ททท.เปิดสีสันเกาะหมากโลว์คาร์บอน
จัดทัพทัวร์ชุมชนเมืองรองตราดมุมใหม่
https://www.matichon.co.th/news/923458
เรื่องและภาพโดย - เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน :บล็อกเกอร์ #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen #เกาะหมาก
กระแสการท่องเที่ยวมุมใหม่ในยุคที่ผู้คนโหยหาแหล่งท่องเที่ยวเงียบสงบใกล้ชิดธรรมชาติ จึงเป็นจังหวะของ “เกาะหมาก” หนึ่งในต้นแบบ Low Carbon Island แถวหน้าของเมืองไทย ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ภูมิภาคภาคตะวันออก นำมาเสนอเป็นทางเลือกใหม่ในการท่องเที่ยวชุมชนเมืองรองจังหวัดตราด
“วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตราด โดยร่วมหารือกับเอกชนในเกาะหมากและพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทย เพื่อวางกลยุทธ์จุดกระแสทำตลาดการขายท่องเที่ยวธรรมชาติมุมใหม่บน “เกาะหมาก โลว์ คาร์บอน” ภายใต้ธีม “สีสัน ตะวันออก” เน้น 5 ช. ได้แก่ ชีล ชิม แชะ แชร์ ช่วย ซึ่งชาวบ้านกับเอกชนบนเกาะขนาดกว่า 9,000 ไร่ มีความเข้มแข็งเรื่องการออกแบบกิจกรรมความหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
เบื้องต้นได้หารือกับภาคเอกชนเกาะหมากวางแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การรักษาดูแลบริหารจัดการการท่องเที่ยวสีเขียวหรือ Green Tourism เพิ่มความเข้มข้นการจัดการขยะ การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานรอบเกาะ 2.การพัฒนาท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ Gastronomy โดยมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้ถึงแหล่งเพาะปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ ด้วยกรรมวิธีเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีเพื่อนำมาใช้ปรุงอาหารสไตล์ท้องถิ่นหรือประยุกต์เสิร์ฟนักท่องเที่ยว 3.จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงดนตรีสไตล์คลาสสิก 4.จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสุขภาพเป็นชุมทางนักเล่นโยคะ และ 5.จัดกิจกรรมสีสันเกาะแห่งงานศิลปะธรรมชาติ
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ร่วมมือกับเอกชนเกาะหมากเตรียมความพร้อมเพื่อจัดกิจกรรมใหญ่ภายในเดือนกันยายน 2561 จุดประกายให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติรู้จักเกาะหมากมุมใหม่ตามธีม Open to the New Shade ให้มากยิ่งขึ้น
ผอ.วิบูลย์อธิบายว่า การท่องเที่ยวเกาะหมาก เมื่อไปถึงจะมีศูนย์การเรียนรู้เกาะหมากรีสอร์ต เป็นเซ็นเตอร์ให้นักท่องเที่ยวร่วมทำกิจกรรมเรียนรู้วิธีปลูกพืชผักเกษตรอินทรีย์ กับ “โอ๋” ไกด์ท้องถิ่นดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดโดยคิดค่าบริการเพียงคนละ 200 บาท ทั้งพานำชมเกาะ สอนวิถีการเกษตรและลองลงมือ ปลูกข้าวโพด ผักสวนครัว ตอนกิ่งมะละกอ เก็บพืชผักอินทรีย์มาช่วยกันปรุงอาหารรับประทานกันเอง
กิจกรรมไฮไลต์อีกอย่างคือการทำ “น้ำมันมะพร้าวกลั่นร้อน” สมุนไพรพื้นบ้าน ในบริเวณบ้านสวน “หลวงพรหมภักดี” 1 ใน 5 ตระกูลเก่าแก่ผู้เดินทางมาบุกเบิกก่อตั้งชุมชนเกาะหมาก ที่ยังคงรักษาบ้านหลังเดิมอายุกว่า 85 ปี สวนมะพร้าว และขยายเพิ่มทำรีสอร์ต Happy Day ขนาด 18 หลัง จากนั้นก็สามารถไปชมการนำพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ Solar roof มาผลิตไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน ปั๊มน้ำรดพืชผักสวนผลไม้ และการวางระบบกำจัดขยะ ชุมชนเกาะหมากหลายร้อยครัวเรือนช่วยกันดูแลวิถีธรรมชาติ ลดคาร์บอน ทำให้ชุมชนดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
รอบเกาะหมาก มีรีสอร์ตธรรมชาติของคนในชุมชนตั้งกระจายอยู่รอบพื้นที่เกือบหมื่นไร่ แห่งละ 20-30 ห้อง รวมแล้วประมาณ 600 ห้อง ส่วนใหญ่จะขายผ่านเว็บไซต์ด็อทคอมชั้นนำ อาทิ www.booking.com ราคาห้องพักมีตั้งแต่ 1,500-10,000 บาท/ห้อง/คืน ส่วนร้านอาหารก็เลือกได้ตามชอบในวิวทะเลมุมสวยแปลกตาต่างกันตามทำเลที่ตั้ง เมนูก็มีสารพัด กุ้ง หอย ปู ปลา ของชาวประมงในพื้นที่ขายให้ร้านอาหาร รีสอร์ต นำมาปรุงขายนักท่องเที่ยว สร้างรายได้กระจายสู่ทุกอาชีพกับคนในชุมชนบนเกาะหมากอย่างครบวงจร
นายจักรพรรดิ ตะเวทีกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด และผู้บริหารเกาะหมาก กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวเกาะหมากจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 50 % ฤดูที่นักท่องเที่ยวจองห้องพักหนาแน่น (high season) ตุลาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี จองเกือบ 100 % ช่วงพฤศจิกายนมีคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามายังเกาะ 50-50 ส่วนช่วงสัปดาห์ที่สองเดือนธันวาคมของทุกปีห้องพักจำนวนมากจะว่าง จึงต้องขอให้ ททท.จัดกิจกรรมแคมเปญกระตุ้นนักท่องเที่ยวช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม
โดยมีนักท่องเที่ยวที่นิยมไปเกาะหมาก ตลาดต่างประเทศ จะพักเฉลี่ย 5 วัน/คน/ทริป กลุ่มหลักคือ เยอรมัน สแกนดิเนเวีย เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ส นิยมเดินทางเชื่อมโยงบินตรงเข้าเกาะช้าง จากนั้นก็แวะมาพักต่อที่เกาะหมาก ส่วนคนไทย จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ครอบครัว นิยมเดินทางมาพักผ่อนช่วงปิดเทอม วันหยุด
กิจกรรมยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนบนเกาะหมาก คือ พายเรือคะยัก และซื้อตั๋วเรือเร็วสปีดโบ๊ท ราคาเฉลี่ย 300-350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-20 นาที จากเกาะหมากไปขึ้นชมเกาะใกล้เคียง อาทิ เกาะกระดาดซึ่งมีป่าธรรมชาติ ป่ามะพร้าวเป็นที่พักอาศัยของกวางกว่า 500 ตัว และแหล่งท่องเที่ยวตามเกาะขนาดเล็ก ๆ อาทิ อ่าวนิด เกาะกระดาด เกาะขาม หมู่เกาะระยั้ง อ่าวสวนใหญ่ อ่าวไผ่/แหลมสน
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวบนฝั่งเมื่อออกจากสนามบินจังหวัดตราด ต้องแวะ “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” ฟังกูรู “เหน่ง-รุ่งโรจน์ แสวงกาญจน์” ถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ร้อยเรียงตามยุคสมัยตั้งแต่สุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ได้อย่างสนุกสนานทำให้พิพิธภัณฑ์มีชีวิต จากนั้นก็ไปชม“วัดบุปผาราม” อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี มีทั้งพิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณ โบสถ์เก่า จิตรกรรมฝาผนัง ศาลารูปปั้นพระเจ้าตากสินแห่งเดียวที่ไม่สวมหมวกเห็นใบหน้าชัดเจน
การเดินทางท่องเที่ยวตราด ต้องห้ามพลาดสัมผัสท้องถิ่น 9 เรื่อง ได้แก่ 1.พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด แหล่งเรียนรู้เรื่องราวของทั้งเมืองอย่างสมบูรณ์แบบจากอดีตสู่ปัจจุบันเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และทรัพยากรทางธรรมชาติ 2.สุดแผ่นดินตะวันออกที่แหลมงอบ จุดชมวิวชมตะวันขึ้นและลับขอบฟ้าลงสู่ท้องทะเลสีฟ้าสดใสสุดคลาสสิก
3. มหัศจรรย์หาดทรายดำ หนึ่งเดียวในแผ่นดินไทย และ 1 ใน 5 ของโลกของป่าชายเลนติดพื้นที่ฝั่ง อุดมสมบูรณ์ด้วยทรายธรรมชาติสีดำสนิท ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวใช้บำบัดสุขภาพ พร้อม ๆ กับเดินลัดเลาะทะเลชมป่าโกงกาง 4. เหยี่ยวแดงคอขาว ปรากฏการณ์ฝูงเหยี่ยวจำนวนกว่า 500 ตัว โบยบินอยู่กลางทะเลสาบใกล้ ๆ ร้านอาหาร “ครัวพลัดถิ่น” ตำบลหนองคันทรง 5. ทะเลมรกตในหมู่เกาะทะเลตราด เลือกพักผ่อนตามเกาะยอดนิยมอย่าง เกาะช้าง เกาะขาม เกาะกูด เกาะหมาก
6. ลานตะบูนท่าระแนะ สัมผัสความมหัศจรรย์ของพื้นที่ดึกดำบรรพ์ของการล่องเรือผ่านเข้าสู่บรรยากาศ 3 ป่า ในอ้อมกอดของรากไม้ตะบูนจำนวนมากสานกันเป็นเกลียวแผ่ขยายตัวอยู่บนหน้าดินกว้างหลายไร่ 7. ล่องเรือมาดบ้านสลักคอก ความโรแมนติกที่หาได้ในชุมชนบนเกาะช้าง ได้ผสมผสานความดั้งเดิมและธรรมชาติให้กลมกลืนเข้ากับการท่องเที่ยวยุคใหม่ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือมาดแจวแบบชีล ๆ และ 8.น้ำพริกเกลือ เป็นน้ำจิ้มพื้นบ้านของชาวเล รสเด็ดมาก ทั้งจัดจ้านจี๊ดจ๊าด ใช้กินกับอาหารทะเลนึ่ง อบ เผา สด ๆ จากทะเลตราด
9.สวนผลไม้เมืองตราด เลือกชิมได้ทุกสวน โดยเฉพาะช่วงพฤษภาคมของทุกปี มีทั้งสวนให้แวะถึง 6 ชนิด ตามภูมิปัญญาพื้นบ้านผลไม้เหล่านี้ยังเป็นสมุนไพรดูแลสุขภาพด้วย ได้แก่ “ทุเรียน” สรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อ ช่วยระบบเผาผลาญและระบายท้องได้ดี “มังคุด” ช่วยบำรุงผิว สายตา แก้ท้องผูก ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง “ลองกอง” ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ใช้เป็นยาขับพยาธิ “สละ-ระกำ” เป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับเสมหะ และแก้ไอ “เงาะ” ช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปาก แก้อาการท้องร่วง ส่วน“สับปะรดสีทอง” ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี
ก่อนกลับต้องแวะ “สวนสละประโยชน์” ขนาด 80 ไร่ จำหน่ายสละสด 80 บาท/กิโลกรัม และสละแช่อิ่มกระปุกละ 25 บาท สั่งซื้อทางออนไลน์จัดส่งได้ทั่วประเทศ รวมทั้งแวะ “Check in TRAT” ของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่นำโดย “จตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล” ประธานคณะกรรมการผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดตราด (YEC ตราด) เป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นเมือง และเค้ก กาแฟ และพื้นที่ Co-Working Space แบบชิค ๆ
ปัจจุบันมีสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส บินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ตราด สุวรรณภูมิ-สนามบินตราด วันละ 3 เที่ยว ใช้เวลา 45 นาที รวมทั้งมีรถสาธารณะ รถปรับอากาศ รถตู้ ให้บริการด้วยหลายช่องทาง
จัดทัพทัวร์ชุมชนเมืองรองตราดมุมใหม่
https://www.matichon.co.th/news/923458
เรื่องและภาพโดย - เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน :บล็อกเกอร์ #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen #เกาะหมาก
กระแสการท่องเที่ยวมุมใหม่ในยุคที่ผู้คนโหยหาแหล่งท่องเที่ยวเงียบสงบใกล้ชิดธรรมชาติ จึงเป็นจังหวะของ “เกาะหมาก” หนึ่งในต้นแบบ Low Carbon Island แถวหน้าของเมืองไทย ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ภูมิภาคภาคตะวันออก นำมาเสนอเป็นทางเลือกใหม่ในการท่องเที่ยวชุมชนเมืองรองจังหวัดตราด
“วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตราด โดยร่วมหารือกับเอกชนในเกาะหมากและพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทย เพื่อวางกลยุทธ์จุดกระแสทำตลาดการขายท่องเที่ยวธรรมชาติมุมใหม่บน “เกาะหมาก โลว์ คาร์บอน” ภายใต้ธีม “สีสัน ตะวันออก” เน้น 5 ช. ได้แก่ ชีล ชิม แชะ แชร์ ช่วย ซึ่งชาวบ้านกับเอกชนบนเกาะขนาดกว่า 9,000 ไร่ มีความเข้มแข็งเรื่องการออกแบบกิจกรรมความหลากหลายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
เบื้องต้นได้หารือกับภาคเอกชนเกาะหมากวางแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การรักษาดูแลบริหารจัดการการท่องเที่ยวสีเขียวหรือ Green Tourism เพิ่มความเข้มข้นการจัดการขยะ การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานรอบเกาะ 2.การพัฒนาท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ Gastronomy โดยมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้ถึงแหล่งเพาะปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ ด้วยกรรมวิธีเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีเพื่อนำมาใช้ปรุงอาหารสไตล์ท้องถิ่นหรือประยุกต์เสิร์ฟนักท่องเที่ยว 3.จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงดนตรีสไตล์คลาสสิก 4.จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสุขภาพเป็นชุมทางนักเล่นโยคะ และ 5.จัดกิจกรรมสีสันเกาะแห่งงานศิลปะธรรมชาติ
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ร่วมมือกับเอกชนเกาะหมากเตรียมความพร้อมเพื่อจัดกิจกรรมใหญ่ภายในเดือนกันยายน 2561 จุดประกายให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติรู้จักเกาะหมากมุมใหม่ตามธีม Open to the New Shade ให้มากยิ่งขึ้น
ผอ.วิบูลย์อธิบายว่า การท่องเที่ยวเกาะหมาก เมื่อไปถึงจะมีศูนย์การเรียนรู้เกาะหมากรีสอร์ต เป็นเซ็นเตอร์ให้นักท่องเที่ยวร่วมทำกิจกรรมเรียนรู้วิธีปลูกพืชผักเกษตรอินทรีย์ กับ “โอ๋” ไกด์ท้องถิ่นดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดโดยคิดค่าบริการเพียงคนละ 200 บาท ทั้งพานำชมเกาะ สอนวิถีการเกษตรและลองลงมือ ปลูกข้าวโพด ผักสวนครัว ตอนกิ่งมะละกอ เก็บพืชผักอินทรีย์มาช่วยกันปรุงอาหารรับประทานกันเอง
กิจกรรมไฮไลต์อีกอย่างคือการทำ “น้ำมันมะพร้าวกลั่นร้อน” สมุนไพรพื้นบ้าน ในบริเวณบ้านสวน “หลวงพรหมภักดี” 1 ใน 5 ตระกูลเก่าแก่ผู้เดินทางมาบุกเบิกก่อตั้งชุมชนเกาะหมาก ที่ยังคงรักษาบ้านหลังเดิมอายุกว่า 85 ปี สวนมะพร้าว และขยายเพิ่มทำรีสอร์ต Happy Day ขนาด 18 หลัง จากนั้นก็สามารถไปชมการนำพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ Solar roof มาผลิตไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน ปั๊มน้ำรดพืชผักสวนผลไม้ และการวางระบบกำจัดขยะ ชุมชนเกาะหมากหลายร้อยครัวเรือนช่วยกันดูแลวิถีธรรมชาติ ลดคาร์บอน ทำให้ชุมชนดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
รอบเกาะหมาก มีรีสอร์ตธรรมชาติของคนในชุมชนตั้งกระจายอยู่รอบพื้นที่เกือบหมื่นไร่ แห่งละ 20-30 ห้อง รวมแล้วประมาณ 600 ห้อง ส่วนใหญ่จะขายผ่านเว็บไซต์ด็อทคอมชั้นนำ อาทิ www.booking.com ราคาห้องพักมีตั้งแต่ 1,500-10,000 บาท/ห้อง/คืน ส่วนร้านอาหารก็เลือกได้ตามชอบในวิวทะเลมุมสวยแปลกตาต่างกันตามทำเลที่ตั้ง เมนูก็มีสารพัด กุ้ง หอย ปู ปลา ของชาวประมงในพื้นที่ขายให้ร้านอาหาร รีสอร์ต นำมาปรุงขายนักท่องเที่ยว สร้างรายได้กระจายสู่ทุกอาชีพกับคนในชุมชนบนเกาะหมากอย่างครบวงจร
นายจักรพรรดิ ตะเวทีกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด และผู้บริหารเกาะหมาก กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวเกาะหมากจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 50 % ฤดูที่นักท่องเที่ยวจองห้องพักหนาแน่น (high season) ตุลาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี จองเกือบ 100 % ช่วงพฤศจิกายนมีคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามายังเกาะ 50-50 ส่วนช่วงสัปดาห์ที่สองเดือนธันวาคมของทุกปีห้องพักจำนวนมากจะว่าง จึงต้องขอให้ ททท.จัดกิจกรรมแคมเปญกระตุ้นนักท่องเที่ยวช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม
โดยมีนักท่องเที่ยวที่นิยมไปเกาะหมาก ตลาดต่างประเทศ จะพักเฉลี่ย 5 วัน/คน/ทริป กลุ่มหลักคือ เยอรมัน สแกนดิเนเวีย เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ส นิยมเดินทางเชื่อมโยงบินตรงเข้าเกาะช้าง จากนั้นก็แวะมาพักต่อที่เกาะหมาก ส่วนคนไทย จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ครอบครัว นิยมเดินทางมาพักผ่อนช่วงปิดเทอม วันหยุด
กิจกรรมยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนบนเกาะหมาก คือ พายเรือคะยัก และซื้อตั๋วเรือเร็วสปีดโบ๊ท ราคาเฉลี่ย 300-350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-20 นาที จากเกาะหมากไปขึ้นชมเกาะใกล้เคียง อาทิ เกาะกระดาดซึ่งมีป่าธรรมชาติ ป่ามะพร้าวเป็นที่พักอาศัยของกวางกว่า 500 ตัว และแหล่งท่องเที่ยวตามเกาะขนาดเล็ก ๆ อาทิ อ่าวนิด เกาะกระดาด เกาะขาม หมู่เกาะระยั้ง อ่าวสวนใหญ่ อ่าวไผ่/แหลมสน
ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวบนฝั่งเมื่อออกจากสนามบินจังหวัดตราด ต้องแวะ “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” ฟังกูรู “เหน่ง-รุ่งโรจน์ แสวงกาญจน์” ถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ร้อยเรียงตามยุคสมัยตั้งแต่สุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ได้อย่างสนุกสนานทำให้พิพิธภัณฑ์มีชีวิต จากนั้นก็ไปชม“วัดบุปผาราม” อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี มีทั้งพิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณ โบสถ์เก่า จิตรกรรมฝาผนัง ศาลารูปปั้นพระเจ้าตากสินแห่งเดียวที่ไม่สวมหมวกเห็นใบหน้าชัดเจน
การเดินทางท่องเที่ยวตราด ต้องห้ามพลาดสัมผัสท้องถิ่น 9 เรื่อง ได้แก่ 1.พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด แหล่งเรียนรู้เรื่องราวของทั้งเมืองอย่างสมบูรณ์แบบจากอดีตสู่ปัจจุบันเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และทรัพยากรทางธรรมชาติ 2.สุดแผ่นดินตะวันออกที่แหลมงอบ จุดชมวิวชมตะวันขึ้นและลับขอบฟ้าลงสู่ท้องทะเลสีฟ้าสดใสสุดคลาสสิก
3. มหัศจรรย์หาดทรายดำ หนึ่งเดียวในแผ่นดินไทย และ 1 ใน 5 ของโลกของป่าชายเลนติดพื้นที่ฝั่ง อุดมสมบูรณ์ด้วยทรายธรรมชาติสีดำสนิท ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวใช้บำบัดสุขภาพ พร้อม ๆ กับเดินลัดเลาะทะเลชมป่าโกงกาง 4. เหยี่ยวแดงคอขาว ปรากฏการณ์ฝูงเหยี่ยวจำนวนกว่า 500 ตัว โบยบินอยู่กลางทะเลสาบใกล้ ๆ ร้านอาหาร “ครัวพลัดถิ่น” ตำบลหนองคันทรง 5. ทะเลมรกตในหมู่เกาะทะเลตราด เลือกพักผ่อนตามเกาะยอดนิยมอย่าง เกาะช้าง เกาะขาม เกาะกูด เกาะหมาก
6. ลานตะบูนท่าระแนะ สัมผัสความมหัศจรรย์ของพื้นที่ดึกดำบรรพ์ของการล่องเรือผ่านเข้าสู่บรรยากาศ 3 ป่า ในอ้อมกอดของรากไม้ตะบูนจำนวนมากสานกันเป็นเกลียวแผ่ขยายตัวอยู่บนหน้าดินกว้างหลายไร่ 7. ล่องเรือมาดบ้านสลักคอก ความโรแมนติกที่หาได้ในชุมชนบนเกาะช้าง ได้ผสมผสานความดั้งเดิมและธรรมชาติให้กลมกลืนเข้ากับการท่องเที่ยวยุคใหม่ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือมาดแจวแบบชีล ๆ และ 8.น้ำพริกเกลือ เป็นน้ำจิ้มพื้นบ้านของชาวเล รสเด็ดมาก ทั้งจัดจ้านจี๊ดจ๊าด ใช้กินกับอาหารทะเลนึ่ง อบ เผา สด ๆ จากทะเลตราด
9.สวนผลไม้เมืองตราด เลือกชิมได้ทุกสวน โดยเฉพาะช่วงพฤษภาคมของทุกปี มีทั้งสวนให้แวะถึง 6 ชนิด ตามภูมิปัญญาพื้นบ้านผลไม้เหล่านี้ยังเป็นสมุนไพรดูแลสุขภาพด้วย ได้แก่ “ทุเรียน” สรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อ ช่วยระบบเผาผลาญและระบายท้องได้ดี “มังคุด” ช่วยบำรุงผิว สายตา แก้ท้องผูก ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง “ลองกอง” ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ใช้เป็นยาขับพยาธิ “สละ-ระกำ” เป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับเสมหะ และแก้ไอ “เงาะ” ช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปาก แก้อาการท้องร่วง ส่วน“สับปะรดสีทอง” ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี
ก่อนกลับต้องแวะ “สวนสละประโยชน์” ขนาด 80 ไร่ จำหน่ายสละสด 80 บาท/กิโลกรัม และสละแช่อิ่มกระปุกละ 25 บาท สั่งซื้อทางออนไลน์จัดส่งได้ทั่วประเทศ รวมทั้งแวะ “Check in TRAT” ของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่นำโดย “จตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล” ประธานคณะกรรมการผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดตราด (YEC ตราด) เป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นเมือง และเค้ก กาแฟ และพื้นที่ Co-Working Space แบบชิค ๆ
ปัจจุบันมีสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส บินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ตราด สุวรรณภูมิ-สนามบินตราด วันละ 3 เที่ยว ใช้เวลา 45 นาที รวมทั้งมีรถสาธารณะ รถปรับอากาศ รถตู้ ให้บริการด้วยหลายช่องทาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น