“บางจาก”ครึ่งปีแรก68ทำรายได้การขาย&บริการ2.6แสนล้าน
ยืนหนึ่งโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน-การตลาด-ติดที่ 17 SET50
บางจากฯ ครึ่งปีแรก’68 ทำ “รายได้การขายและบริการรวม” 2.6 แสนล้าน EBITDA 1.6 หมื่นล้านบาท
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #บางจาก
บางจากฯ
ครึ่งปีแรก’68 รักษาเสถียรภาพท่ามกลางราคาน้ำมันผันผวน “รายได้การขายและบริการรวม”
2.6 แสนล้าน EBITDA 1.6 หมื่นล้าน
2 กลุ่มธุรกิจยืนหนึ่ง “โรงกลั่นและการค้าน้ำมัน-การตลาด” ได้รับเลือกเข้าดัชนี SET50 ติดอันดับ 17 Fortune Southeast Asia 500
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก
และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากมีผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก2568
มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 260,474 ล้านบาท มี EBITDA
16,331 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ท่ามกลาง “ราคาน้ำมัน” ปรับลดลงต่อเนื่องและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ยังคงสามารถ
“รักษาระดับการดำเนินงาน” ได้ในกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะ 2 กลุ่มธุรกิจ คือ “กลุ่มโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน”
มีกำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปี 2567 และ “กลุ่มธุรกิจการตลาด”
ยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้ต่อเนื่อง
แม้ช่วงครึ่งปีแรก
บางจากฯ ต้องเผชิญแรงกดดันจาก “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ผนวก “สภาวะเศรษฐกิจโลก”
ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แล้วบริษัทฯ สามารถทำ “กำไร” จากการดำเนินงานปกติ
(ไม่รวมรายการพิเศษ) จากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด
ซึ่งมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนรายได้หลักของบริษัทฯ
แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
และบูรณาการกับ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ทำได้อย่างราบรื่น รวมทั้งการจัดตั้งบริษัท BCPT
FZCO ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจการค้าน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง
“บางจากฯ” ยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SET50 ต่อเนื่อง และปี 2568ได้รับการจัดอันดับที่ 17 จาก 500 บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยนิตยสาร Fortune ปี 2568 สูงขึ้นจากปีก่อนอยู่อันดับ 24 สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
นางสาวภัทร์ภูรี
ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน
และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญ
“ครึ่งปีแรกปี 2568” ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
ดังนี้
● กลุ่มที่
1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 1,399 ล้านบาท
ลดลงจากช่วงเยวกับปีก่อน 6,570 ล้านบาท เนื่องจากค่าการกลั่นพื้นฐาน
(Operating GRM) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากส่วนต่างราคาน้ำมัน (Crack Spread) อ่อนตัวลงในทุกผลิตภัณฑ์ บวกกับการรับรู้ผลขาดทุนจาก Inventory
Loss และการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) รวม 3,750 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ต่ำกว่าน้ำมันดิบดูไบในช่วงเวลาดังกล่าว
และต้นทุนน้ำมันดิบภาพรวมลดลง ช่วยลดแรงกดดันจากค่าการกลั่นอ่อนตัวลงได้บางส่วน
โดยมีกำลังการผลิตเฉลี่ยช่วงครึ่งปีแรกรวม254,900 บาร์เรลต่อวัน
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงเดินเครื่องเต็มกำลังโดยไม่ปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนงานเช่นเดียวกับช่วงครึ่งปีแรกปี 2567
● กลุ่มที่
2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA 3,022 ล้านบาท ลดลง 3,977 ล้านบาท ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
โดยยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไว้ได้ที่ระดับประมาณ 29 % สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายและคุณภาพให้บริการ
● กลุ่มที่
3 ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มี EBITDA 1,881 ล้านบาท ลดลง 2,424 ล้านบาท จากผลกระทบการสิ้นสุด Adder โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย
และการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเมื่อมิถุนายน 2567 จำนวน 9 โครงการ
● กลุ่มที่
4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA 380 ล้านบาท ลดลง 493 ล้านบาท มีปัจจัยหลักจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนโรงงานผลิตเอทานอลในไตรมาส 1 และต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะกากน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล ส่วน “ยอดขายผลิตภัณฑ์” ทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ทำให้ผลประกอบการภาพรวมของธุรกิจลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2567
● กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 10,128 ล้านบาท ลดลง13,074 ล้านบาท คิดเป็น 23 % โดยได้รับผลกระทบจากราคาขายน้ำมันเฉลี่ยปรับลดลงตามแนวโน้มราคาตลาดโลก
และปริมาณการจำหน่ายที่ลดลงจากการรับรู้ผลกระทบเต็มครึ่งปีจากการจำหน่ายแหล่งผลิต Yme เมื่อปลายปี 2567 ขณะที่ OKEA ปี 2568 เพิ่มประมาณการการผลิตเป็น 30,000
– 32,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ปี 2569 เพิ่ม 31,000 – 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เพิ่มขึ้น
“ไตรมาส 2 ปี 2568” กลุ่มบริษัทบางจากมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 125,827 ล้านบาท ลดลงจากช่วงไตรมาสก่อน 7 % และลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 20 %
มี EBITDA 3,664 ล้านบาท มี”กำไร”จากการดำเนินงานปกติ 1,247 ล้านบาท เมื่อรวมผลกระทบจาก Inventory Loss และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ มีผลขาดทุนสุทธิ 2,560 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.86 บาท จากผลประกอบการได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นหลัก
ณ
วันที่ 30 มิถุนายน 2568 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 30,215 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 310,702 ล้านบาท
หนี้สินรวม 228,247 ล้านบาท
และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 82,455 ล้านบาท
โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.19 เท่า
ตามที่บริษัท
บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กรณีเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นศรีราชา เมื่อ 26 กรกฎาคม
บริเวณหอกลั่นน้ำมันดิบของหน่วยกลั่นที่ 2 สามารถควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว
ประเมินพบเกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย และหน่วยกลั่นที่ 2 กลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้วตั้งแต่ 31 กรกฎาคม
(ภายใน 5 วันนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์) จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผลประกอบการของกลุ่มบริษัทบางจากอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มบริษัทบางจาก
ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้หลักความปลอดภัยสูงสุด
โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน ผู้ปฏิบัติงาน ชุมชนโดยรอบ
และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น