คมนาคมประกาศLOCKทุกประเทศรายวัน!!
หลังไวรัสโควิดในไทยแพร่ำปทั่ว24จังหวัด
หลังไวรัสโควิดในไทยแพร่ำปทั่ว24จังหวัด
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้ง 24 จังหวัด ในขณะที่ "สพนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย : "กพท. " หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ต้องออกประกาศLOCKการเดินทางของนานาประเทศทั่วโลกแบบรายวัน ตามรายละเอียดการออกประกาศฉบับล่าสุด ดังนี้
ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่ งประเทศไทย
เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนิ นการเดินอากาศที่ทำการบินมายั งประเทศไทย
ตามที่รัฐมนตรีว่ าการกระทรวงสาธารณสุ ขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติ ดต่อแห่งชาติได้ประกาศให้โรคติ ดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออั นตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่ อพ.ศ. 2558 และประเทศไทยได้ดำเนิ นมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อเฝ้ าระวังและควบคุมโรค นั้น
ปัจจุบันปรากฏว่าองค์การอนามั ยโลก (World Health Organization) ได้ประกาศยกระดับสถานการณ์แพร่ ระบาดดังกล่าวเป็นโรคระบาดทั่ วโลก (Pandemic) ดังนั้นเพื่อประโยชน์ สาธารณะในการป้องกั นและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้ นแก่ประชาชนภายในประเทศในวงกว้ างและเพื่อการกำกับดูแลการบิ นพลเรือนในภาวะจำเป็นให้ได้อย่ างทันท่วงที สำนักงานการบินพลเรือนแห่ งประเทศไทยจึ งออกประกาศแนวทางปฏิบัติสำหรั บผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ ทำการบินมายังประเทศไทย ดังนี้
🍎 ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบิ นพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่ งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนิ นการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้ บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจั กรที่เป็นเขตโรคติดต่ออั นตรายกรณีเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และพื้นที่มีการระบาดต่อเนื่อง ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม 2563
🍎 ผู้โดยสารที่จะเดินทางมายั งประเทศไทยต้องได้รับการแยกกัก กักกัน ควบคุมไว้สังเกต หรืออยู่ภายใต้มาตรการป้องกั นและควบคุมโรคติดต่ออย่างอื่ นตามที่พนักงานควบคุมโรคติดต่ อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่ างประเทศกำหนด
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้ บริการผู้โดยสารที่จะเดิ นทางมายังประเทศไทยดำเนินการคั ดกรองดังต่อไปนี้ ในเวลาที่ผู้โดยสารแสดงตัวเพื่ อออกบัตรขึ้นเครื่อง (Check-in)
(1) ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ (Health certificate) ที่ออกให้ โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ซึ่งยืนยันว่ามีการตรวจผู้ โดยสารแล้วไม่พบเชื้อไวรั สโคโรนา 2019 (COVID-19)
(2) ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ แสดงการคุ้มครองการรั กษาพยาบาลในประเทศไทยซึ่ งครอบคลุมถึงโรคติดเชื้อไวรั สโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ
🍎 ในกรณีที่ผู้โดยสารที่จะเดิ นทางมายังประเทศไทยเป็นผู้มีสั ญชาติไทยให้ผู้ดำเนินการเดิ นอากาศดำเนินการคัดกรองดังต่ อไปนี้
(1) ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ที่ยืนยั นว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดิ นทางทางอากาศ (Fit to fly)
(2) ตรวจสอบหนังสือรับรองการเดิ นทางกลับประเทศไทยที่สถานเอกอั ครราชทูตไทย สถานกงสุลใหญ่ หรือกระทรวงการต่างประเทศออกให้
หากพบว่าผู้โดยสารไม่ สามารถแสดงเอกสารหลักฐานตาม 3. หรือ 4. ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ให้ผู้ดำเนิ นการเดินอากาศปฏิเสธการขึ้นเครื่ องและงดการออกบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding pass)
เมื่อได้คัดกรองผู้โดยสารตาม 3. หรือ 4. และออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผู้ โดยสารแล้วให้ผู้ดำเนินการเดิ นอากาศจัดให้ผู้โดยสารกรอกข้อมู ลแสดงที่พักที่สามารถติดต่อได้ ในประเทศไทยตามแบบ ต.8 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 และยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุ มโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติ ดต่อระหว่างประเทศที่สนามบิ นปลายทางหรือกับข้อมูลใน Application “AOT Airport of Thailand”
🍎 ผู้ดำเนินการเดินอากาศควรใช้ มาตรการในการป้องกันโรคติดต่ อบนอากาศยาน ดังต่อไปนี้
(1) จัดที่นั่งผู้โดยสารให้มีระยะห่ างจากท่านมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ตั้งแต่เมื่อออกบัตรโดยสารและจั ดพื้นที่ในห้องโดยสารไว้สำหรั บเฝ้าระวังผู้โดยสารที่มี อาการไข้ไอ หรือเจ็บป่วย หากมีความจำเป็น
(2) แจ้งให้ผู้โดยสารทราบถึงวิธี การป้องกันโรคติดต่อและสวมหน้ ากากอนามัยตลอดเที่ยวบิน หรือจัดเตรียมอุปกรณ์อื่นที่ จำเป็นสำหรับการป้องกั นตนเองจากการติดต่อ
(3) พิจารณาจำกัดการให้บริการในห้ องโดยสาร เพื่อลดความจำเป็นในการเข้าใกล้ ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่ ประจำอากาศยานกับผู้โดยสาร
(4) กำหนดให้เจ้าหน้าที่ ประจำอากาศยานทุกคนสวมหน้ ากากอนามัย
เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยผู้ ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริ การขนส่งผู้โดยสารต้องดำเนิ นการฆ่าเชื้อหรื อทำความสะอาดอากาศยานตามมาตรฐาน ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่ อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่ างประเทศกำหนด
🍎เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่ อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่ างประเทศมีอำนาจออกคำสั่ งตามความในพระราชบัญญัติโรคติ ดต่อพ.ศ. 2558 ดังต่อไปนี้
(1) ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรื อออกจากอากาศยานที่เดินทางเข้ ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้ รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุ มโรคติดต่อประจําด่านควบคุ มโรคติดต่อระหว่างประเทศ และห้ามนําพาหนะอื่นใดเข้าเที ยบอากาศยานนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
(2) ดำเนินการหรือออกคําสั่งเป็นหนั งสือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดํ าเนินการ ดังต่อไปนี้
(ก) กําจัดความติดโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ ของโรค
(ข) จัดให้อากาศยานจอดอยู่ ณ สถานที่ที่กําหนดให้จนกว่าเจ้ าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจํ าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่ างประเทศจะอนุญาตให้ไปได้
(ค) ให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้ นรับการตรวจในทางแพทย์ และอาจให้แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกั นโรค ณ สถานที่และระยะเวลาที่กําหนด
ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการตาม 3., 4. หรือ 5. ผู้ดำเนินการเดินอากาศจะต้องเป็ นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้ เดินทางซึ่งมากับอากาศยานนั้น เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกั นโรคตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่ อระหว่างประเทศตามที่ กำหนดในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบั ติตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ ออันตรายและมาตรการป้องกั นและควบคุมโรคติดต่ออั นตรายตามที่กระทรวงสาธารณสุ ขประกาศกำหนดตามความในพระราชบั ญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยเคร่งครัด
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้ งแนวปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้ าที่ประจำสถานีต้นทางและเจ้าหน้ าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถื อปฏิบัติ และให้เจ้าหน้าที่ ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติ มบนอากาศยานให้ผู้ โดยสารทราบโดยทั่วกัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เวลา 00.00 น. ของประเทศไทย เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563
นายจุฬา สุขมานพ
ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรื อนแห่งประเทศไทย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น