นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย
ข่าวดี !!สุวรรณภูมิโชว์ผลงาน 7 เดือนแรกปี’68 โต 2 %
ผู้โดยสารพุ่ง36ล้านคนแอร์ไลน์บินคึกคัก 2 แสนไฟลต์
เอเชีย5ชาติมาแรง-สายการบินยุโรป/อเมริกาเพิ่มเพียบ
ลงทุนใหม่ที่พักรอรถสาธารณะ-ปี69ใช้ไบโอเมตริก100%
คิง เพาเวอร์ผนึก YSL BEAUTY ช้อปมากสวยมากกว่า
วันแม่ที่“คิงเพาเวอร์มหานคร”ชมสกายเวิร์สซื้อ1แถม1
เที่ยว!!OSOTHO&FRIENDSGarden Fairททท.15-17ส.ค.
บางจากขายหุ้นกู้8,000ล้านสำเร็จเกินคาด-ทริสต์จัดA+
เที่ยวตามรอยจูราสสิค“อ่าวพังงา-สามช่องเหนือ-หินร่ม”
6 วิธีรับมือและการป้องกันระยะยาวกับอาการบ้านหมุน
ดุสิตดีทูอัลอาห์ซาเปิดรร.ใหม่ในเมืองมรดกโลกซาอุปี’70
7เดือนต่างชาติมาไทยลด6%รายได้รูด4%ก.ค.ร่วง15.89%
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1Ci9dVFjuF/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) “สุวรรณภูมิ” มีข่าวดี 7 เดือนแรก ม.ค.-ก.ค.68 ภาพรวมโต 2
% มี “ผู้โดยสาร” ใช้งานแล้ว 36 ล้านคน ติดอันดับ 5 ประเทศ “จีน-อินเดีย-เกาหลี-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน” มีเที่ยวบินกว่า 2 แสนเที่ยว ปี’68 แอร์ไลน์สระยะไกลเปิดบินเพียบจาก
อเมริกา สหภาพยุโรป คาดรายได้-กำไร โตตามไปด้วย
ผนึกทุกหน่วยพร้อมรับมือเทศกาลวันหยุดยาว ไฮซีซั่นปลายปีนี้
ย้ำเผื่อเวลาเดินทางก่อนเครื่องบินทุกไฟลต์ ปี’69
เล็งใช้ระบบ “ไบโอเมตริกซ์” 100 % สแกนใบหน้าเช็คอินผ่านขึ้นเครื่อง
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า ตลอด 7 เดือนแรก มกราคม-กรกฎาคม 2568 ภาพรวมการเติบโตเป็นทิศทางที่เชิงบวกจำนวนผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2 % โดยมี “จำนวนผู้โดยสาร” ผ่านเข้าออก 36 ล้านคน เรียงตามลำดับ 5 อันดับแรก ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน
มีปริมาณ “เที่ยวบิน” มีกว่า 2 แสนเที่ยว ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันโดยมีสายการบินนานาชาติระยะไกลข้ามทวีป (Longhaul) จากตะวันตก เพิ่มมากขึ้นทั้งจาก อเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร ข่าวดีคือทาง “ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส” กลับมาบินเมืองไทยอีกครั้งหลังจากหยุดไปนานหลายปี ไป-กลับ ลอสแองเจลิส-ฮ่องกง-กรุงเทพฯ รวมทั้งสายการบินจากอุเบกิสถานเพิ่งบินมาไทยเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน แล้วยังจะมีสายการบินอเมริกา และทวีประยะไกลอีกหลายสายการบินทยอยบินมายังไทย
ขณะนี้ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงต้องเร่งเตรียมความพร้อมสายการบินเติบโตเพิ่มช่วงตารางบินฤดูหนาว
Winter Program 2568/2569 เน้นสิ่งอำนวยความสะดวก
พื้นที่เปิดสำนักงานสายการบิน หลุมจอดเครื่องบิน อุปกรณ์ภาคพื้นดิน
ซึ่งมีแนวโน้มการบินขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเห็นสัญญาณดีเรื่อง “รายได้สุวรรณภูมิ” เติบโตตามขึ้นไปด้วย ปี 2569 ก็จะสามารถสร้างผลกำไรเพิ่มมากขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารและปริมาณความถี่เที่ยวบินจากทุกทวีป โดยเฉพาะรายได้จากค่าธรรมเนียมผู้โดยสารเดินทางหรือ “PSC :Passenger Service Charge” ขณะนี้กำลังพิจารณาปรับเพิ่มในอัตราที่เหมาะสมตามมาตรฐานเดียวกันกับท่าอากาศนานาชาติทั่วโลก เพื่อ ทอท.จะได้นำมาปฏิบัติช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
ส่วน “ปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ย” ที่ผ่านเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงตารางบินฤดูหนาว ปลายปี2568 น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนเฉลี่ย 200,000 คน/วัน ดังนั้นผู้ให้บริการทุกส่วนในสุวรรณภูมิกำลังเตรียมวางแผนทั้ง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และอื่น ๆ ตอนนี้ระบบต่าง ๆ ที่นำมาให้บริการในอาคารสนามบิน อย่าง ระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ อุปกรณ์เช็คอิน การโหลดสัมภาระกระเป๋าผู้โดยสาร ซึ่งนักเดินทางเริ่มมีความเคยชินกับการใช้งานดังกล่าวบ้างแล้ว
ไฮไลต์ปี 2569 การใช้ระบบ “ไบโอเมตริกซ์ : Biometric system” สแกนใบหน้า จะสมบูรณ์ 100 % ที่จะนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนโดยใช้ลักษณะทางชีวภาพของแต่ละบุคคล ส่วนปี 2568 กำลังใช้อยู่แต่ยังไม่ครบ 100 % ตามขั้นตอน “ผู้โดยสาร” จะต้องถ่ายรูปตั้งแต่ขั้นแรก “เช็คอิน” เพียงครั้งเดียวในแต่ละการเดินทางแล้วก็สามารถผ่านจุดต่าง ๆ ไปจนถึงขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินแต่ละสายการได้ทันที สร้างผลดีเรื่อง “ความรวดเร็ว” การใช้บริการสุวรรณภูมิในอนาคต
ขณะเดียวกันการเตรียมความพร้อมรับมือช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง
และช่วงฤดูเดินทาง High Season ปลายปี 2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จะเน้นอำนวยความสะดวก
ส่วนที่ 1 ใช้ระบบเช็คอินอัตโนมัตกับไบโอเมตริกซ์” เต็มรูปแบบ เพื่อให้การบริหารจัดการปริมาณจราจรคนในสนามบินคล่องตัว
ส่วนที่ 2 บริการรถขนส่งผู้โดยสาร
โดยได้ปรับปรุงทางกายภาพตั้งแต่ฟุตบาธยืนรอรถแท็กซี่ ซึ่งใช้งานมา 19 ปี กำลังเร่งปรับให้ทันฤดูท่องเที่ยวหนาแน่นปลายปีนี้ โดยมี 1.รถแท็ก ซี่มิเตอร์ 2.รถแท็กซี่แอปพลิเคชั่น
อนาคตเตรียมสร้าง “อาคารปรับอากาศพักคอยรถ”
อยู่ตรงพื้นที่สนามหญ้าสีเขียวติดกับจุดกดรับบัตรคิวเดิมแล้วจะพัฒนาพื้นที่ใหม่เชื่อมต่อกันให้สะดวกสบายมากขึ้น
3.รถลีมูซีน AOT ที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
จัดตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินการโดยตรง จะนำเข้ารถฟลีทใหม่ทั้งหมดเน้นรถยนต์ระบบไฟฟ้า
4.แอร์พอร์ต ลิงค์ ได้หารือกันถึงแผนเพิ่มความถี่เที่ยววิ่งให้สอดคล้องกับปริมาณเที่ยวบินช่วงไฮ
ซีซั่น ที่เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนที่ 3 “บริการร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ พื้นที่เชิงพาณิชย์”
ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทุกร้านเปิดขายตามปกติไม่มีร้านปิดดำเนินการ
จะเพิ่มมากขึ้นคือ ตู้เวนดิ้ง มิชลีน
ตู้กดน้ำดื่มจะติดตั้งไว้ในห้องพักผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องของแต่ละสายการบิน
สำหรับฤดูการเดินทางท่องเที่ยวหนาแน่นของทุกปี ผู้โดยสารจะประสบปัญหาซ้ำ ๆ เหมือนกันทุกปี นั่นคือ “การเดินทางในเวลาเดียวกันจำนวนมาก” ทำให้ปริมาณรถติดตั้งแต่บนถนนเข้าสนามบิน ต่อเนื่องมาถึงการเข้าสู่พื้นที่สนามบิน ดังนั้นจึงย้ำเสมอให้ทุกคน “เผื่อเวลาเดินทาง” มากกว่าปกติก่อนเที่ยวบินออก
โดยเฉพาะช่วง “เทศกาลวันหยุดยาวต่อเนื่อง”
9-12 สิงหาคม 2568 เตรียมลานจอดรถพิเศษให้บริการฟรีเปิดบริเวณ
“ลานจอดรถระยะยาว : Longterm Parking”
เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางไปพักผ่อนอย่างสะดวกต่อเนื่องหลายวัน
โดยจะจัดรถชัตเติลบัสรับส่งจากลานจอดเข้ามายังพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้การใช้งาน “SAT-1 อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” · มีพื้นที่กว่า 216,000 ตารางเมตร · เป็นอาคาร 4 ชั้น มีประตูทางออกที่เชื่อมกับหลุมจอดกว่า 28 หลุมนั้น เปิดบริการมาแล้วเกือบปีตลอดปี 2568 มีสายการบินและผู้โดยสารบริการมากพอสมควร เนื่องจากเอมิเรตส์เป็นสายการบินประกาศจะเพิ่มเที่ยวบินอีกในปีต่อไป แล้วก็ใช้เครื่องแอร์บัส A380 ขนาดบรรทุกผู้โดยสารใหญ่ที่สุด ทำให้ผู้โดยสารคึกคักต่อเนื่องมาตลอดปีนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิง เพาเวอร์ผนึกYSL BEAUTYช้อปมากสวยมากกว่า
คิง เพาเวอร์ จัดมาให้เต็มที่กับ YSL BEAUTY ช้อปมาก สวยมากกว่า เลือกช้อปได้ฉ่ำๆ ทั้งสกินแคร์ เครื่องสำอาง และน้ำหอมสุดฮิต วันนี้-24 สิงหาคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ภูเก็ต
1.ได้รับส่วนลด สูงสุด 30% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) พิเศษ! สมาชิก POWER PASS รับส่วนลด ON - TOP 5% เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไขที่กำหนด (สำหรับสินค้าราคาปกติเฉพาะแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง)
2.สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี! รับทันที 400 CARAT (ใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท) สมาชิกไม่มีวันหมดอายุ
ช้อปได้ทุกวัน ที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ มหานคร และภูเก็ต รายละเอียดเพิ่มเติม : https://kp.group/SIZVfX
ข่าวที่ 2 -วันแม่ที่“คิงเพาเวอร์มหานคร”ชมสกายเวิร์สซื้อ1แถม1
คิง เพาเวอร์ มหานคร ชวนมาฉลอง “วันแม่” มอบช่วงเวลาดี ๆ ให้กันที่ “Mahanakhon SkyVerse” คุณแม่มาใช้เวลาสุดพิเศษด้วยกันพร้อมครอบครัว รับสิทธิ์ ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี การเข้าชมมหานคร สกายเวิร์ส วันนี้ -วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 10.00 น. – 21.00 น. รอบสุดท้าย เวลา 20.30 น.
“ซื้อบัตร” 1 ใบ ราคา 350 บาท รับฟรีอีก 1 ใบ โดยจะต้องใช้ภายในวันเดียวกันเท่านั้น
ซื้อบัตรได้ทาง https://bit.ly/41n8LK0 หรือ The Lobby
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย ที่ “มหานคร สกายเวิร์ส” เปิดให้ก้าวข้ามโลกแห่งความจริง เข้าสู่ประสบการณ์เสมือนอนาคต เตรียมตัวให้พร้อมไปกับบการเดินทางผ่านมิติแห่ง แสง สี และภาพสะท้อน ที่จะพาคุณทะลุขอบจินตนาการ! บริเวณชั้น 4 ตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร
ค่าบัตรเข้าชม มหานคร สกายเวิร์ส ราคาคนละ 350 บาท (เข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 20.30 น.) สำรองบัตรเข้าชม ได้ที่ https://bit.ly/SkyVerseTicket หรือโทร.02-677-8721
ข่าวที่ 3-เที่ยวด่วน!!OSOTHO&FRIENDS Garden Fair ททท.15-17ส.ค.
นิตยสารท่องเที่ยว
อ.ส.ท. ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดมหกรรมงาน "OSOTHO & FRIENDS Garden Fair :อ.ส.ท. แอนด์ เฟรนด์ การ์เด้น แฟร์"
ฉลองครบรอบ 65 ปี ชวนมาร่วมฟรีงานแฟร์ฮีลใจในสวนสไตล์รักษ์โลก
ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2568 เวลา 11.00-20.00
น. ที่มิวเซียมสยาม
กรุงเทพฯ ใกล้สถานี MRT สนามไชย ออกมาเติมเต็มความสุขสุดสัปดาห์สวนกับงานเฟรนด์ลี่
แฟร์ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ
ภายในงานต่อเนื่องตลอด
3 วัน มีกิจกรรมฮีลใจสไตล์รักษ์โลกให้เพลิดเพลิน ถึง 5 โซน ได้แก่
● MARKET : พบกับตลาดนัดนักเดินทาง
ศูนย์รวมร้านค้าที่คัดสรรสะท้อนวิถีชีวิตอย่างมีสไตล์ ทั้งของกิน งานคราฟต์
ของแต่งบ้านแนวรักษ์โลก สินค้าจากชุมชนทั่วไทย เช่น กลิ่นสีและกาวแป้ง
แบรนด์ของมือสองที่นำผ้าเช็ดหน้ามา Upcycling ให้เป็นกระเป๋าสุดเก๋
, Same.Thang กระเป๋าอัพไซเคิลจากซองกาแฟ, NOK
Phanit+Granit in the House คราฟต์เซรามิกและหินจากชลบุรี พร้อมโซนตลาดอาหารหรือ
Food Market จากร้านดังทั่วไทย เช่น ร้าน Goodjee by สามชัยกรุ๊ป จ.อุบลราชธานี ร้านลองเลย จ.เลย และอีกมากมาย
● TRAVEL TALK : เสวนาอารมณ์ดี
แบบ Friend Talk พูดคุยกับเหล่านักเดินทางรักษ์โลก พบกับ
แพร พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์ นักเล่าเรื่องอาหาร PEAR is Hungry เจ้าของแคมเปญ "กินหมดจาน", คุณงบ ธัชรวรี
หาริกุล เจ้าของ Thailand Outdoor และ คุณปาล์ม เบญจภพ
เบญจธรรมธร เจ้าของสิชลคาบาน่า บีช รีสอร์ท ดำเนินรายการโดย ดีเจ.พี่อ้อย นภาพร
จากกรีนเวฟ
● WORKSHOP : คราฟต์รักษ์โลก
เรียนรู้ศิลปะ โคเคดามะ ศิลปะแห่งการปั้นลูกบอลมอส ไม้ประดับสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ, เที่ยวละไมไปกับสีน้ำ by อ.กิ้ว Vanont วาดภาพระบายสีน้ำผ่านภาพถ่ายเมืองไทยจากเล่มนิตยสาร อ.ส.ท., เรียนรู้การหมักซีอิ้วธรรมชาติ, การทำแป้งร่ำดอกไม้สด,
Workshop ผ้าเช็ดหน้า Eco Print และดีไซน์พวงกุญแจจากเศษขยะไมโครพลาสติก
● EXHIBITION : นิทรรศการภาพถ่ายหายาก "65 ปี อ.ส.ท."
ย้อนเวลาไปกับภาพถ่ายขาวดำตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ยุคอดีตของ ททท.ที่หาชมยาก
● MUSIC & Show : ผ่อนคลายกับเสียงดนตรีในมินิคอนเสิร์ตช่วงเย็น เริ่มวันที่ 15 สิงหาคม
พบกับศิลปิน แมวเศษเล็บ The Voice วันที่ 16 สิงหาคม ฟังเพลง
chill chill กับศิลปิน Thee and The Dudes และวันที่ 17 สิงหาคม พบศิลปิน LANDOKMAI มีโชว์พิเศษ
เช่น การแสดงโขนเด็ก "ระบำวีรชัยลิง" และสาธิตการเพ้นท์หน้าศิลปะ
"เอ็งกอ" กิจกรรม Painting Thailand (วาดเมืองไทย)
ปูเสื่อนั่งวาดภาพสถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทยกลางสวน ลุ้น 50 ภาพโดนใจ
รับของรางวัลพิเศษจาก อ.ส.ท.
ปิดท้ายด้วย
โซนกิจกรรมจากพันธมิตร อ.ส.ท.Club, 1672
Travel Buddy และอื่นๆ อีกมากมาย
พิเศษกว่า!
เมื่อสมัครสมาชิกอุปถัมภ์ อ.ส.ท. รับสิทธิ์ลุ้นเป็น 1 ใน 100 ผู้โชคดี เข้าร่วมงาน
Exclusive Fan Meet with Gulf ในงาน "OSOTHO
& FRIENDS Garden Fair" วันที่ 16 สิงหาคม
พร้อมรับของขวัญพิเศษ อ.ส.ท. ฉบับ ก.ย. 2568 ปกพับรูป Gulf และโปสการ์ด
Gulf X อ.ส.ท. จำนวน 6 แบบ
งาน
"OSOTHO & FRIENDS Garden Fair" จัดขึ้นครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์เดือนสิงหาคมเพื่อฉลองครบรอบ 65
ปี อ.ส.ท. นิตยสารท่องเที่ยวระดับตำนานที่อยู่เคียงข้างนักเดินทางชาวไทยมานานที่สุดของ
ททท. พร้อมจัดเต็มให้แฟนคลับและคนรุ่นใหม่ได้รับประสบการณ์เพิ่มจาก อ.ส.ท.ครบ 3
ไฮไลต์
● ไฮไลต์แรก อ.ส.ท. แฟร์
น่ารักน่าจอย มีมุมน่าสนใจ
ให้นักท่องเที่ยวทุกวัยได้มาสัมผัสองค์ความรู้การท่องเที่ยวเมืองไทย
● ไฮไลต์ที่
2 พบกับ "อนุสาร อ.ส.ท." ฉบับพิเศษ สิงหาคม 2568
"65 ปี อนุสาร อ.ส.ท. The Road to Remember" เล่มที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ถ่ายทอดความทรงจำของนักเดินทางไทยตลอด 6
ทศวรรษ พร้อม Timeline 65 ปี อ.ส.ท., Letter From The
Legend จดหมายจากนักเขียน ช่างภาพ ระดับตำนาน
และภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก
● ไฮไลต์ที่
3 รับโปรโมชั่นพิเศษ "65 ปี อ.ส.ท." ตลอดเดือนสิงหาคม
2568 เช่น สมัครสมาชิก/ต่ออายุ อ.ส.ท. รายปี (ทั่วไป) รับฟรี กระเป๋าใส่ iPad
ลายปก อ.ส.ท.แบบวินเทจ, สมัคร อ.ส.ท. Club
รับพอยต์พิเศษทันที 65 พอยต์
ห้ามพลาด
!! 15-17 สิงหาคม 2568 ทุกคนมีนัดเจอกันในงาน
OSOTHO & FRIENDS Garden Fair :อ.ส.ท.
แอนด์ เฟรนด์ การ์เด้น แฟร์" มาเติมแรงบันดาลใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความทรงจำ
65 ปี อ.ส.ท.นิตยสารท่องเที่ยวที่พร้อมเคียงข้างนักเดินทางในทุกย่างก้าวทั่วไทย
ติดตามรายละเอียด
: ทาง Facebook: อ.ส.ท.
https://www.facebook.com/osotho และเว็บไซต์ https://osotho.co
ข่าวที่ 4-บางจากขายหุ้นกู้8,000ล้านสำเร็จเกินคาดทริสต์จัดA+
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน
และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2568 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
(Institutional Investors) และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High
Net Worth Investors) ให้การตอบรับอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย
โดยวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บางจากฯ
จะนำเงินที่ได้ไปใช้ชำระคืนเงินกู้เดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
“หุ้นกู้”
ดังกล่าวจำนวน 5 ชุด มีอายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 12 ปี โดยมีอายุเฉลี่ย 6.5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.4% คิดเป็นมูลค่าที่ตราไว้รวม 8,000 ล้านบาท มียอดจองซื้อมากกว่า 4 เท่าของจำนวนที่เสนอขาย
ตอกย้ำนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อศักยภาพทางธุรกิจ และสถานะทางการเงินบางจากที่แข็งแกร่งในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ
นางสาวภัทร์ภูรี
ชินกุลกิจนิวัฒน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจากฯ เปิดเผยว่า บางจากฯ
ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่ให้ความไว้วางใจเลือกลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทฯ
รวมถึงขอบคุณสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่าย
ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี บางจากฯ เชื่อนักลงทุนให้การสนับสนุนอย่างล้นหลามครั้งนี้
สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในผลการดำเนินงาน และศักยภาพกลุ่มบริษัทบางจากเติบโตดี ด้วยการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
และคงไว้ซึ่งสมดุลแห่งความมั่นคงทางพลังงาน
“หุ้นกู้”
บางจากแต่ละชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ตอกย้ำถึงความมั่นคงของธุรกิจและความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงิน
การจัดจำหน่ายครั้งนี้ มีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) และธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าว
ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวตามรอย จูราสสิค เวิลด์ ที่ทั่วโลกกำลังฮือฮา
ในสถานที่ท่องเที่ยวถ่ายทำหนังฟอร์มระดับโลกที่ “อ่าวพังงา”
และการท่องเที่ยววิถีชุมชนรอบอ่าว “บ้านสามช่องเหนือ” และ “บ้านหินร่ม”
เสน่ห์ที่คงอยู่มายาวนาน แล้วฟัง “6วิธีรับมือและวิธีป้องกัน”
อาการบ้านหมุน ห้ามพลาดอัพเดทข่าว ข่าวแรก “ดุสิต ดีทู อัลอาห์ซา”
เปิดโรงแรมใหม่ไฮเอนด์ในเมืองมรดกโลกซาอุดิอาระเบียปี’70 ข่าวที่สอง
“7เดือนต่างชาติเที่ยวไทย” จำนวนลด 6 % รายได้ร่วง 4 % ก.ค.เดือนเดียวดิ่งลง 15.89%
ท่องเที่ยว –เที่ยวพังงาตามรอยจูราสสิค“อ่าวพังงา-สามช่องเหนือ-หินร่ม”
สิงหาคม นี้ มีจุดเช็คอินพังงา
ตามรอยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลก “Jurassic World: Rebirth” ที่มาเลือกสถานที่ถ่ายทำในเมืองไทยแถบชายฝั่งทะเลอันดามันสร้างกระแสดึงความสนใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวและต่างชาติ
พิกัดที่ 1 อ่าวพังงา สัมผัสประสบการณ์กับการ “นั่งเรือหัวโทง”
ตรงบริเวณท่าเรือบ้านสามช่องเหนือ
ล่องเรือชมความงดงามของป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และทิวทัศน์ของภูเขาหินปูนในอ่าวพังงา
ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กถ่ายรูปตามที่ปรากฏในภาพยนตร์ 3 แห่ง คือ เกาะนากายะ เกาะสองพี่น้อง และเขาตาปู
พร้อมฟังชาวบ้านอาสามาเป็นไกด์ถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำสุดอลังการสู่สายตาชาวโลก
พิกัดที่ 2 ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ เป็นหมู่บ้านมุสลิมตั้งอยู่
“กลางน้ำ” ในอ่าวพังงา ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่ร่วมและพึ่งพาธรรมชาติ
เรื่องเล่าของหมู่บ้านกลางน้ำ เดิมชื่อ “ชุมชนทับเหนือ”
เพราะอยู่ในทำเลคลองสามช่องพาดผ่านเหนือหมู่บ้าน คือ คลองบางหลาม คลองเชียงใหม่
และคลองตาจอ ปี 2475 จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บ้านสามช่องเหนือ’”
มีสถาปัตยกรรมก่อสร้างบ้านเรือนเปลี่ยนจากเดิมหลังคามุงจากฟากไม้ไผ่
มีบันไดสามชั้น ค่อย ๆ เปลี่ยนมาใช้วัสดุทนแดด ฝน พายุ
เป็นหนึ่งในหมู่บ้านชนะการประกวด “หมู่บ้านเข้มแข็ง”
ปัจจุบันเป็นต้นแบบ
“การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ด้วยความสามารถของผู้นำ “สุรัช สุมาลี”
ผู้ใหญ่บ้านมองเห็นข้อดีที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
เขากับผู้ช่วยจึงร่วมกันออกแบบ “เส้นทางท่องเที่ยวของชุมชน” แล้วก็จัดทำกิจกรรม
เปิดโฮมสเตย์ พร้อมกับใช้ทรัพยากรที่มีเป็นจุดขายอันโดดเด่นดึงดูดนักท่องเที่ยว
“กิจกรรม” ไฮไลต์คือ
นำนักท่องเที่ยวนั่งเรือไปชมต้นปีปี 2 ต้น อายุเก่าแก่กว่า 80 ปี
อยู่เคียงคู่กันกลางน้ำ เป็นต้นไม้ที่อยู่ใต้น้ำวันละ 7-8 ชั่วโมง
ก่อนจะโผล่พ้นน้ำช่วงสายของวันใหม่ กับการไปชม “ถ้ำเพชรปะการัง”
บริเวณเกาะหินปูนเป็นจุดชมวิวอ่าวพังงา 180 องศา ภายในถ้ำมี หินงอก หินย้อย
งดงามตามธรรมชาติ
เมนูอาหารถิ่น
ชาวบ้านใช้วัตถุดิบสดใหม่และหากินที่อื่นไม่ได้ อย่าง
“หอยหลักควายลวกจิ้มมะพร้าวคั่ว”
เนื้อหนึบกินคู่กับน้ำจิ้มมะพร้าวคั่วรสเปรี้ยวหวาน มี “เสือคลุก”
เป็นขนมพื้นบ้านคล้ายแป้งปั้นทรงกลมต้มจนสุก คลุกกับมะพร้าวเคี่ยวกับน้ำตาลแดง
พร้อมของฝาก “กะปิด 3 ช่อง” ที่ทำจากเคยแท้ ๆ
พิกัดที่ 3 ชุมชนบ้านหินร่ม
อำเภอตะกั่วทุ่ง เป็นชุมชนมุสลิมชายฝั่งอันดามัน
มีป่าโกงกางเป็นทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งชมวิวสวยงามของ “เสม็ดนางชี”
บรรยากาศโดยรอบโอบล้อมด้วยป่าโกงกางล้อมเขียวขจีร่มรื่น เมื่อมาถึงแล้วต้องลองชิม
“อาหารทะเลพื้นบ้าน” ชาวบ้านปรุงรสชาติได้เทียบชั้นร้านดัง ๆ เลยทีเดียว
เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้จะมีป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์
อยู่คู่กับวิถีการทำประมงพื้นบ้าน
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายทางธรรมชาติ
เพื่อเรียนรู้ระบบนิเวศอันงดงาม มีทั้งการล่องเรือหัวโทงชมวิถีชาวประมง
ชมกาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังลอยน้อ มีแหล่งชมสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน
“เสม็ดนางชี” และสามารถเที่ยว “ทะเลแหวก” ได้ด้วย
ชาวบ้านมีบริการ โฮมสเตย์
ดูแลต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับมีเมนูอาหารทะเลสด ๆ เสิร์ฟทั้งมื้อเช้า
ค่ำให้นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างสวยงาม
นักท่องเที่ยวสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ททท.สำนักงานพังงา หรือ Facebook Page “ททท.สำนักงานพังงา”
ตลอดเดือนสิงหาคม 2568
ททท.มีของที่ระลึกสุดน่ารักเป็น “พวงกุญแจไดโดเสาร์” “
ทำจากวัสดุธรรมชาติเตรียมไว้มอบให้นักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสเส้นทางตามรอยจูราสสิก
พาร์ค มาก่อนรับก่อนได้เลย
สุขภาพ –6 วิธีรับมือและการป้องกันระยะยาวกับอาการบ้านหมุน
อาการ
"บ้านหมุน" หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะเวียนศีรษะบ้านหมุน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo -
BPPV) เป็นอาการเวียนศีรษะชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย
ทำให้รู้สึกเหมือนสภาพแวดล้อมรอบตัวหมุนติ้ว ทั้งที่ตัวเราอยู่กับที่
หรือรู้สึกโคลงเคลงเหมือนจะล้ม ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเสียการทรงตัว
ซึ่งอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
6 วิธีรับมือและบรรเทาอาการบ้านหมุนด้วยตนเองเบื้องต้น เมื่อมีอาการบ้านหมุนเกิดขึ้น
การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการบาดเจ็บได้ :
1.
หยุดกิจกรรมทั้งหมด: หากกำลังเดินอยู่ ให้หยุดยืนหรือนั่งลงทันที
ถ้าขับรถอยู่ให้จอดรถในที่ปลอดภัย
2.
นอนพัก: หาที่นอนราบและหลับตาลงเพื่อลดการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม
3.
หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะอย่างรวดเร็ว: ค่อยๆ เคลื่อนไหวศีรษะและร่างกายช้าๆ
4.
โฟกัสที่จุดคงที่: มองไปยังจุดใดจุดหนึ่งที่นิ่ง เพื่อช่วยให้สมองปรับการรับรู้การทรงตัว
5.
ดื่มน้ำเปล่า: จิบน้ำเปล่าทีละน้อยเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
โดยเฉพาะหากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
6.
หลีกเลี่ยงแสงจ้าและเสียงดัง: สภาวะเหล่านี้อาจกระตุ้นอาการให้แย่ลงได้
การป้องกันและการดูแลตนเองในระยะยาว
เพื่อลดโอกาสเกิดอาการบ้านหมุนซ้ำ ควรปฏิบัติดังนี้:
- เคลื่อนไหวศีรษะช้าๆ: โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางจากนอนเป็นนั่ง หรือจากนั่งเป็นยืน
- ระมัดระวังเมื่อเงยหน้าหรือก้มหน้า: หลีกเลี่ยงการเงยหน้ามองที่สูง หรือก้มเก็บของอย่างรวดเร็ว
- จัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย: ติดตั้งราวจับในห้องน้ำ ใช้แสงสว่างที่เพียงพอในเวลากลางคืน
เพื่อลดความเสี่ยงในการหกล้ม
- นอนหนุนหมอนสูงเล็กน้อย: อาจช่วยลดอาการในบางราย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว
- ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการผิดปกติ หรือมีอาการบ้านหมุนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –“ดุสิตดีทู
อัลอาห์ซา”เปิดรร.ใหม่ในเมืองมรดกโลกซาอุปี’70
ดุสิต
อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในบริษัทโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้ลงนามข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมกับ
“กลุ่มอัล กาเดียร์” เพื่อเดินหน้าพัฒนาโรงแรม “ดุสิตดีทู อัล อาห์ซา รีสอร์ท” ระดับไฮเอน์แห่งใหม่ใจกลางโอเอซิส “อัล อาห์ซา”
ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกยูเนสโก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรอาหรับ
“เจ้าชายซาอุด
บิน ทาลัล บิน บัดร์ อัล ซาอุด” ผู้นำในพื้นที่อัลอะห์ซา ให้เกียรติเป็นประธานพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างดุสิตกับกลุ่มอัล
กาเดียร์ โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นายนาอิฟ อัล มาดี
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจกองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว ชีคบัสเซม อัล กาเดียร์
ประธานกลุ่มบริษัทอัล กาเดียร์ และนายกิลส์ เครทัลลาซ
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
“ดุสิต
ดีทู อัล อาห์ซา” เตรียมเปิดให้บริการปี 2570
ตอกย้ำการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ใน “ภูมิภาคตะวันออกกลาง”
ปัจจุบันบริษัทฯ บริหารโรงแรมทั้งหมด 9 แห่ง
และยังคงมองหาโอกาสมอบประสบการณ์การบริการแบบองค์รวมทั่วทั้งภูมิภาคนี้
ขณะนี้
ดุสิต ดีทู อัล อาห์ซา ถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 2 ภายใต้แบรนด์ดุสิตที่ได้รับการยืนยันจะเปิดให้บริการในซาอุดีอาระเบีย
ต่อจากโรงแรมแห่งแรก ดุสิต ปรินเซส อัล มัจมาอะห์ ริยาด
กำลังจะเปิดให้บริการไตรมาส 4 ปี 2568 เป็นต้นไป
ทำเลที่ตั้งโรงแรม
“ดุสิต ดีทู อัล อาห์ซา” อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติอัล อาห์ซา เดินทางโดยรถยนต์เพียง
30 นาที และห่างจากดัมมาม 90 นาที
ในโลเคชั่นท่ามกลางทัศนียภาพทิวเขาและต้นปาล์มอันงดงาม ขนาดที่พักกว้างขวางเป็นห้องสวีท
120 ห้อง มีให้เลือกตั้งแต่แบบ 1-3 ห้องนอน
แต่ละห้องมีระเบียงส่วนตัว และสระว่ายน้ำส่วนตัว
มอบความเป็นส่วนตัวและผ่อนคลายอย่างเหนือระดับอย่างแท้จริง
บริษัท
El Ghoneimi กรุงไคโร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ จัดทำแผนผังหลักของโรงแรมหรือรีสอร์ทโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงามเหนือกาลเวลาของทะเลทราย
ภูเขา ที่อยู่ใกล้เคียง และสัญลักษณ์แห่งชีวิตชีวาของต้นปาล์มมากกว่า 2.5 ล้านต้น เติบโตงอกงามในโอเอซิส อัล อาห์ซา รูปทรงสถาปัตยกรรมเป็นธรรมชาติ
และตกแต่งภายในออกแบบเฉพาะตัว
ผสมผสานความดั้งเดิมทางวัฒนธรรมเข้ากับความสะดวกสบายอันประณีต
สร้างบรรยากาศอันเงียบสงบที่หยั่งรากลึกในอัตลักษณ์ท้องถิ่น
บริการผู้เข้าพักให้ได้รับความเพลิดเพลินด้วย
“สิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม” ครบครัน รวมถึง “ศูนย์สุขภาพ” พร้อมห้องทรีทเมนต์ส่วนตัว
พื้นที่ทำสมาธิ พื้นที่เฉพาะทำโยคะและการบำบัดแบบองค์รวม “ห้องบอลรูมหรูหรา” ขนาด
1,500 ตารางเมตร และ “สนามหญ้ากลางแจ้ง” กว้างขวาง
รองรับการจัดแต่งงานและงานสังสรรค์ทางสังคม หรืองานขององค์กรขนาดใหญ่ รวมทั้งมี “ห้องประชุม”
อุปกรณ์ครบครันให้บริการนักเดินทางเพื่อธุรกิจได้อย่างเต็มที่
ภายในรีสอร์ท
มี “ห้องอาหาร” เปิดให้บริการตลอดวัน อันมีชีวิตชีวา “คาเฟ่
ในล็อบบี้” ให้บริการอาหารรสเลิศ แบบเบาๆ “สระว่ายน้ำกลางแจ้ง”
ขนาดใหญ่พร้อมสระสำหรับเด็ก และ “คลับเด็ก” ให้ได้ทำกิจกรรมน่าสนใจในสภาพแวดล้อมอันปลอดภัยและกระตุ้นความคิดของเด็ก
ๆ ได้
รีสอร์ทแห่งนี้รายล้อมด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและนิเวศวิทยา
ไฮไลต์ เช่น 1.ภูเขา Al Qarah 2.สวนสาธารณะ Juatha 3.ตลาดเก่าแก่ Qaisariah
Souq โดยเหมาะสมเป็นประตูสู่การเดินทางของนักเดินทางทั้งในและต่างประเทศที่แสวงหาประสบการณ์ที่มีความหมายและการเข้าพักพร้อมดื่มด่ำท่ามกลางโอเอซิสใหญ่ที่สุดในโลก
“มร.
กิลส์ เครทัลลาซ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าการลงนามครั้งสำคัญนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ในการนำแบรนด์ดุสิตอันเป็นเอกลักษณ์การต้อนรับอันอบอุ่นแบบไทย
ขยายบริการสู่จุดหมายปลายทางสำคัญทั่วโลก
และความมุ่งมั่นมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้ชุมชนรอบพื้นที่ให้บริการ
ในฐานะผู้บริหารดุสิตรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มอัล
กาเดียร์
สร้างจุดหมายปลายทางที่เฉลิมฉลองมรดกอันรุ่มรวยและความงามทางธรรมชาติของอัล อาห์ซา
พร้อมกับมอบความสะดวกสบายเหนือระดับ ความหรูหราทันสมัย การออกแบบที่ใส่ใจ
และประสบการณ์อันน่าจดจำให้ผู้เข้าพักทุกเพศทุกวัย
ข่าวที่สอง –7เดือนต่างชาติทัวร์ไทยลด6รายได้รูด4%ก.ค.ร่วง15.89%
ต่างชาติเที่ยวไทย
7 เดือนแรก 1 ม.ค.-31 ก.ค.68 “จำนวน” ดิ่งลง 6.56 % “รายได้”
รูดติดลบ 4.22 % สถิติ 10 มามากสุด
อันดับ 1-2 “จีน-มาเลเซีย” จำนวนเบียดใกล้กันมากสุด 2.7
ล้านคน “ก.ค.68” เดือนเดียว
ภาพรวมติดลบสองหลัก 15.89 %
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เปิดสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 7 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม -3 สิงหาคม 2568 มียอดสะสม
19,596,746 ล้านคน อยู่ในแดนลบหรือลดลงมากถึง 6.56 % สร้างรายได้ 8.95 แสนล้านบาท ลดลง 4.22%
ขณะที่
“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยตลอดปี 2568
จะทำให้ได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือไม่น้อยกว่า 35.5 ล้านคน สร้างรายได้ตลาดต่างประเทศ 1.77 ล้านล้านบาท
สถิติ
1 มกราคม -3 สิงหาคม 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยสูงสุด 10 อันดับแรก
ได้แก่
● อันดับ
1 สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2,733,160 คน
● อันดับ
2 มาเลเซีย จำนวน 2,700,103 คน
● อันดับ
3 อินเดีย จำนวน 1,390,693 คน
● อันดับ
4 รัสเซีย จำนวน 1,124,467 คน
● อันดับ
5 เกาหลีใต้ จำนวน 918,372 คน
สำหรับอันดับ
6-10 เป็นสถิติที่รวบรวมในช่วง 1 มกราคม
-31 กรกฎาคม 2568 ได้แก่
● อันดับ
6 สหราชอาณาจักร จำนวน 643,415 คน
● อันดับ
7 สหรัฐ จำนวน 632,201 คน
● อันดับ
8 ไต้หวัน จำนวน 585,218 คน
● อันดับ
9 ญี่ปุ่น จำนวน 583,980 คน
● อันดับ
10 สปป.ลาว จำนวน 562,369 คน
“1-31
กรกฎาคม 2568”
ภายในเดือนเดียวมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 2,610,369
คน ลดลง 15.89% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
โดยมีตลาดที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ
1 จีน 420,770 คน เฉลี่ยวันละ 13,000-14,000
คน อันดับ 2 มาเลเซีย 358,287 คน
อันดับ
3 อินเดีย 189,303 คน อันดับ 4 เกาหลีใต้ 130,259 คน อันดับ 5 ไต้หวัน 85,412
คน
อันดับ
6 รัสเซีย 81,098 คน อันดับ 7 สหรัฐอเมริกา 81,096 คน อันดับ 8 ออสเตรเลีย
75,384 คน อันดับ 9
ญี่ปุ่น 74,717 คน และ อันดับ 10
สิงคโปร์ 73,196 คน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น