AOT9เดือนปีงบ68รายได้5.2หมื่นล้านกำไร1.4หมื่นล้าน
ผู้โดยสารใกล้100ล้านคน-ต.ค.นี้รับน้องใหม่7แอร์ไลน์ส
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #AOT
AOT เปิดผลงาน 9
เดือนแรกปีงบ ต.ค.67-มิ.ย.68 นำ 6 สนามบิน กวาดรายได้ 52,324.21
ล้านบาท กำไร 14,262 ล้านบาท “เที่ยวบิน” พุ่ง 6 แสนเที่ยว โต 9.79 % “ผู้โดยสาร” ไทยต่างชาติ 97.24
ล้านคน ตารางบินฤดูหนาว ต.ค.68-มี.ค.69
รับน้องใหม่ 7 แอร์ไลน์ส 11 เส้นทาง เร่งเพิ่มโครงการดันไทยฮับการบินภูมิภาค
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 ( 1 ตุลาคม 2567- 30 มิถุนายน 2568) สามารถทำให้ผลการดำเนินงานทางรายได้ และปริมาณจราจรทางอากาศ จำนวนผู้โดยสารในและต่างประเทศ เติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยหลายเรื่อง ประกอบด้วย
● “รายได้” มูลค่ารวมทั้งสิ้น 52,324.21
ล้านบาท เป็นรายได้ “กิจการการบิน” 25,645.27 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2,376.90 ล้านบาท คิดเป็น
10.22 % บาท และมีกำไรสุทธิ 14,262.37
ล้านบาท
● “ปริมาณการจราจรทางอากาศ”
ของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลของ AOT 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย
ภูเก็ต และหาดใหญ่ เปรียบเทียบการเติบโตกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีดังนี้
“จำนวนเที่ยวบิน” รวมทั้งสิ้น
602,195 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.79 % แบ่งเป็น “ระหว่างประเทศ” 341,523 เที่ยว และ “ภายในประเทศ”
260,672 เที่ยว
“จำนวนผู้โดยสาร”
ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 97.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น
7.87 % แบ่งเป็น “ระหว่างประเทศ” 59.48 ล้านคน และ “ภายในประเทศ” 37.76 ล้านคน
ล่าสุด
“สุวรรณภูมิ” ได้รับการจัดอันดับติด 10 อันดับแรกของท่าอากาศยานเชื่อมต่อทางอากาศดีที่สุด (Airport
Connectivity Ranking) ประจำปี 2567 จากสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ
ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่มีต่อ AOT
ทั้งด้านความปลอดภัย การให้บริการ ความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน
ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
● “สายการบินนานาชาติ”
สนใจขยายเครือข่ายเส้นทางการบิน ขานรับแผนตารางบินฤดูหนาว (Winter
Schedule) ประจำปี 2568 (เดือนตุลาคม 2568
-มีนาคม 2569) ในท่าอากาศยานของ AOT
มายังไทยเพิ่มใหม่เบื้องต้น 7 สายการบิน ได้แก่
ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส, แอร์ฟรานซ์, เอทิฮัด แอร์เวย์ส, Scoot (สิงคโปร์)
เซ็นทรัมแอร์ และT’way, Loong Air
โดยมี
“เส้นทางการบิน” เพิ่มอีก 11 เส้นทาง ให้บริการครอบคลุมสนามบินหลักและสนามบินภูมิภาค
ไป-กลับ เช่น 1.ยูไนเต็ด
แอร์ไลน์ส จะบิน ไป-กลับ ลอสแอนเจลิส - สุวรรณภูมิ 2.ไทยแอร์เอเชีย
เอ็กซ์ ริยาด -ดอนเมือง 3.ไทยแอร์เอเชีย บริการ ปูซาน(เกาหลี)
- ดอนเมือง , ดานัง(เวียดนาม)- ภูเก็ต, โคลัมโบ(ศรีลังกา - ภูเก็ต 4.แอร์ฟรานซ์ บริการบิน ปารีส(ฝรั่งเศส)-ภูเก็ต
5.ไห่หนาน แอร์ไลน์ บริการบิน ไหโขว่(จีน) -ภูเก็ต และ
ไหโขว่ - เชียงใหม่
AOT เตรียมรองรับเครือข่ายเส้นทางการบินที่ขยายตัวดังกล่าว เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการนำผู้โดยสารจากทั่วโลกมาใช้ท่าอากาศยานทั้ง
6 แห่ง เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยเดินหน้าพัฒนาโครงการและมาตรการเชิงรุก
เช่น
● โครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน
(Incentive Scheme) ให้สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่มายังท่าอากาศยานทั้ง
6 แห่ง
หรือเส้นทางการบินใหม่ของสายการบินซึ่งได้ขยายระยะเวลาจากเดิมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ส่วนลดด้านการบิน
50 % ตลอดระยะเวลาโครงการ
● โครงการ
Marketing Fund สนับสนุนงบส่งเสริมการตลาด 300 บาท/ผู้โดยสาร 1 คน จะช่วยจูงใจสายการบินเปิดเส้นทางระหว่างประเทศเข้าสู่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่
และแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค
โดยกิจกรรม
FAM Trip นำผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศมาสัมผัสและเยี่ยมชมการท่องเที่ยวในพื้นที่จริง
เป็นการแนะนำศักยภาพของท่าอากาศยานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและเชียงราย
เพื่อวางรากฐานสำหรับการขยายเส้นทางบินเชิงพาณิชย์ในอนาคต
รวมทั้ง
AOT ได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้ง 6
แห่ง ตั้งเป้าภายในปี 2575 มีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร
240 ล้านคน/ปี
แล้วยังมีแผน “หาแหล่งรายได้อื่น” เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) เช่น
● เปิดให้นักลงทุนและผู้ประกอบการในและต่างประเทศมีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง
6 แห่ง ประกอบธุรกิจ เช่น โรงแรม โครงการศูนย์ซ่อมเครื่องบิน (MRO) โครงการเทอร์มินัลเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า
โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น
● จัดเก็บค่าบริการระบบไฟฟ้า 400 Hz กับระบบปรับอากาศ PC-AIR ที่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ SAT-1 สุวรรณภูมิ ต้อนรับสายการบินที่เข้ามาใช้บริการสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้นทุกปี ช่วยเสริมรายได้ และบริการดังกล่าวยังช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขณะเครื่องบินเข้ามายังหลุมจอดอากาศยานประจำเครื่องบิน ลดปัญหาที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน นำไปสู่ประสิทธิภาพการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวขององค์กร ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมให้สุวรรณภูมิก้าวสู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาคต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น