ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้นำททท.ดัน2โปรเจ็กต์ใหญ่"เที่ยวปันสุข-กำลังใจ"ปลุกเที่ยวไทยหลังโควิดฟื้นเศรษฐกิจได้ทันที6หมื่นล้านบาท

เจาะลึกผู้นำททท.ดัน2โปรเจ็กต์ใหญ่“เที่ยวปันสุข-กำลังใจ”

ใส่งบ4พันล้านฟื้นฟูท่องเที่ยวทั่วไทยสะพัดทันที6หมื่นล้าน

คิงเพาเวอร์จัดใหญ่Luxury Brand Saleลด20%ถึง30มิ.ย.

ช้อปสนุกที่คิงเพาเวอร์Thank You Saleมหกรรมลด70%

ททท.อัดฉีดโครการตามล่าภาษาเที่ยวแจกกว่า1.5ล้านบาท

ททท.ผนึกTCEBปั้นโมเดลนำร่องเที่ยวไปประชุมไปทั่วไทย

บางจากงัดบริการนวัตกรรมใหม่ดิจิทัลเปย์เมนท์หลังโควิด

TCEBปลุกสมาร์ตไมซ์เปิดแนวรุกตลาดวิถีใหม่ครึ่งปีหลัง63

ถึงเวลาออกเที่ยวให้หายคิดถึงเมนูจานโปรดจันทบุรี-ระยอง

นายกฯลุงตู่ประกาศหนุนเต็มที่ไทยจับคู่ท่องเที่ยวต่างชาติ

ศบค.ปลดล็อกไมซ์-ดันไทยทำTravel Bubbleกับทั่วเอเชีย

ชำแหละเบื้องหลัง3EVPแค่1ปีครึ่งรับเงินเดือนรวม34ล้าน

 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #ทททเที่ยวปันสุขกำลังใจ #คิดถึงเมนูจานโปรดจันทบุรีระยอง  #คิงเพาเวอร์LuxuryBrandSale #ชำแหละ3EVPการบินไทยรับเงินเดือน34ล้าน

                          

                                 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถอดรหัสแผนขับเคลื่อนท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง เริ่ม กรกฎาคม-ตุลาคม นี้ ลุยขอใช้งบ พรก.ฉุกเฉินอัดฉีด 2 โปรเจ็กต์ “เที่ยวปันสุข-กำลังใจ” กระตุ้นคนไทยกับกลุ่ม อสม.รพ.สต ออกเดินทางช่วยฟื้นฟูเยียวยา “ผู้ประกอบการและจ้างแรงงานทั้งประเทศ” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจคืนชีพ เฉพาะเที่ยวปันสุขโปรเจ็กต์เดียวใช้เงินแค่ 4,000 ล้านบาท จะสามารถสร้างผลลัพธ์เงินหมุนเวียนกว่า 60,000 ล้านบาท สร้างความโปร่งใสใส่เงินตรงผ่านออนไลน์ไปยังกลุ่มเป้าหมายตั้งเป้ากระจายเม็ดเงินช่วยเหลือให้ทั่วถึงทุกธุรกิจและเพิ่มการจ้างงานทั้งอุตสาหกรรม ส่วนการแถลงแผนตลาด ททท. TATAP 2021 จะเลื่อนเป็นปลายปีเป็นของขวัญคริสต์มาสช่วงธ.ค.63 และงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย อาจรวบไปจัดใหญ่ทีเดียวปีหน้า 2564

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การวางแผนขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 2563 ถือเป็นกลไกของรัฐในการฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงตั้งแต่ไตรมาส 3 โดยใช้ท่องเที่ยวเป็นเสาหลัก ดังนั้นสิ่งที่จะทำต้องให้เกิดการเดินทางก่อน โดยต้องปลดล็อกการเดินทางเพราะตอนนี้ยังอยู่ในมาตรการด้านสาธารณสุขมีข้อจำกัด ผนวกกับต้องสร้างความรู้สึกให้คนกล้าอยากออกมาจากบ้านอีกครั้งหลังจากชินอยู่บ้านมาหลายเดือน สุดท้ายต้องมีแนวนโยบาย “กระตุ้น” คนออกมาเดินทาง โดยมุ่งเน้นไปยังการช่วยผู้ประกอบการเพื่อพยุงการจ้างงาน ผ่าน 2 โครงการ ที่กำลังเร่งทำรายละเอียดสรุปส่งพิจารณาตามขั้นตอนคือ “เที่ยวปันสุขกับกำลังใจ” ที่จะขอบคุณคนไทยทั้งประเทศและกลุ่มแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข โดยนำงบประมาณจาก พรก.เงินกู้ฉุกเฉินมาใช้นั้น

                                   

การนำเงินกู้ที่จะนำมาใช้สนับสนุนทั้ง 2 โครงการ ททท.ให้ความสำคัญสูงสุด ความโปร่งใส ธรรมาภิบาลที่ดี วัดผลและประสิทธิภาพ ที่เกิดขึ้น โดยจะต้องดูวิธีการก่อนคือ 1.การอุดหนุนเงินท่องเที่ยวผ่านวอลเลตทางดิจิทัลออนไลน์ ตรงเข้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย จึงสามารถตรวจสอบเส้นทางการใช้เงินได้ 2.ผลประโยชน์สุดท้ายจะตกอยู่กับผู้ประกอบการครบหรือไม่และกระจายอย่างทั่วถึงหรือไม่ เพราะความเดือดร้อนกระจายทั่วประเทศ อีกทั้งผลกระทบหนักหนาสาหัสมาก

อีกทั้งยังได้ประเมินผลตอบแทนการลงทุนจากทั้ง 2 โครงการ ตามปกติจะใส่ตัวเลขเม็ดเงินลงทุนกับผลลัพธ์ที่จะเกิดตัวเลขคูณทวีทางเศรษฐกิจในเชิงวิชาการ 2-3 เท่า หากดูตัวเลขจริงก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน กรณีเที่ยวปันสุข ค่าที่จะได้รับทางเศรษฐกิจจะได้ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท โดยจ่ายต้นทุนการใช้งบประมาณเพียงแค่ 4,000 ล้านบาทเท่านั้น ในการใส่เงินสนับสนุนไปยังผู้ประกอบการห้องพักโรงแรม แต่ทาง อสม. รพ.สต.จะให้ผ่านทางบริษัทตัวแทนนำเที่ยว โดยจะมีผู้ได้ประโยชน์ร่วมคือ มัคคุเทศก์ รถนำเที่ยว

ทั้งนี้ทั้ง 2 โครงการ คงจะไม่จำกัดผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่จะช่วยเหลือเยียวยาไม่เฉพาะ ห้องพัก โรงแรม เพียงกลุ่มเดียว แต่ยังมีร้านอาหาร สวนสนุก และครอบคลุมธุรกิจทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

แผนกระตุ้นการเดินทางตั้งแต่กรกฎาคม-ตุลาคม 2563 ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวปลายปีนี้ ตลอด 3 เดือนหน้าเมื่อสิ้นสุดโควิด-19 ต้นทุนการเดินทางอาจจะสูงขึ้น ดังนั้นททท.จะขับเคลื่อนเรื่องหลัก ๆ คือ 1.เข้าไปช่วยค่าพาหนะ หรือ ค่าที่พัก 2.การผลักดันกลยุทธ์สมัยใหม่ 3.มองกลุ่มสัมมนาให้เกิดการสัมมนาข้ามจังหวัด 4.กระตุ้นคนไทยที่เดินทางต่างประเทศ (outbound) หันกลับมาเที่ยวเมืองไทย 5.รุกเจาะกลุ่มสตรี ผู้สูงวัย อาจมีความเสี่ยงจากโควิดก็จริงแต่เมื่อเข้าสู่ New Normal แล้วก็จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 6.จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศ เน้นสร้างรายได้ให้ชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากเดินหน้าต่อไปได้

 

โครงการที่ ททท.จะนำมาใช้กระตุ้นคนในประเทศทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ (expat) ให้หันมาเที่ยวเมืองไทย ส่วนที่ 1 กลุ่มต่างชาติพำนักในไทยต้องนำกลับเข้ามาอยู่ในไทยก่อน เพราะช่วงโควิดหลายคนกลับประเทศไปแล้ว ตอนนี้กำลังศึกษาวิธีการทำ Travel Bubble จับคู่ประเทศที่เหมาะสมอันดับแรกสามารถเดินทางเข้ามาได้ ททท.กำลังหารือกับทางกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 (ศบค.) เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ

ส่วนที่ 2 เตรียมกระตุ้นตลาดประชุม สัมมนา และการจัดเตรียม 2 โครงการ คือ โครงการแรก “กำลังใจ” มอบให้กลุ่มบุคลากร อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งจนสามารถควบคุมสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไว้ได้เป็นอย่างดี ททท.มีโปรแกรมจัดทัศนศึกษาฟรี โครงการที่ 2 “เที่ยวปันสุข” กำลังหารือกระทรวงการคลัง อุดหนุนงบประมาณกลุ่มคนที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ จนควบคุมไวรัสโควิด-19 ไว้ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน จึงเตรียมขอบคุณด้วยแพกเกจท่องเที่ยว ซึ่งกำลังจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน นี้

 

สำหรับแพกเกจหรือแคมเปญ “เที่ยวปันสุขและกำลังใจ” นั้นมีความแตกต่างกันคือ “กำลังใจ” เป็นโครงการ “ขอบคุณ” บุคลาการการแพทย์ทั้ง อสม.และ รพ.สต.จัดทำเป็นโปรแกรมทัศนศึกษา รัฐบาลจะแจกฟรี ส่วน “เที่ยวปันสุข”รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณบางส่วนให้คนไทยบางส่วนไม่ใช่ทั้งประเทศ เพื่อออกไปเที่ยว การสนับสนุนงบบางส่วนก็เพื่อนำไป “ต่อลมหายใจ” ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2563 หากเป็นการช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวก็จะส่งผลไปถึงการจ้างงานในระบบได้ไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน ถ้าสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศช่วง 4 เดือนหน้า “กรกฎาคม-ตุลาคม” นี้ ก็จะช่วยพยุงธุรกิจไว้ได้ เพราะพอเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป จะเริ่มมีตลาดต่างประเทศเข้ามาแล้วต่อเนื่องถึงปี 2564

 

สำหรับหน่วยงานที่จะรับผิดชอบการจัดทำโครงการ “เที่ยวปันสุขและกำลังใจ” ตามนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คงแบ่งงานกันทำ คือ โครงการ “กำลังใจ” ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทางการแทพย์คงเป็นในส่วนของปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพกระจายไปยังสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (ทกจ.)ทั่วประเทศ เข้าไปดูแล อสม.และ รพ.สต. ส่วนโครงการ “เที่ยวปันสุข” ททท.ร่วมกับธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง ร่วมกันดำเนินงาน

 

รายละเอียดโครงการ “เที่ยวปันสุข” ที่กล่าวถึงการแจกคูปองสนับสนุนผ่านโรงแรม บริษัทนำเที่ยว และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มูลค่า 2,000-3,000 บาท/คน นั้น ถือเป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้น เพราะขณะนี้ทั้ง ททท. กระทรวงการคลัง ได้รับโจทย์ให้กลับมาทำการบ้านเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่คำนึงถึงคือ 1.กระจายความคุ้มค่า เพราะงบประมาณที่นำมาใช้เป็นเงินกู้ 2.ผู้รับประโยชน์ต้องกระจายให้อย่างทั่วถึง ข้อสรุปในเร็ววันนี้คงจะมีหลายรูปแบบ รวมถึงวงเงินอุดหนุนแต่ละคนด้วย ตามขั้นตอนจะต้องทำข้อสรุปส่งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป

 

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า การเริ่มขับเคลื่อนการท่องเที่ยวจะเริ่มตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปนั้น จะเน้นทำตามนโยบายของรัฐบาล 2 ส่วน คือ กระตุ้นการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว หากย้อนกลับไปมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐ เช่น คนไทยไม่ทิ้งกัน จะจบภายในมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นผมเห็นว่าน่าจะเป็นช่วยเหลือ “ผู้ประกอบการ” โครงการต่าง ๆ ก็จะเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

 

ส่วนแผนงานจัดประชุมตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2564 ซึ่งตามปกติจะต้องทำช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2563 ตอนนี้มีข้อจำกัดทางการเดินทาง ททท.ต่างประเทศทั่วโลกยังเดินทางมาไม่ได้ จึงใช้วิธีประชุมผ่านออนไลน์ เบื้องต้นคงจะต้องเลื่อนการแถลงแผนการตลาด (Thailand Tourism Action Plan 2021 :TATAP 2021) จากทุกปีเคยแถลงกรกฎาคมปีนี้จะนำไปเป็นของขวัญคริสต์มาสแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งอุตสาหกรรม จะแถลงแผน TATAP 2021 ได้ในช่วงธันวาคม 2563

 

ขณะที่ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2563” ปกติเคยจัดเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนมกราคมแล้วเลื่อนมา เนื่องจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนถึงขณะนี้มีข้อจำกัดที่จะต้องดูแลด้านความปลอดภัยในสุขอนามัยไม่ให้คนมารวมกลุ่มกันครั้งละจำนวนมาก ๆ ดังนั้นปีนี้อาจจะเลื่อนหรือยกเลิกไปจัดปี 2564 หวังว่าจะจัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่ออำลาไวรัสโควิด-19 ให้จากประเทศเราไปตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

 

ข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดใหญ่Luxury Brand Saleลด20%ถึง30มิ.ย.

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเป็นครั้งแรกแคมเปญที่จะทำให้ทุกคนมีโอกาสได้ช้อปสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำหรูในราคาดิวตี้ฟรี ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  ระหว่างวันนี้-30 มิถุนายน 2563 พบกับมหกรรม "King Power Luxury Brand Sale" ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้พาเหรดสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำให้เลือกช้อปทันที เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 20% พร้อมมีบริการส่งฟรีถึงบ้านด้วย

 

ไม่ต้องมีเที่ยวบิน ไม่ต้องกังวล ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ทุกอย่างจัดเตรียมมาตรฐานบริการการป้องกันดูแลไว้เป็นอย่างดี เดินเข้ามาช้อปได้เลยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ Contact Centre 1631

 

ข่าวที่ 2 ช้อปสนุกที่คิงเพาเวอร์Thank You Saleมหกรรมลด70%

 

            กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปสนั่นเมืองกับแคมเปญ THANK YOU SALE | Brand Of The Week Fashionโดยสามารถรับรหัสส่วนลดสามารถใช้ได้ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING POWER เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 10 – 16 มิถุนายน 2563 เท่านั้น ส่วนลดสินค้าสูงสุด 70% และเมื่อซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไปลดเพิ่มทันที 10% โดยไม่มียอดสั่งซื้อขั้นต่ำ

 

รายการส่งเสริมการขายนี้เฉพาะสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้เท่านั้น สินค้าร่วมจัดรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

 

สามารถรับสิทธิต่าง ๆ ได้ดังนี้

 

1.แบ่งชำระ 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ และนานสูงสุด 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

วิธีการสั่งซื้อสินค้าผ่อนชำระ >> คลิก ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ kingpower.com และทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลด

 

สำหรับรหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ E-Purse, E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท และโปรโมชั่นอื่นๆ

ไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมกับชุดคูปองเงินสด OBS บัตรสมาชิกทุกประเภทและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ

รหัสนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้

ส่วนสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้

 

ข่าวที่ 3 ททท.อัดฉีดโปรเจ็กต์ตามล่าภาษาเที่ยวแจกใหญ่กว่า1.5ล้านบาท

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้จัดทำ“โครงการ EASY ENGLISH-ตามล่าภาษาเที่ยว” กับสถาบัน เอ็ม อะคาเดมี่ เปิดให้พนักงานโรงแรม มัคคุเทศก์ บุคลาการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 10,000 คน ลงทะเบียนเรียนฟรีที่ www.easyenglish.m-academyonline.com ได้ตั้งแต่วันนี้-14 มิถุนายน 2563

 

เพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านภาษาแล้ว ยังจัดเพิ่มความสนุกให้ผู้เรียนมีโอกาสลุ้นรับรางวัล มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมของรางวัลต่าง ๆ อีกกว่า 5 แสนบาท โครงการนี้จะสร้างประโยชน์ให้แก่เป็นบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เป็นการช่วยเหลือ พัฒนาศักยภาพ ยกระดับทักษะภาษาอังกฤษตัวเองเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวเมื่อกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพิ่มช่องทางในการนำไปประกอบอาชีพ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเองหารายได้เพิ่มได้มากขึ้น

 

ททท.ตั้งเป้าหมายให้ผู้เรียนสามารถพูดภาษาเที่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ภายใน 2 เดือน และเพื่อให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ทำกิจกรรมด้านภาษาเพื่อนำไปพัฒนาทักษะให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

 

ส่วนขั้นตอน คือ กรอกข้อมูลส่วนตัว และส่งเอกสารยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้เข้าข่ายที่ได้รับสิทธิ์ในการเรียน Easy English ทางโครงการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์สอบ ร่วมทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษเบื้องต้น (Pre-Test) เพื่อคัดเลือกผู้เรียนระดับ Beginner จำนวน 1,200 คน และสอบวัดผลเพื่อชิงเงินรางวัล “สุดยอดนักล่าภาษาเที่ยว” 300 คนที่ได้คะแนนสูงสุด รับประกาศนียบัตรจากโครงการ โดยผู้ผ่านเกณฑ์ตามกำหนด โดย 10 คนสุดท้าย จะได้สิทธิ์เข้าร่วม “EASY ENGLISH Final Mission” เพื่อทำภารกิจตามล่าภาษาเที่ยวแบบสมจริง

 

ข่าวที่ 4 ททท.ผนึกTCEBปั้นโมเดลเที่ยวพร้อมจัดประชุมทั่วไทย


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการ ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ น.ส.วิชญา สุนทรศารทูล รองผู้อำนวยการสายงานบริหาร  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน./TCEB) และคณะผู้บริหาร ประชุมหารือทำแผนเชิงบูรณาการร่วมกันส่งเสริมฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและไมซ์ ผ่านการจัดกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ  ตลอดครึ่งปีหลัง 2563

 

พุ่งเป้าพัฒนาและสร้างแรงจูงใจ ด้วยการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในประเทศตามเส้นทางปลอดโรค ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐาน SHA นำร่องกลุ่มแรก ๆ  คือ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) กลุ่มนักเดินทางเชิงธุรกิจ (Business Traveler) สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวควบคู่การจัดกิจกรรมประชุมสัมมนา ในลักษณะได้รับรางวัลฟรีในการเดินทาง (Incentive) หรือทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ (CSR) และอื่นๆ เพื่อเป็นต้นแบบดึงดูดให้เกิดการเดินทางเพื่อประชุมสัมมนาในประเทศ

โครงการนี้จะตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย ระหว่าง ททท. สสปน. อพท. เพื่อขับเคลื่อนกิกรรมต่าง ๆ  รวมทั้งจะเชิญกลุ่มแพทย์จากกรมอนามัยเข้ามาร่วมงานด้วย

 

ข่าวที่ 5 บางจากงัดนวัตกรรมใหม่ดิจิทัลเปย์เมนท์บริการหลังโควิด-19

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่  บางจากได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พัฒนานวัตกรรมระบบรับชำระค่าสินค้าและบริการแบบอิเลคทรอนิกส์ (Bangchak Digital Payment) ภายใต้คอนเซ็ปต์ In-Car Fast & Trust Experiences  ดูแลลูกค้า ส่งมอบความ “จริงใจ ห่วงใย ปลอดภัย” Greenovative Experience เพื่อให้ลูกค้า นำนวัตกรรมระบบ Digital Payment มาใช้ในบริการชำระเงิน – สะสมคะแนน ครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทย ส่งมอบความ “จริงใจ ห่วงใย ปลอดภัย” ภายในเวลา 1 นาที

 

นำร่องให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก 2 แห่ง และตั้งเป้าทยอยขยายบริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 50 แห่ง ภายในเดือนมิถุนายน 2563

 

เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ได้นำร่องบริการดังกล่าวแล้ว ที่สาขาสุขุมวิท 62 และสาขาศรีนครินทร์ 1 ปัจจุบันได้ขยายบริการครอบคลุมการสะสมคะแนนของสมาชิกบางจากด้วย ทำให้บางจากเป็นรายแรก ในไทยที่ให้บริการแบบครบวงจรเรื่องการรับชำระเงินค่าน้ำมันได้ทั้ง QR Code ผ่าน Mobile Application ของทุกธนาคาร รวมทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต อีกทั้งยังสะสมคะแนนในเวลาเดียวกัน ผ่านเครื่อง Mobile EDC ที่เชื่อมโยงกับระบบสมาชิกบางจาก ซึ่งสามารถแสดงยอดเงินที่ต้องชำระ จำนวนน้ำมันที่เติม และจำนวนคะแนนสะสม โดยลูกค้าต้องนั่งอยู่ในรถขณะให้บริการได้

 

ข่าวที่ 6 TCEBปลุกสมาร์ตไมซ์ขานรับตลาดวิถีใหม่ครึ่งปีหลัง’63

 

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า TCEB วางแผนรองรับสถานการณ์โควิด-19 ไว้ 3 เฟส เพื่อที่จะทำให้เกิด SMART MICE เต็มรูปแบบภายหลังไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง แล้วรัฐบาลประเทศให้อุตสาหกรรมไมซ์ทั่วประเทศกลับมาฟื้นฟูธุรกิจได้พร้อม ๆ กัน

 

ตอนนี้อยู่ในเฟสการตอบสนองเยียวยา ต่อเนื่องจากเฟส1-2 ได้ตั้งศูนย์ข้อมูลไมซ์เป็นแห่งเดียวอัพเดทข้อมูลสาธารณสุข ตามแนวปฏิบัติ 2 แนวทาง คือ ใช้เทคโนโลยี face to face online ปรับเพิ่มทักษะด้วย e-learning และมาตรฐานความปลอดภัยสุขอนามัย ทำโครงการ “ประชุมปลอดภัย ไร้โควิด” สนับสนุนเงินงบประมาณเอกชนไมซ์ 30,000 บาท/ราย รวมถึงทำงานร่วม สวทช.DEPA เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา และ ร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19(ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข จัดทำคู่มือปฏิบัติ โดยจะพยายามไม่ให้การจัดงานไมซ์กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ แต่จะให้กระจายไปยังเมืองไมซ์ ซิตี้  ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และเมืองอื่น  ๆ ที่กำลังทยอยประกาศเป็นเมืองไมซ์ ซิตี้

                      นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ 

รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรมTCEB

                ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ ทีเส็บ ร่วมกับภาคเอกชน ภาครัฐ ประมวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจหายไปจากอุตสาหกรรมไมซ์พอสมควร เมื่อวงจรการผ่อนปรนกลับมาเร็วธุรกิจก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการ สถานที่จัดประชุมทั่วประเทศเองก็พร้อมจัดงานแล้ว

 

อีกทั้งในวิกฤตครั้งไมซ์ยังคงมีโอกาสทางธุรกิจเหลืออยู่ ตามคาดการณ์หากเปิดล็อกดาวน์ได้ตั้งแต่พฤษภาคม 2563-ต้นปี 2564 มีงานจัดประชุมรออยู่กว่า 1,000 งาน จากการสอบถามโรงแรม ศูนย์ประชุม ซึ่งเลื่อนจัดแล้วเริ่มกลับมาจองใหม่ จำนนงานมากที่สุดคือ การจัดประชุม แสดงสินค้า จัดอีเวนต์

 

ดังนั้นการพัฒนาไมซ์วิถีใหม่ New Normal จึงขอกล่าวถึงเรื่อง 1.Smart Mice ทั้งดิจิทัล แอพลิเคชั่น กับนวัตกรรมใหม่ ๆ ช่วงต่างชาติเดินทางเข้าไม่ได้ หรือคนไทยยังเดินทางได้ไม่มาก 2.ไมซ์ถูกสุขอนามัยและมาตรฐานสร้างความมั่นใจให้คนมาใช้บริการ 3.Content Economy ต้องเน้นการสร้างประสบการณ์ชุมชนท้องถิ่น การได้รับผ่อนปรนจัดงานในพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร เร็ว ๆ นี้ไมซ์จะได้รับการผ่อนปรนเต็มรูปแบบ 4.การนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพไมซ์

 

ส่วนการทำ “ตลาดต่างประเทศ” ไทยพร้อมแต่ต่างชาติอาจจะยังไม่พร้อม แต่ทีเส็บได้ทำกิจกรรมต่อเนื่องเพราะคู่แข่งอาเซียน เอเชีย ก็พยายามช่วงชิงกันอย่างมาก จึงวางแผนจะทำโร้ดโชว์คิดทำแคมเปญไว้แล้ว

 

ทางด้าน“ตลาดในประเทศ” จัดงานกระตุ้น มาตรฐานสถานที่ และผู้ประกอบการ อยู่อย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์การเจาะตลาดไทยช่วยไทย โดยทำแคมเปญโครงการ “ไมซ์ทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ” จะเริ่มตั้งแต่กรกฎาคม 2563 กลับมาเปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” รณรงค์ทั่วประเทศทั้งภาครัฐ เอกชน ลุกขึ้นมาจัดประชุม ดูงาน ตามสถานที่ต่าง ๆ โดยทีเส็บจะให้เงินสนับสนุนผ่านช่องทาง โรงแรม DMC อัดฉีดในภูมิภาคกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เกษตร อาหาร เพื่อให้คนเข้าไปดูงาน

 

โดยเฉพาะงานแสดงสินค้ากระจายทั่วทุกภูมิภาค การจัดประชุมอย่างไรให้ปลอดภัย เพื่อให้นำมาตรฐานของกรมอนามัยไปใช้ เดิมแคมเปญนี้จะจบเดือนมิถุนายนนี้ แต่กำลังต่ออายุออกไป แล้วตอนนี้ก็ทำงานร่วมกับทางสถาบันการศึกษา144 แห่ง ร่วมทำงาน Job Fair หางานและสถานที่ฝึกงานให้นักศึกษาจบใหม่มีโอกาสเข้ามาเลือกงานตามต้องการ

 

สำหรับสถิติที่ TCEB นำทีมสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์เข้าประเทศ ตลอดปี 2562 มูลค่ารวม 210,000 ล้านบาท สร้างผลลัพธ์ในระบบเศรษฐกิจ (economic impact) 559,840 ล้านบาท (ไมซ์ในประเทศ 279,330 ล้านบาท ไมซ์ต่างประเทศ 280,510 ล้านบาท) คิดเป็น 3.27 % ของจีดีพีประเทศ จ้างงาน 321,918 อัตรา

 

                ช่วงที่ 2 ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวให้หายคิดถึงกันได้แล้ว กับเส้นทาง “คิดถึงเมนูจานโปรด@ตะวันออกจันทบุรี/ระยอง” สวนผลไม้ ร้านอาหาร และทะเล สวย ๆ รอต้อนรับคนไทยทุกคน มาได้เลยวันไหนก็ได้ รับฟังข่าวฮ็อต ๆ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประกาศลั่นนโยบายหนุนท่องเที่ยวจับคู่เปิดตลาดต่างประเทศ ด้าน “ศบค.” เด้งรับเปิดรายชื่อประเทศที่พร้อมจับคู่ส่งเสริมท่องเที่ยวกับไทยในแบบ Travel Bubble ส่งท้ายด้วยเรื่อง “ชำแหละ 3EVPการบินไทย” แค่ 1 ปีครึ่งฟันค่าจ้างรวมกันกว่า 34 ล้านบาท

 ออกเดินทางเที่ยวให้หายคิดถึงเมนูจานโปรดจันทบุรี-ระยอง

 

                                                  วิบูลย์ นิมิตรวานิช 

               ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ทันทีที่รัฐบาลคลายล็อกดาวน์การเดินทางข้ามจังหวัดได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออก ก็วางแผนนำร่องแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว “คิดถึง เมนูจานโปรด@ตะวันออกจันทบุรี/ระยอง” ตามเส้นทางสวนผลไม้ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวคิดถึงมาก ตอนนี้สามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมได้แล้ว โดยขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย สวมหน้ากากอนามัย คัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ สแกน QR CODE “ไทยชนะ” ใช้เจลล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม เมื่อเข้าไปใช้บริการตามสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สวนผลไม้ ในแบบ New Normal วิถีชีวิตใหม่หลังโควิด-19 ด้วยคอนเซ็ปต์ “คิดถึง-ไปให้ถึง”

 

                ขณะนี้ “ระยอง” มีสวนผลไม้ทยอยเปิดให้บริการอย่างสวนขนาดใหญ่ “สุภัทราแลนด์” ในตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย พื้นที่ 800 ไร่ ปลูกผลไม้มากกว่า 24 ชนิด สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ช่วงมิถุนายนนี้เปิด “บุฟเฟต์ผลไม้” ราคาคนไทย 550 บาท/คน ต่างชาติ 600 บาท/คน สามารถกินทุเรียนได้ไม่อั้น เมื่อเข้าไปแล้วอยู่ได้ทั้งวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น จะมีรถรางบริการนำชมสวนซึ่งแบ่งโซนปลูก เช่น ทุเรียน 200 ไร่ เงาะ 80 ไร่ ลองกอง 40 ไร่ สลับกับผลไม้ชนิดต่าง ๆ เมื่อทุเรียนช่วงปลายฤดูหากซื้อแบบชั่งตามน้ำหนัก พันธุ์หมอนทอง ราคาเฉลี่ย 150 บาท/กิโลกรัม ส่วนสละเป็นผลไม้ที่มีให้กินได้ตลอดทั้งปี

 

                เดินทางต่อมาถึง “สวนมีสบาย” ตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง “เกรียงศักดิ์ มีสบาย” เจ้าของเล่าว่าทำสวนแบบพอเพียงด้วยพื้นที่ปลูกเพียง 18 ไร่ กระจายเป็น 3 แปลง มีชื่อเสียงโด่งดังคว้ารางวัลชนะเลิศทุเรียนพันธุ์หมอนทองมาแล้ว ปีนี้ทำผลผลิตได้ 20 ตัน ถึงจะเจอโควิดก็ยังขายได้ราคาดีช่วงต้นฤดูเดือนเมษายน 200บาท/กิโลกรัม พฤษภาคม-ต้นเดือนมิถุนายนนี้ ขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 150 บาท/กิโลกรัม ประเมินภาพรวมแล้วเมื่อ ททท.ภูมิภาคตะวันออก และสำนักงานระยอง เข้ามาช่วยโปรโมตท่องเที่ยวสวนผลไม้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้เป็นกอบกำ และขอให้ ททท.สนับสนุนชาวสวนในระยองต่อไป

 

เสร็จจากเมนูจานโปรด กินทุเรียนและผลไม้ตามสวนต่าง ๆ แล้ว ก็คิดถึง “เมนูอาหาร” ผอ.อัครวิชย์ แนะนำร้าน “ครัวบ้านเรา” อยู่ติดเวิ้งทะเล ตำบลและอำเภอนิคมพัฒนา ใกล้เทศบาลนครระยอง เป็นร้านต้นตำรับ “เมนูปลา” สารพัดชนิดอร่อยทุกจาน ตั้งแต่ปลาสับผัดมะระ ปลาอินทรีย์ทอด ต้มส้มปลา และมีอาหารชนิดอื่น ๆ ให้เลือกลิ้มชิมรสอร่อยไม่แพ้กัน

 

                                                                                            นายเกรียงศํกดิ์ มีสบาย เจ้าของสวนมีสบาย จ.ระยอง

ได้เวลาเดินทางข้ามจังหวัดจากระยองมุ่งหน้าสู่ “จันทบุรี” ปักหมุดแรกยามเย็นตรงหาดคุ้งวิมานที่ร้าน “Light House Bar & Grill” ด้านหน้าเป็นร้านคาเฟ่เก๋ ๆ วิวทะเลสวยอากาศสดชื่น สามารถสั่งเครื่องดื่มแบบชิค ๆ เมนูซิกเนเจอร์คือ “สามกษัตริย์” ชา-กาแฟ-ครีม ชั้น 2 เป็นร้านอาหารเมนูสารพัดไทยฟิวชั่น เช่น แกงเขียวหวานปลาแซลม่อน ต้มยำ ผัดผัก และอีกหลากหลาย แต่เมนูอินเตอร์จานเด็ดแนะนำให้สั่งคือ “พิซซ่าทะเล” กรอบบางนุ่มรสชาติกลมกล่อม

 

บรรยากาศของ "เป็นกกี้ โคฟ รีสอร์ต" ที่นำต้นแบบหมู่บ้านชาวประมงในแคนาดา 
มาสร้างเป็นที่พักบริเวณคุ้งพิมาน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

อนุสิทธิ์หรือชุบ สหะโชค” นักธุรกิจวัย 30 ปีเจ้าของ “Light House Bar & Grill” พาเดินไปชมด้านหลังในอาณาจักรที่พักราว 10 ไร่ ทุ่มทุนกว่า 100 ล้านบาท ได้แนวคิดต้นแบบมาจากบ้านชาวประมงในแคนาดานำมาเนรมิตเป็น “เป็กกี้ โคฟ รีสอร์ท :Fishermen Village” มีทั้งหมด 68 ห้อง ดีไซน์อาคารแต่ละหลังเป็นบ้านชาวประมงด้วยการเลือกใช้โทน 4 สี คือ แดง เหลือง ฟ้า เทา ส่วนพื้นที่ออกแบบเป็นลากูนลัดเลาะถึงบ้านทุกหลัง แต่ละหลังก็มีห้องพักจำนวนต่างกัน

พอรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ท่องเที่ยวทาง “เป็กกี้ โคฟ รีสอร์ท” จึงทำราคาโปรโมชั่นให้จองทางออนไลน์ www.peggyscoveresort.com ภายใน 30 มิถุนายน นี้ จ่ายแค่ 2,000 บาท/ห้อง/คืน พักได้ห้องละ 2 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ

 

ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่วัยราว ๆ 30 ปีจะยกครอบครัวมาพักผ่อนที่ เป็กกี้ โคฟ รีสอร์ต เต็มตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเฉพาะวันหยุด ส่วนวันธรรมดาจันทร์-พฤหัสบดี ยังมีห้องว่างให้พักแบบสบาย ๆ

 

                จันทบุรี” เป็นเมืองมหานครสวนผลไม้ ที่จะต้องไปให้หายคิดถึงอีกแห่งคือ “เค พี การ์เด้น” ตำบลวังแซ้ม อำเภอมะขาม ของ “คุณปุ้ย-อภิรดี ศิริวิจิตรกุล” ที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจันทบุรี และกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี รับมรดกจากครอบครัวทำสวน 50 ไร่ มากว่า 30 ปี เน้นการปลูกแบบผสมผสานโปร่งโล่ง มีลองกอง มังคุด เงาะ ทุเรียน ซึ่งกำลังนำหมอนทองปลูกเพิ่มอีก 200 ต้น เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวฤดูกาลหน้าปี 2564

 

ตอนนี้หากจะไปเยี่ยมชมเรียนรู้ ศึกษาดูงานที่ “สวน เค พี การ์เด้น” ติดต่อไปล่วงหน้าก่อนได้ที่ 086-566-2419 หรืออีเมล saleskpgrand@hotmail.com  เพราะปีนี้ผลไม้ทุกชนิดวายหมดรุ่นแล้ว แต่เครือข่ายของเค พี การ์เด้น ยังมีบริการอื่น ๆ ในฐานะผู้นำชุมชน “ริมคลองหนองบัว” ต้นตำรับขนมแปลกริมน้ำ รวมทั้งมีโรงแรม แกรนด์ จันทบุรี ร้านขายพลอยชื่อดัง เคพี จิวเวลรี่ เซ็นเตอร์ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติ

 

                                             ศาลพระเจ้าตากสิน บริเวณอู่ต่อเรือ จังหวัดจันทบุรี

ระหว่างทางก็แวะ “อู่ต่อเรือพระเจ้าตากสิน” ตรงบริเวณบ้านเสม็ดงาม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางประวัติศาสตร์เมืองจันทบุรี นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะกราบไหว้ และขอในสิ่งที่ต้องการ ส่วนมากก็จะประสบความสำเร็จกันในหลาย ๆ เรื่อง

 

สำหรับร้านอาหาร “บางมะนาว” ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง อยู่ติดทะเลด้านหลังแหลมสิงห์ วิวทิวทัศน์สวยงามดี เป็นสุดยอดของเมนูอาหารทะเลรสแซบจัดจ้านถูกปากคนไทย ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา สารพัดอย่าง กินกันแบบไม่ยั้งจนอิ่มแปร้ แล้วก็ลุกไปเดินเลียบชายหาดสักพักเพื่อย่อยจะได้มาสั่งเมนูอาหารหวานอีกสักรอบ

                         

อำลาความคิดถึง กันตรงร้าน “ป้าแกลบ-วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี” ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปโดยเฉพาะทุเรียนทอด ทุเรียนอบแห้ง ผัดไทยเส้นจันท์ ของกิน ของฝาก ขายราคาย่อมเยา ช่องทางการซื้อมีทั้งบริการหน้าร้านและสั่งออนไลน์ส่งถึงบ้านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ :ป้าแกลบของดีเมืองจันท์ เข้าไปดูก่อนทางทางเว็บไซต์ก็มีที่ www.paglaeb.com, www.snackandsweets.com

 

ออกไปเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง แล้วไปให้ถึง ในทุกสถานที่ที่อยากไป เดินทางตามวิถีชีวิตใหม่ New Normal เพื่อไป More Fun ตะวันออก ทั้งในระยอง และจันทบุรี ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก นายกฯประกาศหนุนเต็มที่ไทยจับคู่ท่องเที่ยวนำเข้าต่างชาติ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563 ระบุว่า เรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมอบนโยบายให้เตรียมการท่องเที่ยวด้านสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการ การนำตลาดต่างประเทศมาไทยจะพิจารณาจากประเทศที่ไม่มีปัญหา แล้วดำเนินการเลือกกลุ่มเฉพาะที่สามารถดูแลได้ทางด้านสุขภาพ (Health tourism) ขณะที่การจัดสรรงบประมาณจะไม่ได้ทำเฉพาะเยียวยาโควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่วางนโยบายมองไปข้างหน้าจะทำอย่างไรไม่เกิดปัญหาทับซ้อน ซึ่งจะต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะโลกหลายภูมิภาคก็มีปัญหา เราอย่านำมาพันกันมั่วจนแก้ไขไม่ได้ ขอให้สื่อนำเสนอข่าวดี ๆ บ้าง สิ่งที่ไม่ดีก็จะแก้ไข ตรวจสอบ ให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดตามกรอบอำนาจ

                ส่วนเรื่องวิสาหกิจก็ต้องแก้ไขวันนี้ก็มีรายงานแผนฟื้นฟูการบินไทย เสนอเพื่อทราบฟื้นฟู ขสมก.ทำอย่างไรจึงจะอยู่ได้ จะเอาปัญหามาแล้วแก้ไขปั๊บ ๆ ๆ มันทำไม่ได้อย่างนั้น ต่อไปจะทำค่าโดยสาร ขสมก.ราคาเดียว ทุกอย่างรัฐบาลมุ่งหวังในการทำงานมา 1 ปี ทุกฝ่ายต้องปรับตัว เพื่อให้รัฐเดินหน้าตามกฎหมาย หาตรงกลางให้เจอแล้วเดินหน้าไปด้วยกัน

ข่าวที่สอง ศบค.ปลดล็อกไมซ์-ท่องเที่ยวส่งเสริมทำTravel Bubbleไทย-เอเชีย

นายแพทย์ทวีสิน วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณืการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ในวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอ ศบค.อนุญาตเรื่องแนวทางการเปิดประเทศท่องเที่ยวอย่างจำกัดหรือ Travel Bubble หลักการคือ มีบางเมือง ในบางประเทศ พิจารณากันแล้วมีมาตรฐานการควบคุมป้องกันแพร่ระบาดใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์-มาเลเซีย ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งทางประเทศไทยเองก็สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน ภายใต้เงื่อนไข

1.ต้องควบคุมโรคได้ดี ตรวจเชื้ออย่างเข้มงวดตั้งแต่ก่อนออกนอกประเทศ จนมาถึงประเทศเรา ต้องซื้อประกันสุขภาพ สิ่งสำคัญคือความกังวลเรื่องการถูกกักกัน แต่จะต้องมั่นใจก่อนว่าเมื่อเดินทางเข้ามาไม่มีเชื้อ มาเพื่อวัตถุประสงค์ ท่องเที่ยว ทำธุรกิจ เช่น มาตีกอล์ฟ โดยมีโรงแรมที่มีพื้นที่ให้พักอาศัยเฉพาะบริเวณที่กำหนด แล้วเมื่อเช็คเอาท์ออกไปแล้ว สามารถติดตามได้ทุกคน

 

เป็นแผนงานที่วางไว้ในระหว่างการประชุม ศบค.วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 โดยหารือกัน 1.พื้นที่ปิด Seal Area 2.พื้นที่มีบริการครบวงจรได้การรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 

โดยมี “ตลาดเป้าหมาย”  2 กลุ่มหลัก คือ 1.นักธุรกิจ ซึ่งมีศักยภาพสูงมีระบบการวางแผนเดินทางอย่างเป็นขั้นตอน และมีหนังสือรับรองจากบริษัท 2.กลุ่มเดินทางมาเพื่อรักษาสุขภาพ Health Tourism มีความพร้อมใช้เงินสูง มีประวัติการรักษา หนังสือรับรองจากโรงพยาบาล มีองค์ประกอบที่สร้างความมั่นใจว่าเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยในการเดินทาง

ส่วน”ประเทศเป้าหมาย”  ได้แก่ จีน มาเก๊า ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน สสป.ลาว เมียนมา กัมพูชา ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ซึ่งทาง ผอ.ศบค.เห็นชอบในหลักการ แต่จะต้องไปตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อหาข้อสรุปและทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะพอเข้ามาแล้วเกิดรายได้แต่ก็ต้องมั่นใจจะต้องไม่นำโรคเข้ามาแพร่เชื้อ จึงต้องไปหารือ รายละเอียดมาตรการแล้วนำกลับเข้ามาหารืออีกครั้ง

มาตรการผ่อนคลายเฟส 4 ข่าวดี เรื่องแรก ตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2563 ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถาน แต่ควบคุมการเดินทางเข้าประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ เพราะคนติดเชื้อยังคงมาจากต่างประเทศ

โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัด สามารถทำได้ตามปกติ “ผู้โดยสารเครื่องบิน” เนื่องจากมีระบบปรับอากาศที่พร้อมบริการและตามหลักหากจะติดเชื้อต้องใช้เวลาเกินกว่า 2 ชั่วโมง จึงอนุญาตแต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วน“รถโดยสาร” ต้องเว้นระยะให้บริการได้ 70 % จากนี้ไปจะออกเป็นข้อกำหนด

ทั้งนี้โรงเรียน สถาบันการศึกษา  การอบรม สัมมนา ตามสถานที่หน่วยงานรัฐต่าง ๆ และกิจการที่ผ่อนคลาย สามารถดำเนินการได้ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบ 2 ส่วน ได้แก่

1.เศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต 5 ด้าน 1) การจัดประชุม อบรม สัมมนา นิทรรศการ งานพิธี จัดเลี้ยง นาฎศิลป์ คอนเสิร์ต โรงมหสพ โรงแรม กีฬา จัดได้แล้ว เฉลี่ยระยะห่าง 5 ตารางเมตร/คน โดยจะต้องดูแลเรื่องความแออัดหนาแน่น 2) เครื่องดื่มให้สามารถทำได้โดยนั่งดื่ม ยกเว้น สถานบริการ บันเทิง ผับบาร์ โรงเบียร์ไม่ให้เปิดตอนนี้ 3)สถานดูแลเด็กเล็ก คนสูงวัย สถานสงเคราะห์ รายวันต่าง ๆ เปิดได้แล้วทั้งหมด แต่จะต้องมีมาตรการเสริมคัดกรอง ส่วนท้องฟ้าจำลองเข้าเป็นกลุ่ม เป็นรอบ ได้ กองถ่ายภาพยนต์ได้ครั้งละ 150 คน มีผู้ชมได้ไม่เกิน 50 คน

2.สันทนาการ สปา นวด ต่าง ๆ ยกเว้นพวกอาบน้ำอย่างอาบอบนวด 1) ส่วนที่อนุญาตให้เปิดต้องแยกบริการแบบห้องเดี่ยว หรือหากเป็นห้องรวมต้องจำกัดคนเข้าไปใช้ต่อรอบ 2)การออกกำลังกายสาธารณะ ได้ไม่เกิน 50 คน 3) สวนน้ำ สวนสนุก ยกเว้นเครื่องเล่นที่มีผิวสัมผัสมาก บ้านลม เด็กจะมีปนเปื้อนได้ สนามกีฬา ลานกีฬา เพื่อการเรียนการสอนทุกประเภท ตู้เกมในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าเปิดได้

โดยที่ประชุมได้มีข้อมาตการควบคุมทุกิจการที่ได้รับอนุญาตจาก ศบค.ให้เปิดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด 9 กิจกรรม  ประกอบด้วย 1.ทำความสะอาดบริเวณผิวสัมผัสร่วม ห้องน้ำก่อน-หลัง กิจกรรม 2.กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน 3.สวมหน้ากากอนามัย 4.ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยทั้งก่อนและหลังกิจกรรม 5.ลงทะเบียนยืนยันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 6.ควบคุมการเข้า-ออก 7.ลงทุนะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” 8.จำนวนผู้ดูแลตามมาตรฐานที่กำหนด 9.จุดล้างมือมีบริการเพียงพอ

ข่าวที่สาม ชำแหละเบื้องหลัง3EVPปีครึ่งรับเงินเดือนรวมกันกว่า34ล้าน

หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่ พร.บ.ล้มละลาย พร้อม ๆ กับแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ นำทีมโดย นายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค เข้าไปจัดกระบวนทัพธุรกิจสายการบินแห่งชาติใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง

ระหว่างนี้ก็มีข้อมูลสะท้อนความอึดอัดใจของพนักงานต่อฝ่ายบริหารชุดปัจจุบัน เล็ดรอดออกมาจากการบินไทย โดยเฉพาะ "รายได้" ของฝ่ายบริหารระดับ Execlutive Vice President : EVP ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งก่อนและหลังการบินไทยล้มละลายคามือ ทั้ง ๆ ที่ รับค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการสูงกว่าพนักงานหลายสิบเท่า แต่กลับยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้

ข้อมูลที่ปรากฎสอดคล้องกับที่ "นายพีระพันธุ์" เคยให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า รายได้ของ EVP การบินไทยขนาดลดเงินเดือนแล้ว 50% ยังต้องจ่ายเกินกว่า 200,000 บาท/คน/เดือน ดังนั้นจึงไม่ควรไปลดเงินพนักงานที่มีเงินเดือนน้อยอยู่แล้ว หากจะลดก็ควรจะคงไว้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท/คน/เดือน เพื่อให้พวกเขาดำรงชีพอยู่ได้

ล่าสุด EVP การบินไทยที่ถูกจับตามองมากที่สุดหลังบริษัทล้มละลาย 3 ตำแหน่ง เนื่องจากมีค่าจ้างเงินที่ได้รับจากการบินไทยภายในเวลา 1 ปีครึ่ง หรือเพียง 18 เดือน จำนวน 3 คน รวมกันแล้วสูงถึง 34 ล้านบาท ซึ่ง EVP ส่วนใหญ่เซนต์สัญญาจ้างในยุคของ "นางอุษณีย์ แสงสิงห์แก้ว" ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(DD) ประกอบด้วย

1.รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝายการพานิชย์ (DN) "นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ " ลาออกจากการบินไทยเพื่อลงสมัคร DN เมื่อช่วงปี 2561 จากนั้นก็เซนต์สัญญาจ้างเข้ามาใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา ในช่วงเวลา 18 เดือน รับค่าจ้างไปแล้วกว่า 12 ล้านบาท

2.รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (DB) "นางสุวิมล บัวเลิศ" ลาออกจากการเป็นพนักงานการบินไทย แล้วไปตั้ง บริษัท วิงสแปน จำกัด จากนั้นกลับเข้ามาเซนต์สัญญาจ้างเป็น DB และประธานวิงสแปน ตั้งแต่ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา ในช่วง 1 ปีครึ่ง หรือ 18 เดือน นี้ รับค่าจ้างไปแล้วกว่า 12 ล้านบาท

3.รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี (DE)  เป็นบุคคลภายนอกมาจากพนักงานอาวุโสธนาคารกรุงเทพ "นายณัฐพงค์ สมิตอำไพพิศาล" เซนต์สัญจ้าง ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 จนถึงเดือนมีนาคม 2563 รวม 13 เดือน รับเงินเดือนค่าจ้างไปแล้วเกือบ 10 ล้าน

โดยแต่ละคนได้รับเงินคนละ 650,000-700,000 บาท/เดือน  ส่วนเงินสวัสดิการเฉพาะ ค่ารถและน้ำมันรถเพียงรายการเดียว อีกคนละ 75,000 บาท/เดือน

ขณะนี้มีคำถามดัง ๆ จากคนในการบินไทยด้วยกัน ส่งเสียงออกมายังสาธารณะว่า ถึงแม้จะลดเงินเดือน EVP การบินไทยลงไป 50 % ท่ามกลางการแก้ปัญหาที่ยังไม่เห็นขีดความสามารถใหม่ ๆ ของ EVP เหล่านี้ อีกทั้งเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องก็ร่อยหรอลงทุกที

แล้วบอร์ดจะยังมีความจำเป็นต้องจ้าง EVP การบินไทย ไว้ต่อไปอีกหรือไม่ !?

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai