“คิงเพาเวอร์”จัดทัพใหม่ชู“THE POWER OF POSSIBILITIES” ทุ่มเปิดดิวตี้ฟรี2โปรเจกต์-ปรับธุรกิจเพิ่ม8กลุ่ม-ลุยกลยุทธ์4Es
“คิงเพาเวอร์”จัดทัพใหม่ชู“THE POWER OF POSSIBILITIES”
ทุ่มเปิดดิวตี้ฟรี2โปรเจกต์-ปรับธุรกิจเพิ่ม8กลุ่ม-ลุยกลยุทธ์4Es
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TheJournalistclub #KINGPOWER #THEPOWEROFPOSSIBILITIES #ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ #MatichonOnline
อ่านใน website The Journalistclub และมติชนออนไลน์ จากลิงค์นี้…
“คิง
เพาเวอร์” ปรับทัพใหม่ในรอบ 3 ทศวรรษ พลิกโฉมค้าปลีก
และท่องเที่ยวภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE POWER OF POSSIBILITIES” ผ่านกลยุทธ์
4Es ขานรับเปิดประเทศ ผุด 2 โปรเจกต์ยักษ์
“ดิวตี้ฟรีแซทเทิลไลท์สุวรรณภูมิ-ดิวตี้ฟรีดาวน์ทาวน์ย่านCBD”
และพื้นที่เชิงพาณิชย์กว่า 3,000 ล้าน
พร้อมจัดหมวดธุรกิจขยายจาก 4 เป็น 8
กลุ่มแกนหลัก
นายอัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้จัดงานเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
2566 แถลงนโยบายและแผนการดำเนินธุรกิจประจำปี 2566 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบกว่า 3 ทศทวรรษ โดยชูแนวคิด
‘THE POWER OF POSSIBILITIES’ ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้
ยืนหยัดขับเคลื่อนธุรกิจคนไทยให้ก้าวสู่มิติใหม่ระดับสากล ผ่านกลยุทธ์ 4Es
– Enable, Encourage, Explore และ Empower ผสาน
Digital Transformation ด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมสินค้าที่ทันสมัย
และเซอร์วิสโซลูชั่นใหม่ๆ ทั้งในสนามบิน และใจกลางเมือง
ล่าสุดคิง เพาเวอร์
ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเทรนด์อนาคต เริ่มคลิกออฟตั้งแต่ปี
2566 เป็นต้นไป ปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น Multi-Business จากเดิมที่มี 4 แกนหลัก เป็น 8 แกนหลัก ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ธุรกิจสินค้าปลอดอากร
(Travel Retail) กลุ่มที่ 2 ธุรกิจค้าปลีก
(Retail) กลุ่มที่ 3 ธุรกิจอาหาร (Dining)
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจโรงแรม (Hospitality)
กลุ่มที่ 5 ธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer
Products) กลุ่มที่ 6 ธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์
(Travel Experiences) กลุ่มที่ 7 ธุรกิจกีฬา
(Sports) และกลุ่มที่ 8 กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
ตั้งเป้าหมายมอบประสบการณ์ใหม่
ๆ ครอบคลุมรูปแบบต่าง ๆ สร้างความสะดวกรวดเร็วตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว
การชอปปิ้ง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
เติมเต็มทุกความต้องการของชีวิตที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค
และนักท่องเที่ยวทั่วโลก
รวมทั้งเดินหน้าปลุกกำลังซื้อต้อนรับการเปิดประเทศโดยได้ลงทุนใหม่
2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการแรก คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สนามบิน
หรือ King Power Duty Free ในพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่
1 (Satellite Building) และ โครงการที่ 2 ร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง หรือ King Power Downtown Duty Free ในทำเลใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของประเทศ (CBD) รวมพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินร่วม
10,000 ตารางเมตร มีมูลค่าการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ร่วมปลุกเศรษฐกิจไทยคึกคักจากตลาดกลุ่มนักเดินทางคนไทยและทั่วโลกเริ่มตั้งแต่ปี
2566 เป็นต้นไป
นายอัยยวัฒน์ กล่าวว่า ช่วงเวลา
3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พนักงานคิงเพาเวอร์ทุกระดับเป็นพลังใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวผ่านมาสถานการณ์ดังกล่าวมาได้
ทำให้เกิดแนวคิด “WE are powerful than I” ซึ่งจะนำมาต่อยอดเป็น
Brand Idea ขององค์กรอันเกิดจากความมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนได้สร้างพลังความเป็นไปได้
จนสร้างสรรค์เป็นแนวคิดหลัก “THE POWER OF POSSIBILITIES ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้”
ตั้งแต่ปี 2566
เป็นต้นไป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งเน้นจะค้นหาและสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางเพื่อผู้คนทั่วโลก
และเพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จึงเตรียมเปิดดิวตี้ ฟรี ใหม่อีก 2แห่ง คือ แห่งที่ 1 บริเวณพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่
1 (Satellite Building) รองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 151,000 คน แห่งที่ 2 บนทำเลธุรกิจใจกลางเมือง
หรือย่าน CBD ตั้งเป้ารองรับนักท่องเที่ยวประมาณวันละ
50,000 คน
โดย กลุ่มบริษัทคิง
เพาเวอร์ พร้อมจะผนึกกับพันธมิตรทุกภาคส่วน และพนักงานทุกระดับ
ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมสู่ความยั่งยืนครบทุกมิติ ดำเนินธุรกิจโดยยึดแกนหลัก
The
Power of Possibilities ขยายฐาน “คิง เพาเวอร์” ให้เป็นมากกว่ากลุ่มผู้ประกอบการสินค้าปลอดภาษี
ผ่านกลยุทธ์ 4Es ประกอบด้วย
1. Enable นำนวัตกรรมใหม่มาให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยนำเทคโนโลยี
และวัฒนธรรมใหม่ ๆ ของโลกดิจิทัล
2. Encourage ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
และมุมมองล้ำสมัยของบุคลากร และพันธมิตรทางธุรกิจ
3. Explore
ส่งมอบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของประสบการณ์การเดินทาง และการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภค
4. Empower จุดประกายให้ผู้คนทั่วโลกได้ออกมาใช้ชีวิตในทุกวันให้พิเศษกว่าเดิม
ส่วนปี 2565 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ลงทุนปรับปรุงพื้นที่ภายใน “สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ”ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ
12 ปี ชูคอนเซ็ปต์จุดขายให้เป็น “World
Junction” ศูนย์รวมมากกว่า 20 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกไว้ในที่เดียว
สร้างปรากฏการณ์ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น/Duty Free
World Class Shopping Destination ยกระดับสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย
ควบคู่กับการเปิดตัวโครงการ
“คิง เพาเวอร์ มหานคร” เต็มรูปแบบ ภายใต้คอนเซปต์ THE MAHANAKHON OF LIVES มหานคร หนึ่งเดียวของทุกคน’ สะท้อนสีสัน เสน่ห์ ของกรุงเทพฯ
เมืองหลวงที่นักเดินทางทั่วโลก และคนไทยต้องมาเช็คอิน โดยมีโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด
แบ็งคอก มหานคร เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็น ICONIC
WORLD CLASS LANDMARK DESTINATION ระดับโล
รวมทั้งมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสุ่
Digital
Transformation เพื่อให้องค์กรทันสมัย
โฟกัสการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าปัจจุบันและอนาคตมากยิ่งขึ้น (Customer-centric)
ไปพร้อมกับเดินหน้าพัฒนาทั้งระบบด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
ด้านบริหารงาน ด้านการขายและหลังการขาย การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร และบุคลากร
ก้าวไปข้างหน้าอย่างทัดเทียมกัน
นอกเหนือจากการโครงสร้างธุรกิจแล้ว
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ยังใส่ใจให้ความสำคัญกับพนักงาน
ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรมาตลอดโดยได้ส่งเสริมและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของพนักงานในมิติต่างๆ พร้อมทั้งมอบรางวัล Appreciation
Recognition ให้พนักงานเกษียณ และพนักงานที่ทำงานครบรอบตามลำดับ
30 ปี, 20 ปี และ 10 ปี สร้างขวัญกำลังใจ และขอบคุณพนักงานถึงความทุ่มเททำให้องค์กรยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งมาได้จนถึงทุกวันนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น