วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

ไทยคาลิมีบางจากร่วมทุน-ปี68ลุยเหมืองแร่โพแทชโคราช



ที่ตั้งโครงการเหมืองแร่โพแทช ด่านขุนทด นครราชสีมา ของ บริษัท ไทยคาลิ จำกัด พื้นที่ 9,005 ไร่

ไทยคาลิมีบางจากร่วมทุนลุยเหมืองแร่โพแทชโคราช

ลดนำเข้าปุ๋ยหนุนภาคเกษตรชาตินำเศรษฐกิจไทยรุ่ง

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ไทยคาลิ #เหมืองแร่โพแทช

บริษัท ไทยคาลิ จำกัด รายงานว่า พร้อมพัฒนาโครงการเหมืองแร่โพแทช ในอำเภอด่านขุนทด นครราชสีมา เพิ่มความมั่นคงด้านวัตถุดิบภาคเกษตรกรรม สร้างความแข็งแกร่งให้กับวิถีชีวิตชนบทไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ย และส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศ โดยมี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนธุรกิจต้นน้ำในเมืองไทย โดยใช้ บริษัท บีซีวี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (บีซีวีอี) เข้าร่วมทุนใน บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการเหมืองแร่ในตำบลหนองไทร พื้นที่สัมปทาน 9,005 ไร่

ปัจจุบันมีประเทศผู้ผลิตแร่โพแทชรายสำคัญของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี เบลารุส ชิลี จอร์แดน และลาว


ลักษณะแร่โพแทชเมื่อทำสำเร็จภาคเกษตรของไทยจะลดนำเข้าปุ๋ยได้ปีละหมื่นล้านบาท

@นำเหมืองโปรแตชนำไทยลดนำเข้าปุ๋ยหมื่นล้านบาท/ปี

อุตสาหกรรมเหมืองแร่โปรแตชมีบทบาทสำคัญสนับสนุนภาคการเกษตรและสร้างรายได้ให้ประเทศต่อเนื่องมาตลอด รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร “ไทย” มีศักยภาพการพัฒนาแหล่งแร่โพแทชเพื่อนำมาผลิตเป็นปุ๋ยใช้ในภาคเกษตรกรรม จะช่วยลดขาดดุลการค้าจากการนำเข้า ซึ่งปัจจุบันไทยนำเข้าปุ๋ยโพแทชเฉลี่ยปีละ 800,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี

การพัฒนาโครงการเหมืองแร่โพแทชในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ในการสนับสนุนความมั่นคงทางเกษตรกรรมของประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าในระยะยาว โครงการเหมืองแร่โพแทชในอำเภอด่านขุนทด มีลักษณะทางธรณีวิทยาเดิมเป็นพื้นที่ดินเค็ม ทางกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2547 ระบุว่ามคราบเกลือในพื้นที่ดังกล่าวแพร่กระจายออกไป  รวมถึงข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม Google Earth พ.ศ. 2554 ยังแสดงให้เห็นถึงสภาพดินเค็มปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผิวดินที่มีอยู่แต่เดิม การพัฒนาจึงเป็นแนวทางที่บริษัทฯ มุ่งหวังให้โครงการเหมืองแร่โพแทชสนับสนุนภาคเกษตรกรรมไทย


สภาพพื้นที่จริงรอบโครงการเหมืองแร่โพแทช ด่านขุนทด นครราชสีมา

บริษัทฯ พร้อมพัฒนาโครงการภายใต้พื้นที่ประทานบัตร 9,005 ไร่ และพื้นที่ดำเนินโครงการ
กว่า 900 ไร่ ทางกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงและเทคนิค
ทางธรณีวิทยาอย่างรอบด้านก่อนอนุมัติการเปลี่ยนแปลงแผนผังโครงการฯ โดยได้คำนึงถึงความเหมาะสมด้านธรณีเทคนิค และจากการที่บริษัทฯ ได้ทำการสำรวจแร่ในพื้นที่ประทานบัตร พบว่าแร่ธาตุส่วนใหญ่
คือ โพแทสเซียม และโซเดียม

@ทำเลไกลชุมชน-มาตรฐานปลอดภัย-2บริษัทโลกร่วมหนุน

โครงการถูกออกแบบให้สอดคล้องกับหลักธรณีเทคนิค และไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยของชุมชน โดยพื้นที่โครงการอยู่ห่างจากที่อยู่อาศัยของชุมชนมากกว่า 1 กิโลเมตร

บริษัทฯ ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยที่มีมาตรฐานระดับโลก และไม่มีผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ จากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก 2 บริษัท คือ DMT GmbH & Co บริษัทที่ปรึกษาด้านเหมืองแร่จากเยอรมนี มีประสบการณ์มากว่า 150 ปี และมีประสบการณ์ในเหมืองใต้ดินทั่วโลกกว่า 1,500 โครงการ และได้การสนับสนุนจาก China Coal No.3 Mine Construction (Group) Corporation Limited (CCMC) ที่เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างเหมืองใต้ดินร่วมอยู่ด้วย 


โรงงานเกลือบริสุทธิ์

@ปี68 เดินหน้าออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันปี 2568 โครงการเหมืองแร่โพแทช อยู่ระหว่างออกแบบโครงการตามมาตรฐานทางวิศวกรรมอย่างรัดกุม มีความปลอดภัยสูงและช่วยรักษาเสถียรภาพของโครงสร้างใต้ดิน ด้านการบริหารจัดการของเสีย บริษัทฯ นำแนวทาง Zero Discharge มาใช้ โดยไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งหรือของเสียออกนอกพื้นที่โครงการ และได้วางมาตรการควบคุมคุณภาพดิน น้ำ อากาศ เสียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โครงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการทำเหมืองที่ยั่งยืน


ภาพถ่ายทางดาวเทียมเหมืองแร่โพแทช ด่านขุดทด นครราชสีมา

บริษัทตั้งเป้ามีส่วนร่วมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ชุมชนโดยรอบ ผ่านการสร้างงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกป่าในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับโครงการ ศูนย์เรียนรู้การเกษตรและโครงการพัฒนาชุมชนด้านต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่  

โดยพร้อมเดินหน้าพัฒนาภาคเกษตรไทยให้แข็งแกร่งขึ้น ลดการพึ่งพาการนำเข้า และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ยึดมั่นแนวทางดำเนินโครงการด้วยความรับผิดชอบ ดูแลสิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชน  คุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วนทั้งปัจจุบันและอนาคต

ชาเทรียมรีสอร์ทสอยดาวเปิดรับเทศกาลขึ้นเขาคิชฌกูฎวันนี้-29มี.ค.68


ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี ต้อนรับนักท่องเที่ยวงานขึ้นเขาคิชฌกูฎ วันนี้-29 มี.ค.2568


“ชาเทรียมรีสอร์ทสอยดาว”รับเทศกาลขึ้นเขาคิชฌกูฎ

ชูจุดขายที่พักธรรมชาติ-สนามกอล์ฟ-กิจกรรมเพียบ

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ชาเทรียมกอล์ฟรีสอร์ทสอยดาว #เขาคิชฌกูฎ

“ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว” เปิดที่พักต้อนรับตลาดนักท่องเที่ยวเทศกาล “นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงเขาคิชฌกูฎ” จันทบุรี วันนี้-29 มี.ค.68 ห้องพัก พร้อมสนามกอล์ฟ 18 หลุม กิจกรรมทำได้ทั้งครอบครัว


สนามกอล์ฟ 18 หลุม ท่ามกลางธรรมชาติที่ ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว

ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี พร้อมให้บริการที่พักรองรับตลาดการเดินทางพักผ่อนอย่างมีระดับทุกการเดินทางสายบุญในสถานที่พักท่ามกลางธรรมชาติเงียบสงบและงดงาม มีความสะดวกสบายและความหรูหราลงตัว และกิจกรรมมากมายให้ได้สนุกสนานทั้งครอวครัว กับสนามกอล์ฟ 18 หลุม สระว่ายน้ำวิวสนามกอล์ฟและขุนเขา ปั่นจักรยานชมวิวอ่างเก็บน้ำ เล่นเรือเป็ดกับลูกๆ พร้อมกับเปิดห้องอาหารสอยดาว ให้รับประทานอาหารพื้นเมือง และอาหารนานาชาติรสเลิศได้ตลอดการพักผ่อน


เที่ยวเทศกาล“นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงเขาคิชฌกูฏ” จันทบุรี เ29 ม.ค. -29 มี.ค.2568 

โดยเฉพาะในช่วงที่นักท่องเที่ยวสายบุญมีโปรแกรมเดินทางงานเทศกาลประเพณี “นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงเขาคิชฌกูฏ” จันทบุรี เปิดแล้วตั้งแต่ 29 มกราคม -29 มีนาคม 2568 ชวนกันไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ธรรมชาติและจิตวิญญาณที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

“สถานที่” บนยอดเขาพระบาทที่สูงกว่า 1,050 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์ การเดินทางเริ่มต้นตรง “วัดพลวง” มีบริการผู้แสวงบุญเลือกระหว่าง 1.การเดินเท้าระยะทาง 8 กิโลเมตร ผ่านความงดงามของธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือ 2.นั่งรถกระบะโฟว์วีลตื่นเต้นเร้าใจ

บรรยากาศการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ที่ ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี

“เส้นทาง” ช่วงสุดท้าย 1 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวได้ยินเสียงระฆัง เสียงธรรม ร้านค้าขายอาหาร และหินธรรมชาติอันมหัศจรรย์เปี่ยมด้วยตำนานทางพุทธศาสนา บนยอดเขา ไฮไลต์ที่จะได้พบเห็นคือ "หินลอย" หรือ "เจดีย์หิน" ที่ปกป้องรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ไว้ ตามความเชื่อกันของผู้คน จะได้รับบุญอันยิ่งใหญ่หากได้เดินทางได้สักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฎแห่งนี้

“เส้นทางต่อเนื่อง” ระยะทางยาว 4 กิโลเมตร เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ขึ้นมาบน "ผ้าแดง" อันงดงาม ตามความเชื่อของคนในพื้นที่แห่งนี้ กล่าวกันไว้ว่าเมื่อได้มาสักการะความปรารถนาที่ต้องการจะบังเกิดเป็นจริงขึ้นได้

ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว จันทบุรี มีข้อเสนอสุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการสถานที่พักทาง: https://www.chatrium.com/golfsoidaochanthaburi/offers โทร. +66(0) 3946 0960 และ Email : info.sdao@chatrium.com

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

BSRCบางจากศรีราชาขายเกลี้ยงหุ้นกู้ล็อต2ยอดจองเกินเป้า8,000ล้าน

 


บมจ.บางจากศรีราชา "BSRC" 31ม.ค.68 นักลงทุนแห่จองหมดเกลี้ยงหุ้นกู้ล็อตสอง 8,000 ล้านบาท

BSRCบางจากศรีราชาปลื้มจองเกินเป้าหุ้นกู้8,000ล้าน

นักลงทุนโชว์เชื่อมั่น-ลั่นนำธุรกิจโรงกลั่นเติบโตยั่งยืน

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #BSRC #หุ้นกู้บางจากศรีราชา

BSRC ปลื้มความสำแร็จ “ออกหุ้นกู้” ใหม่รอบสอง 8,000 ล้านบาท นักลงทุนแห่จองเกินเป้าทั้ง 3 ชุดตอกย้ำความเชื่อมั่น ลั่นพร้อมนำธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล กรรมการ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC เปิดเผยว่า ประสบความสำเร็จได้ความสนใจจากนักลงทุนล้นหลามเกินกว่าเป้าหมายในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งใหม่ 8,000 ล้านบาท ตอกย้ำถึงนักลงทุนมีความเชื่อมั่นใน BSRC รวมทั้งหุ้นกู้ดังกล่าวทางทริสเทติ้งได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือไว้ในระดับ “A+”

บริษัทฯ ขอขอบคุณอย่างสูงกับผู้ลงทุนทุกคนที่ทำให้การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นด้านวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ และผลการดำเนินงานของ BSRC อันเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จตลอด 1 ปีที่ผ่านมาถึงการผนึกกำลังกับกลุ่มบริษัทบางจาก

BSRC ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าที่ตราไว้ รวมทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 ประกอบด้วย หุ้นกู้ 3 ชุด ดังนี้

หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี ไม่มีการชำระดอกเบี้ยระหว่างอายุหุ้นกู้ (zero coupon) โดยมีอัตราส่วนลด เท่ากับ ร้อยละ 2.85 ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3.34 ต่อปี

หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3.75 ต่อปี

เป็นการเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดา) ผ่านธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

“การออกหุ้นกู้” รอบนี้ BSRC ทำเป็นครั้งที่ 2 หลังประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมเกินความคาดหมายจากการออกหุ้นกู้ครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 แล้วหุ้นกู้ชุดล่าสุดนี้บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2567 สะท้อนความแข็งแกร่งด้านสถานะการเงินและธุรกิจของ BSRC อย่างชัดเจน

นายอนุวัตร ยืนยันว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ไป “ชำระคืนเงินกู้” ในส่วนที่ยังไม่ครบกำหนดชำระต่อไป รวมทั้งจะเดินหน้าดำเนินธุรกิจ BSRC ตามกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แล้วผลสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ BSRC ปี 2567 และ 2568 ทั้ง 2 ครั้ง ยิ่งทำให้เกิดมั่นใจจะสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้นักลงทุน สรรค์สร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้สังคมในทุกมิติต่อไป

 

ททท.ลุยเทรดโชว์ OTM มุมไบ-ปี’68เพิ่มอินเดียเที่ยวไทย 2.3ล้านคน

 

ททท. นำเอกชนท่องเที่ยวไทยร่วมเทรดโชว์Outbound Travel Mart (OTM) 2025 ที่ Jio เมืองมุมไบ อินเดีย

ททท.ลุยเทรดโชว์OTMมุมไบปี’68เพิ่มอินเดีย2.3ล้านคน

นำธุรกิจ30รายเจาะกลุ่มอินเดียเที่ยวไทยครั้งแรกพุ่ง68%

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #OTM2025

ททท.นำเอกชนไทยลุยเทรดโชว์ OTM :Outbound Travel Mart 2025 มุมไบ ปั๊มตลาดอินเดียปี’68 โตเข้าเป้า 2.3 ล้านคน เพิ่มกลุ่ม “เดินทางครั้งแรก” ปี’67มาไทยสูงสุด 68 % แถมใช้เงินดี 34,950 บาท/คน/ทริป พักเฉลี่ย 3.58 คืน/ทริป



          นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงาน Outbound Travel Mart (OTM) 2025 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2568 จัดที่ Jio คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์เมืองมุมไบ อินเดีย รุกขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพต้อนรับปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ตั้งเป้าตลอดปี 2568 จะนำอินเดียเที่ยวเมืองไทย 2.3 ล้านคน

@ททท.นำธุรกิจ30รายร่วมOTMปี68เพิ่มเป้าอินเดีย2.3ล้านคน

ททท. จัดคูหาประเทศไทยขนาด 156 ตารางเมตร นำเสนอแบรนด์อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ภายใต้เอกลักษณ์ “เสน่ห์ไทย : 5 Must Do in Thailand” โดยมีเอกชนท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมจับคู่ธุรกิจ 30 ราย ได้แก่ บริษัทนำเที่ยว 9 ราย โรงแรมที่พัก 14 ราย แหล่งท่องเที่ยว 6 ราย และสนามกอล์ฟ 1 ราย นำเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยวตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายตลาดอินเดีย

ภายในเทรดโชว์ Outbound Travel Mart (OTM) 2025 เป็นมหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยวนานาชาติขนาดใหญ่ของเอเชียใต้ จัดเป็นครั้งที่ 12 ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 60 ประเทศ เปิดพื้นที่แสดงสินค้าท่องเที่ยวกว่า 1,600 คูหา จึงสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เอกชนไทยได้พบปะเจรจากับผู้ซื้อในตลาดอินเดียจำนวนมากอย่างหลากหลาย ซึ่งจะสามารถกระตุ้นอินเดียเที่ยวเมืองไทย 2 กลุ่มหลัก 7ตลาดคุณภาพ ได้แก่



@ชูธงโกย“นักเดินทางครั้งแรก-ทัวร์คุณภาพ7ตลาดใหญ่”

กลุ่มที่ 1 นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยครั้งแรก (First Visitor)

กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวคุณภาพ เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางเพิ่มมากขึ้น มุ่งเจาะ 7 ตลาด ได้แก่ 1.กลุ่มครอบครัว 2.กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) 3.กลุ่มคู่รักและฉลองแต่งงาน 4.กลุ่มนักเดินทางผู้หญิง กลุ่มผู้สูงวัยใจเกินร้อย (Active Senior) 5.กลุ่มคนรุ่นใหม่ (Millennials)  6.กลุ่มพักผ่อนแบบหรูหรา (Luxury Leisure) และ 7.กลุ่มนักกอล์ฟ

“พิธีเปิดคูหาประเทศไทย” เมื่อ 30 มกราคม 2568 นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี พร้อมผู้เข้าร่วมนำโดย นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท. นางสาวสัญฉวี พัฒนจักร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ นางสาวณคริศร คล้ายแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ เมืองมุมไบ

 

@อินเดียใช้เงินเที่ยวไทย 34,920บาท/คน-พักเฉลี่ย 3.58คืน/ทริป

นางสาวภัทรอนงค์ ย้ำว่า อินเดียเป็น “ตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ :Shorthaul” ที่มีศักยภาพสูง ตลอดปี 2567 เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมทั้งสิ้น 2,129,149 คน ปี 2568 จึงเป็นตลาดน่าจับตาที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมการท่องเที่ยวของอินเดียนิยมเดินทางด้วยตนเอง (FIT) สูงถึง 77 % และเดินทางในรูปแบบทัวร์ มีเพียง 23 %

โครงสร้างภาพใหญ่ของตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาในเมืองไทย มีความน่าสนใจดังนี้

เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยครั้งแรกมีมากถึง 68 % มีวันพักเฉลี่ย 6.58 คืน/คน

ใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 34,920 บาท/คน/ทริป

พฤติกรรมความนิยมเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ชื่นชอบการทำกิจกรรมชายหาด รับประทานอาหารไทย ชมแสงสียามค่ำคืน

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี

• สถิติปี 2568 ตั้งแต่ 1-29 มกราคม 2568 มีอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยแล้วทั้งสิ้น 176,600 คน ติดอันดับ 1 ใน 5 จำนวนมากที่สุดของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย

 


@คูหาไทยโชว์เสน่ห์ไทย-ท่องเที่ยวยั่งยืน-นำเสนอ 3 เรื่อง

สำหรับ “คูหาประเทศไทย” ในงาน OTM 2025 เมืองมุมไบ ททท.ได้สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด “Sustainable and Luxury” นำภูมิปัญญางานหัตถกรรมและการละเล่นวิถีไทย “ว่าวไทย” ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเชิญชวนนักท่องเที่ยวอินเดียรวมถึงต่างชาติเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างและน่าจดจำ

พร้อมโชว์เอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ทันสมัย มีคุณค่า ควบคู่กับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับจัดกิจกรรมในคูหาประเทศไทยไปพร้อม ๆ กัน 3 เรื่องหลัก ได้แก่

เรื่องที่ 1 เปิดเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยกับคู่ค้าต่างประเทศและสื่อมวลชนรายใหญ่ในพื้นที่ ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวร่วมกัน เช่น จัดโปรโมชั่นพิเศษ Special Promotion Scheme ให้กลุ่มคู่แต่งงาน และกลุ่มคอร์ปอเรตกับอินเซ็นทีฟ ทำโปรโมชั่นการขายร่วมกับพันธมิตร

เรื่องที่ 2 เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย

เรื่องที่ 3 จัดกิจกรรมเสวนาเกี่ยวกับเทรนด์และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย กิจกรรมสาธิตศิลปวัฒนธรรมไทย ได้แก่ การตัดพวงมโหตร และทำธุงใยแมงมุม เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ร่วมงานในอินเดียได้รับรู้มีทั้งประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป


ททท.Must Seekเที่ยวดินแดนงูพญานาครับปีมะเส็ง2568

 ททท.เปิด Must Seek เที่ยวธรรมชาติดินแดนงู พญานาครับปีมะเส็ง 2568

ททท.ชวนสายมูไป Must Seekท่องเที่ยวปังมะเส็งปี68

ดินแดนงู/พญานาค3พิกัด“วัดอนาลโยทิพ-เขางู-ถ้ำนาคา

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #MustSeek 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คัดสรรแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติขานรับ “ปีมะเส็ง 2568” ปีงูกับเปิด แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติต้องไปชมสักครั้ง ตามคอนเซ็ปต์ Must Seek 1 ใน 5 Must Do in Thailand แล้วยัง เป็น 1 ใน 7 Green ที่มีเรื่องเล่าเรื่องราวเกี่ยวข้องกับงู พญานาค ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวคนไทย และพร้อมจะนำเสนอในกลุ่มต่างชาติที่ชื่นชอบด้วย นำร่องในเมืองไทยไฮไลต์ 3 พิกัด



พิกัดที่ 1 วัดอนาลโยทิพยาราม จ.พะเยา ที่สุดในภาคเหนือ

“วัดอนาลโยทิพยาราม” ตั้งอยู่บริเวณดอยบุษราคัม และม่อนพระนอน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา  ทั้งลูกศิษย์พระปัญญาพิศาลเถระ หรือ “หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล” รอบบริเวณวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานมากมาย ที่มีความงดงามด้านศิลปะแบบสุโขทัย พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก และอีกมากมาย

โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 อย่าง ได้แก่ “รัตนเจดีย์” เป็นไฮไลต์สร้างตามรูปแบบศิลปะอินเดียพุทธคยา “เก๋งจีน” ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม และ “หอพระแก้วมรกตจำลอง”

“เรื่องเล่า” ช่วงการสร้างวัดอนาลโยทิพยารามแห่งนี้ แนะนำให้ “นักท่องเที่ยวสายมู” ติดตามไปค้นหาความจริงด้วยตนเอง พร้อมกับสัมผัสความพิศวงของวัดท่ามกลางธรรมชาติและทัศนียภาพแสนงดงาม



พิกัดที่ 2 อุทยานหินเขางู จ.ราชบุรี ศูนย์รวมความศรัทธาใกล้กรุงใน “ภาคกลาง”

“เขางู” ได้ชื่อว่าเป็นอุทยานหินสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย โอบล้อมด้วยทิวเขาและธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดี เพราะมีถ้ำบนภูเขา 3 ถ้ำ คือ ถ้ำฤๅษี-ถ้ำฝาโถ-ถ้ำจีน/จาม

“เรื่องเล่า” ที่ดึงดูดความสนใจคือ การสร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่เต็มพื้นที่หน้าผา พร้อมสะพานแขวนทอดยาวให้เดินชมบรรยากาศสวยงาม

 


พิกัดที่ 3 ถ้ำนาคา อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ สุดปังดังกระหึ่มแดน “อีสาน”

“ถ้ำนาคา” มีชื่อเสียงโด่งดังต่อเนื่องมาหลายปีตั้งท่ามกลางธรรมชาติ ความลึกลับน่าค้นหาคือ ภายในถ้ำจะมีผนังคล้าย “เกล็ดของพญานาค” กำลังนอนขดตัวอยู่ แล้วก็มียังมีรูปลักษณ์คล้าย “เศียรพญานาค” ด้วยลักษณะหินขนาดใหญ่สีน้ำตาล มีเกล็ด ตรงบริเวณนี้นักท่องเที่ยวจึงนิยมมากราบไว้บูชาเพื่อขอโชค ขอลาภ เสริมความเป็นสิริมงคล

“ถ้ำนาคา” มีทางขึ้นได้ทางเดียวตรงบริเวณ สำนักสงฆ์ฐิติสาราราม (วัดตาดวิมานทิพย์) ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำตกตาดวิมานทิพย์ ระหว่างทางจะมีประตูเต่า หินหัวเรือ นาคาหัวที่ 3 เมื่อขึ้นถึงบนเขา จะพบเส้นทางเดินป่านำทางไปสู่นาคาหัวที่ 1 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ คอยให้แน

ททท.เปิดAmazing Thailand Roman Monthปี68ปลุกตลาดไกล10.6ล้านคน

  ททท.นำร่องเปิด Amazing Thailand Roman Month ปี68ตั้งเป้าปลุกตลาดไกล 10.6 ล้านคน ททท.เปิด Roman Month ปลุกตลาดไกลเข้าเป้า 10.6 ล้านคน งัด...