ททท.นำเอกชนไทยกวาดตลาดโลกใน ITB ASIA 2018
ปี’62บุกอินเดียแทนทัวร์จีนชูตลาดเอเชียโกย2ล้านล้าน
คิงเพาเวอร์3ทศวรรษจัดDelightลดทุกสาขากว่า 30 %
ททท.จ่อMOUสิงคโปร์แอร์ดูดทัวร์แปซิฟิกใต้ปี’62-63
เติมบางจาก700บาทรับฟรีคู่มือท่องเที่ยว 55 เมืองรอง
TCEBโชว์พลังผนึกภาคีพันธมิตรลุยทำ5โปรเจ็กต์ไมซ์
หนาวนี้ไปสัมผัสไอหนาววิถีชาวเขาบนดอยตุงเชียงราย
ต้องรู้ว่าเลือกกินผักอย่างถูกวิธีดีต่อสุขภาพทุกวันทุกวัย
กลุ่มThe Zignนำแบรนด์ท้องถิ่นพัทยาครอง ITB ASIA
โคราชจัดกระหึ่มนวัตวิถีท่องเที่ยวโอท็อป31ต.ค.-4พ.ย.
อโกด้าเปิดโพลล์กรุงเทพแชมป์เทรนด์ใหม่ทัวร์คนเดียว
รมว.วีระศักดิ์เสนอไทยพลิกแนวจัดยูธโอลิมปิก8ปีหน้า
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ลัดฟ้าสู่เกาะสิงคโปร์เพื่อไปเจาะลึกกับ “กฤษฎา รัตนพฤกษ์” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ นำเอกชนไทยบุกจับคู่ขายท่องเที่ยวในมหกรรมระดับโลก ITB ASIA 2018 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ สิงคโปร์ ที่ไทยกวาดมากว่า 1,200 นัดหมาย พร้อมกับเปิดแผนตลาดเชิงรุกปี 2562 ลั่นนำนักท่องเที่ยวอินเดียแทนจีนที่กำลังชะลอตัว เจาะเต็มเหนี่ยว ตลาดเวียดนาม สสป.ลาว ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พร้อมโชว์สัดส่วนนักท่องเที่ยวเอเชียโกยเงินเข้าประเทศได้มากถึง 65 % ของปีหน้าทั้งหมด 2.4 ล้านล้านบาท กระจายทั่วไทยใน 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า ในการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยกว่า 40 ราย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจงานระดับอินเตอร์ ITB ASIA 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม 2561 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีคู่ค้ากลุ่มตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 900 ราย เข้ามาจับคู่ซื้อขายเอกชนท่องเที่ยวไทยซึ่งมีการนัดหมายกันไว้ไม่ต่ำกว่า 1,200 นัด อันเป็นตัวชี้วัดด้านโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเพื่อนำรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศ
โดยนำเสนอธีมการขายท่องเที่ยวไทยภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Open to the New Shades ควบคู่กับ Million Shades of Thailand ชูความหลากหลายทั้งทางด้านอาหารการกิน วัฒนธรรมท้องถิ่น และอื่น ๆ รวมถึงการเจาะตลาดในสิงคโปร์ก็เสนอโปรดักซ์ เดียวกันโดยมีเรือธงปี 2562 บุกหนักเรื่องกอล์ฟซึ่งมีประชากรเล่นกอล์ฟไม่ต่ำกว่า 200,000 คน มีทั้งการได้ขายสนามกอล์ฟ เมมเบอร์ นอกจากนั้นยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งปีนี้ทำได้เกิน 1 ล้านคน กระแสตอบรับดีมาก คาดหวังปี 2562 ตลาดสิงคโปร์จะเติบโตทางด้านจำนวนไม่น้อยกว่า 6 % เป็นกลุ่มคุณภาพมีกำลังใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวในไทยสูงมากเฉลี่ยคนละ 42,000 บาท/ทริป
ส่วนภาพใหญ่ของตลาดอาเซียน เอเชียใต้ (อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ) และแปซิฟิกใต้ (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ปี 2562 อย่างแรกต้องทำรายได้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 12 % ประการหลักนักท่องเที่ยวเอเชียสร้างรายได้เข้าไทยมีส่วนแบ่งมากที่สุดถึง 65 % จากเป้าหมายการทำรายได้ตลาดทั่วโลกเข้าไทยทั้งหมดในปีหน้ามูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท
ดังนั้นจึงต้องพุ่งเป้าลุยเจาะตลาดซึ่งจะเข้ามาสร้างสมดุลในจังหวะที่นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว ททท.เตรียมนำนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาทดแทน เนื่องจากมีประชากรใกล้เคียงกันเกือบ 1,000 ล้านคน เที่ยวเบินขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีสายการบินเปิดบินตรงเข้าไทยทุก 2-3 สายการบินต่อเดือน ขนาดของประชากรใกล้เคียงจีน อีกทั้งจำนวนผู้ถือพาสปอร์ตพร้อมเดินทางมีมากด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์การเจาะตลาดอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ไฮเทคโนโลยีจึงทำการค้าขายผ่านออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมืองขนาดใหญ่ เดลี มุมไบ ทั้งการซื้อขายท่องเที่ยว หรือการทำโปรโมชั่นร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ได้ประสิทธิภาพที่ดี
ตลาดที่ 2 เวียดนาม ประชากร 95 ล้านคน คนวัยทำงานมีจำนวนมากจากการขยายตัวด้านลงทุนภายในประเทศ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจดี ผู้คนต้องการเดินทางท่องเที่ยวกลุ่มหลักคือ First Jober คนรุ่นใหม่วัยทำงาน ต้องการประสบการณ์มีส่วนร่วมสนใจเดินทางเข้าไทย โดยมีสายการบินจากเมืองหลัก ฮานอย โฮจิมินห์ มีจำนวนมากพอที่จะมาเที่ยว บินกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวอื่น อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ และเมืองรองใกล้เคียง สร้างการกระจายนักท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเวียดนามชอบความสดใหม่อย่างแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้า เช่น เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นความแปลกใหม่ในบรรยากาศร้านอาหารเก๋ ๆ หรือจะเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมความเก่าแก่ของเมืองดั้งเดิมเรียกว่า Old Town
ตลาดที่ 3 มาเลเซีย เป็นตลาดดั้งเดิมแต่มีการเติบโตดีมาตลอด ขณะนี้กำลังปรับปรุงการเดินทางเข้าทางด่านชายแดน สะดวกสบายในการขับรถเข้ามาท่องเที่ยวได้หลากหลายพื้นที่ทั่วไทย
ตลาดที่ 4 สปป.ลาว เติบโตดีจากการเดินทางด้วยความถี่สูง สามารถเข้ามาทางชายแดน มาใช้บริการดูแลสุขภาพ ความงาม
ททท.มองตลาดอาเซียนที่จะกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ทั้ง เวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย และสมาชิกอาเซียนประเทศอื่น ๆ
นายกฤษฎา กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2562 จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าเมืองหลักแล้วกระจายสู่เมืองรอง ควบคู่กับการนำเข้าไปสู่เมืองรองโดยตรง เช่น เชียงราย มีความพร้อมการเข้าถึงด้วยสนามบินนานาชาติได้เกณฑ์มาตรฐานสากล เช่นเดียวกับ สุราษฎร์ธานี กลยุทธ์การเจาะตลาดก็คล้ายคลึง แต่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นเสริมเขี้ยวเล็บให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการบุกตลาดอินเดียเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีน ททท.วางแผนเดินสายทำ “โครงการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ” เบื้องต้นเตรียมยกระดับรับมือกับตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียซึ่งมีความต้องการแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นทั่วไป นอกจากการทำฝึกอบรมกลุ่มธุรกิจในกรุงเทพฯ แล้ว ภายในปลายปีนี้จะขยายไปยัง 2 พื้นที่หลัก คือ ภูเก็ตหรือกระบี่ กับเชียงใหม่
เพื่อให้เป้าหมายการสร้างความดุลของนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากอินเดียเข้ามาทดแทนจีน ผู้ประกอบการเองก็ควรต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ ททท.จะทำการคัดสรรเลือกเจาะเข้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยม สดใส สมัยใหม่ และมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ดีสอดคล้องกับวิถีไทยด้วยเช่นกัน แตกต่างจากตลาดอินเดียดั้งเดิมที่คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ไม่ค่อยพึงใจมากเท่าไร
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์3ทศวรรษจัดDelightลดทั่วไทย30%”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า พร้อมจัดฉลองครบ 29 ปีและเตรียมก้าวสู่ปีที่ 30 ของคิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้บุกเบิกร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว จึงได้จัดมหกรรมคืนกำไรอย่างยิ่งใหญ่ให้ลูกค้าด้วยงาน “29th Anniversary Delights & Surprises” ตลอดเดือนตุลาคม 2561 สามารถเลือกช้อปสินค้าอย่างหลากหลายได้ตามสาขา ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทั่วประเทศ สามารถรับส่วนลดสูงสุดได้ถึง 30 % และลุ้นรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย
โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นรังสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษอย่างต่อเนื่องในฐานะเพื่อนนักเดินทางที่แท้จริง ในการเป็นจุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ที่มากกว่าดิวตี้ฟรี สามารถสร้างประสบการณ์แบบเหนือระดับให้แก่นักท่องเที่ยวคนไทยและจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด “We are travellers too – เราเข้าใจนักเดินทาง เพราะเราก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน” ระหว่างวันที่ 18 - 21 ตุลาคม 2561 จัดงานเฉลิมฉลองภายใต้งธีมคอนเซ็ปต์ “Enchantment of the Cruise Where Celebration Set Sail” – มนต์เสน่ห์แห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขไปกับการล่องเรือสำราญสุดหรู เพื่อมอบให้ลูกค้าที่มีความผูกพันและให้การสนับสนุน คิง เพาเวอร์ ตลอดมา
ระหว่างวันนี้ – 21 ตุลาคม 2561 นักเดินทางและนักช้อปสามารถร่วมงาน “29th Anniversary Delights & Surprises” ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งได้จัดเตรียมทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ และโปรโมชั่นสุดเร้าใจไว้เอาใจลูกค้ามากมาย และของรางวัลสุดพิเศษให้ลูกค้าได้ร่วมลุ้นอย่างจุใจทุกวัน อีกทั้งยังจะได้ชมขบวนพาเรดสุดตระการตา
สนุกไปกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ กันต์ – นภัทร อินทร์ใจเอื้อ นักร้องหนุ่มเสียงหวาน, ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช นักร้องหนุ่มมาดกวน, แกงส้ม - ธนทัต ชัยอรรถ นักร้องหนุ่มรูปหล่อเสียงดี และเพลิดเพลินอารมณ์ดีพร้อมดื่มด่ำไปกับนักร้องน้ำเสียงทรงพลัง อ๊อฟ – ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบความสุขให้กับลูกค้าขาช็อปอย่างเต็มอิ่ม
ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ แต่ละสาขาพร้อมเปิดบริการต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 19 - 21 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00 – 22.00 น. คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ตั้งแต่ 09.00 – 21.00 น.คิง เพาเวอร์ พัทยา ตั้งแต่ 09.30 – 21.00 น. คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ตั้งแต่ 10.00 – 21.30 น.
ส่วนวันเปิดงานเมื่อค่ำคืนวันที่ 18 ตุลาคม 2561 คิง เพาเวอร์ ได้เนรมิตพื้นที่บริเวณ คราวน์ เอเทรียม
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เสมือนพาล่องเรือสำราญหรูอยู่กลางมหาสมุทรอันไกลโพ้น เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ ในค่ำคืนสุดพิเศษ โดยมีโชว์ไฮไลต์สุดตระการตา จาก หญิง–รฐา โพธิ์งาม พร้อมทีมนักแสดงคับคั่ง ผ่านการแสดงในรูปแบบมิวสิคัลแดนซ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่อง “Anything Goes” ละครเวทีที่มีการดำเนินเรื่องบนเรือสำราญ ที่ได้รับรางวัล “Best Revival and Best Choreography of Musical” จาก Tony Award พร้อมทั้งได้ดัดแปลงเนื้อร้องให้มีความสัมพันธ์และการดำเนินเรื่องราวผ่านตัวละครเอกที่เล่าขานถึงความยิ่งใหญ่ของ คิง เพาเวอร์ ตลอดระยะเวลา 29 ปี รวมทั้งการนำมินิคอนเสิร์ตมาสร้างความสนุกสนุนกับศิลปินชื่อดัง ทอม Room39 และเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ นวดี โมกขะเวส, ศิวารยา ณ นคร, แสงแข เหมกมลเศรษฐ์ และพิมพ์พัชร วัชรเสวี
สามารถมาร่วมฉลองความสำเร็จการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 กับคิง เพาเวอร์ ธุรกิจของคนไทยที่นำชื่อเสียงของประเทศไทยไปสร้างในเวทีโลกมาอย่างยาวนานถึง 3 ทศวรรษ
ข่าวที่ 2 “ททท.จ่อMOUสิงคโปร์แอร์ดูดทัวร์โลกปี62-63”
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย ได้ใช้โอกาสในช่วงเดินทางมาเข้าร่วมงาน ITB ASIA 2018 นัดหารือกับทางผู้บริหารสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส โดยมีนายขจรเดช อภิชาตตรากุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ และทีมงานเข้าร่วมด้วย เพื่อปูพรมเตรียมลงนามความร่วมมือ MOU รอบใหม่ในต้นปี 2562 หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ร่วมลงนามโครงการนี้ครั้งแรกโดยทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 2 ปี ระหว่างปี 2560-2561
ครั้งนี้ผลการหารือเบื้องต้นร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกัน 4 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1 ทำกิจกรรมการตลาดนำผู้โดยสารจากตลาดทั่วโลกในเครือข่ายที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ให้บริการทั้งจาก เอเชียใต้ในตลาดใหญ่อย่างอินเดีย และแปซิฟิกใต้ 2 ประเทศหลัก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงกลุ่มตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ
เรื่องที่ 2 ททท.สำนักงานสิงคโปร์ จะเร่งทบทวนแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส พร้อมจะส่งต่อให้ไทย
ทั้ง 2 เรื่องแรกนี้ทางฝ่ายสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กับ ททท.สิงคโปร์ จะนำกลับไปประมวลรายละเอียด เพื่อวางแผนการทำงานเชิงรุกในตลาดเป้าหมายให้สอดคล้องกัน จากนั้นก็ ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ จะสรุปแผนงานโครงการนี้ให้แล้วเสร็จภายสิ้นปี 2561 เพื่อเสนอผู้บริหาร
เรื่องที่ 3 นำเสนอสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดบินตรงเส้นทางใหม่ ไป-กลับ สิงคโปร์-อู่ตะเภา รวมทั้งเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่เชียงใหม่ เนื่องจากอนาคตหากบินเข้าอู่ตะเภาซึ่งปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 3 ล้านคน อีกทั้งยังผนวกขายเส้นทางท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรองเข้าสู่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด
เรื่องที่ 4 ททท.เตรียมจัดแฟมทริปนำตัวแทนของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ช่วงต้นปี 2562 ให้เข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภาคตะวันออกทั้งหมด พร้อมกับสำรวจโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังขยายการลงทุนระบบรางเต็มรูปแบบ
ทางด้าน ขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การลงนาม MOU กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการบินไทยสายการบินแห่งชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเสนอไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องร่วมกับสายการบินพันธมิตรรายอื่น เพื่อเพิ่มรายได้และอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มีศักยภาพเข้ามายังสิงคโปร์เดินทางไปใช้จ่ายเงินในไทยต่อไปตามนโยบายความร่วมมือการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน
โดยตั้งเป้าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพและค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปเข้าประเทศไทยให้ได้มากที่สุด ด้วยกลยุทธ์กระจายนักท่องเที่ยวไปยังให้ได้มากกว่ากรุงเทพฯ เพียงจุดเดียว ซึ่งการร่วมมือกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ซึ่งมีสายการบินในเครืออีก 2 แอร์ไลน์ส ได้แก่ ซิลค์แอร์ และสกู๊ต ซึ่งมีเที่ยวบินจากสิงคโปร์ตรงเข้าจังหวัดเชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต หาดใหญ่ สมุย โดยพยายามจะเลือกเส้นทางที่ไม่ไปทับกับการบินไทย เพื่อให้ทุกฝ่ายวิน วิน เนื่องจากยังมีส่วนแบ่งการตลาดนักท่องเที่ยวนานาชาติในสิงคโปร์อีกกว่า 20 % พร้อมจะไปบินต่อเพื่อไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย และพื้นที่ใหม่ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก ( Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวศักยภาพที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปกระจายรายได้ในเมือง Fruit City ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นการเปิดท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามชุมชนสวนผลไม้ซึ่งมีให้เลือกมากมาย
ปี 2562 ททท.พร้อมร่วมมือกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ผลักดันเจาะกลุ่มใหม่ ตลาดผู้สูงวัย-Active Senior ที่พำนักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ตอนนี้แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเกษียณอายุ กลุ่มสอง คนสูงวัยที่มีรายได้สูง ททท.จะทำภายใต้โครงการ Grey is the New Gold ซึ่งสอดคล้องกับทางสิงคโปร์ปัจจุบันมีโครงการ Silver Age อยู่แล้ว ก็จะผนวกทั้ง 2 โครงการให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วดึงความสนใจให้หันมาเที่ยวเมืองไทยแทนการไปท่องเที่ยวระยะไกลข้ามทวีป
สำหรับความร่วมมือ ระหว่าง ททท.กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ช่วง 2 ปีแรก หลัก ๆ ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ 1.ร่วมมือกันทำกิจกรรมการตลาดเชิงรุก 2.การทำประชาสัมพันธ์ 3.การแลกเปลี่ยนความร่วมมือกันทางด้านการพัฒนาองค์กรเกี่ยวกับองค์ความรู้ต่าง ๆ 4.แลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่พนักงาน ผู้บริหาร ระหว่างกัน
ข่าวที่ 3 “เติมบางจาก700บาทรับฟรีคู่มือเที่ยว55เมืองรอง”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรบางจาก เมื่อเติมน้ำมันตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป รับฟรี คู่มือท่องเที่ยว "มหัศจรรย์ 55 เมืองรอง" โดยบางจากฯ ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่ามหัศจรรย์มากมายชวนให้ค้นหา รูปเล่มสวยงาม น่าอ่าน น่าพกพา มูลค่า 99 บาท
นักเดินทางทุกคนสามารถรับคู่มือการท่องเที่ยว “มหัศจรรย์ 55 เมืองรอง" ได้ตั้งแต่วันนี้ -27 ต.ค.2561 หรือจนกว่าของจะหมด ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากในเขตกรุงเทพฯ ที่ร่วมรายการ รายละเอียดเพิ่มเติม www.bcpgreenmiles.com.
ข่าวที่ 4 “TCEBรุกใหญ่ต้นต.ค.ร่วมภาคีไมซ์5โปรเจ็กต์”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ตลอดช่วงต้นเดือนตุลาคม 2561 ได้เดินหน้าทำกิจกรรมสำคัญให้อุตสาหกรรมไมซ์ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
1. จัดเส้นทาง 7 magnificent themes - อาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม Beach ประวัติศาสตร์ CSR team building adventures ให้อุตสาหกรรมไมซ์ ซิตึ้ เมืองพัทยา ซึ่งยังมีชุมชนพร้อมเปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นอีกหลายแห่ง อย่าง A La Campagne มีกิจกรรมหลากหลายในวิถีถิ่นให้ผู้เข้าเยี่ยมเยือนร่วมทำ
2.โครงการ international media Familializatiion trip ใช้พัทยาเป็นพื้นที่หลักของไมซ์รอบบริเวณระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) กับการนำสร้างไมซ์โมเดลมาขับเคลื่อนภาพใหญ่ของประเทศ รวมถึงนำเสนอ formula MICE model กับผสมผสานลงไปในการลงทุน 6 เมกะโปรเจ็กต์
3.โครงการ ศึกษาการสร้างศูนย์ประชุมในประเทศไทย Venue guideline โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาน ภิรัช บุรี เจ้าของไบเทค และผู้บริหารอิมแพ็ค เมืองทองธานี คณะของนายกสมาคมการแสดงสินค้าไทยและ CEO รอยัลพารากอน และผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และภาคีพันธมิตรในอุตสาหกรรมไมซ์ ร่วมกันให้ข้อมูลเชิงลึกด้านการคิดทางเทคนิคในการสร้างศูนย์ประชุม
4. โครงการศึกษา White paper และโร้ดแมฟของอุตสาหกรรมไมซ์ เตรียมทำข้อเสนอกับรัฐบาลช่วยกันขับเคลื่อนไมซ์อย่างจริงจัง สร้างขีดความสามารถไมซ์ไทยก้าวเป็นศูนย์กลางไมซ์เอเชีย ตามยุทธศาสตร์ชาติ
5. โครงการสรุปการจัดทำ Economic impact Study ไมซ์ปี 2017 พร้อมผู้บริหารจากสมาคมที่เกี่ยวข้องกับ ไมซ์ รวมถึง ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักสถิติแห่งชาติ
ช่วงที่ 2 เตรียมวันว่างไว้พักผ่อนในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวปลายปีนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยว “โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จังหวัดเชียงราย มาแนะนำให้ชวนกันไปกระจายรายได้บนยอดดอยสูง ดื่มด่ำธรรมชาติ วัฒนธรรมชาวเขาและการเที่ยวเชิงเกษตรอันหลากหลาย ส่วนเรื่อง “การเลือกกินผักเพื่อสุขภาพ” ก็มีคำแนะนำมาฝากกัน สำหรับข่าวเจาะลึก “ตะลึง ! โรงแรมกลุ่ม The Zign พัทยา” ใช้แบรนด์ท้องถิ่นกวาดลูกค้า ITB ASIA 2018ส่วน “กรมการพัฒนาชุมชน” เปิดเมืองโคราชจัดใหญ่ โอท็อปนวัตวิถีท่องเที่ยว 31 ต.ค.-4 พ.ย.นี้” ทางด้าน “อโกด้าเว็บท่องเที่ยว” เปิดโพลล์ล่าสุด กรุงเทพฯ คว้าแชมป์รับเทรนด์ใหม่ชาวเอเชียแห่เที่ยวคนเดียว ปิดท้าย “รมว.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” คิดใหม่ให้ไทยเจ้าภาพยูธโอลิมปิก 8 ปีหน้า กระจายสนามแข่งแทนสร้างสนามใหม่ลดงบและค่าใช้จ่ายแถมไม่เป็นภาระหลังเสร็จงาน
@หนาวนี้ชวนเที่ยวโครงการพัฒนาดอยตุง เชียงราย
โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือโครงการในพระราชดำริ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต อนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของ ชาวไทยภูเขาและชาวไทย ภาคเหนือให้คงอยู่ ตลอดไป สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07:00 - 17:00 น.
โดยมาจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งอดีต ทำให้วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กลายมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เผยความงดงามทั้งทัศนียภาพ และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบสาน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนแวะเวียนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมนานาพรรณไม้ที่งอกงาม และสัมผัสทัศนียภาพอันร่มรื่นสบายตาอย่างไม่ขาดสาย
โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริของสมเด็จย่าแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย ที่ประกอบไปด้วย ชนเผ่าอาข่า ลาหู่ จีนก๊กมินตั๋ง ไทใหญ่ ไทลื้อ และไทลัวะ มากกว่า 11,000 ชีวิต ภายหลังสมเด็จย่าทรงได้แรงบันดาลใจ จากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแก้ปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่นของชาวไทยภูเขามาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้สมเด็จย่า มีพระราชประสงค์ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชาวบ้าน บนดอยตุง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมทั้งอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาวไทยภูเขาและชาวไทยภาคเหนือให้คงอยู่ตลอดไป วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ คือแหล่งเรียนรู้งานฝีมือและการแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความทันสมัยและรากเหง้าของวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว
การท่องเที่ยวในเชียงราย ในแต่ละวันให้มีความสุข
เริ่มวันแรก ช่วงเช้า วางแผนไปท่องเที่ยว อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชาวเชียงราย “ช่วงบ่าย” ชมขัวศิลปะ ร่วมกิจกรรมงานศิลปะกับศิลปิน และ ชมศิลปะบ้านดำของ อ.ถวัลย์ ดัชนี
วันที่สอง “ช่วงเช้า” ดื่มด่ำกับพระตำหนักดอยตุง ชมสวนแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ “ช่วงบ่าย” ไปดูศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานจากดอยตุง ซื้อผลิตภัณฑ์ดอยตุงชมโรงงานทอผ้า เซรามิก
วันที่สาม “ช่วงเช้า” หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน อุมงคมุข อุโมงค์กาลเวลาที่รวบรวมเรื่องฝิ่นที่สมบูรณ์ที่สุด “ช่วงบ่าย” ตลาดแม่สาย เลือกซื้อสินค้าจากไทย-เมียนมาร์
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง ที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ร้านดอยตุงไลฟ์สไตล์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของดอยตุง อาทิ ผ้าทอมือ เสื้อผ้า พรมทอมือ ของตกแต่งบ้าน
กิจกรรมห้ามพลาด เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของ โครงการที่หอพระราชประวัติ ร้านมุมกาแฟ โครงการพัฒนา ดอยตุง จิบกาแฟสดรสเยี่ยมของ โครงการ เวลา 08.00-17.00 น.
สำหรับ “ค่าเข้าชม” ทั้งชาวไทยและต่างชาติเท่ากัน คนละ 150 บาท เพื่อเข้าชมได้ 3 สถานที่สำคัญ ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอพระราชประวัติ มีรถสองแถวบริการตั้งแต่ 07.00 น.ออกทุก 20 นาที
สนใจท่องเที่ยวโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) ศูนย์ท่องเที่ยวและบริการ สำนักงาน ประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง อาคารอเนกประสงค์ พระตำหนัก ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โทร. 0-5376-7015-12 หรือเข้าไปดูได้ที่ www.doitung.com
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ราว 45 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1149 ไปอีกประมาณ 15 กม.
@เลือกกินผักให้ถูกวิธีดีต่อสุขภาพ
การนำผักที่ไม่สะอาดปลอดภัยมาบริโภค อาจจะนำพิษภัยอะไรมาสู่ตัวเราแล้วจะมีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะทำให้พิษภัยต่างๆ ลดลงหรือหมดไป สิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจในเรื่องการลดพิษภัยจากผักก็คือ การเลือก การล้าง และการเก็บที่ถูกต้องตามหลักการทางสุขาภิบาลอาหาร ดังต่อไปนี้คือ
การเลือกผัก ควรจะพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้ คือ
1.มีสภาพสด สะอาด ไม่เหี่ยวเฉาไม่ช้ำจนเกินไป หรือไม่มีสีเหลือง
2.ปราศจากเชื้อรา ซึ่งอาจจะมองเห็นเป็นเมือกลื่นๆ ตามใบ
3.อย่าเลือกซื้อผักที่มีใบสวยมาก ควรมีรูพรุนบ้าง เพราะรูพรุนแสดงว่า ชาวสวนฉีดพ่นยาไม่บ่อยเกินไป
4.เป็นพวกผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักชีฝรั่ง ถ้าหากว่าตรงก้านของมันมีผงสีขาวๆ เทาๆ แสดงว่ามันเสีย
ผักบางชนิดสะสมสารมีพิษไว้มาก เช่น ผักกาดขาว ดังนั้นควรหลีกลี่ยงซื้อผักประเภทรับประทานหัว เพราะผักประเภทนี้จะสะสมสารมีพิษไว้มากกว่าผักกินใบ
5.เลือกผักที่มีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงน้อยที่สุด หรือไม่ได้ฉีดพ่นเลย เช่น หน่อไม้ กระถิน ชะอม ตำลึง หัวปลี ยอดแค แตงร้าน สะตอ ถั่วงอก ฟักทอง บวบ ใบชะพู ผักกูด สายบัว ฯลฯ
6.ถ้าสามารถเลือกรับประทานผักที่มีคุณค่าทางอาหารด้วยก็จะดี เช่น ผักชะอม มีผู้วิจัย พบว่า เป็นพืชที่มีจำนวนโปรตีนถึง 55.34 กรัม ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ฟักทอง โดยเฉพาะเมล็ด มีโปรตีน 32.68 กรัม ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผักหลายชนิดที่มีสารอาหารประเภทวิตามินเอสูง ในขณะเดียวกันก็มีสารพิษฆ่าแมลงน้อยด้วย เช่น ใบโหระพา ใบยอ ใบแมงลัก ใบขี้เหล็ก ตำลึง ชะอม ยอดแค ยอดมะละกอ ตำลึง ชะอม เป็นต้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “กลุ่มThe Zign ชูแบรนด์ท้องถิ่นโกยลูกค้าITB ASIA2018”
นายสุขุมนันท์ สุขอุดม ผู้จัดการโรงแรมเครือ The ZIGN กลุ่มอัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในฐานะโรงแรมแบรนด์ท้องถิ่นในเมืองพัทยา ได้เข้าร่วมมหกรรมขายท่องเที่ยวรายการใหญ่ระดับโลกในงาน ITB ASIA 2018 ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2561 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงโปร์ ซึ่งทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา จับมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ลงทุนเช่าพื้นที่แยกมาเปิดพัทยา พาวิลเลี่ยน โดยนำเอกชนในพัทยาและชลบุรีมาร่วมการขายกับคู่ค้าท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วโลก
ผลปรากฏว่าเครือโรงแรมท้องถิ่นอย่างในเครือของอัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป ซึ่งมีทั้งหมด 9 แบรนด์ 9 แห่ง ได้รับความสนใจจากคู่ค้าทั่วโลกแห่กันเข้ามาทำสัญญาห้องพักวันแรกมีผู้สนใจในกลุ่มผู้ค้าส่งการท่องเที่ยวจนสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 100 ห้อง ตลอดการขายต่อเนื่อง 3 วัน ระหว่าง 16-18 ตุลาคม 2561 จะขายได้มากกว่า 400 ห้องขึ้นไป กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ๆ มีทั้ง กลุ่มประชุม สัมมนา อุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระ และบริษัทค้าส่งการท่องเที่ยว โดยทางโรงแรมมีโรงแรมระดับมาตรฐานให้เลือกตั้งแต่ 3 ดาว ไปจนถึง 5 ดาว พุ่งเป้าเจาะกำลังซื้อใหญ่มาจากเพื่อนบ้านในภาคพื้นอาเซียนหรือ AEC มีทั้ง เวียดนาม เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เรื่อยไปจนถึงตลาด ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศแถบตะวันออกกลาง
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2561 ได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่รองรับตลาดมุสลิมโดยเฉพาะชื่อ โรงแรม TSIX5 ภายใต้คอนเซ็ปต์การลงทุนว่า Muslim Hotel Friendly ได้นำมาเสนอขายห้องพักในงาน ITB ASIA 2018 ที่มีให้เลือกทั้งหมด 420 ห้อง มีกระแสการตอบรับจากบริษัทค้าส่งการท่องเที่ยวมุสลิมไปในทิศทางที่ดีมาก แนวโน้มจะทำให้อนาคตธุรกิจแบรนด์โรงแรมนี้สดใสเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับตลาดผู้เข้าพักโรงแรมเครือ อัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป ซึ่งมี 9 แบรนด์ ได้แก่ The Zign, Long Beach Garden Hotel & Spa, Z Through by The Zign, MERA MARE, NAKLUA Beach Resort, Garden Sea View ,WAY และ TSIX5 นั้นมีกลุ่มตลาดประจำเข้ามาใช้บริการทุกปี ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย ตอนนี้จับมือกับบริษัทผู้ค้าส่งการท่องเที่ยวทั่วโลกลุยเปิดตลาดดาวรุ่งทั่วอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ เวียดนาม ตะวันออกกลาง และเอเชีย อย่างเข้มข้นต่อไป
ข่าวที่ 2 “เที่ยวงานโอท็อปเที่ยวนวัตวิถีโคราช31ต.ค.-4พ.ย.นี้”
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รายงานว่า เตรียมเปิดเมืองโคราชจัดอย่างยิ่งใหญ่ในงาน “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี นครราชสีมา 2018” ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม -4พฤศจิกายน.2561 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มุ่งเน้นนำเสนอ “เสน่ห์แห่งภูมิปัญญา ทรงคุณค่าวิถีชุมชน” ให้นักท่องเที่ยวและสาธารณชนได้รับรู้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00น. ถึง 21.00น.
ตลอดการจัดงานผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับเอกลักษณ์ของท้องถิ่น 5 หมวดหลัก ๆ ได้แก่ 1. สินค้า OTOP ที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับสู่มาตรฐาน 2. ของที่ระลึกของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 3. อาหาร ที่จะชวนอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่น 4.การจำลองเส้นทางการท่องเที่ยว 5.การแสดงศิลปวัฒนธรรม
ในวันเปิดงานจะได้ชมขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ และมีการแสดงจากศิลปินชั้นนำทุกวัน อาทิ ก้อง ห้วยไร่, โจนัส แอนเดอร์สัน, เต๋า ภูศิลป์, แซ็ค ชุมแพ, เบล เลลาณี และพลพล พลกองเส็ง เพลิดเพลินกับแฟชั่นโชว์ผ้าไหมโคราชสุดอลังการ และการประกวดกิจกรรมชุมชนชิงเงินรางวัลรวม 300,000 บาท
ข่าวที่สาม “อโกด้าโพลล์ชี้กรุงเทพฯแชมป์เอเชียเทรนด์เที่ยวคนเดียว”
อโกด้า เว็บไซต์แถวหน้าของวงการท่องเที่ยว เปิดเผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดย YouGov เรื่อง “เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวของทั่วโลก” ขณะนี้มีแรงจูงใจมาแรง อันดับหนึ่ง 61% โอกาสจะได้ไปพักผ่อนอย่างสบายใจ อันดับสอง 52% ได้ทำอะไรต่างจากชีวิตประจำวันเดิม ๆ อันดันสาม 45% การเดินทางทำให้ได้สำรวจวัฒนธรรมต่างแดน
รวมทั้งยังพบพฤติกรรมนักเดินทางคนเดียวของคนเอเชียเปรียบเทียบกับชาติตะวันตก จะแตกต่างกันคือ คนเอเชียที่นิยมเดินทางเที่ยวคนเดียวส่วนใหญ่จะกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่มคนอายุ 26-38 ปี มีอยู่ 41% และเจนZ อายุ 18-25 ปี มีอยู่ 38% ในจำนวนสองกลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ 46% เที่ยวเฉลี่ยคนละ 1-3 คืน/ทริป
ส่วนชาวฝั่งตะวันตกการท่องเที่ยวคนเดียวจะเป็นกลุ่ม อย่าง Baby Boomers อายุ 59 ปีขึ้นไป มีอยู่ 39% รองลงมาเป็นกลุ่ม เจน X อายุ 39-58 ปี มีอยู่ 24% ในจำนวนสองกลุ่มนี้มี 34% เที่ยวเฉลี่ยคนละ 4-7 คืน/ทริป
รวมทั้งยังพบเป้าหมายในการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว จะควบรวมทั้งพักผ่อนและทำธุรกิจไปพร้อมกัน (bleisure) โดยอโกด้าได้พบข้อมูลจากจองใช้ห้องพัก ปี 2561 กรุงเทพฯ ของไทยมีชาวเอเชียนิยมเลือกจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ ส่วน “ลอนดอน” ครองอันดับหนึ่งในกลุ่มนักเดินทางคนเดียวชาวตะวันตก ด้วยปัจจัยดึงดูดที่เหมือนกันทั้ง 2 เมืองยอดนิยม คือ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทำให้นักเดินทางคนเดียวทั้งหลายเพลินกับแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายในแต่ละมุมเมือง
ข่าวที่ 4 “รมว.วีระศักดิ์พลิกแนวกระจายสนามจัดยูธโอลิมปิก8ปีหน้า”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การวางแผนของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์ ปี 2569 ในอีก 8 ปีข้างหน้า (คศ.2026) ควรใช้วิธีกระจายการแข่งขันไปยัง 5-6 สนาม แทนการกระจุกอยู่เพียงสนามเดียว เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาส่วนร่วมกับการจัดการแข่งขันซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องให้สำคัญ
ซึ่งจะเป็นแนวทางที่สามารถลดงบประมาณตามแนวคิดเดิม ๆ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่พอได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกก็จะต้องใช้เงินมหาศาลสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ จากตัวอย่างในบัวโนสไอเรส อาร์เจนติน่า ก็ใช้สร้างสนามชั่วคราว เพราะการสร้างใหม่ยากตรงหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ต้องใช้เงินมหาศาลมาดูแลรักษา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.97.0
ปี’62บุกอินเดียแทนทัวร์จีนชูตลาดเอเชียโกย2ล้านล้าน
คิงเพาเวอร์3ทศวรรษจัดDelightลดทุกสาขากว่า 30 %
ททท.จ่อMOUสิงคโปร์แอร์ดูดทัวร์แปซิฟิกใต้ปี’62-63
เติมบางจาก700บาทรับฟรีคู่มือท่องเที่ยว 55 เมืองรอง
TCEBโชว์พลังผนึกภาคีพันธมิตรลุยทำ5โปรเจ็กต์ไมซ์
หนาวนี้ไปสัมผัสไอหนาววิถีชาวเขาบนดอยตุงเชียงราย
ต้องรู้ว่าเลือกกินผักอย่างถูกวิธีดีต่อสุขภาพทุกวันทุกวัย
กลุ่มThe Zignนำแบรนด์ท้องถิ่นพัทยาครอง ITB ASIA
โคราชจัดกระหึ่มนวัตวิถีท่องเที่ยวโอท็อป31ต.ค.-4พ.ย.
อโกด้าเปิดโพลล์กรุงเทพแชมป์เทรนด์ใหม่ทัวร์คนเดียว
รมว.วีระศักดิ์เสนอไทยพลิกแนวจัดยูธโอลิมปิก8ปีหน้า
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ลัดฟ้าสู่เกาะสิงคโปร์เพื่อไปเจาะลึกกับ “กฤษฎา รัตนพฤกษ์” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ นำเอกชนไทยบุกจับคู่ขายท่องเที่ยวในมหกรรมระดับโลก ITB ASIA 2018 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ สิงคโปร์ ที่ไทยกวาดมากว่า 1,200 นัดหมาย พร้อมกับเปิดแผนตลาดเชิงรุกปี 2562 ลั่นนำนักท่องเที่ยวอินเดียแทนจีนที่กำลังชะลอตัว เจาะเต็มเหนี่ยว ตลาดเวียดนาม สสป.ลาว ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พร้อมโชว์สัดส่วนนักท่องเที่ยวเอเชียโกยเงินเข้าประเทศได้มากถึง 65 % ของปีหน้าทั้งหมด 2.4 ล้านล้านบาท กระจายทั่วไทยใน 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ |
โดยนำเสนอธีมการขายท่องเที่ยวไทยภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Open to the New Shades ควบคู่กับ Million Shades of Thailand ชูความหลากหลายทั้งทางด้านอาหารการกิน วัฒนธรรมท้องถิ่น และอื่น ๆ รวมถึงการเจาะตลาดในสิงคโปร์ก็เสนอโปรดักซ์ เดียวกันโดยมีเรือธงปี 2562 บุกหนักเรื่องกอล์ฟซึ่งมีประชากรเล่นกอล์ฟไม่ต่ำกว่า 200,000 คน มีทั้งการได้ขายสนามกอล์ฟ เมมเบอร์ นอกจากนั้นยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งปีนี้ทำได้เกิน 1 ล้านคน กระแสตอบรับดีมาก คาดหวังปี 2562 ตลาดสิงคโปร์จะเติบโตทางด้านจำนวนไม่น้อยกว่า 6 % เป็นกลุ่มคุณภาพมีกำลังใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวในไทยสูงมากเฉลี่ยคนละ 42,000 บาท/ทริป
ส่วนภาพใหญ่ของตลาดอาเซียน เอเชียใต้ (อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ) และแปซิฟิกใต้ (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ปี 2562 อย่างแรกต้องทำรายได้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 12 % ประการหลักนักท่องเที่ยวเอเชียสร้างรายได้เข้าไทยมีส่วนแบ่งมากที่สุดถึง 65 % จากเป้าหมายการทำรายได้ตลาดทั่วโลกเข้าไทยทั้งหมดในปีหน้ามูลค่ารวม 2.4 ล้านล้านบาท
ดังนั้นจึงต้องพุ่งเป้าลุยเจาะตลาดซึ่งจะเข้ามาสร้างสมดุลในจังหวะที่นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว ททท.เตรียมนำนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาทดแทน เนื่องจากมีประชากรใกล้เคียงกันเกือบ 1,000 ล้านคน เที่ยวเบินขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีสายการบินเปิดบินตรงเข้าไทยทุก 2-3 สายการบินต่อเดือน ขนาดของประชากรใกล้เคียงจีน อีกทั้งจำนวนผู้ถือพาสปอร์ตพร้อมเดินทางมีมากด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์การเจาะตลาดอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ไฮเทคโนโลยีจึงทำการค้าขายผ่านออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมืองขนาดใหญ่ เดลี มุมไบ ทั้งการซื้อขายท่องเที่ยว หรือการทำโปรโมชั่นร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ได้ประสิทธิภาพที่ดี
ตลาดที่ 2 เวียดนาม ประชากร 95 ล้านคน คนวัยทำงานมีจำนวนมากจากการขยายตัวด้านลงทุนภายในประเทศ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจดี ผู้คนต้องการเดินทางท่องเที่ยวกลุ่มหลักคือ First Jober คนรุ่นใหม่วัยทำงาน ต้องการประสบการณ์มีส่วนร่วมสนใจเดินทางเข้าไทย โดยมีสายการบินจากเมืองหลัก ฮานอย โฮจิมินห์ มีจำนวนมากพอที่จะมาเที่ยว บินกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวอื่น อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ และเมืองรองใกล้เคียง สร้างการกระจายนักท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเวียดนามชอบความสดใหม่อย่างแหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้า เช่น เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นความแปลกใหม่ในบรรยากาศร้านอาหารเก๋ ๆ หรือจะเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมความเก่าแก่ของเมืองดั้งเดิมเรียกว่า Old Town
ตลาดที่ 3 มาเลเซีย เป็นตลาดดั้งเดิมแต่มีการเติบโตดีมาตลอด ขณะนี้กำลังปรับปรุงการเดินทางเข้าทางด่านชายแดน สะดวกสบายในการขับรถเข้ามาท่องเที่ยวได้หลากหลายพื้นที่ทั่วไทย
ตลาดที่ 4 สปป.ลาว เติบโตดีจากการเดินทางด้วยความถี่สูง สามารถเข้ามาทางชายแดน มาใช้บริการดูแลสุขภาพ ความงาม
ททท.มองตลาดอาเซียนที่จะกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ทั้ง เวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย และสมาชิกอาเซียนประเทศอื่น ๆ
นายกฤษฎา กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2562 จะดึงนักท่องเที่ยวเข้าเมืองหลักแล้วกระจายสู่เมืองรอง ควบคู่กับการนำเข้าไปสู่เมืองรองโดยตรง เช่น เชียงราย มีความพร้อมการเข้าถึงด้วยสนามบินนานาชาติได้เกณฑ์มาตรฐานสากล เช่นเดียวกับ สุราษฎร์ธานี กลยุทธ์การเจาะตลาดก็คล้ายคลึง แต่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นเสริมเขี้ยวเล็บให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการบุกตลาดอินเดียเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีน ททท.วางแผนเดินสายทำ “โครงการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ” เบื้องต้นเตรียมยกระดับรับมือกับตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียซึ่งมีความต้องการแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นทั่วไป นอกจากการทำฝึกอบรมกลุ่มธุรกิจในกรุงเทพฯ แล้ว ภายในปลายปีนี้จะขยายไปยัง 2 พื้นที่หลัก คือ ภูเก็ตหรือกระบี่ กับเชียงใหม่
เพื่อให้เป้าหมายการสร้างความดุลของนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากอินเดียเข้ามาทดแทนจีน ผู้ประกอบการเองก็ควรต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ ททท.จะทำการคัดสรรเลือกเจาะเข้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยม สดใส สมัยใหม่ และมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ดีสอดคล้องกับวิถีไทยด้วยเช่นกัน แตกต่างจากตลาดอินเดียดั้งเดิมที่คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ไม่ค่อยพึงใจมากเท่าไร
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์3ทศวรรษจัดDelightลดทั่วไทย30%”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า พร้อมจัดฉลองครบ 29 ปีและเตรียมก้าวสู่ปีที่ 30 ของคิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้บุกเบิกร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว จึงได้จัดมหกรรมคืนกำไรอย่างยิ่งใหญ่ให้ลูกค้าด้วยงาน “29th Anniversary Delights & Surprises” ตลอดเดือนตุลาคม 2561 สามารถเลือกช้อปสินค้าอย่างหลากหลายได้ตามสาขา ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทั่วประเทศ สามารถรับส่วนลดสูงสุดได้ถึง 30 % และลุ้นรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย
โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นรังสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษอย่างต่อเนื่องในฐานะเพื่อนนักเดินทางที่แท้จริง ในการเป็นจุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ที่มากกว่าดิวตี้ฟรี สามารถสร้างประสบการณ์แบบเหนือระดับให้แก่นักท่องเที่ยวคนไทยและจากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด “We are travellers too – เราเข้าใจนักเดินทาง เพราะเราก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน” ระหว่างวันที่ 18 - 21 ตุลาคม 2561 จัดงานเฉลิมฉลองภายใต้งธีมคอนเซ็ปต์ “Enchantment of the Cruise Where Celebration Set Sail” – มนต์เสน่ห์แห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขไปกับการล่องเรือสำราญสุดหรู เพื่อมอบให้ลูกค้าที่มีความผูกพันและให้การสนับสนุน คิง เพาเวอร์ ตลอดมา
ระหว่างวันนี้ – 21 ตุลาคม 2561 นักเดินทางและนักช้อปสามารถร่วมงาน “29th Anniversary Delights & Surprises” ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่งได้จัดเตรียมทริปท่องเที่ยวต่างประเทศ และโปรโมชั่นสุดเร้าใจไว้เอาใจลูกค้ามากมาย และของรางวัลสุดพิเศษให้ลูกค้าได้ร่วมลุ้นอย่างจุใจทุกวัน อีกทั้งยังจะได้ชมขบวนพาเรดสุดตระการตา
สนุกไปกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ กันต์ – นภัทร อินทร์ใจเอื้อ นักร้องหนุ่มเสียงหวาน, ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช นักร้องหนุ่มมาดกวน, แกงส้ม - ธนทัต ชัยอรรถ นักร้องหนุ่มรูปหล่อเสียงดี และเพลิดเพลินอารมณ์ดีพร้อมดื่มด่ำไปกับนักร้องน้ำเสียงทรงพลัง อ๊อฟ – ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบความสุขให้กับลูกค้าขาช็อปอย่างเต็มอิ่ม
ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ แต่ละสาขาพร้อมเปิดบริการต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 19 - 21 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา เวลา 10.00 – 22.00 น. คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ตั้งแต่ 09.00 – 21.00 น.คิง เพาเวอร์ พัทยา ตั้งแต่ 09.30 – 21.00 น. คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ตั้งแต่ 10.00 – 21.30 น.
ส่วนวันเปิดงานเมื่อค่ำคืนวันที่ 18 ตุลาคม 2561 คิง เพาเวอร์ ได้เนรมิตพื้นที่บริเวณ คราวน์ เอเทรียม
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เสมือนพาล่องเรือสำราญหรูอยู่กลางมหาสมุทรอันไกลโพ้น เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ ในค่ำคืนสุดพิเศษ โดยมีโชว์ไฮไลต์สุดตระการตา จาก หญิง–รฐา โพธิ์งาม พร้อมทีมนักแสดงคับคั่ง ผ่านการแสดงในรูปแบบมิวสิคัลแดนซ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่อง “Anything Goes” ละครเวทีที่มีการดำเนินเรื่องบนเรือสำราญ ที่ได้รับรางวัล “Best Revival and Best Choreography of Musical” จาก Tony Award พร้อมทั้งได้ดัดแปลงเนื้อร้องให้มีความสัมพันธ์และการดำเนินเรื่องราวผ่านตัวละครเอกที่เล่าขานถึงความยิ่งใหญ่ของ คิง เพาเวอร์ ตลอดระยะเวลา 29 ปี รวมทั้งการนำมินิคอนเสิร์ตมาสร้างความสนุกสนุนกับศิลปินชื่อดัง ทอม Room39 และเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ นวดี โมกขะเวส, ศิวารยา ณ นคร, แสงแข เหมกมลเศรษฐ์ และพิมพ์พัชร วัชรเสวี
สามารถมาร่วมฉลองความสำเร็จการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 กับคิง เพาเวอร์ ธุรกิจของคนไทยที่นำชื่อเสียงของประเทศไทยไปสร้างในเวทีโลกมาอย่างยาวนานถึง 3 ทศวรรษ
ข่าวที่ 2 “ททท.จ่อMOUสิงคโปร์แอร์ดูดทัวร์โลกปี62-63”
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย ได้ใช้โอกาสในช่วงเดินทางมาเข้าร่วมงาน ITB ASIA 2018 นัดหารือกับทางผู้บริหารสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส โดยมีนายขจรเดช อภิชาตตรากุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ และทีมงานเข้าร่วมด้วย เพื่อปูพรมเตรียมลงนามความร่วมมือ MOU รอบใหม่ในต้นปี 2562 หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ร่วมลงนามโครงการนี้ครั้งแรกโดยทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 2 ปี ระหว่างปี 2560-2561
ครั้งนี้ผลการหารือเบื้องต้นร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกัน 4 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1 ทำกิจกรรมการตลาดนำผู้โดยสารจากตลาดทั่วโลกในเครือข่ายที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ให้บริการทั้งจาก เอเชียใต้ในตลาดใหญ่อย่างอินเดีย และแปซิฟิกใต้ 2 ประเทศหลัก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวมถึงกลุ่มตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ
เรื่องที่ 2 ททท.สำนักงานสิงคโปร์ จะเร่งทบทวนแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส พร้อมจะส่งต่อให้ไทย
ทั้ง 2 เรื่องแรกนี้ทางฝ่ายสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กับ ททท.สิงคโปร์ จะนำกลับไปประมวลรายละเอียด เพื่อวางแผนการทำงานเชิงรุกในตลาดเป้าหมายให้สอดคล้องกัน จากนั้นก็ ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ จะสรุปแผนงานโครงการนี้ให้แล้วเสร็จภายสิ้นปี 2561 เพื่อเสนอผู้บริหาร
เรื่องที่ 3 นำเสนอสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดบินตรงเส้นทางใหม่ ไป-กลับ สิงคโปร์-อู่ตะเภา รวมทั้งเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่เชียงใหม่ เนื่องจากอนาคตหากบินเข้าอู่ตะเภาซึ่งปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 3 ล้านคน อีกทั้งยังผนวกขายเส้นทางท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองรองเข้าสู่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด
เรื่องที่ 4 ททท.เตรียมจัดแฟมทริปนำตัวแทนของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ช่วงต้นปี 2562 ให้เข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภาคตะวันออกทั้งหมด พร้อมกับสำรวจโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังขยายการลงทุนระบบรางเต็มรูปแบบ
ทางด้าน ขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การลงนาม MOU กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการบินไทยสายการบินแห่งชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเสนอไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องร่วมกับสายการบินพันธมิตรรายอื่น เพื่อเพิ่มรายได้และอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มีศักยภาพเข้ามายังสิงคโปร์เดินทางไปใช้จ่ายเงินในไทยต่อไปตามนโยบายความร่วมมือการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน
โดยตั้งเป้าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพและค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปเข้าประเทศไทยให้ได้มากที่สุด ด้วยกลยุทธ์กระจายนักท่องเที่ยวไปยังให้ได้มากกว่ากรุงเทพฯ เพียงจุดเดียว ซึ่งการร่วมมือกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ซึ่งมีสายการบินในเครืออีก 2 แอร์ไลน์ส ได้แก่ ซิลค์แอร์ และสกู๊ต ซึ่งมีเที่ยวบินจากสิงคโปร์ตรงเข้าจังหวัดเชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต หาดใหญ่ สมุย โดยพยายามจะเลือกเส้นทางที่ไม่ไปทับกับการบินไทย เพื่อให้ทุกฝ่ายวิน วิน เนื่องจากยังมีส่วนแบ่งการตลาดนักท่องเที่ยวนานาชาติในสิงคโปร์อีกกว่า 20 % พร้อมจะไปบินต่อเพื่อไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย และพื้นที่ใหม่ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก ( Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวศักยภาพที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปกระจายรายได้ในเมือง Fruit City ระยอง จันทบุรี ตราด เป็นการเปิดท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามชุมชนสวนผลไม้ซึ่งมีให้เลือกมากมาย
ปี 2562 ททท.พร้อมร่วมมือกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ผลักดันเจาะกลุ่มใหม่ ตลาดผู้สูงวัย-Active Senior ที่พำนักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ตอนนี้แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเกษียณอายุ กลุ่มสอง คนสูงวัยที่มีรายได้สูง ททท.จะทำภายใต้โครงการ Grey is the New Gold ซึ่งสอดคล้องกับทางสิงคโปร์ปัจจุบันมีโครงการ Silver Age อยู่แล้ว ก็จะผนวกทั้ง 2 โครงการให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วดึงความสนใจให้หันมาเที่ยวเมืองไทยแทนการไปท่องเที่ยวระยะไกลข้ามทวีป
สำหรับความร่วมมือ ระหว่าง ททท.กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ช่วง 2 ปีแรก หลัก ๆ ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ 1.ร่วมมือกันทำกิจกรรมการตลาดเชิงรุก 2.การทำประชาสัมพันธ์ 3.การแลกเปลี่ยนความร่วมมือกันทางด้านการพัฒนาองค์กรเกี่ยวกับองค์ความรู้ต่าง ๆ 4.แลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่พนักงาน ผู้บริหาร ระหว่างกัน
ข่าวที่ 3 “เติมบางจาก700บาทรับฟรีคู่มือเที่ยว55เมืองรอง”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรบางจาก เมื่อเติมน้ำมันตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป รับฟรี คู่มือท่องเที่ยว "มหัศจรรย์ 55 เมืองรอง" โดยบางจากฯ ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่ามหัศจรรย์มากมายชวนให้ค้นหา รูปเล่มสวยงาม น่าอ่าน น่าพกพา มูลค่า 99 บาท
นักเดินทางทุกคนสามารถรับคู่มือการท่องเที่ยว “มหัศจรรย์ 55 เมืองรอง" ได้ตั้งแต่วันนี้ -27 ต.ค.2561 หรือจนกว่าของจะหมด ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากในเขตกรุงเทพฯ ที่ร่วมรายการ รายละเอียดเพิ่มเติม www.bcpgreenmiles.com.
ข่าวที่ 4 “TCEBรุกใหญ่ต้นต.ค.ร่วมภาคีไมซ์5โปรเจ็กต์”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ตลอดช่วงต้นเดือนตุลาคม 2561 ได้เดินหน้าทำกิจกรรมสำคัญให้อุตสาหกรรมไมซ์ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
1. จัดเส้นทาง 7 magnificent themes - อาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม Beach ประวัติศาสตร์ CSR team building adventures ให้อุตสาหกรรมไมซ์ ซิตึ้ เมืองพัทยา ซึ่งยังมีชุมชนพร้อมเปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นอีกหลายแห่ง อย่าง A La Campagne มีกิจกรรมหลากหลายในวิถีถิ่นให้ผู้เข้าเยี่ยมเยือนร่วมทำ
2.โครงการ international media Familializatiion trip ใช้พัทยาเป็นพื้นที่หลักของไมซ์รอบบริเวณระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) กับการนำสร้างไมซ์โมเดลมาขับเคลื่อนภาพใหญ่ของประเทศ รวมถึงนำเสนอ formula MICE model กับผสมผสานลงไปในการลงทุน 6 เมกะโปรเจ็กต์
3.โครงการ ศึกษาการสร้างศูนย์ประชุมในประเทศไทย Venue guideline โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ประสาน ภิรัช บุรี เจ้าของไบเทค และผู้บริหารอิมแพ็ค เมืองทองธานี คณะของนายกสมาคมการแสดงสินค้าไทยและ CEO รอยัลพารากอน และผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และภาคีพันธมิตรในอุตสาหกรรมไมซ์ ร่วมกันให้ข้อมูลเชิงลึกด้านการคิดทางเทคนิคในการสร้างศูนย์ประชุม
4. โครงการศึกษา White paper และโร้ดแมฟของอุตสาหกรรมไมซ์ เตรียมทำข้อเสนอกับรัฐบาลช่วยกันขับเคลื่อนไมซ์อย่างจริงจัง สร้างขีดความสามารถไมซ์ไทยก้าวเป็นศูนย์กลางไมซ์เอเชีย ตามยุทธศาสตร์ชาติ
5. โครงการสรุปการจัดทำ Economic impact Study ไมซ์ปี 2017 พร้อมผู้บริหารจากสมาคมที่เกี่ยวข้องกับ ไมซ์ รวมถึง ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักสถิติแห่งชาติ
ช่วงที่ 2 เตรียมวันว่างไว้พักผ่อนในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวปลายปีนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยว “โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จังหวัดเชียงราย มาแนะนำให้ชวนกันไปกระจายรายได้บนยอดดอยสูง ดื่มด่ำธรรมชาติ วัฒนธรรมชาวเขาและการเที่ยวเชิงเกษตรอันหลากหลาย ส่วนเรื่อง “การเลือกกินผักเพื่อสุขภาพ” ก็มีคำแนะนำมาฝากกัน สำหรับข่าวเจาะลึก “ตะลึง ! โรงแรมกลุ่ม The Zign พัทยา” ใช้แบรนด์ท้องถิ่นกวาดลูกค้า ITB ASIA 2018ส่วน “กรมการพัฒนาชุมชน” เปิดเมืองโคราชจัดใหญ่ โอท็อปนวัตวิถีท่องเที่ยว 31 ต.ค.-4 พ.ย.นี้” ทางด้าน “อโกด้าเว็บท่องเที่ยว” เปิดโพลล์ล่าสุด กรุงเทพฯ คว้าแชมป์รับเทรนด์ใหม่ชาวเอเชียแห่เที่ยวคนเดียว ปิดท้าย “รมว.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” คิดใหม่ให้ไทยเจ้าภาพยูธโอลิมปิก 8 ปีหน้า กระจายสนามแข่งแทนสร้างสนามใหม่ลดงบและค่าใช้จ่ายแถมไม่เป็นภาระหลังเสร็จงาน
@หนาวนี้ชวนเที่ยวโครงการพัฒนาดอยตุง เชียงราย
โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คือโครงการในพระราชดำริ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต อนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของ ชาวไทยภูเขาและชาวไทย ภาคเหนือให้คงอยู่ ตลอดไป สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07:00 - 17:00 น.
โดยมาจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งอดีต ทำให้วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กลายมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เผยความงดงามทั้งทัศนียภาพ และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบสาน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนแวะเวียนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมนานาพรรณไม้ที่งอกงาม และสัมผัสทัศนียภาพอันร่มรื่นสบายตาอย่างไม่ขาดสาย
โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริของสมเด็จย่าแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย ที่ประกอบไปด้วย ชนเผ่าอาข่า ลาหู่ จีนก๊กมินตั๋ง ไทใหญ่ ไทลื้อ และไทลัวะ มากกว่า 11,000 ชีวิต ภายหลังสมเด็จย่าทรงได้แรงบันดาลใจ จากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแก้ปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่นของชาวไทยภูเขามาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้สมเด็จย่า มีพระราชประสงค์ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชาวบ้าน บนดอยตุง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
พร้อมทั้งอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของชาวไทยภูเขาและชาวไทยภาคเหนือให้คงอยู่ตลอดไป วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ คือแหล่งเรียนรู้งานฝีมือและการแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานความทันสมัยและรากเหง้าของวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว
การท่องเที่ยวในเชียงราย ในแต่ละวันให้มีความสุข
เริ่มวันแรก ช่วงเช้า วางแผนไปท่องเที่ยว อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชาวเชียงราย “ช่วงบ่าย” ชมขัวศิลปะ ร่วมกิจกรรมงานศิลปะกับศิลปิน และ ชมศิลปะบ้านดำของ อ.ถวัลย์ ดัชนี
วันที่สอง “ช่วงเช้า” ดื่มด่ำกับพระตำหนักดอยตุง ชมสวนแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ “ช่วงบ่าย” ไปดูศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานจากดอยตุง ซื้อผลิตภัณฑ์ดอยตุงชมโรงงานทอผ้า เซรามิก
วันที่สาม “ช่วงเช้า” หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน อุมงคมุข อุโมงค์กาลเวลาที่รวบรวมเรื่องฝิ่นที่สมบูรณ์ที่สุด “ช่วงบ่าย” ตลาดแม่สาย เลือกซื้อสินค้าจากไทย-เมียนมาร์
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง ที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า ร้านดอยตุงไลฟ์สไตล์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของดอยตุง อาทิ ผ้าทอมือ เสื้อผ้า พรมทอมือ ของตกแต่งบ้าน
กิจกรรมห้ามพลาด เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของ โครงการที่หอพระราชประวัติ ร้านมุมกาแฟ โครงการพัฒนา ดอยตุง จิบกาแฟสดรสเยี่ยมของ โครงการ เวลา 08.00-17.00 น.
สำหรับ “ค่าเข้าชม” ทั้งชาวไทยและต่างชาติเท่ากัน คนละ 150 บาท เพื่อเข้าชมได้ 3 สถานที่สำคัญ ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอพระราชประวัติ มีรถสองแถวบริการตั้งแต่ 07.00 น.ออกทุก 20 นาที
สนใจท่องเที่ยวโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) ศูนย์ท่องเที่ยวและบริการ สำนักงาน ประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง อาคารอเนกประสงค์ พระตำหนัก ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โทร. 0-5376-7015-12 หรือเข้าไปดูได้ที่ www.doitung.com
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ราว 45 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1149 ไปอีกประมาณ 15 กม.
@เลือกกินผักให้ถูกวิธีดีต่อสุขภาพ
การนำผักที่ไม่สะอาดปลอดภัยมาบริโภค อาจจะนำพิษภัยอะไรมาสู่ตัวเราแล้วจะมีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะทำให้พิษภัยต่างๆ ลดลงหรือหมดไป สิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจในเรื่องการลดพิษภัยจากผักก็คือ การเลือก การล้าง และการเก็บที่ถูกต้องตามหลักการทางสุขาภิบาลอาหาร ดังต่อไปนี้คือ
การเลือกผัก ควรจะพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้ คือ
1.มีสภาพสด สะอาด ไม่เหี่ยวเฉาไม่ช้ำจนเกินไป หรือไม่มีสีเหลือง
2.ปราศจากเชื้อรา ซึ่งอาจจะมองเห็นเป็นเมือกลื่นๆ ตามใบ
3.อย่าเลือกซื้อผักที่มีใบสวยมาก ควรมีรูพรุนบ้าง เพราะรูพรุนแสดงว่า ชาวสวนฉีดพ่นยาไม่บ่อยเกินไป
4.เป็นพวกผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักชีฝรั่ง ถ้าหากว่าตรงก้านของมันมีผงสีขาวๆ เทาๆ แสดงว่ามันเสีย
ผักบางชนิดสะสมสารมีพิษไว้มาก เช่น ผักกาดขาว ดังนั้นควรหลีกลี่ยงซื้อผักประเภทรับประทานหัว เพราะผักประเภทนี้จะสะสมสารมีพิษไว้มากกว่าผักกินใบ
5.เลือกผักที่มีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงน้อยที่สุด หรือไม่ได้ฉีดพ่นเลย เช่น หน่อไม้ กระถิน ชะอม ตำลึง หัวปลี ยอดแค แตงร้าน สะตอ ถั่วงอก ฟักทอง บวบ ใบชะพู ผักกูด สายบัว ฯลฯ
6.ถ้าสามารถเลือกรับประทานผักที่มีคุณค่าทางอาหารด้วยก็จะดี เช่น ผักชะอม มีผู้วิจัย พบว่า เป็นพืชที่มีจำนวนโปรตีนถึง 55.34 กรัม ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ฟักทอง โดยเฉพาะเมล็ด มีโปรตีน 32.68 กรัม ในน้ำหนักแห้ง 100 กรัม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผักหลายชนิดที่มีสารอาหารประเภทวิตามินเอสูง ในขณะเดียวกันก็มีสารพิษฆ่าแมลงน้อยด้วย เช่น ใบโหระพา ใบยอ ใบแมงลัก ใบขี้เหล็ก ตำลึง ชะอม ยอดแค ยอดมะละกอ ตำลึง ชะอม เป็นต้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “กลุ่มThe Zign ชูแบรนด์ท้องถิ่นโกยลูกค้าITB ASIA2018”
นายสุขุมนันท์ สุขอุดม ผู้จัดการโรงแรมเครือ The ZIGN กลุ่มอัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในฐานะโรงแรมแบรนด์ท้องถิ่นในเมืองพัทยา ได้เข้าร่วมมหกรรมขายท่องเที่ยวรายการใหญ่ระดับโลกในงาน ITB ASIA 2018 ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2561 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงโปร์ ซึ่งทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา จับมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ลงทุนเช่าพื้นที่แยกมาเปิดพัทยา พาวิลเลี่ยน โดยนำเอกชนในพัทยาและชลบุรีมาร่วมการขายกับคู่ค้าท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วโลก
ผลปรากฏว่าเครือโรงแรมท้องถิ่นอย่างในเครือของอัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป ซึ่งมีทั้งหมด 9 แบรนด์ 9 แห่ง ได้รับความสนใจจากคู่ค้าทั่วโลกแห่กันเข้ามาทำสัญญาห้องพักวันแรกมีผู้สนใจในกลุ่มผู้ค้าส่งการท่องเที่ยวจนสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 100 ห้อง ตลอดการขายต่อเนื่อง 3 วัน ระหว่าง 16-18 ตุลาคม 2561 จะขายได้มากกว่า 400 ห้องขึ้นไป กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ๆ มีทั้ง กลุ่มประชุม สัมมนา อุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระ และบริษัทค้าส่งการท่องเที่ยว โดยทางโรงแรมมีโรงแรมระดับมาตรฐานให้เลือกตั้งแต่ 3 ดาว ไปจนถึง 5 ดาว พุ่งเป้าเจาะกำลังซื้อใหญ่มาจากเพื่อนบ้านในภาคพื้นอาเซียนหรือ AEC มีทั้ง เวียดนาม เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เรื่อยไปจนถึงตลาด ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศแถบตะวันออกกลาง
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2561 ได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่รองรับตลาดมุสลิมโดยเฉพาะชื่อ โรงแรม TSIX5 ภายใต้คอนเซ็ปต์การลงทุนว่า Muslim Hotel Friendly ได้นำมาเสนอขายห้องพักในงาน ITB ASIA 2018 ที่มีให้เลือกทั้งหมด 420 ห้อง มีกระแสการตอบรับจากบริษัทค้าส่งการท่องเที่ยวมุสลิมไปในทิศทางที่ดีมาก แนวโน้มจะทำให้อนาคตธุรกิจแบรนด์โรงแรมนี้สดใสเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับตลาดผู้เข้าพักโรงแรมเครือ อัญชลีวิวัฒน์ กรุ๊ป ซึ่งมี 9 แบรนด์ ได้แก่ The Zign, Long Beach Garden Hotel & Spa, Z Through by The Zign, MERA MARE, NAKLUA Beach Resort, Garden Sea View ,WAY และ TSIX5 นั้นมีกลุ่มตลาดประจำเข้ามาใช้บริการทุกปี ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย ตอนนี้จับมือกับบริษัทผู้ค้าส่งการท่องเที่ยวทั่วโลกลุยเปิดตลาดดาวรุ่งทั่วอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ เวียดนาม ตะวันออกกลาง และเอเชีย อย่างเข้มข้นต่อไป
ข่าวที่ 2 “เที่ยวงานโอท็อปเที่ยวนวัตวิถีโคราช31ต.ค.-4พ.ย.นี้”
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย รายงานว่า เตรียมเปิดเมืองโคราชจัดอย่างยิ่งใหญ่ในงาน “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี นครราชสีมา 2018” ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม -4พฤศจิกายน.2561 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มุ่งเน้นนำเสนอ “เสน่ห์แห่งภูมิปัญญา ทรงคุณค่าวิถีชุมชน” ให้นักท่องเที่ยวและสาธารณชนได้รับรู้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00น. ถึง 21.00น.
ตลอดการจัดงานผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับเอกลักษณ์ของท้องถิ่น 5 หมวดหลัก ๆ ได้แก่ 1. สินค้า OTOP ที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับสู่มาตรฐาน 2. ของที่ระลึกของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 3. อาหาร ที่จะชวนอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่น 4.การจำลองเส้นทางการท่องเที่ยว 5.การแสดงศิลปวัฒนธรรม
ในวันเปิดงานจะได้ชมขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ และมีการแสดงจากศิลปินชั้นนำทุกวัน อาทิ ก้อง ห้วยไร่, โจนัส แอนเดอร์สัน, เต๋า ภูศิลป์, แซ็ค ชุมแพ, เบล เลลาณี และพลพล พลกองเส็ง เพลิดเพลินกับแฟชั่นโชว์ผ้าไหมโคราชสุดอลังการ และการประกวดกิจกรรมชุมชนชิงเงินรางวัลรวม 300,000 บาท
ข่าวที่สาม “อโกด้าโพลล์ชี้กรุงเทพฯแชมป์เอเชียเทรนด์เที่ยวคนเดียว”
อโกด้า เว็บไซต์แถวหน้าของวงการท่องเที่ยว เปิดเผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดย YouGov เรื่อง “เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวของทั่วโลก” ขณะนี้มีแรงจูงใจมาแรง อันดับหนึ่ง 61% โอกาสจะได้ไปพักผ่อนอย่างสบายใจ อันดับสอง 52% ได้ทำอะไรต่างจากชีวิตประจำวันเดิม ๆ อันดันสาม 45% การเดินทางทำให้ได้สำรวจวัฒนธรรมต่างแดน
รวมทั้งยังพบพฤติกรรมนักเดินทางคนเดียวของคนเอเชียเปรียบเทียบกับชาติตะวันตก จะแตกต่างกันคือ คนเอเชียที่นิยมเดินทางเที่ยวคนเดียวส่วนใหญ่จะกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ได้แก่ กลุ่ม Millennials กลุ่มคนอายุ 26-38 ปี มีอยู่ 41% และเจนZ อายุ 18-25 ปี มีอยู่ 38% ในจำนวนสองกลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ 46% เที่ยวเฉลี่ยคนละ 1-3 คืน/ทริป
ส่วนชาวฝั่งตะวันตกการท่องเที่ยวคนเดียวจะเป็นกลุ่ม อย่าง Baby Boomers อายุ 59 ปีขึ้นไป มีอยู่ 39% รองลงมาเป็นกลุ่ม เจน X อายุ 39-58 ปี มีอยู่ 24% ในจำนวนสองกลุ่มนี้มี 34% เที่ยวเฉลี่ยคนละ 4-7 คืน/ทริป
รวมทั้งยังพบเป้าหมายในการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว จะควบรวมทั้งพักผ่อนและทำธุรกิจไปพร้อมกัน (bleisure) โดยอโกด้าได้พบข้อมูลจากจองใช้ห้องพัก ปี 2561 กรุงเทพฯ ของไทยมีชาวเอเชียนิยมเลือกจุดหมายยอดนิยมอันดับต้น ๆ ส่วน “ลอนดอน” ครองอันดับหนึ่งในกลุ่มนักเดินทางคนเดียวชาวตะวันตก ด้วยปัจจัยดึงดูดที่เหมือนกันทั้ง 2 เมืองยอดนิยม คือ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทำให้นักเดินทางคนเดียวทั้งหลายเพลินกับแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายในแต่ละมุมเมือง
ข่าวที่ 4 “รมว.วีระศักดิ์พลิกแนวกระจายสนามจัดยูธโอลิมปิก8ปีหน้า”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การวางแผนของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์ ปี 2569 ในอีก 8 ปีข้างหน้า (คศ.2026) ควรใช้วิธีกระจายการแข่งขันไปยัง 5-6 สนาม แทนการกระจุกอยู่เพียงสนามเดียว เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาส่วนร่วมกับการจัดการแข่งขันซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องให้สำคัญ
ซึ่งจะเป็นแนวทางที่สามารถลดงบประมาณตามแนวคิดเดิม ๆ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่พอได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกก็จะต้องใช้เงินมหาศาลสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ จากตัวอย่างในบัวโนสไอเรส อาร์เจนติน่า ก็ใช้สร้างสนามชั่วคราว เพราะการสร้างใหม่ยากตรงหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ต้องใช้เงินมหาศาลมาดูแลรักษา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น