ททท.อีสานสงกรานต์ปี66 นำ20จังหวัดโกยเงิน 4,050 ล้านบาท-ลุยขายเพิ่ม Soft Power5ภาค-Unseen New Chapters-วิจิตรนครพนม
ททท.อีสานปลุกเที่ยวสงกรานต์ทำเงินสะพัด20จังหวัด4,050ล้าน
ครึ่งหลังปี’66ลุยต่อขายอีสานเขียวเที่ยวหน้าฝนบิ๊กเบิ้ม3โปรเจ็กต์
บูสเตอร์Soft Power5ภาค+อันซีนNewChapter+วิจิตรนครพนม
“คิงเพาเวอร์รางน้ำ”จัดสงกรานต์เที่ยวสนุกช้อปสนั่นถึง17เม.ย.66
สุดคุ้ม!!สมัครสมาชิกใหม่คิงเพาเวอร์รับ3ฮ็อตแจกโปรส่วนลดแรง
สิทธิพิเศษ!!ทุกบัตรคิงเพาเวอรใช้โรงแรมเดอะสลิลลดสูงสุด20%
ททท.จัดInter Amazing Splash2023ยกชั้นสงกรานต์ไทยสู่สากล
“บางจาก-ตร.ทางหลวง”ทำสงกรานต์อุ่นใจแวะพักรถปั๊มบางจาก
TCEBรณรงค์จัดอีเวนต์สงกรานต์ร่วมลดโลกร้อนชดเชยคาร์บอน
เที่ยวด่านซ้ายจ.เลยงานบุญแห่ข้าวพันก้อนบูชาพระธาตุศรีสองรัก
5อาหารที่ต้องเลือกกินหน้าร้อนควรกิน-ควรหลีกเลี่ยงเสี่ยงร้อนใน
AWCเปิด“เดอะสยามทีรูมท์”เอเชียทีคบูมอาหารไทยดึงตลาดโลก
BCPGตีปีกADBให้กู้งวดแรกยันเปิดโรงไฟฟ้ามอนซูนในลาวปี’68
วันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #แห่ข้าวพันก้อนด่านซ้ายจังหวัดเลย #พระธาตุศรีสองรัก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/jVUUWKzbng/
ช่วงที่ 1 วัดชีพจรสงกรานต์ทำเงิน กับ “นางสาวสรัสวดี
อาสาสรรพกิจ” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) อีสานชุ่มฉ่ำรายได้สะพัดสงกรานต์ 4,050 ล้านบาท 5 จังหวัดฮ็อต ขอนแก่น หนองคาย เลย สุรินทร์
และบุรีรัมย์ ลุยต่อทันควันครึ่งปีหลังทุ่มขายเพิ่มอีก 3 โปรเจกต์ “Soft Power Tourism Booster
Shot 5 ภาค- Unseen New
Chaptersเปิดใหญ่หลังเลือกตั้ง
14 พ.ค.-วิจิตร 5 ภาค ยิ่งใหญ่วิจิตรนครพนม นครแห่งความสุขริมฝั่งโขง”
และ 8 สำนักงาน
กระหน่ำขายอีสานเขียวเที่ยวหน้าฝนเต็มคาราเบล
นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่
12-16 เมษายน 2566
จะเดินทางกลับบ้านเยี่ยมญาติและท่องเที่ยวในอีสาน
20 จังหวัด
โดยจะสร้างรายได้หมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 4,050 ล้านบาท จากเป้าหมายรวมทั่วประเทศ 13,500 ล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 1.1 ล้านคน หรือคิดเป็น 30 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด 3,808,500 คน
กระจายไปตามพื้นที่ยอดนิยมตามอันดับ 5 จังหวัดแรก ได้แก่ ขอนแก่น หนองคาย เลย สุรินทร์ และบุรีรัมย์เป็นน้องใหม่มาแรง
“จังหวัดขอนแก่น” เทศกาลยอดนิยมท่องเที่ยวดอกคูนเสียงแคน สร้างสรรค์เพิ่มเป็นสงกรานต์ถนนข้าวเหนียว และการทำคลื่นมนุษย์ได้มากที่สุดได้จัดวันที่ 15 เมษายน นี้ บริเวณถนนศรีจันทร์ กับบึงแก่นนคร รวมทั้งการออกร้านโอท็อป ททท.สนับสนุนด้วยการแจกซองกันน้ำโทรศัพท์มือถือแก่นักท่องเที่ยวพร้อมโปรโมตไปทั่วโลก
“จังหวัดหนองคาย” จัดยิ่งใหญ่สงกรานต์วัดโพธิ์ชัย 12-17 เมษายน นี้ มีกิจกรรมทำบุญตักบาตร อัญเชิญหลวงพ่อพระใสพระพุทธรูปคู่เมือง จะทำพิธีแห่รอบเมืองให้นักท่องเที่ยวสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล
“จังหวัดเลย” จัดสงกรานต์วิถีถิ่นในหมู่บ้านแสงภา วัดศรีโพธิ์ชัย อำเภอนาแห้ว เริ่มจัดวันที่ 14 เมษายน นำเสนอประเพณีของแต่ละคุ้มบ้าน/หมู่บ้าน จะช่วยกันประดิษฐ์ต้นดอกไม้สูงถึง 15 เมตร แล้วนำมายังวัดแห่รอบอุโบสถโดยจะทำการแห่ต้นดอกไม้ทุกวันพระไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้
“จังหวัดสุรินทร์” เมืองแห่งช้างมีคชจักร อำเภอท่าตูม ปี 2566 จัดยิ่งใหญ่ “Elephant Songkran Festival 2023” ตั้งแต่วันนี้-17 เมษายน นำช้างในคชจักรกว่า 50 เชือก ให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำกับช้างอย่างสนุกสนาน มีรถแห่ รำวง และปาร์ตี้กับช้างตลอด 7 วัน ขณะนี้ช้างสุรินทร์บางเชือกมี FC เป็นแฟนคลับมีเพจ Live facebook ซึ่งมีผู้ติดตามหลักแสนคน ทางคุณแม่ คุณป้า ก็จะมอบเงินให้ช้างเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และสามารถเที่ยวอาณาจักรช้างได้ตลอดทั้งปี เพราะแต่ละครอบครัวได้ดูแลเลี้ยงช้างเป็นอย่างดี
“จังหวัดบุรีรัมย์”
เปิดบริเวณลานช้างสนามอารีน่า จัดมหกรรม “สงกรานต์เรืองแสง” นำทัพเหล่าศิลปิน
และความบันเทิงหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยววัยรุ่น ครอบครัว สูงวัย
มาร่วมเล่นสงกรานต์กันอย่างคึกคัก
ผอ.สรัสวดี
กล่าวว่า วางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคอีสานช่วงครึ่งหลัง ระหว่างเมษายน-กันยายน 2566 รัฐบาลให้ความสำคัญโดยอนุมัติงบประมาณกลางให้
ททท.ใช้ทำโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการที่ 1 Soft Power Tourism
Booster Shot
ยกระดับสินค้าการท่องเที่ยว 5F
ให้ชัดเจนมากขึ้นเริ่มช่วงเมษายน 2566
เป็นต้นไป คือ F1-food/อาหาร F2-fashion/แฟชั่น/ F3-Fight/ศิลปะการต่อสู้ F4-Festival/เทศกาล F5-Film/สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์
โดย
ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค
จะแบ่งกันรับผิดชอบ ประกอบด้วย ททท.อีสานเล่นเรื่อง “Food/อาหาร”
ซึ่งยังมีเมนูพระรองอีกเป็นจำนวนมากที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเมนูอาหารอีสานอย่างแพร่หลาย
เช่น ห่อปลายอน หรืออื่น ๆ ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
โดยจะเปิดช่องทางออนไลน์ให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกลุ้นรับรางวัล
หรือรับประทานอาหารตามร้านมิชลิน ซึ่งมีจำนวนมาก
ส่วน
“ททท.ภาคเหนือ” จะทำเรื่อง “Fashion”
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย “ททท.ภาคกลาง” นำเสนอเรื่อง “Festival/เทศกาล” จะมีความหลากหลายรอบด้าน “ภาคตะวันออก”
จะเล่นเรื่อง “Fight/การต่อสู้”
ศิลปะมวยไทยและอื่น ๆ โดยมีบัวขาว บัญชาเมฆ มาทำเกี่ยวกับ FIT&FIRM “ภาคใต้” จะทำเรื่อง Film/สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์”
โครงการที่ 2 Unseen New Chapters อยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกโดยให้ทั้ง 77
จังหวัด ส่งสถานที่ท่องเที่ยวมายัง
ททท.ได้รับครบแล้ว จากนั้นจะเปิดโหวตทั่วประเทศหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม นี้ แล้วคัดให้เหลือ 20 สถานที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนสุดท้าย
บวกกับให้ผู้ทรงคุณวุฒิคัดเลือกเพิ่มอีก 5 แห่ง
ซึ่งจะได้ทั้งหมด 25 แห่ง
สำหรับสถานที่เหลืออีก 52 แห่ง
ก็จะทำนำไปต่อยอดส่งเสริมการขายต่อเนื่องต่อไป
สำหรับวิธีสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ที่จะเข้ามาโหวตแหล่งท่องเที่ยว
Unseen New Chapters เพิ่มความคึกคักด้วยการจะเปิดโหวตทุกสัปดาห์
ให้โหวตได้คนละ 5 ครั้ง ใน 5 ภูมิภาค
จากนั้นก็จะสุ่มเลือกแบบเดียวกับล็อตโต้เพื่อค้นหาผู้ที่จะได้รับรางวัลพิเศษแต่ละงวด
เป็นที่พักหรูหรา ตั๋วโดยสารเครื่องบินท่องเที่ยวในประเทศ
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยว
Unseen New Series ทั้ง 25 แห่ง
ททท.จะนำมาโปรโมตบนเว็บไซต์ที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างสวยงามทั้งรูปภาพ เนื้อหา
เพื่อเชิญชวนให้คนเข้ามาชมแล้วตัดสินใจเลือกเดินทางกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวที่สนใจ
โครงการ Unseen New
Chapters จะสร้างประโยชน์โดยตรงด้านตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ
ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 เป็นกลยุทธ์หาสินค้าท่องเที่ยวใหม่
และขยายสิทธิสินค้าเก่าที่มีอยู่ในตลาดต่อยอดการท่องเที่ยว เรื่องที่ 2 สร้างสรรค์สินค้าท่องเที่ยวให้เกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ผลักดันให้เกิดการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวตามพื้นที่ดังกล่าว
ซึ่งก่อนจะนำมาวางตลาดได้ผ่านคุณสมบัติตามเกณฑ์ ต้องมีระบบบริหารจัดการที่ดี
เข้าถึงแหล่งได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบหรือ Responsible
Toursim
โครงการที่ 3 วิจิตร 5 ภาค ทาง ททท.อีสานไฮไลต์จัด
“วิจิตรนครพนม-นครแห่งความสุขริมฝั่งโขง” ปักหมุดที่นครพนม ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-4 มิถุนยายน 2566 ตลอด 9 วัน นำเสนอการแสดง
แสง สี เสียง Mapping และ Light
up รวม 15 จุด ตามอาคาร สถานที่ท่องเที่ยวเลียบลำน้ำโขง
ตั้งแต่ลานศาลาท่าน้ำแสงสิงแก้ว จนถึงอาสนวิหาโบสนักบุญอันนา หนองแสง รวมระยะทาง 4.8
กม.เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปพร้อมเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์เมืองแห่งความสุขอันสวยงาม
เตรียมเปิดอย่างยิ่งใหญ่วันที่ 27 พฤษภาคม นี้ บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช
พร้อมกับการแสดงทางวัฒนธรรม ดนตรีประกอบแสงสีเสียงศิลปะสมัยใหม่
จัดแสดงทุกวันศุกร์-วันอาทิตย์ รวม 2 สัปดาห์
พร้อมมีบริการรถรางไปยังชมตามจุดที่ได้จัดทำ Mapping และ Light up
ซึ่งเน้นความทันทสมัยเพื่อบอกเรื่องราวจังหวัดนครพนม อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
ตามตึกสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น หอฬิกา น้ำพุหน้าหอนาฬิกา ศาลจังหวัดนครพนม 100
ปี สำนักงานนครพนม
หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และอื่น ๆ
ไฮไลต์ทางเศรษฐกิจ
ททท.อีสานจะจัดส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร
บริษัทนำเที่ยว ผลิต E-Coupon มูลค่ารวมไม่น้อยกว่า
500,000 บาท
มอบส่วนลดพิเศษเพื่อนำไปใช้เป็นเงินสดซื้อสินค้า และของที่ระลึก ซึ่งจะเปิด
“ถนนคนเดิน” จัดงาน ออกบูธร้านขายอาหารถิ่น ของที่ระลึก ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ 2
สัปดาห์
ผอ.สรัสวดี กล่าวว่า
ททท.ยังคงเดินหน้าส่งเสริมตลาดการขายท่องเที่ยว “อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน” ททท.ทั้ง
8 สำนักงาน
พร้อมใจจัดกิจกรรมท่องเที่ยวต่อเนื่องทุกเดือน ไฮไลต์เป็นการท่องเที่ยวตามประเพณี
“ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่” เริ่ม “กลางเดือนพฤษภาคม” เที่ยวงาน บุญเดือนหก บุญบั้งไฟ
ในจังหวัดแถบอีสานตอนกลาง ได้แก่ ยโสธร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม
“เดือนมิถุนายน” เที่ยวงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย
จังหวัดเลย และการท่องเที่ยวธรรมชาติ ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติเทพสถิต
จังหวัดชัยภูมิ และช่วงมิถุนายน-กลางสิงหาคม นี้ สนุกกับการเที่ยวสวนผลไม้
“อร่อยทุกไร่ ชิมได้ทุกสวน” กับทุเรียนภูเขาไฟ จังหวัดศรีสะเกษ
“อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน”
เป็นอีกหนึ่งภาคที่จะท่องเที่ยวแบบฟินสุด ๆ หน้าฝน ทั้งเย็นชุ่มฉ่ำ เขียวขจี ของธรรมชาติผนวกเข้ากับวิถีถิ่นที่จะทำให้ทุกคนหลงรักอย่างแน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์รางน้ำ”จัดสงกรานต์เที่ยวสนุกช้อปสนั่นถึง17เม.ย.
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดยิ่งใหญ่แคมเปญดับร้อน “SUMMER EXPLORATION: EXPLORING NEW
POSSIBILITIES สาดความสนุกสุดซิ่ง” ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ต้อนรับประเพณี “สงกรานต์ ประจำปี 2566” สัปดาห์นี้มีไฮไลท์ที่ “คราวน์ เอเทรียม”
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ ระหว่างวันนี้ – 17 เมษายน
2566 ปลุกกระแสนักท่องเที่ยว นักช้อป
แวะมาที่เดียวจบครบทุกความสุขสนุกสนาน
เมื่อ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดอลังการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดสงกรานต์ปีใหม่ไทย
นำความสนุกสนานกับความบันเทิงมามอบให้ทุกคนเต็มรูปแบบ วันนี้-16 เมษายน 2566 จัดเต็มขบวนเดินประกอบการแสดงสงกรานต์ บรรเลงดนตรีสดสร้างปลุกความสนุกสนานแบบไทย
พร้อมด้วยวงดนตรีสุนทราภรณ์ วงเพลงไทยสากลแห่งแรกของไทยขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่
และขบวนแสดงการร่ายรำประกอบหุ่นละคร สะท้อนวัฒนธรรมของไทย และกิจกรรมอีกมากมาย
มาแล้วจะได้ประสบการณ์ท่องเที่ยวสงกรานต์แห่งวิถีไทย
แนะนำให้ช้อปที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เพื่อร่วมสนุกเต็มเหนี่ยว เริ่มจาก
“ช็อปครบ 5,000
บาท/ใบเสร็จ” นำมารับสิทธิ์ร่วมสนุกได้ 3 เกม และ “ช้อปครบ
8,000 บาท”
ร่วมสนุกเพิ่มเป็น 5 เกม ภายในงานมีเกมการละเล่นสนุกแบบไทย
อย่าง เกมปากระป๋องซู่ซ่า เกมตกเป็ดน้อยกลอยใจ เกมยิงบอลหรรษา เกมโยนห่วงสุดซิ่ง
เกมตุ๊กตาเต้นระบำ รวมทั้งลุ้นรับของรางวัลสุดแซ่บสัญลักษณ์จังหวัด เช่น พัดสาน
พระนครศรีอยุธยา มาลัยผ้าขาวม้า ขอนแก่น รวมทั้งบัตรกำนัล
และสินค้าไทย
ตลอดเทศกาลสงกรานต์ที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ”
เชิญชวนทุกคนร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “องค์หลวงพ่อโสธรจำลอง”
เสริมสิริมงคลโดยได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ตรง “ลานบุษบก”
รวมทั้งดีไซน์ซุ้มองค์พระตกแต่งด้วยงานจักสานไม้ไผ่จากภาคเหนือของไทย
เป็นฝีมือศิลปินของขึ้นชื่อ VASSANA DESIGN ผู้ออกแบบชะลอม APEC 2022 ได้นำลายโบราณพื้นฐานมาประยุกต์สรรค์สร้างเป็นของใช้ของตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ส่วน “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี” ใกล้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ชวนทุกคนมาสาดความซิ่งให้สุด
สนุกกับเกมเด่น ๆ ไม่แพ้กันตลอดสงกรานต์ระหว่างวันนี้ -16 เมษายน 2566 เพลิดเพลินกับเกมโยนห่วงสุดซิ่ง เล่นฟรี! 1
เกม เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
พิเศษ! สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ Scarlet รับสิทธิ์เล่นเพิ่มได้อีกถึง
2 เกม แล้วยังจะได้ชมการแสดงหุ่นละครเล็กจากอักษรา และรับฟรี!
น้ำตาลปั้นสุดเปิ๊ดสะก๊าด เมื่อสมัครสมาชิกภายในงาน
คิง เพาเวอร์ เปิดช่องทางให้ทุกคนได้เข้าถึง โปรโมชั่นพิเศษ
และสมัครสมาชิก ในช่วงโอกาสทองที่จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย สมัครได้ที่ 1.จุดบริการสมาชิก
คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา 2.LINE Official Account : @KINGPOWER หรือ
3.ช้อปผ่านช่องทาง CALL TO SHOP เพียงโทร.02
– 338 – 7870 และ CHAT TO SHOP โดย Add
LINE Official Account : @KP_ChatToShop
เท่านี้ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าที่โดนได้อย่างสะดวกสบายทุกวัน
ข่าวที่ 2 สุดคุ้ม!!สมัครสมาชิกใหม่คิงเพาเวอร์รับ3ฮ็อตโปรส่วนลดแรง
คุ้มสุด!! เมื่อ “สมัครสมาชิก ใหม่ คิง เพาเวอร์” ภายในงาน S2O :Songkran Music Festival 2023 วันที่ 15 เมษายน 2566 รับ
3 ฮ็อต ได้แก่
ฮ็อตที่ 1 รับโปรแรง เมื่อสมัครบัตร NAVY สมัครฟรี
รับส่วนลด 5 % ส่วนบัตร SCARLET เติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก เพียง 10,000 บาท
จากปกติ 20,000 บาท รับส่วนลดทุกการช้อป 10 %
ฮ็อตที่ 2 สิทธิ์สุดคุ้ม ส่วนลดจากการช้อปผลิตในเครือคิง
เพาเวอร์ทั้งหมด เช่น X8
Mulityply by eight คิง เพาเวอร์คอลเลคชั่น หรือใช้บริการที่ห้องอาหารควิซีน
อันปลั๊ก และบริการเลอสปาของโรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์ หรือช้อปแบรนด์หลงไหล (LongLai) แบรนด์มหานคร และแบรนด์ Pastel
ฮ็อตที่ 3 รับสิทธิประโยชน์สมาชิกมากมาย แบ่งเป็น ส่วนที่ 1 รับส่วนลดทันที ทุกการช้อปตลอดอายุสมาชิกสูงสุด 10 % และสะสมยอดช้อปครบปรับสถานะสมาชิกทันทีเพื่อรับส่วนลด
15 % ส่วนที่ 2 รับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าปกติ
เช่น สิทธิ์วันเกิดรับ Cash back 25 % X2 สิทธิ์ รับคุ้มกว่าด้วยกระรัตรี;อร์ต ทุกการช้อป 100
บาท รับ 1 กะรัต สิทธิ์เข้าใช้บริการ คิง
เพาเวอร์เลาจน์ และคิง เพาเวอร์ สเปซ รวมถึงสิทธิ์ใช้กะรัตแทนเงินสดทุก 1 กะรัต = 1 บาท
สมาชิกใหม่ที่สมัครบัตร NAVY SCARLET
ยังสามารถพลัสความฮ็อตด้วยสิทธิประโยชน์และส่วนลดได้จากคิง เพาเวอร์ได้ อีก 4 เครือข่าย ได้แก่
1.รับส่วนลดคิง เพาเวอร์ 1,000 บาทตั้งแต่วันนี้ -30 เมษายน 2566
2.รับสิทธิประโยชน์เพิ่มจากบริการ King Power Click & Collect ได้ตั้งแต่วันนี้- 30 เมษายน 2566
3.สิทธิประโยชน์ที่ King Power Mahanakhon SkyWalk รับส่วนลด
20% ได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2566 และรับส่วนลด 50%
เมื่อสมัครสมาชิกภายในงานเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2566
เมื่อไปถึงสนามบิน สมาชิกต้องลองใช้ “King Power Space”
เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมของสมาชิก เป็นจุดพักสำหรับนักเดินทาง
เพื่อให้ทุกคนที่กำลังเดินทางช้อปเก็บตกก่อนบินที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิได้ทั้ง
2 โซนในพื้นที่อาคารฝั่งตะวันออก (East) และตะวันตก (West)
ข่าวที่ 3 สิทธิพิเศษ!!ทุกบัตรคิงเพาเวอรใช้โรงแรมเดอะสลิลลดสูงสุด20%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบสิทธิพิเศษ!! ให้สมาชิก คิง
เพาเวอร์ ที่ถือบัตรประเภท VEGA, CROWN, ONYX และ SCARLET ได้ใช้บริการเพิ่มที่โรงแรม เดอะ สลิล โฮเต็ล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ
รับส่วนลดสูงสุดถึง 20 % ได้ตั้งแต่เมษายน-30 กันยายน 2566 ดังนี้
1.รับส่วนลด 10% สำหรับการจองห้องพักทุกประเภท
ที่โรงแรม The Salil Hotel
Riverside – Bangkok
2.รับส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหารเมนู
A La Carte ที่ NAVA Restaurant
3.รับส่วนลด 20% สำหรับการเข้าใช้บริการ
Wellness และ Spa ที่ HARNN
Heritage Spa Riverside
สามารถรับสิทธิ์และนัดหมายการเข้ารับบริการ
โดยไม่จำกัดสิทธิ์การจองตลอดรายการ เพียงสมาชิก กดรับรหัสส่วนลดผ่านระบบ LINE Official Account : @kingpower หรือ member.kingpower.com แล้วแจ้งรหัสส่วนลดกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
เพื่อจองล่วงหน้า โดยสอบถามข้อมูลก่อนทำการกดรับสิทธิ์แต่ละครั้ง
ตามกติกา สมาชิกคิง เพาเวอร์ 1.สำรองห้องพักล่วงหน้า
1 วัน กับทางโรงแรม The Salil Hotel
Riverside-Bangkok โทร. 02-844-8787 หรือเว็บไซต์ www.thesalilriverside.com กรณีจองห้องพักแล้วไม่แสดงตัวหรือไม่เข้าพักแล้วไม่ยกเลิกล่วงหน้า
7 วัน จะถูกเรียกเก็บเงินค่าห้องครบตามจำนวน หรือหากกดรหัสแล้ว
ไม่ได้มาใช้สิทธิ์ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ม่ชดเชยทุกกรณี รวมทั้งไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้
สมาชิกต้องแสดงตัวตน ขณะทำการเช็กอินด้วยการแสดงสถานะสมาชิก ผ่านระบบ LINE
Official Account หรือ member.kingpower.com เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้จองพักแต่ละครั้งนั่นเอง
ข่าวที่ 4 ททท.จัดInter Amazing Splash2023ยกชั้นสงกรานต์ไทยสู่สากล
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานเปิดเรียบร้อยแล้วงานเทศกาลสาดความสุข
สนุกแบบอินเตอร์ INTERNATIONAL
AMAZING SPLASH 2023 จัดครั้งแรก ที่บริเวณซอยจุฬาลงกรณ์ 5 (ถนนอุทยาน 100 ปี) กรุงเทพฯ
โดยมีขบวนแห่คาราวานสงกรานต์นานาชาติสุดอลังการจาก 5 ประเทศ ซึ่งมีกระแสตอบรับอย่างคับคั่งตั้งแต่วันแรกจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
ท่ามกลางการจำลองเทศกาลงานวัฒนธรรมนานาชาติ 5 เทศกาล ได้แก่ เทศกาลโคลน-เกาหลี
เทศกาลโฮลี-อินเดีย เทศกาลเซ็ตซึบุน-ญี่ปุ่น สงกรานต์สิบสองปันนา-จีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สาดความสนุกตามประเพณีครบทุกรูปแบบพร้อมสนุกสนานกับแสดงของศิลปินชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติ
ปี 2566 ททท.มุ่งต่อยอดประชาสัมพันธ์ประเพณีสงกรานต์
ควบคู่กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงยกระดับงานประเพณีพื้นเมืองไทยสู่สากล
(Local to Global)
เริ่มต้นจากเทศกาลสงกรานต์ “INTERNATIONAL AMAZING SPLASH 2023”
ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2566 กับ“เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ภายในงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วนกิจกรรม
ได้แก่
กิจกรรมที่ 1 ขบวนแห่สงกรานต์นานาชาติ INTERNATIONAL CARAVAN : พบขบวนแห่ประเพณีสงกรานต์และวัฒนธรรมนานาชาติ จาก 5 ประเทศ
ในพิธีเปิดงาน วันที่ 13 เมษายน 2566 นำโดย “ประเทศไทย”
จัดขบวนแห่พระแก้วมรกตประดิษฐานบนรถบุษบก
ขบวนรถนางสงกรานต์คือนางกิมิทาเทวี
“สาธาณรัฐประชาชนจีน”
ชาวสิบสองปันนา
มณฑลยูนนาน พาเหรดความสุขในชุดแต่งกายวัฒนธรรมพื้นเมือง “อินเดีย” เพิ่มสีสันการสาดสีอย่างสนุกสนาน
พร้อมโชว์ในสไตล์ Bollywood
“ญี่ปุ่น” พบกับขบวนใช้จังหวะกลองสร้างความตื่นตัว
พร้อมปีศาจ การโยนถั่ว และตกแต่งด้วยเสาโทริอิกับดอกซากุระ “เกาหลี” ตื่นตากับขบวนแห่บอนยองเกาหลี
สื่อถึงความสดใสจากท้องทะเลสไตล์เฟสติวัลริมทะเล
กิจกรรมที่ 2 AMAZING SPLASH
OF THE WORLD จำลองบรรยากาศประเพณีวัฒนธรรมของต่างประเทศที่ใกล้เคียงสงกรานต์ไทย
มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
กิจกรรมที่ 3 MAIN STAGE สนุกเต็มเหนี่ยวกับศิลปินนักร้องดีเจชาวไทย และชาวต่างชาติ มีทั้ง โจอี้บอย
อ๊อฟ ปองศักดิ์ วง LAZ1 วง No One Else ซานิ วง Yes Indeed เรื่อยไปจนถึงดีเจเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น จีน การแสดงวัฒนธรรมนานาชาติมากมาย และอุโมงน้ำ WATERBOMB ตลอด 3 วัน
กิจกรรมที่ 4 AMAZING
FOOD อิ่มอร่อยกับบูธอาหารกว่า
30 ร้าน และฟู้ดทรัคนานาชาติ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และไทย
ดร.ยุทธศักดิ์ย้ำว่าตลอดการจัดงาน
ททท.
บูรณาการความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวออกมาตรการพิเศษ
เพื่อดูแลความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่เดินทางมาร่วมสงกรานต์ ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสีขาว
ตามนโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตอกย้ำความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวของไทยด้านความมั่นคงและความปลอดภัย
(Safety and Security)
แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566
ข่าวที่
5 “บางจาก-ตร.ทางหลวง”ทำสงกรานต์อุ่นใจแวะปั๊มบางจาก
บางจากจัดเต็มตลอดสงกรานต์ปี’66 จับมือตำรวจทางหลวงทำโครงการ "สงกรานต์เดินทางอุ่นใจ
แวะพักอย่างปลอดภัยที่ปั๊มบางจาก" ดูแลบริการประชาชน พักรถ พักคน
พร้อมแนะใช้แต้มกรีนไมลส์เพียง 9 คะแนน
แลกสิทธิ์กรมธรรม์ประกันอุบัติคุ้มครอง 30 วัน
นายวัฒนา พรพัฒน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า จับมือกับพันตำรวจตรีพุทธางกูร เรืองธรรม
สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจ ร่วมประชาสัมพันธ์ “โครงการบางจากฯ – ตำรวจทางหลวงร่วมดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์”
โดยได้เปิดสถานีบริการน้ำมันตามเส้นทางหลักทั่วประเทศให้เป็นพื้นที่รองรับการ พักรถ
พักคน เพื่อสนับสนุนเดินทางอย่างปลอดภัยในโครงการ "สงกรานต์เดินทางอุ่นใจ
แวะพักอย่างปลอดภัยที่ปั๊มบางจาก"
ตลอดเทศกาลสงกรานต์
ปี 2566
เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-17 เมษายน 2566 บางจากเชิญชวนผู้ที่จะต้องเดินทางช่วงสงกรานต์เลือกใช้บริการ แวะพักรถ
พักคน เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า จากการขับรถทางไกลที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนนสามารถใช้สถานีบริการน้ำมันบางจากได้อย่างคุ้มค่า
นอกจากแวะเติมน้ำมันคุณภาพ
แวะเติมพลังด้วยอาหารเครื่องดื่ม แล้วยังมีพื้นที่จอดรถ
ห้องน้ำสะอาดเพียงพอไว้บริการ ยังมีโปรแกรมพิเศษ ได้แก่ FURiO Care จัดตรวจเช็ครถฟรี
11 รายการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจตลอดการเดินทาง
สมาชิกบางจาก
“กรีนไมลส์” คลิกใช้แต้มสะสมเพียง 9 คะแนน เพื่อแลกรับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มแฮปปี้สงกรานต์
(ไมโครอินชัวรันส์) ได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2566
เพื่อรับวงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ระยะเวลาการคุ้มครองรวม
30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ก็จะได้รับสิทธิ์ดังกล่าวแล้ว
ผู้ขับขี่รถยนต์เดินทางเทศกาลสงกรานต์
2566 สามารถตรวจสอบสาขาที่ร่วมโครงการดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการ www.bcpcarcare.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่
6 TCEBรณรงค์จัดอีเวนต์สงกรานต์ร่วมลดโลกร้อนชดเชยคาร์บอน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ทีเส็บเปิดช่องทางออนไลน์รณรงค์การจัดงานอีเวนต์ ตลอดเทศกาล
“สงกรานต์” ปี 2566 ทั่วประเทศสามารถร่วมเป็นหนึ่งในการส่วนลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้
คือ ‘การทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอน’ โดยให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถติดต่อซื้อ
‘คาร์บอนเครดิต’ หรือ เครดิตจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรธุรกิจ
หรือหน่วยงานที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้ปริมาณที่เหลือถูกตีเป็นราคา และสามารถซื้อขาย
เพื่อใช้ในกิจกรรมชดเชยคาร์บอนได้
ผู้ประกอบการที่สนใจติดต่อโครงการก๊าซเรือนกระจกไทยได้ทาง http://carbonmarket.tgo.or.th/
โดยมีวิธี
“คำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจก” จากการจัดอีเวนต์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เบื้องต้นเมื่อกิจกรรมที่ทำภายในงาน
เส้นทางการเดินทาง อาหารและเครื่องดื่ม สามารถพิจารณาหลักการคำนวณได้จาก
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และส่งรายงานการประเมิณทั้งหมด
เพื่อรับรองการทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนของโครงการ
สำหรับ
การจัดงานอีเวนต์ปลอดคาร์บอน หรือ ‘Carbon Neutral
Event’ นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังจะพัฒนาศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมไมซ์
เพิ่มโอกาสการต่อยอดทางธุรกิจ ด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้ร่วมงาน
นอกจากการจัดงานอีเวนต์ไมซ์จะช่วยลด
Carbon Footprint ได้แล้ว
ทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาได้ง่าย ๆ
จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
เลือกใช้ขนส่งสาธารณะในการเดินทางแทนรถส่วนตัว
เลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือมารีไซเคิล หรือแยกขยะก่อนทิ้งทุกครั้ง
ช่วงที่ 2 มหัศจรรย์เที่ยวบุญใหญ่
“ข้าวพันก้อนบูชาพระธาตุศรีสองรัก” ประเพณีอันดีงามของชาวด่านซ้าย จ.เลย มาเรียนรู้วิถีชีวิตเจ้าพ่อกวนกับเจ้าแม่นางเทียมกัน
และหน้าร้อนปีนี้ต้องเลือกกิน “5อาหารควรกินและควรหลีกเลี่ยง”
พร้อมเกาะติดข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “AWC
เปิดแล้วเดอะสยามทีรูม” เอเชียทีค ห้องอาหารดึงดูดคนทั่วโลก และ “BCPG” ได้เงินกู้ADBก้อนแรกเร่งทำโรงไฟฟ้าพลังลมมอนซูนใน
สสป.ลาวเปิดทันใช้ปี’68
ท่องเที่ยว -เที่ยวด่านซ้าย จ.เลยงานบุญแห่ข้าวพันก้อนบูชาพระธาตุศรีสองรัก
วางแผนเที่ยวสงกรานต์เย็นชุ่มฉ่ำด้วยพิกัดเข้าร่วมงานบุญพื้นบ้าน “แห่ข้าวพันก้อนบูชาพระธาตุศรีสองรัก”
กับชาวชุมชนเมืองด่านซ้าย และชาว จ.เลย ซึ่งเป็นงานประเพณีโบราณที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
จัดขึ้นในทุกวันที่ 16
เมษายน ของทุกปี ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวด่านซ้าย
คือ “เจ้าพ่อกวน และเจ้าแม่นางเทียม” เป็นผู้นำประกอบพิธีตั้งแต่เช้าตี 4 กันเลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางเข้ามาร่วมงานจะได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์งาน
“แห่ข้าวพันก้อนบูชาพระธาตุศรีสองรัก” ในวันที่ 16 เมษายน เริ่มตั้งขบวนที่บ้านเจ้าพ่อกวน
กระทั่ง 04.30 น. เจ้าพ่อกวนจะเริ่มเดินนำคณะของพ่อแสนและชาวเมืองด่านซ้ายเข้าร่วมเดินขบวนถือโคมไฟ
หรือเทียน เพื่อจุดส่องสว่าง
ไฮไลต์คือ “ข้าวเหนียวปั้น” เป็นก้อนกลมเล็กๆ พร้อมดอกไม้
ใส่ไว้ในภาชนะขันเงิน หรือขันทอง แล้วเดินไปตามเส้นทางผ่านหน้าวัดโพนชัย
และผ่านบ้านเจ้าแม่นางเทียม เพื่อให้คณะนางแต่งและชาวบ้านที่รอเข้าร่วมขบวนแห่เดินไปด้วยกัน
จากนั้นขบวนทั้งหมดเดินเท้าไปตามเส้นทางโบราณเลาะเลียบลำน้ำหมัน ผ่านหอหลวง
เพื่อไปยังองค์เจดีย์พระธาตุศรีสองรัก เพื่อแห่วนซ้ายรอบพระธาตุอีก 3 รอบ กับทำพิธีกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย
และบูชาพระธาตุ
เสร็จแล้วจึงนำ “ข้าวที่ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ”
วางไว้รอบองค์พระธาตุศรีสองรัก เพื่อสักการะบูชาองค์พระธาตุ
และเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต สำหรับการเริ่มปีใหม่ไทย บันดาลให้พบความสุข
ความสำเร็จ และประกอบอาชีพ เจริญรุ่งเรือง
ประเพณีอันดีงามเช่นนี้ ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน
และควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ ปี 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.” สำนักงานเลย
ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั่วประเทศแต่งกายสุภาพเสื้อขาว
ตามประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน เข้าร่วมงานแห่ข้าวพันก้อน ที่บริเวณหน้าวัดโพนชัย แล้วเตรียมตัวร่วมเดินในขบวนไปสักการะบูชาองค์พระธาตุศรีสองรักด้วยกัน
สุขภาพ-5 อาหารหน้าร้อนที่ควรกิน และควรหลีกเลี่ยงเสี่ยงร้อนใน
การเลือกอาหารให้เหมาะสมกับฤดูกาลเพื่อให้ร่างกายสมดุลแข็งแรง
แล้วลองมาดูถึงสรรพคุณของอาหารแบบไหนควรกิน แบบไหนควรเลี่ยง? โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มรูปแบบ
และมักทำให้หลายคนไม่สบายตัว ถึงขั้นป่วยจากอากาศร้อนอบอ้าว
จำเป็นต้องดูแลสุขภาพโดยเฉพาะอาหารการกินเป็นพิเศษ เน้นอาหารย่อยง่าย
ไม่ทำให้เลือดลมเสียสมดุล แถมยังช่วยคลายร้อนจากข้างในได้ด้วย 5 อย่างควรกิน และ 5 อย่างควรหลีกเลี่ยงดังนนี้
1.น้ำเปล่า
-ช่วยป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำและยังช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายได้ดีซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ควรละเลย
โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง
2.ผลไม้ฤทธิ์เย็น เช่น มังคุด มะม่วงสุก แตงโม ที่มีความสดชื่น ฉ่ำน้ำ
ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายได้ดี มีวิตามินเอสูง
มีกากใยอาหารที่ช่วยลดไขมันในหลอดเลือด และดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย
3.ชาเขียว ช่วยคลายร้อนได้ดี ทำให้รู้สึกชุ่มชื่น ควรเลือกแบบน้ำตาลน้อย ส่วนความลับของชาเขียว
หากดื่มวันละ 4 แก้วต่อวัน ช่วยลดคอเลสเตอรอลด้วย แต่ต้องเป็นชาเขียวที่ไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล ตามปกติชาจะมีส่วนผสมของคาเฟอีน จึงไม่ควรดื่มแบบเข้มข้นมากเกินไป
เพราะจะได้ทั้งคาเฟอีนและแทนนิลเยอะเกินไป จะทำให้ท้องผูกได้
4.ข้าวแช่ -เมนูไทย ๆ เหมาะกับหน้าหน้าร้อนจริงๆ จะได้วิตามินบีจากข้าว
แล้วเครื่องเคียงทั้งกะปิหวาน ไชโป๊ พริก มีวิตามินเอ ช่วยดับร้อนได้ดี
ทำให้ผิวเย็น และระบบประสาทสงบอีกด้วย
5.มะระ -ตามหลักแพทย์แผนไทยบอกไว้ว่า
ถ้าจะดับร้อนด้วยอาหารต้องทานอาหารที่มีรสขมหรือเย็น ซึ่งผักรสขมชนิดนี้
นอกจากจะเป็นยาดับร้อนแล้ว ยังช่วยถอนพิษไข้ ช่วยแก้กระหาย แก้อักเสบ เจ็บคอ
บรรเทาอาการร้อนในได้ดีอีกด้วย ซึ่งอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ
เหล่านี้มักเป็นกันมากในช่วงฤดูร้อน
สำหรับ
“อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง” หรือนาน ๆ กินสักที มีดังนี้
1.ผลไม้น้ำตาลสูง อาทิ ทุเรียน ลำไย ขนุน ต้องควบคุมปริมาณโดยไม่ควรกินมากเกินไป
จะก่อให้เกิดการสะสมความอ้วนได้ อาจส่งผลต่อโรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน
ความดันโลหิตสูง ดังนั้นช่วงหน้าร้อนแล้วควรลดปริมาณการกินทุเรียนให้น้อยลง
เพราะอาจทำให้เป็นแผลร้อนใน เจ็บคอ ไอ มีไข้ ปวดศีรษะ จุกแน่นท้อง
ครั่นเนื้อครั่นตัว หรือตาแดงได้
2.อาหารมัน อาหารทอด ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงขึ้น
ยิ่งเมื่อเจอกับอากาศร้อนเสี่ยงต่อการเป็นร้อนใน เจ็บคอและน้ำหนักเพิ่มขึ้น
จนอ้วนได้ และหอมกับกระเทียมก็จะทำให้ร่างกายร้อนได้
ดังนั้นไม่ควรทานในปริมาณที่มากเกินไปด้วย
3.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ -ทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเส้นเลือด
เนื่องจากร่างกายมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติและหากมีโรคประจำตัว เช่น
โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ จะทำให้เกิดการเพิ่มแรงดันในโลหิต
จนอาจทำให้เส้นเลือดแตก มีผลทำให้เสียชีวิตหรือเป็นอัมพาตได้
ทุก
ๆ วัน แนะนำให้ดูแลตัวเองและคนรอบข้าวเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
ออกกำลังกายเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –AWCเปิด“เดอะสยามทีรูมท์”เอเชียทีคบูมอาหารไทยดึงตลาดโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า ได้เปิดตัว Disney100
Village at Asiatique ฉลองครบรอบ 100 ปีของดิสนีย์
พร้อมมอบประสบการณ์พิเศษภายใต้แนวคิด “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” โดยมีหนึ่งแนวคิดหลักของการสร้างสรรค์ประสบการณ์ ‘LARGEST FOOD
AND BEVERAGE SELECTION’
แหล่งรวมสุดยอดร้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยาวที่สุดในกรุงเทพฯ
พร้อมกับเปิด “เดอะ สยาม ที รูมท์” ห้องอาหารไทยตำรับดั้งเดิมด้วยเอกลักษณ์พิเศษ โดดเด่นด้วยการสรรหาวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นดีจากทุกภาคของไทยมารังสรรค์เมนูต้นตำรับไทยอย่างพิถีพิถัน
AWC สานต่อการสร้างสรรค์แหล่งรวมร้านอาหารสุดพิเศษมีเอกลักษณ์อาหารไทยด้วยศิลปะและวัฒนธรรมงดงาม
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกคนทุกๆ วัน ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น
ห้องอาหาร เดอะ สยาม ที รูมท์ เปิดให้บริการทุกวัน
10.00 – 24.00 น. นำเสนออาหารไทยตำรับดั้งเดิมที่ตกทอดมาจากคุณยายของ “เชฟอ้น
- อนุกูล พูลพิพัฒน์”
หัวหน้าพ่อครัวแผนกอาหารไทยผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทยกว่าสิบปี โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น
ปรุงเมนูหลักทั้งคาวและหวาน 4 เมนู ได้แก่
เมนูแรก “ยำส้มฉุนปลาสลิดฟู”
เป็นตำรับจากยำส้มโอกับสูตรคุณยายอร่อยลงตัว คลุกเคล้ากับน้ำยำส้มซ่า
ปลาสลิดทอดฟู หมูหวาน โรยด้วยผิวส้มซ่า
เมนูที่ 2 “ซี่โครงหมูย่าง”
ใช้เนื้อหมูจากการเลี้ยงแบบปล่อย ปราศจากสารเร่งฮอร์โมน
นำมาราดด้วยซอสแจ่วมะขามที่ให้รสเผ็ดเปรี้ยวหวานครบรส
และโรยหน้าด้วยข้าวคั่วหอมกรุ่น พริกทอดและใบมะกรูด
เมนูที่ 3 แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลู แกงเหลืองรสจัดจ้าน สูตรต้นตำรับจากครัว เดอะ สยาม ที รูมท์
รวมกับเนื้อปูที่คัดสรรมาอย่างดี เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน
“ข้าวเหนียวมะม่วงมะพร้าวอ่อน” คัดสรรมะม่วงสุกลูกโต
เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูลราดด้วยน้ำกะทิหอมมัน รวมถึงขนมปังอบสดใหม่
และเมนูชากาแฟยามบ่ายส่งตรงมาจากดอยสูงทางภาคเหนือของไทย
นางวัลลภา กล่าวว่าการเปิดตัวห้องอาหาร “เดอะ สยาม ที รูมท์” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยในเวทีโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเชิงวัฒนธรรมทางด้านอาหาร
ทาง AWC เชื่อมั่นร้านแห่งนี้จะจุดหมายปลายทางให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติทั่วโลกที่ชื่นชอบอาหารไทยเดินทางมาเติมเต็มทุกประสบการณ์การท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ห้องอาหาร เดอะ สยาม ที รูมส์ ออกแบบในสไตล์ร่วมสมัยโดยนำศิลปะคุณค่าของไทยเข้ามาผสมผสานทุกองค์ประกอบ
ตั้งแต่ตัวอาคารเรือนไม้ 2 ชั้น ประกอบด้วย พื้นที่จัดเลี้ยง ห้องอาหารส่วนตัว
ที่สอดประสานการจัดพื้นที่ทั้งภายในและระเบียงภายนอกเพื่อให้เห็นทัศนียภาพของวิวแม่น้ำเจ้าพระยาชัดเจน
การตกแต่งภายในใส่ใจทุกรายละเอียด เช่น เฟอร์นิเจอร์ลายหน้าบัน
ไม้กระถาง รางน้ำฝน ตามยุคสมัย รวมถึงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และมนต์เสน่ห์และบรรยากาศไทยดั้งเดิม
ซึ่งเป็นร้านอาหารแรกที่ทางโรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ได้รับเลือกติดอันดับเวทีสากล
ปี 2561 จาก CTripSelect Gourmet List ในปี 2561 และปี 2562 จาก
Tripadvisor
ข่าวที่สอง- BCPGตีปีกADBให้กู้งวดแรกยันเปิดโรงไฟฟ้ามอนซูนในลาวปี’68
นายนิวัติ อดิเรก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในฐานะบีซีพีจีเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมใน
บริษัท มอนซูน วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม
“มอนซูน” ขนาด 600 เมกะวัตต์ ที่แขวงเซกอง
และแขวงอัตตะปือ ใน สาธารณรัฐประชาชนชนลาว (สปป. ลาว) ล่าสุดทางโครงการฯ
ได้ลงนามสัญญาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB
: Asian Development Bank) และกลุ่มธนาคารที่ให้การสนับสนุนผ่านเอดีบีเรียบร้อยแล้ว
ตามสัญญาสัมปทาน (Concession
Agreement) เพื่อใช้พื้นที่ดำเนินโครงการโรงฟ้าฟ้าดังกล่าว
มีรายละเอียดประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ได้ลงนามกับรัฐบาล สปป.ลาว
ส่วนที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase
Agreement) โดยได้ลงนามกับการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN) ได้มีผลบังคับใช้สมบูรณ์แล้ว
ขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมอนซูน รับเงินกู้งวดแรกตามสัญญาเงินกู้แล้ว
จึงกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผนงาน ทางบีซีพีจีมั่นใจจะก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าให้
EVN
ได้อย่างแน่นอนตั้งแต่ในปี 2568 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟให้การไฟฟ้าเวียดนามเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น
25 ปี
สำหรับ โครงการ “มอนซูน”
ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ไม่น้อยกว่า 750,000 ตันคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี จึงเป็นโครงการสร้างความยั่งยืนและสนับสนุนภารกิจสำคัญในระดับโลก
สามารถจะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse
Gas Emissions) ตามเป้าหมายปี ค.ศ. 2050
รวมทั้งยังจะสร้างประโยชน์ต่อเนื่อง 3
เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องที่ 1 สร้างความเจริญให้
สปป.ลาว กระจายตามพื้นที่โดยรอบ เรื่องที่ 2 ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนในชุมชน
เรื่องที่ 3 เพิ่มศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทั้ง สปป.ลาว
เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน มั่งคั่งยั่งยืนไปด้วยกัน
ขณะนี้โครงการ “มอนซูน” เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
และเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งแรกที่ทำการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดน ระหว่าง สปป.ลาว กับเวียดนาม
ผ่านสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์
โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก ประกอบด้วย 1.บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) 2.ACEN
Renewables International Pte. Ltd. 3.Diamond Generating
Asia 4.Limited (บริษัท
ในกลุ่มของ Mitsubishi Corporation) 5.Impact Electron Siam Co., Limited 6.STP&I
Public Company Limited และ 7.SMP Consultation Sole Company
Limited
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น