกผู้โดยสารทั่วโลกเข้าไทย
ร.ต.ท.ประดิษฐ์ อะละมาลา ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บ้านแพรกตะคร้อ |
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2563
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #โรงเรียนตชดบ้านแพรกตะคร้อโมเดล #KingPower #CitySummerLCFC
ช่วงที่ 1 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา
กับมูลนิธิปิดทองหลังพระ นั่งจับเข่าคุยกับ “ร.ต.ท.ประดิษฐ์ อะละมาลา”
ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บ้านแพรกตะคร้อ อำเภอหัวหิน ถึง
“บ้านแพรกตะคร้อโมเดล” ต้นแบบเศรษฐกิจชุมชนอยู่อย่างพอเพียง ภายในเวลา 20 ปี สามารถ “เปลี่ยนชีวิตชาวปะกากะญอ”
โดยใช้การศึกษา สอนภาษาไทยผสมผสานการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร
วางระบบการสาธารณสุข และสอนอาชีพ เลี้ยงหมูขาย อนุรักษ์วิถี
“ทอผ้ากี่เอวกี่กระตุก” ภูมิปัญญาดั้งเดิม สร้างงาน
สร้างอาชีพใหม่ให้ชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มครัวเรือนละกว่า 2 หมื่นบาท/ปี ปลุกพลังความรัก สามัคคี
ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนเป็นหนึ่งเดียวกัน
ส่งผลถึงการสร้างความมั่นคงของประเทศได้อย่างยั่งยืน
ร.ต.ท.ประดิษฐ์ อะละมาลา
ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) บ้านแพรกตะคร้อ เปิดเผยว่า โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่หมู่ 11
ตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในสังกัดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 เริ่มก่อตั้งเมื่อ 16 กรกฎาคม 2542 โดยพื้นที่บ้านแพรกตะคร้อเป็นพื้นที่อยู่ของเพื่อนพี่น้องชาวปะกากะญอหรือกระหร่าง
เดิมไม่เคยมีพื้นที่ศึกษาประจำหมู่บ้าน ห้วงที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามงานโรงเรียน ตชด.นเรศวร บ้านห้วยผึ้ง
ราษฎรถวายฏีกาพระองค์ท่านขอเปิดโรงเรียนเพื่อสอนหนังสือเด็กและชุมชนแห่งนี้
ปัจจุบันโรงเรียนได้ดำเนินงานตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน
โดยทำการเรียนการสอนงาน 8 โครงการ
โดยมีกิจกรรมเด่น ๆ เห็นเป็นรูปธรรม ได้แก่ “โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน”
ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล สอนทำปศุสัตว์ คือ เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูป่า เลี้ยงปลาดุก
เพื่อนำวัตถุดิบมาประกอบอาหารกลางให้นักเรียนตลอดทุกวัน ซึ่งมีตั้งแต่ระดับอนุบาล 2
-ประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเน้นตั้งแต่ป.4-6
ทั้งในกิจกรรมสหกรณ์และการฝึกอาชีพต่าง
ๆ
สำหรับการปลูกพืชภายในโรงเรียนเพื่อเป็นอาหาร
แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
“ระยะสั้น” ปลูกผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักคะน้า “ระยะกลาง” มะเขือ “ระยะยาว”
ปลูกพืชเถาเลื้อยกับไม้ผล จะมี แก้วมังกร มะละกอ กล้วยน้ำว้า พืชตระกูลถั่ว
อย่างถั่วหัวครก สำหรับเลี้ยงสัตว์ไฮไลต์จะเลี้ยง “หมูป่า”
มีพ่อพันธุ์แล้วเมื่อได้ลูกหมูก็จะให้ผู้ปกครองนำไปเลี้ยง โดยมีข้อตกลงระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
โดยมอบให้ผู้ปกครองของนักเรียนเมื่อหมูโตขึ้นจนได้น้ำหนักสามารถนำไปขายเพื่อเป็นรายได้ของครอบครัว
เฉลี่ยราคาตัวละ 2,500-3,000 บาท
หรือบางกรณีนำลูกหมูมาคืนโรงเรียนเพื่อใช้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต่อไป หรือ
“ไก่พันธุ์ไข่” ได้รับการสนับสนุนจากทางกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี “ปลาดุก”
ก็เลี้ยงโดยมีประมงจังหวัดสนับสนุนพันธ์ปลากับอาหารปลา
ขณะที่การทำกิจกรรมเพื่อผลิตวัตถุดิบต่าง
ๆ ก็เพื่อฝึกทักษะของเด็ก ๆ แต่ละวัยในโรงเรียนทำการเกษตร ปลูกพืชผัก
ฝึกวินัยปลูกฝังนิสัยด้านการเลี้ยงสัตว์ ขยายผลไปจนถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้จากเด็กไปสู่ผู้ปกครอง
แจกเมล็ดพันธุ์ให้เด็กนำไปปลูกใกล้แม่น้ำเป็นประโยชน์แก่ครอบครัวของนักเรียนในพื้นที่
ร.ต.ท.ประดิษฐ์กล่าวว่าเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังที่ทางโรงเรียน
ตชด.จัดทำขึ้น
เกิดประโยชน์กับชุมชนหันมาสนใจปลูกพืชในเชิงเกษตรอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี
ผนวกกับการเชื่อมโยงไปถึง “โครงการสร้างอาชีพ”
ตัวอย่างการนำหมูไปให้ชุมชนเลี้ยงโดยมีข้อตกลงระหว่างกันในการเลี้ยงสัตว์
โดยมีระบบการจัดการนำพันธุ์ไปเลี้ยงแล้วนำผลผลิตมาคืนเป็นรายได้กับโรงเรียน
และทางผู้ปกครองของนักเรียนก็นำหมูบางส่วนไปขายได้ด้วย
ทำให้เกิดรายได้แก่ครัวเรือนของนักเรียนมูลค่าราว 20,000 บาท/ครอบครัว เป็นการสร้างอาชีพใหม่ ๆ
นอกเหนือจากอาชีพประจำคือรับจ้างทั่วไป ก่อสร้าง ลูกจ้างร้านค้าในเมือง เก็บของป่า
ทางโรงเรียนได้คำนึงถึงการวางแผนสร้างอาชีพจะต้องให้สอดคล้องกับความสมัครใจและความถนัดของคนในชุมชน
โดยครูใหญ่ได้เข้าไปร่วมประชุมประจำหมู่บ้านทุกวันที่ 11 ของแต่ละเดือน เรื่องความมั่นคง ปลอดภัย ด้านการป้องกันยาเสพติด
และด้านสุขอนามัย
ซึ่งสามารถเห็นความแตกต่างที่ดีขึ้นจากความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวสามัคคีกันไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
และมีความสุขในการหันมาร่วมกันทำกิจกรรมปลูกพืช เลี้ยงสัตว์
ส่วนการสร้างอาชีพให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชนอีกอาชีพซึ่งมีความโดดเด่นในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาวปะกากะญอ
“ทอผ้ากี่เอวและกี่กระตุก”
โดยทุกวันศุกร์ช่วงบ่ายจะมีครูเข้ามาสอนการทอผ้าสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้านให้คงอยู่ตลอดไป
ล่าสุดมูลนิธิปิดทองหลังพระ
ได้เข้าไปเยี่ยมโรงเรียน ตชด.บ้านแพรกตะคร้อ พร้อมทั้งเห็นถึงวิถีชีวิตเพื่อนำองค์ความรู้
“บ้านแพรกตะคร้อโมเดล”
ต้นแบบโครงการการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในพื้นที่และผู้สนใจตามพื้นที่ต่าง
ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างยั่งยืนทั้งปัจจุบันและอนาคต
ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดียิ่งขึ้นไป
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชวนสมัครบัตรสมาชิกรับส่วนลด30%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้อนรับลูกค้าคนไทยที่สมัครบัตรสมาชิกใหม่
โดยไม่เคยเป็นสมาชิก หรือหมดสถานะสมาชิกแล้ว สามารถรับส่วนลดและคูปอง ON-TOP นำไปใช้ได้ที่
คิง เพาเวอร์ ทุกสาขาเฉพาะแบรนด์ที่ร่วมรายการ โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ณ
จุดขาย
วิธีใช้คูปอง ON-TOP 1 ใบ
ซื้อสินค้าต่อ 1 ใบเสร็จรับเงิน ไม่สามารถใช้ร่วมกับแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอางและแผนกเหล้าบุหรี่ หรือแลกคืนหรือทอนเป็นเงินสดไม่ได้
ส่วนในวันเกิดของสมาชิกก็จะได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
30 % เมื่อซื้อสินค้าในเดือนเกิด 1
ชิ้น ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา
และภูเก็ต เฉพาะแบรนด์ที่ร่วมรายการ โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย
บริษัท มัลติพลาย บาย เอท ในกลุ่มบริษัท คิง
เพาเวอร์ เปิดตัว “City
Summer” คอลเลคชั่นล่าสุด
จากแบรนด์ LCFC ต้อนรับช่วงเวลาที่สดใสที่สุดของปีที่กำลังจะมาถึง
ด้วยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าและแอคเซสซอรี ที่จะทำให้ซัมเมอร์นี้สดใสร้อนแรงกว่าที่เคย
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “City
Summer” เพื่อให้คุณพร้อมแต่งตัวออกไปท้ารับลมแดดได้ทุกวัน
ที่ตั้งใจออกแบบมาให้ง่ายสำหรับการ Mix & Match โดยเฉพาะ
เพื่อให้การแต่งตัวกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน
ในขณะเดียวกันก็นำเทรนด์แฟชั่นได้อย่างโดดเด่นในแบบที่เป็นตัวเอง
และด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับกลิ่นอายของความคลาสสิก
แฝงด้วยลุคสปอร์ตที่ให้ความรู้สึกคล่องตัวนี้ จึงทำให้คอลเลคชั่นล่าสุดจากแบรนด์ LCFC สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน
มีจำหน่ายแล้วที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา หรือช้อปผ่าน King Power Application หรือ www.kingpower.com
ติดตาม
ข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆ ได้ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม Leicestershop_th
สมาชิก คิง เพาเวอร์ อิ่มคุ้มสูงสุด 200
บาท 7 - 31 มีนาคม 2563 ที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
คุ้มที่ 1 รับทันที!
คูปองทานอาหาร 100 บาท* เมื่อซื้อบัตรทานอาหารในโซน
Thai Taste Hub มูลค่า 100
บาท
คุ้มที่ 2 รับฟรี!
คูปองทานอาหาร 100 บาท* เมื่อช้อปสินค้าครบ
1,500 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จรับเงิน
จำกัด 1 สิทธิ์ / ท่าน / วัน
กติกาการรับคูปองรับประทานอาหาร 1.สมาชิก
คิง เพาเวอร์ ที่มาแสดงตนด้วยตัวเองเท่านั้นและไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
ตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติม ณ จุดขาย 3.สามารถ
ใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ 4.บัตรเครดิตร่วม
คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย สามารถร่วมรายการ
วิธีใช้คูปองรับประทานอาหาร 1.แทนเงินสดสำหรับร้านอาหารในโซน
Thai Taste Hub ชั้น 3 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เท่านั้น 2.นำคูปองมูลค่า
100 บาท ในคุ้มที่ 2
ไปใช้ร่วมกับคูปองมูลค่า 100 บาท ในคุ้มที่ 1
ได้โดยไม่ต้องซื้อบัตรรับประทานอาหารเพิ่มแต่อย่างใด
ข่าวที่ 4 “ททท.ลุยช่วยSMEท่องเที่ยวถกแบงก์ปลดเกณฑ์กู้เงิน”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้ประชุมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม
(SME) แต่ละบริษัทเสนอให้ช่วยเจรจากับธนาคาร
ดังนี้ 1.ปรับหลักเกณฑ์การยืดหยุ่นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
จากธนาคารเพื่อยื่นขอสินเชื่อกู้ได้ในช่วงวิกฤต ที่จะต้องนำไปเป็นค่าใช้จ่ายประจำ
ทั้งภาษี ประกันสังคม 2.ขอให้ธนาคารปล่อยวงเงินเดิมแก่ผู้เคยกู้แล้วชำระคืนบางส่วนเรียบร้อยสามารถกู้ใหม่ได้
ส่วนหนี้เก่าขอพักชำระดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากการพักชำระเงินต้น ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวทั้งธนาคารออมสินและ
SME BANK รับไปพิจารณาแล้ว
แต่เนื่องจากหลายข้อเสนอไม่มีรายละเอียดอยู่ในมติคณะรัฐมนตรี
จึงอาจจะต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
สำหรับการขอสินเชื่อบุคคลให้มัคคุเทศก์และพนักงานกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว
ทางบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
จะเป็นผู้ค้ำประกันให้ในวงเงินกู้ 200,000 บาท
เพื่อให้พนักงานมีเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายในช่วงเวลาที่ไม่มีรายได้เข้ามาเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ยังไม่ยุติ
หลักเกณฑ์การปล่อยกู้ครั้งนี้จะทำเป็นสินเชื่อระยะสั้นอายุเพียง
6 เดือน-1 ปี เนื่องจากท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่สามารถตัวฟื้นได้เร็วเมื่อกลับสู่ภาวะปกติจะเติบโตกว่า
2 เท่า
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เปิดเผยว่า
จากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยกรณีสถานการณ์ผลกระทบไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อถึงเดือนมิ.ย.นี้
ภาคการท่องเที่ยวอาจต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์สูญรายได้กว่า 3 แสนล้านบาท
หรือมีรายได้เพียง 1.58 ล้านล้านบาท จากเมื่อปี 2562 ตลาดต่างประเทศได้ 1.96
ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 39.8 ล้านคน
ปี 2563
ช่วงเดือนมกราคมก่อนที่จีนจะประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น เพราะไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตลอดเดือนเพิ่ม
2.4 % คิดเป็น 3.8 ล้านคน หลังจีนประกาศปิดประเทศต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์นักท่องเที่วลดเหลือ
2.04 ล้านคน หายไปถึง 43.5% ระหว่าง 1-11
มีนาคม 2563 เหลือเพียง 550,000 คน ลดลง 57.26 % เมื่อนักท่องเที่ยวลดลงก็ส่งผลกระทบกับแรงงานที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมกว่า
4 ล้านคน
อย่างไรก็ตามมีความหวังว่าไวรัสโควิด-19
จะยุติได้แล้วการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
ไทยจะมีต่างชาติเดินทางตลอดปีนี้รวม 32.5 ล้านคน สร้างรายได้ 1.58 ล้านล้านบาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า
เพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชนคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19
บริษัท บางจากฯ ได้จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือบรรจุใส่แกลลอนสำหรับลูกค้าบางจากและประชาชนทั่วไปนำภาชนะไปเติมได้ฟรีที่สถานีบริการ
“ผมขอเชิญชวนให้นำขวดชนิดมีฝาที่ทำความสะอาดแล้ว
มากดเติมได้โดยไม่ต้องเติมน้ำมันหรือใช้บริการใดๆ ในปั๊มบางจาก ท่านละไม่เกิน 50
มิลลิลิตร เพื่อให้แบ่งปันกันอย่างทั่วถึง
เป็นการลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองและสร้างขยะ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular
Economy) เพื่อให้เรายังช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมได้
แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ครับ”
เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าในการใช้บริการสถานีบริการน้ำมัน
บริษัทฯ ยังได้กำหนดมาตรการการดูแลความสะอาดอย่างเคร่งครัดในจุดสัมผัสต่างๆ เช่น
กำหนดให้พนักงานบริการหน้าลานและเจ้าหน้าที่ภายในสถานีบริการสวมหน้ากากอนามัย
มีการสอบถามและเฝ้าสังเกตอาการพร้อมวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือประจำตู้แคชเชียร์และบริเวณหน้าลาน
ให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
เตรียมสบู่เหลวบริเวณอ่างล้างมือในห้องน้ำชาย หญิง และห้องน้ำเสมอภาค
หมั่นทำความสะอาด ฆ่าเชื้อจุดสัมผัสบริเวณประตู สุขภัณฑ์ และทำความสะอาดใหญ่ทุกจุด
ทุกๆ 15 วัน
ทั้งนี้
จุดเติมแอลกอฮอล์เจลฟรีในสถานีบริการน้ำมันบางจากกรุงเทพและปริมณฑล
จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 2563 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
จนกว่าแอลกอฮอล์เจลจะหมด
ช่วงที่
2 ติดตามหมอ “อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ”
ชวนโหลดแอพลิเคชั่น “ใกล้มือหมอ” ช่วยคนไทยทั่วประเทศหายกังวลจากโรคต่าง ๆ
ส่วนข่าวที่มีสาระ “พนักงานการบินไทยกลัวธุรกิจเจ๊ง” แห่ถอนเงินสหกรณ์ออมทรัพย์
“ไทยสไมล์” หยุดบินอินเดีย 6 เมือง 22-29 มี.ค.2563
ผู้โดยสารขอเงินค่าตั๋วคืนได้เต็มจำนวน
“คมนาคม” ออกประกาศกฎเข้มให้แอร์ไลน์ล็อกผู้โดยสารทั่วโลกก่อนเข้าไทย
@ชวนโหลดแอพใกล้มือหมอดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยียุคใหม่
ร.อ.นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ
แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง
ผู้จัดการโครงการเครือข่ายผู้อภิบาลสุขภาพใกล้ชิดหมอทางไกล ด้วยแอปพลิเคชัน เชื่อมต่อข้อมูลกันได้ง่าย
เข้าถึงได้สะดวก เพียงแค่คุณมีมือถือและอินเทอร์เน็ต
ก็สามารถติดต่อสื่อสารในรูปแบบต่างๆได้แล้ว
จึงขอแนะนำให้ใช้ “ใกล้มือหมอ” คือ
แอปพลิเคชันที่สามารถวินิจฉัยโรคเบื้องต้น โดยแสดงผลของโรคที่มีความเสี่ยง 3
อันดับแรก มีความแม่นยำประมาณ 70-80%
ประชาชนทั่วไปสามารถนำข้อมูลความรู้ของโรคนั้นมาใช้ดูแลสุขภาพของตนเองในเบื้องต้น
และไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไป
ร.อ.นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง
ผู้จัดการโครงการเครือข่ายผู้อภิบาลสุขภาพใกล้ชิดหมอทางไกล ด้วยแอปพลิเคชัน อธิบายว่าแอพลิเคชั่น
“ใกล้มือหมอ” เริ่มต้นเมื่อปี 2557 หมอได้มีความคิดจะทำระบบการแพทย์ออนไลน์
โดยได้ร่วมมือกับเพื่อนหมอศิริราชรุ่นเดียวกัน สร้างเป็นแฟนเพจชื่อว่า
แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว ช่วยตอบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ให้กับคนไข้โดยไม่ได้คิดเงิน
ผู้ตอบจะเป็นหมอเฉพาะทางด้านต่างๆ กว่า 30 ท่าน โดย สสส.สนับสนุน
และเป็นจุดเริ่มต้นที่พัฒนาต่อยอดทำเป็นเว็บไซต์ อินโกราฟิก โมชั่นกราฟิก
เผยแพร่ทางเพจ อยู่จนถึงขณะนี้ ในการตอบคำถามให้คำปรึกษาถึงอาการของโรคต่าง
ๆ แก่ผู้ป่วย ถือเป็นวัตกรรมทางการแพทย์ในยุคเทคโนโลยีที่คนไทยจะพึ่งพาได้อีกช่องทาง
ข่าวท้ายชั่วโมง
หลังจากมีกระแสข่าวว่า
พนักงานการบินไทยแห่ไปถอนเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์การบินไทยวันเดียวกว่า 5,000 ล้านบาท
เพราะเกรงธุรกิจการบินจะล้มละลายนั้น
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
(DD)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชนป ได้ออกมายืนยันว่าสหกรณ์ฯ มีความแข็งแกร่งทางเงินและมั่นคงสูง
มีสินทรัพย์รวม 60,000
ล้านบาท กระทั่งหักหนี้สินแล้วยังเหลือทุนอีกกว่า 20,000 ล้านบาท ระหว่างนี้กำลังจัดทำแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์สิ้นเดือนมีนาคม
2563พร้อมส่งกระทรวงคมนาคม
และกระทรวงการคลัง เห็นชอบสนับสนุนสายการบินแห่งชาติอย่างเต็มที่ต่อไป
ข่าวที่สอง “สภาทัวร์ออกโรงจี้รัฐปิดประเทศขอเยียวยาท่องเที่ยวด่วน”
นายชัยรัตน์ รัตนจรัสพร
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแหงประเทศไทย (สทท.) ออกแถลงการณ์ ว่าขอให้รัฐบาล Lockdownประเทศ
เพื่ออป้องกันไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายจนเข้าสู่ระยะที่ 3
ซึ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยินดีจะเสียสละ
หากมาตรการดังกล่าวจะช่วยเหลือประเทศได้
ถึงแม้ที่ผ่านมาในปี 2562
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีผู้ประกอบการกว่า 50,000
ราย ช่วยกันสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนต่อผลผลิตมวลรวมประเทศ (GDP) มากถึง
20% จ้างงานในระบบบริการกว่า 4
ล้านตำแหน่ง
ขณะนี้ไวรัสโควิด-19
ได้แพร่กระจายในประเทศ เป็นวงกว้างตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563
มาจนถึงขณะนี้
ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดจะส่งผลกระทบทำให้รายได้ท่องเที่ยวหายไปตลอดปี
2563 นี้ มูลค่ารวมถึง 1ล้านล้านบาท
อีกทั้งภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจจะต้องกู้เงินมาฟื้นฟูกิจการไม่ต่ำกว่า 6.5
แสนล้านบาท ภาระหนี้จะเพิ่มขึ้นมหาศาล หากภาครัฐไม่มีมาตรการเยียวยาเร่งด่วน
ดังนั้นสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จึงขอเป็นตัวแทนธุรกิจเอกชน สนับสนุนรัฐบาลใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ และขอให้รัฐบาลแสดงความชัดเจนเรื่องมาตรการเยียวยาเร่งด่วน
ลงมือทำอย่างมีรูปธรรมโดยเร็วด้วยเช่นกัน
นางชาริตา ลีลายุทธ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด เปิดเผยว่า ไทยสไมล์ขอยกเลิกเส้นทางบินชั่วคราว
ระหว่างวันที่ 22 – 29 มีนาคม 2563 ระหว่าง
ไทย ไป-กลับ อินเดีย 6 เมือง
ได้แก่ มุมไบ ลัคเนา คยา พาราณสี ชัยปุระ
และอาห์เมดาบัด เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนเที่ยวบินและเส้นทางบินที่จะเปิดบินปกติหลังจากวันที่
29 มีนาคม 2563
สายการบินไทยสมายล์จะแจ้งให้ทราบในครั้งต่อไป การยกเลิกครั้งนี้ก็เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19
ยังคงมีความรุนแรงและแพร่กระจายไปทั่วโลก อีกทั้งรัฐบาลอินเดียเองก็ได้ประกาศยกระดับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด19
ขั้นสูงสุด รวมถึงระงับเที่ยวบินขาเข้าและออกด้วย
ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินในวันดังกล่าว
ไทยสมายล์ได้อำนวยความสะดวกดังนี้
1.ขอคืนเงินเต็มจำนวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ผู้โดยสารสามารถทำรายการได้ด้วยตนเองโดยระบุ
การขอคืนเงินตามเงื่อนไขบัตรโดยสาร ผ่าน https://member.thaismileair.com/customerservice/refund
2.ผู้โดยสารที่ประสงค์เปลี่ยนแปลงการเดินทาง
และ/หรือ เปลี่ยนเส้นทางบินสามารถทำได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้
เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
ผู้โดยสารสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าไทยสมายล์ทั่วประเทศในเวลาทำการ
13 แห่ง หรืออีเมล customer.service@thaismileair.com หรือ Call Center โทร
1181, 02-118-8888 ตลอด 24
ชั่วโมง
ข่าวที่สี่
“กพท.ออกประกาศให้แอร์ไลน์ล็อกผู้โดยสารทั่วโลกเข้าไทย”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
(กพท.) ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศฉบับล่าสุดมีผลปฏิบัติตั้งแต่ 22 มีนาคม
2563 เป็นต้นไป
เพื่อปฏิบัติตามองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ประกาศยกระดับสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลก
(Pandemic) ดังนั้นเพื่อประโยชน์สาธารณะในการป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนภายในประเทศในวงกว้างและเพื่อการกำกับดูแลการบินพลเรือนในภาวะจำเป็นให้ได้อย่างทันท่วงที
กพท.จึงออกประกาศแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ทำการบินมายังประเทศไทย
ดังนี้
🍎 ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
เรื่อง ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง
แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตรายกรณีเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) และพื้นที่มีการระบาดต่อเนื่อง ประกาศ ณ วันที่
18 มีนาคม 2563
🍎 ผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังประเทศไทยต้องได้รับการแยกกัก
กักกัน ควบคุมไว้สังเกต
หรืออยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออย่างอื่นตามที่พนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศกำหนด
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังประเทศไทยดำเนินการคัดกรองดังต่อไปนี้
ในเวลาที่ผู้โดยสารแสดงตัวเพื่อออกบัตรขึ้นเครื่อง (Check-in)
(1) ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ (Health
certificate) ที่ออกให้ โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72
ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ซึ่งยืนยันว่ามีการตรวจผู้โดยสารแล้วไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19)
(2) ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่แสดงการคุ้มครองการรักษาพยาบาลในประเทศไทยซึ่งครอบคลุมถึงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 100,000
เหรียญสหรัฐ
🍎
ในกรณีที่ผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังประเทศไทยเป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินการคัดกรองดังต่อไปนี้
(1) ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ
(Fit to fly)
(2) ตรวจสอบหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทยที่สถานเอกอัครราชทูตไทย
สถานกงสุลใหญ่ หรือกระทรวงการต่างประเทศออกให้
หากพบว่าผู้โดยสารไม่สามารถแสดงเอกสารหลักฐานตาม
3. หรือ 4. ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิเสธการขึ้นเครื่องและงดการออกบัตรขึ้นเครื่อง
(Boarding pass)
เมื่อได้คัดกรองผู้โดยสารตาม 3. หรือ
4. และออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผู้โดยสารแล้วให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลแสดงที่พักที่สามารถติดต่อได้ในประเทศไทยตามแบบ
ต.8 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558
และยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินปลายทางหรือกับข้อมูลใน
Application “AOT Airport of Thailand”
🍎 ผู้ดำเนินการเดินอากาศควรใช้มาตรการในการป้องกันโรคติดต่อบนอากาศยาน
ดังต่อไปนี้
(1) จัดที่นั่งผู้โดยสารให้มีระยะห่างจากท่านมากที่สุดเท่าที่ทำได้ตั้งแต่เมื่อออกบัตรโดยสารและจัดพื้นที่ในห้องโดยสารไว้สำหรับเฝ้าระวังผู้โดยสารที่มีอาการไข้ไอ
หรือเจ็บป่วย หากมีความจำเป็น
(2) แจ้งให้ผู้โดยสารทราบถึงวิธีการป้องกันโรคติดต่อและสวมหน้ากากอนามัยตลอดเที่ยวบิน
หรือจัดเตรียมอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นสำหรับการป้องกันตนเองจากการติดต่อ
(3) พิจารณาจำกัดการให้บริการในห้องโดยสาร
เพื่อลดความจำเป็นในการเข้าใกล้ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานกับผู้โดยสาร
(4) กำหนดให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานทุกคนสวมหน้ากากอนามัย
เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารต้องดำเนินการฆ่าเชื้อหรือทำความสะอาดอากาศยานตามมาตรฐานที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศกำหนด
🍎เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอำนาจออกคำสั่งตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ.
2558 ดังต่อไปนี้
(1) ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
และห้ามนําพาหนะอื่นใดเข้าเทียบอากาศยานนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
(2) ดำเนินการหรือออกคําสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดําเนินการ
ดังต่อไปนี้
(ก) กําจัดความติดโรค
เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ของโรค
(ข) จัดให้อากาศยานจอดอยู่ ณ
สถานที่ที่กําหนดให้จนกว่าเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศจะอนุญาตให้ไปได้
(ค) ให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้นรับการตรวจในทางแพทย์
และอาจให้แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ณ
สถานที่และระยะเวลาที่กําหนด
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการตาม 3., 4. หรือ
5. ผู้ดำเนินการเดินอากาศจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซึ่งมากับอากาศยานนั้น
เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต
หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู
การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. 2558
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตรายและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออันตรายตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. 2558 โดยเคร่งครัด
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งแนวปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้นทางและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถือปฏิบัติ
และให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติมบนอากาศยานให้ผู้โดยสารทราบโดยทั่วกัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น