อัดแคมเปญPassport Saleดึงแบรนด์โลกลดมโหฬาร
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #tatcsr
อ่านได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1194298
ผู้นำ ททท.ลุยผ่าตัดใหญ่ตลาดจีนหดตัว ลั่น 3 เดือนสุดท้าย ต้องได้อีก 1.5 ล้านคน จับมือสมาคมค้าปลีกไทย งัดใช้แคมเปญเด็ด “Passport Sale 2018” ระดมแบรนด์โลกลดกระหน่ำเพิ่มขั้นต่ำ 14 % หวังปลุกจีนแห่ช็อประยะเร่งด่วน 15 พ.ย.15 ธ.ค.นี้ ควบทำสารพัดโปรเจ็กต์ดึงต่างชาติใช้เงิน และคนไทยเที่ยวโค้งสุดท้าย ผนึก SET ผุดโปรเจ็กต์ Local Life & Learn รณรงค์ 700 บริษัทจดทะเบียนแห่เที่ยวชุมชน 55 เมืองรอง
ดร.ยุทศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแก้วิกฤตตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ระหว่าง ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ได้ให้สำนักงาน ททท.สาธารณรัฐประชาชนจีน 5 แห่ง ระดมอัดแคมเปญระยะสั้นนำเข้านักท่องเที่ยวจีนมาให้ได้เพิ่มอีก 1.5 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนคน ซึ่งจใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 50,000 บาท/ทริป จะทำให้ตลอดปีนี้จะมีจำนวนเป็นไปตามเป้าประมาณ 10.5 ล้านคน ควบคู่กับการทำกลยุทธ์ระยะเร่งด่วนนำเข้าตลาดกลุ่มประเทศในรัศมีการบินมาไทยไม่เกิน 6 ชั่วโมง จากทั้งภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเพิ่มจากปกติอีก 5 แสนคน
โดยททท. มีไฮไลต์เตรียมจับมือกับสมาคมค้าปลีกไทย ทำแคมเปญ Passport Sale 2018 ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2561 เพียงแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติโชว์พาสปอร์ตกับห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวที่กำลังประสบปัญหาตลาดจีนหายไป อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ก็รับไปเลยทันทีส่วนลดขั้นต่ำในการช้อปปิ้ง 14 % เป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม % บวก ส่วนลด 7 % และจัด Top Thailand Brand Sale นำสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ยอดนิยมจากชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ มาร่วมขายด้วย รวมทั้งตลาดในประเทศก็ต้องเร่งทำกิจกรรมกระตุ้นทุกจังหวัด โดยเล็งจัดยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์ 5 เมืองรอง ลำพูน นครพนม จันทบุรี สตูล ราชบุรี
ขณะนี้การจัดทำโครงการ Passport Sale 2018 ททท.กำลังหารือกับกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก อาทิ Prada, Cucci และอีกมากมาย เข้าร่วมโครงการเพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะเร่งด่วน เข้ามาเสริมสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงพานิชย์เองเพิ่งแถลงตัวเลขส่งออกติดลบถึง 19 % ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วยกันรักษารายได้ไว้ให้มากที่สุดโดยเฉพาะปี 2561 ต้องได้ตามเป้าประมาณ 3 ล้านล้านบาท และปี 2562 จะต้องได้ 3.4 ล้านล้านบาท
“รวมถึงได้มอบหมายให้ ททท.สำนักงานในประเทศตามพื้นที่รอยต่อชายแดน จัดทำโครงการ Grand Sale Dine & Fine 2018 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นำสินค้าโอท็อปในทุกหมวดมาจัดมหกรรมการขาย เพื่อกระตุ้นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวตามตะเข็บชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเที่ยวพร้อมใช้เงินช็อปปิ้งสินค้าสร้างความคึกคักอีกช่องทาง”
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ซึ่งเข้ามาปีละเกือบ 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมด ตอนนี้ตลาดจีนมาไทยลดลงอย่างฉับพลันเหลือขั้นต่ำ 10 % นั้น เกิดจากอารมณ์ ความรู้สึก ผนวกปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศจีนชะลอตัว ทางรัฐบาลจีนเองก็มีแคมเปญออกมารณรงค์ให้จีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องร่วมมือกันในทุกช่องทาง
โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งหมด นำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ประชุมหารือกันไปพร้อมทั้งรับปากเรียบร้อยแล้วที่จะต้องนำกฎ 12 ข้อมาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระบบการให้บริการคมนาคมขนส่ง และการจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็วที่สุด
หลังจากออกแคมเปญกระตุ้นแรง ๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้แล้ว จากนั้น ททท.จะรอดูผลลัพธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ช่วงตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2652 หากสถานการณ์ตลาดจีนยังไม่ฟื้นกลับมาในทางที่ดีขึ้น ก็จะอัดแคมเปญต่ออีกระยะก่อนถึงเดือนเมษายน 2562 อีกครั้ง
ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า ททท.ภายในวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2561 จะนำมาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาทัวร์จีนลดลง เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) โดยมีเรื่องรายละเอียดของการพิจารณายกเว้นค่าธรรมการทำ VISA On Arrival : VOA ผนวกเข้าไว้ด้วย เพราะจะไม่ำด้ยกเว้นให้ระยะสั้น ๆ เฉพาะจีน แต่แนวโน้มไทยจะให้ทั้งหมด 21 ประเทศ แต่ก็ต้องทำข้อศึกษาถึงรายได้ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย กับประเมินเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาตามโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าดังกล่าว ซึ่งภายในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 นี้ ก็จะนำเรื่องทั้งหมด้ข้าหารือในระดับรัฐยาลกับ ดร.วีระศักด์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อสรุปความชัดเจนทั้งหมด ก่อนจะให้ ททท.นำมาตรการท่องเที่ยวประกาศใช้อย่างเป็นทางซึ่งจะเรียกว่าเป็นน้ำใจจากประเทศไทยมอบให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติต่อไป
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ได้นำทีมเครือข่ายพันธมิตร เปิดโครงการ “Local Life & Learn” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีสมาชิกบริษัทจดทะเบียนอยู่กว่า 700 บริษัท เดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและเมืองรอง เพิ่มรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลแพ็กเกจการทำ CSR ระหว่างองค์กรและชุมชน และกระตุ้นกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างความยั่งยืน CSR in The Local โดยเน้นกลุ่มตลาด Group FIT, MICE จัดประชุม สัมมนาและการจัดกิจกรรม CSR ในชุมชนและเมืองรอง ผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงในเมืองรองและทำกิขกรรม CSR อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้วยต้นแบบโมเดล “TAT 360° รู้รอบตัว ใส่ใจรอบด้าน” ภายใต้บริบทหน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
ในโครงการ Local Life & Learn นั้น ททท.นำร่องเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย
1.แพกเกจชวนไปท่องเที่ยวชุมชนและเมืองรอง ทั้ง SDGs Education Package ที่ชวนคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามข้อตกลง SDGs, Growing Package ช่วยเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรในด้านต่าง ๆ หรือ Village Route & Homestay แพ็กเกจการท่องเที่ยวชุมชน และที่พักโฮมสเตย์ที่แบ่งไปตามทั่วทุกภูมิภาคขอไทย
2. Thailand Local Giving แผนผนวกยุทธศาสตร์สร้างส่วนร่วม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพของชุมชน โดยผู้ที่สนใจท่องเที่ยวสไตล์ชุมชน สามารถเข้ามาเลือกซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวได้ผ่านทางในเว็บไซต์ Amazing Thailand Go Local
3. ขยะให้โชค อีกกิจกรรมดีๆ ที่ ททท. ใส่ใจและเล็งให้เห็นความสำคัญกับการกำจัดขยะ สามารถแยกขยะให้ถูกวิธี และสร้างให้เห็นว่าขยะในมือของคุณ สามารถจะนำไปสร้างสังคม ก่อประโยชน์ให้ชุมชนได้อีกทาง รวมถึงการรณรงค์ให้เกิด การ up cycling นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยจะมีอุโมงค์ขยะ จำนวน 12 จุด ตามสำนักงานททท. ทั่วประเทศ
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #tatcsr
อ่านได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1194298
ผู้นำ ททท.ลุยผ่าตัดใหญ่ตลาดจีนหดตัว ลั่น 3 เดือนสุดท้าย ต้องได้อีก 1.5 ล้านคน จับมือสมาคมค้าปลีกไทย งัดใช้แคมเปญเด็ด “Passport Sale 2018” ระดมแบรนด์โลกลดกระหน่ำเพิ่มขั้นต่ำ 14 % หวังปลุกจีนแห่ช็อประยะเร่งด่วน 15 พ.ย.15 ธ.ค.นี้ ควบทำสารพัดโปรเจ็กต์ดึงต่างชาติใช้เงิน และคนไทยเที่ยวโค้งสุดท้าย ผนึก SET ผุดโปรเจ็กต์ Local Life & Learn รณรงค์ 700 บริษัทจดทะเบียนแห่เที่ยวชุมชน 55 เมืองรอง
ดร.ยุทศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแก้วิกฤตตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ระหว่าง ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ได้ให้สำนักงาน ททท.สาธารณรัฐประชาชนจีน 5 แห่ง ระดมอัดแคมเปญระยะสั้นนำเข้านักท่องเที่ยวจีนมาให้ได้เพิ่มอีก 1.5 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนคน ซึ่งจใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 50,000 บาท/ทริป จะทำให้ตลอดปีนี้จะมีจำนวนเป็นไปตามเป้าประมาณ 10.5 ล้านคน ควบคู่กับการทำกลยุทธ์ระยะเร่งด่วนนำเข้าตลาดกลุ่มประเทศในรัศมีการบินมาไทยไม่เกิน 6 ชั่วโมง จากทั้งภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเพิ่มจากปกติอีก 5 แสนคน
โดยททท. มีไฮไลต์เตรียมจับมือกับสมาคมค้าปลีกไทย ทำแคมเปญ Passport Sale 2018 ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2561 เพียงแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติโชว์พาสปอร์ตกับห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวที่กำลังประสบปัญหาตลาดจีนหายไป อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ก็รับไปเลยทันทีส่วนลดขั้นต่ำในการช้อปปิ้ง 14 % เป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม % บวก ส่วนลด 7 % และจัด Top Thailand Brand Sale นำสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ยอดนิยมจากชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ มาร่วมขายด้วย รวมทั้งตลาดในประเทศก็ต้องเร่งทำกิจกรรมกระตุ้นทุกจังหวัด โดยเล็งจัดยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์ 5 เมืองรอง ลำพูน นครพนม จันทบุรี สตูล ราชบุรี
ขณะนี้การจัดทำโครงการ Passport Sale 2018 ททท.กำลังหารือกับกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก อาทิ Prada, Cucci และอีกมากมาย เข้าร่วมโครงการเพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะเร่งด่วน เข้ามาเสริมสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงพานิชย์เองเพิ่งแถลงตัวเลขส่งออกติดลบถึง 19 % ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วยกันรักษารายได้ไว้ให้มากที่สุดโดยเฉพาะปี 2561 ต้องได้ตามเป้าประมาณ 3 ล้านล้านบาท และปี 2562 จะต้องได้ 3.4 ล้านล้านบาท
“รวมถึงได้มอบหมายให้ ททท.สำนักงานในประเทศตามพื้นที่รอยต่อชายแดน จัดทำโครงการ Grand Sale Dine & Fine 2018 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นำสินค้าโอท็อปในทุกหมวดมาจัดมหกรรมการขาย เพื่อกระตุ้นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวตามตะเข็บชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเที่ยวพร้อมใช้เงินช็อปปิ้งสินค้าสร้างความคึกคักอีกช่องทาง”
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ซึ่งเข้ามาปีละเกือบ 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมด ตอนนี้ตลาดจีนมาไทยลดลงอย่างฉับพลันเหลือขั้นต่ำ 10 % นั้น เกิดจากอารมณ์ ความรู้สึก ผนวกปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศจีนชะลอตัว ทางรัฐบาลจีนเองก็มีแคมเปญออกมารณรงค์ให้จีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องร่วมมือกันในทุกช่องทาง
โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งหมด นำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ประชุมหารือกันไปพร้อมทั้งรับปากเรียบร้อยแล้วที่จะต้องนำกฎ 12 ข้อมาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระบบการให้บริการคมนาคมขนส่ง และการจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็วที่สุด
หลังจากออกแคมเปญกระตุ้นแรง ๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้แล้ว จากนั้น ททท.จะรอดูผลลัพธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ช่วงตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2652 หากสถานการณ์ตลาดจีนยังไม่ฟื้นกลับมาในทางที่ดีขึ้น ก็จะอัดแคมเปญต่ออีกระยะก่อนถึงเดือนเมษายน 2562 อีกครั้ง
ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า ททท.ภายในวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2561 จะนำมาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาทัวร์จีนลดลง เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) โดยมีเรื่องรายละเอียดของการพิจารณายกเว้นค่าธรรมการทำ VISA On Arrival : VOA ผนวกเข้าไว้ด้วย เพราะจะไม่ำด้ยกเว้นให้ระยะสั้น ๆ เฉพาะจีน แต่แนวโน้มไทยจะให้ทั้งหมด 21 ประเทศ แต่ก็ต้องทำข้อศึกษาถึงรายได้ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย กับประเมินเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาตามโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าดังกล่าว ซึ่งภายในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 นี้ ก็จะนำเรื่องทั้งหมด้ข้าหารือในระดับรัฐยาลกับ ดร.วีระศักด์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อสรุปความชัดเจนทั้งหมด ก่อนจะให้ ททท.นำมาตรการท่องเที่ยวประกาศใช้อย่างเป็นทางซึ่งจะเรียกว่าเป็นน้ำใจจากประเทศไทยมอบให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติต่อไป
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ได้นำทีมเครือข่ายพันธมิตร เปิดโครงการ “Local Life & Learn” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีสมาชิกบริษัทจดทะเบียนอยู่กว่า 700 บริษัท เดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและเมืองรอง เพิ่มรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลแพ็กเกจการทำ CSR ระหว่างองค์กรและชุมชน และกระตุ้นกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างความยั่งยืน CSR in The Local โดยเน้นกลุ่มตลาด Group FIT, MICE จัดประชุม สัมมนาและการจัดกิจกรรม CSR ในชุมชนและเมืองรอง ผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงในเมืองรองและทำกิขกรรม CSR อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้วยต้นแบบโมเดล “TAT 360° รู้รอบตัว ใส่ใจรอบด้าน” ภายใต้บริบทหน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
ในโครงการ Local Life & Learn นั้น ททท.นำร่องเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย
1.แพกเกจชวนไปท่องเที่ยวชุมชนและเมืองรอง ทั้ง SDGs Education Package ที่ชวนคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามข้อตกลง SDGs, Growing Package ช่วยเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรในด้านต่าง ๆ หรือ Village Route & Homestay แพ็กเกจการท่องเที่ยวชุมชน และที่พักโฮมสเตย์ที่แบ่งไปตามทั่วทุกภูมิภาคขอไทย
2. Thailand Local Giving แผนผนวกยุทธศาสตร์สร้างส่วนร่วม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพของชุมชน โดยผู้ที่สนใจท่องเที่ยวสไตล์ชุมชน สามารถเข้ามาเลือกซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวได้ผ่านทางในเว็บไซต์ Amazing Thailand Go Local
3. ขยะให้โชค อีกกิจกรรมดีๆ ที่ ททท. ใส่ใจและเล็งให้เห็นความสำคัญกับการกำจัดขยะ สามารถแยกขยะให้ถูกวิธี และสร้างให้เห็นว่าขยะในมือของคุณ สามารถจะนำไปสร้างสังคม ก่อประโยชน์ให้ชุมชนได้อีกทาง รวมถึงการรณรงค์ให้เกิด การ up cycling นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยจะมีอุโมงค์ขยะ จำนวน 12 จุด ตามสำนักงานททท. ทั่วประเทศ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น