ททท.นำไทยโกยความสำเร็จ TTM+2018
ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์รุกใหญ่5โปรเจ็กต์ท่องเที่ยว
“คิงเพาเวอร์”เปิดขายของที่ระลึกบอลโลก
ททท.ต่อยอดเที่ยวเมืองรองEECหลังTTM
บางจากช่วยเกษตรซื้อสับปะรดขายในปั๊ม
ทอท.เท200ล้านลดแออัดดอนเมืองปี’62
ชวนเที่ยวเมืองภูเขากินได้ลับแลอุตรดิตถ์
จำกัดความหิวก่อนนอนได้ด้วยวิธีง่ายสุด
เร่งอุตฯบินผลิตคนรับผู้โดยสาร200ล้าน
การบินไทยลุยเปิดปูซานโกยตลาดเกาหลี
ไทยแอร์อัดโปรส.ค.บินเพิ่มใหม่2เส้นทาง
รมว.วีระศักดิ์รุกไทยแลนด์ริเวียร่า5 แนว
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เกาะติดสนามกับการสัมภาษณ์พิเศษ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้นำดูแลการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM +) 2018 ที่เพิ่งปิดฉากลงโดยผู้ประกอบการกลุ่มผู้ซื้อการท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้การตอบรับเรื่องธุรกิจของประเทศไทยเป็นอย่างดี เปิดทางให้ ททท.สามารถเดินหน้าต่อยอดได้อีกไม่ต่ำกว่า 4 โปรเจ็กต์ใหม่
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน TTM +2018 เป็นการจัดงานครั้งที่ 17 ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ ประสบความสำเร็จสูงมาก ประเมินจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 700 ราย แบ่งเป็นกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวจากทั่วโลก 292 ราย ผู้ขายในไทย 363 หน่วยงาน สื่อมวลชนนานาชาติอีกกว่า 120 คน ได้รับการชื่นชมจากผู้ซื้อและผู้ขาย โดยได้ใช้เวทีงานนี้ขยายจุดขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองรองรอบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) สร้างภาพลักษณ์มุมใหม่ทั้งในพัทยาและจังหวัดโดยรอบอย่าง ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี บรรจุการพัฒนาการท่องเที่ยวไว้ตั้งแต่แรกให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจและการพักผ่อน ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวผสมผสานเข้าไป ด้วยวิธีโปรโมตเมืองรองตามนโยบายรัฐบาลนำอาหารถิ่นภาคตะวันออกมาสร้างความสนใจแก่ผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ TTM +2018 ตลอดงาน สร้างความประทับใจกับทุกคน เรื่อยไปจนถึงการตอกย้ำพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นใหม่ ๆ เรื่องความโรแมนซ์เป็นการจุดประกายขายตลาดไฮเอนด์ต่อไป
ส่วนการสร้างจุดขายให้เข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียก็ได้ใช้ธีมงานภายใต้ชื่อ Amazing Gateway to the Greated Mekhong Sub Region ทำให้ไทยเป็นประตูสู่อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง ปูพรมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลซึ่งกำลังจะประกาศยุทธศาสตร์ในประเด็นเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยการใช้ยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะไทยกับอาเซียน และลุ่มแม่น้ำโขง ดังนั้นงาน TTM+ 2018 ที่จัดครั้งนี้ ททท.จึงเปิดให้ผู้ประกอบการไทย อาเซียน เอเชีย แสดงให้เห็นศักยภาพในสายตาผู้ซื้อจากทั่วโลกซึ่งมีสื่อมวลชนแถวหน้ากว่า 120 คน มาจากทวีปไกล ในยุโรป อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย จะกลับไปช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ททท.ได้นำร่องโปรโมตการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวสายโรแมนติก ทั้งในเมืองรอง จันทบุรี ตราด และบางพื้นที่ข้ามไปทางฝั่งเกาะสมุยด้วย จะนำผู้ประกอบการลงพื้นที่สำรวจซึ่งกระแสตอบจากผู้ซื้อดีมาก
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ TTM +2018 จะนำ ททท.ทำอีก 5 โปรเจ็กต์ใหม่ ประกอบด้วย โครงการที่ 1เปิดปฎิญญาความสะอาดแห่งชาติ (คสช.) ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 3 ปี เลือกภาคีพันธมิตร พื้นที่นำร่อง กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว ขั้นแรกหน่วยงานที่สามารถนำร่องทำร่วมกันได้ทันที เช่น บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. การบินไทย บริษัทผู้นำการจัดการขยะ
โครงการที่ 2 จัดทำกิจกรรม "ละโลกเลอะ" นำร่องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร ขยายไปสู่เครือข่ายอื่น ๆ เพื่อทำต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเป็นองค์การดีเด่นด้านผู้นำ CSR
ภายในปี 2562 จะทำเป็นการท่องเที่ยวปลุกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนภายใต้ 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.ลดปริมาณขยะพลาสติก เนื่องจากปริมาณเม็ดเงินที่ต้องสูญเสียไปกับการผลิตขยะพลาสติกตามสถิติของกรมควบคุมมลพิษ เช่นขวดพลาสติกมีมากถึง 48,000 ล้านบาท 2.ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ 3 R คือ Reduce-ลดปริมาณการใช้สิ่งที่ไม่จำเป็นลงเพราะจะก่อให้เกิดขยะ Reuse-ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากสุด Recycle- เลือกใช้ทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 3.ททท.จะสร้างLess Waste Traveller : LWT นักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ใส่ใจต่อการอนุรักษ์ดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างขยะ
เบื้องต้นกำลังมองวางแผนรณรงค์การนักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ที่พกติดตัว 3 อาวุธการเดินทาง คือ 1.พกถุงผ้า 2.แก้วเติมน้ำดื่ม 3.ผลิตภัณฑ์ Reuse
ทั้งนี้ ททท.ได้นำร่องปลุกจิตสำนึกเต็มรูปแบบในงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 เป็นปีแรกที่ไม่แจกขวดน้ำพลาสติกแต่ให้ใช้แก้วเติมน้ำแทน ใช้ภาชนะอาหารรียูส จากนี้ไปจะเริ่มหารือกับผู้ประกอบการโรงแรมลดการใช้พลาสติก เลิกแจกน้ำบรรจุขวดพลาสติกแต่ควรกันไปใช้ระบบถังน้ำดื่มแทน แม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้นักท่องหลายประเทศตื่นตัวกับการลดขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นแล้ว
โครงการที่ 3 เร่งขยายฐานรายได้นักท่องเที่ยวตลาดโลก ขานรับสถานการณ์ต่างชาติเที่ยวเมืองไทย (inbound) สดใสต่อเนื่องมาตลอด 6 เดือนแรก สถิติระหว่าง 1 มกราคม-11 มิถุนายน 2561 มีจำนวนรวม 17.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14 % เฉพาะจีนตลาดเดียวมีมากถึง 5.35 ล้านคน เพิ่ม 27 % ยุโรป อิาลี 6 % ฝรั่งเศส 3.96 %รัสเซีย 20 % อเมริกา 6.5 % ตลอดทั้งปีตั้งเป้าเพิ่มรายได้รวมเติบโต 12 % จากกระแสของอาเซี่ยน+เอเชียตะวันออกมาแรง จึงเตรียมเปิดสำนักงานใหม่เมืองฟูกูโอกะ ญี่ปุ่น พร้อมกับมีนโยบายให้สำนักงาน ททท.ต่างประเทศทำยอดนักท่องเที่ยวให้ได้แห่งละ 1 ล้านคนต่อปี ส่วนเรื่องรายได้ 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มรายได้เพิ่มเท่าตัวนั้นจะต้องสร้างโปรดักซ์ กิจกรรม และตัวช่วยอีกหลาย ๆ ส่วนเข้ามาเสริมทัพ
ถึงแม้ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างกลางเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม นี้ อาจได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากนักท่องเที่ยยุโรปบางประเทศลดลง แต่ก็มีตลาดอื่นเข้ามาแทนที่อย่าง ตุรกี โครเอเชีย จากการหารือกับสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) ซึ่งเป็นเอกชนนำเข้านักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยยืนยันนักท่องเที่ยวจีนจะมาไม่ต่ำกว่า 11.5 ล้านคน และภาพรวมต่างชาติทั้งหมดกว่า 37.5 ล้านคน
โครงการที่ 4 จะใช้งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 มาจัดทำ "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 55 เมืองรอง" ขึ้นในช่วงเดือนกันยายน นี้ กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง ขายแพกเกจเที่ยวลดหย่อนภาษีได้ ทั้งที่พักและโฮมสเตย์ ช่วยกระจายรายได้ส่งเสริมโอท็อป จากนั้นช่วงพฤศจิกายนลุยจัดเทศกาลลอยกระทง ด้วยงาน OTOP Tourism 2018 เพราะผลจากการจัดเก็บตัวเลข 55 เมืองรอง ปัจจุบันคนไทยยังนิยมเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุด เพิ่มขึ้น 20 % แต่ ททท.ต้องทำกิจกรรมเชิงรุกเพื่อเพิ่มการกระจายตัวและรายได้สู่ท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด
โครงการที่ 5 ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการท่องเที่ยว 5 เรื่อง ที่กำหนดไว้แผนแม่บท 20 ปีหน้า ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพสินค้า บริการและความยั่งยืน 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว ที่สอดรับกับแผนลงทุนของกระทรวงคมนาคม 3.ยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรมนุษย์ 4.ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดและเสริมสร้างภาพลักษณ์ และ5.ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและกฎหมาย นั้น
ททท.ต้องเดินหน้าเพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยง ผลักดันการขยายตัวทางธุรกิจ บูมการท่องเที่ยวทางน้ำและเรือสำราญ และอาจจะต้องถอนตัวออกจากภารกิจบางอย่างที่มีหน่วยงานอื่นทำอย่างเข้มข้นอยู่แล้วในเรื่อง Supply side หรือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เนื่องจากตอนนี้ทางกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มีงบลงทุนเข้าไปทำ หมู่บ้านท่องเที่ยวนวัตวิถีได้ครอบคลุมทั่งประเทศ และทางกระทรวงพานืชย์ประกาศทำโครงการ อุตสาหกรรมชุมชนท่องเที่ยว อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
บทบาทหน้าที่ของ ททท.ในวันนี้และอนาคตควรหันไปเล่นในเรื่องถนัดในการเพิ่มด้านตลาด (Demand side) Ffpสร้างเครื่องมือใหม่หาช่องนำโปรดักซ์ท่องเที่ยวเจาะเข้าไปให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่ม กลุ่มใหม่ ตลาดต่างประเทศและในประเทศให้ได้มากที่สุด
ล่าสุดได้ให้นโยบายสำนัก ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง ต้องมีเป้าหมายหานักท่องเที่ยวมาให้ได้สำนักงานละ 1 ล้านคนต่อปี ควบคู่กับเน้นการตลาดที่จะต้องเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่อหัวต่อทริปด้วย เนื่องจากขณะนี้ ททท.นำรายได้จากตลาดต่างประเทศเข้าเมืองไทยปี 2561 ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ส่วนความเป็นไปได้ในอีก 3-5 ปีหน้าจะขยับรายได้ประเทศเป็นปีละ 4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเท่าตัวอาจจะยากก็จริง เนื่องจากต้องดูโครงสร้างโปรดักซ์ที่จะดึงความสนใจให้นักท่องเที่ยวจ่ายเพิ่ม บวกกับขีดความสามารถทางโลจิสติกส์การบินในท่าอากาศยานนานาชาติปัจจุบันแต่ละแห่งมีปริมาณผู้ใช้บริการล้นอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่แนวทางการเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวจะเป็นเป้าหมายหลัก โดยจะไม่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตจนมากเกินไป และการขายสินค้าก็จะเพิ่มความเข้มข้นทำโปรดักซ์ลักชัวรี่ หรูหรา เพื่อขยับฐานลูกค้าจากตลาดระดับล่างสู่ระดับกลาง-บน-ไฮเอนด์ มากขึ้น
ผู้ว่าฯ ททท.ได้รวมพลังกับผู้บริหารทุกฝ่ายร่วมสร้างความสำเร็จงาน TTM+ 2018 พร้อมกับประกาศเดินหน้าอีก 5 โปรเจ็กต์ที่จะนำพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศผงาดอยู่แถวหน้าเอเชีย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิด2สาขาขายที่ระลึกฟุตบอลโลก2018”
นายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ จับมือกับทาง บริษัท เอ็นเคเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สนับสนุนการนำสินค้าที่ระลึกฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia มาวางจำหน่ายในร้านค้าสาขาหลัก ๆ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมพิเศษตลอดช่วงการแข่งขัน โดยจัดนิทรรรศการที่สาขารางน้ำ จัดแสดงของที่ระลึกนักฟุตบอลโลก เช่น รองเท้า รูปภาพต่าง ๆ ตลอดฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia ซึ่งจัดขึ้นที่รัสเซีย ระหว่างวันนี้ – 15 ก.ค. 2561
น.ส.นโม โกมารกุล ณ นคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเคเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการให้จำหน่ายสินค้าที่ระลึกฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยร่วมกับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ นำมาสคอต “ซาบิวากา” ดีไซน์เท่ๆเก๋ ๆ ซึ่งผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกมาวางขายในร้านค้าคิง เพาเวอร์ โดยติดป้ายฟ้า คนทั่วไม่มีตั๋วโดยสารเดินทางต่างประเทศหรือนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็สามารถซื้อได้ทันที โดยมีให้เลือกตามความชอบทั้ง ตุ๊กตา เสื้อ พวงกุญแจ หมวก รองเท้า โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ ในราคาเริ่มชิ้นละตั้งแต่ 40-1,200 บาท
ข่าวที่ 2 “ททท.ต่อยอดเที่ยวเมืองรองEECสู่เทรนด์ใหม่”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้สร้างประวัติศาสตร์การจัดงาน TTM +2018 เป็นครั้งแรกที่กำหนด Theme ชัดเจน คือ “Million Shades of Romance” พลิกโฉมความแปลกใหม่ให้คู่ค้าทั่วโลกจดจำภาพเมืองไทยใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่
1.สร้างภาพจำใหม่ทางการท่องเที่ยวพัทยาและเมืองรองในฝั่งทะเลตะวันออกใหม่เป็นเมืองแห่งเส้นทางท่องเที่ยวโรแมนซ์ มีสถานที่สวยงามทั้งธรรมชาติทางทะเลสีฟ้ามากมาย เหมาะกับการจัดแต่งงาน ฮันนีมูน คู่รัก 2.เปิดเวทีให้ ททท.เป็นผู้นำทัพรณรงค์การท่องเที่ยวลดขยะเป็นวาระโลก และชวนสื่อมวลชนทั่วโลกที่เข้าร่วมงานเผยแพร่แนวทางของ ททท.ด้วย
3.นำต้นแบบ TTM +2018 เป็นโมเดลจัดงานครั้งต่อไปพุ่งเป้าขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มไฮเอนด์ที่สนใจท่องเที่ยวเฉพาะหรือ Niche Market ซึ่งปัจจุบันไทยมีส่วนแบ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมากถึงปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10 % ของเป้าหมายปี 2561 ที่ตั้งไว้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท 4.เปิดจุดขายใหม่เรื่องการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) เนื่องจากการพัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์การคมนาคมขนส่งการเดินทางจากพัทยา ตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา การก่อสร้างถนนสุขุมวิทใหม่ และการเตรียมสร้างรถไฟรางคู่เป็นวงแหวนในจังหวัดแถบภาคตะวันออก ซึ่งก่อนและหลังการจัด TTM + 2018 ได้จัดทำโปรแกรมนำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนต่างประเทศลงไปตามแหล่งท่องเที่ยว โดยจะโปรโมตให้เป็นมหานครแห่งเมืองผลไม้ของประเทศ
นายธเนศวร์กล่าวว่า เตรียมทำกิจกรรมสื่อสารการตลาดในประเทศควบคู่กันไปด้วย ในเมืองรองจังหวัดจันทบุรี เตรียมบูมจุดขายใหม่ด้วยธีมคอนเซ็ปต์ “สุขทุกวันที่จันทบุรี” นำเสนอการท่องเที่ยวแบบครบวงจรทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อาหาร ผลไม้ เมืองสมถะ มีสิ่งแวดล้มและเป็นมิตรกับทุกคน ดึงดูดผู้ที่ถวิลหาเมืองแห่งที่มีภาพลักษณ์ผสมผสานการอนุรักษ์ความเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ
ข่าวที่ 3 “บางจากรับซื้อสับปะรดช่วยเกษตรพันครัวเรือน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “BCP” เปิดเผยว่าบางจากร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เข้ารับซื้อสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียทันที 200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ที่มีผลผลิตสับปะรดล้นตลาด เพื่อนำมาแปรรูปเป็นของสมนาคุณลูกค้าตามสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งได้ทำโครงการ "บางจากฯ ร่วมใจช่วยบรรเทาภาวะสับปะรดล้นตลาด" ให้แก่ผู้ปลูกสับปะรดที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก
บางจากคาดโครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้กว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางปั๊มสหกรณ์บางจากได้รับซื้อสับปะรดจากเกษตรกรกว่า 70 ตัน และนำไปเป็นของสมนาคุณลูกค้าและจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันบางจากในจังหวัดระยอง
นายชัยวัฒน์กล่าวว่าตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา บางจากร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลผลิตของเกษตรกรโดยตรงที่ประสบปัญหาเพื่อนำมาสมนาคุณให้ลูกค้าผู้ใช้น้ำมัน มีทั้งข้าว ไข่ไก่ มะนาว กระเทียม หอมแดง สับปะรด กล้วย และอื่น ๆ
ข่าวที่ 4 “ทอท.ทุ่ม200ล้านแก้ผู้โดยสารดอนเมืองแออัด”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้รับอนุมัติจากบอร์ด ทอท.ให้เร่งเดินหน้าแผนแก้ไขปัญหาความแออัดระยะสั้นท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยการใช้งบประมาณเร่งด่วนปี 2561 กว่า 200 ล้านบาท โดยจะใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถบัสระหว่างอาคารสำนักงานดอนเมืองกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาด 2 ชั้น วางผังบริเวณชั้น 2 เปิดเป็นเคาน์เตอร์เช็กอินรองรับผู้โดยสารเดินทางเป็นหมู่คณะอย่างนักท่องเที่ยวจีน ส่วนชั้นล่างจัดทำที่จอดรถบัส กำหนดทำให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการภายในเมษายน 2562
สำหรับสถิติผู้โดยสารใช้บริการ 6 สนามบินที่อยู่ในความดูแลของ ทอท.ตลอด 4 เดือนแรก ระหว่าง ม.ค.-เม.ย.2561 มีจำนวนรวม 49.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.4% แบ่งเป็น ผู้โดยสารภายในประเทศ 20.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.85% ระหว่างประเทศ 29.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.92% ส่วนสนามบินที่มีปัญหาแออัดอย่างสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 22.41 ล้านคน ดอนเมืองมี 14 ล้านคน เชียงใหม่ 3.84 ล้านคน
ดร.นิตินัยย้ำว่า ทอท.จะเร่งแก้ปัญหาความแออัดในแต่ละสนามบิน โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักสากลทุกประการ
ช่วงที่ 2 แพ็กกระเป๋าตามไป “เมืองลับแล อุตรดิตถ์” ชีวิตดี๊ดีแน่ ๆ ถ้าได้ไปเมืองห้ามพูดโกหก แถมภูเขาไฟยังกินได้ มีทั้งอาหารถิ่นหนึ่งเดียวในเมืองไทย สวนผลไม้เลื่องชื่อ ทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก วัดท่าถนน จวนผู้ว่าสวยสุดในโลกสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 ร้านขนมเทียนเสวยตำรับโบราณ และหลากหลายเรื่องเล่า ส่วนการดูแลสุขภาพ “เคล็ดลับวิธีกำจัดความหิวก่อนนอน” และสารพัดข่าวน่ารู้
@กินเที่ยวเลี้ยวแวะอุตรดิตถ์เมืองภูเขากินได้
เตรียมตัวให้พร้อมจากกรุงเทพฯ ไปพักผ่อนในเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ แหล่งพักผ่อนกลางหุบเขาในอ้อมกอดธรรมชาติแสนงดงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่นบอกกันปากต่อปากมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเมื่อได้เข้ามาเมืองแล้ว "ห้ามพูดโกหก" แถมยังได้ชื่อว่าเมือง “ภูเขากินได้” ดินดีเป็นแหล่งปลูกผลไม้ขึ้นชื่อที่จะชวนนักท่องเที่ยวบุกไปชิมถึงสวนกัน อย่าง ทุเรียนหลง-หลินลับแล ลองกอง ลางสาด เชื่อมโยงไปจนถึงการเดินชมตลาดกลางค้าผลไม้หัวดง ท่ามกลางวิถีชาวเมืองลับแล เลือกหาซื้อของฝาก ทุเรียนหลง-หลิน ลับแล ลองกอง ผ้าซิ่นตีนจก ผ้าพื้นเมือง
มาถึงเมืองลับแลแล้วนักท่องเที่ยวจะได้ใช้ชีวิตพักผ่อนช้า ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ ชมชาวบ้านทำอาชีพเสริมนอกฤดูทำสวนผลไม้ ก็จะปลูกหอม ทำข้าวแคบ-ข้าวเกรียบว่าว การทอผ้าซิ่นตีนจก การทำไม้กวาดตองกง
ภายในอำเภอลับแลเป็นแหล่งอาหารการกินร้อยเรียงไปตามเส้นทางอาหารถิ่น Eat Local เริ่มจาก ร้านของทอดป้าณี-หมี่พันป้าหว่าง ข้าวพันผักริมคลอง ข้าวแคบ ข้าวเกรียบว่าว ไอศครีมทุเรียน ร้านปักเป้าเจ้าแห่ตำราอาหารประเภทปลา หรือจะเป็นเมนูง่าย ๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวแนะนำร้านม่อนลับแล หรือ ร้านป้านาคก๋วยเตี๋ยวไก่ และแวะชิมกาแฟตามร้านเก๋ ๆ กินคู่กับ Honey Toast Durian ที่ร้านเฮือนลับแล (กาแฟเสวย)
ส่วนอาหารถิ่นในอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ต้องที่ “ร้านเรือนพี่เรือนน้อง” ที่เปิดมานานกว่า 20 ปีเจ้าของสำรับขนมจีนน้ำยาปลาตะโกกรสชาติอร่อยแห่งเดียวในเมืองไทย ปรุงตามสูตรสุขภาพอีกทั้งยังมีน้ำพริก แกงเผ็ดปลากรายใส่ถั่วพู กินกับขนมจีนเสิร์ฟพร้อมผักพื้นบ้านปลอดสารหลากชนิด
พอแดดร่มลมตก จะชวนนั่งรถรางชมแหล่งท่องเที่ยวชม วัดสำคัญ ในเขตเมืองลับแลที่ยังคงสวยงาม เช่น วัดท้องลับแล วัดดอนสัก วัดผักราก
ส่วนใน “ตัวเมืองอุตรดิตถ์” ต้องห้ามพลาด ไปขอพรที่ “อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก” แวะวัดท่าถนน สักการะหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ สมัยเชียงแสน และวัดใหญ่ท่าเสา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และเป็นสถานที่เรียนมวยของพระยาพิชัยดาบหัก ชม “จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์” หลังเก่าอายุกว่า 100 ปี สร้างตั้งแต่สมัยราชกาลที่ 5 ดื่มด่ำกับ “อาคารหอวัฒนธรรมเมืองอุตรดิตถ์” อาคารเก่าสถาปัตยกรรมโรมันเป็นแหล่งเรียนรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มี 3 วัฒนธรรม ได้แก่ ไทยกลาง ล้านนา และล้านช้าง ตั้งอยู่ใกล้ ๆ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ในวันที่ 22 สิงหาคม 2561 เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมพิธีเปิดจวนในโอกาสครบ 103 ปีที่ย้ายจากลับแลมาอยู่ในเมืองอุตรดิตถ์
อีกแห่งที่ต้องไปชมคือ “บ้านทำขนมเทียนเสวย” ของคุณชิดดวง กนกมณี ทายาทขุนนางเมืองอุตรดิตถ์ ที่ผันชีวิตมาทำขนมโบราณ พร้อมสาธิตกรรมวิธี และนำบ้านมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้
ชวนกันมาเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองที่ครบเครื่องทุกเรื่องทั้งอาหารถิ่น วิถีไทย และความแปลกใหม่แห่งเมืองสวนผลไม้ ที่คนไทยและต่างชาติกำลังแห่กันเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน
ต้องห้ามพลาด ชมชุมชนสาธิตวิธีทำขนมเทียนเสวย ชิดดวง กนกมณี ขนมไทยโบราณที่อยู่คู่เมืองอุตรดิตถ์เป็นสูตรต้นตำรับสูตรดั้งเดิมแบบโบราณอบควันเทียน ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ มีร้านอาหารอร่อย ๆ แนะนำ อาทิ ครัวชายน้ำ
@วิธีการกำจัดความหิวยามดึกทำได้ง่ายมาก
อาการหิวก่อนนอนถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งการกินอาหารก่อนนอนนอกจากจะทำให้ความตั้งใจในการลดน้ำหนักล้มเหลว ยังทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนเพราะกินแล้วนอนได้ จึงมีวิธีสุดง่ายที่สามารถช่วยได้โดยที่คุณไม่ต้องอดอาหาร ไม่เพิ่มน้ำหนัก และไม่ทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนด้วย ดังนี้
1. การแปรงฟัน พูดแบบนี้อาจจะดูแปลกๆ แต่การแปรงฟันเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณไม่อยากทานอะไรตอนกลางคืนแล้ว กลิ่นมินต์ หรือรสซ่าๆ จะทำให้คุณรู้สึกว่าปากสะอาดและไม่อยากหยิบอะไรเข้าปากอีก เพราะฉะนั้น ใครที่หิวดึกๆ แทนที่จะลุกไปเปิดตู้เย็นหาของเข้าปาก ก็เดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันก็ช่วยบรรเทาความอยากได้
2. ปิดทีวี หลายคนนั่งดูทีวีเพลินๆ มีหรือที่มือจะไม่คว้าขนมอะไรสักอย่างเข้าปาก บางคนก็ติดเป็นนิสัยไปแล้วที่ต้องกินไปนั่งดูโทรทัศน์ไป เพราะฉะนั้น วิธีที่จะหลีกเลี่ยงก็คือปิดทีวีซะ หรือเปิดทีวีไว้ก็ได้ แต่เปลี่ยนนิสัยให้เป็นการออกกำลังกายหน้าทีวีแทนที่จะนั่งไปหม่ำไอศกรีม หรือเคี้ยวมันฝรั่งทอดกรุบกรอบหน้าจอ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ปิดทีวีไปเลยดีกว่า
3. ดื่มน้ำ บางทีความหิวหรืออยากรับประทานอาหารของเราอาจเกิดจากร่างกายของเราขาดน้ำหรือเสียน้ำมากเกินไป เพราะฉะนั้นก่อนมองหาของกิน ให้ลองดื่มน้ำดูก่อน เพราะถ้าร่างกายเราขาดน้ำจริงๆ น้ำจะช่วยทำให้เราหายหิวได้ และควรเลือกดื่มน้ำเปล่า ห้ามดื่มพวกกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเด็ดขาด
เมนูเเนะนำก่อนนอน
1. น้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ที่มีขายทั่วไปในตลาดโต้รุ่ง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรเทาความหิวยามดึก นอกจากจะอุ่นท้องแล้ว ยังมีกรดอะมิโนทริปโตฟานที่ช่วยให้คุณหลับสบายอีกด้วย และคุณควรเลือกดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาลและธัญพืชอะไรเลย ระบบย่อยจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่หากคุณทานแบบจืดๆ ไม่ได้จริงๆ คุณสามารถใส่น้ำตาลได้แต่เพียงแค่ 1ช้อนชา เท่านั้น
2. ส้ม ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ บี ซี และอื่นๆ แต่ก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน เวลากินต้องกินทั้งผลเท่านั้น ไม่ควรดื่มเฉพาะน้ำส้มคั้น เพราะจะให้น้ำตาลในปริมาณเกินพอดี หากคุณกินแล้วต้องกลับไปทำงานต่อ รสเปรี้ยวของส้มจะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น
3. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง มีแคลอรี่ต่ำ โดยเฉพาะแอปเปิ้ลสีเขียว ที่มีน้ำตาลย้อยกว่าแอปเปิ้ลอื่นๆ ดังนั้นหากคุณหิวแนะนำให้เลือกทานเป็นแอปเปิ้ลเขียวจะดีที่สุด รับรองว่าอิ่มท้องแน่นอน
4. โยเกิร์ตไขมันต่ำ ย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าเป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพื่อป้องกันปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป เพราะในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ ควรจะเป็นอาหารเบาๆ ในปริมาณไม่มาก ไม่มีแป้ง และไขมันสูง จะดีที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยจ่อผลิตคนการบินรับผู้โดยสารพุ่ง200ล้านคน”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าได้ให้นโยบายสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ในฐานะผู้นำการผลิตบุคลากรด้านการบินให้ทันการเติบโตอุตสาหกรรมการบินของไทย ซึ่งในอนาคตสนามบินในกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง จะมีผู้โดยสารใช้บริการรวมกันปีละ 180-200 ล้านคน หลังจากรัฐบาลเดินหน้าขยายสนามบินอู่ตะเภา ระยะยาว 20 ปี ให้รองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 60 ล้านคนเมื่อรวมกับสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ผู้โดยสารเพิ่มต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ยืนยันไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชียแปซิฟิกอย่างแน่นอน
บุคลากรการบินที่จะต้องผลิตให้ทันต่อการเติบโต อาทิ นักบิน ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานและช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นด้วย เพื่อให้ครอบคลุมงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจร ควบคู่การยกระดับไทยเป็นศูนย์การเรียนการสอนด้านการบิน Training Center c]tศูนย์ปฏิบัติการด้านการบินที่ครบวงจร (Academy of Thailand)
นายปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการ สบพ. กล่าวว่า แต่ละปีจะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจความต้องการบุคลากรด้านการบิน โดยล่าสุดได้หารือกับบริษัท แอร์บัส บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เรื่องการก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลผลิตด้านช่างอากาศยาน ช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นเพิ่มขึ้นปีละ 250-350 คนต่อปี จากเดิมผลิตเพียงปีละ 120 คน พร้อมกับปรับมาตรฐานการเรียนการสอนให้เป็นไปตามทั้งของ ICAO และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ซึ่งเบื้องต้นทางบริษัท แอร์บัสกับการบินไทยพร้อมให้การสนับสนุนเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย
ข่าวที่สอง “การบินไทยเพิ่มปูซานสัปดาห์ละ7เที่ยว”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เดือนมิถุนายน 2561 เป็นต้นไปได้เพิ่มเที่ยวบินใหม่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปูซาน TG650 จากสัปดาห์ละ 6 เป็น 7 เที่ยว และมีเที่ยวบินบริการสู่กรุงโซล บินลงสนามบินอินชอนรวมสัปดาห์ละ 32 เที่ยว
ล่าสุด นายถิรวรรธน์ ทองเผือก ผู้จัดการทั่วไป ประจำเมืองปูซาน เกาหลี การบินไทย เป็นประธานพิธีตัดริบบิ้นเที่ยวบินไทย โดยมีเครือข่ายพันธมิตรร่วมแสดงความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ มีทั้งสายการบินเอเชียน่า ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮ
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียเพิ่ม2จุดบินใหม่ส.ค.นี้"
แอร์เอเชียจะเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ทางภาคเหนือและย่างกุ้งพม่า โดยจะให้บริการเส้นทางสามครั้งตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เนื่องจากเชียงใหม่เป็นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย ปัจจุบันมีสายการบินแอร์บัส A320 จำนวน 6 ลำซึ่งมีให้บริการ 13 เส้นทางทั้งในและต่างประเทศ
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าเดือนสิงหาคม 2561 เตรียมเพิ่มบริการ 2 เส้นทางบินใหม่ 1.เชียงใหม่-ย่างกุ้ง (เมียนมา) สัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เริ่ม 11 สิงหาคม โดยจะใช้เครื่องบินแอร์บัส A 320 เพิ่มจำนวนนักนักท่องเที่ยวจากไทยและเมียนมา โดยเฉพาะย่างกุ้งเป็นเมืองหลวงเก่ามีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ส่วนเชียงใหม่เป็นฐานการบินภาคเหนือที่แข็งแกร่งซึ่งแอร์เอเชียสามารถเชื่อมเที่ยวบินต่อได้ทั่วประเทศ 8 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น และอู่ตะเภา
เส้นทางที่ 2 จะเพิ่มความถี่เส้นทางบิน กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู มาเลเซีย สัปดาห์ละ 3 เที่ยว เริ่ม 16 สิงหาคม 2561 ระหว่างนี้จัดโปรโมชั่นพิเศษตั๋วเริ่มต้นเที่ยวละ 1,190 บาท ต่อเที่ยว จองภายใน 17 มิถุนายน นี้ นำไปใช้เริ่ม 16 ส.ค. 2561-13 ส.ค. 2562 จองได้ที่ www.airasia.com
ข่าวที่สี่ “รมว.วีระศักดิ์รุกไทยแลนด์ริเวียร่า5แนว”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่หัวหินเพื่อหารือกับภาครัฐ เอกชน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเดินหน้าพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก (Thailand Rivera) 4 จังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง โดยเสนอให้ขับเคลื่อน 5 แนวหลัก คือ 1.แนวเขาตะนาวศรี 2.แนวถนนเพชรเกษม 3.แนวทางรถไฟ 4.แนวชายทะเล 5.แนวประมงชายฝั่งและขยายแนวขวางเชื่อมโยงระหว่างชายฝั่งทะเลกับเทือกเขาตะนาวศรี
เพื่อเน้นการใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งเรื่องการพัฒนาสาธารณูปโภคจัดหาพื้นที่ทำแหล่งน้ำจืดเพื่อลดความขัดแย้งแย่งชิงน้ำระหว่างภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยว การตัดเชื่อมการพัฒนาถนนชมวิวสวย ช่วยลดความแออัดจากถนนเพชรเกษม การพัฒนาปรับปรุงชานชาลาสถานีรถไฟหัวหินให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัย พัฒนาการตลาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ซึ่งจะเป็นจุดขายสำคัญในอนาคตของไทยในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้โครงการใหม่ ไทยแลนด์ ริเวียร่า ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ติดตามฟังรายการได้ตลอดเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM97.0 MHz.
ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์รุกใหญ่5โปรเจ็กต์ท่องเที่ยว
“คิงเพาเวอร์”เปิดขายของที่ระลึกบอลโลก
ททท.ต่อยอดเที่ยวเมืองรองEECหลังTTM
บางจากช่วยเกษตรซื้อสับปะรดขายในปั๊ม
ทอท.เท200ล้านลดแออัดดอนเมืองปี’62
ชวนเที่ยวเมืองภูเขากินได้ลับแลอุตรดิตถ์
จำกัดความหิวก่อนนอนได้ด้วยวิธีง่ายสุด
เร่งอุตฯบินผลิตคนรับผู้โดยสาร200ล้าน
การบินไทยลุยเปิดปูซานโกยตลาดเกาหลี
ไทยแอร์อัดโปรส.ค.บินเพิ่มใหม่2เส้นทาง
รมว.วีระศักดิ์รุกไทยแลนด์ริเวียร่า5 แนว
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เกาะติดสนามกับการสัมภาษณ์พิเศษ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้นำดูแลการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM +) 2018 ที่เพิ่งปิดฉากลงโดยผู้ประกอบการกลุ่มผู้ซื้อการท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้การตอบรับเรื่องธุรกิจของประเทศไทยเป็นอย่างดี เปิดทางให้ ททท.สามารถเดินหน้าต่อยอดได้อีกไม่ต่ำกว่า 4 โปรเจ็กต์ใหม่
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดงาน TTM +2018 เป็นการจัดงานครั้งที่ 17 ที่โอเชียน มารีน่า ยอร์ช คลับ ประสบความสำเร็จสูงมาก ประเมินจากผู้เข้าร่วมงานกว่า 700 ราย แบ่งเป็นกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวจากทั่วโลก 292 ราย ผู้ขายในไทย 363 หน่วยงาน สื่อมวลชนนานาชาติอีกกว่า 120 คน ได้รับการชื่นชมจากผู้ซื้อและผู้ขาย โดยได้ใช้เวทีงานนี้ขยายจุดขายท่องเที่ยวเชื่อมโยงเมืองรองรอบระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) สร้างภาพลักษณ์มุมใหม่ทั้งในพัทยาและจังหวัดโดยรอบอย่าง ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี บรรจุการพัฒนาการท่องเที่ยวไว้ตั้งแต่แรกให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจและการพักผ่อน ซึ่งได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวผสมผสานเข้าไป ด้วยวิธีโปรโมตเมืองรองตามนโยบายรัฐบาลนำอาหารถิ่นภาคตะวันออกมาสร้างความสนใจแก่ผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ TTM +2018 ตลอดงาน สร้างความประทับใจกับทุกคน เรื่อยไปจนถึงการตอกย้ำพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นใหม่ ๆ เรื่องความโรแมนซ์เป็นการจุดประกายขายตลาดไฮเอนด์ต่อไป
ส่วนการสร้างจุดขายให้เข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียก็ได้ใช้ธีมงานภายใต้ชื่อ Amazing Gateway to the Greated Mekhong Sub Region ทำให้ไทยเป็นประตูสู่อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง ปูพรมให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลซึ่งกำลังจะประกาศยุทธศาสตร์ในประเด็นเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านโดยการใช้ยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะไทยกับอาเซียน และลุ่มแม่น้ำโขง ดังนั้นงาน TTM+ 2018 ที่จัดครั้งนี้ ททท.จึงเปิดให้ผู้ประกอบการไทย อาเซียน เอเชีย แสดงให้เห็นศักยภาพในสายตาผู้ซื้อจากทั่วโลกซึ่งมีสื่อมวลชนแถวหน้ากว่า 120 คน มาจากทวีปไกล ในยุโรป อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย จะกลับไปช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ททท.ได้นำร่องโปรโมตการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวสายโรแมนติก ทั้งในเมืองรอง จันทบุรี ตราด และบางพื้นที่ข้ามไปทางฝั่งเกาะสมุยด้วย จะนำผู้ประกอบการลงพื้นที่สำรวจซึ่งกระแสตอบจากผู้ซื้อดีมาก
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ TTM +2018 จะนำ ททท.ทำอีก 5 โปรเจ็กต์ใหม่ ประกอบด้วย โครงการที่ 1เปิดปฎิญญาความสะอาดแห่งชาติ (คสช.) ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 3 ปี เลือกภาคีพันธมิตร พื้นที่นำร่อง กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว ขั้นแรกหน่วยงานที่สามารถนำร่องทำร่วมกันได้ทันที เช่น บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. การบินไทย บริษัทผู้นำการจัดการขยะ
โครงการที่ 2 จัดทำกิจกรรม "ละโลกเลอะ" นำร่องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร ขยายไปสู่เครือข่ายอื่น ๆ เพื่อทำต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเป็นองค์การดีเด่นด้านผู้นำ CSR
ภายในปี 2562 จะทำเป็นการท่องเที่ยวปลุกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนภายใต้ 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.ลดปริมาณขยะพลาสติก เนื่องจากปริมาณเม็ดเงินที่ต้องสูญเสียไปกับการผลิตขยะพลาสติกตามสถิติของกรมควบคุมมลพิษ เช่นขวดพลาสติกมีมากถึง 48,000 ล้านบาท 2.ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ 3 R คือ Reduce-ลดปริมาณการใช้สิ่งที่ไม่จำเป็นลงเพราะจะก่อให้เกิดขยะ Reuse-ใช้สิ่งที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากสุด Recycle- เลือกใช้ทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 3.ททท.จะสร้างLess Waste Traveller : LWT นักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ใส่ใจต่อการอนุรักษ์ดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างขยะ
เบื้องต้นกำลังมองวางแผนรณรงค์การนักท่องเที่ยวพันธุ์ใหม่ที่พกติดตัว 3 อาวุธการเดินทาง คือ 1.พกถุงผ้า 2.แก้วเติมน้ำดื่ม 3.ผลิตภัณฑ์ Reuse
ทั้งนี้ ททท.ได้นำร่องปลุกจิตสำนึกเต็มรูปแบบในงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 เป็นปีแรกที่ไม่แจกขวดน้ำพลาสติกแต่ให้ใช้แก้วเติมน้ำแทน ใช้ภาชนะอาหารรียูส จากนี้ไปจะเริ่มหารือกับผู้ประกอบการโรงแรมลดการใช้พลาสติก เลิกแจกน้ำบรรจุขวดพลาสติกแต่ควรกันไปใช้ระบบถังน้ำดื่มแทน แม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้นักท่องหลายประเทศตื่นตัวกับการลดขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นแล้ว
โครงการที่ 3 เร่งขยายฐานรายได้นักท่องเที่ยวตลาดโลก ขานรับสถานการณ์ต่างชาติเที่ยวเมืองไทย (inbound) สดใสต่อเนื่องมาตลอด 6 เดือนแรก สถิติระหว่าง 1 มกราคม-11 มิถุนายน 2561 มีจำนวนรวม 17.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14 % เฉพาะจีนตลาดเดียวมีมากถึง 5.35 ล้านคน เพิ่ม 27 % ยุโรป อิาลี 6 % ฝรั่งเศส 3.96 %รัสเซีย 20 % อเมริกา 6.5 % ตลอดทั้งปีตั้งเป้าเพิ่มรายได้รวมเติบโต 12 % จากกระแสของอาเซี่ยน+เอเชียตะวันออกมาแรง จึงเตรียมเปิดสำนักงานใหม่เมืองฟูกูโอกะ ญี่ปุ่น พร้อมกับมีนโยบายให้สำนักงาน ททท.ต่างประเทศทำยอดนักท่องเที่ยวให้ได้แห่งละ 1 ล้านคนต่อปี ส่วนเรื่องรายได้ 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มรายได้เพิ่มเท่าตัวนั้นจะต้องสร้างโปรดักซ์ กิจกรรม และตัวช่วยอีกหลาย ๆ ส่วนเข้ามาเสริมทัพ
ถึงแม้ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างกลางเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม นี้ อาจได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากนักท่องเที่ยยุโรปบางประเทศลดลง แต่ก็มีตลาดอื่นเข้ามาแทนที่อย่าง ตุรกี โครเอเชีย จากการหารือกับสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) ซึ่งเป็นเอกชนนำเข้านักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยยืนยันนักท่องเที่ยวจีนจะมาไม่ต่ำกว่า 11.5 ล้านคน และภาพรวมต่างชาติทั้งหมดกว่า 37.5 ล้านคน
โครงการที่ 4 จะใช้งบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 มาจัดทำ "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 55 เมืองรอง" ขึ้นในช่วงเดือนกันยายน นี้ กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง ขายแพกเกจเที่ยวลดหย่อนภาษีได้ ทั้งที่พักและโฮมสเตย์ ช่วยกระจายรายได้ส่งเสริมโอท็อป จากนั้นช่วงพฤศจิกายนลุยจัดเทศกาลลอยกระทง ด้วยงาน OTOP Tourism 2018 เพราะผลจากการจัดเก็บตัวเลข 55 เมืองรอง ปัจจุบันคนไทยยังนิยมเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุด เพิ่มขึ้น 20 % แต่ ททท.ต้องทำกิจกรรมเชิงรุกเพื่อเพิ่มการกระจายตัวและรายได้สู่ท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด
โครงการที่ 5 ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการท่องเที่ยว 5 เรื่อง ที่กำหนดไว้แผนแม่บท 20 ปีหน้า ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพสินค้า บริการและความยั่งยืน 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยว ที่สอดรับกับแผนลงทุนของกระทรวงคมนาคม 3.ยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรมนุษย์ 4.ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดและเสริมสร้างภาพลักษณ์ และ5.ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและกฎหมาย นั้น
ททท.ต้องเดินหน้าเพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชื่อมโยง ผลักดันการขยายตัวทางธุรกิจ บูมการท่องเที่ยวทางน้ำและเรือสำราญ และอาจจะต้องถอนตัวออกจากภารกิจบางอย่างที่มีหน่วยงานอื่นทำอย่างเข้มข้นอยู่แล้วในเรื่อง Supply side หรือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เนื่องจากตอนนี้ทางกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มีงบลงทุนเข้าไปทำ หมู่บ้านท่องเที่ยวนวัตวิถีได้ครอบคลุมทั่งประเทศ และทางกระทรวงพานืชย์ประกาศทำโครงการ อุตสาหกรรมชุมชนท่องเที่ยว อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
บทบาทหน้าที่ของ ททท.ในวันนี้และอนาคตควรหันไปเล่นในเรื่องถนัดในการเพิ่มด้านตลาด (Demand side) Ffpสร้างเครื่องมือใหม่หาช่องนำโปรดักซ์ท่องเที่ยวเจาะเข้าไปให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่ม กลุ่มใหม่ ตลาดต่างประเทศและในประเทศให้ได้มากที่สุด
ล่าสุดได้ให้นโยบายสำนัก ททท.ทั่วโลก 29 แห่ง ต้องมีเป้าหมายหานักท่องเที่ยวมาให้ได้สำนักงานละ 1 ล้านคนต่อปี ควบคู่กับเน้นการตลาดที่จะต้องเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่อหัวต่อทริปด้วย เนื่องจากขณะนี้ ททท.นำรายได้จากตลาดต่างประเทศเข้าเมืองไทยปี 2561 ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ส่วนความเป็นไปได้ในอีก 3-5 ปีหน้าจะขยับรายได้ประเทศเป็นปีละ 4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเท่าตัวอาจจะยากก็จริง เนื่องจากต้องดูโครงสร้างโปรดักซ์ที่จะดึงความสนใจให้นักท่องเที่ยวจ่ายเพิ่ม บวกกับขีดความสามารถทางโลจิสติกส์การบินในท่าอากาศยานนานาชาติปัจจุบันแต่ละแห่งมีปริมาณผู้ใช้บริการล้นอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่แนวทางการเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวจะเป็นเป้าหมายหลัก โดยจะไม่เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตจนมากเกินไป และการขายสินค้าก็จะเพิ่มความเข้มข้นทำโปรดักซ์ลักชัวรี่ หรูหรา เพื่อขยับฐานลูกค้าจากตลาดระดับล่างสู่ระดับกลาง-บน-ไฮเอนด์ มากขึ้น
ผู้ว่าฯ ททท.ได้รวมพลังกับผู้บริหารทุกฝ่ายร่วมสร้างความสำเร็จงาน TTM+ 2018 พร้อมกับประกาศเดินหน้าอีก 5 โปรเจ็กต์ที่จะนำพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศผงาดอยู่แถวหน้าเอเชีย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิด2สาขาขายที่ระลึกฟุตบอลโลก2018”
นายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ จับมือกับทาง บริษัท เอ็นเคเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สนับสนุนการนำสินค้าที่ระลึกฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia มาวางจำหน่ายในร้านค้าสาขาหลัก ๆ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมพิเศษตลอดช่วงการแข่งขัน โดยจัดนิทรรรศการที่สาขารางน้ำ จัดแสดงของที่ระลึกนักฟุตบอลโลก เช่น รองเท้า รูปภาพต่าง ๆ ตลอดฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia ซึ่งจัดขึ้นที่รัสเซีย ระหว่างวันนี้ – 15 ก.ค. 2561
น.ส.นโม โกมารกุล ณ นคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเคเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการให้จำหน่ายสินค้าที่ระลึกฟุตบอลโลก 2018 FIFA World Cup Russia อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยร่วมกับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ นำมาสคอต “ซาบิวากา” ดีไซน์เท่ๆเก๋ ๆ ซึ่งผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกมาวางขายในร้านค้าคิง เพาเวอร์ โดยติดป้ายฟ้า คนทั่วไม่มีตั๋วโดยสารเดินทางต่างประเทศหรือนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็สามารถซื้อได้ทันที โดยมีให้เลือกตามความชอบทั้ง ตุ๊กตา เสื้อ พวงกุญแจ หมวก รองเท้า โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ ในราคาเริ่มชิ้นละตั้งแต่ 40-1,200 บาท
ข่าวที่ 2 “ททท.ต่อยอดเที่ยวเมืองรองEECสู่เทรนด์ใหม่”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้สร้างประวัติศาสตร์การจัดงาน TTM +2018 เป็นครั้งแรกที่กำหนด Theme ชัดเจน คือ “Million Shades of Romance” พลิกโฉมความแปลกใหม่ให้คู่ค้าทั่วโลกจดจำภาพเมืองไทยใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่
1.สร้างภาพจำใหม่ทางการท่องเที่ยวพัทยาและเมืองรองในฝั่งทะเลตะวันออกใหม่เป็นเมืองแห่งเส้นทางท่องเที่ยวโรแมนซ์ มีสถานที่สวยงามทั้งธรรมชาติทางทะเลสีฟ้ามากมาย เหมาะกับการจัดแต่งงาน ฮันนีมูน คู่รัก 2.เปิดเวทีให้ ททท.เป็นผู้นำทัพรณรงค์การท่องเที่ยวลดขยะเป็นวาระโลก และชวนสื่อมวลชนทั่วโลกที่เข้าร่วมงานเผยแพร่แนวทางของ ททท.ด้วย
3.นำต้นแบบ TTM +2018 เป็นโมเดลจัดงานครั้งต่อไปพุ่งเป้าขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มไฮเอนด์ที่สนใจท่องเที่ยวเฉพาะหรือ Niche Market ซึ่งปัจจุบันไทยมีส่วนแบ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมากถึงปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10 % ของเป้าหมายปี 2561 ที่ตั้งไว้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท 4.เปิดจุดขายใหม่เรื่องการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) เนื่องจากการพัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์การคมนาคมขนส่งการเดินทางจากพัทยา ตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา การก่อสร้างถนนสุขุมวิทใหม่ และการเตรียมสร้างรถไฟรางคู่เป็นวงแหวนในจังหวัดแถบภาคตะวันออก ซึ่งก่อนและหลังการจัด TTM + 2018 ได้จัดทำโปรแกรมนำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนต่างประเทศลงไปตามแหล่งท่องเที่ยว โดยจะโปรโมตให้เป็นมหานครแห่งเมืองผลไม้ของประเทศ
นายธเนศวร์กล่าวว่า เตรียมทำกิจกรรมสื่อสารการตลาดในประเทศควบคู่กันไปด้วย ในเมืองรองจังหวัดจันทบุรี เตรียมบูมจุดขายใหม่ด้วยธีมคอนเซ็ปต์ “สุขทุกวันที่จันทบุรี” นำเสนอการท่องเที่ยวแบบครบวงจรทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อาหาร ผลไม้ เมืองสมถะ มีสิ่งแวดล้มและเป็นมิตรกับทุกคน ดึงดูดผู้ที่ถวิลหาเมืองแห่งที่มีภาพลักษณ์ผสมผสานการอนุรักษ์ความเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ
ข่าวที่ 3 “บางจากรับซื้อสับปะรดช่วยเกษตรพันครัวเรือน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “BCP” เปิดเผยว่าบางจากร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เข้ารับซื้อสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียทันที 200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ที่มีผลผลิตสับปะรดล้นตลาด เพื่อนำมาแปรรูปเป็นของสมนาคุณลูกค้าตามสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งได้ทำโครงการ "บางจากฯ ร่วมใจช่วยบรรเทาภาวะสับปะรดล้นตลาด" ให้แก่ผู้ปลูกสับปะรดที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก
บางจากคาดโครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้กว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางปั๊มสหกรณ์บางจากได้รับซื้อสับปะรดจากเกษตรกรกว่า 70 ตัน และนำไปเป็นของสมนาคุณลูกค้าและจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันบางจากในจังหวัดระยอง
นายชัยวัฒน์กล่าวว่าตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา บางจากร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลผลิตของเกษตรกรโดยตรงที่ประสบปัญหาเพื่อนำมาสมนาคุณให้ลูกค้าผู้ใช้น้ำมัน มีทั้งข้าว ไข่ไก่ มะนาว กระเทียม หอมแดง สับปะรด กล้วย และอื่น ๆ
ข่าวที่ 4 “ทอท.ทุ่ม200ล้านแก้ผู้โดยสารดอนเมืองแออัด”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้รับอนุมัติจากบอร์ด ทอท.ให้เร่งเดินหน้าแผนแก้ไขปัญหาความแออัดระยะสั้นท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยการใช้งบประมาณเร่งด่วนปี 2561 กว่า 200 ล้านบาท โดยจะใช้พื้นที่บริเวณลานจอดรถบัสระหว่างอาคารสำนักงานดอนเมืองกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1 ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาด 2 ชั้น วางผังบริเวณชั้น 2 เปิดเป็นเคาน์เตอร์เช็กอินรองรับผู้โดยสารเดินทางเป็นหมู่คณะอย่างนักท่องเที่ยวจีน ส่วนชั้นล่างจัดทำที่จอดรถบัส กำหนดทำให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการภายในเมษายน 2562
สำหรับสถิติผู้โดยสารใช้บริการ 6 สนามบินที่อยู่ในความดูแลของ ทอท.ตลอด 4 เดือนแรก ระหว่าง ม.ค.-เม.ย.2561 มีจำนวนรวม 49.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.4% แบ่งเป็น ผู้โดยสารภายในประเทศ 20.85 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.85% ระหว่างประเทศ 29.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.92% ส่วนสนามบินที่มีปัญหาแออัดอย่างสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 22.41 ล้านคน ดอนเมืองมี 14 ล้านคน เชียงใหม่ 3.84 ล้านคน
ดร.นิตินัยย้ำว่า ทอท.จะเร่งแก้ปัญหาความแออัดในแต่ละสนามบิน โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักสากลทุกประการ
ช่วงที่ 2 แพ็กกระเป๋าตามไป “เมืองลับแล อุตรดิตถ์” ชีวิตดี๊ดีแน่ ๆ ถ้าได้ไปเมืองห้ามพูดโกหก แถมภูเขาไฟยังกินได้ มีทั้งอาหารถิ่นหนึ่งเดียวในเมืองไทย สวนผลไม้เลื่องชื่อ ทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก วัดท่าถนน จวนผู้ว่าสวยสุดในโลกสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 ร้านขนมเทียนเสวยตำรับโบราณ และหลากหลายเรื่องเล่า ส่วนการดูแลสุขภาพ “เคล็ดลับวิธีกำจัดความหิวก่อนนอน” และสารพัดข่าวน่ารู้
@กินเที่ยวเลี้ยวแวะอุตรดิตถ์เมืองภูเขากินได้
เตรียมตัวให้พร้อมจากกรุงเทพฯ ไปพักผ่อนในเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ แหล่งพักผ่อนกลางหุบเขาในอ้อมกอดธรรมชาติแสนงดงาม มีเอกลักษณ์โดดเด่นบอกกันปากต่อปากมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเมื่อได้เข้ามาเมืองแล้ว "ห้ามพูดโกหก" แถมยังได้ชื่อว่าเมือง “ภูเขากินได้” ดินดีเป็นแหล่งปลูกผลไม้ขึ้นชื่อที่จะชวนนักท่องเที่ยวบุกไปชิมถึงสวนกัน อย่าง ทุเรียนหลง-หลินลับแล ลองกอง ลางสาด เชื่อมโยงไปจนถึงการเดินชมตลาดกลางค้าผลไม้หัวดง ท่ามกลางวิถีชาวเมืองลับแล เลือกหาซื้อของฝาก ทุเรียนหลง-หลิน ลับแล ลองกอง ผ้าซิ่นตีนจก ผ้าพื้นเมือง
มาถึงเมืองลับแลแล้วนักท่องเที่ยวจะได้ใช้ชีวิตพักผ่อนช้า ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ ชมชาวบ้านทำอาชีพเสริมนอกฤดูทำสวนผลไม้ ก็จะปลูกหอม ทำข้าวแคบ-ข้าวเกรียบว่าว การทอผ้าซิ่นตีนจก การทำไม้กวาดตองกง
ภายในอำเภอลับแลเป็นแหล่งอาหารการกินร้อยเรียงไปตามเส้นทางอาหารถิ่น Eat Local เริ่มจาก ร้านของทอดป้าณี-หมี่พันป้าหว่าง ข้าวพันผักริมคลอง ข้าวแคบ ข้าวเกรียบว่าว ไอศครีมทุเรียน ร้านปักเป้าเจ้าแห่ตำราอาหารประเภทปลา หรือจะเป็นเมนูง่าย ๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวแนะนำร้านม่อนลับแล หรือ ร้านป้านาคก๋วยเตี๋ยวไก่ และแวะชิมกาแฟตามร้านเก๋ ๆ กินคู่กับ Honey Toast Durian ที่ร้านเฮือนลับแล (กาแฟเสวย)
ส่วนอาหารถิ่นในอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ต้องที่ “ร้านเรือนพี่เรือนน้อง” ที่เปิดมานานกว่า 20 ปีเจ้าของสำรับขนมจีนน้ำยาปลาตะโกกรสชาติอร่อยแห่งเดียวในเมืองไทย ปรุงตามสูตรสุขภาพอีกทั้งยังมีน้ำพริก แกงเผ็ดปลากรายใส่ถั่วพู กินกับขนมจีนเสิร์ฟพร้อมผักพื้นบ้านปลอดสารหลากชนิด
พอแดดร่มลมตก จะชวนนั่งรถรางชมแหล่งท่องเที่ยวชม วัดสำคัญ ในเขตเมืองลับแลที่ยังคงสวยงาม เช่น วัดท้องลับแล วัดดอนสัก วัดผักราก
ส่วนใน “ตัวเมืองอุตรดิตถ์” ต้องห้ามพลาด ไปขอพรที่ “อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก” แวะวัดท่าถนน สักการะหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ สมัยเชียงแสน และวัดใหญ่ท่าเสา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และเป็นสถานที่เรียนมวยของพระยาพิชัยดาบหัก ชม “จวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์” หลังเก่าอายุกว่า 100 ปี สร้างตั้งแต่สมัยราชกาลที่ 5 ดื่มด่ำกับ “อาคารหอวัฒนธรรมเมืองอุตรดิตถ์” อาคารเก่าสถาปัตยกรรมโรมันเป็นแหล่งเรียนรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มี 3 วัฒนธรรม ได้แก่ ไทยกลาง ล้านนา และล้านช้าง ตั้งอยู่ใกล้ ๆ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด ในวันที่ 22 สิงหาคม 2561 เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมพิธีเปิดจวนในโอกาสครบ 103 ปีที่ย้ายจากลับแลมาอยู่ในเมืองอุตรดิตถ์
อีกแห่งที่ต้องไปชมคือ “บ้านทำขนมเทียนเสวย” ของคุณชิดดวง กนกมณี ทายาทขุนนางเมืองอุตรดิตถ์ ที่ผันชีวิตมาทำขนมโบราณ พร้อมสาธิตกรรมวิธี และนำบ้านมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้
ชวนกันมาเที่ยวอุตรดิตถ์ เมืองที่ครบเครื่องทุกเรื่องทั้งอาหารถิ่น วิถีไทย และความแปลกใหม่แห่งเมืองสวนผลไม้ ที่คนไทยและต่างชาติกำลังแห่กันเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน
ต้องห้ามพลาด ชมชุมชนสาธิตวิธีทำขนมเทียนเสวย ชิดดวง กนกมณี ขนมไทยโบราณที่อยู่คู่เมืองอุตรดิตถ์เป็นสูตรต้นตำรับสูตรดั้งเดิมแบบโบราณอบควันเทียน ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ มีร้านอาหารอร่อย ๆ แนะนำ อาทิ ครัวชายน้ำ
@วิธีการกำจัดความหิวยามดึกทำได้ง่ายมาก
อาการหิวก่อนนอนถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งการกินอาหารก่อนนอนนอกจากจะทำให้ความตั้งใจในการลดน้ำหนักล้มเหลว ยังทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนเพราะกินแล้วนอนได้ จึงมีวิธีสุดง่ายที่สามารถช่วยได้โดยที่คุณไม่ต้องอดอาหาร ไม่เพิ่มน้ำหนัก และไม่ทำให้คุณเป็นกรดไหลย้อนด้วย ดังนี้
1. การแปรงฟัน พูดแบบนี้อาจจะดูแปลกๆ แต่การแปรงฟันเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้คุณไม่อยากทานอะไรตอนกลางคืนแล้ว กลิ่นมินต์ หรือรสซ่าๆ จะทำให้คุณรู้สึกว่าปากสะอาดและไม่อยากหยิบอะไรเข้าปากอีก เพราะฉะนั้น ใครที่หิวดึกๆ แทนที่จะลุกไปเปิดตู้เย็นหาของเข้าปาก ก็เดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันก็ช่วยบรรเทาความอยากได้
2. ปิดทีวี หลายคนนั่งดูทีวีเพลินๆ มีหรือที่มือจะไม่คว้าขนมอะไรสักอย่างเข้าปาก บางคนก็ติดเป็นนิสัยไปแล้วที่ต้องกินไปนั่งดูโทรทัศน์ไป เพราะฉะนั้น วิธีที่จะหลีกเลี่ยงก็คือปิดทีวีซะ หรือเปิดทีวีไว้ก็ได้ แต่เปลี่ยนนิสัยให้เป็นการออกกำลังกายหน้าทีวีแทนที่จะนั่งไปหม่ำไอศกรีม หรือเคี้ยวมันฝรั่งทอดกรุบกรอบหน้าจอ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ปิดทีวีไปเลยดีกว่า
3. ดื่มน้ำ บางทีความหิวหรืออยากรับประทานอาหารของเราอาจเกิดจากร่างกายของเราขาดน้ำหรือเสียน้ำมากเกินไป เพราะฉะนั้นก่อนมองหาของกิน ให้ลองดื่มน้ำดูก่อน เพราะถ้าร่างกายเราขาดน้ำจริงๆ น้ำจะช่วยทำให้เราหายหิวได้ และควรเลือกดื่มน้ำเปล่า ห้ามดื่มพวกกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเด็ดขาด
เมนูเเนะนำก่อนนอน
1. น้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ที่มีขายทั่วไปในตลาดโต้รุ่ง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรเทาความหิวยามดึก นอกจากจะอุ่นท้องแล้ว ยังมีกรดอะมิโนทริปโตฟานที่ช่วยให้คุณหลับสบายอีกด้วย และคุณควรเลือกดื่มแบบที่ไม่เติมน้ำตาลและธัญพืชอะไรเลย ระบบย่อยจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่หากคุณทานแบบจืดๆ ไม่ได้จริงๆ คุณสามารถใส่น้ำตาลได้แต่เพียงแค่ 1ช้อนชา เท่านั้น
2. ส้ม ส้มเป็นผลไม้ที่มีสารอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ บี ซี และอื่นๆ แต่ก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน เวลากินต้องกินทั้งผลเท่านั้น ไม่ควรดื่มเฉพาะน้ำส้มคั้น เพราะจะให้น้ำตาลในปริมาณเกินพอดี หากคุณกินแล้วต้องกลับไปทำงานต่อ รสเปรี้ยวของส้มจะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น
3. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง มีแคลอรี่ต่ำ โดยเฉพาะแอปเปิ้ลสีเขียว ที่มีน้ำตาลย้อยกว่าแอปเปิ้ลอื่นๆ ดังนั้นหากคุณหิวแนะนำให้เลือกทานเป็นแอปเปิ้ลเขียวจะดีที่สุด รับรองว่าอิ่มท้องแน่นอน
4. โยเกิร์ตไขมันต่ำ ย้ำชัดๆ อีกครั้งว่าเป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพื่อป้องกันปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป เพราะในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ ควรจะเป็นอาหารเบาๆ ในปริมาณไม่มาก ไม่มีแป้ง และไขมันสูง จะดีที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยจ่อผลิตคนการบินรับผู้โดยสารพุ่ง200ล้านคน”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าได้ให้นโยบายสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) ในฐานะผู้นำการผลิตบุคลากรด้านการบินให้ทันการเติบโตอุตสาหกรรมการบินของไทย ซึ่งในอนาคตสนามบินในกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง จะมีผู้โดยสารใช้บริการรวมกันปีละ 180-200 ล้านคน หลังจากรัฐบาลเดินหน้าขยายสนามบินอู่ตะเภา ระยะยาว 20 ปี ให้รองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 60 ล้านคนเมื่อรวมกับสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ผู้โดยสารเพิ่มต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ยืนยันไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชียแปซิฟิกอย่างแน่นอน
บุคลากรการบินที่จะต้องผลิตให้ทันต่อการเติบโต อาทิ นักบิน ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานและช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นด้วย เพื่อให้ครอบคลุมงานบริการภาคพื้นแบบครบวงจร ควบคู่การยกระดับไทยเป็นศูนย์การเรียนการสอนด้านการบิน Training Center c]tศูนย์ปฏิบัติการด้านการบินที่ครบวงจร (Academy of Thailand)
นายปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการ สบพ. กล่าวว่า แต่ละปีจะส่งเจ้าหน้าที่สำรวจความต้องการบุคลากรด้านการบิน โดยล่าสุดได้หารือกับบริษัท แอร์บัส บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เรื่องการก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลผลิตด้านช่างอากาศยาน ช่างบำรุงรักษาอุปกรณ์ภาคพื้นเพิ่มขึ้นปีละ 250-350 คนต่อปี จากเดิมผลิตเพียงปีละ 120 คน พร้อมกับปรับมาตรฐานการเรียนการสอนให้เป็นไปตามทั้งของ ICAO และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ซึ่งเบื้องต้นทางบริษัท แอร์บัสกับการบินไทยพร้อมให้การสนับสนุนเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย
ข่าวที่สอง “การบินไทยเพิ่มปูซานสัปดาห์ละ7เที่ยว”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เดือนมิถุนายน 2561 เป็นต้นไปได้เพิ่มเที่ยวบินใหม่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปูซาน TG650 จากสัปดาห์ละ 6 เป็น 7 เที่ยว และมีเที่ยวบินบริการสู่กรุงโซล บินลงสนามบินอินชอนรวมสัปดาห์ละ 32 เที่ยว
ล่าสุด นายถิรวรรธน์ ทองเผือก ผู้จัดการทั่วไป ประจำเมืองปูซาน เกาหลี การบินไทย เป็นประธานพิธีตัดริบบิ้นเที่ยวบินไทย โดยมีเครือข่ายพันธมิตรร่วมแสดงความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ มีทั้งสายการบินเอเชียน่า ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮ
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียเพิ่ม2จุดบินใหม่ส.ค.นี้"
แอร์เอเชียจะเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ทางภาคเหนือและย่างกุ้งพม่า โดยจะให้บริการเส้นทางสามครั้งตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เนื่องจากเชียงใหม่เป็นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย ปัจจุบันมีสายการบินแอร์บัส A320 จำนวน 6 ลำซึ่งมีให้บริการ 13 เส้นทางทั้งในและต่างประเทศ
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าเดือนสิงหาคม 2561 เตรียมเพิ่มบริการ 2 เส้นทางบินใหม่ 1.เชียงใหม่-ย่างกุ้ง (เมียนมา) สัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เริ่ม 11 สิงหาคม โดยจะใช้เครื่องบินแอร์บัส A 320 เพิ่มจำนวนนักนักท่องเที่ยวจากไทยและเมียนมา โดยเฉพาะย่างกุ้งเป็นเมืองหลวงเก่ามีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ส่วนเชียงใหม่เป็นฐานการบินภาคเหนือที่แข็งแกร่งซึ่งแอร์เอเชียสามารถเชื่อมเที่ยวบินต่อได้ทั่วประเทศ 8 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น และอู่ตะเภา
เส้นทางที่ 2 จะเพิ่มความถี่เส้นทางบิน กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู มาเลเซีย สัปดาห์ละ 3 เที่ยว เริ่ม 16 สิงหาคม 2561 ระหว่างนี้จัดโปรโมชั่นพิเศษตั๋วเริ่มต้นเที่ยวละ 1,190 บาท ต่อเที่ยว จองภายใน 17 มิถุนายน นี้ นำไปใช้เริ่ม 16 ส.ค. 2561-13 ส.ค. 2562 จองได้ที่ www.airasia.com
ข่าวที่สี่ “รมว.วีระศักดิ์รุกไทยแลนด์ริเวียร่า5แนว”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่หัวหินเพื่อหารือกับภาครัฐ เอกชน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเดินหน้าพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก (Thailand Rivera) 4 จังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง โดยเสนอให้ขับเคลื่อน 5 แนวหลัก คือ 1.แนวเขาตะนาวศรี 2.แนวถนนเพชรเกษม 3.แนวทางรถไฟ 4.แนวชายทะเล 5.แนวประมงชายฝั่งและขยายแนวขวางเชื่อมโยงระหว่างชายฝั่งทะเลกับเทือกเขาตะนาวศรี
เพื่อเน้นการใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งเรื่องการพัฒนาสาธารณูปโภคจัดหาพื้นที่ทำแหล่งน้ำจืดเพื่อลดความขัดแย้งแย่งชิงน้ำระหว่างภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยว การตัดเชื่อมการพัฒนาถนนชมวิวสวย ช่วยลดความแออัดจากถนนเพชรเกษม การพัฒนาปรับปรุงชานชาลาสถานีรถไฟหัวหินให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัย พัฒนาการตลาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ซึ่งจะเป็นจุดขายสำคัญในอนาคตของไทยในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้โครงการใหม่ ไทยแลนด์ ริเวียร่า ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ติดตามฟังรายการได้ตลอดเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น