ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ลุยจัดทัพท่องเที่ยว4โปรเจ็กต์กู้เศรษฐกิจชาติปลายปี64ฟื้นแบบV-SHAPE จ่อโกยต่างชาติเกิน2ล้านคน/เดือนเร่งเปิดใหม่อันซีนนิวซีรีย์+อะเมซิ่ง25เส้นทาง

ททท.ลุยจัดทัพท่องเที่ยว4โปรเจ็กต์กู้เศรษฐกิจชาติปลายปี64ฟื้นแบบV-SHAPE

จ่อโกยต่างชาติเกิน2ล้านคน/เดือนเร่งเปิดใหม่อันซีนนิวซีรีย์+อะเมซิ่ง25เส้นทาง

มาด่วนชัอปมันส์กินฟิน!!ที่คิงเพาเวอร์ศรีวารีอร่อยกับสตรีทฟู้ด/มิชลิน/ฟู้ดทรัค

คิงเพาเวอร์ลดกระหน่ำ“ONCE UPON A MONTH”วันนี้-31มี.ค.พิเศษสุดๆ50%

รีบเลย!!คิงเพาเวอร์ศรีวารีจัดช้อปกระเป๋าแบรนด์เนมให้ส่วนลดเหลือครึ่งราคา

3รัฐมนตรีกอดคอหนุนททท.ขายสินค้าท่องเที่ยวWATนำร่องทั่วไทย15จังหวัด

ททท.ตราดบูมท่องเที่ยว2กิจกรรมเที่ยวสนุกแจกค่าน้ำมัน300บ.+ตราดเต็มสุข”

TCEBอัดฉีดใหญ่MICE INNOVATIONท็อปอัพเงินสมทบไมซ์ไฮเทค1-5แสนบ.

เที่ยวตราด!!อะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม“ดูกวางธรรมชาติเกาะกระดาด-ดำน้ำเกาะกูด”

องค์การอนามัยโลก-สสส.ชวนคนไทยดูแลสุขภาพต้องกินผักผลไม้5สี400กรัม

บางจากไอเดียเก๋ดีไซน์ปั๊มเที่ยวไทยสไตล์เมืองนอกรับสงกรานต์5ปั๊ม5จังหวัด

รมว.พิพัฒน์ดัน”ภูเก็ต-พัทยา”นำร่องโมเดลSANDBOXรับทัวร์ต่างชาติ ก.ค.64

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #ททท  #UnseenNewSeries #ช้อปมันส์กินฟินเช็คอินคิงเพาเวอร์ศรีวารี  

ฟังLiveสดจากลิงค์นี้ https://www.facebook.com/watch/?v=275084950740354

ช่วงที่ 1 ขานรับข่าวดีกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแผนปฏิบัติการครึ่งปีหลังฟื้นตลาดแบบ V-SHAPE ตามเป้าทัวร์ไทย 160 ล้านคน-ครั้ง และต่างชาติ 6.5 ล้านคน เริ่ม พ.ค.นี้ ด้วย 4 โปรเจ็กต์ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3-ทัวร์เที่ยวไทย” ดึงคนเที่ยวได้ทุกวันทั้งโลว์และกรีนซีซันผนวก 2 โปรเจ็กต์ใหม่ Unseen New Series” เฟ้นหาสินค้าท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม 5 ภูมิภาค 25 เส้นทาง  พร้อมลุยใช้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โมเดล” นำเข้าต่างชาติแบบไม่กักตัว เริ่ม 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หลังพิงไทม์ไลน์รัฐบาลไฟเขียวให้ทดลองทำตั้งแต่เม.ย.นี้เป็นต้นไป หวังชวนทั่วโลกมาไทยสูงกว่าเดือนละ 2 ล้านคน



ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกันสามารถเที่ยวได้ทั้งวันหยุดและวันธรรมดา รวมถึงอุดช่องว่างช่วงโลว์ซีซันกับกรีนซีซันได้ด้วยทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการแรก เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ซึ่งจะทำต่อเนื่องจากเฟส 1-2 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคม 2563 ที่ให้นักท่องเที่ยวจองสิทธิ์พักโรงแรมทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ 6 ล้านคืนพัก ได้รับการอุดหนุนเงินจากรัฐบาลเป็นค่าห้องพัก 40 % หลังจากนี้จะเริ่มเดินหน้าเฟส 3 เพิ่มห้องพักให้เพิ่มอีก 2 ล้านคืนพัก จะให้สิทธินักท่องเที่ยวเริ่มจองได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 จนกว่าจะหมด (โดยนักท่องเที่ยวที่จองสิทธิ์ไว้แล้วเฟส1-2 คนละ 15 คืนพัก ก็ยังคงใช้สิทธินี้ได้ต่อไป)

โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 ททท.ได้เพิ่มมาตรการเพื่อป้องกันการทุจริตด้วยมาตรการ 1.จองล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน เพื่อตรวจสอบล่วงหน้า PRE-AUDIT ถึงการใช้สิทธิ์จองห้องพักไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด 2.ต้องแสกนใบหน้าตอนเช็คอินห้องพักโรงแรม 3.อีโวเชอร์หรือคูปองบัตรเงินสดเปลี่ยนเป็นวันละ 600 บาท/ห้อง/วัน แทนของเดิมจะได้รับไม่เท่ากันคือ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จ่าย 600 บาท/คน/วัน วันธรรมดา วันจันทร์-ศุกร์ 900 บาท/คน/วัน 5.จะให้สิทธิ์เฉพาะกับการเดินทางท่องเที่ยวนอกพื้นที่จังหวัดของแต่ละคนที่ไม่ได้เป็นที่อยู่ตามบัตรประชาชน

ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวพร้อมจะลงทะเบียนเฟส 3 ทั้งกลุ่มเก่าและใหม่ซึ่งเปิดแบบไม่จำกัดกลุ่มวัย รวมแล้วประมาณ 8 ล้านคน คูณด้วยคนละ 15 สิทธิ์ หากเปิดให้จองแล้วก็ขอให้ใช้สิทธิ์ต่อไป ตามเกณฑ์มาตรฐานที่รัฐบาลจะจ่ายสมทบค่าห้อง 40 % ของราคาไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน

โครงการที่สอง “ทัวร์เที่ยวไทย” เป็นพัฒนาการส่งเสริมท่องเที่ยววันธรรมดาของกลุ่มทัวร์วัยเก๋า แต่เมื่อพิจารณาตามระยะเวลาแล้วอาจจะมีฐานลูกค้าไม่มาก จึงได้ขยายเป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิ์ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป เหมือนกับโครงการเราเที่ยวด้วย โดยให้ใช้สิทธิ์เที่ยววันธรรมดา ระหว่างวันอาทิตย์-วันพฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวจองซื้อแพกเกจได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ใกล้เคียงกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน สอดคล้องกับการขายต่อเนื่องหลังเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์

ตามเงื่อนไขรัฐบาลจะสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว 40 % วงเงินไม่เกิน 5,000 บาท/คน แพกเกจ 3 วัน 2 คืน หากราคาขายแพกเกจแพงกว่านั้นรัฐบาลจะไม่ได้ส่วนเกินดังกล่าวสมทบให้แต่อย่างใด ประการสำคัญที่สุด 1.เน้นการขายแพกเกจท่องเที่ยววันธรรมดา 2.บริษัทตัวแทนนำเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการได้ จะต้องจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนนำเที่ยวและมัคคุเทศก์อย่างถูกต้อง ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ก่อนเกิดวิกฤตไวรัสโควิด 3.บริษัทนำเที่ยวแต่ละแห่งจะจำกัดจำนวนให้รับนักท่องเที่ยวในโครงการนี้ได้ไม่เกิน 1,000 คน/บริษัท 4.วิธีการจะคล้ายคลึงกับเราเที่ยวด้วยกัน นั่นคือ นักท่องเที่ยวจะต้องเข้าเว็บไซต์ เพื่อเลือกจองซื้อแพกเกจทัวร์ แล้วจ่ายเงินให้ครบ 60 % ส่วนที่เหลือรัฐจะจ่ายสมทบเพิ่มให้ 40 % เมื่อท่องเที่ยวเสร็จเรียบร้อยรัฐจะโอนเงินให้กับบริษัททัวร์

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับบริการแพกเกจท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพไม่ถูกเอาเปรียบ จะนำฐานข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาพิจารณามีตัวเลขจดทะเบียนอยู่ทั้งหมดประมาณ 10,000 บริษัท แต่คงไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ทั้งหมด ดังนั้นหากบริษัทนำเที่ยวที่ผ่านเกณฑ์จากสำนักทะเบียนท่องเที่ยวแล้วโดยจดทะเบียนก่อน 1 กรกฎาคม 2563 จะต้องปฏิบัติตามกฎคือ 1 บริษัทนำเที่ยว จะออกแพกเกจทัวร์วางขายได้ไม่เกิน 15 เส้นทาง จากนั้นต้องส่งรายละเอียดให้ ททท.ซึ่งจะต้องคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความถูกต้องก่อนอนุญาตให้ขายได้ จะตรวจ 2 เรื่องหลัก 1.คุณภาพ 2.ราคาขาย เมื่อผ่านทุกขั้นตอนแล้วจึงจะสามารถโพสต์ขายทางเว็บไซต์ได้

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ทัวร์เที่ยวไทย สามารถใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน มีเงื่อนไขนิดเดียวจะไม่สามารถใช้ได้ในเวลาเดียว เพราะเหมือนเป็นการใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อนหรือเบิ้ลทีเดียวนั่นเอง

เมื่อรัฐบาลให้ขับเคลื่อนพร้อมกันกระตุ้นในประเทศทั้ง 2 โครงการ “เป้าหมาย” ปี 2564 ตลาดในประเทศ จะต้องทำให้ได้ตามนโยบาย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดไว้ต้อง 160 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเป็นตัวเสริมหรือช่วยเร่งให้เข้าเป้าตามนโยบายรัฐบาล หลังจากสถานการณ์ท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับเมื่อช่วงครึ่งปีหลัง 2563 นักท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น 35 % แต่พอเจอโควิดระบาดระลอกใหม่ปลายปีที่ผ่านมาทำให้กิจกรรมชะลอตัวไป 2 เดือน ระหว่ามกราคม-กุมภาพันธ์ 2564

ดังนั้นในช่วง 10 เดือนของปีงบประมาณ 2564 จะต้องเร่งเครื่องพยายามทำยอดนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นมาให้ได้เพิ่มเติมอีก 50-60 ล้านคน-ครั้ง โดยอาศัยผลพวงจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันและทัวร์เที่ยวไทย

ส่วนการกระจายฐาน “โรงแรม/ที่พัก” ที่จะเข้าร่วมโครงการเพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกจอง เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 นั้น น่าจะกระจายตัวได้ดี ประเมินจากเฟส 1-2 มีโรงแรมเข้าร่วม 8,000-9,000 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักไม่มาก ราคาขายเฉลี่ย 2,700-2,800 บาท/ห้อง/คืน สะท้อนถึงการกระจายตัวของห้องพักอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่ ททท.ได้เพิ่มเรื่องการกระจายพื้นที่ท่องเที่ยวเข้าไปด้วย โดยเฉพาะ “วันธรรมดา” จากโครงการทัวร์เที่ยวไทย ผนวกกับผลดีที่จะเกิดกับผู้ประกอบการนำเที่ยวและภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โรงแรม ร้านอาหาร มัคคุเทศก์ ร้านขายของที่ระลึก และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถกระจายในมิติทั้งพื้นที่และช่วงเวลาการท่องเที่ยวควบคู่กันไป

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าช่วงครึ่งปีหลัง ททท.ยังมีแผนจะขับเคลื่อนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว อย่างโครงการ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ททท.หารือกับกรุงเทพมหานคร เพื่อกระตุ้นเที่ยวไทยจึงขอความอนุเคราะห์ใช้สวนลุมพินีจัดงาน แต่พอเกิดโควิดระลอกใหม่จึงต้องเลื่อนจัดงานออกไป แต่อย่างไรก็ยังคงแผนการจัดงานนี้ไว้ เพื่อนำธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาขายในงานดังกล่าว บวกกับเป้าหมายการทำตลาดในประเทศให้ได้ 160 ล้านคน-ครั้ง คงจะเน้น “ความถี่” เป็นหลัก สร้างแรงดึงดูดใหม่ด้วย โครงการ “Unseen New Series” เพื่อเป็นสินค้าใหม่มากระตุ้นคนไทยท่องเที่ยว


สำหรับคอนเซ็ปต์สินค้าใหม่ “Unseen New Series เบื้องต้นจะนำร่องคัดเลือกมาจากทั้ง 5 ภูมิภาค จำนวน 25 แห่ง เฉลี่ยภูมิภาคละ 4-5 แห่ง เตรียมเปิดตัวหลังสงกรานต์ ช่วงเวลาใกล้เคียงกับ โครงการ เราเที่ยวด้วยกันและทัวร์เที่ยวไทย โดย ททท.จะยกระดับให้เป็นมากกว่าจุดถ่ายรูป โดยเพิ่มความอะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การท่องเที่ยว “เชิงคุณภาพ” ครั้งใหญ่ ซึ่งต้องปรับทัพใหม่สินค้าท่องเที่ยวด้วย ทาง รมว.พิพัฒน์ได้ให้โจทย์เรื่องการทำ “การท่องเที่ยวสีขาว” สะดวก ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องนำมาหลอมรวมเป็นต้นแบบท่องเที่ยววิถีใหม่ เป็นแฟลกซ์ชิปบนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยได้ดูข้อมูล Unseen New Series เบื้องต้นแล้วน่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร

ขณะเดียวกันก็มีความท้าทายอีกอย่างหลังคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) มีมติประกาศไทน์ไลน์ชัดเจน ปลดล็อกเลิกกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ไตรมาส 4 หรือ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป โดยทยอยทำ

ไทม์ไลน์แรก เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 ด้วยการลดวันกักตัวน้อยลง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ฉีดวัคซีนโควิดแล้วกักตัวแค่ 7 วัน จากปัจจุบัน 14 วัน กลุ่มที่ 2 ไม่ได้ฉีดวัคซีนกักตัวเหลือแค่ 10 วัน จาก 14 วัน กลุ่มที่ 3 มาจากต้นทางประเทศกลุ่มเสี่ยงยังต้องกักตัวเท่าเดิม

ไทม์ไลน์ที่สอง เริ่ม 1 มิถุนายน 2564 ผ่อนคลายมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถออกมาทำกิจกรรมนอกห้องพักได้มากขึ้น

ไทม์ไลน์ที่สาม ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ไม่กักตัวอีกต่อไป เพราะมีสัญญาณค่อนข้างชัดหลายประเทศต้องการเดินทางมาพักผ่อนในเมืองไทย

ททท.จึงตั้งเป้าจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาให้ได้รวม 6.5 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละกว่า 2 ล้านคน ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่สูงพอสมควรแต่เปรียบเทียบกับก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วงปลายปีเดือนละกว่า 3 ล้านคน เพื่อให้การทำงานตลาดเชิงรุกวางแผนฟื้นตลาดแบบ V SHAPE จึงจะต้องตั้งเป้าแต่ละเดือนไว้ค่อนข้างสูงพอสมควร แต่เพื่อบริหารความเสี่ยงเรื่องการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือในไทย ก็จะต้องเร่งฉกฉวยโอกาสทดลองบางพื้นที่ไปก่อน เพราะหลายประเทศก็เปิดรับต่างชาติเข้าไปเที่ยวโดยไม่กักตัวแล้ว

ททท.ได้รับการอนุมัติจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เพื่อนำเสนอ ศบค.ใช้ “ภูเก็ตโมเดล” ให้เกิดประโยชน์ พิจารณาทำโครงการ “ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ : PHUKET SAND BOX” เพื่อทดลองพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว จะเริ่มทำ 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อสร้างความมั่นและโอกาสโอกาสพร้อมกับนำโมเดลไปขยายผลทำในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป โดยหวังว่าจะได้รับการทดลองเสริมสร้างความมั่นใจช่วยกันนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาในช่วงครึ่งปีหลังให้ได้ตามเป้า 6.5 ล้านคน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 มาด่วนที่คิงเพาเวอร์ศรีวารี”ช้อปมันส์”กินฟิน3โซนสตรีทฟู้ด/มิชลิน/ฟู้ดทรัค

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมสร้างสีสัน KING POWER SHOP & HOP WEEKEND MARKET  ทุกวันเสาร์-อาทิตย์  เพื่อคืนความสุขให้คนในประเทศต้อนรับการกลับมาเปิดบริการอีกครั้งของ “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี“ แหล่งแฮงเอาท์แห่งใหม่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ สามารถยกครอบครัวมาฟินได้ทุกสัปดาห์ศูนย์รวม “ช้อปมันส์ กินฟิน เช็คอินได้”  ไม่ต้องมีเที่ยวบินต่างประเทศก็มาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีนับหมื่นรายการได้ ไปพร้อม ๆ กับแวะ “ ไทย เทสต์ ฮับ @ศรีวารี (Thai Taste Hub @Srivaree)” พาเหรดร้านดัง กว่า 30 ร้าน มามามอบให้เหล่า Food Lover  ได้รับประทาน “อาหารอร่อย” ทั้งเมนูคาว หวาน รสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากร้านสตรีทฟู้ดดังระดับตำนานแถวหน้าของเมืองไทยและเมนูมิชลินยอดนิยม

ตลุยกินของอร่อยได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า เรื่อยไปจนถึง 3 ทุ่ม บริเวณ ไทย เทสต์ ฮับ แอท ศรีวารี”

โซนแรก ห้ามพลาด !! กินฟิน “จานเด็ดมิชลิน” จากฝีมือ 3 เชฟรางวัลมิชลิน คนแรก “เชฟหนุ่ม-ธนินทร จันทรวรรณ” เจ้าของร้าน “ชิม บายสยาม วิสดอม” เจ้าของร้านมิชลินสตาร์ ยกร้าน PINN รังสรรเมนู บะหมี่กวนอู หมูย่างอังคัก ข้าวหน้าไก่ซีอิ๊ว เมื่อมาถึงแล้วต้องชิมสักมื้อ คนที่สอง “เชฟต้น-ฐิติฏฎ์ ทัศนาขจร” จากร้านฤดู : Le Du เสิร์ฟเมนู BAAN BY CHEFTON โดนใจเหล่าสาวกเมนูเนื้อและกระเพา มีทั้ง ข้าวซอยเนื้อวากิว กระเพราหน้าคอหมูย่างจิ้มแจ่ว และกระเพาเป็ดกรอบ คนที่สาม “เชฟแอนดี้ หยาง” จากร้านโรงเตี๊ยมร้าน Table 38 Patisserie และร้านผัดไทยไฟทะลุ ถนนดินสอ ยกครัวมาปรุงผัดไทยกุ้งตัวโต ๆ และสารพัดข้าวซอยเมนูซิกเนเจอร์ อาทิ ข้าวซอย Hungry Rabbit ข้าวซอยกุ้ง ข้าวซอยหมูย่าง หมูกรอบ ไฮไลต์ที่ดึงดูดนักกินได้ดีอีกเมนูคือ “ครัวซองท์” กรอบนุ่มละมุนลิ้นไม่เหมือนใคร

ไฮไลต์โซนกินฟิน ต้องยกให้กิจกรรม “เชฟ เทเบิล :Chef’s Table ผู้ที่ร่วมช้อปมันส์แล้วมียอดซื้อครบ 1 แสนบาท ได้สิทธิ์ฟรีทันทีร่วมรับประทานอาหารจากฝีมือเชฟมิชลินที่หมุนเวียนกันมาปรุงสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 2 รอบ รอบแรก มื้อกลางวันช่วงเวลา 12.30 น. รอบสอง มื้อค่ำ ช่วงเวลา 18.30 น. แต่ละรอบรับเพียง 8 คนเท่านั้น ตั้งแต่เปิดบริการมีนาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิ์เต็มตลอดทั้งเดือนแล้ว

โซนที่ 2 กินฟิน “เมนูร้านดังระดับตำนาน 30 ร้าน” เข้ามาเลือกสรรเมนูที่ชอบในแบบที่ใช่ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จานเด่น “เมนูเส้น” ก็มี

“รองเมืองเกาเหลา” ร้านเกาเหลาเนื้อตุ๋นเก่าแก่กว่า 7 ทศวรรษ อากงเจ้าของคิดค้นสูตรเอง รสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอมเครื่องตุ๋นยาจีน “ก๋วยจั๊บฮ่องเต้” เป็นอีกร้านที่มีสูตรน้ำซุปรสชาติเฉพาะ ต่อด้วย

“ละมัย หอยทอดเยาราช” เสิร์ฟกะทะร้อน แป้งกรอบนอกนุ่ม รสชาติเป็นเอกลักษณ์

“สว่างบะหมี่ก้ามปู” ถ่ายทอดตำรับบะหมี่กวางตุ้งจากรุ่นสู่รุ่นมานานกว่า 5 ทศวรรษ ที่เน้นเส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้าด้วยกุ้งตัวโต ๆ กินได้แบบเต็มคำ

“สุกี้เมาเวอริค” เป็นอีกตำนานความอร่อยนานถึง 6 ทศวรรษ หอมกลิ่นกะทะ ทั้งสุกี้หมูนุ่ม-ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

“สมศักดิ์ปูอบ Y บีทีเอสกรุงธนบุรี” โดดเด่นด้วยเมนู ปูและกุ้งวุ้นเส้น หารับประทานได้ยาก เสาร์-อาทิตย์ ต้องแวะมารับประทานได้ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี

“ชุมพลปาท่องโก๋ บุรีรัมย์” กรอบนอก นุ่มใน ยกชื่อเสียงความเด่นดังแดนอีสานมาให้ชิมถึงเมืองกรุง

นอกจากนี้ยังมีร้านในตำนานเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้มากินฟินได้ด้วยเช่นกัน ได้แก่ กุ้งเผาอยุธยา ธีรชัยไก่ย่าง การิม โรตี มะตะบะ ขนมเบื้องแม่ประภา หน่ำเตียง กุยช่ายเหล่าหอเจี๊ยะby เจ๊น้อย ขนมครกประมวล มีศิลป์ เอี๊ยงออเฮ่าซือ และลิ้ม เหล่า ซา เรื่อยไปจนถึงร้าน “ส้มตำเส้นขนมจีนสด” ยกความอร่อยต้นตำรับเมืองน่านมาไว้ในไทย เทสต์ ฮับ ศรีวารี

โซนที่ 3 กินฟิน “ฟู้ดทรัค :FOOD TRUCK ตั้งอยู่เอาท์ดอร์อาคารด้านนอกที่จะมาเสิร์ฟความอร่อยให้กับนักชิมที่ชื่นชอบชีลอาหารอีกสไตล์ จากขบวนรถอาหารไม่ต่ำกว่า 6 คัน เลือกรับประทานได้ทั้ง Arno’ Steak, Smile Mad Dog, Blockburgerbus, Bite Bar, Eatmecheese คาเฟ่อะเมซอน ขาหมูยูนาน คุณนายไข่ขยี้ และอื่น ๆ

เติมพลังกับการ “กินฟิน” เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลุย “ช้อปมันส์” กับโปรโมชั่น “สินค้าแบรนด์เนม” สมัครสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ได้ฟรีทันที เพื่อจะได้ช้อปอย่างจุใจจากสินค้าละลานตานับหมื่นรายการ ทั้งแฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้ากีฬา เครื่องสำอาง น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ความงามหรือบิวตี้ และอื่น ๆ ต่างก็พาเหรดนำสินค้ามาแข่งขันกันลดแบบไม่ยั้ง ด้วยโปรโมชั่นแตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์ ลดตั้งแต่ 30-70 %

ขณะเดียวกันทาง คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ยังได้เปิดโอกาสให้อีกถึง 70 ร้านค้ามาวางขายในโซน “Market Hall” แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 สินค้าดังจากโลกโซเชียล เช่น April Pool Day, Deariata.brand, Drop By Dough, ISSARAPABBRAND, Little C, mcc.micoacah, Youngfolks1952 กลุ่มที่ 2 สินค้าวิสาหกิจชุมชน พืช ผัก ผลไม้ สด ๆ มุมต้นไม้ประดับยอดนิยม

ต่อด้วย “เช็คอินได้” ตรงบริเวณอาณาจักร “ร้านบุญตา คาเฟ่ :BOONTA CAFÉ ยกกล้วยไม้และดอกไม้สดกว่า 2,000 ดอก มาให้ได้แชะแชร์กันอย่างเพลิดเพลินตลอดทุกสัปดาห์

 


ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ลดกระหน่ำ“ONCE UPON A MONTH”วันนี้-31มี.ค.พิเศษสุดๆ50%

คิง เพาเวอร์ ขอชวนอีกครั้งกับการช้อป “ONCE UPON A MONTH” ชอปพิเศษ 7 วัน ลดพิเศษ 50 %มีบริการส่งถึงบ้าน Home Delivery  ระหว่างวันนี้ -31 มี.ค.64 รับรหัสส่วนลดนำไปใช้ที่ www.kingpower.com แล้วช้อปขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป เลือกสินค้าที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้เท่านั้น

แบ่งชำระ 0% เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) /1ใบเสร็จ แบ่งจ่ายสูงสุด 10 เดือน ช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1ใบเสร็จ แบ่งจ่าย- นานสูงสุด 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2564

ขั้นตอนการช้อปเพื่อรับส่วนลดแคมเปญ “ONCE UPON A MONTH” ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ kingpower.com จากนั้นล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดดังกล่าว สำหรับสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้

 

ข่าวที่ 3 รีบเลย!!คิงเพาเวอร์ ศรีวารีจัดช้อปกระเป๋าแบรนด์เนมให้ส่วนลดเหลือครึ่งราคา

 

นักช้อปสายแฟชั่น ห้ามพลาด! มาช้อปกระเป๋าแบรนด์เนม ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี โดยไม่ต้องมีไฟลต์บินก็ช้อปได้ พร้อมบริการส่งตรงถึงบ้านฟรี  มาได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในมหกรรรม King Power Shop & Hop Weekend Market เวลา 10.00-21.00 น. สมาชิก คิง เพาเวอร์ ใช้สิทธิพิเศษเฉพาะช้อปได้ทันทีด้วยคูปองส่วนลดรวม 7,000 บาท เพียงลงทะเบียนก่อนช้อป คลิก http://bit.ly/3qVKRA4

 

ตัวอย่างกระเป๋าแบรนด์ดัง ใช้ส่วนลดจ่ายครึ่งราคา อาทิ  Michael Kors, Bally  เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รับส่วนลด 5,000 บาท Lacoste ช้อปครบ 4,000 บาท ลดเหลือ 2,000 บาท  และกระเป๋าอีกหลายแบรนด์ พร้อมใจกันมามอบส่วนลดถึง 50 %

พิเศษอีกต่อ! เมื่อ สมาชิก คิง เพาเวอร์ ชวนเพื่อนมาสมัครฯ และช้อปภายในวันตามกำหนดรับเงินคืนสุดคุ้มรวม 200 บาท (สมาชิกผู้แนะนำ และสมาชิกใหม่ท่านละ 100 บาท)ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ ให้ได้เงินคืน! คลิก https://bit.ly/38REpUS

ข่าวที่ -3รัฐมนตรีหนุนททท.ขายสินค้าท่องเที่ยวWATนำร่องทั่วไทย15จังหวัด

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกในการรวมพลังกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโครงการ "WAT :Workshop Activities Traditional -ศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยว" โดยมี 3 รัฐมนตรีร่วมกันสนับสนุนอย่างเต็มที่  นำโดย นายอนุชา นาคาศรัย รัฐมนตรีสำนักนายรัฐมนตรี กระผม นายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีทั้ง ดร.นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท.(เจ้าของโครงการ) และคณะผู้บริหาร นำทีมเปิดตัวโครงการตั้งแต่วันที่ 25มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

โดย ททท.เป็นแม่งานนำร่องจัดทําเส้นทางแห่งศรัทธาเพื่อเสริมสิริมงคล ความรุ่งเรืองแห่งชีวิต เชื่อมโยงชุมชนที่มีศักยภาพและแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่พร้อมเสนอขาย ทั่วประเทศ 15 เส้นทาง ได้แก่ พิจิตร แพร่ น่าน เชียงราย ชัยนาท สระบุรี เพชรบุรี บุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครพนม ระยอง ปราจีนบุรี พังงา สุราษฎร์ธานี และสงขลา

ยกระดับทำโครงการสร้างสรรค์และนําเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธาทางศาสนา ความเช่ือ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นําไปสู่การสร้างงานสร้างรายได้ทางการท่องเท่ียวและเพิ่มวันพักค้าง ซึ่งจะเป็นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจฐานรากสู่ชุมชนและท้องถิ่นรอบพื้นท่องเที่ยวทั้ง 15 เส้นทาง 15 จังหวัด

ขณะเดียวกัน ททท. ยังได้นําเสนอผลงานในรูปแบบ Content Marketing และเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาร่วมประสบการณ์ท้องถิ่น สนับสนุนการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยคํานึงถึงการรักษาสมดุล ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวสีขาว

ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตอกย้ำเรื่อง การท่องเที่ยวสีขาว ต้องสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืนอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบทุกการเดินทางในแต่ละพื้นที่ทั่วไทย

 


ข่าวที่ 5 ททท.ตราดบูม2กิจกรรมปลุกทัวร์ไทย”เที่ยวสนุกแจกค่าน้ำมัน300บ.+ตราดเต็มสุข”

นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานตราด ได้จัด 2 กิจกรรม กระตุ้นการท่องเที่ยวตราด ช่วงเมษายน-มิถุนายน 2564

กิจกรรมที่ 1  “เที่ยวสนุก สุขสะหงาด ตราดไม่ไกลอย่างที่คิด” สนุกกับกิจกรรมการเดินทาง เที่ยวสุดคุ้ม รับค่าน้ำมัน 300 บาท ท่องเที่ยว จ.ตราด ตลอด 3 เดือน ระหว่าง เมษายน-มิถุนายน 2564 ตั้งเป้าจัดชวนคนในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงมาร่วมสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติสุดฟิน พร้อมอิ่มกับอาหารอร่อยเมืองตราด

นักท่องเที่ยวรับสิทธิ์รับค่าน้ำมันขับรถเที่ยวแบง่าย ๆ  300 บาท ด้วยการเข้าไปลงทะเบียนตามขั้นตอนดังนี้

1.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนท่องเที่ยวได้ทาง https://forms.gle/SxBYqtEgwdWAT8nFA โดยจะต้องเป็นคนนอกพื้นที่ตราด ไม่ได้มีที่อยู่ในบัตรประชาชนเป็นคนจังหวัดตราด

2.ข้อมูลชื่อผู้ลงทะเบียน ชื่อบัตรประชาชน ชื่อบนใบเสร็จการเข้าพักโรงแรม ต้องตรงกันทั้งหมดเท่านั้น

3.รอการติดต่อกลับทางโทรศัพท์เท่านั้น ภายใน 7 วัน เพื่อยืนยันการได้รับสิทธิ์ ตามหมายเลขที่ระบุในขั้นตอนลงทะเบียน (กรณีข้อมูลชัดเจน ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด)

4.ภายหลังได้รับการยืนยันสิทธิ์ สามารถออกเดินทางท่องเที่ยว-เข้าพักโรงแรม ตามวันที่ระบุไว้

5.ส่งข้อมูลยืนยันการท่องเที่ยวกับทางเจ้าหน้าที่ ผ่านช่องทางที่เจ้าหน้าที่แจ้ง ณ วันที่ได้รับสิทธิ์

กิจกรรมที่ 2 “ตราดเต็มสุข” ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ช่วงวันหยุดศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยมี 6 ชุมชนเตรียมพร้อมสร้างประสบการณ์แปลกใหม่และความทรงจำที่ดีไปพร้อมกับชุมชน ทั้งเรื่องวัฒนธรรม อาชีพ และวิถีชีวิต ส่งเสริมกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเองพร้อมกับทำกิจกรรมเรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านในพื้นที่หลัก

1.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว 2.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านธรรมชาติล่าง 3.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านช้างทูน (กลุ่มป้าหนู) 4.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านช้างทูน (กลุ่มลุงหนุ่ม) 5.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านคันนา 6.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านห้วยแร้ง 6.ชุมชนท่องเที่ยวบ้านท่าระแนะ

แต่ละชุมชนเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้พักผ่อนตามรายละเอียดดังนี้

1.ชุมชนพร้อมขายกิจกรรมเฉพาะวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือก 1 ชุมชน ทำได้ 2 กิจกรรมท่องเที่ยว  ใช้เวลาเฉลี่ย 1 ชั่วโมงครึ่ง

2.ค่าใข้จ่ายในการทำกิจกรรม ผู้ใหญ่คนละ 100 บาท เริ่มต้นกลุ่มละ 2 คน ยกเว้นชุมชนบ้านคันนา และ ชุมชนบ้านท่าระแนะ เริ่มต้นกลุ่มละ 5 คน ส่วนเด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบฟรี อายุ 3-10 ปี ครึ่งราคา อายุ 10 ปีขึ้นไป จ่ายราคาปกติ

3.หากสนใจกิจกรรมอื่น ๆ ในชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อเพิ่มได้ โดยติดต่อกับชุมชนได้

ส่วนวิธีเลือกซื้อกิจกรรม 1. Scan QR Code เพื่อรับชมกิจกรรมแต่ละชุมชน 2. แจ้งจำนวนผู้ซื้อกิจกรรมกับทางโรงแรม/รีสอร์ทที่ท่านเข้าพัก ล่วงหน้า 1 ชั่วโมง 3. ชำระเงินและรับคูปองจากเคาน์เตอร์ของโรงแรม หากทำคูปองสูญหายก่อนถึงชุมชน ต้องชำระเงินเองคนละ 200 บาท 4. เมื่อเดินทางไปถึงชุมชนที่เลือกไว้ ชาวบ้านจะมารอต้อนรับ จากนั้น นำคูปองให้ชุมชนเพื่อรับกิจกรรมจนจบตามข้อตกลง และคูปองต่าง ๆ ที่ซื้อแล้วไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 08-3587-3595


ข่าวที่ 6 TCEBอัดฉีดใหญ่MICE INNOVATIONท็อปอัพเงินสมทบไมซ์ไฮเทค1-5แสนบาท

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่วมกับพันธมิตรขับเคลื่อนโครงการ MICE WINNOVATION  มุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีจัดงานไมซ์ครบวงจร จับคู่ธุรกิจผู้ประกอบการไมซ์และผู้ให้บริการนวัตกรรม กระตุ้นเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมไมซ์ตลอดปี 2564 ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย

1.แพลตฟอร์มผู้ให้บริการนวัตกรรม :MICE Innovation Catalog สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://innocatalog.tceb.or.th/ เพื่อเลือกหานวัตกรรมและบริการที่สามารถช่วยแก้ปัญหาการดำเนินธุรกิจหรือการจัดงานด้านต่างๆ ซึ่งสามารถติดต่อผู้ให้บริการนวัตกรรมได้โดยตรง

2.เวทีเจรจาธุรกิจ :Tecnomart สร้างโอกาสทางธุรกิจและแสดงศักยภาพของผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Tech Entrepreneurs) ผ่านการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) และการนำเสนอผลงาน บริการต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการไมซ์ด้านต่างๆ ในทุกภูมิภาค

3.แพคเกจสนับสนุนเงินทุน :Inno-Voucher ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำนวัตกรรมไปใช้ในการจัดงานโดยจับคู่กับผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Tech Entrepreneurs) ผ่าน MICE Innovation Catalog เพื่อขอรับการสนับสนุนจากทีเส็บ ในรูปแบบคูปองนวัตกรรม

โดยให้เงินสนับสนุนด้วย Inno Voucher แก่ผู้จัดงานแบ่ง 4 แบบ คือ 1.Tech Max สนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการจัดงานแสดงสินค้าภายในประเทศ ต้องมีพื้นที่จัดงานไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร สนับสนุนเงินไม่เกิน 100,000 บาท 2.Convene+ สนับสนุนการใช้ออนไลน์แพลตฟอร์มช่วยจัดประชุมนานาชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน รับเงินสนับสนุนได้สูงสุด 200,000 บาท 3.New Norm Support สนับสนุนใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยมีพื้นที่จัดงานกว่า 800 ตารางเมตร รับสนับสนุนไม่เกิน 200,000 บาท 4.N2N tech Savvy สนับสนุนใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีจัดงานเทศกาลต้องจัดอย่างน้อย 2 วัน และผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1,000 คน สนับสนุนเงินสูงสุด 500,000 บาท 

4.กิจกรรมเวิร์คชอป Digital Literacy of MICE ให้ความรู้ ส่งเสริมผู้ประกอบการไมซ์ไทยใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมแก้ปัญหาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในยุควิถีใหม่

นายจิรุตถ์กล่าวว่า ทีเส็บตั้งเป้าโครงการ “MICE Winnovation” จะสร้างผลลัพธ์ 4 เรื่อง คือ 1.เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีตอบโจทย์การแก้ปัญหา 2.พัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไมซ์ได้ตรงใจและเกิดเป็นรูปธรรม 3.สร้างความแตกต่างทางธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถทางแข่งขันในเวทีระดับสากลได้ 4.ผลักดันการสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Tech Entrepreneurs) ของไทยให้มีความสามารถพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมธุรกิจไมซ์อย่างยั่งยืนต่อไป

                ช่วงที่ 2 ตลุยหาประสบการณ์เดินทางเที่ยวเกาะในอ่าวไทย จังหวัดตราด “ดูกวางหาดทรายธรรมชาติเกาะกระดาด” กับ “เกาะกูด” ดำน้ำดูปะการังสุดFUN กินอาหารทะเลสุด FIN จากนั้นก็หันมาฟัง องค์การอนามัยโลกกับ สสส.ส่งเสียงบอกให้คนไทยหันมากิน “ผักผลไม้5สี400กรัม” ดีอย่างไรต้องติดตาม ส่วนข่าวเอ็กซ์คลูซีฟเสาร์นี้ “บางจาก” ดีไซน์ปั๊มทั่วไทยเหมือนเมืองนอกให้คนไทยแวะไปเช็คอินเติมน้ำมันช่วงเที่ยววันหยุดสงกรานต์ 5 จังหวัด “กทม.-พระนครศรีอยุธยา-นครนาย-ขอนแก่น-ภูเก็ต ปิดท้าย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลั่นพร้อมนำเข้าทัวร์ต่างชาติโดยใช้ SAND BOX MODEL ภูเก็ต พัทยา นำร่อง 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

 

เที่ยวตราด!!อะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม“ดูกวางธรรมชาติเกาะกระดาด-ดำน้ำเกาะกูด”

เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม กับทริปสำรวจเกาะต่าง ๆ ในท้องทะเลอ่าวไทย จังหวัดตราด ปักหมุดเริ่มต้นการเดินทางจากฝั่งกันตรง “ท่าเรือแหลมศอก” อำเภอเมือง ซึ่งมีบริการให้เลือกใช้ “เรือเช่าเหมาลำสปีดโบ๊ท” คิดราคาตามขนาดของผู้โดยสาร 10 คน ลำละ 16,000 บาท 20-25 คน ลำละ 30,000 บาท หรือ “เรือโดยสารประจำทาง” ของเกาะกูดปริ๊นเซส คนละ 350 บาท

ระหว่างทางมีเกาะให้นักท่องเที่ยวแวะชม นั่งเรือไปราวครึ่งชั่วโมงก็ถึง “เกาะกระดาด” มีต้นกระดาดจำนวนมาก รูปร่างเกาะคล้ายแผ่นกระดาษ เคยเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand มาก่อน ที่ดินบนเกาะราว 1,200 ไร่ มีโฉนดเป็นของ “คีรี กาญจนพาสน์” เจ้าของกิจการรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำเลที่ตั้งดีอยู่เยื้องๆเกาะหมาก

เที่ยวเกาะกระดาดดูกวางธรรมชาติกลางป่ากระดาด บนเกาะกระดาด ทะเลเมืองตราด

เมื่อไปถึงนักท่องเที่ยวจะตื่นตากับ “ฝูงกวางหลายร้อยตัว” ที่ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ และปลายเกาะมีหาดทรายละเอียด กับต้นมะพร้าวโค้งยาวเป็นสัญลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวได้เช็คอินกันทุกทริป ตอนนี้เกาะกระดาดเริ่มสร้างรีสอร์ตรองรับการท่องเที่ยวแบบพักค้างคืนได้แล้ว มีเพียง 20 ห้องเท่านั้น ช่วงมกราคม-พฤษภาคม ปีนี้ ช่วงปลอดมรสุมเรือยังออกทะเลเที่ยวได้ มีนักท่องเที่ยวเจนวายมาพักแรมบนเกาะกระดาดมากพอสมควร

หาดทรายเกาะกระดาด กับต้นมะพร้าวโค้งเอน สัญลักษณ์ของเกาะแห่งนี้

ท้ายเกาะกระดาด มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังเกาะเล็ก ๆ เดิมไม่มีชื่อ แต่ตอนนี้กำลังตั้งชื่อว่า “เกาะขายหัวเราะ” ด้วยลักษณะมองไกล ๆ มีต้นไม้สูงเด่น 1 ต้น คล้ายเกาะบนหน้าปกการ์ตูนไทย “ขายหัวเราะ” ที่มีชื่อโด่งดังในยุคซิกตี้

แต่การเดินทางไปเที่ยวเกาะขายหัวเราะยังมีข้อจำกัดมากมาย ตามที่ “อาร์ต” เจ้าของสีฟ้ารีสอร์ต กับเจ้าของเรือสปีดโบ๊ตชลธีเล่าให้ฟังว่า “นักท่องเที่ยว” จะเข้าไปสัมผัสเกาะขายหัวเราะได้อย่างใกล้ชิดต้องประเมินเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากบริเวณนี้มีร่องน้ำต้องดูคลื่นลมทะเลด้วย เพราะหากคลื่นสูงก็ไม่แนะนำให้เข้าไป หรือช่วงเช้าหรือช่วงเย็นบางวันน้ำน้อยเรือเข้าไม่ได้ หรือหากเป็นช่วงมรสุมก็เที่ยวไม่ได้

เป็นความรู้เรื่อง “เกาะขายหัวเราะ” ที่ได้รับข้อมูลตรงจากคนพื้นบ้านลูกทะเล ที่ขับเรือและเปิดรีสอร์ตให้บริการนักท่องเที่ยว ถ่ายทอดเรื่องราวบางส่วนสู่กันฟัง

ชายหาดเกาะกูด ดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นรอพระอาทิตย์ลับของฟ้าลงทะเลอ่าวไทย

จากเกาะกระดาด นักท่องเที่ยวนั่งเรือเร็วสปีดโบ๊ทอีกสักครึ่งชั่วโมง ก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางการพักผ่อนบน “เกาะกูด” ที่รีสอร์ตเก๋ ๆ คุณภาพดี ติดชายหาดสวยงาม อยู่หลายแห่ง สามารถเลือกพักค้างคืนได้ตามที่ชอบด้วยไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

บนเกาะกูดมีพื้นที่กว่k 65,000 ไร่ เที่ยวได้ทั้งธรรมชาติบนบก และออกไปดำน้ำดูปะการังผิวน้กับใต้ทะเลลึกได้แถวหมู่เกาะรัง มีเกาะยักษ์เล็ก ยักษ์ใหญ่ เป็นไฮไลต์ ทว่ารอบบริเวณนี้มีเกาะเล็กอยู่ถึง 12 เกาะ ขอบอกว่าเกาะกูดมีความอุดมสมบูรณ์ครบทั้งธรรมชาติบนบก ทางทะเล อาหารการกิน น้ำดื่ม น้ำใช้ แทบจะไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยอื่น ๆ บนฝั่งเลย

รู้อย่างนี้แล้ว ต้องมาสักครั้ง “เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” บนเกาะกระดาด เกาะกูด จังหวัดตราด ไม่ต้องลีลาอีกต่อไปแล้ว มากระจายรายได้ก่อนเข้าสู่ฤดูมรสุมหลังพฤษภาคมนี้

องค์การอนามัยโลก-สสส.ชวนคนไทยดูแลสุขภาพต้องกินผักผลไม้5สี400กรัม


องค์การอนามัยโลกคาดประมาณว่า การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของประชากรโลกกว่า 5.2 ล้านคน เป็นผลมาจากการบริโภคผักและผลไม้ไม่เพียงพอ (WHO แนะนำให้กินผักและผลไม้วันละ 400 กรัมต่อวัน) ด้วยเหตุนี้ สหประชาชาติจึงประกาศให้ปี 2564 เป็น “ปีแห่งการบริโภคผักและผลไม้สากล” หรือ “International Year of Fruits and Vegetables, 2021” เพื่อยกระดับให้การส่งเสริมการบริโภคผักผลไม้เป็นประเด็นระดับโลก โดยเน้นการสร้างความตระหนัก และพัฒนานโยบายที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการและสุขภาพจากการกินผักและผลไม้ ลดปริมาณผักและผลไม้เหลือทิ้ง และการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีในการส่งเสริมการกินผักผลไม้ร่วมกัน

 

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. แนะนำเรื่องการส่งเสริมให้คนไทยกินผักผลไม้ปลอดภัยอย่างเพียงพอเพิ่มขึ้น ช่วยลดปัญหาการเจ็บป่วยและการตายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินอาหาร สนับสนุนให้เกิดการจัดการระบบอาหารเพื่อสุขภาวะ เพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงทางด้านอาหารอย่างยั่งยืน

เหตุผลที่แนะนำต้องบริโภคผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัม เพราะ

1.ผัก ผลไม้ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และสารก่อมะเร็ง 2.ผัก ผลไม้เป็นแหล่งสารสำคัญที่มีประโยชน์เชิงสุขภาพ 3.ร่างกายจะได้รับใยอาหารในปริมาณที่เพียงพอ 4.ผัก ผลไม้ ช่วยบำรุงร่างกาย ลดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย 5.ผัก ผลไม้เป็นสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย

สำหรับประโยชน์ของผัก ผลไม้ 5 สี

1. สีเขียว ให้สารคลอโรฟิลล์ เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ขจัดฮอร์โมน เป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด  

2. สีเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ ให้สารเบต้าแคโรทีน และฟลาโวนอยด์ ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงสายตา  

3. สีม่วง ให้สารแอนโทไซยานิน เช่น กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้  

4. สีขาว ให้สารอัลไลซิน อยู่ใน เช่น กระเทียม หัวไชเท้า ถั่วเหลือง ช่วยสร้างเซลล์ให้แข็งแรง ยับยั้งการเกิดเนื้องอกช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก ต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดปริมาณไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน รักษาระบบภูมิคุ้มกัน  

5. สีแดง มีสารไลโคปีน อยู่ในปริมาณสูง อยู่ใน เช่น มะเขือเทศ หอมแดง พริกหวาน มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่า สารไลโคปีนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งปอด และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก  

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 ข่าวแรก บางจากไอเดียเก๋ดีไซน์ปั๊มเที่ยวไทยสไตล์เมืองนอกรับสงกรานต์5ปั๊ม5จังหวัด

 


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากชวนผู้ใช้รถใช้น้ำมันในช่วงวันหยุดยาวเทศกาล “สงกรานต์”  นี้ ร่วมหาประสบการณ์แปลกใหม่ เที่ยวต่างประเทศในเมืองไทยผ่านสถานีบริการที่ได้ออกแบบบรรยากาศเหมือน “ลอนดอน” “แคลิฟอร์เนีย” “สแกนดิเนเวีย” “Wonderland” โดยมีกิจกรรมหลากหลายให้ร่วมสนุกตามสถานที่ต่างๆ ตลอด เมษายน 2564 เช่น ลูกค้า 500 คนแรก แวะเติมน้ำมันสะสมครบ 1,200 บาทขึ้นไป และเช็กอินครบ 2 สถานี (1 ในนั้นเป็นสถานีบริการรูปแบบ unique design) จะได้รับ cash card เติมน้ำมัน 300 บาท 500 รางวัล แม้ไม่ต้องไปเที่ยวต่างประเทศได้ ก็แวะเช็กอิน เก็บภาพสวย ๆ ได้ที่ปั๊มบางจาก unique design ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ 5 ปั๊ม 5 จุดหลัก ดังนี้

จุดที่ 1 อินกับบรรยากาศกรุงลอนดอนที่ปั๊มบางจาdไออาร์อาร์ ถนนพหลโยธิน ขาออก ก.ม. 57 อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

จุดที่ 2 ตื่นตากับสถาปัตยกรรมสวยๆ สไตล์ American Luxury ยุคตื่นทอง แคลิฟอร์เนีย ที่ปั๊มบางจากโกลด์รัช ถนนมลิวัลย์ เลยถนนบายพาสขอนแก่น (ขาออก) ไป 1 ก.ม. อ. เมือง จ.ขอนแก่น

จุดที่ 3 ชิลกับวิถีชาวสแกนดิเนเวีย มินิมอลสไตล์นอร์ดิก ที่ปั๊มบางจากพีพีแอล ถนนรังสิต-นครนายก ขาเข้า กม.ที่ 50 อ.องครักษ์ จ.นครนายก และ ปั๊มยักษ์บางจากหุบกะพง ถนนเพชรเกษม ขาเข้า เลยแยกหุบกะพงไปประมาณ 100 เมตร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี (ใกล้หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงชะอำ)

จุดที่ 4 ดื่มด่ำกับความงามของอาคารทรงชิโน-โปรตุกีสที่ปั๊มธนาภิวัฒน์ซัพพลายส์ ถนนเพชรเกษมขาเข้า ก.ม. 1247 เลยแยกท่าทอน 2.5 ก.ม. อ.บางกล่ำ จ.สงขลา และปั๊มบางจาก นาคสมบูรณ์สุข ถนนเทพกระษัตรีขาออก เลยวงเวียนอนุสาวรีย์เทพกระษัตรี ไป 1 ก.ม. อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

จุดที่ 5 ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ ที่ปั๊มบางจากอินฟินิท เซอร์วิส ถนนประเสริฐมนูญกิจ ขาเข้า กทม. เลยซอยประเสริฐมนูญกิจไป 180 เมตร

 ข่าวที่สอง รมว.พิพัฒน์ดัน”ภูเก็ต-พัทยา”นำร่องโมเดลSANDBOXรับทัวร์ต่างชาติ ก.ค.64


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ผู้นำ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยื่นขอให้รัฐบาลเร่งนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติให้เร็วขึ้น ยกเลิกการตัวเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ตอนนี้คาดจะเร่งใช้โมเดล “PHUKET SAND BOX :ภูเก็ต แซนด์ บล็อก” เริ่มเดือนกรกฎาคม 2564 เพราะได้ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีใช้วัคซีน 9.7 แสนโด๊ส เพื่อนำไปฉีดให้คนภูเก็ต ภายในเดือนเมษายน นี้ แล้วจากนั้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 สามารถให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 ครั้ง เข้าภูเก็ตได้โดไม่ต้องกักตัว เพียงแต่สังเกตุอาการภายใน 1 สัปดาห์ แล้วไม่เกิดอาการติดเชื้อก็เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้

 

เมื่อได้ผลจากโมเดลภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ แล้ว ก็จะหารือกับทางสมาคมโรงแรมไทยอีกรอบ รวมถึงระดมแต่ละสมาคมมาช่วยกันทำแพกเกจโปรโมชั่น กระตุ้นต่างประเทศเดินทางเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป แต่ที่กังวลคือตอนนี้ไตรมาส 3 จะหาตลาดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้อย่างไร

 

ล่าสุดได้ให้โจทย์ทางเมืองพัทยาไปเรียบร้อยแล้ว 9.6 แสนโด๊ส ใกล้เคียงกับภูเก็ต จึงมีความเป็นไปได้เพราะพัทยามีสนามบินอู่ตะเภาสามารถจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้ามาได้ จากนี้ไปจะต้องรอทางพัทยาเสนอรายละเอียดเข้ามาอีกครั้ง ภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า

ส่วนความชัดเจนเรื่องเป้าหมายการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงครึ่งปีหลังตามนโยบายรัฐบาลกำหนดไว้ประมาณ 6.5 ล้านคน

กรณีเอกชนต้องการซื้อวัคซีนเข้ามาฉีดนั้นทางรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ขัดข้อง แต่นโยบายของผู้ผลิตวัคซีนยังคงต้องการขายแบบรัฐต่อรัฐ แต่ตอนนี้มีสัญญาณจากอเมริกาแล้วที่จะขยายให้เอกชนจัดซื้อได้บางยี่ห้อ แต่ก็จะต้องรอคำตอบจากองค์การอนามัยโลกด้วย

สำหรับประเทศไทยหากเอกชนจะนำเข้าวัคซีนเอง ตามขั้นตอนต้องผ่านองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจะให้หน่วยงานเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกแก่ทุกฝ่าย

ทั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทยอยจัดหาวัคซีนเข้ามาแล้วประมาณ 5 ล้านโด๊ส โดยจะต้องฉีดให้คนไทยเกินกว่า 70 % ของประชากรทั้งหมด จึงจะสามารถสร้างความมั่นใจให้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางจากทั่วโลกเข้ามายังเมืองไทย

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง