ไทยพลิกขายท่องเที่ยวตลาดเอเชีย-จีนปี61
กวาดเงิน1.2ล้านล้านชู5เมืองรองรับทัวร์จีน
คิงเพาเวอร์แบ่งรายได้แสนล้านไหลสู่ชุมชน
ททท.โรดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา
บางจากจัดหนักคนรักFurioลดให้เลย20%
ทอท.ลุยเร็วดอนเมืองเฟส3-28เมย.ปิดถนน
เที่ยวสบาย ๆ ชวนทำCSRชายหาดป่าตอง
เลือกกินอาหาร5อย่างกระตุ้นสมองสดใส
บินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี60ขาดทุนต่อ2พันล.
บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส
เอ็มบีเคเปิด“ทินิดี”โรงแรมน้องใหม่รับไมซ์
โรงแรมโฟร์วิงจัดเต็มเวดดิ้ง19-20พ.ค.นี้
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ห้ามพลาดพบกับ “สันติ ชุดินธรา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเปิดมุมมองและฉายภาพ “รายได้ท่องเที่ยวก้อนใหญ่ที่ไหลบ่าเข้าประเทศ” มาจาก “นักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย” ปี 2561 มีความท้าท้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาลชวนนักลงทุนจีนแถวหน้าของโลกอย่าง “แจ๊ค หม่า” ประธานอาบีลาลาเข้ามาขยายธุรกิจในไทย โดยได้ให้ ททท.MOU กับแจ็ค หม่า เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายไหมนำเงินกลุ่มทัวร์คุณภาพจากจีนเข้าสู่ไทยในปี 2561 ให้ได้ถึง 6 แสนล้านบาท ส่วนกลยุทธ์เชิงรุก ททท.ได้โหมทำโร้ดโชว์ในช่วง 4 แรกต่อเนื่องกันรวดเดียวถึง 4 ครั้ง เพื่อเจาะกำลังซื้อกลุ่มขนาดเล็ก กลุ่มลักชัวรี่คนรวยรักสุขภาพและความงาม และได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้จีนไปเที่ยว 5 เมืองรอง เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม ตราด สตูล
นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.วางกลยุทธ์โหมทำการตลาดเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคเอเชียให้เติบโตสูงต่อเนื่องมาหลายปี สถิติปี 2560 มีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยทั้งหมด 35.5 ล้านคน มาจากเอเชีย แปซิฟิกใต้มากถึง 26.5 ล้านคน ประกอบด้วย เอเชีย 14.4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นตลาดจีน 8.9 ล้านคน ส่วนที่เหลือมาจาก อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย โดยภาพรวมอัตราการเติบโตถึง 2 หลัก โดยเฉพาะจีนเติบโต 12 % ส่วนรายได้เข้าประเทศโดยภาพรวมทำไว้ 1.8 ล้านล้านบาท เอเชีย แปซิฟิกใต้ ทำเงินมากถึง 1.16 ล้านล้านบาท ทั้งจากเอเชีย 7.3 แสนล้านบาท อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย รวมกัน 4.3 แสนล้านบาท
ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2560 ได้ตัวช่วยจากนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย อาเซียน จีน อินเดีย ออสเตรเลีย สูงมากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมที่หลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ตามปีงบประมาณ 2561 ผ่านมาแล้ว 2 ไตรมาส ตั้งแต่ตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 เฉพาะ 3 เดือนแรกปี 2561 ตลาดจีนยังคงเติบโตเกินกว่า 30 % อินเดียพุ่งไปถึง 15 % เกาหลี เวียดนาม ออสเตรเลียประคองตัวขึ้นมาได้ดีมากเช่นเดียวกัน
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนกำลังเป็นกระแสแรงมากนั้น ททท.ปรับแผนตอบสนองเป้าหมายโดยขณะนี้ได้เน้นให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่มตลาดจีนคุณภาพสูง ถึงแม้จะพยายามทำมาหลายปีแล้วด้วยการปรับฐานเน้นเจาะกลุ่มระดับกลางและบนเพิ่มขึ้น ด้วยการเดินหน้าหารือกับบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของจีน เพื่อหันมาเพิ่มการขายโปรแกรมท่องเที่ยวราคาสูงขึ้น กระจายตัวไปยังเมืองรอง มาท่องเที่ยวอย่างมีความสุขเสพสุนทรีความงดงามทางธรรมชาติมากกว่าที่ไปกระจุกตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักมากเกินไป
ปี 2561 จึงเน้นการโปรโมตเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็กเฉลี่ย 5-8 คน/กลุ่ม แทนการส่งเสริมให้ชาวจีนมาเป็นจำนวนมากพร้อมกันหลายรถบัสเดินทางไปเที่ยวโดยไม่เห็นความสวยงาม ตลาดแนวใหม่จะมุ่งนำเสนอนักท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ทั้งเรื่องที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะขายได้ราคาสูงขึ้นตามลำดับ
กลยุทธ์ที่ ททท.จะสร้างแรงจูงใจตอนนี้ได้ทำแล้วทั้งเรื่องหารือกับ 2 กลุ่มหลัก คือ บริษัททัวร์ต้นทางกลุ่มผู้ขายในจีนกับบริษัทตัวแทนในไทยซึ่งเป็นผู้รับนักท่องเที่ยว บริหารการใช้แผนกท่องเที่ยวมาออกแบบให้บริการตามความต้องการเฉพาะของนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็ก ผลจากการหารือร่วมกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทางบริษัททัวร์ทั้งสองประเทศแจ้งเทรนด์ปีนี้เริ่มหันมาเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ
ดังนั้น ททท.จะเร่งสร้างเวทีให้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เบื้องต้นนำร่องทำโร้ดโชว์ไปแล้วในเมืองเศรษฐกิจรองของจีน 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ จีหนาน สีเจอจวง เจิ้งโจ อู่ฮั่น ซึ่งแต่ละเมืองมีประชากรกว่า 100 ล้านคน ช่วงระหว่าง 23-27 เมษายน 2561 จัดงานตั้งโต๊ะเจรจาธุรกิจเน้นกลุ่มตลาดหรูหรา Luxury Roadshow 2018 โดยได้เชิญบริษัทชั้นนำ โรงแรมระดับบน 15 ราย เวลเนสสปาและโรงพยาบาลรวมกันอีก 25 ราย ไปทำตลาดในมณฑลปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว พร้อมทั้งมีโอกาสพบกับกลุ่มทัวร์ โอเปอเรเตอร์ของจีนระดับบนด้วยเช่นกัน
จากนั้นช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ททท.มีแผนนำกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวขายทัวร์ออนไลน์ชั้นนำของไทยเรียกกลุ่ม Online Travel Association ไปพบกับนักผู้ประกอบการออนไลน์ของจีนในมณฑลเฉินตูกับกวางโจ เพื่อสร้างโอกาสการพบปะเจรจากันอย่างเต็มที่อีกครั้ง
นายสันติกล่าวว่าการวางแผนเพิ่มความเข้มข้นกระตุ้น “คนจีนใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทย” เฉพาะช่วงครึ่งปีแรกได้ทำโร้ดโชว์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง จากนี้ไปก็จะรุกหนักโดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากหมวดช้อปปิ้งและอาหาร ขณะนี้ ททท.ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำให้ไปช้อปปิ้งโดยไม่ผ่านบริษัทตัวแทนนำเที่ยว เพิ่มช่องทางให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อสินค้าได้ตามชอบในราคาเหมาะสมด้วย ทำวิธีแนะนำการช้อปและเลือกกินอาหารผ่าน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 สำนักงาน (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉินตู กวางโจว คุนหมิง) ได้เปิดเว็บไซต์ พร้อมร่วมกับ WeChat ซึ่งแต่ละเว็บไซต์มีผู้ติดตามอยู่นับล้านคน รวมทั้งออนไลน์ทั้งหมด ที่ ททท.ทุกสำนักงานมีอยู่นำข้อมูลใส่ไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการ
ปี 2561 ตั้งเป้ารายได้จากตลาดจีนทุกเมืองเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 % จากปี 2560 สถิติจีนนำเงินเข้ามาท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ไทย 529,000 ล้านบาท ปี 2561 แนวโน้มจะทำได้เกือบ 600,000 ล้านบาท
ส่วนวิธีการกระจายนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจากพื้นที่จังหวัดหลักระบายไปสู่จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นนั้น นอกจากจะมุ่งเจาะขายจีนกลุ่มขนาดเล็กแล้ว ก็ยังสร้างจูงใจมากขึ้นในเฉพาะบางพื้นที่ปี 2561-2562 เลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 5 แห่ง ได้แก่ เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม (อัมพวา) ตราด สตูล เพราะเล็งเห็นความพร้อมทั้งการเข้าถึงได้สะดวก มีโรงแรมเพียงพอ ตัวอย่าง ตราด และ สตูล มีทะเลที่จีนชื่นชอบ ส่วนเชียงราย ลำปาง มีวัฒนธรรมโดนใจเกี่ยวกับ อารยธรรมล้านนาและวัด
นายสันติกล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าของพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง ขอให้ทุกแห่งเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวซึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้นทุกพื้นที่ต้องเตรียมความพร้อมมากเป็นพิเศษดังนี้
1.ต้องประเมินขีดความสามารถในการรองรับแต่ละครั้งรับได้พร้อมกันจำนวนเท่าไรต่อครั้ง 2.การสื่อสารทางภาษา เพราะนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่อ่านภาษาอังกฤษเริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่จีนก็ยังต้องการป้ายบอกทางภาษาจีนที่สื่อสารตรงกันได้
นักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ นับเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่นำเงินเข้ามาใช้จ่ายสูงที่สุดเกินกว่า 2 ใน 3 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แล้วแนวโน้มในปี 2561 ตลาดก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนและทุกฝ่ายในภาครัฐกับเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกันบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาท่องเที่ยวของประเทศเติบโตบนความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แบ่งยอดขายแสนล้านสู่ชุมชน
วันนี้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเป็นผงาดเป็นดาวรุ่งภูมิภาคเอเชีย ที่มีนานาชาติทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายเดินทางเข้ามาเที่ยวตามเป้าหมายปี 2561 จะทำได้กว่า 38 ล้านคน ใช้จ่ายเงินรวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ในทางกลับกันปีนี้สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (Thai Travel Agent Association :TTAA) ผู้นำกลุ่มสมาชิกบริษัทตัวแทนนำเที่ยวต่างประเทศได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าปี 2561 จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 10 ล้านคน เม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมูลค่านับล้านล้านบาทเช่นกัน
โจทก์ใหญ่ของประเทศไทยตอนนี้จะต้องหาวิธีทำให้ “เงินต่างชาติและคนไทย” อยู่ในประเทศให้มากที่สุดช่วงการท่องเที่ยวขาขึ้นในปี 2561 จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะเพิ่มยอดรายได้ช้อปปิ้งคือ ต้องเร่งสร้าง “สินค้าไทย” แจ้งเกิดอย่างรวดเร็วมีมาตรฐานพร้อมเข้าสู่ตลาดสากล และทำให้ “สินค้าแบรนด์เนม” ที่นักช้อปทั่วเอเชียยอมควักเงินจ่ายแบบไม่อั้นซึ่งไทยพยายามในการผลักดันให้ประเทศก้าวเข้าสู่ “ศูนย์กลางช้อปปิ้งพาราไดซ์” เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
ปรากฏการณ์ธุรกิจที่น่าสนใจคือ “การพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (duty free shop) ของ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ให้กลายเป็น “ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวที่ตอบสนองการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด “Explore Endlessly Jouney” ผสมผสานการลงทุนอย่างลงตัวด้วยการเนรมิตร แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม ร้านอาหาร และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร (hospitality) จนสามารถสร้างยอดขายรวมเข้าประเทศมูลค่ารวมปีละ 900,000-100,000 ล้านบาท
สำหรับยอดขายปีละเกือบ 100,000 ล้านบาท นั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับจากกำลังซื้อของสมาชิก“คนไทย” ปีละกว่า 7 แสนราย และ “ต่างชาติ” เกินกว่า 10 ล้านคน ขณะนี้ที่ตลาดมาแรงคือนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกช้อปในร้านคิง เพาเวอร์ ปีละกว่า 7-8 ล้านคน
แต่หัวใจสำคัญของการขายสินค้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สามารถตอบโจทก์ตามนโยบายภาครัฐคือ “การกระจายรายได้สู่ชุมชน” เนื่องจากในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ตามสนามบิน (duty free airport) และในเมือง (duty free downtown) ทั้ง 10 แห่ง ได้คัดเลือกชุมชนผู้ผลิตสินค้าไทยมาวางจำหน่าย สามารถแบ่งปันรายได้ด้วยการนำสินค้าไทยตามท้องถิ่นทั้ง 4 ภาค มาวางขายทำเงินได้เป็นกอบกำปีละกว่า 20,000-25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20-25 % ของรายได้ทั้งหมด
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีคู่ค้าผู้ผลิตสินค้าไทยจากชุมชนทั่วประเทศกว่า 154 กลุ่ม หลัก ๆ 4 หมวด คือ 1.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 2.ของใช้ของที่ระลึก 3.สมุนไพรไทย 4.อาหารและเครื่องดื่ม นำเข้ามาวางจำหน่ายในดิวตี้ฟรีตามสาขาต่าง ๆ ของบริษัทมากกว่า 1,100 รายการ รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ ได้สั่งซื้อสินค้าไทยตามชุมชนทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบันมีมูลค่ารวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท ขณะนี้มีสินค้าชุมชนที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ 7 รายการ ได้แก่ น้ำผึ้ง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ อาหารทะเลอบแห้งรสต้มยำโป๊ะแตก หมอนรองคอ ยาหม่องเขียว แก้วเป่ารูปช้าง แจกัน
การเพิ่มยอดขายสินค้าโอท็อปชุมชนั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้ประกาศทำโครงการ “King Power Thai Power : พลังคนไทย” โดยเน้นการสร้าง “COMMUNITY POWER-พลังชุมชนคนไทย” มุ่งมั่นยกระดับผู้ผลิตสินค้าไทยตามชุมชนให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดโลก ด้วยการคัดสรรแบรนด์ไทยอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาวางจำหน่ายในร้านสาขาคิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของคนไทยได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั่วโลก ส่งเสริมผู้ผลิตในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านอัตลักษณ์ของสินค้าที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ
ก้าวต่อไปของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังจากลงทุนเพิ่มอีก 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการมหานคร ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“อัยยวัฒน์” ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะนำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สําคัญทางเศรษฐกิจ การค้า ของประเทศไทยในระดับสากล เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมที่จะรองรับการเติบโตของประชาคมอาเซียนในอนาคต เพราะโครงการมหานครเพียบพร้อมด้วยบริการต่าง ๆ มากมาย ทั้งโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับ 5 ดาว ร้านอาหารแถวหน้าของไทยและต่างประเทศ จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระจามุม 360 องศา ทั้งหมดคือแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่จะดึงดูดนักเดินทางทั่วโลกเลือกกรุงเทพมหานครเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในระยะยาว
เป็นการแสดงพลังของภาคเอกชนเพื่อช่วยรัฐสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ
ข่าวที่ 2 “ททท.ตลุยโร้ดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดงาน Thai Fest 2018 ณ Atlantico Rome ร่วมกับทุกฝ่ายช่วยกันยกระดับงานไทยเทสต์ ในต่างประเทศควบคู่กับการสร้างภาพจำด้านการท่องเที่ยวตามแนวคิด Open to the New Shades ภายในงานได้จัดขายรายการนำเที่ยวมายังประเทศไทย นำอาหารถิ่นวัฒนธรรมไปเผยแพร่สินค้าทางการท่องเที่ยวมุมใหม่ โดยจัดทีมสาธิตการทำอาหารไทย แข่งขันตำส้มตำ การทำหัตถกรรมของชุมชนต่าง ๆ และนำนักชกไทยไฟต์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวอิตาลีไปร่วมแจกลายเซ็น สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว และผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมถึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอิตาลีและรายการวิทยุชื่อดังถ่ายทอดการจัดงานครั้งนี้ด้วย
นางสาวจิตติมา สุขผลิน ผู้อำนวยการภูมิภาคอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทาง ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส ได้เข้าร่วมสนับสนุนการจัดงาน Sao Paulo Fashion Week (SPFW) 2018 ณ Ibirapuera Park ภายในงานมีบูธไทย พาวิลเลียน ขนาด 80 ตารางเมตร โดยคณะผู้จัดงาน SPFW ออกแบบโดยได้แรงบัลดาลใจหลังจากเมื่อช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ ได้เดินทางมาสำรวจและบันทึกภาพแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไทย ทั้งกรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่
ภายในบูธไทย พาวิลเลี่ยนงาน SPFW 2018 ด้วยการจัดมุมสาธิตการนวดไทย ร้อยมาลัยดอกไม้สด มอบให้กลุ่มเซลิบริตี้จากบราซิลและสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงาน พร้อมกับเปิดให้ชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย โดยคุณอู๋ วิโรจน์ จากแอลเอ และมีเชฟบราซิลมาปรุงอาหารไทยเสิร์ฟภายในงาน
สำหรับงาน SPFW 2018 ตลอด 4 วัน มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน โดยไทยเป็นประเทศเดียที่ได้รับความสนใจเป็นดาวเด่นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวขวัญใจลูกค้าบราซิลและอเมริกา รวมทั้งตลอดการจัดงานยังได้เผยแพร่ออกอากาศในช่องแฟชั่นต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียชั้นนำเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มดีไซเนอร์ เซลิบริตี้ เป็นทั้งกลุ่มตลาดคุณและหรูหราที่มีกำลังซื้อสูงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดหนักน้ำมันหล่อลื่นFurioลด20%”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ทำแคมเปญ “จัดหนัก!! ท้าลมร้อน” เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับส่วนลดน้ำมันหล่อลื่น FURiO สูงสุด 20% ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 256 เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ (F1) หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ (F2)
พิเศษสุดๆ ... รับโบนัสความคุ้มค่า 3 ต่อ เมื่อเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร
ต่อที่ 1 ฟรี!! บริการตรวจสภาพรถยนต์ 11 รายการ (ฟรีค่าแรง) ได้แก่ ตรวจเช็คน้ำมันเบรกและคลัทซ์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ก้านปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก หม้อน้ำและระดับน้ำในท่อ ไส้กรองอากาศ แบตเตอรี่ สายพานเครื่องยนต์ สภาพยางและแรงดันลม ระบบไฟฟ้า
ต่อที่ 2 ฟรี!! ไส้กรองน้ำมันเครื่องมูลค่าสูงสุด 500 บาท (เฉพาะยี่ห้อ Green Serve และ Power S เท่านั้น ทั้งนี้มูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ ในกรณีที่ไม่มีรุ่นที่ระบุ หรือ เป็นรุ่นพิเศษที่ทางร้านไม่มีจำหน่าย ขึ้นอยู่กับการประเมินของศูนย์บริการฯ)
ต่อที่ 3 ฟรี!! ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องมูลค่าสูงสุด 475 บาท (Flushing Oil) ยี่ห้อ "Green Flush" โดยมูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ และการประเมินของศูนย์บริการฯ
ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร ที่ร่วมรายการทั่วประเทศกว่า 29 แห่ง
ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.สั่งลุยเร็วขึ้นดอนเมืองเฟส3-28เม.ย.ปิดถนน”
นายอเนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติแผนแม่บทฉบับปรับปรุงเพิ่มเติมที่จะใช้เงินลงทุนรวม 49,400 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิมและตอบโจทก์ผู้โดยสารที่กำลังประสบปัญหาความแออัด เบื้องต้น 3 ประกอบด้วย ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ระหว่างปี 2561-2567 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เฟส 1 ระหว่างปี 2561-2565 วงเงิน 10,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เฟส 1 วงเงิน 4,400 ล้านบาท
การปรับปรุงเพิ่มเติมในท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 40 ล้านคน ต่างจากแผนเดิมจะรับได้แค่ปีละ 30 ล้านบาท ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ทอท.จะนำอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่า (Domestic Terminal) ที่ปิดใช้บริการมานานกว่า 10 ปี ปิดเมื่อปี 2549 โดยจะนำมาเปิดใช้ใหม่ทำเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (International Terminal) เนื่องจากขณะนี้และในอนาคตจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางหนาแน่นจนอาจสร้างความแออัดได้ โดยจะใช้เวลาปรับโฉมใหม่ให้แล้วเสร็จ 2 ปี พร้อมเปิดบริการได้ช่วงปี 2564
รวมทั้งจะใช้เงินอีก 200 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร “เช็คอิน” หลังใหม่พื้นที่ประมาณ 3,500 ตารางเมตร กำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี เริ่มบริการปี 2562 เป็นต้นไป โดยตั้งอยู่บริเวณข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลัง 1 เพื่อให้บริษัทนำเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะมาเช็คอิน หรือ Group Checkin
ส่วนท่าอากาศยานเชียงใหม่ แผนฉบับปรับปรุงใหม่มีโครงการสำคัญ ๆ อาทิ อาคารจอดรถขนาดรองรับได้ 300 คัน ขยายถนนขาออกด้านหน้าอาคารเป็น 3 ช่องจราจร ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือรองรับลานจอดรถลีมูซีน แท็กซี่ เพื่อบรรเทาความแออัดของบริเวณจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารด้านล่าง
ขณะที่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จะขยายปรับปรุงการรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน โดยจะบริหารจัดการพื้นที่การใช้งานใหม่แยกกันอย่างชัดเจนทั้งขาเขาและขาออก โดยเปลี่ยนชั้น 1 เป็นขาเข้า และชั้น 2 เป็นขาออก พร้อมกับเพิ่มหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มอีก 10 หลุม
ทางด้านส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่าคืนวันที่ 28 เม.ย.2561 จะมีการปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เพื่อดำเนินการยกทางเดินสกายวอล์ค รถไฟฟ้าสายสีแดง(สถานีดอนเมือง) ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.จึงขอให้ลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อาทิ ถนนโลคอลโร้ดหรือถนนเลียบทางรถไฟ กำแพงเพชร 6
ช่วงที่ 2 ลัดฟ้าลงทะเลอันดามันใต้ไปสร้างสรรค์ความฉลาดให้ชีวิตเติมเต็มธรรมชาติระหว่างวันท่องเที่ยวกับทริป “เที่ยวหาดป่าตองสบาย ๆ” พร้อมกับช่วยกันเก็บกันขยะชายหาด สร้างน้ำสวยทะเลใส ให้โลกน่าอยู่ แล้วต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพกับการเรียนรู้ “เลือกกิน5อาหารกระตุ้นสมอง” และข่าวผลการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของการบินไทย ปี 2561 แจ้งผู้ถือหุ้นว่าผลการดำเนินงานปี 2560 “การบินไทย” ยังขาดทุน 2,072 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ส่วน เอ็มบีเค กรุ๊ป เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ชื่อ “ทินิดี” ที่ปทุมธานี ต้อนรับไมซ์โรงงาน ส่วนโรงแรมโฟร์วิงชวนคู่รักที่เตรียมหาสถานที่แต่งงานไปเจอกันในงาน Wedding Fair 2018
@ท่องเที่ยวสบายๆในหาดป่าตอง
ยุคนี้ไม่ว่าจะไปพักผ่อนมุมไหนในเมืองไทย ขอรณรงค์ให้ช่วยกันเก็บขยะรักษาสิ่งแวดล้อม ทริปนี้จึงอยากชวนไป “หาดป่าตอง” สัก 2 วัน เดิน นั่ง นอน กินลมชมวิวทะเลไข่มุกอันดามัน จังหวัดภูเก็ต หาดที่มีความสนุกทั้งตลอด 24 ชั่วโมงทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้า
ยามพระอาทิตย์จ้าช่วงกลางวันเตรียมสวมชูชีพไปลุยฟองคลื่นใกล้ ไกล ฝั่ง ในโซนที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวสนุกกับกิจกรรมทางน้ำสุดเอ็กซ์ตรีม เลือกได้เลย จะเล่นผาดโผนอยู่บนเจ็ตสกีแรง หรือโต้คลื่นด้วยเซิร์ฟบอร์ดคู่ใจ และสัมผัสคลื่นแบบเบา ๆ บนบานานาโบ๊ท ส่วนสีสัน Night Life ยามราตรีช่วงค่ำคืนก็มีร้านอาหารเก๋ ๆ ดนตรีสนุก ๆ
แล้วจับจองมุมเด่น ไว้นั่งชม “อ่าวโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว” เลื่องชื่อ ณ จุดชมวิว 3 อ่าว เมื่อมองมุมต่ำลงมาแล้วจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต บริเวณ หาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกระรน ต้องบอกเลยว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่รังสรรค์ให้อ่าวทั้งสามเรียงร้อยกันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ดื่มด่ำเสร็จแล้ว รอเวลาไปชมดวงอาทิตย์ยัง “แหลมพรหมเทพ” เติมเต็มความสุขเก็บความประทับใจให้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดไป
เที่ยวทั่วหาดป่าตอง และ 3 อ่าวเสร็จแล้ว แนะนำให้ไปเดินเที่ยว “ย่านเมืองเก่า” ยังคงเก็บสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ ชิโน-โปตุกีส” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยุคก่อนสู่ปัจจุบันถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวัฒนธรรมบน “ถนนถลาง”
ระหว่างการพักผ่อนอยู่ในหาดป่าตอง แนะนำให้นักท่องเที่ยวร่วมสร้างสรรค์ประโยชน์ด้วยการ “ลงมือช่วยกันคนละไม้ละมือเก็บขยะให้เกลี้ยงหาด” เพื่อทำให้ทริปการพักผ่อนของเรามีคุณค่าต่อตนเอง ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทำได้ง่าย ๆ เมื่อไปยืนสูดกลิ่นอายทะเลยามเช้าตรู่ ก็สามารถนำถุงขยะติดตัวไปด้วยแยกขยะแต่ละชนิด ได้ทั้งการเดินออกกำลังกายและช่วยดูแลปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมชายหาดได้ด้วย และหากนักท่องเที่ยวคนไหนชื่นชอบดำน้ำจะอาสาไปกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บขยะใต้ทะเลก็สนุกได้รสชาติการเที่ยวป่าตองในอีกรูปแบบ
ส่วนเรื่องต้องห้ามพลาดทำคือ ชิม แชะ แชร์ ช้อป อาหารพื้นเมือง จานเด็ดต้นตำรับต้องชิม “หมี่ฮกเกี้ยนหรือหมี่แปะกง” ที่ร้านต้นโพธิ์ แล้วก็แวะเช็คอินที่ “ตลาดชุมชนฉำฉา” มุ่งหน้าเข้าร้าน “พรทิพย์” ร้าขายของฝากของที่ระลึก ก่อนขึ้นเครื่องแวะอีกที่ตรง “ร้านแม่จู้” นอกจากจะมี อาหาร ขนม พื้นเมืองจะรักษารสชาติดั้งเดิมไว้ตามต้นแบบเป๊ะแล้ว ยังดีไซน์แพกเกจจิ้งสุดอลังการ สนนราคาก็หาซื้อได้สบายกระเป๋า
เที่ยวหาดป่าตองทั้งสนุกแถมได้ทำประโยชน์คืนความสุขให้ทะเลอันดามันทริปอย่างนี้ทำได้เลยทุกครั้ง หากต้องการคำแนะนำทริปเที่ยวเก็บขยะทะเลในภูเก็ต สอบถามได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักงานปลัดเทศบาลนครภูเก็ต โทร.076-214-306
@5 อาหาร ช่วยกระตุ้นสมอง
สมองเป็นอวัยวะสำคัญอวัยวะหนึ่ง ที่ต้องใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการคิด วิเคราะห์ หรือจดจำรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ 5 ชนิดช่วยกระตุ้นสมองใสได้ตลอดเวลา
1.ปลาซาร์ดีน อุดมด้วยโอเมก้า 3 ปริมาณสูง โดยผลวิจัยจากสหรัฐฯ พบว่า กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) ในโอเมก้า 3 สำคัญต่อการพัฒนาสมองส่วนความจำ และการเรียนรู้ ทั้งยังพบว่ากรดไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองถึง 65% ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเอง แต่ได้จากอาหารที่บริโภค เช่น ปลา ถ้าได้กินปลาซาร์ดีนเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ เมนูแนะนำทำง่าย อาทิ ปลาซาร์ดีนผัดซอสมะเขือเทศ ข้าวผัดปลาซาร์ดีน พาสต้าปลาซาร์ดีน เป็นต้น
2.ไข่ ภายในบรรจุโคลีน สารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเซลล์สมอง มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ ซึ่งไข่แดงจัดเป็นอาหารที่ให้โคลีนมากสุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมองซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์
3.ข้าวโอ๊ต โดยฟอสฟาติดิลโคลีนที่พบในเลซิติน จะช่วยด้านความจำ แถมข้าวโอ๊ตยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานสูงไขมันต่ำ มีวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยมาก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดทำให้ไม่หิวระหว่างมื้อบ่อย ๆ
4.วอลนัต ประกอบด้วย โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินบีให้พลังงานและพัฒนาการทำงานของสมอง ผลวิจัยจากต่างประเทศ พบว่าวอลนัตยังช่วยเพิ่มความสามารถของสมองจากการต้านสารอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลาย เซลล์สมองได้
5.กล้วย มีวิตามินบี 6 ช่วยให้การสื่อสารระหว่างกล้ามเนื้อกับเส้นประสาทเป็นไปได้สะดวก ทั้งยังช่วยให้สมองผลิตสารเซโรโทนินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวลได้
หากรับประทานอาหารทั้ง 5 ชนิดเป็นประจำได้ยิ่งดีมีประโยชน์ เพื่อสมองกระฉับกระเฉงฟิตที่จะเรียนรู้ใหม่ทุกวัน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี’60ขาดทุนกว่า2พันล้าน”
ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 โดยมี พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง รักษาการประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานการประชุม และมีคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เข้าร่วมการประชุม ได้สรุปผลการดำเนินงานของการบินไทยปี 2560 ทั้งบริษัทฯ และบริษัทย่อย เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้วขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท
ทั้งการบินไทยและบริษัทย่อย มี “กำไรจากการดำเนินงาน” ธุรกิจการบิน (Operating profit) 2,856 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 29.8% สาเหตุหลักมาจากค่าน้ำมันเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยสูงกว่าปีก่อน 24.2% ส่วนรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยก็ต่ำกว่าปีก่อน 7.7% เพราะการแข่งขันรุนแรงและการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมัน (Fuel Surcharge) ถึงแม้จะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน
สำหรับ “รายได้” รวมทำได้ 191,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท คิดเป็น 6.3 เพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ
ส่วน “ค่าใช้จ่ายรวม” ประมาณ 189,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,604 ล้านบาท คิดเป็น 7.1% เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4,879 ล้านบาท เพิ่ม 10.8% จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.2% ประกอบกับปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต ถึงแม้จะทำวิธีบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันจึงสูงขึ้น 8,313 ล้านบาท คิดเป็น 6.6% สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น
ทางด้าน “ต้นทุนทางการเงินสุทธิ” ลดลง 588 ล้านบาท คิดเป็น 11.5% จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 2,856 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,215 ล้านบาท
ข่าวที่สอง “ปี’61บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมนายเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน ร่วมกับ นายดีภัค โอหริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมเลอบัว แอนด์ รีสอร์ท นำเชฟชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ มิสเตอร์ริวกิ คาวาซากิ เชฟมิชลินสตาร์ ประจำห้องอาหารเมซซาลูน่า โรงแรมเลอบัวฯ และมิสเตอร์ฟรองซัวร์ อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มาออกแบบเมนูอาหารให้บริการแก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจของการบินไทย ในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปารีส เที่ยวบิน TG 930 และ 931 เริ่ม 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป โครงการดังกล่าวจะมีให้บริการตลอดทั้งปี 2561 ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูทุกๆ 2 เดือน
ข่าวที่สาม “บินไทยเสิร์ฟของหวานวันครบรอบ 58 ปี”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 58 ปี วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ได้สร้างสรรค์ขนมหวานเมนูพิเศษ นำมาให้บริการแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน
เส้นทางภายในประเทศ จะให้บริการทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้น TG207 เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต) และทุกเที่ยวบินขาเข้าจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ (ยกเว้น TG208 และ TG226 เส้นทางภูเก็ต- กรุงเทพฯ) แบ่งเป็น ชั้นธุรกิจเสิร์ฟ มันเชื่อมแกะสลัก ชั้นประหยัด เสิร์ฟตะโก้ไพลินกรอบ และบลูเบอร์รี่ชีสพาย
เส้นทางระหว่างประเทศ มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ในทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้นเที่ยวบินไปยังตะวันออกกลาง และ เอเชียใต้บางเส้นทาง) ชั้นหนึ่งเสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมไอศกรีมกะทิซอสคาราเมล ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด เสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมซอสคาราเมล
ข่าวที่สี่ “เอ็มบีเคเปิดโรงแรมน้องใหม่ทินิดี-ปทุมธานี”
นายอาทร วนาสันตกุล กรรมการผู้จัดการ เอ็มบีเค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม (MBKHT) กล่าวว่า ได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ “ทินิดี โฮเต็ล แอท บางกอก กอล์ฟคลับ” ตั้งอยู่ในสนามกอล์ฟบางกอก กอล์ฟคลับ และสนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟคลับ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบที่สุดในย่านปทุมธานี ด้วยหลากหลายมิติ คือ มิติที่ 1 ห้องพักโอ่อ่า128 ห้อง ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวสนามกอล์ฟและทิวทัศน์ธรรมชาติโดยรอบ มีห้องประชุมที่สามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 10 คน ถึง 500 คน มีห้องอาหารชั้นเลิศบริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรมและลูกค้าทั่วไป
ส่วนมิติที่ 2 ‘เล่น หรือ Play’ บริการศูนย์กลางด้านกีฬาและสุขภาพ (Wellness Center) เพราะเรามีทั้งสนามกอล์ฟชั้นนำ 2 สนาม ฟิตเนส เซ็นเตอร์ที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด สระว่ายน้ำ จ็อคกิ้งแทรค แบ็ดมินตัน เทนนิส โยคะ นวดแผนไทย และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย บริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรม และเปิดรับสมาชิกทั่วไป
ข่าวที่ห้า “ทุกคู่รักไปพบกันในงานโฟร์วิงเวดดิ้งแฟร์19-20พค.”
โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท26 กรุงเทพ ชวนคู่รักที่กำลังวางแผนเข้าสู่ประตูวิวาห์ เชิญเยี่ยมชมบรรยากาศจริง และลิ้มรสอาหารเสมือนวันงาน ในงานเวดดิ้งแฟร์ Perfect Wedding ครั้งที่ 2 พบกันในวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2561 ณ ห้อง กัญญลักษณ์บอลรูม เวลา 10.00-19.00 น. ด้วยราคาที่ทุกคู่รักสัมผัสได้ อาทิ โต๊ะจีนเริ่มต้นที่ 9900 บาท งานเลี้ยงค๊อกเทลเริ่มต้นคนละ 750 บาท และงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นคนละ 850 บาท ราคานี้เฉพาะงานเวดดิ้งแฟร์เท่านั้น
กวาดเงิน1.2ล้านล้านชู5เมืองรองรับทัวร์จีน
คิงเพาเวอร์แบ่งรายได้แสนล้านไหลสู่ชุมชน
ททท.โรดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา
บางจากจัดหนักคนรักFurioลดให้เลย20%
ทอท.ลุยเร็วดอนเมืองเฟส3-28เมย.ปิดถนน
เที่ยวสบาย ๆ ชวนทำCSRชายหาดป่าตอง
เลือกกินอาหาร5อย่างกระตุ้นสมองสดใส
บินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี60ขาดทุนต่อ2พันล.
บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส
เอ็มบีเคเปิด“ทินิดี”โรงแรมน้องใหม่รับไมซ์
โรงแรมโฟร์วิงจัดเต็มเวดดิ้ง19-20พ.ค.นี้
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
สันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
ช่วงที่ 1 ห้ามพลาดพบกับ “สันติ ชุดินธรา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเปิดมุมมองและฉายภาพ “รายได้ท่องเที่ยวก้อนใหญ่ที่ไหลบ่าเข้าประเทศ” มาจาก “นักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย” ปี 2561 มีความท้าท้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาลชวนนักลงทุนจีนแถวหน้าของโลกอย่าง “แจ๊ค หม่า” ประธานอาบีลาลาเข้ามาขยายธุรกิจในไทย โดยได้ให้ ททท.MOU กับแจ็ค หม่า เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายไหมนำเงินกลุ่มทัวร์คุณภาพจากจีนเข้าสู่ไทยในปี 2561 ให้ได้ถึง 6 แสนล้านบาท ส่วนกลยุทธ์เชิงรุก ททท.ได้โหมทำโร้ดโชว์ในช่วง 4 แรกต่อเนื่องกันรวดเดียวถึง 4 ครั้ง เพื่อเจาะกำลังซื้อกลุ่มขนาดเล็ก กลุ่มลักชัวรี่คนรวยรักสุขภาพและความงาม และได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้จีนไปเที่ยว 5 เมืองรอง เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม ตราด สตูล
นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.วางกลยุทธ์โหมทำการตลาดเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคเอเชียให้เติบโตสูงต่อเนื่องมาหลายปี สถิติปี 2560 มีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยทั้งหมด 35.5 ล้านคน มาจากเอเชีย แปซิฟิกใต้มากถึง 26.5 ล้านคน ประกอบด้วย เอเชีย 14.4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นตลาดจีน 8.9 ล้านคน ส่วนที่เหลือมาจาก อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย โดยภาพรวมอัตราการเติบโตถึง 2 หลัก โดยเฉพาะจีนเติบโต 12 % ส่วนรายได้เข้าประเทศโดยภาพรวมทำไว้ 1.8 ล้านล้านบาท เอเชีย แปซิฟิกใต้ ทำเงินมากถึง 1.16 ล้านล้านบาท ทั้งจากเอเชีย 7.3 แสนล้านบาท อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย รวมกัน 4.3 แสนล้านบาท
ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2560 ได้ตัวช่วยจากนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย อาเซียน จีน อินเดีย ออสเตรเลีย สูงมากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมที่หลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ตามปีงบประมาณ 2561 ผ่านมาแล้ว 2 ไตรมาส ตั้งแต่ตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 เฉพาะ 3 เดือนแรกปี 2561 ตลาดจีนยังคงเติบโตเกินกว่า 30 % อินเดียพุ่งไปถึง 15 % เกาหลี เวียดนาม ออสเตรเลียประคองตัวขึ้นมาได้ดีมากเช่นเดียวกัน
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนกำลังเป็นกระแสแรงมากนั้น ททท.ปรับแผนตอบสนองเป้าหมายโดยขณะนี้ได้เน้นให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่มตลาดจีนคุณภาพสูง ถึงแม้จะพยายามทำมาหลายปีแล้วด้วยการปรับฐานเน้นเจาะกลุ่มระดับกลางและบนเพิ่มขึ้น ด้วยการเดินหน้าหารือกับบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของจีน เพื่อหันมาเพิ่มการขายโปรแกรมท่องเที่ยวราคาสูงขึ้น กระจายตัวไปยังเมืองรอง มาท่องเที่ยวอย่างมีความสุขเสพสุนทรีความงดงามทางธรรมชาติมากกว่าที่ไปกระจุกตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักมากเกินไป
ปี 2561 จึงเน้นการโปรโมตเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็กเฉลี่ย 5-8 คน/กลุ่ม แทนการส่งเสริมให้ชาวจีนมาเป็นจำนวนมากพร้อมกันหลายรถบัสเดินทางไปเที่ยวโดยไม่เห็นความสวยงาม ตลาดแนวใหม่จะมุ่งนำเสนอนักท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ทั้งเรื่องที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะขายได้ราคาสูงขึ้นตามลำดับ
กลยุทธ์ที่ ททท.จะสร้างแรงจูงใจตอนนี้ได้ทำแล้วทั้งเรื่องหารือกับ 2 กลุ่มหลัก คือ บริษัททัวร์ต้นทางกลุ่มผู้ขายในจีนกับบริษัทตัวแทนในไทยซึ่งเป็นผู้รับนักท่องเที่ยว บริหารการใช้แผนกท่องเที่ยวมาออกแบบให้บริการตามความต้องการเฉพาะของนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็ก ผลจากการหารือร่วมกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทางบริษัททัวร์ทั้งสองประเทศแจ้งเทรนด์ปีนี้เริ่มหันมาเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ
ดังนั้น ททท.จะเร่งสร้างเวทีให้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เบื้องต้นนำร่องทำโร้ดโชว์ไปแล้วในเมืองเศรษฐกิจรองของจีน 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ จีหนาน สีเจอจวง เจิ้งโจ อู่ฮั่น ซึ่งแต่ละเมืองมีประชากรกว่า 100 ล้านคน ช่วงระหว่าง 23-27 เมษายน 2561 จัดงานตั้งโต๊ะเจรจาธุรกิจเน้นกลุ่มตลาดหรูหรา Luxury Roadshow 2018 โดยได้เชิญบริษัทชั้นนำ โรงแรมระดับบน 15 ราย เวลเนสสปาและโรงพยาบาลรวมกันอีก 25 ราย ไปทำตลาดในมณฑลปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว พร้อมทั้งมีโอกาสพบกับกลุ่มทัวร์ โอเปอเรเตอร์ของจีนระดับบนด้วยเช่นกัน
จากนั้นช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ททท.มีแผนนำกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวขายทัวร์ออนไลน์ชั้นนำของไทยเรียกกลุ่ม Online Travel Association ไปพบกับนักผู้ประกอบการออนไลน์ของจีนในมณฑลเฉินตูกับกวางโจ เพื่อสร้างโอกาสการพบปะเจรจากันอย่างเต็มที่อีกครั้ง
นายสันติกล่าวว่าการวางแผนเพิ่มความเข้มข้นกระตุ้น “คนจีนใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทย” เฉพาะช่วงครึ่งปีแรกได้ทำโร้ดโชว์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง จากนี้ไปก็จะรุกหนักโดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากหมวดช้อปปิ้งและอาหาร ขณะนี้ ททท.ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำให้ไปช้อปปิ้งโดยไม่ผ่านบริษัทตัวแทนนำเที่ยว เพิ่มช่องทางให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อสินค้าได้ตามชอบในราคาเหมาะสมด้วย ทำวิธีแนะนำการช้อปและเลือกกินอาหารผ่าน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 สำนักงาน (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉินตู กวางโจว คุนหมิง) ได้เปิดเว็บไซต์ พร้อมร่วมกับ WeChat ซึ่งแต่ละเว็บไซต์มีผู้ติดตามอยู่นับล้านคน รวมทั้งออนไลน์ทั้งหมด ที่ ททท.ทุกสำนักงานมีอยู่นำข้อมูลใส่ไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการ
ปี 2561 ตั้งเป้ารายได้จากตลาดจีนทุกเมืองเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 % จากปี 2560 สถิติจีนนำเงินเข้ามาท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ไทย 529,000 ล้านบาท ปี 2561 แนวโน้มจะทำได้เกือบ 600,000 ล้านบาท
ส่วนวิธีการกระจายนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจากพื้นที่จังหวัดหลักระบายไปสู่จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นนั้น นอกจากจะมุ่งเจาะขายจีนกลุ่มขนาดเล็กแล้ว ก็ยังสร้างจูงใจมากขึ้นในเฉพาะบางพื้นที่ปี 2561-2562 เลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 5 แห่ง ได้แก่ เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม (อัมพวา) ตราด สตูล เพราะเล็งเห็นความพร้อมทั้งการเข้าถึงได้สะดวก มีโรงแรมเพียงพอ ตัวอย่าง ตราด และ สตูล มีทะเลที่จีนชื่นชอบ ส่วนเชียงราย ลำปาง มีวัฒนธรรมโดนใจเกี่ยวกับ อารยธรรมล้านนาและวัด
นายสันติกล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าของพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง ขอให้ทุกแห่งเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวซึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้นทุกพื้นที่ต้องเตรียมความพร้อมมากเป็นพิเศษดังนี้
1.ต้องประเมินขีดความสามารถในการรองรับแต่ละครั้งรับได้พร้อมกันจำนวนเท่าไรต่อครั้ง 2.การสื่อสารทางภาษา เพราะนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่อ่านภาษาอังกฤษเริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่จีนก็ยังต้องการป้ายบอกทางภาษาจีนที่สื่อสารตรงกันได้
นักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ นับเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่นำเงินเข้ามาใช้จ่ายสูงที่สุดเกินกว่า 2 ใน 3 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แล้วแนวโน้มในปี 2561 ตลาดก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนและทุกฝ่ายในภาครัฐกับเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกันบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาท่องเที่ยวของประเทศเติบโตบนความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แบ่งยอดขายแสนล้านสู่ชุมชน
วันนี้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเป็นผงาดเป็นดาวรุ่งภูมิภาคเอเชีย ที่มีนานาชาติทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายเดินทางเข้ามาเที่ยวตามเป้าหมายปี 2561 จะทำได้กว่า 38 ล้านคน ใช้จ่ายเงินรวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ในทางกลับกันปีนี้สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (Thai Travel Agent Association :TTAA) ผู้นำกลุ่มสมาชิกบริษัทตัวแทนนำเที่ยวต่างประเทศได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าปี 2561 จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 10 ล้านคน เม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมูลค่านับล้านล้านบาทเช่นกัน
โจทก์ใหญ่ของประเทศไทยตอนนี้จะต้องหาวิธีทำให้ “เงินต่างชาติและคนไทย” อยู่ในประเทศให้มากที่สุดช่วงการท่องเที่ยวขาขึ้นในปี 2561 จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะเพิ่มยอดรายได้ช้อปปิ้งคือ ต้องเร่งสร้าง “สินค้าไทย” แจ้งเกิดอย่างรวดเร็วมีมาตรฐานพร้อมเข้าสู่ตลาดสากล และทำให้ “สินค้าแบรนด์เนม” ที่นักช้อปทั่วเอเชียยอมควักเงินจ่ายแบบไม่อั้นซึ่งไทยพยายามในการผลักดันให้ประเทศก้าวเข้าสู่ “ศูนย์กลางช้อปปิ้งพาราไดซ์” เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
ปรากฏการณ์ธุรกิจที่น่าสนใจคือ “การพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (duty free shop) ของ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ให้กลายเป็น “ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวที่ตอบสนองการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด “Explore Endlessly Jouney” ผสมผสานการลงทุนอย่างลงตัวด้วยการเนรมิตร แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม ร้านอาหาร และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร (hospitality) จนสามารถสร้างยอดขายรวมเข้าประเทศมูลค่ารวมปีละ 900,000-100,000 ล้านบาท
สำหรับยอดขายปีละเกือบ 100,000 ล้านบาท นั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับจากกำลังซื้อของสมาชิก“คนไทย” ปีละกว่า 7 แสนราย และ “ต่างชาติ” เกินกว่า 10 ล้านคน ขณะนี้ที่ตลาดมาแรงคือนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกช้อปในร้านคิง เพาเวอร์ ปีละกว่า 7-8 ล้านคน
แต่หัวใจสำคัญของการขายสินค้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สามารถตอบโจทก์ตามนโยบายภาครัฐคือ “การกระจายรายได้สู่ชุมชน” เนื่องจากในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ตามสนามบิน (duty free airport) และในเมือง (duty free downtown) ทั้ง 10 แห่ง ได้คัดเลือกชุมชนผู้ผลิตสินค้าไทยมาวางจำหน่าย สามารถแบ่งปันรายได้ด้วยการนำสินค้าไทยตามท้องถิ่นทั้ง 4 ภาค มาวางขายทำเงินได้เป็นกอบกำปีละกว่า 20,000-25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20-25 % ของรายได้ทั้งหมด
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีคู่ค้าผู้ผลิตสินค้าไทยจากชุมชนทั่วประเทศกว่า 154 กลุ่ม หลัก ๆ 4 หมวด คือ 1.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 2.ของใช้ของที่ระลึก 3.สมุนไพรไทย 4.อาหารและเครื่องดื่ม นำเข้ามาวางจำหน่ายในดิวตี้ฟรีตามสาขาต่าง ๆ ของบริษัทมากกว่า 1,100 รายการ รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ ได้สั่งซื้อสินค้าไทยตามชุมชนทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบันมีมูลค่ารวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท ขณะนี้มีสินค้าชุมชนที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ 7 รายการ ได้แก่ น้ำผึ้ง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ อาหารทะเลอบแห้งรสต้มยำโป๊ะแตก หมอนรองคอ ยาหม่องเขียว แก้วเป่ารูปช้าง แจกัน
การเพิ่มยอดขายสินค้าโอท็อปชุมชนั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้ประกาศทำโครงการ “King Power Thai Power : พลังคนไทย” โดยเน้นการสร้าง “COMMUNITY POWER-พลังชุมชนคนไทย” มุ่งมั่นยกระดับผู้ผลิตสินค้าไทยตามชุมชนให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดโลก ด้วยการคัดสรรแบรนด์ไทยอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาวางจำหน่ายในร้านสาขาคิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของคนไทยได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั่วโลก ส่งเสริมผู้ผลิตในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านอัตลักษณ์ของสินค้าที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ
ก้าวต่อไปของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังจากลงทุนเพิ่มอีก 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการมหานคร ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“อัยยวัฒน์” ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะนำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สําคัญทางเศรษฐกิจ การค้า ของประเทศไทยในระดับสากล เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมที่จะรองรับการเติบโตของประชาคมอาเซียนในอนาคต เพราะโครงการมหานครเพียบพร้อมด้วยบริการต่าง ๆ มากมาย ทั้งโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับ 5 ดาว ร้านอาหารแถวหน้าของไทยและต่างประเทศ จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระจามุม 360 องศา ทั้งหมดคือแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่จะดึงดูดนักเดินทางทั่วโลกเลือกกรุงเทพมหานครเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในระยะยาว
เป็นการแสดงพลังของภาคเอกชนเพื่อช่วยรัฐสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ
ข่าวที่ 2 “ททท.ตลุยโร้ดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดงาน Thai Fest 2018 ณ Atlantico Rome ร่วมกับทุกฝ่ายช่วยกันยกระดับงานไทยเทสต์ ในต่างประเทศควบคู่กับการสร้างภาพจำด้านการท่องเที่ยวตามแนวคิด Open to the New Shades ภายในงานได้จัดขายรายการนำเที่ยวมายังประเทศไทย นำอาหารถิ่นวัฒนธรรมไปเผยแพร่สินค้าทางการท่องเที่ยวมุมใหม่ โดยจัดทีมสาธิตการทำอาหารไทย แข่งขันตำส้มตำ การทำหัตถกรรมของชุมชนต่าง ๆ และนำนักชกไทยไฟต์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวอิตาลีไปร่วมแจกลายเซ็น สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว และผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมถึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอิตาลีและรายการวิทยุชื่อดังถ่ายทอดการจัดงานครั้งนี้ด้วย
นางสาวจิตติมา สุขผลิน ผู้อำนวยการภูมิภาคอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทาง ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส ได้เข้าร่วมสนับสนุนการจัดงาน Sao Paulo Fashion Week (SPFW) 2018 ณ Ibirapuera Park ภายในงานมีบูธไทย พาวิลเลียน ขนาด 80 ตารางเมตร โดยคณะผู้จัดงาน SPFW ออกแบบโดยได้แรงบัลดาลใจหลังจากเมื่อช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ ได้เดินทางมาสำรวจและบันทึกภาพแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไทย ทั้งกรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่
ภายในบูธไทย พาวิลเลี่ยนงาน SPFW 2018 ด้วยการจัดมุมสาธิตการนวดไทย ร้อยมาลัยดอกไม้สด มอบให้กลุ่มเซลิบริตี้จากบราซิลและสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงาน พร้อมกับเปิดให้ชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย โดยคุณอู๋ วิโรจน์ จากแอลเอ และมีเชฟบราซิลมาปรุงอาหารไทยเสิร์ฟภายในงาน
สำหรับงาน SPFW 2018 ตลอด 4 วัน มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน โดยไทยเป็นประเทศเดียที่ได้รับความสนใจเป็นดาวเด่นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวขวัญใจลูกค้าบราซิลและอเมริกา รวมทั้งตลอดการจัดงานยังได้เผยแพร่ออกอากาศในช่องแฟชั่นต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียชั้นนำเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มดีไซเนอร์ เซลิบริตี้ เป็นทั้งกลุ่มตลาดคุณและหรูหราที่มีกำลังซื้อสูงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดหนักน้ำมันหล่อลื่นFurioลด20%”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ทำแคมเปญ “จัดหนัก!! ท้าลมร้อน” เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับส่วนลดน้ำมันหล่อลื่น FURiO สูงสุด 20% ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 256 เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ (F1) หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ (F2)
พิเศษสุดๆ ... รับโบนัสความคุ้มค่า 3 ต่อ เมื่อเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร
ต่อที่ 1 ฟรี!! บริการตรวจสภาพรถยนต์ 11 รายการ (ฟรีค่าแรง) ได้แก่ ตรวจเช็คน้ำมันเบรกและคลัทซ์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ก้านปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก หม้อน้ำและระดับน้ำในท่อ ไส้กรองอากาศ แบตเตอรี่ สายพานเครื่องยนต์ สภาพยางและแรงดันลม ระบบไฟฟ้า
ต่อที่ 2 ฟรี!! ไส้กรองน้ำมันเครื่องมูลค่าสูงสุด 500 บาท (เฉพาะยี่ห้อ Green Serve และ Power S เท่านั้น ทั้งนี้มูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ ในกรณีที่ไม่มีรุ่นที่ระบุ หรือ เป็นรุ่นพิเศษที่ทางร้านไม่มีจำหน่าย ขึ้นอยู่กับการประเมินของศูนย์บริการฯ)
ต่อที่ 3 ฟรี!! ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องมูลค่าสูงสุด 475 บาท (Flushing Oil) ยี่ห้อ "Green Flush" โดยมูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ และการประเมินของศูนย์บริการฯ
ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร ที่ร่วมรายการทั่วประเทศกว่า 29 แห่ง
ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.สั่งลุยเร็วขึ้นดอนเมืองเฟส3-28เม.ย.ปิดถนน”
นายอเนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติแผนแม่บทฉบับปรับปรุงเพิ่มเติมที่จะใช้เงินลงทุนรวม 49,400 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิมและตอบโจทก์ผู้โดยสารที่กำลังประสบปัญหาความแออัด เบื้องต้น 3 ประกอบด้วย ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ระหว่างปี 2561-2567 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เฟส 1 ระหว่างปี 2561-2565 วงเงิน 10,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เฟส 1 วงเงิน 4,400 ล้านบาท
การปรับปรุงเพิ่มเติมในท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 40 ล้านคน ต่างจากแผนเดิมจะรับได้แค่ปีละ 30 ล้านบาท ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ทอท.จะนำอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่า (Domestic Terminal) ที่ปิดใช้บริการมานานกว่า 10 ปี ปิดเมื่อปี 2549 โดยจะนำมาเปิดใช้ใหม่ทำเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (International Terminal) เนื่องจากขณะนี้และในอนาคตจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางหนาแน่นจนอาจสร้างความแออัดได้ โดยจะใช้เวลาปรับโฉมใหม่ให้แล้วเสร็จ 2 ปี พร้อมเปิดบริการได้ช่วงปี 2564
รวมทั้งจะใช้เงินอีก 200 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร “เช็คอิน” หลังใหม่พื้นที่ประมาณ 3,500 ตารางเมตร กำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี เริ่มบริการปี 2562 เป็นต้นไป โดยตั้งอยู่บริเวณข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลัง 1 เพื่อให้บริษัทนำเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะมาเช็คอิน หรือ Group Checkin
ส่วนท่าอากาศยานเชียงใหม่ แผนฉบับปรับปรุงใหม่มีโครงการสำคัญ ๆ อาทิ อาคารจอดรถขนาดรองรับได้ 300 คัน ขยายถนนขาออกด้านหน้าอาคารเป็น 3 ช่องจราจร ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือรองรับลานจอดรถลีมูซีน แท็กซี่ เพื่อบรรเทาความแออัดของบริเวณจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารด้านล่าง
ขณะที่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จะขยายปรับปรุงการรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน โดยจะบริหารจัดการพื้นที่การใช้งานใหม่แยกกันอย่างชัดเจนทั้งขาเขาและขาออก โดยเปลี่ยนชั้น 1 เป็นขาเข้า และชั้น 2 เป็นขาออก พร้อมกับเพิ่มหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มอีก 10 หลุม
ทางด้านส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่าคืนวันที่ 28 เม.ย.2561 จะมีการปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เพื่อดำเนินการยกทางเดินสกายวอล์ค รถไฟฟ้าสายสีแดง(สถานีดอนเมือง) ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.จึงขอให้ลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อาทิ ถนนโลคอลโร้ดหรือถนนเลียบทางรถไฟ กำแพงเพชร 6
ช่วงที่ 2 ลัดฟ้าลงทะเลอันดามันใต้ไปสร้างสรรค์ความฉลาดให้ชีวิตเติมเต็มธรรมชาติระหว่างวันท่องเที่ยวกับทริป “เที่ยวหาดป่าตองสบาย ๆ” พร้อมกับช่วยกันเก็บกันขยะชายหาด สร้างน้ำสวยทะเลใส ให้โลกน่าอยู่ แล้วต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพกับการเรียนรู้ “เลือกกิน5อาหารกระตุ้นสมอง” และข่าวผลการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของการบินไทย ปี 2561 แจ้งผู้ถือหุ้นว่าผลการดำเนินงานปี 2560 “การบินไทย” ยังขาดทุน 2,072 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ส่วน เอ็มบีเค กรุ๊ป เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ชื่อ “ทินิดี” ที่ปทุมธานี ต้อนรับไมซ์โรงงาน ส่วนโรงแรมโฟร์วิงชวนคู่รักที่เตรียมหาสถานที่แต่งงานไปเจอกันในงาน Wedding Fair 2018
@ท่องเที่ยวสบายๆในหาดป่าตอง
ยุคนี้ไม่ว่าจะไปพักผ่อนมุมไหนในเมืองไทย ขอรณรงค์ให้ช่วยกันเก็บขยะรักษาสิ่งแวดล้อม ทริปนี้จึงอยากชวนไป “หาดป่าตอง” สัก 2 วัน เดิน นั่ง นอน กินลมชมวิวทะเลไข่มุกอันดามัน จังหวัดภูเก็ต หาดที่มีความสนุกทั้งตลอด 24 ชั่วโมงทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้า
ยามพระอาทิตย์จ้าช่วงกลางวันเตรียมสวมชูชีพไปลุยฟองคลื่นใกล้ ไกล ฝั่ง ในโซนที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวสนุกกับกิจกรรมทางน้ำสุดเอ็กซ์ตรีม เลือกได้เลย จะเล่นผาดโผนอยู่บนเจ็ตสกีแรง หรือโต้คลื่นด้วยเซิร์ฟบอร์ดคู่ใจ และสัมผัสคลื่นแบบเบา ๆ บนบานานาโบ๊ท ส่วนสีสัน Night Life ยามราตรีช่วงค่ำคืนก็มีร้านอาหารเก๋ ๆ ดนตรีสนุก ๆ
แล้วจับจองมุมเด่น ไว้นั่งชม “อ่าวโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว” เลื่องชื่อ ณ จุดชมวิว 3 อ่าว เมื่อมองมุมต่ำลงมาแล้วจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต บริเวณ หาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกระรน ต้องบอกเลยว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่รังสรรค์ให้อ่าวทั้งสามเรียงร้อยกันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ดื่มด่ำเสร็จแล้ว รอเวลาไปชมดวงอาทิตย์ยัง “แหลมพรหมเทพ” เติมเต็มความสุขเก็บความประทับใจให้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดไป
เที่ยวทั่วหาดป่าตอง และ 3 อ่าวเสร็จแล้ว แนะนำให้ไปเดินเที่ยว “ย่านเมืองเก่า” ยังคงเก็บสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ ชิโน-โปตุกีส” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยุคก่อนสู่ปัจจุบันถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวัฒนธรรมบน “ถนนถลาง”
ระหว่างการพักผ่อนอยู่ในหาดป่าตอง แนะนำให้นักท่องเที่ยวร่วมสร้างสรรค์ประโยชน์ด้วยการ “ลงมือช่วยกันคนละไม้ละมือเก็บขยะให้เกลี้ยงหาด” เพื่อทำให้ทริปการพักผ่อนของเรามีคุณค่าต่อตนเอง ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทำได้ง่าย ๆ เมื่อไปยืนสูดกลิ่นอายทะเลยามเช้าตรู่ ก็สามารถนำถุงขยะติดตัวไปด้วยแยกขยะแต่ละชนิด ได้ทั้งการเดินออกกำลังกายและช่วยดูแลปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมชายหาดได้ด้วย และหากนักท่องเที่ยวคนไหนชื่นชอบดำน้ำจะอาสาไปกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บขยะใต้ทะเลก็สนุกได้รสชาติการเที่ยวป่าตองในอีกรูปแบบ
ส่วนเรื่องต้องห้ามพลาดทำคือ ชิม แชะ แชร์ ช้อป อาหารพื้นเมือง จานเด็ดต้นตำรับต้องชิม “หมี่ฮกเกี้ยนหรือหมี่แปะกง” ที่ร้านต้นโพธิ์ แล้วก็แวะเช็คอินที่ “ตลาดชุมชนฉำฉา” มุ่งหน้าเข้าร้าน “พรทิพย์” ร้าขายของฝากของที่ระลึก ก่อนขึ้นเครื่องแวะอีกที่ตรง “ร้านแม่จู้” นอกจากจะมี อาหาร ขนม พื้นเมืองจะรักษารสชาติดั้งเดิมไว้ตามต้นแบบเป๊ะแล้ว ยังดีไซน์แพกเกจจิ้งสุดอลังการ สนนราคาก็หาซื้อได้สบายกระเป๋า
เที่ยวหาดป่าตองทั้งสนุกแถมได้ทำประโยชน์คืนความสุขให้ทะเลอันดามันทริปอย่างนี้ทำได้เลยทุกครั้ง หากต้องการคำแนะนำทริปเที่ยวเก็บขยะทะเลในภูเก็ต สอบถามได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักงานปลัดเทศบาลนครภูเก็ต โทร.076-214-306
@5 อาหาร ช่วยกระตุ้นสมอง
สมองเป็นอวัยวะสำคัญอวัยวะหนึ่ง ที่ต้องใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการคิด วิเคราะห์ หรือจดจำรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ 5 ชนิดช่วยกระตุ้นสมองใสได้ตลอดเวลา
1.ปลาซาร์ดีน อุดมด้วยโอเมก้า 3 ปริมาณสูง โดยผลวิจัยจากสหรัฐฯ พบว่า กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) ในโอเมก้า 3 สำคัญต่อการพัฒนาสมองส่วนความจำ และการเรียนรู้ ทั้งยังพบว่ากรดไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองถึง 65% ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเอง แต่ได้จากอาหารที่บริโภค เช่น ปลา ถ้าได้กินปลาซาร์ดีนเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ เมนูแนะนำทำง่าย อาทิ ปลาซาร์ดีนผัดซอสมะเขือเทศ ข้าวผัดปลาซาร์ดีน พาสต้าปลาซาร์ดีน เป็นต้น
2.ไข่ ภายในบรรจุโคลีน สารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเซลล์สมอง มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ ซึ่งไข่แดงจัดเป็นอาหารที่ให้โคลีนมากสุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมองซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์
3.ข้าวโอ๊ต โดยฟอสฟาติดิลโคลีนที่พบในเลซิติน จะช่วยด้านความจำ แถมข้าวโอ๊ตยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานสูงไขมันต่ำ มีวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยมาก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดทำให้ไม่หิวระหว่างมื้อบ่อย ๆ
4.วอลนัต ประกอบด้วย โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินบีให้พลังงานและพัฒนาการทำงานของสมอง ผลวิจัยจากต่างประเทศ พบว่าวอลนัตยังช่วยเพิ่มความสามารถของสมองจากการต้านสารอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลาย เซลล์สมองได้
5.กล้วย มีวิตามินบี 6 ช่วยให้การสื่อสารระหว่างกล้ามเนื้อกับเส้นประสาทเป็นไปได้สะดวก ทั้งยังช่วยให้สมองผลิตสารเซโรโทนินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวลได้
หากรับประทานอาหารทั้ง 5 ชนิดเป็นประจำได้ยิ่งดีมีประโยชน์ เพื่อสมองกระฉับกระเฉงฟิตที่จะเรียนรู้ใหม่ทุกวัน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี’60ขาดทุนกว่า2พันล้าน”
ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 โดยมี พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง รักษาการประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานการประชุม และมีคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เข้าร่วมการประชุม ได้สรุปผลการดำเนินงานของการบินไทยปี 2560 ทั้งบริษัทฯ และบริษัทย่อย เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้วขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท
ทั้งการบินไทยและบริษัทย่อย มี “กำไรจากการดำเนินงาน” ธุรกิจการบิน (Operating profit) 2,856 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 29.8% สาเหตุหลักมาจากค่าน้ำมันเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยสูงกว่าปีก่อน 24.2% ส่วนรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยก็ต่ำกว่าปีก่อน 7.7% เพราะการแข่งขันรุนแรงและการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมัน (Fuel Surcharge) ถึงแม้จะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน
สำหรับ “รายได้” รวมทำได้ 191,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท คิดเป็น 6.3 เพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ
ส่วน “ค่าใช้จ่ายรวม” ประมาณ 189,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,604 ล้านบาท คิดเป็น 7.1% เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4,879 ล้านบาท เพิ่ม 10.8% จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.2% ประกอบกับปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต ถึงแม้จะทำวิธีบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันจึงสูงขึ้น 8,313 ล้านบาท คิดเป็น 6.6% สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น
ทางด้าน “ต้นทุนทางการเงินสุทธิ” ลดลง 588 ล้านบาท คิดเป็น 11.5% จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 2,856 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,215 ล้านบาท
ข่าวที่สอง “ปี’61บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมนายเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน ร่วมกับ นายดีภัค โอหริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมเลอบัว แอนด์ รีสอร์ท นำเชฟชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ มิสเตอร์ริวกิ คาวาซากิ เชฟมิชลินสตาร์ ประจำห้องอาหารเมซซาลูน่า โรงแรมเลอบัวฯ และมิสเตอร์ฟรองซัวร์ อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มาออกแบบเมนูอาหารให้บริการแก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจของการบินไทย ในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปารีส เที่ยวบิน TG 930 และ 931 เริ่ม 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป โครงการดังกล่าวจะมีให้บริการตลอดทั้งปี 2561 ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูทุกๆ 2 เดือน
ข่าวที่สาม “บินไทยเสิร์ฟของหวานวันครบรอบ 58 ปี”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 58 ปี วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ได้สร้างสรรค์ขนมหวานเมนูพิเศษ นำมาให้บริการแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน
เส้นทางภายในประเทศ จะให้บริการทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้น TG207 เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต) และทุกเที่ยวบินขาเข้าจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ (ยกเว้น TG208 และ TG226 เส้นทางภูเก็ต- กรุงเทพฯ) แบ่งเป็น ชั้นธุรกิจเสิร์ฟ มันเชื่อมแกะสลัก ชั้นประหยัด เสิร์ฟตะโก้ไพลินกรอบ และบลูเบอร์รี่ชีสพาย
เส้นทางระหว่างประเทศ มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ในทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้นเที่ยวบินไปยังตะวันออกกลาง และ เอเชียใต้บางเส้นทาง) ชั้นหนึ่งเสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมไอศกรีมกะทิซอสคาราเมล ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด เสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมซอสคาราเมล
ข่าวที่สี่ “เอ็มบีเคเปิดโรงแรมน้องใหม่ทินิดี-ปทุมธานี”
นายอาทร วนาสันตกุล กรรมการผู้จัดการ เอ็มบีเค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม (MBKHT) กล่าวว่า ได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ “ทินิดี โฮเต็ล แอท บางกอก กอล์ฟคลับ” ตั้งอยู่ในสนามกอล์ฟบางกอก กอล์ฟคลับ และสนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟคลับ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบที่สุดในย่านปทุมธานี ด้วยหลากหลายมิติ คือ มิติที่ 1 ห้องพักโอ่อ่า128 ห้อง ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวสนามกอล์ฟและทิวทัศน์ธรรมชาติโดยรอบ มีห้องประชุมที่สามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 10 คน ถึง 500 คน มีห้องอาหารชั้นเลิศบริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรมและลูกค้าทั่วไป
ส่วนมิติที่ 2 ‘เล่น หรือ Play’ บริการศูนย์กลางด้านกีฬาและสุขภาพ (Wellness Center) เพราะเรามีทั้งสนามกอล์ฟชั้นนำ 2 สนาม ฟิตเนส เซ็นเตอร์ที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด สระว่ายน้ำ จ็อคกิ้งแทรค แบ็ดมินตัน เทนนิส โยคะ นวดแผนไทย และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย บริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรม และเปิดรับสมาชิกทั่วไป
ข่าวที่ห้า “ทุกคู่รักไปพบกันในงานโฟร์วิงเวดดิ้งแฟร์19-20พค.”
โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท26 กรุงเทพ ชวนคู่รักที่กำลังวางแผนเข้าสู่ประตูวิวาห์ เชิญเยี่ยมชมบรรยากาศจริง และลิ้มรสอาหารเสมือนวันงาน ในงานเวดดิ้งแฟร์ Perfect Wedding ครั้งที่ 2 พบกันในวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2561 ณ ห้อง กัญญลักษณ์บอลรูม เวลา 10.00-19.00 น. ด้วยราคาที่ทุกคู่รักสัมผัสได้ อาทิ โต๊ะจีนเริ่มต้นที่ 9900 บาท งานเลี้ยงค๊อกเทลเริ่มต้นคนละ 750 บาท และงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นคนละ 850 บาท ราคานี้เฉพาะงานเวดดิ้งแฟร์เท่านั้น
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น