นายกฯลุงตู่ เปิดใจ ครม.สัญจรพลิกเมืองผ่านพิจิตร
ดันจุดเปลี่ยน4.0”ท่องเที่ยว-เกษตร-คน-การศึกษา”
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #ไทยแลนด์4.0
การลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันที่ 11 มิถุนายน 2561 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ มาต้อนรับกว่า 1,000 คน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปถึงจังหวัดพิจิตร โดยแวะสักการะ หลวงพ่อเพ็ชร ปางมารวิชัย วัดท่าหลวง วัดเก่าแก่กว่า 900 ปี แล้วเดินทางมายังบริเวณลานบึงสีไฟ รับฟังเด็กโรงเรียนอนุบาลพิจิตร ขับร้องเพลงสู้เพื่อแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีแต่ง จากนั้นได้รับฟังรายงานจากนายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงสี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวถึงพิจิตรมี 12 อำเภอ ในพื้นที่ประมาณ 4,531 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอาศัยอยู่ราว 540,000 คน ประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร ปลูกพืชหลัก ได้แก่ ข้าว มะม่วง ส้ม และอื่น ๆ มีแม่น้ำ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม แม่น้ำพิจิตร ส่วนบริเวณบึงสีไฟเป็นแหล่งน้ำสำคัญทางการเกษตรซึ่งทางจังหวัดได้ใช้งบประมาณประมากว่า 3,100 ล้านบาท ขุดลอกความตื้นเขินเพื่อที่จะให้เก็บกักน้ำไว้ใช้จากปัจจุบันปีละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มในอนาคตเป็น 12 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งยังมีเส้นทางจักรยาน และแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพต่อไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในขณะที่ลงพื้นที่พบประชาชน บริเวณบึงสีไฟ ว่า พิจิตรเป็นเมืองช้า ๆ ใช้ชีวิต Slow life แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ไหวเช่นกัน สิ่งที่ต้องทำคือถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยแต่ก็ต้องมีความสุข โดยหันมาร่วมมือกันพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ในการนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จัดประชุม ครม.สัญจร ก็เพื่อดูแลงานภาคเหนือตอนล่าง 4 จังหวัด โดยจะมาติดตามความคืบหน้า พร้อมปรับทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องโครงการให้ตรงกัน เพราะที่รัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงงบประมาณก็ต้องการให้สอดคล้องกันทั้งการบริหารจัดการใช้งบระดับภาคและจังหวัด ถึงจะมีตัวเลขต่างกันแต่ก็ต้องบูรณาการให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนจังหวัดพิจิตรได้ชื่อว่าเป็นเมืองเล็กน่ารัก ก็สามารถพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองแห่งความสุข ได้ พร้อมกับยกตัวอย่างเสื้อที่นายกรัฐมนตรีสวมวันนี้มีแผนที่ประเทศไทยแล้วจังหวัดพิจิตรก็อยู่ตรงใกล้หัวใจนายกฯ พอดี ดังนั้น จึงต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกัน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณการสัญจรครั้งนี้ถึงจะมีการหยิบยกประเด็นจะอนุมัติงบประมาณ 15,000 -20,000 ล้านบาท หรือไม่นั้น เป้าหมายหลักคือจะบริหารจัดการอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบายการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ โดยจะต้องสอบถามชาวบ้านด้วย แต่จะให้งบดังกล่าวได้หรือไม่ก็ต้องทำตามเสียงประชามติการเชื่อมโยงกันหลายกระทรวง เพื่อบูรณาการใช้งบประมาณอย่างแท้จริงตามแผนการใช้เงิน-คน-โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างห่วงโซ่ เพิ่มศักยภาพอาชีพซึ่งเป็นเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกันทุกคนก็ต้องรักษาสิทธิของตนเองในช่องทางที่ถูกต้อง
เรื่องสำคัญ ๆ ที่จะต้องทำคือ ทำหัวใจทุกดวง มือทุกมือ รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รัฐบาลเองก็ได้พูดย้ำ ๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะ 1.ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นแนวโน้มการปฏิบัติอุตสาหกรรมของทั้งโลกด้วยเทคโนโลยีและดิจิตอล รัฐบาลเองก็จะทำให้ประเทศไปแนวทาง “ประเทศไทย 4.0 และ Stronger together” ต้องเติบโตแข่งขันในโลกสากลที่มีความท้าทายโดยจะต้องมีการลงทุนด้วย จึงต้องผลักดันให้เกิด “ไทยนิยม” ตามมาในการจัดสรรงบประมาณหมู่บ้านละ 200,000 บาท หรืออาจจะขยายวงเงินได้มากกว่าเป็นหลักล้านบาท เพราะตอนนี้ความต้องการเรื่องแรกที่ชุมชนต้องการอันดับแรกคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับแผนพัฒนาภาคเหนือตอนล่างนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องมาดูพื้นที่จริงว่าทำนโยบายตรงกันหรือยังในเรื่องการใช้งบประมาณบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถ้ายังไม่ตรงหรือต้องการก็จะเติมงบกลางให้ แต่ไม่ได้เพื่อหาเสียง อีกอย่างการอนุมัติงบประมาณแต่ละครั้งก็มีคณะกรรมการหลายชุดพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนเรื่องหน้าที่คือทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นของคนไทยทุกคนอยู่อย่างมีความสุข เช่นเดียวกับคนในภาคเหนือตอนล่างเอง พิจิตรเป็น 1 ใน 4 กลุ่มภาคเหนือก็ต้องรวมกลุ่มกันให้แข็งแรง โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งที่มีศักยภาพดีอยู่แล้วอย่าง การเกษตร การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ หล่อเลี้ยงคนในพื้นที่ ส่วนวิธีการดำรงชีวิตตามครรลองประชาธิปไตยก็ต้องมีกฎหมายกำกับดูแลพอสมควร แต่ไม่ใช่การต่อต้านกันจนทำงานไม่ได้
พลเอกประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ศักยภาพของจังหวัดพิจิตร เรื่องการท่องเที่ยวก็มีบึงสีไฟซึ่งมีพื้นที่กว่า 5,300 ไร่ ขณะนี้ลงทุนพัฒนาขุดลอกโดยใช้งบไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อดูแลแหล่งน้ำต้นทุนที่สำคัญให้เป็นแก้มลิงหล่อเลี้ยงพื้นที่โดยรอบในระยะยาว ครอบคลุม 1.การเกษตร ซึ่งมีผลผลิตหลากหลายทั้งพืชอาหาร พืชพลังงาน คนพื้นที่ควรคิดปลูกพืชหลาย ๆ อย่างผสมผสาน หรือจะเพิ่มพื้นที่ปศุสัตว์ด้วยก็ได้ อีกทั้งยังต้องเตรียมมาตรลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การรับมือกับผู้บริโภคในตลาดโลก หันมาเพิ่มการทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยการปรับพื้นที่เพาะปลูก สร้างความสมดุล เพราะทุกวันนี้ต่างชาติซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเน้นเรื่องการตรวจแหล่งที่มาของสินค้า จะต้องปลูกในพื้นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ลดละเลิกการใช้สารเคมีหันมาผลิตเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
2.เตรียมรับมือกับการขาดแคลนแรงงานระดับล่าง ตัวอย่างการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันออก (EEC) นักลงทุนจึงหันไปนำหุ่นยนตร์หรือนวัตกรรม AI เข้ามาแทนที่แรงงานมากขึ้น
3.การศึกษา ชาวพิจิตรเองก็ต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนควบคู่กันไป โดยจะต้องดูเป้าหมายของตลาดการจ้างงานต้องการผู้จบการศึกษาทางด้านไหนเข้าทำงานบ้าง แล้วส่งเสริมลูกหลานเรียนให้สอดคล้องกับผู้จ้าง
4.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด คุณแม่วัยใส และคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น ต้องดูแลให้มีคุณภาพและคำนึงถึงการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องมีคุณธรรม ตามเป้าหมายของจังหวัดพิจิตรที่ตั้งเป้าเป็นจังหวัดคุณธรรม นำร่องเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 แรกของประเทศ
5.การพัฒนาพื้นที่เชื่อมโยง (connectivity) ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าจัดทำโครงการรถไฟรางคู่ผ่านพิจิตรไปสู่ภาคเหนือเชียงใหม่
ทั้งนี้รัฐบาลหวังมุ่งมั่นทำให้พิจิตรและประเทศไทย เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศอยู่ดีกินดีมีความสุข ขณะเดียวกันแต่ละพื้นที่จะต้องมีการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ลำพังตั้งหน้าตั้งตาแก้ปัญหาอย่างเดียวคงไม่พออย่างแน่นอน
ดันจุดเปลี่ยน4.0”ท่องเที่ยว-เกษตร-คน-การศึกษา”
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #ไทยแลนด์4.0
การลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันที่ 11 มิถุนายน 2561 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ มาต้อนรับกว่า 1,000 คน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปถึงจังหวัดพิจิตร โดยแวะสักการะ หลวงพ่อเพ็ชร ปางมารวิชัย วัดท่าหลวง วัดเก่าแก่กว่า 900 ปี แล้วเดินทางมายังบริเวณลานบึงสีไฟ รับฟังเด็กโรงเรียนอนุบาลพิจิตร ขับร้องเพลงสู้เพื่อแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีแต่ง จากนั้นได้รับฟังรายงานจากนายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงสี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวถึงพิจิตรมี 12 อำเภอ ในพื้นที่ประมาณ 4,531 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอาศัยอยู่ราว 540,000 คน ประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร ปลูกพืชหลัก ได้แก่ ข้าว มะม่วง ส้ม และอื่น ๆ มีแม่น้ำ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม แม่น้ำพิจิตร ส่วนบริเวณบึงสีไฟเป็นแหล่งน้ำสำคัญทางการเกษตรซึ่งทางจังหวัดได้ใช้งบประมาณประมากว่า 3,100 ล้านบาท ขุดลอกความตื้นเขินเพื่อที่จะให้เก็บกักน้ำไว้ใช้จากปัจจุบันปีละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มในอนาคตเป็น 12 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งยังมีเส้นทางจักรยาน และแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพต่อไป
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในขณะที่ลงพื้นที่พบประชาชน บริเวณบึงสีไฟ ว่า พิจิตรเป็นเมืองช้า ๆ ใช้ชีวิต Slow life แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ไหวเช่นกัน สิ่งที่ต้องทำคือถึงแม้จะเป็นจังหวัดที่มีรายได้น้อยแต่ก็ต้องมีความสุข โดยหันมาร่วมมือกันพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ในการนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จัดประชุม ครม.สัญจร ก็เพื่อดูแลงานภาคเหนือตอนล่าง 4 จังหวัด โดยจะมาติดตามความคืบหน้า พร้อมปรับทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องโครงการให้ตรงกัน เพราะที่รัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงงบประมาณก็ต้องการให้สอดคล้องกันทั้งการบริหารจัดการใช้งบระดับภาคและจังหวัด ถึงจะมีตัวเลขต่างกันแต่ก็ต้องบูรณาการให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนจังหวัดพิจิตรได้ชื่อว่าเป็นเมืองเล็กน่ารัก ก็สามารถพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองแห่งความสุข ได้ พร้อมกับยกตัวอย่างเสื้อที่นายกรัฐมนตรีสวมวันนี้มีแผนที่ประเทศไทยแล้วจังหวัดพิจิตรก็อยู่ตรงใกล้หัวใจนายกฯ พอดี ดังนั้น จึงต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกัน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณการสัญจรครั้งนี้ถึงจะมีการหยิบยกประเด็นจะอนุมัติงบประมาณ 15,000 -20,000 ล้านบาท หรือไม่นั้น เป้าหมายหลักคือจะบริหารจัดการอย่างไรให้เป็นไปตามนโยบายการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ โดยจะต้องสอบถามชาวบ้านด้วย แต่จะให้งบดังกล่าวได้หรือไม่ก็ต้องทำตามเสียงประชามติการเชื่อมโยงกันหลายกระทรวง เพื่อบูรณาการใช้งบประมาณอย่างแท้จริงตามแผนการใช้เงิน-คน-โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างห่วงโซ่ เพิ่มศักยภาพอาชีพซึ่งเป็นเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกันทุกคนก็ต้องรักษาสิทธิของตนเองในช่องทางที่ถูกต้อง
เรื่องสำคัญ ๆ ที่จะต้องทำคือ ทำหัวใจทุกดวง มือทุกมือ รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รัฐบาลเองก็ได้พูดย้ำ ๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะ 1.ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นแนวโน้มการปฏิบัติอุตสาหกรรมของทั้งโลกด้วยเทคโนโลยีและดิจิตอล รัฐบาลเองก็จะทำให้ประเทศไปแนวทาง “ประเทศไทย 4.0 และ Stronger together” ต้องเติบโตแข่งขันในโลกสากลที่มีความท้าทายโดยจะต้องมีการลงทุนด้วย จึงต้องผลักดันให้เกิด “ไทยนิยม” ตามมาในการจัดสรรงบประมาณหมู่บ้านละ 200,000 บาท หรืออาจจะขยายวงเงินได้มากกว่าเป็นหลักล้านบาท เพราะตอนนี้ความต้องการเรื่องแรกที่ชุมชนต้องการอันดับแรกคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับแผนพัฒนาภาคเหนือตอนล่างนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องมาดูพื้นที่จริงว่าทำนโยบายตรงกันหรือยังในเรื่องการใช้งบประมาณบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถ้ายังไม่ตรงหรือต้องการก็จะเติมงบกลางให้ แต่ไม่ได้เพื่อหาเสียง อีกอย่างการอนุมัติงบประมาณแต่ละครั้งก็มีคณะกรรมการหลายชุดพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนเรื่องหน้าที่คือทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นของคนไทยทุกคนอยู่อย่างมีความสุข เช่นเดียวกับคนในภาคเหนือตอนล่างเอง พิจิตรเป็น 1 ใน 4 กลุ่มภาคเหนือก็ต้องรวมกลุ่มกันให้แข็งแรง โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งที่มีศักยภาพดีอยู่แล้วอย่าง การเกษตร การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ หล่อเลี้ยงคนในพื้นที่ ส่วนวิธีการดำรงชีวิตตามครรลองประชาธิปไตยก็ต้องมีกฎหมายกำกับดูแลพอสมควร แต่ไม่ใช่การต่อต้านกันจนทำงานไม่ได้
พลเอกประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ศักยภาพของจังหวัดพิจิตร เรื่องการท่องเที่ยวก็มีบึงสีไฟซึ่งมีพื้นที่กว่า 5,300 ไร่ ขณะนี้ลงทุนพัฒนาขุดลอกโดยใช้งบไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อดูแลแหล่งน้ำต้นทุนที่สำคัญให้เป็นแก้มลิงหล่อเลี้ยงพื้นที่โดยรอบในระยะยาว ครอบคลุม 1.การเกษตร ซึ่งมีผลผลิตหลากหลายทั้งพืชอาหาร พืชพลังงาน คนพื้นที่ควรคิดปลูกพืชหลาย ๆ อย่างผสมผสาน หรือจะเพิ่มพื้นที่ปศุสัตว์ด้วยก็ได้ อีกทั้งยังต้องเตรียมมาตรลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การรับมือกับผู้บริโภคในตลาดโลก หันมาเพิ่มการทำเกษตรอินทรีย์ ด้วยการปรับพื้นที่เพาะปลูก สร้างความสมดุล เพราะทุกวันนี้ต่างชาติซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเน้นเรื่องการตรวจแหล่งที่มาของสินค้า จะต้องปลูกในพื้นที่ถูกต้องตามกฎหมาย ลดละเลิกการใช้สารเคมีหันมาผลิตเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
2.เตรียมรับมือกับการขาดแคลนแรงงานระดับล่าง ตัวอย่างการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันออก (EEC) นักลงทุนจึงหันไปนำหุ่นยนตร์หรือนวัตกรรม AI เข้ามาแทนที่แรงงานมากขึ้น
3.การศึกษา ชาวพิจิตรเองก็ต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนควบคู่กันไป โดยจะต้องดูเป้าหมายของตลาดการจ้างงานต้องการผู้จบการศึกษาทางด้านไหนเข้าทำงานบ้าง แล้วส่งเสริมลูกหลานเรียนให้สอดคล้องกับผู้จ้าง
4.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด คุณแม่วัยใส และคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น ต้องดูแลให้มีคุณภาพและคำนึงถึงการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องมีคุณธรรม ตามเป้าหมายของจังหวัดพิจิตรที่ตั้งเป้าเป็นจังหวัดคุณธรรม นำร่องเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 แรกของประเทศ
5.การพัฒนาพื้นที่เชื่อมโยง (connectivity) ด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าจัดทำโครงการรถไฟรางคู่ผ่านพิจิตรไปสู่ภาคเหนือเชียงใหม่
ทั้งนี้รัฐบาลหวังมุ่งมั่นทำให้พิจิตรและประเทศไทย เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศอยู่ดีกินดีมีความสุข ขณะเดียวกันแต่ละพื้นที่จะต้องมีการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ลำพังตั้งหน้าตั้งตาแก้ปัญหาอย่างเดียวคงไม่พออย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น