วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2568

เปิดคู่มือธุรกิจปี 2568 GDPไทยโตช้า2.6-3% ท่องเที่ยวทำรายได้ยืนหนึ่ง


 

เจาะลึก!!คู่มือขับเคลื่อนธุรกิจปี’68จีดีพีไทยโตช้า 2.6%หรือ3%

“ท่องเที่ยว”ยืนหนึ่งหวังพึ่งตลาด“อาเซียน-เอเชีย”ทำเงินมากสุด

แนะเอกชนปรับตัวรับกำลังซื้อเซฟค่าใช้จ่ายเฝ้าระวัง5สัญญาณ

คิงเพาเวอร์รวมโปรรับปีใหม่คุ้มเกินคุ้ม5สาขาในเมือง 5 ดีลดี

พูลแมนคิงเพาเวอร์ชูเลอสปาจองออนไลน์จันทร์-ศุกร์ลด 30 %

ททท.ปลื้มคนแห่เที่ยวปีใหม่แม่ฮ่องสอนจองธุรกิจที่พักพุ่ง80%

บางจากปี68นำธุรกิจการตลาดGreenovativeExperience3เรื่อง

เที่ยวใกล้ชมไฟสวยงามล้านดวงที่ณ สัทธา อุทยานไทย ราชบุรี

ปรับพฤติกรรมนั่งนิ่งออกมาเดินทุกครึ่งชั่วโมงลดโรคได้เพียบ

อโกด้าโพลล์ปี68คนไทยแห่เที่ยวจันท์กับเซี่ยงไฮ้-ฝรั่งเที่ยวเสม็ด

Muse Anime Festival 2025 จัดครั้งแรกในไทย12เรื่องที่เอ็มบีเค

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #ณสัทธาอุทยานไทย

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/14gA2DPY1n/

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน

คอลัมนิสต์ข่าวเศรษฐกิจ

ช่วงที่ 1 “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” คอลัมนิสต์ เปิดข้อมูลปี’68 โหรเศรษฐกิจพยากรณ์จีดีพีไทยจะเติบโตช้าลงเฉลี่ยจะทำได้ 2.4-2.6 % ภาคธุรกิจหวังไกลให้ถึง 3 % แนะธุรกิจจับตาและเฝ้าระวัง 5 สัญญาณเตือน “ท่องเที่ยว” ชูพลังขาขึ้นต่อเนื่องตั้งเป้าทำเงิน 3.4 ล้านล้านบาท ชู Amazing Thailand Grand Tourism &Sport 2025 พึ่งลูกค้าตลาดใหญ่ “อาเซีย-เอเชีย และแปซิฟิก” โกยรายได้ 72 % ด้าน “ส่งออก” เตรียมรับมือทรัมป์ 2.0 เขย่าการค้าโลก “การลงทุน” มีความเสี่ยงจากสงครามยืดเยื้อ “ภาคอุตสาหกรรม” ผู้ประกอบการ SMEs แข่งขันสู้สินค้าจีนไม่ไหว และแนวโน้ม “สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์” รายย่อยหดตัว แถมหนี้ด้อยคุณภาพลุกลาม เขย่ากำลังซื้อทำให้คนทั้งประเทศระวังการใช้จ่ายเงินมากขึ้น

ต้อนรับพุทธศักราชใหม่ 2568 ปีแห่งโอกาส ความหวัง และพลัง ที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องฝ่าความท้าทายกันอย่างเข้มข้นอีกปี โดยมี “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” เป็นดาวเด่นนำพา “เศรษฐกิจ” ปีมะเส็งเผชิญหน้าปลดล็อกความยากลำบากไปให้ได้

จากการประมวลผลรายงานของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” และศูนย์วิจัยสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง ประเมินปี 2568 ไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ “เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะเติบโตช้าลง” กว่าปี 2567 มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP :Gross Domestic Product เติบโตเฉลี่ยเพียง 2.4-2.6% ตามแรงส่ง “การท่องเที่ยว” เพิ่มขึ้น แต่ “การส่งออก” ลดลง

“บุรินทร์ อดุลวัฒนะ” กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งใหม่ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนเรื่องการลงทุนและการค้าโลก โดยเฉพาะ “นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้า” ต้นปี 2568 เกิดความกังวลกับเศรษฐกิจโลกจะซบเซาเหมือนช่วงทศวรรษ 1930 ผนวกกับนโยบายอเมริกาเฟิร์สท์ จะเปลี่ยนระเบียบโลก (Global Order) สร้างความเสี่ยงต่อองค์กรระหว่างประเทศ เช่น WTO และ NATO ได้​


เมื่อวิเคราะห์ถึง “พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต” หรือ Engine of Growth แล้ว ทุกภาคส่วนในไทยควรจะต้องจับตาและเฝ้าระวังเสียงเตือน 5 สัญญาณหลัก ดังนี้

สัญญาณที่ 1 “ภาคการท่องเที่ยว” มีแรงส่งอาจจะทำให้ไปได้ถึง 2.6% ตามนโยบาย “รัฐบาล” ยังคงชูนโยบาย IGNITE THAILAND’S TOURISM ส่วน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอขาย Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 ใช้กระตุ้นรายได้ท่องเที่ยวตลอดปี 2568 จากการท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศเที่ยวเมืองไทย ตั้งเป้าหมายรวมไว้ทั้งสิ้น 3.4 ล้านล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 39-40 ล้านคน


“รายได้ท่องเที่ยว” และ “จำนวนนักท่องเที่ยว” ปี 2568 ตามเป้าหมายของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกอบด้วย

ตลาดในประเทศ ตั้งเป้าทำรายได้ทั้งสิ้น 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 % จำนวนนักท่องเที่ยว 205 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 8 %

ตลาดต่างประเทศ 2.23 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.64 % แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 “ตลาดระยะใกล้ : short haul อาเซียน เอเชีย และแปซิฟิกใต้ 1.3665 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น +22.40% คิดเป็น 61 % ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด มีจำนวนนักท่องเที่ยว 28.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.12 % คิดเป็น 72 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

ส่วนที่ 2 “ตลาดระยะไกล : Longhaulจาก 4 ทวีป คือ ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตั้งเป้ารายได้รวมทั้งหมด 869,200 ล้านบาท คิดเป็น 39 % เพิ่มจากปี 2567 ประมาณ 100,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 10,622,000 ล้านคน คิดเป็น 27 % ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด

โดยตลาดการท่องเที่ยวระยะไกลจะมีแรงส่งจากฝั่งซัพพลายหลัก คือ “สายการบินนานาชาติ” สามารถลงทุนและบริหารจัดการเที่ยวบินฤดูหนาวปี 67/68 เริ่ม 29 ตุลาคม 2567-29 มีนาคม 2568 ฟื้นกลับมาได้แล้ว 85-90 % ของสถานการณ์ปกติปี 2562


ตลอดฤดูเดินทางท่องเที่ยวต้นปี 2568 สายการบินต่าง ๆ ทำอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย (Load factor) จาก “ยุโรป” ได้เกิน 85 % โดยมีบริติชแอร์เวย์ส กลับมาบิน ส่วนอเมริกา ทำได้ถึง 97 %  โดยมีแอร์แคนาดา กลับมาบินครั้งแรกในรอบสองทศวรรษ แอฟริกา ทำได้ 80% และตะวันออกลางทำได้ 70-80 %

ทั้งนี้ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” และ ททท.ได้สรุปภาพรวมตลอดปี 2567 “การท่องเที่ยวของไทย” ระหว่าง 1 มกราคม -30 ธันวาคม 2567 ทำได้ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายราว 3-4 แสนล้านบาท จากที่ตั้งไว้ประมาณ 3 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย

“ตลาดต่างประเทศ” (Inbound) รายได้จริงมียอดรวม 1,668,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 34 % แต่ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายราว 2.2 แสนล้านบาท ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวดีกว่าเป้าหมายทำได้ 35,441,648 คน จากแผนท่องเที่ยวหลักปีงบประมาณ 2567 “ตั้งเป้า” รายได้ไว้ทั้งสิ้น 1.8 - 2.0 ล้านล้านบาท กำหนดต้องมีจำนวนนักท่องเที่ยว 34-36 ล้านคน


“ตลาดในประเทศ” (Domestic) รายได้จริงมียอดรวม 9.3 แสนล้านบาท ปีงบประมาณ 2567 “ตั้งเป้า” รายได้ไว้ทั้งสิ้น 1.08-1.2 ล้านล้านบาท กำหนดต้องมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากว่า 200 ล้านคน-ครั้ง 

สัญญาณที่ 2 “ภาคการส่งออก” คาดการณ์จะเติบโตช้าลงจาก สงครามการค้า ทางตรงผ่านตลาดส่งออกสหรัฐ ทางอ้อมผ่านตลาดอื่น ๆ ยังต้องแข่งขันกับสินค้าจีน

สัญญาณที่ 3 “การลงทุน” ปี 2568 ภาพรวมทั้งประเทศปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจาก “การลงทุนภาครัฐ” ขยายตัวดีขึ้นด้วยเม็ดเงินเบิกจ่ายงบประมาณต่อเนื่อง “เอกชน” ลงทุนสูงขึ้น สอดคล้องกับ FDIs ตามตัวเลขอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

แต่ไทยก็ยังคงต้อง “เฝ้าระวังความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” ยังสูงอยู่ จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า เศรษฐกิจหลักของโลกชะลอตัวลง โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน และภาคการผลิตของไทยต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันสูงจากสินค้าจีนท่ามกลางขีดความสามารถลดลงไปด้วย

สัญญาณที่ 4  “ภาคอุตสาหกรรมในไทย” สถานการณ์ภาพรวมปี 2568 ยังดีขึ้นไม่ได้มาก เพราะยังมีปัจจัยกดดันจาก “สงครามการค้า” ภายใต้การนำของทรัมป์ 2.0 จะกระทบกับส่งออกและการผลิต ผนวกกับ “มาตรการภาครัฐ” บางเรื่องอาจกระทบต้นทุน ด้วยประเด็นเชิงโครงสร้างทำให้ “คนใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง” มากขึ้น

ขณะที่ “ผู้ประกอบการ” ยังฟื้นตัวได้ช้าคือ กลุ่มขนาดกลางลงไปถึงขนาดเล็ก แล้วก็มี “ความเสี่ยง” ในกลุ่มภาคการผลิตรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ โลหะ แฟชั่น  ส่วน “ภาคการค้าและบริการ” แม้จำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นแต่การยืนระยะของธุรกิจไม่ได้ง่ายเหมือนเดิม

สัญญาณที่ 5 “แนวโน้มสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์” ที่จดทะเบียนในไทยจะเติบโตช้าและต่ำ ขยายตัวจากปีก่อนเพียง 0.6% มีสัญญาณจะหดตัวลง 1.8 % ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงยังจะกดดัน “สินเชื่อรายย่อย” หดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “หนี้ด้อยคุณภาพ” ยังเป็นปัญหาต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ทั้ง 2 กลุ่มคือสินเชื่อรายย่อย และเอสเอ็มอี

ตามผลวิจัยของศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้วิเคราะห์ “ข้อมูลสินเชื่อธุรกิจ” จากฐานข้อมูลบัญชีลูกหนี้นิติบุคคล เป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของเครดิตบูโร (NCB) พบ 5 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย

เรื่องที่ 1 หนี้ธุรกิจไทยกลับมาถดถอยลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ถึงต้นปี 2567 หลังหมดแรงส่งมาตรการช่วยเหลือทางการเงินช่วงโควิด

เรื่องที่ 2 ธุรกิจยิ่งเล็ก ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้เสียทวีรุนแรงมากขึ้น

เรื่องที่ 3 สถาบันการเงินทุกประเภทที่ปล่อยสินเชื่อเผชิญกับผลกระทบจากปัญหา “หนี้ด้อยคุณภาพ” ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

เรื่องที่ 4 การเจาะกลุ่มปัญหาหนี้เรื้อรัง คือ ธุรกิจบัญชีเดิมที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพที่ผ่านมาช่วง 3 ปี พบธุรกิจขนาดเล็กและกลางน่าห่วงมากขึ้น

เรื่องที่ 5 ประเภทธุรกิจหลักที่มีปัญหา “หนี้ด้อยคุณภาพ” พุ่งเป้าเน้น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.อสังหาริมทรัพย์ 2.ค้าส่งค้าปลีก 3.ที่พักและอาหาร และ 4.ภาคการผลิต สะท้อนปัญหาเฉพาะหน้า เช่น อำนาจซื้อของผู้บริโภคลดลง การแข่งขันรุนแรงขึ้น ธุรกิจฟื้นตัวแบบกระจายไม่ทั่วถึง สะท้อนถึง “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” จากความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผลสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้ชี้ทางออกที่ยั่งยืน อีกหนึ่งช่องทางคือ การสนับสนุนเศรษฐกิจภาพรวมให้เติบโตต่อเนื่อง จะทำให้เกิดผลดีกับธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นคู่ขนานไปด้วยกันช

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์รวมโปรรับปีใหม่คุ้มเกินคุ้ม 5 สาขาในเมือง 5 ดีลดี

รวมโปรลดแรงรับต้นปี! ที่ คิง เพาเวอร์ สาขาในเมือง ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ลดสูงสุด 25% กับ 5 ดีลดี ต้อนรับปีใหม่ 2568

ดีลที่ 1 ช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับคูปองส่วนลดสูงสุด 20%

ดีลที่ 2 ช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลดสูงสุด 25%

ดีลที่  3 ลุ้นรับคูปองเงินสดสำหรับจองบัตรโดยสารสายการบิน คาเธย์ แปซิฟิก มูลค่า 3,000 บาท เพียงช้อปครบทุก 10,000 บาท (สุทธิ) รับคูปองลุ้นรางวัลได้ 1 ใบ

ดีลที่ 4 ช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง ให้สิทธิ์ลูกค้าสัญชาติไทย ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ

ดีลที่ 5 สมาชิก คิง เพาเวอร์ สัญชาติไทย ลดเพิ่ม ON-TOP 5%เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ และลดเพิ่ม ON-TOP 10% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/41MkKlB

“สมาชิกใหม่ SCARLET” สมัครฯ และเติมเงิน 20,000 บาท รับฟรี! คูปองส่วนลดสูงสุด 25% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

เมื่อเติมเงินเพิ่มทุก 20,000 บาท รับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 3,000 บาท (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

“สมาชิกใหม่ NAVY” สมัครฯ ฟรี!  แล้วรับเพิ่มคูปองส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 6,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

ใบเสร็จรับเงินที่ร่วมรายการส่วนลดดังกล่าว ไม่สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ได้


ข่าวที่ 2 -พูลแมนคิงเพาเวอร์ชูเลอสปาจองออนไลน์จันทร์-ศุกร์ลด30%

 

โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ชวนมาฮีลกายใจสปาในกรุงเทพได้ที่ “เลอ สปา” มอบส่วนลด 30% เมื่อจองออนไลน์แบบอลาคาส ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ระหว่าง 10.00-12.00 น. และ 20.00-22.00 น.

ในบรรยากาศแสนสงบเป็นส่วนตัว 8 ห้อง บริการห้องสปาสวีท ห้องทำทรีทเม้นท์ที่มีห้องอบไอน้ำกับอ่างจากุซซี่ รวมทั้งผ่อนคลายกับทรีทเม้นท์ การนวดแบบต่างๆ เช่น นวดน้ำมันอโรมา นวดไทยแผนโบราณ นวดมือและเท้า


เลอ สปา ตั้งอยู่ชั้น 4 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ สอบถามหรือจองบริการสปาล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 02 680 999 

สำหรับ “เลอ สปา” ในกรุงเทพฯ มีบริการนวดด้วยน้ำมันด้วยเทคนิคไทยดั้งเดิมบนเตียงนวดแบบสไตล์ตะวันตก และการบำบัดด้วยกลิ่นหอม จากของน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นประโยชน์มากมาย โดยมี“ทรีทเมนท์” พร้อมบริการ นวดแผนไทย นวดน้ำมัน นวดฝ่าเท้า จะช่วยทำให้รู้สึกสงบนิ่งมีสมาธิและผ่อนคลาย ได้แก่

“นวดแผนไทย” ทรีทเม้นต์ที่ได้รับความนิยมมากสุดในหมู่นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนไทย เทอราปิสต์จะประคบตามแนวเส้นของร่างกายทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจอย่างสมบูรณ์

“นวดน้ำมัน” ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต เทอราปิสต์ที่ เลอ สปา จะใช้น้ำมันตามที่ลูกค้าเลือกแตกต่างกันไป เช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันงา น้ำมันโจโจ้บา และอื่นๆ

“นวดประคบสมุนไพรไทย” เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์มากมายกับร่างกาย ซึ่งลูกประกอบด้วยของสมุนไพรห่อด้วยผ้ามัสลินและอบให้ร้อนก่อนที่จะถูกนำไปใช้กับผิว ความร้อนจะเปิดรูขุมขนทำให้ผิวหนังดูดซับประโยชน์สมุนไพร ส่งเสริมการพักผ่อนให้ดีขึ้น เพิ่มการไหลเวียนภายใน บรรเทากล้ามเนื้อที่เจ็บ และอาการปวดข้อ ซึ่งสมุนไพรที่ใช้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบมากมาย สมุนไพรที่พบบ่อยในลูกประคบได้แก่ ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขาม และชิคาไก

“นวดฝ่าเท้า” ที่ เลอ สปา Therapist มักจะใช้น้ำมันและนวดจากนิ้วเท้าจนถึงน่องขา

โปรแกรมผิวหน้าโดย PHYTOMER เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากทะเลเพื่อสุขภาพที่ดีของใบหน้า ดื่มด่ำกับผิวเนียนใสคุณด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพเข้าโดยตรงจากฝรั่งเศสที่คิดค้นโปรแกรมสปาผิว ทั้ง 5 โปรแกรม

แล้วยังสามารถแช่ร่างกายให้สดชื่นด้วยสระว่ายน้ำกลางแจ้งอินฟินิตี้ของ พูลแมน คิง เพาเวอร์ ขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็ก พร้อมอาหาร เครื่องดื่ม ให้ทานระหว่างผ่อนคลายริมสระน้ำ ได้ด้วย


ข่าวที่ 3-ททท.ปลื้มคนแห่เที่ยวปีใหม่แม่ฮ่องสอนจองธุรกิจที่พักพุ่ง80%


นายภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ควันหลงการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนตลอดเทศกาลฉลองวันหยุดปีใหม่ 2568 คึกคักทั้ง 7  อำเภอ ทั้ง ปาย ปางมะผ้า อำเภอเมือง ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง และอำเภอสบเมย ผู้ประกอบการธุรกิจมียอดจองห้องพักกระจายทั่วทั้งจังหวัดเฉลี่ย 80 % ปีนี้ ททท.ได้จัดพิมพ์แผนที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ นำไปมอบให้แต่ละอำเภอนำเพื่อติดตั้งให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวยังบริเวณจุดบริการประชาชน พร้อมแจกแผนที่ท่องเที่ยวขนาดพกพา

 

พร้อมกับเปิดให้นักท่องเที่ยวสแกนคิวอาร์โค้ดไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเลตเพื่อเปิดใช้งานได้ทันทีทุกเวลา อำนวยความสะดวกและเป็นเครื่องมือเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้วางแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น

 

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ “อำเภอปาย” คือ บ้านรักไทย ปางอุ๋ง กลอเซโล ดอยพุ่ยโค ส่วน “อำเภอเมือง” เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน และองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้จัดตกแต่งประดับโคมไฟภายในตัวเมืองและตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ อย่างสวยงาม

 

รวมทั้ง “จุดพักรถจุดชมวิว” ต่าง ๆ ตามเส้นทางคมนาคมภายในแม่ฮ่องสอนที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการและถ่ายรูปจำนวนมาก เช่น ดอยลุกข้าวหลาม ดอยกิ่วลม ดอยผาบ่อง จุดชมวิวแม่ลาน้อย แม่ลาหลวง

 

และ “เส้นทางสัญจรโค้งยอดนิยม” ในแม่ฮ่องสอนตามเส้นทาง 1095 และ 108 มีมากถึง 4,088 โค้ง ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาติดต่อขอรับใบประกาศผู้พิชิตโค้งจากหอการค้า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สร้างสีสัน และการมีส่วนร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นประสบการณ์ความประทับใจที่ได้มอบให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เลือกแม่ฮ่องสอนเป็นจุดหมายปลายทาง เพื่อกลับมาท่องเที่ยวใหม่ซ้ำ ๆ ในโอกาสต่อไป

 

ข่าวที่ 4-บางจากปี68นำธุรกิจการตลาดGreenovativeExperience3เรื่อง

 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดแนวคิด “Greenovative Experience” เดินหน้าธุรกิจการตลาดปี 2568 เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันหล่อลื่น ผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นหลัก ปัจจุบันติดอันดับ 2 ของประเทศมีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีก (สถานีบริการ) มากกว่า 15% มุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 “ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า” โดยให้ความสำคัญครบทุกด้านทั้ง งานบริการ สถานีบริการน้ำมัน การมีส่วนร่วมดูแลสังคมสิ่งแวดล้อม เช่น การจำหน่ายน้ำมันพลังงานทดแทน หรือพรีเมียมดีเซล ที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงนำเทคโนโลยีมาใช้ในสถานีบริการน้ำมันเพื่อตอบสนองลูกค้าและลดใช้พลังงาน

 

            เรื่องที่ 2 พัฒนาธุรกิจ Non-Oil ประกอบด้วย ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ตอบสนองความต้องการลูกค้า สร้างความพอใจสูงสุดให้กับผู้มาใช้บริการตลอดทุกเวลา อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด พร้อมจะตอบสนองความต้องการและดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการในสถานีบริการนํ้ามันเพิ่มขึ้น รวมถึงเข้ามามีบทบาทในการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจในอนาคต

 

ปัจจุบันธุรกิจร้านกาแฟอินทนิลทั่วประเทศกว่า 1,000 สาขา ทำเลทั้งในและนอก สถานีบริการนํ้ามัน ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “THE FRESH QUALITY ECO-COFFEE IN THAILAND” ด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟ อาราบิก้า 100% ที่ผ่านกระบวนการผลิตเฉพาะอย่างพิถีพิถัน และให้ความสำคัญต่อการร่วมตอบแทนสังคมและสิ่งแวดล้อม

 

            เรื่องที่  3 มีทีมงานดูแลการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กลุ่มผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง (สายการบิน บริษัทขนส่ง ทั้งทางรถ ทางเรือ) ภาคก่อสร้างและภาคเกษตรกรรม

 

ช่วงที่ 2 เที่ยวใกล้หลังปีใหม่ ชวนไปสุขทันทีที่ “ณ สัทธา อุทยานไทย” จ.ราชบุรี มีมหกรรมท่องเที่ยวไฟสวยงามยามค่ำคืนกว่าล้านดวง เที่ยวได้ยาว ๆ ไปจนถึง 27 เม.ย.2568 บัตรแค่300 บาท/คน เท่านั้น แล้วลองฟัง “เลิกทำด่วน นั่งนิ่งๆ” นำพาโรคเพียบต้องลุกเดินเป็นระยะ เสริมความรู้ด้วยข่าวฮ็อต ข่าวแรก “อโกด้าโพลล์ชี้ปี67-68” คนไทยเที่ยวจันบุรีกับเซี่ยงไฮ้มากสุด ต่างชาตินิยมเที่ยวเกาะเสม็ด ข่าวที่สอง “Muse Anime Festival 2025” จัดครั้งแรกในไทยที่ MBK ชั้น 4 เริ่ม10 ม.ค.-16 ก.พ.นี้

 

ท่องเที่ยว –เที่ยวใกล้ชมไฟสวยงามล้านดวงที่ณ สัทธา อุทยานไทย ราชบุรี

 

เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย ชวนกันไปเช็คอินท่องเที่ยวหลังปีใหม่จัดปีละครั้งเท่านั้น ที่ “ณ สัทธา อุทยานไทย” ชมมหัศจรรย์ความงดงามของแสงไฟระยิบระยับในแต่ละโซนกับ “NaSatta Light Festival Winter Illumination 2025” ตั้งแต่วันนี้ - 27 เมษายน 2568 ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ถนนเพชรเกษม-ดำเนินสะดวก ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เปิดให้เข้าชม ช่วงกลางวัน  09.00-17.00 น. ส่วนช่วงกลางคืน จะเปิดเฉพาะวันงานเทศกาลไฟประดับจนถึงปลายเดือนเมษายนนี้ ระหว่าง 18.00-22.00 น.

 

เดือนมกราคม 2568 นำเสนอการท่องเที่ยวไฮไลต์ในโซน 17 Over the Horizon มองไปข้างหน้า เปิดประตูสู่ความตื่นเต้นใหม่ที่ท้าทายทั้งจิตใจและกาย ได้เปิด : ทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ชมความสวยงามไฟหลากสีสุดอลังการได้ตั้งแต่ 18:00-22:00 น.สามารถซื้อบัตรได้หน้างาน แต่ละวันรอบสุดท้ายจะปิดขายบัตรเวลา 21.30น.

 

ดื่มด่ำบรรยากาศกลางธรรมชาติในพื้นที่อุทยาน 42 ไร่ ตอนนี้แปลงโฉมค่ำคืนธรรมดาเป็นคืนแห่งความสุดพิเศษด้วยแสงไฟในสวนป่าสุดตระการตานับล้านดวง มาพร้อมอากาศลมหนาวเย็นสบาย ปี 2568 แต่งแต้มมุมสวยงามเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปี นำเสนอให้นักท่องเที่ยวสวม “ชุดไทย” ใส่เดินถ่ายรูปกับคนรู้ใจ เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือจะฟินจะมาแบบเดี่ยว ๆ ก็ได้

 

ไฮไลต์ !! นักท่องเที่ยวที่หลงรักการถ่ายรูปทุกมุมสวย ๆ ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย มีทีมช่างภาพมืออาชีพบริการกดชัตเตอร์รัว ๆ ให้ได้ทุกมุม คิดราคาแบบกลุ่มขนาด 1-4 คน เพียงชั่วโมงละ 1,605 บาท

 

ส่วน “ราคาบัตรเข้าชม” ผู้ใหญ่ 350 บาท/คน เด็ก 250 บาท/คน โดยมีส่วนสูงต่ำกว่า 90-130 ซม. อายุไม่เกิน 12 ปี (กรณีส่วนสูงเกิน แสดงบัตรประชาชนได้

 

สำหรับ “บัตรชมงานกลางคืน” ระหว่าง 18.00-22.00 น. วันธรรมดาจันทร์-ศุกร์  ผู้ใหญ่ 300 บาท/คน เด็ก 200 บาท/คน ส่วนสูงต่ำกว่า 90-130 ซม. อายุไม่เกิน 12 ปี

 

เช็ครายละเอียดก่อนเดินทางได้ที่ โทร : 032 383 333, 081 527 2782 และ www.nasattalightfestival.com

 

 

สุขภาพ –ปรับพฤติกรรมนั่งนิ่งออกมาเดินทุกครึ่งชั่วโมงลดโรคได้เพียบ

 

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารเวชศาสตร์การกีฬาของอังกฤษ หรือ BJSM (British Journal of Sports Medicine)  ระบุ “การออกกำลังกาย” หนักระดับปานกลางนาน 40 นาที/วัน หรือการออกกำลังหนักหน่วงนาน 30 นาที/วัน สามารถชดเชยผลเสียจากพฤติกรรมที่ “นั่งนิ่ง” ถึงวันละ 10 ชั่วโมงได้

 

ศ.ดร. Emmanuel Stamatakis บรรณาธิการวารสาร BJSM ระบุว่า การออกกำลังกายเพื่อลดผลเสียต่อสุขภาพที่เกิดจากการ “นั่งนิ่ง” อาจทำได้ในหลายรูปแบบ นั่นคือ ควรเดินเร็ว ปั่นจักรยาน ทำสวน หรือขึ้น-ลงบันไดให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นวิธีออกกำลังที่ง่ายมาก”

 

สอดคล้องกับงานวิจัยของทีมนักสรีรวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Medicine & Science in Sports & Exercise ระบุว่า การลุกจากเก้าอี้ ไปเดินออกกำลังกายนาน 5 นาที ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง จะส่งผลดีต่อการควบคุมความดันโลหิต และลดระดับน้ำตาลในเลือดได้มากทีเดียว

 

สิ่งที่น่าทึ่งจากงานวิจัยดังกล่าวคือ “การลุกไปเดินระหว่างชั่วโมงทำงาน” สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้มากถึง 60% เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่าง “นั่งนิ่ง” ทั้งวัน

 

ผู้ที่ออกไปเดิน 5 นาทีทุกครึ่งชั่วโมง เพิ่งจะรับประทานอาหารมื้อใหญ่แบบอิ่มเต็มคราบมาก็สามารถทำได้

 

ผลการวิจัยย้ำการลุกเดินเป็นช่วง  ๆ สามารถลดความดันโลหิตลงได้ 5 มิลลิเมตรปรอท เป็นปริมาณที่แพทย์พอใจมาก เพราะมีความใกล้เคียงกับการออกกำลังกายทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพักด้วยการเดิน ยังช่วยลดความรู้สึกเหนื่อยล้า และบรรเทาอารมณ์หงุดหงิด หรืออาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นระหว่างวันได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

 

“องค์การอนามัยโลก” หรือ WHO (World Health Organization) จึงได้ออกประกาศเมื่อปี 2563เพื่อกระตุ้นมวลมนุษยชาติลดพฤติกรรม “นั่งนิ่ง” เพราะ “การนั่งนิ่ง” จะทำให้ค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ LDL (Low-Density Lipoprotein) ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด หรือ HbA1c เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นที่มาของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกปีละเกือบ 20 ล้านคน

 

“การนั่งนิ่ง” นอกจากจะส่งผลต่อเส้นเลือดทั้งร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นเลือดขาทำงานผิดปกติ จนไม่สามารถควบคุมการไหลเวียนโลหิตแล้ว ยังส่งผลต่อการไหลเวียนของน้ำเหลืองที่เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

 

เมื่อเลือดไหลเวียนไปยังขาน้อยลง ก็จะนำไปสู่ภาวะเลือดคั่งในกล้ามเนื้อน่อง เพราะตามหลัก “ชีวกลศาสตร์” แล้ว การนั่งเก้าอี้ทำให้ต้องมีการงอขาตลอดเวลา จะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อขาขาดเลือดหนักขึ้นไปอี รวมทั้งการที่กล้ามเนื้อขาเคลื่อนไหวลดลงเพราะ “นั่งนิ่ง” ระดับการเผาผลาญพลังงานก็จะลดลงตามไปด้วย

 

เพราะปกติแล้ว หากเลือดไหลเวียนตามธรรมชาติ จะมี “แรงต้าน” ที่เรียกว่า “ความเค้นเฉือนในหลอดเลือด” ที่คอยกระตุ้นเซลล์เยื่อบุผนังด้านในของหลอดเลือดให้หลั่งสารช่วยขยายหลอดเลือด

 

เมื่อหลอดเลือดขยายตัวจนมีความกว้างเพียงพอ ระบบไหลเวียนโลหิตก็จะทำงานอย่างเป็นปกติตามหลักการรักษาสมดุลของร่างกาย

 

ดังนั้น “การนั่งนิ่ง” จะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ขา” ได้น้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้ เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดก็จะรับรู้ถึงแรงต้านที่ลดลง ทำให้มีการผลิตสารกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวออกมา

 

การหดตัวดังกล่าว จะไปซ้ำเติมให้เลือดไหลเวียนได้น้อยลงไปอีก ทำให้หัวใจต้องเร่งสูบฉีดเลือดให้แรงขึ้นเพื่อเป็นการชดเชย จนเกิดภาวะ “ความดันโลหิตสูง” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การนั่งนิ่ง” อยู่กับที่หลังมื้อเย็น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด กับอินซูลินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นำไปสู่โรคเบาหวาน ภาวะดื้ออินซูลิน แถมเส้นเลือดที่ทำงานผิดปกติอยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วยแล้วยังจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบกล้ามเนื้อ และกระดูก ก็จะได้รับผลกระทบหนักขึ้น เพราะการ “นั่งนิ่ง” จะทำให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –อโกด้าโพลล์ปี68คนไทยแห่เที่ยวจันทบุรีกับเซี่ยงไฮ้-ฝรั่งเที่ยวเสม็ด

 

อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เปิดเผย ผลสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวซึ่งจัดทำขึ้นพร้อมกับเผยแพร่ทุกปี ด้วยวิธีเปรียบเทียบอันดับการจองที่พักในรอบที่ผ่านมา 2 ปี ในการค้นหาจุดหมายปลายทาง ปี 2567 ต่อเนื่อง 2568  พบพฤติกรรม “ต่างชาติ” เลือกเที่ยวเมืองไทย และ “คนไทย” เลือกเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้

 

“นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางมาไทย เลือกจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 “เกาะเสม็ด” จังหวัดระยอง

 

“นักท่องเที่ยวคนไทย”  เลือกเส้นทางในประเทศ จุดหมายปลายทางยอดนิยมสูงสุด “จันทบุรี” และเลือกท่องเที่ยวต่างประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1  “เซี่ยงไฮ้” สาธารณรัฐประชาชนจีน

 

“นักท่องเที่ยวคนไทย” เลือกเส้นทางท่องเที่ยวต่างประเทศ คือ “เซี่ยงไฮ้” ที่ได้อานิสงจากนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า จึงเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม เป็นศูนย์กลางแหล่งช็อปปิ้งที่มีร้านค้าตระการตาผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมอย่างลงตัว

 

ปี 2568 อโกด้ามีบริการให้เลือกจองอย่างสะดวกสบาย ได้แก่ “ที่พัก” มากกว่า 4.5 ล้านแห่ง “เที่ยวบิน” มากกว่า 130,000 เส้นทาง “กิจกรรม” มากกว่า 300,000 กิจกรรม สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอโกด้าเพื่อรับข้อเสนอพิเศษล่าสุด หรือเยี่ยมชม www.agoda.com/deals

 

สำหรับ “จันทบุรี” ในภาคตะวันออก ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมดึงดูดคนไทยมากขึ้นในช่วงปี 2567 เป็นจังหวัดที่มีจุดเด่นด้านธรรมชาติและเสน่ห์ทางวัฒนธรรม มีชายหาดอ่าวยางอันสวยงาม หรือน้ำตกพริ้วเงียบสงบ และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏเหมาะกับการเดินป่าปกคลุมด้วยหมอกให้ชมวิวสุดตระการตา

 

แล้วจันทบุรียังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจด้วยวิถีชีวิตเมืองเก่าในอดีตและวัฒนธรรมที่มีคุณค่ายาวนาน ส่วน “ตลาดพลอยจันทบุรี” ก็มีชื่อเสียงติดระดับภูมิภาค

 

ทางด้าน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ให้ความสนใจ “เกาะเสม็ด” จังหวัดระยอง เพิ่มขึ้น เกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันออกของไทยมีน้ำทะเลใสหาดทรายขาวนวล สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะพักผ่อนและผจญภัย อย่าง “อ่าวพร้าว” มีชายหาดได้รับความนิยม ด้วยน้ำทะเลใสสะอาดและบรรยากาศเงียบสงบ ผ่อนคลาย และเหมาะกับผู้ที่มองหาความบันเทิงยามค่ำคืน โดยมีบาร์ริมชายหาดให้เลือกมากมาย ควรค่าแก่การนั่งดื่มด่ำพระอาทิตย์ตก

 

ปิแอร์ ฮอนน์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า กล่าวว่า ทั้งแหล่งท่องเที่ยวชายหาดที่เงียบสงบ “เกาะเสม็ด” หรือสีสันยามค่ำคืนของ “เซี่ยงไฮ้” และเสน่ห์ภาคตะวันออก “จันทบุรี” ที่นักเดินทางกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แท้จริง โดยมีนโยบายวีซ่าเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้คนเลือกสถานที่ไม่เคยไปมากขึ้น จุดหมายปลายทางเหล่านี้จึงดึงดูดนักเดินทางได้เป็นอย่างดี อโกด้าจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ช่วยให้นักเดินทางค้นพบจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ผ่านข้อเสนอที่พักและเที่ยวบินสุดคุ้มผ่านแพลตฟอร์มนี้

ส่วนผลสำรวจของอโกด้าปี 2567 ยังพบนักเดินทางชาวเอเชีย เลือกท่องเที่ยวตามเมืองต่าง ๆ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ จีน เชจู เกาหลีใต้ ปารีส ฝรั่งเศส ญาจาง เวียดนาม และฟุกุโอกะ ญี่ปุ่น

 

ข่าวที่สอง –Muse Anime Festival 2025 จัดครั้งแรกในไทย12เรื่องที่เอ็มบีเค

 

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ต้อนรับปีใหม่จัดบิ๊กเฟสติวัล “Muse Anime Festival 2025” ครั้งแรกในไทยเปิดให้เข้าชมฟรีในพื้นที่กว่าจัดแสดงกว่า 1,200 ตร.ม. โดยมี Japan Anime Movie Thailand จับมือกับ Muse Communication จัดมหกรรมการรวมตัวของเหล่าอนิเมะยอดฮิตกว่า 12 เรื่อง ปลุกกระแสสายอนิเมะเข้ามาถ่ายรูปแบบฉ่ำ ๆ พร้อมฟินกับสินค้าลิขสิทธิ์ครบจบในงานเดียวกว่า 500 รายการ เริ่มวันศุกร์ที่ 10 มกราคม  - วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ทุกวัน ตั้งแต่ 11.00 น. – 20.30 น. ปิด 21:00 น.ตรงบริเวณชั้น 4 โซน A เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ

           

สาวกผู้หลงรักอนิเมะได้การันความสำเร็จจากไต้หวันได้การตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน ในเมืองไทยงาน Muse Anime Festival 2025 สร้างความตื่นตาตื่นใจ 12 เรื่อง 2 โซน ดังนี้

 

โซนที่ 1 : Special Theme Decorations จุดถ่ายภาพธีมอนิเมะดัง 12 เรื่อง ได้แก่ Frieren คำอธิษฐานในวันที่จากลา, DANDADAN ดันดาดัน, Wind breaker วินด์ เบรกเกอร์, Tokyo revengers โตเกียว รีเวนเจอร์ส, Attack on titan ผ่าพิภพไททัน, That Time I Got Reincarnated as a Slime เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว, SPY×FAMILY สปาย×แฟมิลี, Sword Art Online ซอร์ดอาร์ตออนไลน์, Black butler คนลึกไขปริศนาลับ, Shangri la frontier เมื่อนักล่าเกมขยะ ท้าสู้ในเกมเทพ, Mission: Yozakura Family ปฏิบัติการลับบ้านโยซากุระ, Fairy Tail 100 Years Quest ศึกจอมเวทอภินิหาร ภารกิจ 100 ปี

 

ไฮไลท์พิเศษ!! ครั้งแรกในเมืองไทยเอาใจสาวก Sword Art Online จัดแสดงฉากสำคัญจากอนิเมะ ซีรีส์ ซีซั่น 1 กับ โมเดล “อาสึนะ” ขนาดเท่าตัวจริง!!!  และการกลับมาอีกครั้งของหุ่นเป่าลมบิ๊กไซส์ “อาเนีย” กับ “บอนด์”  สมาชิกครอบครัวสายลับจาก SPY×FAMILY  ให้แฟนคลับถ่ายภาพกันแบบจุใจ

 

โซนที่ 2 : Merchadise zone ตื่นตากับสินค้านำเข้าลิขสิทธิ์แท้และสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากอนิเมะชั้นนำเฉพาะแฟน ๆ ชาวไทยเท่านั้น!!  กว่า 500 รายการ เช่น 2.5 Dimensional Seduction 2.5 มิติ ริริสะ, 86 eighty-six เอทตี้ซิกซ์, Attack on Titan ผ่าพิภพไททัน, Black Butler คนลึกไขปริศนาลับ, Dandadan ดันดาดัน, Demon Slayer ดาบพิฆาตอสูร, Frieren คำอธิษฐานในวันที่จากลา, My Dress-Up Darling หนุ่มเย็บผ้ากับสาวนักคอสเพลย์, Sword Art Online ซอร์ดอาร์ตออนไลน์, Shangri-La Frontier เมื่อนักล่าเกมขยะท้าสู้ในเกมเทพ

 

Shikimori's Not Just a Cutie คุณชิกิโมริไม่ได้น่ารักแค่อย่างเดียวนะ, That Time I Got Reincarnated as a Slime เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว, Spy x Family สปาย × แฟมิลี, Mushoku Tensei: Jobless Reincarnation เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ และ Tokyo Revengers โตเกียว รีเวนเจอร์ส และสินค้าจากพันธมิตร เอาใจมิตรรักนักสุ่มกับตู้กาชาปองสุด

 

พิเศษ !! จาก Bandai Big one, โมเดล ฟิกเกอร์ จาก Dream Toy, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้า ร่วมคอลแลปกับคาแรคเตอร์ยอดฮิตจาก Toshino และ Brave stores Thailand, มังงะชั้นนำจาก Luckpim, SMM Plus (Siam inter comics) และ Vibulkij

           

ในงานยังจัดให้มี Photo Booth : ตู้ถ่ายภาพธีม “อนิเมะ” ให้เก็บภาพที่ระลึกแบบใกล้ชิดกับตัวละครที่ชื่นชอบ ด้วยคาแรกเตอร์จากเรื่อง Frieren คำอธิษฐานในวันที่จากลา , Wind Breaker และ Tokyo Revengers

 

โปรโมชันพิเศษ !! ห้ามพลาด ถูกใจสายช้อปอย่างแน่นอน กับ 3 โปรปัง สุดคุ้ม ซื้อเป็นเซ็ต ซื้อครบ ดังนี้

 

1.สุดคุ้ม! เพียงซื้อสินค้าครบ 1,500 บาท รับฟรี Spunbond Bag Limited Event  1 ใบ กระเป๋าสไตล์มินิมอลที่สวยและใช้งานได้จริง

 

2.ซื้อเป็นเซ็ตคุ้มกว่า Lucky Bag Set พิเศษนำเข้าจากต่างประเทศ มีให้เลือกช้อปถึง 4 แบบ จาก 3 เรื่องดัง Frieren: Beyond Journey's End / SPYxFAMILY  และ Sword Art Online ครบ จบ ในเซตเดียว

 

3.เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,500 บาทขึ้นไป พิเศษ! ถ่ายรูป Photo Booth แบบใดก็ได้ ฟรี 1 สิทธิ์

           

“กิจกรรมพิเศษ” ประจำสัปดาห์ เปิดให้กระทบไหล่ตัวละครที่ชื่นชอบและนักพากย์เสียงไทย ตัวจริงเสียงจริงแบบใกล้ชิดกับ Meet&Greet Cosplayer and Voice Actor Road Show จัดคิวไว้ได้เลย ทุกสัปดาห์  5 วันเสาร์

 

สัปดาห์ที่ 1 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ร่วมผจญภัยกับผู้กล้าฮิมเมลและจอมเวทฟรีเรน โดย Shiba.pw และ Dojoy Akuma พร้อม 2 นักพากย์เสียงไทย พี่ศันสนีย์ ติณห์กีรดิศ และ พี่ม๊อบ กิตติธร

 

 

สัปดาห์ที่ 2 วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ออกลุยไปกับ 2 ตัวละครนักเลงสุดเฟี้ยวจากอนิเมะชื่อดัง ทาเคมิจิ จาก Tokyo revenger กับ สุโอ จากเรื่อง Wind Breaker โดย Monfah'z และ Kaynyle.Zyne พร้อมนักพากย์เสียงไทย พี่ปลาย พิพิฒน์ และ พี่ไบค์ มนัสวิน

 

สัปดาห์ที่ 3 วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 ติดตามเรื่องราวเหนือธรรมชาติไปกับคู่หู โอคารุน  และ โมโมะ จากเรื่อง DanDanDan โดย PatJi Cosplay และ YuJeen’Cos พร้อมกับนักพากย์เสียงไทย 2 ตัวละครหลักอย่าง พี่ตะวัน ปิยภัทร และ พี่อลิซ นิมมาน

 

สัปดาห์ที่ 4 วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 พบกับท่านจอมมาร ริมุรุ จากเรื่องเกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว โดย นีทโตะ ซามะ และนักเลงหนุ่มสุดเจ๋ง ซากุระ ฮารุกะ จากเรื่อง Wind Breaker  โดย Zheng Zx พร้อมกับนักพากย์เสียงไทย พี่โต้ง ศิวพร และพี่โอเว่น ภาคภูมิ

 

สัปดาห์ที่ 5 วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์  2568 ร่วมศึกสุดท้ายเพื่อตามหาอิสระภาพที่แท้จริงไปกับ เอเรน และ มิคาสะ  จากเรื่อง Attack On Titan โดย Emil Cosplayer และ Misaki Cosplayer พร้อมนักพากย์เสียงไทย พี่เอ อภินันท์ และ พี่อิง อธิตญา

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ททท.เปิดAmazing Thailand Roman Monthปี68ปลุกตลาดไกล10.6ล้านคน

  ททท.นำร่องเปิด Amazing Thailand Roman Month ปี68ตั้งเป้าปลุกตลาดไกล 10.6 ล้านคน ททท.เปิด Roman Month ปลุกตลาดไกลเข้าเป้า 10.6 ล้านคน งัด...