ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วีระศักดิ์ผ่าความจริงตลาดจีน3ปัญหาใหญ่-เที่ยวตรังยุทธจักรความอร่อย

รมว.วีระศักดิ์ผ่าความจริงตลาดทัวร์จีน3ปมใหญ่
ปลุกพลังทุกหน่วยเร่งสร้างวัฒนธรรมปลอดภัย
คิงเพาเวอร์บูมช้อป8สาขารับLuckySurprise
ททท.ดันทัวร์ชุมชน-6Senseปลุกโลกออนไลน์
บางจาก-ยูนูสคัดเด็กลุ้นแชมป์แผนธุรกิจCSR
TCEBนำTMVSดันไมซ์500แห่งโกยเงินปี’62
เที่ยวตรังเมืองของอร่อย-แหล่งเที่ยวเสน่ห์แรง
เตรียมท้องช่วงกินเจฉบับสุขภาพดีทำอย่างไร
นายกฯนำครม.ขาย”ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน”
โอท็อปท่องเที่ยว8เส้นทาง31จว.บุกเมืองกรุง
รัฐสั่งเข้ม”บก-น้ำ-อากาศ”หนุนเที่ยวปลอดภัย

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 ฟังการผ่าความจริงจาก “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ใส่เกียร์เดินหน้าปลุกทุกภาคส่วนทั้งประเทศต้องรวมพลังกันสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ให้นักท่องเที่ยวจีนและทุกชาติ เปิดเกมรุกและรับอย่างจริงใจ เลิกโทษกันเองแล้วหันมาลงมือทำไปด้วยกันอย่างจริงจัง หลังมีเสียงสะท้อนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมจีน ชี้เป้าชัดตอนนี้ไทยต้องแก้ไข 3 ปมใหญ่ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนผวา คือ โรคไข้เลือดออก-ต้องมาตายทางน้ำและทางบก สถิติ 1-7 ตุลาคม นี้ จีนยังไหลเข้าไทยโต 2 หลัก แต่เป็นแบบถดถอยลงตามกระแสทั้งความกลัวและความโกรธ



ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ประเทศไทยกับการเผชิญความท้าทายในเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากเรือนักท่องเที่ยวล่ม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ สร้างผลเชิงลบต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนนั้น ยังมีเรื่องความกลัวต่อโรคระบาดไข้เลือดออกที่รัฐบาลจีนประกาศเตือนประชาชนต่อเนื่องจาก 2 เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งงดมาไทยแต่ก็มีบางส่วนยังคงเดินทางตามปกติ แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ของผู้ประกอบการไทยซึ่งจีนเคยเพิ่มขึ้นกว่า 20 % ลดต่ำกว่าในสถานการณ์ปกติ สร้างความกังวลใจต่อการชะลอตัวของการเติบโตที่ถดถอยลง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้ไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นครั้งแรกหลังเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ได้ยกข้อกังวลการเดินทางของจีนมาท่องเที่ยวไทยใน 2-3 เรื่อง คือ  1.ความปลอดภัยในการดูแลนักท่องเที่ยวจีน ประสบเหตุและเสียชีวิตทางน้ำสูงสุดในโลก จึงเป็นความกังวลใหญ่มาก 2.ประสบเหตุทางถนนทั้งโดนรถชน รถตกเหว ตกเขา และมาเช่ามอเตอร์ไซด์ตามแหล่งท่องเที่ยวขับขี่โดยมีและไม่มีใบขับขี่ มีเป็นจำนวนมากได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุทางรถ 3.ไทยยังขาดการสื่อสารภาษาจีนเพื่อความเข้าใจให้ตรงกัน เพราะคนจีนไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษ จึงขอให้เพิ่มข้อแนะนำตามสถานที่ท่องเที่ยวและอื่น ๆ ด้วยภาษาจีน


ดังนั้นปัญหาที่สร้างความกังวลทั้ง 3 เรื่อง ทางประเทศไทยต้องแก้ไขเนื้องานของตัวเราเอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวทางน้ำ ทางถนน และการสื่อสารด้วยภาษาให้เข้าใจตรงกัน

ดร.วีระศักดิกล่าวว่า การยกระดับมาตรการความปลอดภัย เป็นภารกิจสำคัญและดำเนินการค่อนข้างหนักพอสมควร ทั้งผู้ประกอบการเอกชน หน่วยงานภาครัฐผู้กำกับการเดินทางทางน้ำ ทางบก ต่าง ๆ ที่ว่าด้วยการดูแลจราจรจะต้องตื่นตัว ทำอย่างไรจึงสามารถสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ให้ได้ เนื่องจากเมื่อนักท่องเที่ยวไปใช้บริการเรือส่วนใหญ่จะเป็นท่าเรือของเอกชน ดังนั้นการยกระดับจึงต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายจึงสำเร็จได้

ผมได้มีโอกาสประชุมร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ซึ่งนำเข้านักท่องเที่ยวจีนมาไทย และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้สะท้อนถึงการเพิ่มความเข้มข้นในบทบาทของแต่ละภาคส่วน นั่นคือรัฐก็ต้องเร่งแก้ไขจุดอ่อน ส่วนเอกชนผู้ประกอบการเองก็ต้องบริหารความปลอดภัย เคร่งครัดโดยเฉพาะการเป็นเจ้าของเรือท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกติกา ประการสำคัญยิ่งกว่าคือการนำบุคลากรเข้ามาให้บริการทางเรือ การตัดสินใจไม่เข้าไปเสี่ยงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ต้องช่วยกันทำ เน้นสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยไว้ก่อนโดยไม่ต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น หากทำทั้งหมดที่กล่าวไปได้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็สามารถไปบอกกับทางจีนเพื่อให้เกิดความมั่นใจความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวทางน้ำ ทางทะเล เมืองไทยได้

ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำ เพราะที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างทำ ไม่ได้ผนึกกำลังกันทำเป็นแผง แต่ครั้งนี้จะต้องทำอย่างจริงจัง



ในการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นั้น รับจะนำประเด็นเรื่องผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางเรือต้องมีความตื่นตัวสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยโดยไม่ต่อรอง ไปหารือกับทางสมาชิกทั่วประเทศ เพราะมีแม้กระทั่งเมื่อนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาแล้วไปจมน้ำเสียชีวิตทั้ง ๆ ที่ความลึกของน้ำแค่เอวเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการเหน็ดเหนื่อยมาตลอดการเดินทางจากเมืองต้นทางไกลแล้วยังต้องขึ้นเครื่องในถึงไทยในช่วงเวลาเช้าตรู่มากตี 2-3 จากนั้นก็นั่งรถจากสนามบินเมืองท่องเที่ยว เพื่อไปทำกิจกรรมลงเรือเล่นน้ำเลยโดยไม่ได้พักผ่อน จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

ทางออกที่สามารถทำได้คือขอให้ผู้ประกอบการเอกชนท่องเที่ยวไปตกลงกันเอง เพื่อรื้อการจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยว โดยต้องดูสภาพของนักท่องเที่ยวด้วย ผนวกกับการจะต้องเสริมมาตรการความรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ถึงสถิติของการเสียชีวิตจากการเที่ยวทางน้ำในทะเลมาจากอะไรได้บ้าง เพราะต้องยอมรับจีนมีทะเลก็จริงแต่ก็อยู่ทางแถบตะวันออกและก็ไม่ใช่จะเล่นน้ำได้ทุกพื้นที่เพราะน้ำจะเย็นกว่าปกติยกเว้นไหหลำ แตกต่างจากทะเลน้ำอุ่นเมืองไทยสวยงามพอนักท่องเที่ยวจีนมาถึงก็ลงเล่นทันทีโดยไม่รู้ถึงสภาพของความลาดชันใต้น้ำ คลื่นดูด และอื่น ๆ  ซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องกระตือรือร้นเข้ามาช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยปีละประมาณเกือบ 10 ล้านคน คิดเป็นกว่า 30 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยยังไม่ได้กระจายไปตามจังหวัดเมืองรองต่าง ๆ มากนัก จึงต้องขอให้ความรับผิดชอบหลัก ๆ อยู่กับหน่วยงานท้องถิ่นและเอกชน ส่วนรัฐบาลกลางของประเทศก็ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการปูพรมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างจริงจังควบคู่กันไปด้วย

การออกกฎระเบียบสามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ข้อบังคับต่าง ๆ ก็เป็นเพียงกระดาษที่บังคับใช้ไม่ได้จริง



ดังนั้น “การยกระดับความปลอดภัย” ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันพุ่งเป้าทำเรื่องแรกให้สำเร็จคือ “สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย” ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน

ส่วนการสร้างมาตรการความปลอดภัยทางบก ขณะนี้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อปลุกทุกหน่วยงานเข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องอนุญาตให้รถโดยสารสาธารณะต่างๆ ต้องปลอดภัยเต็มที่ เพราะนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางเข้ามาไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะต้องใช้บริการตามที่ผู้ประกอบการจัดเตรียมไว้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นแต่ละครั้ง ก็จะยิ่งเพิ่มความรุนแรงเชิงลบมากขึ้นนั่นเอง

รวมถึงขณะนี้เริ่มพ้นฤดูฝนแล้ว จึงได้ปรึกษาหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ถึงเวลาที่จะสำรวจเรื่องโรคไข้เลือดออกพ้นระยะเวลาและฤดูหรือยังโดยไม่บิดเบือนความจริง แล้วนำช้อมูลสื่อสารแจ้งไปยังจีน เพื่อให้เกิดการรับรู้ความจริงตามสถานการณ์ปัจจุบัน

รมว.วีระศักดิ์ กล่าวว่านโยบายด้านส่งเสริมการตลาดของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีถึง 5 สำนักงาน นั้น ก็ยังคงให้เดินหน้าทำการตลาดไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากประชากรทั้งประเทศมีถึง 1,200 ล้านคน มาท่องเที่ยวเมืองไทยเพียง 10 ล้านคน ในจำนวนนี้ผสมผสานด้วยจำนวนคนจากหลากหลายกลุ่ม ได้แก่

กลุ่มแรก เกิดความกลัวโรคไข้เลือดออก จะต้องแก้ไขด้วยข้อมูลจริง ตรง ทันสมัย ไว้วางใจได้ ไม่สามารถนำเครื่องมือทางการตลาดเข้าไปแก้ไขได้

กลุ่มที่ 2 มีความโกรธ จากนักท่องเที่ยวจีนถูกทำร้าย รัฐบาลไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ให้ชัด ๆ โดยไม่เห็นด้วยกับการกระทำอย่างไม่ถูกต้องของเจ้าหน้าที่ไทยซึ่งปฏิบัติไม่ถูกต้องต่างก็ต้องได้รับบทลงโทษ ล่าสุดได้หารือกับทางนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลด้านการบิน เตรียมจัดแถวใหม่เกี่ยวกับกฎกติการะเบียบ (rull engagement) การทำงานของเจ้าหน้าที่สนามบินผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดูแลเชิญตัวผู้โดยสารต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ควบคุม ต้องกำหนดขั้นตอนวิธีการใหม่ให้เป็นระบบถูกต้อง รวมถึงการแต่งตั้ง พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาน เป็นผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคนใหม่ เห็นพ้องต้องกันหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรี  สั่งชัดเจนต้องไม่มีประเด็นเรื่อง “เสี่ยวเฟ่ย” ต้องประกาศเดินหน้าปฏิบัติการห้ามเคาน์เตอร์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินห้ามเก็บเงินทิปพิเศษการทำวีซ่า On Arrival

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตรงกับช่วงวันชาติจีนซึ่งเป็นวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไทยก็ยังคงมีจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวหล่นจากอันดับ 1 เป็นอันดับ 4 สำหรับกรุงเทพ ส่วนภูเก็ตอาจจะหลุดเกินอันดับ 10 แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นติดอันดับสุดท้าย

เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นบทเรียนของรัฐบาลไทย แต่ทุกฝ่ายต้องหันมาร่วมมือกัน เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ทำอะไรนักท่องเที่ยวก็เดินทางเข้ามา แต่พอมีเหตุแล้วจีนมาน้อยลงหรือไม่มา ผลลัพธ์ตามมาคืออะไร หรือว่าถึงเวลาที่จะใช้จังหวะนี้ปรับปรุงจัดการระบบคิวที่ไม่จำเป็นลดลงได้หรือไม่ การวางสล็อตเที่ยวบิน ดูแลป้ายบอกรายละเอียด การอบรมเจ้าหน้าที่ การเตรียมสไลด์อธิบายการเดินทางเข้าเมืองไทย เป็นการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้

อาจจะคำถามตามมาว่าไทยต้องเอาใจจีนขนาดนั้นหรือไม่ แต่ขนาดเศรษฐกิจประเทศปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนมาแล้วถึง 30 % ของชาวต่างชาติทั้งหมด แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยทั้งหมดตลอดปีนี้ก็ไม่ได้เป็นความผิดของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือล่ม การทำร้ายร่างกาย หรือโรคไข้เลือดออก มาจากเรื่องภายในประเทศของไทยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงต้องแก้ไขในประเทศของเราเอง

ปัจจุบันไม่ควรเหมารวมว่านักท่องเที่ยวจีนด้อยคุณภาพ เพราะสถิติขณะนี้มีกลุ่มจีนที่เดินทางเข้ามาเพื่อร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และใช้จ่ายเงินสูงมาก ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงมาก จึงควรแยกแยะความต่างของแต่ละกลุ่มด้วย อย่าไปเข้าใจว่านักท่องเที่ยวผมสีทองจะมีคุณภาพทั้งหมดเสมอไปก็ไม่ได้อีกเช่นกัน

เขียนกฎหมายในประเทศไทยว่ายากแล้ว แต่การจะทำให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยก็ไม่ง่ายเหมือนที่ทุกคนต้องการเหมือนกัน



สำหรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทย ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2561 แนวโน้มจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากถึง 103,695 คน เพิ่มขึ้น 35.32 % ตลอดสัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2561 นกท่องเที่ยวจีนจะขยายตัวรวมประมาณ 16.43 % ประเมินผลจากการเก็บสถิติการเดินทางอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม เป็นต้นมาแม้จะมีช่วงการขยายตัวแบบถดถอยลงบ้าง วันที่ 1 ตุลาคม เพิ่ม 39.02 % วันที่ 2 ตุลาคม เพิ่ม 44.28 % วันที่ 3 ตุลาคม เพิ่มแบบลดลงเหลือ 21.17 % และวันที่ 4 ตุลาคม เพิ่มแค่เพียง 6.11 % แต่ในภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์แล้วยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 2 หลัก


ทั้งนี้เพราะในช่วงที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเรือล่มที่ภูเก็ตนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต เรื่อยมาจนถึงกรณีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบินดอนเมืองใช้กำลังเกินกว่าเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการขอเอกสารเพิ่มเติมการผ่านเข้าออกประเทศ จนทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและผู้เกี่ยวข้องกังวลว่านักท่องเที่ยวจะลดลงในจังหวะวันชาติจีนซึ่งเป็นวันหยุดยาวทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเส้นทางจากไทยไปยังประเทศอื่นแทน

แต่จากสถิติการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนล่าสุดระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2561 เป็นสัญญาณที่ไทยยังอยู่ในเกณฑ์เติบโตรวมเป็น 2 หลัก เพียงแต่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาซึ่งเกิดขึ้นจากภายในประเทศของเราเอง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดช็อป8สาขาลุ้นรับ Lucky Surprise”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดรายการ Lucky Surprise ต้อนรับเดือนแรกของไตรมาสสุดท้าย ระหว่างวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2561 ช้อปที่คิง เพาเวอร์ ทั้ง 8 สาขา ได้แก่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ ได้แบบสบายกระเป๋า

เพียงแค่สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไข รับคูปองลุ้นรางวัลดังนี้

1.ช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) รับคูปองลุ้นทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ , Gift Voucher และของรางวัล Brandname
2.ช้อปครบทุก 50,000 บาท (สุทธิ) รับเพิ่มคูปองลุ้นรางวัล 1 ใบ สำหรับลุ้นรางวัล CARAT Rewards สูงสุด 1,000,000 กะรัต
3.พิเศษ ลูกค้าสมาชิกบัตร CROWN, VEGA รับคูปองลุ้นรางวัล 2 ใบ

ลุ้นการจับรางวัล และประกาศผลภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 สำหรับสมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5%

สอบถามเพิ่มที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631 หรือ www.kingpower.com

ข่าวที่ 2 “ททท.บุกทัวร์ชุมชน-คว้ารางวัล6Senceเที่ยวออนไลน์”



ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เปิดโครงการ Once as a Tourist ชวนนักท่องเที่ยวมาเปิดประสบการณ์ใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว 23 เส้นทาง จาก 42 ชุมชน 15 จังหวัด ที่พร้อมจะนำเสน่ห์ที่จะทำให้การ “เที่ยว” สักครั้งหนึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตในเชิงบวกได้ ขณะนี้จึงได้จัดทำกิจกรรม แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก โดยจะทยอยทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ล่าสุดก็ได้นำทีมไปสร้างประสบการณ์ชุมชน 27 บ้านไร่ คลองเตย

รวมทั้งเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ททท.ยังคว้ารางวัลออนไลน์แคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว ชุด“6 Senses of local experience in Thailand - เปิดประสาทสัมผัสทั้ง 6 กับประสบการณ์เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น” ได้รับรางวัล “Gold Awards 2018” ประเภท Heritage & Culture จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก (Pacific Asia Travel Association หรือ PATA) สร้างสรรค์โดย “ADYIM” ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง หนึ่งในเครือ YDM Thailand ในฐานะผู้ดูแลแคมเปญนี้ให้ ททท. โปรโมตการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่เป็นครั้งแรกที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการท่องเที่ยวชุมชนในตลาดนานาชาติต่อไปในอนาคต

เนื่องจากแคมเปญดังกล่าวได้นำเสนอโดยเปิดให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตัวอย่างเข้าท่องเที่ยวแล้วบอกเล่าเรื่องราวผ่าน sense ที่สัมผัสได้ในระหว่างการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย โดยมีชาวบ้าน และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในด้านต่างๆ คอยแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นและกิจกรรม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นนั้น ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในแต่ละพื้นที่ช่วง ระหว่าง 1 ส.ค.- 11 พ.ย. 2017 ซึ่งสามารถวัดผลการรับรู้แคมเปญนี้เกือบ 350 ล้าน Impressions จากทั่วโลก โดยมีผู้เข้าชมเว็บไซต์แคมเปญ จำนวนกว่า 9 ล้าน Users และมีจำนวนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมเป็น จำนวนกว่า 17,000 คน รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์อันดีแก่ผู้ที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก ซึ่งได้สร้างประสบการณ์และ ความประทับใจในเอกลักษณ์ไทยเฉพาะถิ่น จนกลายเป็นปรากฎการณ์ 6 Senses of Local Experience in Thailand ตรงตามเป้าหมายของโครงการเป็นอย่างดี

ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกยูนูสจัดประกวดแผนธุรกิจซีเอสอาร์”



บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ Yunus Center AIT จัดประกวดผลงานการนำเสนอแผนธุรกิจเพื่อสังคม หัวข้อ “From Bangchak and SDGs to social business” ในโครงการ “Bangchak Yunus and Youth Contest 2018” เพื่อคัดเลือกผลงานของนักศึกษาที่ร่วมออกแบบธุรกิจที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของบริษัท บางจากฯ ในประเภทพลังงานสีเขียว ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ การบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและธุรกิจค้าปลีก ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจากการประกวดผลงานฯ มีเยาวชน 10 ทีมผ่านเข้ารอบสุดท้าย จากที่มีมีนักศึกษาจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการรวม 562 คน รวม 80 ทีม จาก 19 สถาบันการศึกษา

ทางด้าน นางสาวภควดี จรรยาเพศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาความยั่งยืนและกำกับองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้สนับสนุนการจัด “กีฬาเยาวชนบางจาก” ครั้งที่ 3 ประจำปี 2561 กิจกรรมใช้กีฬาสร้างความสุขให้กลุ่มเยาวชนที่อาศัยในชุมชนรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เปิดโอกาสให้แสดงความสามารถ สร้างความสามัคคี มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการออกกำลังกาย และห่างไกลจากยาเสพติด โดยมีเยาวชนอายุ 8-18 ปี จาก 10 ชุมชนรอบโรงกลั่นเข้าร่วมแข่งขันกีฬาสากลและกีฬาฮาเฮพร้อมทั้งร่วมเป็นกองเชียร์ กว่า 500 คน ณ สนามกีฬาภูติอนันต์ 2 บางนา

ข่าวที่ 4 “TCEBนำTMVSดัน500เอกชนไมซ์โกยรายได้ปี’62”



นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ตลอดปี 2561 ได้เดินหน้าจัดทำมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standards -TMVS ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน 17 แห่ง รวมถึงระหว่างพฤษภาคม – สิงหาคม 2561 ดำเนินการอบรมไปแล้วรวมทั้งสิ้น 10 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ ระยอง ภูเก็ต นครราชสีมา เชียงใหม่ ขอนแก่น นครพนม ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา และพัทยา แยกเป็น 1.ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรม 553 คน จากสถานประกอบการไมซ์ 267 แห่ง 3.ผู้สนใจเข้าตรวจประเมิน 181 แห่ง  3.กลุ่มผู้ประกอบการขอต่ออายุ (Re-assessment) อีกกว่า 74% ตอกย้ำให้เห็นถึงผลตอบรับที่ดีเกินคาด จากทั่วประเทศให้ความสนใจและเชื่อมั่นต่อมาตรฐาน TMVS

เป้าหมายของ TCEB ตลอดปี 2561 จะผลักดันให้มีสถานที่ประกอบการไมซ์ผ่านมาตรฐาน TMVS ได้ไม่ต่ำกว่า 490 แห่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำของประเทศไทยในด้านจุดหมายปลายทางของจัดประชุมและนิทรรศการของอาเซียน โดยเริ่มจากปีที่เริ่มทำมาตรฐานมาจนถึงปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน TMVS ประเภทห้องประชุม และประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้าเรียบร้อยแล้ว 315 แห่ง ปีนี้จะทำให้ได้อีก 175 แห่ง แบ่งเป็น 1.ประเภทห้องประชุม 150 แห่ง 2.ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า 5 แห่ง 3.ประเภทสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ 20 แห่ง

ส่วนปี 2562 จะเพิ่มความเข้มข้นเรื่องเกณฑ์มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และความยั่งยืน โดยสถานที่จัดงานพิเศษจะต้องให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในด้านการรับรู้และผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อใช้อุตสาหกรรมไมซ์ในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล


ขณะเดียวกันในปีหน้าทาง TCEB อาจจะต้องเก็บค่าใช้จ่ายในการเข้าไปตรวจคุณสมบัติเของกลุ่มผู้ประกอบการท่ขอต่ออายุในครั้งต่อไป เนื่องจากงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเริ่มทยอยตัดงบประมาณส่วนนี้ลง เพราะได้ให้การสนับสนุนฟรีต่อเนื่องมา4 ปีแล้ว

สำหรับการสมัครเข้าร่วมมาตรฐาน TMVS กับ TCEB นั้น ผู้ประกอบการและเจ้าของสถานที่จะต้องปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศตามเกณฑ์ 3 ขั้นตอนหลัก ประกอบด้วย


ขั้นตอนที่ 1 การให้องค์ความรู้ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก TCEB ทำการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ความรู้ในเชิงลึกถึงมาตรฐานแต่ละตัวแก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ


ขั้นตอนที่ 2 การตรวจประเมิน แบ่งเป็น 1.ประเภทห้องประชุม จะใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาในด้านกายภาพ เทคโนโลยี และการจัดการ-บริการ 2.ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาด้านการจัดการอย่างยั่งยืน 3. ประเภทสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อีกทั้งให้การสนับสนุน และการจัดการอย่างยั่งยืน กำหนดเป็นตัวชี้วัดในการตรวจประเมินสถานที่จัดงานในแต่ละประเภทอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 3 การรับรองผลมาตรฐานสถานที่การจัดงานประเทศไทย จะต้องผ่านคณะทำงานผู้ทรงคุณวุฒิ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา อาทิ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย)  สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย)  สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน  สมาคมโรงแรมไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมการปกครอง  สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ  มหาวิทยาลัยมหิดล  วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก

เมื่อผู้ประกอบการผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว TCEB จะออกใบรับรองมีอายุรับรอง 3 ปี และรายชื่อทั้งหมดจะอยู่ในแผนการประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดของ สสปน. เพื่อเชิญชวนให้ผู้ใช้บริการมาใช้บริการต่อไป

นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการรับรองผลมาตรฐาน มาตรฐาน TMVS เล็งเห็นถึงความสำคัญกับการยกระดับสถานที่จัดงานประเทศไทยให้มีความน่าเชื่อถือ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจำนวนสถานประกอบการรายใหม่เติบโตมากขึ้นและรายเก่าเติบโตขขอต่ออายุเพิ่มทุกปี จึงควรเร่งเพิ่มศักยภาพสถานที่จัดงานเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งมองหาสถานที่ที่มีตราสัญลักษณ์เป็นลำดับต้น ๆ และพร้อมสนับสนุนการเข้าร่วมมาตรฐานดังกล่าว

นางพรรณี อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ หรือ สรอ. กล่าวว่า สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ได้ดำเนินโครงการตรวจประเมินมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย ของ TCEB มาตั้งแต่ปี 2558  โดยยึดมั่นจรรยาบรรณตามหลักวิชาชีพ รวมถึงการรักษาความลับ การดำเนินงานอย่างโปร่งใส เป็นกลางและอย่างมืออาชีพ  ในการประเมินผลสถานที่ประกอบการตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17021-1, ISO 50003, UNFCCC Accreditation Standard &  ISO/IEC 17020 ข้อกำหนดสำหรับหน่วยตรวจประเมินและรับรองระบบการจัดการ ระบบการจัดการพลังงาน, CDM & ข้อกำหนดสำหรับหน่วยตรวจ  และ ISO 19011

ทั้งนี้แนวทางการตรวจประเมินระบบการจัดการ  ได้ใช้เกณฑ์การพิจารณามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย ครอบคลุมตัวชี้วัดด้านกายภาพ บริการและการจัดการ เทคโนโลยี ความปลอดภัย การสนับสนุน รวมถึงการจัดการอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศจะได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอาเซียนอย่างยั่งยืนต่อไป

ดร. ณัฏฐณิชชา สิงห์บุระอุดม นักวิจัยในโครงการพัฒนามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดทำหลักเกณฑ์การประเมิน TMVS ซึ่งมีตัวชี้วัดแตกต่างกันไป นั้น ภายในปี 2562 ก็จะทำให้อยู่มาตรฐานเดียวกันคือ 3 ปี ทั้งประเภทห้องประชุม เอ็กซิบิชั่น และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อตอบโจทก์ผู้จัดงานและใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ โดยตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงกับการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการจัดการองค์ความรู้ในองค์กร โดยเฉพาะด้านการจัดทำเอกสาร อย่างเป็นระบบเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย

ช่วงที่ 2 ได้เวลาตลุยไปกินเที่ยวให้สบายใจ ในอาณาจักรความอร่อย “จังหวัดตรัง” แถมสถานที่ท่องเที่ยวยังโดน ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สถานีรถไฟกันตรังแสนคลาสสิกสุดปลายทางทะเลอันดามัน วังไม้เทพธาโร และเกาะแห่งความรักแห่งวิวาห์ใต้สมุทร ตามด้วยเรื่อง “เตรียมท้องไว้กินเจฉบับสุขภาพดีต้องทำอย่างไร” ส่วนข่าวเข้มเสาร์นี้กับ เรื่อง “นายกลุงตู่” นำทีม ครม.ช่วยขายแพกเกจไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน ทางด้านกรมการพัฒนาชุมชน นำ “โอท็อปท่องเที่ยว8 เส้นทาง 31 จังหวัดบุกตลาดเมืองกรุง” และ “คมนาคมสั่งเข้มบก-น้ำ-อากาศ” จัดระเบียบความปลอดภัยหนุนการท่องเที่ยวเบ่งบานตามนโยบายรัฐบาล

@เที่ยวตรังอร่อยทุกมื้อสนุกทุกพื้นที่



ช่วงเทศกาลกินเจ จะขอแนะนำให้ไปเที่ยวยุทธจักรแห่งความอร่อย เป็นเมืองขึ้นชื่อเรื่องอาหารและเทศกาลกินเจด้วย ที่ “จังหวัดตรัง”  1 ใน 55 เมืองรอง

นอกจากจะมีเมนูเจอร่อย  แล้วยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งร้านอาหาร มีทั้งแบบจานเดียว จานยักษ์ ให้เลือกรับประทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เริ่มตั้งแต่ “มื้อเช้า” รับตะวันกันด้วย “สารพัดติ่มซำ” ร้านยอดนิยมครองใจคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวก็มี ร้านเรือนไทยติ่มซำ ร้านพงษ์โอชา จากนั้นก็เดินเข้าไปยังตลาดสดเทศบาลเมืองเพื่อมองหาเมนูหนักท้องอย่าง “หมูย่างเมืองตรัง” อย่างร้าน โกเกา รองท้องมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย



มื้อเที่ยงและมื้อค่ำ ต้องชิมเมนู ข้าวหมูแดงหมูกรอบ หมี่ฮกเกี้ยนอายุเกือบศตวรรษ ร้านหนาซูเปอร์จานยักษ์ ตามด้วยอาหารพื้นบ้าน อาหารทะเล ตบท้ายด้วยของขวาน ขนมเค้กเมืองตรัง สูตรเฉพาะอย่าง เค้กเบญจมิตร เค้กเลิศรส



ระหว่างมื้อก็สามารถแวะไปท่องเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยม จุดแรก “สถานีรถไฟกันตัง” สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นเส้นทางสุดสายใต้ของฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อไปถึงจะได้เห็นถึงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของสถานีรถไฟสุดคลาสสิก สร้างด้วยอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองสลับน้ำตาล สามารถเข้าไปนั่งรับลมเย็นสบาย ๆ ได้ทั้งวัน



จุดที่ 2 “วังไม้เทพธาโร” นักท่องเที่ยวนิยมมาเช็คอินถ่ายรูปแชร์สู่สาธารณะ ในอาณาจักรไม้หอมเทพธาโร ที่ได้แกะไม้เป็นรูปมังกรกระจายอยู่ทั่วบริเวณประมาณ 89 ตัวรอบ ๆ บริเวณยังมีฐานกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ก่อนกลับก็อย่าลืมซื้อผลิตภัณฑ์ไม้เทพธาโรเป็นของฝากติดมือกลับบ้านด้วย



จุดที่ 3 “เกาะกระดาน” เป็นภาพจำของคู่แต่งงานของคนไทยและทั่วโลก ในช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เกาะกระดานจะคราคร่ำไปด้วยเหล่าคู่รักที่พร้อมใจกันมาจับคู่มาร่วมงานวิวาห์ใต้สมุทร ซึ่งเป็นเดือนที่น้ำทะเลตรังสวยสุด ๆ ต่อเนื่องกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของทุกปี

เที่ยวตรังสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าเมืองรองแดนใต้มีของอร่อยรออยู่เพียบ แถมยังเที่ยวสนุกได้ประสบการณ์แปลกใหม่อีกเพียบ

@เตรียมท้องไว้กินเจแบบสุขภาพดี ทำอย่างไร?



ในช่วงเทศกาลที่ถนนย่านจีน ย่านตลาด ต่างคึกคักไปด้วยอาหารคาวและหวานที่ปักธงเหลืองแสดงถึงเทศกาลกินเจที่กำลังมาถึง เมื่อถึงเวลาสั่งรายการอาหาร ก็แทบจะตัดสินใจเลือกเมนูไม่ถูก เพราะอันนั้นก็มันเงา อันนี้ก็แป้งหนา แล้วจะเลือกกินอย่างไรดีหากว่าเราอยากอิ่มทั้งบุญและอิ่มท้อง ไปพร้อมๆ กับการมีสุขภาพดี

สสส. แนะนำ 9 เคล็ดลับการกินอาหารอย่างมีสุขภาพดีไว้ 9 อย่าง คือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่อย่างหลากหลายชนิด เลือกกินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภท แป้ง เช่น ขนมจีน เผือก มัน โดยเลือกข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือแทนข้าวขัดสี เพราะในข้าวกล้องจะมีวิตามินบี 1 และใยอาหารมากกว่าหลายเท่า กินผักและผลไม้เป็นประจำให้ได้วันละ 400 กรัม หรือ 3-5 ส่วนต่อวัน เลือกกินอาหารโปรตีนชนิดดีไขมันต่ำ และวิตามินจำเป็น ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด รวมถึงไม่กินอาหารที่ปนเปื้อน และไม่ดื่มแอลกอฮอล์
แนะนำ 10 เมนูเจแคลอรี่ต่ำแห่งปี 1.ส้มตำเจ 2.ต้มยำเห็ดเจ 3.แกงส้มมะละกอเจ 4.แกงจืดฟักเจให้พลังงาน 5.แกงเลียงเจ 6.ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเจ 7.แกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้เจ 8.ยำผักหวาน 9.ยำวุ้นเส้นเจ 10.ต้มจับฉ่าย

ด้านอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย แนะนำ

1.ต้องกินให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้อ แหล่งโปรตีนให้ทดแทนด้วยพืช ซึ่งในเต้าหู้จะมีปริมาณโปรตีนสูง

2.อาหารทานเล่นแนะนำเป็นขนมไทยที่ทำจากถั่ว เช่น ลูกชุบ เต้าส่วน ถั่วกวน ถั่วแปบ ถั่วเขียวในน้ำตาลทรายแดง น้ำเต้าหู้ เป็นต้น

3.ใส่ใจความสะอาด ล้างผักผลไม้ด้วยน้ำเปล่า หรือล้างด้วยวิธีแช่น้ำส้มสายชู นาน 15 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าตาม เพื่อช่วยลดสารเคมีตกค้างหรือยาฆ่าแมลง

4.การกินอาหารเจ คือ ไม่หวานจัด มันจัด เค็มจัด

5.อ่านฉลากก่อนซื้อ เพราะเนื้อเทียม ที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ อดีตทำจากโปรตีนเกษตร สกัดจากถั่วแต่บางบริษัททำจาก แป้งล้วนๆ มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น แป้งสาลี และหลายประเภทใส่กลิ่น ใส่สี ใส่สารชูรส เพื่อให้เหมือนกับเนื้อสัตว์ให้มากที่สุด จึงค่อนข้างอันตรายสำหรับผู้รักสุขภาพ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “นายกฯช่วยขายไทยเที่ยวไทยไทยยั่งยืน”



พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ใช้โอกาส การนำคณะรัฐมนตรีประชุมสัญจร ที่จังหวัดลำพูน ด้วยการทดลองใช้แพ็กเกจ “ไทยเที่ยวไทย...ไทยยั่งยืน” สู่เส้นทางวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นความร่วมมือของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การบินไทย ไทยสไมล์ และ ธนาคารกรุงไทย จัดทำแพกเกจการขายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2561

โดยนายกรัฐมนตรีได้ทดลองใช้กรุงไทย NEXT ซื้อแพ็กเกจของการบินไทย จากนั้นได้นำคณะไปชมแหล่งท่องเที่ยวตามแพกเกจในลำพูน ได้แก่ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี วัดมหาวันวรมหาวิหาร กู่ช้าง-กู่ม้า วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร และชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองเงือก

สำหรับแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ททท.การบินไทย ไทยสไมล์ ได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนในจังหวัดต่าง ๆ เช่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุราษฏร์ธานี โปรแกรมท่องเที่ยวเส้นทางวัฒนธรรมและอารยธรรมสำคัญ การไปเยือนอีสาน เช่น ตามรอยบั้งไฟพญานาค เที่ยวชมทะเลบัวแดงอุดรธานี โปรแกรมเที่ยวอันซีน เช่น ปราสาทหินพันยอด หรือแห่งใหม่ที่สตูล สระมรกตจังหวัดตรัง สามพันโบก แกรนด์แคนยอนเมืองไทยที่อุบลราชธานี และอื่น ๆ

ข่าวที่สอง “นำโอท็อปท่องเที่ยว8เส้นทาง31จังหวัดบุกกรุง”


  นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่ากรมฯ ได้รับนโยบายจากกระทรวงมหาดไทยให้จัด “OTOP Village ไปแล้วจะรัก” ระหว่างวันนี้ - 9 ตุลาคม นี้ ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้คัดเลือกการท่องเที่ยวทั่วประเทศ 8 เส้นทาง จาก 31 จังหวัด 125 หมู่บ้าน มานำเสนอเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ชุมชนและเผยแพร่ความสำเร็จจากโครงการหมู่บ้าน OTOP ส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งกระจายรายได้สู่คนในท้องถิ่น

ภายในงานได้แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ 1.เส้นทางปราสาทหิน เที่ยวถิ่นอารยธรรม 2.เปิดม่านหมอก แอ่วเมืองอารยธรรมล้านนา 3. เส้นทางหาดทรายรี หลากวิถีชีวิตชาวเล 4. สิ่งศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ หัตถกรรมเครื่องปั้น 5. วัฒนธรรมแห่งยุคทอง เรืองรองมรดกโลก 6. หลากหลายธรรมชาติ มนต์เสน่ห์อันดามัน   7.แดนถิ่นพญานาค หลากวิถีชีวิตริมฝั่งโขง และ 8. เที่ยวทะล ชมไพร กินผลไม้ เล่าขานประวัติศาสตร์ พร้อมกับจัดกิจกรรมการแสดง การขายผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เช่น อาหารพื้นถิ่นโอท็อปรสไทยแท้ โอท็อปชวนชิม โอท็อปสปา โอท็อปคาเฟ่ต์ กิจกรรม  การจำหน่ายของที่ระลึก และจับคู่การเจรจาธุรกิจ และจัดกิจกรรมประกวดนักเล่าเรื่องชุมชน ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท

ข่าวที่สาม “รัฐสั่งเข้มบก-น้ำ-อากาศหนุนท่องเที่ยวปลอดภัย”



นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม ล่าสุดให้เพิ่มความเข้มข้นทางด้านองค์กรการบิน ทั้งกรมท่าอากาศยาน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยาน โดยให้เคร่งครัดในเรื่องกฎ ระเบียบ ปฏิบัติต่อผู้ใช้บริการด้วยความอดทน และใช้ความละมุนละม่อม

รวมทั้งให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เร่งพัฒนาเส้นเชื่อมโยงเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวก สนับสนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยว รวมทั้งดูแลเส้นทางที่มุ่งสู่บุรีรัมย์ช่วงจัดงาน MotoGP 2018

และให้กรมเจ้าท่าดูแลเรื่องการเดินทางทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai