ททท.ปฏิวัติท่องเที่ยวอีสาน‘อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ’
งัดขาย Cultural Night Tourismพลิกใหญ่พาแลง
คิงเพาเวอร์อัดซัมเมอร์แคมเปญลดสูงสุด3พันบาท
ททท.จัดทัพสินค้าบุกITB2019ตลาดยุโรปยังแรงดี
บางจากเทพลังดันEBIDAปี’62โตทะลุพิกัด 30 %
เที่ยวMore Fun 3สนุกชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ตราด
แพทย์แนะนำวิธีป้องกันการระบาดหน้าร้อน7โรค
บินไทยหั่นแหลกน้ำหนักกระเป๋า/ปลดหนี้หมื่นล้าน
บอร์ดกบร.ปลดล็อก3เรื่องดันเที่ยวเมืองรองโตไวๆ
บางกอกแอร์เทปี’62ซื้อฝูงบินหวังโกย6.16ล้านคน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #MoreFunตะวันออก #เนินฆ้อระยอง #TATUDON
ช่วงที่ 1 เกาะติด “เสกสรร ศรีไพวรรณ” ผู้อำนวยการ ททท.อุดรธานี นำทีมปฏิวัติจุดขายอีสานตอนบน 3 จังหวัด “อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ” งัดโปรเจ็กต์ “Cultural Night Tourism” ใส่เสน่ห์ “พาแลงโฉมใหม่” เปิดแนวรุกเจาะลูกค้าเงินหนากลุ่มคอร์ปอเรต สัมมนา จับมือ “ลาวแอร์ไลน์ส-ANA” เตรียมโกยตลาดมาแรงตลาด First Visit ฝั่งคิวชู ญี่ปุ่น เปิดบินตรงสู่เวียงจันทน์ พ.ย.นี้ ไหลบ่าเข้าไทย 4 จังหวัด “หนองคาย-อุดร-ขอนแก่น-โคราช” พร้อมเดินสายข้ามภาคจัด “ISAN Re-Visit” บูมเที่ยวไทยในอีสานช่วงหน้าฝน
นายเสกสรร ศรีไพวรรณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี เปิดเผยว่า ในการรับผิดชอบดูแลพื้นที่การตลาดอีสานตอนบน 3 จังหวัด อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ มีลักษณะคล้ายและต่างกันในบางอย่างจึงต้องนำอัตลักษณ์และเสน่ห์มาเป็นจุดขาย โดยวางแผนกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าหลักที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยววันธรรมดาและการกระจายนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่รอง เช่น อุดรธานีกระจายสู่หนองคายหรือบึงกาฬ รุกขายกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรตต้องการทำและศึกษา นำเรื่องของชุมชนมาตกแต่งหน้าตาใหม่ เกี่ยวกับอาหารถิ่นให้มีความทันสมัย มีสไตล์ ริเริ่มทำโครงการ “พาแลงน่ายล ชุมชนน่ารัก” โดยนำจุดอ่อนที่ไม่ประสบความสำเร็จพาแลงไม่ว่าจะเป็นที่นั่งไม่สะดวกสบาย อาหารเสิร์ฟแล้ววางไว้จนเย็นชืดกว่าจะได้รับประทาน หรือรูปแบบเดิมซ้ำ สร้างความน่าเบื่อ
ขณะนี้ได้ปัดฝุ่นทำรูปแบบทำไฮไลต์ของจุดขายใหม่ หลายพื้นที่นำร่องทำพาแลงแนวใหม่แล้วทั้งที่ บ้านเชียง บ้านขี้เหล็กใหญ่ ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ นำเรื่องงานศิลปะมาผสมผสาน หรือกิจกรรมเล่าเรื่องเมืองหนองคาย นำมิติวัฒนธรรมชุมชน ประวัติศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวด้วยกัน ทำให้มีอรรถรสในการรับชมและเพิ่มมูลค่า เรียกได้ว่าเป็น Cultural Night Tourism-โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมยามค่ำคืน ซึ่งทาง ททท.อุดรธานี จะผลักดันเป็นโครงการเรือธงต่อเนื่องปี 2562-2563 เนื่องจากที่ผ่านมาวัฒนธรรมดังกล่าวเลือนหายไปจากอีสาน ต่างจากภาคเหนือยังคงความเป็นขันโตกไว้ในชีวิตปกติ หากสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมพาแลงให้มีเสน่ห์ทำได้ทุกเดือนทุกพื้นที่ดึงพันธมิตรเข้าร่วม แล้วใช้เป็นกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยว กลุ่มประชุมสัมมนา จัดทำประจำบรรจุเป็นปฏิทินแต่ละเดือน แบ่งหน่วยงานรับเป็นเจ้าภาพแต่ละเดือน ในแต่ละจังหวัดเพื่อสร้างจุดขาย Cultural Night Tourism
ซึ่งผมได้ทำแล้วในพื้นที่รับผิดชอบ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ โดยนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวโดยใช้ชาวบ้านเดินเรื่อง ตัวอย่าง กิจกรรมเล่าเรื่องเมืองหนองคาย นำเสนอเป็นมัลติ-มีเดีย ภาพ รูปรสอาหาร ใช้เรื่อง grastronomy ภายใต้ Strategic MOVE ดึงวัตถุดิบพื้นบ้านหนองคาย ไม่ว่าจะเป็นปลาแม่น้ำโขง อาหารส่วนผสม 2 ล้าน (ล้านนา-ภาคเหนือ กับ ล้านช้าง-ทางหลวงพระบาง) 2 เวียง สามารถทำเป็นพาแลงมาเล่าเรื่องในฉากประวัติศาสตร์ นำเรื่องผ้าหนองคาย หรือวัฒนธรรม มาเป็นพ็อต เสริมกับการแสดงวัฒนธรรม สร้างความประทับใจให้กลุ่มตลาดคอร์ปอเรตที่เข้ามายังหนองคายได้เห็นถึงวัฒนธรรมอาหาร แล้วเลือกใช้สถานที่เป็น “จวนผู้ว่าราชการจังหวัด” อาคารทรงโคโลเนียล จัดกิจกรรม
ท้ายสุดแล้วกิจกรรมเหล่านี้ “ชุมชน”จะเป็นผู้รับประโยชน์โดยตรง เพราะการจัดเลี้ยง การทำครัวร้อนในจวนและพิพิธภัณฑ์ ชาวบ้านเองเป็นคนทำได้อาหารรสมือ 1.นำวัตถุดิบมาใช้ปรุงอาหาร 2.มีรายได้ 3.ได้เรียนรู้เกร็ดวัฒนธรรมของชุมชน เป็นตัวอย่างการพลิก “พาแลงชุมชน” โดยกลุ่มคอร์ปอเรต บริษัทนำเที่ยว ที่มาใช้บริการ สามารถนำไปบอกต่อได้ถึงจุดขายใหม่ของ 3 จังหวัดนี้ รวมทั้งยังได้ช่วยขยายผลนำไปออกแบบแพกเกจการขายทำให้อีสานยามค่ำคืนไม่น่าเบื่อเหมือนอดีตที่ผ่านมา
การเจาะตลาดของ ททท.ได้ใช้หลักของการเป็น Saleman โดยการเดินเข้าไปพบพูดคุยกับบริษัทที่คาดจะเสนอขาย เช่น กลุ่มคอร์ปอเรต สัมมนา ขายตรงสินค้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้จิปาถะ สินค้าอุปโภคบริโภค เข้ามายังหนองคายข้ามแดนไปขายถึง สปป.ลาว ตลาดกลุ่มนี้สามารถที่จะนำกิจกรรมเข้าไปจัดตามชุมชน เมื่อเร็ว ๆ มีบริษัทชื่อดังอย่าง Agoda มาจัดสัมมนาได้เดินทางไปข้างนอกทำกิจกรรมกับชุมชน เป็นการเติมเต็มความมีเสน่ห์ของชุมชน กระจายนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าถึงชาวบ้านได้มากขึ้น
ผอ.เสกสรร กล่าวว่า กลุ่มตลาดคอร์ปอเรตที่เดินทางเข้าไปทำกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องรายได้ เนื่องจากอีสานเป็นภาคที่มีจำนวนห้องพักราคาไม่สูงมากนัก (Occupacy Room Rate : OR) ต่างจากภาคใต้หรือภาคเหนือขายได้ราคาดีกว่า แต่แนวโน้มอีสานก็มีสัญญาเติบโตดีเฉลี่ย 4-5 % แล้วสามารถเพิ่มได้เรื่อย ๆ มากกว่านี้ ถ้า 1.พัฒนามาตรฐานห้องพักโรงแรมตามเกณฑ์สากล 2.ออกแบบกิจกรรมใหม่ ๆ ดี ๆ 3.ความคุ้มค่าเงินเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเหมาะเป็นทางเลือกของกลุ่มคอร์ปอเรตที่จะนำทีมมาทำกิจกรรมกับชุมชนและทำซีเอสอาร์ ควรจะมุ่งหน้ามายังอีสานเป็นหลัก
ซึ่งผมและทีม ททท.อุดรธานี ได้ทุ่มเทโดยใช้ความพยายามใส่ทุกอย่างเข้าไปให้สุด ๆ ไปเลยดึงคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังพื้นที่ ด้วยการสร้างทั้งทางด้าน Supply และ Demand Size เนื่องจากในอีสานยังขาดเรื่องบุคลากรมัคคุเทศก์สื่อสารภาษาต่างประเทศ ส่วนเรื่องสินค้ามีความหลากหลายพร้อมรับมือทั้งเรื่อง ห้องพัก ชุมชน อาหาร ต่าง ๆ แข่งขันได้ในเชิงราคาและคุณภาพ ยกเว้นสงครามราคาจะไม่สนับสนุนให้ทำ แต่จะเน้นคุณค่าและมูลค่าเป็นหลัก
ผอ.เสกสรร กล่าวว่าขณะนี้ ททท.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่ดูแลตลาดในประเทศพื้นที่อีสานเหนือ มีภารกิจหลักเรื่องการส่งเสริมมูลค่า สร้างรายได้เข้าพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่สนับสนุน ททท.สำนักงานต่างประเทศ คอยเติมเต็มกิจกรรมตลาดต่างประเทศที่เข้ามาส่งเสริมการขาย เช่น ตลาดเอเชียตะวันออก จากญี่ปุ่น หรืออาเซียน จากเวียดนาม สปป.ลาว อุดรธานีจะเป็นหัวเมืองหน้าด่านผ่านเข้ามาทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หรือเอเชียตะวันออกบินมาลงยังสนามบินอุดรธานี
ขณะนี้สนามบินวัดไต เวียงจันทน์ สปป.ลาว ก็เป็นศูนย์กลางทางแถบนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากสนามบินอุดรธานี มีข้อจำกัดไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นสล็อตหรือเที่ยวบินจะหนาแน่น ดังนั้นเมื่อมีสายการบิน All Nippon Airways :ANA บินจากฝั่ง คิวชู ภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น เปิดเที่ยวบินตรงแบบประจำมาลงประเทศเพื่อนบ้าน เมืองเวียงจันทน์ ซึ่งได้เข้ามาหารือกับทางสำนักงาน ททท.อุดรธานี ทาง “ลาว แอร์ไลน์ส” ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของ สปป.ลาว เป็นรัฐวิสาหกิจ ทำโค้ดแชร์กับ ANA ทั้ง 2 สายการบิน ได้กำหนดจะเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทาง ฟูกูโอกะ-เวียงจันทน์ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 สัปดาห์ละ 2 เที่ยว โดยจะมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาเวียงจันทน์ปลายปี 2562
ดังนั้น ททท.อุดรธานี จึงคิดกลยุทธ์หาช่องทางจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาถึงเวียงจันทน์แล้วสนใจมาท่องเที่ยวในพื้นที่เชื่อมโยงฝั่งไทยในอุดรธานี ซึ่งทาง ANA ต้องสร้างสมดุลเรื่องรายได้ด้วยการสร้างโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางระยะไกลยาว ๆ เส้นทางแรก เวียงจันทร์-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-นครราชสีมา เส้นทางที่ 2 หลวงพระบาง-เชียงราย-เชียงใหม่ นับเป็นนิมิตหมายอันดีทางการตลาดของการท่องเที่ยวแถบอีสานของไทยด้วย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นคิวชูทางภาคใต้มีสัดส่วนการเดินทางต่างประเทศ 10 % ของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะได้มีโอกาสมาอีสานกับภาคเหนือของไทยด้วย
อีกทั้งยังเหมาะเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นภาคใต้ที่เดินทางออกต่างประเทศแบบอิสระ F.I.T.ครั้งแรก หรือ First Visit สูงถึง 80 % มากกว่าทางฝั่งคันไซซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญี่ปุ่นกลุ่มเดินทางออกต่างประเทศซ้ำหรือ Re-Visit
ขณะนี้ทางตัวแทนของสายการบิน ลาว แอร์ไลน์ส ได้ข้ามมาหารือกับทางฝั่งไทย เช่น หอการค้า สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อวางแผนร่วมกันผลักดันการท่องเที่ยวเชื่อมโยงตลาดญี่ปุ่นเข้ามายัง สปป.ลาวและไทยในอนาคต รวมทั้งสำนักงาน ททท.ฟูกูโอกะ จะดำเนินการทำโปรโมชั่นและแพกเกจขยายตลาดขายท่องเที่ยวอีสาน หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา
เบื้องต้นจะทำเป็นมอนิเตอร์ทัวร์ต้นแบบในเร็ว ๆ นี้ กับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของญี่ปุ่น เช่น H.I.S คิวชู, นิคัทสึ,ฮาคิวอินเตอร์เนชั่นแนล ทั้ง 3 บริษัทขายในตลาดศักยภาพดีเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ดี และครอบครัว พอถึงช่วงปลายปีจะผนวกกับแหล่งท่องเที่ยวและแม็กเน็ตไฮไลต์อุดรธานีอย่าง การท่องเที่ยวทะเลบัวแดง ซึ่งตอนนี้มีการเขียนเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่น อีลาสเตเตอร์น้อง Mango จัง นำเสนอเรื่องทะเลบัวแดง อาหารอีสาน มานวด กินอาหารอร่อย ไก่ย่าง ส้มตำ ดูทะเลบัวแดงสวย ๆ สามารถดึงเข้ามายังอีสานแล้วกระจายไปสู่อีก 4 จังหวัดได้ แต่ก็จะต้องดูเรื่องซัพพลายไซซ์เกี่ยวกับบริษัทนำเที่ยวหรือ Land Tour Operator ที่จะต้องสนับสนุนบริการและโลจิสติกต์ตลาดคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นด้วย อันน่าจะทำให้เป็น Beyond in Thailand เพราะลักษณะของการบริหารจัดการของบริษัทนำเที่ยวกับมัคคุเทศก์เก่ง ๆ ตอนนี้กลับไปอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันในพื้นที่หันไปทำการท่องเที่ยวนำคนไทยไปต่างประเทศ จึงทำให้มัคคุเทศก์เก่ง ๆ สื่อสารภาษาต่างประเทศได้จึงมีน้อย เบื้องต้นจำเป็นต้องนำมัคคุเทศก์จากกรุงเทพฯ มาให้บริการ และเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาต่อไป อนาคตจึงขอให้มีตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้ามาก่อนตั้งแต่มีเที่ยวบินเข้าเวียงจันทน์ข้ามมาอีสานตอนบนได้อานิสงด้วย
ส่วนสถานการณ์ตลาดการท่องเที่ยวช่วง 5 เดือนแรก ปี 2562 ในพื้นที่อีสานตอนบน “รายได้” อยู่ในขั้นดีแต่ไม่ถึงกับก้าวกระโดดเป็นช่วงขาขึ้นสู่แดนบวกทั้งหมดเป็นตัวเลขเดียว อัตราการเข้าพักเฉลี่ย และนักท่องเที่ยว รายงานการสะสม โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่
ช่วงที่ 1 ตุลาคม-ธันวาคม 2561
จังหวัดอุดรธานี มีอัตราการเข้าพักเกือบ 60 % จำนวนผู้เยี่ยมเยือนกว่า 1.6 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 3,346 ล้านบาท
จังหวัดหนองคาย อัตราการเข้าพักเกณฑ์สูงพอสมควร 62 % ผู้เยี่ยมเยือน 1.19 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 1,800 ล้านบาท
จังหวัดบึงกาฬ มีข้อจำกัดเรื่องที่พักมีค่อนข้างน้อย อัตราการเข้าพัก 52 % ผู้เยี่ยมเยือน 2.5 แสนคน-ครั้ง รายได้ 363 ล้านบาท
ช่วงที่ 2 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2562 จังหวัดอุดรธานี มีอัตราการเข้าพักขยับขึ้นเพราะเป็นวันหยุดกับเทศกาลเที่ยวทะเลบัวแดง 65 % จำนวนผู้เยี่ยมเยือนกว่า 6.61 แสนคน-ครั้ง รายได้ 1,600 ล้านบาท
จังหวัดหนองคาย อัตราการเข้าพัก 63 % ผู้เยี่ยมเยือน 6.3 แสนคน-ครั้ง รายได้ 1,095 ล้านบาท
จังหวัดบึงกาฬ อัตราการเข้าพัก 55.8 % ผู้เยี่ยมเยือน 1.36 แสนคน-ครั้ง รายได้ 270 ล้านบาท
ผอ.เสกสรร กล่าวถึงการทำโครงการ “ISAN-Re Visit -กลับมาเที่ยวอีสานกันเถอะ” มาจัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการตอบโจทก์อีสานเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว tour around ของตลาดต่างประเทศในอดีต ขณะนี้มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งทางพระนครศรีอยุธยามีกลุ่มตลาดคอร์ปอเรตที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีสมาคมท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ และบริษัทนำเที่ยว เพื่อจะเติมเต็มอีเวนต์ช่วงสงกรานต์ หน้าฝน ซึ่งภาคอีสานยังคงได้รับความสนใจจากคนภาคกลาง
เช่น อุดรธานี จุดขายแรก มีเส้นทางท่องเที่ยว 3 ธรรม “ธรรมะ-ธรรมชาติ (น้ำตก กิจกรรมกินข้าวในป่า ทะเลหมอก)-วัฒนธรรม (ศิลปะ การแสดง ดนตรี การรับประทานอาหาร ชนเผ่า) มีความหลากหลายทั้งร่วมสมัยและทันสมัยหรือดั้งเดิม จุดขายที่ 2 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นั่งแต็กกินข้าวป่า เป็นหลามข้าวหุงในกระบอกไม้ไผ่กินกับแกงส้มหยวก หารับประทานยาก ไก่ย่างในป่า ปลากระบอก
โปรแกรมนี้นักท่องเที่ยวจะได้นั่งรถอีแต็กผ่านหมู่บ้านลัดเลาะไปตามต้นน้ำ ลำธาร แวะทำอาหารกินกลางป่า ใช้วัสดุ ภาชนะ ธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เกิดอารมณ์ บรรยากาศ สิ่งแวดล้อม สนุกกับท้องถิ่น เป็นการชวนไป ISAN Re-Visit ช่วงหน้าฝนในอุดรธานี อีกกิจกรรมเปลี่ยนบรรยากาศ “จัดสัมมนา” ออกแบบเป็นการทำ Outing ในหมู่บ้าน Street Art เช็คอินปั่นจักรยานไปชมงานศิลปะพญานาคทั้งหมู่บ้านมีประมาณกว่า 20 หลัง แวะรับประทานอาหารกลางวันแบบพาแลงใต้สวนยาง ด้วยดีไซน์ทันสมัย นำวัตถุดิบพื้นบ้าน อย่าง ดอกไม้ประจำถิ่นมาตกแต่งโต๊ะอาหาร ทำให้มีมูลค่ามากขึ้น
ททท.อุดรธานี ร่วมกับชุมชน จัดโปรแกรมช่วงเช้าเจาะกลุ่มสัมมนา กิจกรรมที่ทำคือฝึกสมาธิ ทำเครื่องจักรสานแบบง่าย ๆ เหมือน D.I.Y.เช่น สานกระติ๊บข้าว แต่ละชิ้นงานจะต่างกันไป ตอนนี้ชาวบ้านได้นำเปลือกต้นคล้ามาสานเป็นของที่ระลึก ในอนาคตคล้าจะถูกนำมาพัฒนาเป็นสินค้าประเภทดีไซน์คล้ายกระจูดเป็นสินค้าส่งออก ของที่ระลึก ของฝาก เพิ่มมูลค่ากับกลุ่มสัมมนาในชุมชน เป็นอีกไฮไลต์ในการเดินทางเข้ามาช่วงหน้าฝน ทำให้รายได้ตกอยู่ตามชุมชนเหล่านี้ต่อไปอย่างยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดช้อปซัมเมอร์ลดสูงสุด3พันบาทถึง31มี.ค.นี้”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญช้อปปิ้งต้อนรับฤดูร้อน Summer ปี 2562 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร 1 – 31 มีนาคม 2562 รับส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท เชิญชวนสมาชิกคิง เพาเวอร์ ที่ถือบัตรแต่ละประเภท ซื้อสินค้าในแคมเปญนี้ได้อย่างสบายใจเพื่อรับส่วนลดมากสุดตลอดทั้งเดือนมีนาคม ดังนี้ -ช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ลดทันที 1,000 บาท* -ช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับเพิ่ม 2,000 บาท* -พิเศษ! เมื่อช้อปครบ 100,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จภายในวันรับกะรัตสะสม X4
เพียงตามกติกา ดังนี้
รับได้คนละ 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ/วัน ให้สิทธิ์รับคูปองเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย ยอดซื้อที่เกิดจากแผนกเหล้า บุหรี่ ไม่สามารถร่วมรายการได้ รวมทั้งสามารถใช้สิทธิ์ช้อปโดยผ่อนชำระ 0% ได้ แล้วนำคูปองส่วนลดดังกล่าว ไปซื้อสินค้า คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต มหานคร ซึ่งจะหมดอายุภายในวันที่แลกรับ ส่วนคะแนนที่ได้รับกะรัตพิเศษหลังจากจบรายการไม่เกิน 30 วัน และกะรัตพิเศษ สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562
ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.kingpower.com หรือ สอบถาม คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.นำทัพท่องเที่ยวบุกITB2019ยุโรปยังโตดี”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 88 ราย เข้าร่วมงาน International Tourismus Borse 2019 : ITB 2019 ครั้งที่ 53 ณ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่าง 6-10 มีนาคม 2562 ในธีม Open to the New Shades of Thailand เพื่อแลกเปลี่ยนเจรจาการค้ากับทั่วโลกที่เข้าร่วมงานกว่า 180 ประเทศ
โดยททท.มุ่งเน้นสินค้าและบริการแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองของไทยที่มีศักยภาพและตรงกับพฤติกรรมความต้องการของชาวยุโรป รวม10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย น่าน ตราด จันทบุรี ชุมพร ระนอง ตรัง และนครศรีธรรมราช นำเสนอขายในสไตล์ Hub & Hook เชื่อมโยงเส้นทางเมืองหลักพ่วงไปเมืองรอง นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เน้นสร้างการจดจำเรื่องราววิถีการกิน วิถีถิ่นของชุมชนต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
โดยจะเพิ่มการเติบโตให้ได้มากกว่าปี 2561 มีชาวยุโรปที่เดินทางมาไทยทั้งสิ้น 6,765,326 คน เติบโต 3.86 % สถิติปี 2560 ตลาดเยอรมันมาไทยอันดับ 3 รองจากรัสเซีย และสหราชอาณาจักร ส่วนกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมการขายท่องเที่ยว การเจรจาธุรกิจ การสัมมนาเชิงวิชาการในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น ทิศทางการตลาด การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ภายในพาวิลเลี่ยนไทย มีกิจกรรมดึงดูดความสนใจผู้เข้าร่วมงาน เช่น การจัด Thailand Mini Mart
ททท. เชิญบริษัทนำเที่ยวกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อที่มีศักยภาพจากตลาดยุโรปเข้าร่วมงาน 30 ราย เพื่อพบปะเจรจาธุรกิจกับตัวแทนกลุ่มผู้ขายท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งจัดกิจกรรมมากมายเพื่อนำเสนอความเป็นไทยแบบครบวงจร ประกอบด้วย
1.สาธิตภายใต้แนวคิด “Open to the New Shades of Thailand” นำเสนอเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยงานหัตถกรรมของชาวปกาเกอะญอ จากชุมชนห้วยตองก๊อ จ.แม่ฮ่องสอน ชวนผู้เข้างานมาร่วมทำกำไล สร้อยคอ ต่างหูด้วยลูกเดือย ลูกปัดสี ปักชื่อบนย่ามผ้า ทุกกิจกรรมใช้วัสดุจากธรรมชาติ ผสานภูมิปัญญาชาวบ้าน การแสดงทางวัฒนธรรม 2.จัดเคาน์เตอร์ให้บริการข้อมูลข่าวสารทางการท่องเที่ยว 3.เปิดพื้นที่ขนาด 12 ตารางเมตร ภายใน LGBT Travel Pavilion (Hall 21.b) เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการทางการพร้อมกิจกรรมต่าง ๆ กระตุ้นตลาดกลุ่ม LGBT เป็นปีที่ 2 ซึ่งมีศักยภาพและกำลังซื้อสูง ซึ่งมีผลตอบรับและประสบความสำเร็จในระดับดีมาก
ทั้งนี้ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดพาวิลเลี่ยนไทย และเป็นประธานใน Networking lunch ร่วมกับผู้บริหาร ททท. ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สื่อมวลชนต่างประเทศและไทย โดยได้นำเสนอเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ความพร้อม และหน่วยงานต่าง ๆ ผนึกความร่วมมือกันเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ในโอกาสนี้ ททท. ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงาน เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยและพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ พร้อมทั้งทรงร่วมกิจกรรม D.I.Y.กับชาวเขาทำกำไรข้อมือจากวัสดุธรรมชาติ
ทางด้าน ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการเข้าร่วมงาน ITB 2019 กับ ททท.และเอกชนไทย ในเบอร์ลิน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ไทยพาวิลเลี่ยนมีโอกาสต้อนรับ Mr.Thomas Bareiß รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนี และในฐานะกรรมาธิการด้านการท่องเที่ยวของรัฐสภา เยอรมันนี มาเยี่ยมบูธไทยพร้อมขอนัดพูดคุยด้วย
ข่าวที่ 3 “บางจากตั้งเป้าปี’62ดัน EBIDAโตแรงกว่า30 %”
นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า ปี 2562 บางจากฯ ตั้งเป้าทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EDITDA) เติบโตมากกว่า 30% จากปีที่ผ่านมาทำได้ 10,202 ล้านบาท โดยทุกกลุ่มธุรกิจขยายตัวดี ประกอบด้วย
1.ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน คาดมีกำลังการผลิตเพิ่ม 12% เฉลี่ย 1.15 แสนบาร์เรล/วัน สูงกว่าปีก่อนทำได้ 1.02 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากไม่มีปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ทำให้สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้เต็มปี แต่จะติดตามค่าการกลั่น (GRM) อย่างใกล้ชิด เพราะราคาน้ำมันในตลาดผันผวน โดยภาพรวมช่วงปลายปีนี้สถานการณ์น้ำมันน่าจะเริ่มดีขึ้น ผนวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบจะขยับมาอยู่ที่ 60-70 เหรียญฯ/บาร์เรล
2.กลุ่มธุรกิจการตลาด ตั้งเป้ายอดขายกลุ่มรีเทลเติบโต 9% โดยปีที่ผ่านมามียอดขาย 484 ล้านบาท ปีนี้เตรียมแผนขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 70 แห่ง แบ่งเป็น 1.สถานีบริการทั่วไป 65 แห่ง 2.ปั๊มสหกรณ์บริการ (COOP) อีก 5 แห่ง ตั้งเป้ามียอดขายน้ำมัน 5.7 ล้านลิตร/เดือน พร้อมกับรักษาตำแหน่งส่วนแบ่งตลาดให้อยู่อันดับ 2 ต่อไป ควบคู่การบริหารจัดการธุรกิจ Non-oil ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มร้านค้าปลีก SPAR อีก 20 สาขา เป็น 65 สาขา และร้านกาแฟ Inthanin อีก 200 สาขา เป็น 732 สาขา
3.ธุรกิจไฟฟ้า ปีนี้จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งโครงการในไทยและญี่ปุ่น ขณะนี้ทาง BCPG อยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาลงทุนโครงการอื่น ๆ เพิ่มเติม
4.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ หรือ Bio-Based Product ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตทั้งเอทานอลและไบโอดีเซลเป็น 30% หรือราว 2 ล้านลิตร/วัน และนอกจากทำ Biofuel แล้ว ยังมองโอกาสลงทุนในธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง โดยได้ร่วมเซ็นสัญญาศึกษาวิจัย Bio-Based Product อาหารเสิรม และทำให้ Raw material ให้มีส่วนต่างกำไรดีขึ้นด้วย
5.ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บริษัทฯ จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร OKEA เต็มปี (ตามสัดส่วนการถือหุ้น 49%) หรือคิดเป็น 15-25 ล้านเหรียญฯ ขณะนี้มีกำลังการผลิต 20,000 บาร์เรลต่อวัน มาจากแหล่งน้ำมันดิบ Draugen และ Gjoa
ช่วงที่ 2 มาชวนไปเที่ยว More Fun กับ 3 สนุกมุมใหม่ใน “ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” อ.แหลมงอบ จ.ตราด ที่ชาวบ้านกว่า 3,000 คน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม มีวิถีชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ชาวมุสลิมยึดอาชีพประมง ชาวพุทธลุยทำสวนผลไม้ สวนยาง เติมเต็มสีสันแปลกแตกต่างท่องเที่ยวมากคุณค่าเป็นชุมชนตัวอย่างความเข้มแข็ง แล้วเตรียมรับมือ “ป้องกัน 7 โรคหน้าร้อน” ส่วนข่าวแรง ๆ ต้องยกให้ “การบินไทยตัดแหลกน้ำหนักสัมภาระ” ทั่วโลกดีเดย์ 1 เม.ย.นี้ ลุ้นปลดหนี้หมื่นล้าน จ่อขอผู้ถือหุ้นเปลี่ยนตัวเลขบัญชีตัดขาดทุนสะสมเป็นกำไร “คมนาคมปลดล็อก 3 เรื่อง” ลั่นหวังดีช่วยโปรโมตเมืองรอง “บางกอกแอร์เวย์ส” กำไรดีดี๊มีเงินซื้อฝูงบินใหม่ลุยเพิ่มขยายตลาด CLMV
@เที่ยวสนุก3More Funชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ตราด
ชวนกันออกไปค้นหาเรื่องราวน่าสนใจกันที่ “ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ได้ชื่อว่าเป็นชุมชน 1 ตำบล 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม ของชาวไทยพุทธ-มุสลิม-จีน รวม 4 หมู่บ้าน ผู้คนปักหลักใช้ชีวิตอยู่บริเวณป่าชายเลนภาคตะวันออกอย่างมีความสุขกว่า 3,000 ชีวิต โดยแบ่งอาชีพกันทำอย่างลงตัว คือ ชาวไทยมุสลิมถนัดอาชีพทางน้ำล่องเรือประมง ส่วนไทยพุทธชอบอยู่บนบกใช้ความเชี่ยวชาญ ทำสวนผลไม้ ไร่ นา สวนยางพารา แล้วตอนนี้ชุมชนยังขยายจากอาชีพดั้งเดิมหันมาหารายได้เสริมจากการท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวไปถึงบ้านน้ำเชี่ยว ชาวบ้านพร้อมจะมอบประสบการณ์ดี ๆ เติมเต็มความสุขด้วยการนำชมความสนุกที่มีมากกว่าท้องถิ่นอื่น ๆ กับ More Fun 3 ความสนุก
สนุกแรก ชวนลงเรือประมงพื้นบ้านล่องป่าชายเลน ราคาสบาย ๆ ลำละ 600 บาท นั่งได้ 4 คนเฉลี่ยจ่ายแค่คนละ 4 คน เรือจะพานักท่องเที่ยวลัดเลาะไปทำกิจกรรม “งมหอยปากเป็ด” ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของชุมชน พอขึ้นจากน้ำก็สามารถไปสูดโอโซนเดินไต่ข้ามสะพานวัดใจสูงสุดในจังหวัดตราด
สนุกที่ 2 ตื่นตากับการเรียนรู้ความเป็นมาทางด้าน “ศาสนา” ภายในชุมชนจะมัสยิดแสนงดงามอายุกว่า 200 ปี มีศาลเจ้าพ่อน้ำเชี่ยว และวัดศักดิ์สิทธิ์ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ
สนุกที่ 3 เซอร์ไพรส์กับภูมิปัญญาการทำผลิตภัณฑ์ของใช้ของกินในชีวิตประจำวันตามสูตรโบราณ อย่าง การสานงอบใบจาก ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีที่สุดในประเทศไทย ในการนำภูมิปัญญารุ่นปู่ย่าตายายมาสานต่อจากเดิมรังสรรการออกแบบงอบไว้หลัก ๆ เพียง 5 ทรง คือ ทรงหัวแหลม ทรงสมเด็จ (พระนเรศวร) ทรงกระทะ ทรงกระดองเต่า/หลังเต่า และทรงทหารหรือทรงกะโหลก ตอนนี้ลูกหลานประยุกต์ดีไซน์ได้มากกว่า 20 ทรง กลายผลิตภัณฑ์ทำเงินเป็นกอบกำให้ชาวชุมชน เพราะงอบ 1 ใบ สามารถกระจายเงินถึงมือชาวบ้านเฉลี่ยได้ถึง 5 คน ด้วยการนำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบกันเป็นงอบ 1 ใบ
ในบ้านน้ำเชี่ยว ได้เปิดบ้านบริการที่พักโฮมสเตย์สามารถค้างคืนได้ ราคาเพียงคนละ 200 บาทต่อคืน หากอยากอยู่พักยาวๆ ก็มีแพกเกจให้เลือกแบบสบายกระเป๋า พัก 4 คน รวมอาหารเช้า 3 มื้อ อาหารว่าง 2 มื้อ จะพัก 2 วัน 1 คืน ราคาเพียง 990 บาท หรือพัก 3 วัน 2 คืน 1,590 บาท
ของกินต้องห้ามพลาดของบ้านน้ำเชี่ยว ก็มี ข้าวเกรียบยาหน้า น้ำตาลชัก อาหารทะเลสด และของว่างท้องถิ่นขึ้นชื่ออีกหลากหลายเมนู สำหรับอาหารถิ่น “เมนูอาหารคาว” ที่มีความโดดเด่นต้องสั่งมาชิมกันมีอยู่ 8 รายการ คือปลากระบอกต้มส้ม ปลาทอดแดดเดียว ปลาจาระเม็ดทอด 3 รส ปลาเกล็ดขาว ปลาหมึกแห้ง ผัดฉ่าหอยปากเป็ด น้ำพริกกะปิ และก๋วยเตี๋ยวผัดปูน้ำเชี่ยว
จากนั้นก็มองหา “เมนูของหวาน” ขึ้นชื่อมีแห่งเดียวในเมืองไทย อย่างแรก “ข้าวเกรียบยาหน้า” เป็นของรับประทานเล่น ทำจากนำข้าวเกรียบไปตากแห้งแล้วมาย่าง ใช้น้ำตาลทาบนข้าวเกรียบ ตามด้วยใส่กุ้งสับผสมมะพร้าว โรยต้นหอม พร้อมรับประทาน อย่างที่สอง “ตังเมขาวกรอบ” เป็นขนมหวานแห้ง มีตำนานมาจากเมื่อครั้งอดีตชาวเขมรซึ่งนับถือมุสลิมเดินทางมาทำการค้า ได้ขนน้ำตาลล่องมาตามลำน้ำบ้านน้ำเชี่ยว แล้วนำมาแลกน้ำตาลมาแลกอาหารของคนพื้นเพเดิม จึงทำให้เกิดเป็นขนมชนิดนี้ขึ้น
สนใจท่องเที่ยวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ติดต่อ คุณกรณ์กวิณ ศรีเผือก กรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวพื้นที่บ้านน้ำเชี่ยว จ. ตราด โทร.084 – 944 – 4910 หรือนางวีรวัลย์ นรินทร โทร 096 - 369 –7082
@เตรียมตัวป้องกันการระบาดช่วงหน้าร้อน 7 โรค
นพ.ชวินทร์ ศิรินาค ผอ.สำนักอนามัย กทม. เปิดเผยว่า อากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง อาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่โรคอุจจาระร่วง, โรคอาหารเป็นพิษ, โรคบิด, โรคอหิวาตกโรค, โรคไข้ไทฟอยด์หรือโรคไข้รากสาดน้อย ซึ่งจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยร่างกาย ท้องอืดหรือท้องเสียได้ และโรคลมแดด (Heat Stroke ส่วนโรคที่เกิดกับสัตว์เลี้ยงในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ
จึงเชิญชวนประชาชนร่วมป้องกันโรคทางเดินอาหารและน้ำ โดยเลือกกินอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ ดื่มน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารปรุงทิ้งไว้นาน ๆ อาหารมีแมลงวันตอม ส่วนผักผลไม้ก็ต้องล้างหลายๆ ครั้ง ภาชนะใส่อาหารและช้อนล้างให้สะอาด ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งก่อนกินหรือปรุงอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ รักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาดป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง ต้องนำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างน้อยปีละครั้ง ฉีดเข็มแรกเมื่อสัตว์เลี้ยงอายุ 2-4 เดือน
สอบถามเพิ่มเติมศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม.ทุกแห่ง โรงพยาบาลใกล้บ้าน และกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม.0-2203-2887
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยตัดยับน้ำหนักกระเป๋าขึ้นเครื่อง-เร่งปลดหนี้ปี62”
มีรายงานจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถึงการเตรียมออกมาตรการตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป เพื่อลดค่าน้ำมันการบินด้วยวิธีลดสิทธิประโยชน์น้ำหนักสัมภาระกระเป๋าเดินทางของผู้ที่ซื้อตั๋วโดยสารชั้นประหยัด กลุ่มแรก ผู้โดยสารทั่วไป ที่ซื้อโปรโมชั่นราคาพิเศษ 3 รหัส ได้แก่ รหัส L กับ V -Economy Class Discounted รหัส W-Economy Class Premium ต้องจำกัดการโหลดน้ำหนักสัมภาระขึ้นเครื่องลง 10 กก.เหลือเพียง 20 กก. จากเดิม 30 กก.เริ่ม 1 เมษายน2562 เป็นต้นไป
ส่วนกรุ๊ปทัวร์ ที่ซื้อชั้นประหยัดก็จะถูกจำกัดสิทธิ์ในแบบเดียวกันเหลือเพียง 20 กก. จากเดิม 30 กก.แต่จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.2562 เป็นต้นไป
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มติที่ประชุมบอร์ดการบินไทย เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เห็นชอบให้เสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 วันที่ 1 เมษายน2562 อนุมัติให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นโอนทุนสำรองตามกฎหมาย 2,690 ล้านบาท และส่วนล้ำมูลค่าหุ้นมูลค่า 2.55 หมื่นล้านบาท ไปตัดตัวเลขขาดทุนสะสมที่ปรากฏอยู่ในงบการเงิน สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2561 มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท เพื่อหักลบกันแล้วจะทำให้ขาดทุนสะสมทางบัญชีลดเหลือเพียง 296 ล้านบาท ก็เพื่อเปิดทางให้จ่ายปันผลกับผู้ถือหุ้นได้ หากการบินไทยสามารถทำกำไรได้เกิน 300 ล้านบาท สถานะของบริษัทถูกเปลี่ยนเป็นกำไรทันทีนั่นเอง
ระหว่างนี้การบินไทยเร่งวางกลยุทธ์บริหารต้นทุนลดความเสี่ยงพุ่งเป้าทำ 2 เรื่องหลัก 1.การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 50 สกุล 2.การบริหารต้นทุนน้ำมันท่ามกลางภาวะความผันผวนตลาดโลกให้สอดคล้องกับสภาพตลาดมากขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นตัวแปรต่อค่าใช้จ่ายพุ่งไปถึง 9,881 ล้านบาท นั่นเอง
ข่าวที่สอง “บอร์ดกบร.ปลดล็อกการบิน3เรื่องดันทัวร์เมืองรองพุ่ง”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ได้อนุมัติคมนาคมทางอากาศ 3 เรื่อง สนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองทั่วประเทศตามนโยบาย รัฐบาล เรื่องที่ 1.การพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมให้มีการใช้ท่าอากาศยานภูมิภาคให้เต็มขีดความสามารถเพื่อสนับสนุนนโยบายการท่องเที่ยวเมืองรองซึ่งอยู่ในความดูแล 23 สนามบิน สถิติปี 2561 มีผู้โดยสารใช้บริการรวม 15 ล้านคน หรือ10 % ของผู้โดยสารทั้งหมด มีเที่ยวบินขึ้น-ลง 126,381 เที่ยว โดยสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารและเที่ยวบินสูงที่สุด
รวมทั้งยังเปิดน่านฟ้าเสรีให้สายการบินจาก อินโดนีเซีย และมาเลเซีย บินมายังเมืองรองภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่สนามบิน หาดใหญ่ ปัตตานี นราธิวาส ตรัง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ขานรับกรอบความร่วมมือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 ฝ่าย (IMT-GT) เพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายเส้นทางบินฉบับล่าสุด เรื่องที่ 2 ขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2 ฉบับ ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว
โดย 1.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศฯ (หลักเกณฑ์เรื่องทุนและอำนาจการบริการกิจการ) แล้วเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2562 โดยแก้ไขสัดส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะเป็นผู้ผลิตอากาศยาน หรือชิ้นส่วนอากาศยาน ต้องออกพระราชกฤษฏีกากำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม
2. เมื่อ 1 มีนาคม 2562 (ร่างฉบับใหญ่) ได้กำหนดบทบาทกบร. มีหน้าที่เป็นกรรมการนโยบายด้านการบิน และกำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ อาทิ พิจารณาการออกใบอนุญาตประกอบกิจการการค้าขายการเดินอากาศ (AOL) การกำหนดอัตราค่าโดยสาร การคุ้มครองผู้บริโภค
เรื่องที่ 3 อนุมัติแผนนิรภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นกรอบกำกับความปลอดภัยการบิน ตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กำหนดให้ทุกประเทศต้องมีแผนให้ชัดเจนว่าภาครัฐ และผู้ประกอบการต้องดำเนินการเพื่อให้มีความปลอดภัยด้านการบินร่วมกัน
ข่าวที่สาม“บางกอกแอร์เทปี62ซื้อATR1.8พันล้านหวังโกย6ล้านคน”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่าปี 2562 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 3.5% โดยจะปลุกกำลังซื้อให้ผู้โดยสารมาใช้บริการให้ได้ถึง 6.16 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3% โดยเน้นกลยุทธ์ขยายโครงข่ายเส้นทางการบินใหม่ รวมทั้งมีแผนลงทุนด้านอากาศยานรวม 1,815 ล้านบาท เช่น จัดซื้อฝูงบิน ATR 72-600 เบื้องต้น 2 ลำ
นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยธุยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขาย บางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนตลาดการขายเน้นเพิ่มประสิทธิภาพตั๋วออนไลน์มากขึ้น รุกเจาะตลาดกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว เวียดนาม เมียนมา ควบคู่การขยายธุรกิจเช่าเหมาลำ ปัจจุบันมีบริการอยู่ในเส้นทาง ไป-กลับ สมุย-เฉินตู และสมุย-ฉงชิ่ง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น