ผู้นำททท.ลุยปรับใหม่TATAP2021แผนตลาดไทย-ต่างชาติครึ่งปีหลัง64 จ่อคลิกออฟชิมลางรับทัวร์โลกเม.ย.นี้-ดันเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มหมื่นล้าน
ผู้นำททท.ลุยปรับใหม่TATAP2021แผนตลาดไทย-ต่างชาติครึ่งปีหลัง64
จ่อคลิกออฟชิมลางรับทัวร์โลกเม.ย.นี้-ดันเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มหมื่นล้าน
คิงเพาเวอร์จัดตลาดนัดใหญ่SHOP&HOP MARKETกลับมาเปิดที่ศรีวารี
คิงเพาเวอร์นัดเจอในงานไทยเที่ยวไทยแจกโปรเพียบวันนี้-7มี.ค.ที่ไบเทค
ททท.หนุนแอร์เอเชียบินมาตรฐานSHAปลุกคนกล้าออกเที่ยวไกลทั่วไทย
ททท.แจก3ต่อลุ้นล้านแข่งกันเที่ยว“วันธรรมดาชาเลนจ์”ถึง15พ.ค.64
ทริปเที่ยวผจญภัยจูงมือกันไปตั้งแคมป์นอนเต็นท์เก๋ๆ“ชัยนาท-สระบุรี”
“10เมนูอาหาร”ที่กรมควบคุมโรคแนะต้องกินอย่างระวังช่วงหน้าร้อน
บางกอกแอร์ปี’63โกย1หมื่นล้านลด40%-ปี’64ลุยเมืองการบินอู่ตะเภา
“สิงคโปร์แอร์”ชิงเปิดบินเข้าไทยภูเก็ต/กรุงเทพฯฟื้นเศรษฐกิจอาเซียน
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋
#ททท #ขยายเราเที่ยวด้วยกัน2ล้านคืน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://www.facebook.com/watch/?v=248633210141240
ช่วงที่
1 “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภภร ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สั่ง ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง
ชูธงรุกตลาดต่างประเทศเริ่ม เม.ย.64 งัด 3 อาวุธหลัก 1.ระดมสายสัมพันธ์แอร์ไลน์ส
บริษัทนำเที่ยว ออนไลน์ เร่งทำวัคซีนโรลเอาท์ 2.เร่งพีอาร์ปูพรมวางขายแพกเกจมาไทย
3.เกาะติดประเทศที่พร้อมทัวร์นอก เล็งยุโรป
อเมริการลูกค้ารายใหญ่ 2 กลุ่มแรก “ทัวร์สุขภาพ-ครอบครัว”
หวังกระตุ้นยอดให้เข้าเป้าปีฉลู 6.5 ล้านคน ส่วน “ในประเทศ”
เร่งเครื่องขยาย 2
โปรเจ็กต์ ฟื้นธุรกิจเอกชน โปรเจ็กต์แรก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3” ช่วยปั๊มรายได้ที่พักเพิ่ม 2 ล้านคืน
มี.ค.-ก.ค.นี้ คาดไตรมาส 3-4
มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปช่วยพยุงกิจการโรงแรมได้เกินกว่าหมื่นล้านบาท โปรเจ็กต์ 2 “ดึงกองทุนสสว.หมื่นล้าน” ใช้โมเดลร่วมจ่ายคนละครึ่ง Co-Pay อุ้มผู้ประกอบการ SMEs ท่องเที่ยวทั้งระบบ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าปรับแผนการตลาดท่องเที่ยวประจำปี 2564 :TATAP 2021 ครั้งล่าสุดหลังรัฐบาลไทยรับมอบวัคซีนโควิด-19 มากระจายฉีดให้ประชาชนในประเทศล็อตแรก 2 แสนโด๊ส ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมอีกครั้ง ททท.จะนำมาประเมินสถานการณ์ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ตลาดในประเทศ คงจะไม่ได้ส่งผลมากนัก เพราะรัฐบาลมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรัดกุมในทุกรอบ ส่วนที่ 2 ตลาดต่างประเทศคงจะได้รับข่าวดี จึงเร่งมอบหมายให้ ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลก 29 สำนักงาน เดินหน้าทันที เป็นช่วงเวลาการทำ “อัพเดทข้อมูล” ต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ 2 เรื่องหลัก ได้แก่
1.ทำสำรวจในแต่ละประเทศในลักษณะ Vaccine Role Out ว่ามีการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชนแต่ละประเทศไปยังกลุ่มไหนอย่างไรบ้าง
เพื่อจะประเมิน “กลุ่มเป้าหมาย” ที่สามารถเริ่มออกเดินทางต่างประเทศได้
2.นโยบายของประเทศต้นทาง รัฐบาลของแต่ละประเทศเตรียมประกาศให้คนของตนเองออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้เมื่อไร เพื่อ ททท.จะได้นำมาประกอบการทำตลาดเชิงรุกอย่างรวดเร็ว
ส่วนยุทธศาสตร์อื่น
ๆ จะคงไว้ตามเดิม ทั้งเรื่อง การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยจะพยายามเริ่มนำเข้ามาให้ได้ตั้งแต่ไตรมาส
3 ปี 2564 นี้เป็นต้นไป
หลังจากต้องปิดน่านฟ้าหยุดรับชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวนานกว่า 1 ปี
ขณะที่รอ “ตลาดต่างประเทศ” ที่จะเริ่มนำเข้าต่างชาติ ช่วงมีนาคม-กันยายน นี้ ททท.ก็จะสานต่อภารกิจหลัก ๆ ที่ได้ทำไว้คือ 1.การพูดคุยกับเครือข่ายภาคีพันธมิตร บริษัทตัวแทนนำเที่ยว สายการบิน 2.ประชาสัมพันธ์เพื่อติดตามคู่ค้าที่พอเปิดประเทศแล้วยังจะขายท่องเที่ยวเมืองไทยต่อไป 3.วิเคราะห์ตลาด (marketing analysis) เพื่อจะได้เตรียมการเมื่อแต่ละประเทศอนุญาตให้เดินทางเข้ามาไทยได้
ทุกเรื่องได้สั่งการ ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลกไปแล้ว ยิ่งเมื่อได้วัคซีนโควิด-19 มาเรียบร้อย ก็เพิ่มความเข้มข้นทำกิจกรรมเชิงรุก “ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรเตรียมออกแพกเกจท่องเที่ยว” เพื่อฟื้นกำลังซื้อทั่วโลกกลับเข้ามาไทยอีกครั้ง โดยจะคลิกออฟการขายหลัง “สงกรานต์เมษายน 2564” เป็นต้นไป
พื้นที่การตลาดต่างประเทศเป้าหมาย ที่ ททท.กางแผนช่วงคิกออฟ จุดเริ่มต้นที่ดีของกลุ่มประเทศระยะไกล โดยเฉพาะ “ยุโรป” กับ “อเมริกาเหนือ” นิยมเข้ามาเที่ยวช่วงไตรมาส 3 ของแต่ละปี ควบคู่การประเมินเรื่องมาตรการปลดล็อกการกักตัวนักท่องเที่ยว (Qaurantine) หรือไม่อย่างไร
สำหรับแพกเกจการขายจะเน้น
“ผลิตสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์”
ขานรับนโยบายรัฐบาลซึ่งต้องการให้ฟื้นท่องเที่ยวตลาดทั่วโลกกลับคืนมาหลังโควิดคลี่คลายให้ได้ภายใน
2 ปี
แต่ก็ต้องยอมรับช่วงปิดการเดินทางต่างประเทศไปปีเศษนั้นก็ต้องการนักท่องเที่ยวบางส่วนเข้ามาด้วย
ดังนั้นการทำแพกเกจวางขายรอบใหม่จะพุ่งเป้าเจาะแบบเร่งด่วน กลุ่มที่ 1 Main
Stream นักท่องเที่ยวต่างชาติที่คุ้นเคยกับการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
ต้องเริ่มทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ การสร้างฐาน “นักท่องเที่ยวกำลังซื้อ/คุณภาพสูง
ซึ่งพร้อมจะเดินทาง เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health
and Wellness จะทำการตลาดควบคู่กันไป
โดย ททท.หวังว่าช่วงปี 2564 ที่จะรับเริ่มตลาดต่างประเทศเข้ามาเที่ยวได้ไตรมาส 3-4 นั้น น่าจะทำได้ประมาณ 6.5 ล้านคน
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวตอนนี้มีพลวัตรการเปลี่ยนแปลงสูงจากปัจจัยภายในและภายนอก เรื่องของเศรษฐกิจและอื่น ๆ แต่เชื่อว่าจะฟื้นแบบ V-SHAP ททท.ยืนยันมีความพร้อมอยู่ตลอด เพราะที่ผ่านมาปรับตัวอย่างเข้มแข็งพอสมควร ทั้งมาตรการสาธารณสุข วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แม้กระทั่งการเดินทางเข้าประเทศก็มีความสะดวกสบายมากกว่าเดิม แม้แต่การท่องเที่ยวภายในประเทศเองก็ตามก็อยากเดินทางไปต่างประเทศเช่นกัน เหมือนกับนักท่องเที่ยวแถบยุโรปก่อนหน้านี้ช่วงเกิดโควิดแรก ๆ อาจไม่อยากไปไหนไกล แตกต่างจากตอนนี้ต้องการเดินทางไกลมากกว่า โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายที่นักท่องเที่ยวยุโรปอยากมามากที่สุด
ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศขณะนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นไป ททท.กับภาคเอกชนทำงานบนความท้าทาย ตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องการให้การท่องเที่ยวกลับมาเป็น “กลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ฉนั้นเรื่องสำคัญที่ต้องทำคือ “หารายได้” กำหนดเป้าหมาย 1.2 ล้านล้านบาท โดยมีโจทย์ยากคือยังไม่สามารถนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก หมายความว่า นักท่องเที่ยวในประเทศต้องเป็นกำลังสำคัญ ทำให้ ททท.ต้องปรับเป้าหมายเที่ยวในประเทศขยับจากปีที่ผ่านมา 100 ล้านคน-ครั้ง ปี 2564 ขยับเป็น 160 ล้านคน-ครั้ง
ช่วงเวลาที่เหลืออีกครึ่งปี
2564 ททท.จะต้องอัดโปรแกรม
กิจกรรมบิ๊กแคมเปญอีกเป็นจำนวนมากเข้าไปกระตุ้น
นอกเหนือจากแคมเปญกลางของรัฐบาลอย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” เช่นบิ๊กแคมเปญ อันซีน
การใช้ประโยชน์จากวันหยุด ตัวอย่างเช่น จัดมหกรรมฟู้ดกรังปรีซ์ ประกวดฟู้ดทรัค รวมไปถึงชวนคนรุ่นใหม่ Gen
Y ไปเที่ยววัด เพิ่มขึ้นจากฐานเดิมที่มุ่งเจาะกลุ่มสูงวัยเที่ยววัดเป็นหลัก
สำหรับแคมเปญ
“เราเที่ยวด้วยกัน” ต้องเริ่มทำเฟส 3 ตามนโยบาย
รมว.พิพัฒน์ ต้องสานต่อ แต่ต้องควบคุมเงินรั่วไหลด้วย
จึงอยู่ระหว่างประสานกับทางคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้มาใช้
ซึ่งมีสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับผิดชอบการกลั่นกรอง แนวทางคือ 1.ขยายแคมเปญโครงการต่อไป
โดยเฉพาะสิทธิห้องพักเพิ่มอีก 2 ล้านห้อง เพื่อจะได้กระตุ้นรายได้เพิ่ม
ผลการประเมินการทำโครงการเฟส 1-2 มีลักษณะการใช้เงินแบบร่วมกันจ่ายหรือ Co-Pay
รัฐจ่ายห้องพัก 40 % นักท่องเที่ยวจ่าย 60 % ในจำนวนการจองใช้สิทธิ์ตามที่ดำเนินการไปแล้ว 5-6
ล้านคืนพัก (roomnight) สร้างเงินกระจายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 22,000
ล้านบาท ฉนั้นเมื่อขยายเฟส 3 อีก 2 ล้านคืนพัก
ช่วงไตรมาส 3-4
ปีนี้ก็น่าจะมีเงินหมุนเวียนเข้ามาเพิ่มจากนักท่องเที่ยวได้เกินกว่า 10,000
ล้านบาท
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า การเข้าไปสนับสนุนภาคเอกชนรูปแบบต่าง ๆ ในแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อ
“ลดต้นทุน” การเดินทางควบคู่ “การเพิ่มความถี่” การท่องเที่ยว นั้น ททท.หรือ
รัฐสามารถเข้าไปช่วยได้ ตัวอย่าง การสนับสนุนเงินของสายการบินที่ขาย
“ตั๋วโดยสารแบบบุฟเฟต์” แต่ภายใต้เงื่อนไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์คือ
“สนับสนุนได้ครั้งเดียว 40% ”
ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นไปตามกลไกปกติคือ สนับสนุนเงินจากรัฐไม่เกิน 2,000 –3,000 บาท/คน
ส่วนสิทธิที่จะใช้ในการบินตามจำนวนครั้งในแพกเกจตั๋วบุฟเฟต์สายการบินที่ทำแคมเปญจะต้องพิจารณาเอง
เพราะรัฐคงไม่สามารถให้ผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวขอรีดรีมเงินได้ทุกครั้งจนครบจำนวนของตั๋วบุฟเฟต์ที่แต่ละคนซื้อไว้ได้
เพราะคงไม่มีงบประมาณเพียงพอจะดำเนินการอย่างแน่นอน
โครงการนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน
เพื่อเลือกใช้แนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริง
ทั้งนี้
ททท.คาดหวังช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน
ไปพร้อมกับทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในสิ่งที่ต้องการเห็นคือ สามารถ “เพิ่มความถี่”
การเดินทางเที่ยวในประเทศระยะไกลมากขึ้น
เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
แต่เมื่อยังไม่สามารถนำเข้ามาได้ก็ต้องช่วยกระตุ้นคนในประเทศเดินทางแบบกระจายไกลข้ามจังหวัด
ข้ามภาค จนกว่าจะมีต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมก็ทยอยช่วยหลายเรื่อง
ๆ ต่อเนื่อง เป้าหมายใหญ่ทั้งรัฐ และ
ททท.มุ่งช่วยทุกกลุ่มเพื่อพยุงการจ้างงานของพี่น้องคนไทยให้อยู่รอดจากภาวะวิกฤตครั้งนี้เป็นหลัก
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์กล่าวว่าได้หารือกับทางนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าไปด้วยกัน
โดยได้พบพูดคุยกับผู้อำนวยการสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
ถึงการใช้ประโยชน์จากกองทุน สสว.ที่มีอยู่ และโครงการที่รัฐเตรียมไว้
เสมือนนำไปลดค่าใช้จ่ายประจำคล้ายโครงการ “คนละครึ่ง”
เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่ราว 80 % ของทั้งหมด
โดยไม่จำเป็นจะต้องมีกองทุนหรือหางบประมาณใหม่เข้ามาเสริม
ส่วนวิธีตามแนวคิดการใช้เงินกองทุน
สสว.เข้ามาสนับสนุนจะทำในลักษณะ รัฐกับเอกชนช่วยกันจ่ายคนละครึ่ง เช่น เงินเดือน 15,000
บาท/คน ใช้เงินกองทุนจ่าย 7,500
บาท/คน เอกชนจ่าย 7,500 บาท/คน ซึ่งจะต้องหาข้อสรุปอย่างชัดเจนอีกครั้งจากการหารือร่วมกับ
สสว.เพื่อประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันตอนนี้
ททท.ก็อยากเชิญชวนคนในประเทศออกมา “เที่ยวกันเถอะเรา”
สร้างความมั่นใจทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาเติบโตปกติโดยเร็วต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดตลาดนัดใหญ่SHOP&HOP MARKETกลับมาเปิดที่ศรีวารี
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมตลาดนัดครั้งยิ่งใหญ่ “KING POWER SHOP & HOP WEEKEN MARKET : ไม่มีไฟลต์บิน ก็ช้อปมันส์ กินฟิน เช็คอินได้” ต้อนรับการกลับมาเปิดบริการอีกครั้งของ “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี” ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ถนนวัดศรีวารีน้อย ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เปิดให้ทุกคนชวนกันไปช้อปมันส์รับซัมเมอร์ กับ 3 กิจกรรม “ช้อปมันส์-กินฟิน-เช็คอิน” สนุกได้ที่ลานเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดแห่งใหม่ และสัมผัสความสวยงามลานดอกไม้สุดตระการตา ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่ 10.00-21.00 น.
กิจกรรมแรก ชวนไปตลุย “ช้อปมันส์ !” ตลาดนัดร้านดังยอดฮิตกว่า 70 ร้านค้า พาเหรดนำสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์คุณภาพมากมายแบบโดน ๆ นับหมื่นรายการ มาตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในยุคการใช้ชีวิตวิถีใหม่ New Normal ช้อปสนุกสุดมันส์ต่อเนื่องทุกสุดสัปดาห์ตั้งแต่ 6 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
เฉพาะ “สมาชิก
คิง เพาเวอร์” รับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า
หรือหากยังไม่ได้เป็นสมาชิกก็สมัครด่วนเพียงคลิกเข้าเว็บไซต์ www.kingpower.com แอพลิเคชั่น King
Power หรือแอด
Line kingpower คลิกสมัครสมาชิก
รับสิทธิได้ทันทีถึง 3 รายการ ได้แก่
1.ส่วนลดสูงสุด 30 % เมื่อช้อปสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญนี้
โดยไม่ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำ 2.รับฟรีคูปองส่วนลดรวม
7,000 บาท
จากสินค้าที่เข้าร่วมรายการ คนละ 1 สิทธิ์/วัน และ
3.อิ่มฟรี 300 บาท เมื่อทำยอดช้อปตามที่กำหนด เลือกนำไปใช้ได้ใน
THAI TASTE HUB ศรีวารี
ศูนย์รวมอาหารสตรีทฟู้ดแถวหน้าของเมืองไทย
กิจกรรมที่ 2 “กินฟิน!”
กับสตรีทฟู้ดกว่า 30 ร้านดังในตำนาน ได้ที่ “ไทย
เทสต์ ฮับ แอด ศรีวารี : THAI TASTE HUB @SRIVAREE” โดยมีเมนูอร่อย ๆ จากร้านปัง ๆ มาให้เลือกรับประทานตามที่ชอบ
อาทิ สมศักดิ์ปูอบ Y บีทีเอสกรุงธนบุรี,
กุ้งเผาอยุธยา, ละมัยหอยทอดเยาวราช, ชุมพลปาท่องโก๋, ธีรชัยไก่ย่าง,
สว่างบะหมี่ก้ามปู, KING TO GP, TOKYO
BEAN, BAAN BY CHEFTON ผัดไทยไฟทะลุ, ข้าวซอย Hungry Rabbit, Table 38 Patisserie
ก๋วยจั๊บฮ่องเต้, สุกี้เมาเวอริค, ขนมเบื้องแม่ประภา, หน่ำเตียงรองเมืองเกาเหลา, All COCO, ครัวเชียงคานดอทคอม กุยช่ายเหล่าอหอเจี๊ยะ บาย
เจ๊น้อย, ขนมครกประมวล มีศิลป์ และเอี๊ยงออเฮ่าชือ
ลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมกินฟิน! รับเพิ่ม ได้อีก 2 รายการ คือ รายการแรก “เช็คอินฟินฟิน” ที่ THAI TASTE HUB @SRIVAREE” เมื่อซื้อบัตรประทานอาหารครบ
300 บาท
รับคูปองฟรีเพิ่มทันที 50 บาท คนละ 1 สิทธิ/วัน รายการที่สอง รับฟรี! “เครื่องดื่มที่บาร์น้ำรามายาณะ”
ทันทีที่เช็คอินฟินฟิน KING POWER Srivaree
เพียงแค่ถ่ายรูปอาหารจานตำนาน แล้วติดแฮชแท็ก
#ThaiTasteHubคิงเพาเวอร์ศรีวารี
#KINGPOWERWEEKENDMARKET
กิจกรรมที่ 3 “เช็คอิน!”
เติมความสนุกพร้อมประสบการณ์ความสุขในการเช็คอินกับ 2 ไฮไลต์ ได้ทุกสัปดาห์ดังต่อไปนี้
ไฮไลต์แรก
“เช็คอิน ลานเสก็ตแห่งใหม่ใจกลางศรีวารี” ในพื้นที่ขนาด
1,200 ตารางเมตร
ที่ได้เนรมิตเป็นลานพร้อมแรมป์ขนาดใหญ่ต้อนรับนักเล่น Surf Skate มาร่วมสนุกได้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00-21.00 น.
ทางคิง
เพาเวอร์ ได้จัดเตรียมบริการแบบครบวงจรไว้รองรับลูกค้าทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาสัมผัสประสบการณ์ดี
ๆ ได้ในลานสเก็ตแห่งใหม่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี คือ 1.ผู้ที่ยังไม่เคยเล่นสามารถมาลองได้โดยจะมีแผ่นบริการแบบ demo ให้ทดลองเล่นฟรี 2.มีทีมเทรนนิ่งสเก็ตเป็นครูฝึกมืออาชีพมาแนะนำพร้อมช่วยฝึกสอนการฝึกเล่นอย่างปลอดภัย
3.ฟรีบริการจาก Skateboard Cleaning Service ช่วยดูแลทำความสะอาดเบื้องต้นสเก็ตบอร์ดของทุกคน
ไฮไลต์ที่สอง
“เช็คอินสวนดอกไม้และคาเฟ่ชื่อดัง Boonta
Flower &Café’”
จัดเต็มเครื่องดื่มพร้อมขนมแสนอร่อยมาเปิดให้เลือกชิมกับเมนูที่ชื่นชอบ
ท่ามกลางอ้อมกอดงานศิลปะกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสรายล้อมอยู่มากกว่า 2,000 ดอก
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์นัดเจอในงานไทยเที่ยวไทยแจกโปรแรงวันนี้-7มี.ค.ที่ไบเทค
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ตลอดเดือนมีนาคม 2564 มี 3 โปรโมชั่นพิเศษ ที่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ของ “มหานคร แบงค็อก สกาย บาร์” ห้องอาหารหรูเรียบมีสไตล์บนชั้น 76 และ จุดชมวิวชั้นดาดฟ้า มหานคร สกาย วอล์ค ชั้น 78 ในบรรยากาศมุมวิวพาโนรามาสูงสุดของกรุงเทพฯ พร้อมทั้งสามารถจ่ายได้ด้วยราคาแบบสบายกระเป๋า ทั้งอาหารมื้อพิเศษและบัตรขึ้นชมความงดงามวิวธรรมชาติและแม่น้ำเจ้าพระยา
โปรโมชั่นแรก “ช้อปคูปองส่วนลด
10-50%” สามารถไปเดินช้อปได้ในงาน
“ไทยเที่ยวไทย” ครั้งที่ 58
ที่ไบเทค บางนา แวะบูธ S43 ระหว่างวันนี้ -7
มีนาคม 2564 เวลา 10.00-20.00 น. เพื่อเลือกซื้อคูปองโปรโมชั่น บัตรชม มหานคร สกายวอล์ค
จุดชมวิวสูงสุดในกรุงเทพมหานคร ความสูง 314 เมตร และบัตรส่วนลด
10% ชุดอาหารกลางวัน ของห้องอาหารหรู
มหานคร แบงค็อก สกาย บาร์ หรือจะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ที่ http://bit.ly/KPMN-TTT58 ช้อปโปรโมชั่นสุดพิเศษ 2 รายการใหญ่ดังนี้
1.บัตรขึ้นชม “มหานคร สกายวอล์ค” เหลือเพียงครึ่งราคาเท่านั้น คือ บัตรผู้ใหญ่ราคาเพียงคนละ
400 บาท จากปกติ 880 บาท ซื้อแล้วสามารถนำคูปองดังกล่าวมาใช้บริการได้จนถึง
31 ตุลาคม 2564
2.ห้องอาหาร มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ มอบส่วนลด 10% เพื่อนำมาใช้รับประทานชุดอาหารกลางวัน 3
คอร์ส ราคาพิเศษเพียง 1,059 บาทสุทธิ จากปกติ 1,165
บาทสุทธิ ซื้อแล้วนำคูปองมาใช้ได้
จนถึง 30
มิถุนายน 2564
ภายในงาน “ไทยเที่ยวไทย” ระหว่างวันนี้ – 7 มีนาคม 2564 ที่ไบเทค บางนา ทางคิง เพาเวอร์ ศรีวารี ชวนแวะมาชมบูธ A29 มีข้อมูลแนะนำให้เตรียมตัวร่วมสนุกกับแคมเปญ “KING POWER SHOP & HOP WEEKEND MARKET : ไม่มีไฟลต์บิน ก็ช้อปมันส์ กินฟิน เช็คอิน ได้” จะจัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มเสาร์แรก 6 มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เพื่อ “ช้อปมันส์” ได้จาก 70 ร้านค้าดัง ที่จะนำสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ต่าง ๆ มากมาย นับหมื่นรายการมาให้ช้อป เพลินกับการ “กินฟิน” 30 ร้านอาหารสตรีทฟู้ดและเชฟมิชลิน ที่ ไทย เทสต์ ฮับ ศรีวารี และ “เช็คอิน” ใหม่ ๆ กับ Boonta Flower Cafe ในเมืองดอกไม้กว่า 2,000 ดอก และ “ลานเซิร์ฟสเก็ตแห่งใหม่ในศรีวารี”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับไทยแอร์เอเชีย สายการบินผู้นำโลว์คอสต์ นำร่องทดลองเส้นทางบินในประเทศตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย : SHA -Amazing Thailand Safty & Health Administration เริ่มเส้นทางแรก ไป-กลับ กรุงเทพฯ- เชียงใหม่ ตั้งแต่ 4 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
เป้าหมายก็เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวในประเทศเชื่อมั่นเกี่ยวกับการเดินทางอย่างปลอดภัยกับสายการบิน
ใช้ช่องทางการบินออกเดินทางไปในพื้นที่ไกล ๆ มากขึ้น
เพราะตั้งแต่เกิดโควิดคนส่วนใหญ่หันมาขับรถท่องเที่ยวเป็นหลัก อีกทั้งโครงการนี้จะได้ตื่นตัวท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศกระเตื้องขึ้นตั้งแต่เมษายนนี้เป็นไป
นอกจากจะบินทดสอบมาตรฐาน SHA ของ ไทย แอร์ เอเชีย
เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ แล้ว
กาารเดินทางครั้งนี้ยังมีเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวร่วมแสดงพลังใก้ผู้บริหารรและสื่อมวลชนทดลองใช้บริการในฐาะที่ได้รับตราสัญลักษณ์
SHAจาก ททท. ประกอบด้วย 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน
ได้แก่ ห้องอาหาร The Service 1924 ร้าน The House by
Ginger
กลุ่มที่ 2 โรงแรม ที่พัก ได้แก่
Anantara Chiang Mai Resort โรงแรม 137 Pillars House Chiang
Mai
กลุ่มที่ 3 สถานสุขภาพและความงาม ได้แก่
OASIS SPA at Nimman Chiang Mai RarinJinda Wellness Spa Resort และ
Zira Spa
แต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เป็นแรงหนุนช่วยให้นักท่องเที่ยววางแผนเที่ยวภาคเหนือช่วงวันหยุดและเทศกาลสงกรานต์ได้มากง่าย
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย แอร์เอเชีย กล่าวว่า คาดสถานการณ์ท่องเที่ยวโเยสายการบินในประเทศ จะเริ่มกลับมาตั้งแต่มีนาคม 2564 เป็นต้นไป โดยจะฟื้นตัวดีต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ตามแผนแล้ว แอร์เอเชียจะกลับมาเปิดบินในประเทศแบบประจำได้ครบ 100% จากปัจจุบันบริการอยู่เพียว 50%
เส้นทางบินยอดนิยมที่เตรียมพร้อมจะเพิ่มบริการต่อเนื่อง
ไป-กลับ ได้แก่ 1.ดอนเมือง-เชียงใหม่ 7 เที่ยว/วัน 2.สุวรรณภูมิ - เชียงใหม่ 3 เที่ยว/วัน 3.ดอนเมือง-ภูเก็ต 6
เที่ยว/วัน 4.ดอนเมือง-หาดใหญ่ 5 เที่ยว/วัน 5. ดอนเมือง-ขอนแก่น 4 เที่ยว/วัน 6.ดอนเมือง-อุดรธานี 3
เที่ยว/วัน
ข่าวที่ 4 ททท.แจก3ต่อลุ้นล้านแข่งกันเที่ยว“วันธรรมดาชาเลนจ์”ถึง15พ.ค.64
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำศิลปินขวัญใจคนไทย “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร“ มาเป็นพรีเซนเตอร์โครงการ “วันธรรมดา ชาเลนจ์” กระตุ้นตลาดในประเทศชวนกันแข่งออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยช่วงวันธรรมดา พร้อมร่วมสนุกรับโชครวมทั้งหมดกว่าล้านบาท ระหว่างวันที่ 3 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2564 รับได้ถึง 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ซื้อที่พักหรูราคาหลักร้อย เพียงเป็น1 ใน 1,000 คนแรก ที่เข้าไปลงทะเบียน www.วันธรรมดาชาเลนจ์.com
ต่อที่ 2 สะสมท่องเที่ยววันธรรมดาสะสมครบ 2 คืน ลุ้นรางวัลพิเศษประจำทุกสัปดาห์ รวมทั้งหมดกว่า 548,190 บาท คือ 1.ทองคำหนัก 1 บาท 9 รางวัล รวม 236,250 บาท 2.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO 128 GB มูลค่าเครื่องละ 19,990 บาท แจกทั้งหมด 6 เครื่อง มูลค่ารางวัลรวม 71,940 บาท 3.ตั๋วเครื่องบินฟรีเที่ยวทั่วไทย มูลค่ารางวัลละ 8,000 บาท 30 ใบ รวมมูลค่าอีก 240,000 บาท
ต่อที่ 3 สะสมท่องเที่ยววันธรรมดาสูงสุด 3 อันดับแรก รับทันทีเงินทุนพิเศษมูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท/คน แบ่งเป็น 1.พ็อกเก็ตมันนี่ 100,000 บาท 2.ตั๋วเครื่องบินฟรีในประเทศจากไทย สมายล์ ตลอด 1 ปี 3.บัตรเติมน้ำมัน 10,000 บาท และ 4.ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์คุ้มครอง 1 ล้านบาท
กำหนดจับรางวัล 3 ครั้ง วันที่ 31 มีนาคม, 28 เมษายน และ 19 พฤษภาคม 2564 ประกาศรายชื่อผู้โชคดีทาง facebook fanpage : วันธรรมดาน่าเที่ยว และเว็บไซต์ www.วันธรรมดาชาเลนจ์.com ในวันที่ 1 ม -จ เมษายน และ 21 พฤษภาคม 2564
สำหรับ “วันธรรมดา ชาเลนจ์” เป็นกิจกรรมชวนพี่น้องชาวไทย มาแข่งกันเที่ยวทั่วไทยในวันธรรมดา บอกเลยว่าสบายกว่าเยอะ ยิ่งเที่ยวยิ่งได้ ราคาก็ถูกใจ ไปแล้วไปต่อไม่ต้องรอ เสาร์-อาทิตย์ ได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ แบบไม่ธรรมดาอีกด้วย
รีบลงทะเบียนแล้วมาลุ้นโชค 3 ต่อกัน คลิกเลย www.วันธรรมดาชาเลนจ์.com
https://drive.google.com/.../1aYVE.../view...
ช่วงที่ 2 ชวนเที่ยวไม่ต้องเดี๋ยวอีกต่อไป ทริปผจญภัยใกล้กรุงเทพฯ กับการปักหมุดหยุดตั้งแคมป์กางเต็นท์สูดโอโซนกลางธรรมชาติ
เมืองชัยนาท “เบิ่งสวนแลนา -น้ำเพียงดิน- Classic
car caravan”
หรือจะปักหมุดในอำเภอแก่งคอย สระบุรี มีให้เลือก 2
แห่ง
“ละ-ลาน-ตา” กับ “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า”
รวมทั้งเมื่อเข้าสู่หน้าร้อนทางกรมควบคุมโรคมีเรื่องสุขภาพมาเตือนกับ “10เมนูอาหารต้องกินอย่างระวัง” ส่วนข่าวฮ็อต เรื่องแรก
“บางกอกแอร์” แจงปี63 ทำรายได้หมื่นล้านแต่ขาดทุน
40% ปี’64 เดินหน้าลุยพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภาเต็มเหนี่ยว และ
“สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส” เปิดบินแล้ว สิงคโปร์-ภูเก็ต โชว์ตารางบริการ ไป-กลับ
สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ควบคู่บินเข้าสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ร่วมฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวอาเซียนไปด้วยกัน
ทริปเที่ยวผจญภัยกลางดินตั้งแคมป์นอนเต็นท์เก๋ ๆ “ชัยนาท-สระบุรี”
ชวนแบบรัว ๆ ให้คนในประเทศออกเดินทางเที่ยวเมืองไทย
ทริปนี้มีการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยมาชวนไปตั้งแคมป์นอนเต็นท์สูดอากาศบริสุทธิ์ ใกล้
ๆ กรุงเทพฯ ที่ ชัยนาท กับสระบุรี
จุดแรก ปักหมุดบริเวณกลางสวน “เบิ่งสวนแลนา”
กันในตำบลเด่นใหญ่ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ที่นี่มีเต็นให้บริการทั้งหมด 3 แบบ กำลังทยอยลงทุนสร้างเต้นท์สไตล์โดมเพิ่มอีก
3
หลัง เต็นต์ที่มีอยู่ปัจจุบันดีไซน์พื้นที่ภายในที่พัก โดยมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบเพียบพร้อมทุกอย่าง
โทร 064 785 5615 ดูที่ www.facebook.com/BerngSuanResort
ส่วนแคมป์อีกแห่งที่ “น้ำเพียงดิน” จ.ชัยนาท เดือนมีนาคมนี้มีโปรโมชั่นมาแนะนำ
“พักเต็นต์แบบกระโจมติดแอร์”
พักอาทิตย์-พฤหัส 800บาท/หลัง วันศุกร์-เสาร์1,000บาท/หลัง เสิร์ฟฟรีอาหารเช้า 2 คน
เมนูอาหารเช้า อาทิ ข้าวต้ม กาแฟ ปาท่องโก๋
ขนมครก หรือขนมพื้นบ้าน อาหารเย็น เช่น หมูกระทะ 1 ชุด โค๊ก 1 ขวด น้ำแข็ง 1 ถัง
“เช่าเต็นท์” พร้อมเครื่องนอนทั้งที่นอน หมอน ผ้าห่ม วันอาทิตย์-พฤหัส ราคา 500/2คน วันศุกร์-เสาร์ 600/2คน ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่าสถานที่ หากนำเต็นท์มาเองจ่ายคนละ 150บาท/คืน
พร้อมทั้งมีกิจกรรมสนุก ๆ พาล่องเรือชมเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิถีชีวิตริม2ฝั่งแม่น้ำ เล่นแพเปียกริมแม่น้ำ แพกเกจพักเต็นท์รวมโปรแกรมทัวร์ มาสองคนจ่ายแค่ 1,500
จุดที่ 2
Classic car caravan ที่ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา ริมถนนสายเอเชีย
กม.117 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพ มีที่พักสไตล์รถบ้านบรรยากาศดี
บรรยากาศร่มรื่นด้วยบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ และร้านอาหาร คาเฟ่ สนามเด็กเล่น มินิฟาร์ม
ชวนกันมาเที่ยวเป็นครอบครัวได้โดยมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก อย่าง ป้อนนมน้องแกะ
ให้อาหารปลาคาร์ฟ ได้ด้วย
โทร 089-772-1214
, 086-9357443 www.classiccar-caravan.com
จุดที่ 3 ลานกางเต็นท์ตั้งแคมป์ที่“ละ•ลาน•ตา” บ้านชะอม ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย
สระบุรี เป็นแคมป์ปิ้ง&คาเฟ่ จุดนัดพบของเหล่าแคมเปอร์ ตกแต่งภายในและภายนอกสวยเรียบหรู
พร้อมบริการคล้ายโรงแรม หลัก ๆ จะมีพื้นที่ลานกางเต็นท์และจุดจอดรถบ้าน ท่ามกลางดงไผ่สีเขียว
มีลำธารลงเล่นน้ำได้ มีธรรมชาติอันเงียบสงบ ทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรม ดนตรีสด และทุกวันศุกร์-อาทิตย์
จะฉายโรงหนังกลางแจ้ง มีร้านอาหารตามสั่งและคาเฟ่อีกด้วย
โทร 086 951 5522 เว็บไซต์ www.facebook.com/lalantacamp
จุดที่ 4 ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย อากาศบริสุทธิ์
ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี สามารถไปนั่งปิคนิกริมอ่างเก็บน้ำกับภาพวิวทิวทัศน์ของต้นไม้และทิวทางศูนย์เปิดให้นำเต้นท์ไปกางเอง
หรือเช่าเต้นท์ได้ มีบริการห้องน้ำรวม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ช่วงวันหยุด เสาร์
อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะมาจับจองพื้นที่ลานกางเต็นท์กันตั้งแต่หัววัน
โทร 0-89237-8659 www.facebook.com/ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ-เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า
เที่ยวเมืองไทยตามลานแคมป์ธรรมชาติกว้าง
ๆ เป็นอีกทางเลือกที่สนุกไม่แพ้การท่องเที่ยวแบบอื่น ๆ
10เมนูอาหารที่กรมควบคุมโรคแนะต้องกินอย่างระวังช่วงหน้าร้อน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์
อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ
ช่วงเข้าสู่ฤดูร้อน เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลให้เชื้อโรคหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี
อาจทำให้อาหารบูดเสียได้ง่าย เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ
โดยเฉพาะโรคอาหารเป็นพิษ และโรคอุจจาระร่วง
สำหรับอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่ประชาชนควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
10 เมนู ได้แก่ 1.จ่อม/ก้อย/ลาบดิบ
2.อาหารประเภทยำ 3.อาหารทะเล 4.ข้าวผัด/ข้าวผัดโรยเนื้อปู 5.ขนมจีน
6.สลัดผัก 7.อาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของกะทิ
8.ส้มตำ 9.ข้าวมันไก่ และ 10.น้ำแข็งที่ไม่สะอาด
เมนูอาหารเหล่านี้ควรรับประทาน โดยยึดหลัก
“สุก ร้อน สะอาด” คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
หากเป็นอาหารกล่องควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และรับประทานภายใน 2
ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ หากมีรูป รส กลิ่น สีผิดปกติ ต้องเลิกรับประทานทันที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก บางกอกแอร์ปี’63ทำรายได้1หมื่นล้านลด40%-ปี’64ลุยเมืองการบินอู่ตะเภา
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุดประกาศผลประกอบการปี 2563 มีรายได้รวม 10,216.3 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 64.2 % เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงทั้ง ธุรกิจสายการบินลด 70.4 % , ธุรกิจสนามบินลด 67.6 % และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องลด 57.5 % ทำให้ขาดทุนสุทธิ 5,327.8 ล้านบาท โดยเป็นผลขาดทุนส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 5,283.2 ล้านบาท และขาดทุนต่อหุ้น 2.56 บาท
ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด บางกอกแอร์จึงต้องปรับแผนการปฏิบัติการบิน ให้สอดคล้องกับมาตรการจำกัดการเดินทาง และปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร ทยอยหยุดบินในบางเส้นทางตั้งแต่มีนาคม 2563 จากนั้นเมื่อ 6 เมษายน -14 พฤษภาคม 2563 เริ่มกลับมาบินในประเทศอีกครั้งตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา เส้นทางแรก กรุงเทพฯ – สมุยเป็นเส้นทางแรก และช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ทยอย 10 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ – สมุย, กรุงเทพฯ – เชียงใหม่, กรุงเทพฯ - ลำปาง, กรุงเทพฯ – สุโขทัย, กรุงเทพฯ - ภูเก็ต, กรุงเทพฯ - ตราด, กรุงเทพฯ – กระบี่, ภูเก็ต – สมุย, ภูเก็ต – หาดใหญ่ และภูเก็ต – อู่ตะเภา
ทำให้ปี 2563 ให้บริการผู้โดยสารรวม1,884,603 คน ลดลงจากปีก่อน 67.8 % อัตราบรรทุกเฉลี่ย 62.9 %
ขณะเดียวกันก็ได้ออกมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดทั้งในส่วนของสายการบินฯ และสนามบินของบริษัทฯ ทั้ง 3 แห่ง (สมุย สุโขทัย และตราด) โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร
ส่วนการลงทุนในกิจการร่วมค้าบีบีเอส
จัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ ได้แก่ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นเแนล เอวิเอชั่น
จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 4,500 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ลงนามสัญญาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามสัญญาสัมปทาน 50 ปี
ขณะที่ บริษัท บางกอกแอร์ เอวิเอชั่น
เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับแต่งตั้งจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA) ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านการบินระดับภูมิภาค
ได้รับใบรับรองจากสถาบันฝึกอบรมด้านการบิน (Certificate of Training
Organization Approval) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
เรียบร้อยแล้ว
ข่าวที่สอง “สิงคโปร์แอร์”ชิงเปิดบินเข้าไทยภูเก็ต/กรุงเทพฯฟื้นเศรษฐกิจทัวร์อาเซียน
สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสที่ 4 มีนาคม 2564 ได้เปิดบินปฐมฤกษ์ SQ736 ไป-กลับ สิงคโปร์-ภูเก็ต ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-800 NG ตามตารางการบินในเส้นทางนี้ จะบิน 4 เที่ยว/สัปดาห์
คือ ออกจากภูเก็ตไปยัง สิงคโปร์ 1.SQ 735 ทุกวันพฤหัสบดี
เวลา 18.00 น. 2.SQ 725 ทุกวันอาทิตย์ 10.15
น. ออกจากสิงคโปร์ 1.SQ 736 ทุกวันพฤหัสบดี 16.20
น. 2.SQ726 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 08.40 น.
ในทุกเที่ยวบินจะเน้นผลิตภัณฑ์และบริการระดับพรีเมียมของกลุ่มสิงคโปร์
แอร์ไลน์ส เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการรวมซิลค์แอร์เข้ากับสายการบินแม่
สำหรับเที่ยวปฐมฤกษ์ SQ736 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 ออกจากสิ งคโปร์ 16.20 น.
(เวลาสิงคโปร์) ถึ งภูเก็ ต 17.15 น. (เวลาไทย) เที่ยวบินขากลับ SQ735 ออกจากภูเก็ต 18.00 น. (เวลาไทย) ถึงสิงคโปร์ 21.00 น. (เวลาสิงคโปร์) โบอิ้ง787-800 NG ประกอบไปด้วย
ชั้ นธุรกิจจ 12 ที่นั่ง และ ชั้ นประหยัด150 ที่นั่ง มีบริการตัวเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดี
พร้อมความบันเทิงบนเที่ยวบิน คริสเวิลด์ (KrisWorld) ผ่านทางเว็บไซต์
www.singaporeair.com
ทั้งนี้ สายการบินในเครือสิงคโปร์ ได้แก่ 1. สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ให้บริการบิ น ไป-กลับ สิงคโปร์ สู่ กรุงเทพฯ
และภูเก็ต 2.สายการบินสกู๊ต เป็นโลว์คอสต์ในกลุ่มสิงคโปร์
แอร์ไลน์ส บินมายังสนามบินสุวรรณภูมิ) กรุงเทพฯ ด้วย 3.ซิลค์แอร์ยุบรวมกับสิงคโปร์
แอร์ไลน์ อยู่ระหว่างทยอดเส้นทางและฝูงบินโบอิ้ง 787-800 NG รวม
9 ลำ เข้าสู่ฝูงบินของ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส อย่างสมบูรณ์ในปีงบการเงิน
2564/65
ส่วนบริการการบินวิถีใหม่ของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายได้นำระบบโบรชัวร์ อิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ส่งให้ลูกค้าก่อนเที่ยวบิน
เป็นช่องทางให้ข้อมูลทั้งมาตรการช่วงก่อนบิน ที่สนามบิน บนเครื่องบิน และเมื่อเดินทางมาถึงปลายทาง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น