เจาะลึกปมทอท.ผูกดิวตี้ฟรีสัญญาเดียว 4 สนามบิน
เงินการันตียอดขายขั้นต่ำกุญแจชี้ชะตาผู้ชนะปี’62
คิงเพาเวอร์มหานครหนุนจัดเต็มสตรีทฟู้ไทย-ฮ่องกง
ททท.ปิ๊ง! ปลุกคอร์ปอเรตทัวร์12ราศีเที่ยวเมืองรอง
ททท.ฉะเชิงเทรา-สระแก้วชูMoreFunลุ้นรับ2แสน
ช้อปSPARบางจากงดรับถุงนำเงินบริจาค13องค์กร
MoreFunมันสุดๆเที่ยวสวนผลไม้เมืองรองจันทบุรี
3โรคคาดไม่ถึงของคนไทยกินโซเดียมมากเกินพิกัด
บินไทยเทโปรตั๋วชุด-ทัวร์ถูกรักคุณเท่าฟ้าฉลอง59ปี
“ทศพร ศิริสัมพันธ์”ส้มหล่นนั่งประธานบอร์ด ททท.
ดอนเมืองจ่อฟ้องเอกชนทิ้งงานอาคารผู้โดยสารใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #AOT
ช่วงที่ 1 ฟังการถอดรหัสทุกคำถามและทุกคำตอบ ชนิด “คำต่อคำ” อย่างตรงไปตรงมาจากการสัมภาษณ์พิเศษ “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) - ทอท.” เพื่อคลี่ทุกปมประเด็นให้หายสงสัยถึงที่มาของการที่ฝ่ายบริหารเสนอคณะกรรมการ ทอท. เคาะทีโออาร์ดิวตี้ฟรีสนามบินครั้งใหม่ที่จะเปิดให้แข่งขันประมูลในช่วง 50 วันนี้ ได้รับความสนใจและถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางถึงเหตุปัจจัย 3 ประเด็น คือ 1.ทอท.มัดรวมทีโออาร์เปิดประมูลโดยมัดรวมสัมปทานเป็น 1 สัญญาเท่านั้น (Master Concessionaire) 2.ทอท. มัดรวมการประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีสนามบินที่อยู่ในความดูแลเข้าด้วยกันรวม 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ 3.ทอท.มีเวลาประมาณ 50 วัน ตามขั้นตอนจากเริ่มประกาศหาผู้สนใจไปจนถึงคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามทีโออาร์อย่างครบถ้วนภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2562
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. |
คำถามที่ 1 -ชำแหละทีโออาร์ดิวตี้ฟรีมัดรวมสัญญาเดียว4สนามบิน
ผู้ดำเนินรายการ - เพราะเหตุใดบอร์ด ทอท.ถึงได้เคาะทีโออาร์เปิดประมูลสัมปทานใหม่ดิวตี้ฟรี ออกมาเป็นสัญญาเดียว 4 สนามบิน ?
ดร.นิตินัย - การกำหนดเงื่อนไขการเปิดประมูลสัมปทานการคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรในท่าอากาศยาน (Dutry free Airport) ครั้งนี้ในปี 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้มีมติไว้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ก่อนจะก็ได้ลงประกาศ TOR ในหนังสือพิมพ์ เพื่อเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม- 10 พฤษภาคม 2562 ระหว่างการประชุมก่อนจะได้ข้อยุติออกมาเป็นการกำหนดทีโออาร์สัญญาเดียวมัดรวมกัน 4 สนามบิน และมัดรวมสินค้าโดยไม่แยกตามประเภทสินค้านั้น บอร์ด ทอท.ได้สอบถามพร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วง ถึงแนวทางการปฏิบัติของ ทอท.ได้ฟังเสียงทักท้วงของสังคมหรือเปล่า ที่ต้องการให้แยกประมูลตามประเภทสินค้า และแยกสนามบิน สามารถอธิบายเหตุและผลได้อย่างชัดเจน เพราะต้องใช้ประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง รวมทั้งทาง ทอท.เองก็ไม่ได้อยากจะเห็นดิวตี้ฟรีของคนไทยผูกขาดอยู่กับเอกชนเพียงรายเดียว
ดังนั้นจึงมีทางออกให้ในส่วนของการเปิดเสรีสัมปทานใช้พื้นที่จุดส่งมอบสินค้า Pick Up Counter นั่นหมายความว่าต่อไปจะมีการลงทุนร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง (Duty Downtown) เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด สะท้อนถึงการเปิดกว้างของ ทอท.ได้รับฟังเสียงของสังคมว่า “ไม่ควรมีดิวตี้ฟรีเพียงรายเดียว” จึงได้ปลดล็อกคอขวดด้วยการเปิดกว้างทีโออาร์ชิงทำพื้นที่ Pick Up Counter ขานรับกับดิวตี้ฟรีในเมืองที่จะเกิดขึ้นตามมาได้อีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนการตอบคำถามที่ว่า ดิวตี้ฟรีในเมืองมีได้หลายเจ้า แล้วเหตุใดในสนามบินสุวรรณภูมิ จึงต้องมีเพียงเจ้าเดียว อันนี้เป็นเรื่องของการบริหารพื้นที่ ขอยกตัวอย่างใน “ห้างสรรพสินค้า” ส่วนใหญ่ที่ออกมาให้ความเห็นกลุ่มสมาคมค้าปลีกก็มีความเชี่ยวชาญบริหารพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีประตูเดินผ่านเข้าออก เช่นเดียวกับ “สนามบิน” ก็คล้ายกันแต่เรียกว่า Contract Gate หรืองวงช้างที่นำไปทาบเข้ากับเครื่องบิน แต่ปริมาารการไหลเข้าออกของผู้โดยสารจะต่างจากห้าง เพราะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องบินที่เข้าจอดแต่ฝั่งสนามบินไม่แน่นอน
ประกอบกับ ทอท.เห็นถึงผลการดำเนินงานยอดขายสินค้าดิวตี้ฟรีทั้ง 4 สนามบิน พบว่า ที่ผ่านมามีสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียวที่ทำรายได้มากสุดเฉลี่ย 82 % ภูเก็ตทำได้เพียง 10 % เชียงใหม่ 6 % และหาดใหญ่ต่ำสุดเพียง 0.04 % เท่านั้น
คำถามที่ 2 -ทำเลในห้างกับสนามบินมีปริมาณคนเข้าออกต่างกัน
ผู้ดำเนินรายการ - กำลังจะพูดให้เห็นภาพที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดทีโออาร์ในการประมูลดิวตี้ฟรี
สนามบินอย่างไร ?
ดร.นิตินัย – ประตูห้างสรรพสินค้า กับ Contract Gate ในสนามบิน ทำหน้าที่คล้ายกันในการกำหนดจำนวนหรือปริมาณผู้ใช้บริการผ่านเข้าออก แต่ในสนามบินจะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าวันแรกในการเปิดประมูลจะมีเครื่องบินลำใหญ่มาทางปีกขวา ลำเล็กไปจอดทางปีกซ้าย ดังนั้นจำนวนผู้โดยสารจะเทไปทางขวาของอาคารผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก
หากกำหนดใช้ทีโออาร์แยกพื้นที่จำหน่ายสินค้าตามประเภทหรือ Category Concessions แต่เวลาผ่านไปหาก Category A ได้พื้นที่ฝั่งซ้าย Category B ได้พื้นที่ฝั่งขวา แล้วเอกชนใส่ตัวเลขผลตอบแทนสูงตามสถานการณ์ปี 2562 ที่มีผู้โดยสารเทผ่านเข้าออกทางขวาของสนามบินมาก แต่ความเป็นจริงมีความไม่แน่นอนอย่างมากจากสายการบินนานาชาติที่นำผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการ จะเปลี่ยนฝูงบินตามสถานการณ์อยู่ตลอด
เช่น ขณะนี้เครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ A 380 ขนาดบรรทุกลำละกว่า 500 คน/เที่ยว ได้เลิกผลิตแล้ว ทำให้ Contract Gate กับห้องพักรอเครื่องผู้โดยสารขนาดใหญ่ที่เคยเตรียมไว้ จะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่อย่างไร ชี้ให้เห็นว่าในอนาคตปี 2563-2567 ก็ยังไม่มีใครทราบว่าสายการบินจะเลือกใช้เครื่องบินขนาดไหน จึงเหมือนกับห้างที่เปิดและปิดประตูใหม่ไปเรื่อย ๆ
ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยง เพราะวันนี้อาจจะมี “ทำเลที่ดี” แต่วันข้างหน้าอาจกลายเป็น “ทำเลที่แย่” ก็ได้หากเลือกเปิดประมูลให้จำหน่ายสินค้าแยกประเภท อีกทั้งสนามบินมีความแตกต่างจากห้างสรรพสินค้านั่นเอง
คำถามที่ 3 -เป้าใหญ่คือหาแชมป์ดันสนามบินไทยแข่งกับสนามบินเอเชีย
ผู้ดำเนินรายการ – มีเหตุปัจจัยหรือโจทก์ใหญ่อะไรจึงตัดสินใจไม่เลือก Category Concessions ?
ดร. นิตินัย - ทอท.ต้องการกลัดกระดุมเม็ดแรก ซึ่งโดนตั้งคำถามเป็นประเด็นที่ 1 ก่อนจะร่างทีโออาร์ โดยเป้าหมาย ทอท.ต้องการตัวแทนทีมชาติไทยไปลงแข่งฟุตบอลโลกหรือโอลิมปิก ตามรูปแบบในการเลือกคือ
1.ต้องกำหนดวิธีคัดเลือกหาผู้ที่แข็งแรงที่สุด หรือ 2.ต้องกระจายรายได้ไปยังหลายกลุ่ม โดยสนามบินต่าง ๆ ก็จะต้องให้มีผู้ประกอบการหลายเจ้าเข้ามาดำเนินงาน ซึ่ง ทอท.มีรูปแบบนี้อยู่ในสนามบินต่างจังหวัด เปิดให้เอกชนรายย่อยนำสินค้าโอท็อปมาจำหน่ายได้เต็มไปหมด รายได้ต่อตารางเมตรเฉลี่ยประมาณ 2,000 บาท แต่ก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะ ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจแบบรัฐพาณิชย์ ต้องดำเนินการทั้งมุมรัฐเพื่อประชาชนและเพื่อผลกำไรด้วย
ดังนั้นรูปแบบนี้จึงใช้กับสนามบินขนาดเล็ก สำหรับการเปิดประมูลปี 2562 ทอท.เลือกใช้รูปแบบที่ 1 เพื่อหาแชมเปี้ยนไปแข่งขันในเวทีโลก ตัวอย่าง หากมีผู้โดยสารเดินทางจากญี่ปุ่น แวะพักสุวรรณภูมิ (ไทย) เพื่อจะไปต่อยัง อินชอน (เกาหลี) หรือสนามบินชางยี (สิงคโปร์) แล้วอยากซื้อลิปสติก 1 แท่ง คงเปรียบเทียบจะซื้อที่สนามบินใดดี ถ้ามาแวะพักก็คงไม่คิดจะซื้อที่สุวรรณภูมิหรือร้านโชว์ห่วยซึ่งไม่สามารถออกไปได้
ที่ต้องพูดเปรียบเทียบเช่นนี้ก็เพราะว่า “ร้านค้าดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ” ตั้งอยู่ในบริเวณ Airside ด้านในสุดของอาคารผู้โดยสารต้องผ่านเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองไปก่อนจะขึ้นเครื่องบินออกต่างประเทศ
จึงกำลังจะบอกว่าเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงระหว่าง “สนามบินกับสนามบิน” ไม่ได้มีความเชื่อมโยงระหว่าง “สนามบินกับพื้นที่ภายนอก” จึงต้องมองประเด็นให้ออกว่าสัมปทานสัญญาครั้งนี้ ทอท.มีจุดมุ่งหมายหลักต้องการ “แข่งขันกับสนามบินนานาชาติอื่น”
เป็นเหตุให้ต้องเลือกใช้เหตุผลในการกำหนดทีโออาร์ด้วยการคัดเลือกนักลงทุนที่มีคุณสมบัติ “เป็นเอกชนที่แข็งแรงแข่งขันกับเวทีโลกได้”
เป็นการตอบคำถามชัดเจนในประเด็นว่า “ทำไม ทอท.ต้องหาผู้แข็งแรงที่สุด” โดยไม่ใช้วิธีการคัดเลือก “แบบกระจายรายได้” ให้ผู้ประกอบการที่มีทั้งผู้แข็งแรงและอ่อนแอปน ๆ กันเข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งน่าจะไม่เหมาะสม
คำถามที่ 4 -ตอกย้ำแบรนด์สุวรรณภูมิ-ไทยต้องมาก่อน
ผู้ดำเนินรายการ – แล้วตอบโจทก์หรือคำถามเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ ?
ดร.นิตินัย – ก็ได้ทั้งภาพจำสนามบินสุวรรณภูมิ และภาพลักษณ์ประเทศชาติด้วย ถ้าไทยขายสินค้าไม่มีแบรนด์เลย แต่คนที่เดินทางมามุ่งหวังจะมาซื้อแบรนด์เนม ประเทศก็จะสูญเสียรายได้ไปด้วย
คำถามที่ 5 -minimum guaranteeคือกุญแจความมั่นใจศักยภาพผู้ชนะ
ผู้ดำเนินรายการ – หากใช้ตรรกะบนบรรทัดฐานว่าเอกชนที่ยื่นประมูลล้วนมีศักยภาพทัดเทียมกัน แต่สิ่งที่จะต้องแข่งขันเพื่อเป็นผู้ชนะคือผลตอบแทนทางรายได้หรืออะไรกันแน่ ?
ดร.นิตินัย – อย่างแรกคือการกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องคือคำตอบของทุกอย่าง นั่นคือต้องหาเอกชนที่แข็งแรงมาทำหน้าที่แข่งขันกับภูมิภาค ถ้าไม่ได้ผู้ประกอบการตามคุณสมบัติดังกล่าว ผลพวงที่ตามมาย่อมส่งถึงเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมยังเชื่อว่าผลลัพธ์ที่เป็นธรรมย่อมเกิดมาจากกระบวนการที่เป็นธรรม ผลที่ออกมาคือรายใดใส่ซองเสนอผลตอบแทนในราคาสูงตามความเหมาะสม เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบเลย บางทีอาจจะมีข้อเรียกร้องว่าขอให้มีผู้ใส่ราคาต่ำกว่านี้ได้หรือไม่
ผมก็ต้องบอกเราจะเอาผู้ที่แข็งแรงน้อยไปชิงโอลิมปิกด้วยใช่ไหม การกลัดกระดุมเม็ดแรกครั้งนี้ ทอท.ยืนยันขอเลือกเอกชนที่มีความแข็งแรง โดยเชื่อว่ามีเอกชนหลายรายมีศักยภาพจริง เขาก็จะกล้าประมูลในราคาสูง เพราะคำว่าศักยภาพคงจะไม่สามารถอธิบายได้ในเชิงพรรณนาถึงว่าคนนั้นเก่งอย่างโน้นอย่างนี้ แต่จะดูกันจากตัวเลขที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนคืนรัฐอย่างคุ้มค่า
คำถามที่ 6 -ย้ำชัดเอกชนจะชนะต้องกล้าเสนอผลประโยชน์คืนรัฐ
ผู้ดำเนินรายการ – การเสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐเพื่อชนะการประมูลสัมปทานนั้นมีกฎเกณฑ์ความพอดีของตัวเลขอย่างไร ?
ดร.นิตินัย - แบ่งเป็น 2 ส่วน โดย ทอท.ได้กำหนด ส่วนที่ 1 ผู้ชนะจะต้องให้ส่วนแบ่งรายได้ (revenue sharing) ตอบแทน ทอท.เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์จำนวนหนึ่งซึ่งระบุไว้เรียบร้อยแล้วในซองทีโออาร์ ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้
2.ผู้ชนะจะต้องเสนอตัวเลขการันตียอดขายขั้นต่ำ : minimum guarantee ให้ ทอท.อย่างชัดเจนด้วย สมมุติว่า 10 % ของยอดขาย จาก 100 บาท ต้องจ่าย ทอท.10 บาท โดยเขียนใส่ซองการันตีจะจ่ายการันตี 20 เดือน ต่อให้ทำยอดขายได้ต่ำกว่าเป้าหมายก็จะต้องจ่าย ทอท.10 % ทอท.จะต้องดูว่าเอกชนที่ลงแข่งขันรายใดเป็นผู้เสนอการันตียอดขายขั้นต่ำให้ได้สูงสุดมากกว่ากัน
ส่วนผู้ชนะการประมูลรายปัจจุบันในอดีตทำยอดขายไม่ได้เป็นไปตามคาด แต่ก็จ่ายผลตอบแทนให้ ทอท.ด้วยตัวเลข minimum guarantee ที่ได้ทำสัญญาไว้ตั้งแต่ชนะการประมูล แล้วก็เพิ่งมาทำยอดขายสูงกว่า minimum guarantee ได้ในช่วงที่ผ่านมา 5 ปีหลัง ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้ที่จะลงแข่งขันครั้งนี้ไปประเมินศักยภาพของบริษัทตนเองในการบริหารจัดการ คลังสินค้า การจำหน่าย การทำตลาด แล้วผู้ที่มีศักยภาพสูงก็สามารถเสนอตัวเลข minimum guarantee ได้สูง เพราะมั่นใจว่าชนะประมูลแล้วสามารถทำธุรกิจให้มีกำไรได้ ต่างจากรายที่ไม่มั่นใจก็จะใส่ minimum guarantee ไว้ต่ำกว่า
ประเด็นการใส่ตัวเลข minimum guarantee สะท้อนถึงความมั่นใจและไม่มั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอกชนแต่ละรายที่จะมาลงแข่งขันชิงการประมูลสัมปทานสัญญาดิวตี้ฟรีสนามบินของ ทอท. เพราะ ทอท.ก็มั่นใจว่ามีกระบวนการที่เป็นธรรมคัดกรองผู้แข็งแรง ที่มีความมั่นใจตัวเอง ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ ทอท.และประเทศได้เช่นกัน แต่ถ้าเอกชนที่ไม่มั่นใจในตนเองว่าจะใส่ minimum guarantee ได้เท่าไร แล้วจะให้ ทอท.หรือประเทศมั่นใจในบริษัทผู้ประมูลได้อย่างไร
คำถามที่ 7 minimun guaranteeกุมชะตาสนามชิงแชมปืดิวตี้ฟรี
ผู้ดำเนินรายการ – โดยภาพรวมแล้วดัชนีชี้วัดศักยภาพของผู้ประมูลที่ชนะหรือไม่ งานนี้ minimum guarantee เป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดหรือชี้ชะตาผู้ชนะถูกต้องหรือไม่ ?
ดร.นิตินัย – ถูกต้อง
คำถามที่ 8 -Pick up Counter ปลดชนวนเสรีปลุกลงทุนดิวตี้ฟรีไทย
ผู้ดำเนินรายการ -สำหรับการเปิดประมูลสัมปทานจุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรีสนามบิน “Pick up Counter” ตัวปลดชนวนการแข่งขันดิวตี้ฟรีเสรี จะเปิดเมื่อไร
ดร.นิตินัย – เนื่องจากการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินเป็นการบริหารพื้นที่ต้องให้เวลาตกแต่งใช้เวลานานนับปี จึงต้องเปิดทีโออาร์ก่อนในเดือนมีนาคม 2562 เพราะสัญญากับผู้ชนะรายปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 23 กันยายน 2563 ส่วน“Pick up Counter” เป็นการหาผู้ประกอบการบริหารพื้นที่เฉพาะจุดส่งสินค้าธรรมดาซึ่งไม่ต้องตกแต่งยุ่งยากมากนัก พอเสร็จการประมูลดิวตี้ฟรีสนามบิน ก็จะนำเข้าที่ประชุมบอร์ดได้ช่วงเดือนมิถุนยน 2562
ล่าสุด “Pick up Counter” เพิ่งได้มติบอร์ด ทอท.เพิ่มเติมขอให้เปิดกว้าง จึงขอเล่าย้อนกลับไปยังมติเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เดิมยังไม่สมบูรณ์ ต้องนำอีกครั้งภายในพฤษภาคม-มิถุนายน นี้ เพื่อหาผู้ประกอบการภายในปี 2562 อย่างแน่นอน
ขณะที่สัญญา Pick up Counter ของคิง เพาเวอร์ จะหมดวันที่ 27 กันยายน 2563 ก็เท่ากับการประมูลครั้งใหม่หากได้เอกชนรายอื่น ๆ เข้ามาทำก็จะมีเวลาตกแต่งเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ดังกล่าวเกือบปีซึ่งน่าจะเพียงพอ
คำถามที่ 9 -ความต่างของ Pick Up Counter ยุคเก่ากับอนาคตใหม่
ผู้ดำเนินรายการ –การเปิดประมูล “Pick up Counter” ของเก่าและใหม่มีความแตกต่างอย่างไร ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการรับรู้ถึงใช้อย่างเสรีภาพในการขายหรือดำเนินธุรกิจ ?
ดร.นิตินัย – ย้อนกลับไปช่วงเปิดสนามบินสุวรรณภูมิปี 2549 ขณะนั้นแทบจะไม่มีคนรู้จักร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง ก็เคยไม่มีคนรู้จัก Pick Up Counter การประมูลเมื่อ 10 ปีก่อน จึงใช้วิธีประมูลบริหารพื้นที่ทำดิวตี้ฟรีในสนามบินทั้งผืน แต่ทางคิง เพาเวอร์ ได้เสนอแผนงานโดยมี “Pick up Counter” ถือเป็นองค์ประกอบสัญญา
ในเวลาต่อมามีคนสนใจทำดิวตี้ฟรีในเมืองมากขึ้น จึงมีการแยกสัญญา “Pick up Counter” ปี 2555 ครั้งแรกนำร่องแยกสัญญาการประมูลออกจากดิวตี้ฟรีที่สนามบินดอนเมือง กำหนดเงื่อนไขหากรายใดชนะจะได้สิทธิ์ใช้เคาน์เตอร์เพียงรายได้เดียวห้ามผู้อื่นใช้
กระทั่งมาถึงบอร์ด ทอท.ชุดปัจจุบัน ได้พัฒนาระบบสัญญาใหม่ที่สนามบินภูเก็ตเมื่อปี 2560 ให้ทำ“Pick up Counter” เป็น Common Use ผู้ชนะจะต้องอนุญาตให้รายอื่นสามารถใช้ส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรีได้ด้วย เป็นวิวัฒนาการแตกต่างจากอดีต 10 ปีก่อน เป็นสัญญาผูกรวม และ 7 ปีต่อมาแยกสัญญาออกดิวตี้ฟรีแต่ผู้ชนะยังคงเป็นผู้ใช้ได้เพียงรายเดียว พอบอร์ดชุดนี้เข้ามาเมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็เปลี่ยนระบบใหม่ให้เป็น Common Use มาจนถึงขณะนี้
ซึ่งสามารถการันตีได้ว่าการประมูล “Pick up Counter” ครั้งนี้จึงจะไม่ถอยหลังลงคลอง จะต้องเปิดกว้างแน่นอน แต่จะเป็นรูปแบบให้รอดูรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งเมื่อการประมูลดิวตี้ฟรีสนามบินเสร็จสิ้นเรียบร้อย การสัมภาษณ์ทั้งหมดตั้งใจนำมาเสนอต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมาถึงเรื่องราวมหากาพย์การเปิดประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีเมืองไทย ของ ทอท.ที่สังคมให้ความสนใจเสมอมา
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์มหานครชูสตรีทฟู้ดไทย-ฮ่องกง16-17มี.ค.”
นางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กสิกรไทย ออล ออฟ ลัค และภาคีพันธมิตร เปิดพื้นที่บริเวณ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองไทย จัดมหกรรมงาอาหารสตรีทฟู้ด 2 วัฒนธรรม “บางกอก – ฮ่องกง : Bangkok – Hong Kong Street Battle Food Festival” ระหว่างวันที่ 13-17 มีนาคม 2562 ณ มหานคร สแควร์ คิง เพาเวอร์ มหานคร (BTS ช่องนนทรี)
โดยคิง เพาเวอร์ ได้สร้างสรรค์เมนูขนมไทยประยุกต์คือ “ขนมเบื้อง คิง เพาเวอร์ มหานคร” ชูแนวคิดที่สอดคล้องกับตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร อันแสดงถึงความเจริญ ความอุดมสมบูรณ์ และความสุข มามอบให้นักชิมทุกคนเฉพาะงานนี้เท่านั้น
ตลอดการเข้าร่วมชิมความอร่อยของเมนูคาวหวานในเทศกาลอาหารบางกอก-ฮ่องกง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถซื้อบัตรขึ้นไปยัง คิง เพาเวอร์ สกาย วอล์ค จุดชมวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา โดยมี The Peak บนความสูงสุดถึง 314 เมตร พร้อมให้ได้ดื่มด่ำบรรยากาศชมวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าฉาบแสงสีทองสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
นางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่าการจัดงานเทศกาลอาหารบางกอก – ฮ่องกง ครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Tourism) ได้ร่วมกับภาคเอกชนจัดขึ้นครั้งแรก โดยเลือกนำที่สุดของอาหารสตรีทฟู้ด 2 วัฒนธรรม ไทย-ฮ่องกง พร้อมระดมร้านเด็ดระดับมิชลิน ร้านยอดนิยมในหมู่นักชิมมาพบกันในงานนี้กว่า 26 ร้าน และจะได้พบกับการแบทเทิลของเหล่าเชฟชั้นนำของร้านอาหารที่เข้าร่วมงาน
ส่วนธนาคารกสิกรไทย ได้นำข้าวไทยพันธุ์หายากมาโปรโมท ชวนทดลองชิมด้วยเทคนิคการหุงเพิ่มความอร่อยพร้อมกับจับคู่รับประทานกับเมนูเด่น ๆ เช่น ข้าวไข่มดริ้นคู่กับคั่วกลิ้ง ผักสด, ข้าวหอมกระดังงาคู่กับ แกงเลียงสมุนไพร, ข้าวหอมมะลิคู่กับ น้ำพริกกะปิปลาดุกฟู, ข้าวหอมมะลิแดงคู่กับ แกงเขียวหวานฟักทอง, ข้าวไรซ์เบอร์รีคู่กับ ลาบไก่สับ พริกแห้ง
ทางด้าน ม.ร.ว รุจยาภา อาภากร ประธานที่ปรึกษา บริษัท ออล ออฟ ลัค จำกัด กล่าวว่า ได้เลือกงานนี้จัดด้วยคอนเซ็ปต์แบทเทิล เลือกร้านสตรีทฟู้ดไทย-ฮ่องกง ระดับตำนานกับระดับมิชลินแนะนำมาเสนอประเภทอาหารไม่ซ้ำกัน รวมทั้งหมด 26 ร้าน แบ่งเป็นสตรีทฟู้ดไทยชื่อดัง 18 ร้าน เช่น ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ แสนยอด เมาเวอริค สุกี้ TenSuns ก๋วยเตี๋ยวเนื้อไร้เทียมทาน ปาท่องโก๋เสวย จึง อัง ลัก หมูสะเต๊ะ ร้านพจน์ปลาหมึกย่าง ขนมจีนบางลำพู
ส่วนสตรีทฟู้ดฮ่องกงก็จัดเต็มเช่นกันนำร้านดังที่ชาวไทยเดินทางไปฮ่องกงต้องแวะ เช่น บะหมี่เกี๊ยวสูตรกวางตุ้ง Mak Man Kee โจ๊กฮ่องกง Fook Hing แซนวิชขนมปังสัปปะรดร้าน Waso Café เป๋าฮื้อทอดร้าน Thai Chiu หมูแดง ร้าน Sun Kwai Heung และอื่น ๆ
ตลอดงานเทศกาลอาหาร “Bangkok – Hong Kong Street Battle Food Festival” ยังมีกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย เช่น การแสดงจากศิลปินค่าย loveis วง mean Alyn และ slojoe สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยรถบีทีเอส ลงสถานีช่องนนทรีเข้าสู่ตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร ได้ตั้งแต่วันนี้-17 มีนาคม 2562 ตั้งแต่ เที่ยงวัน จนถึง 3 ทุ่มตรงทุกวัน
ข่าวที่ 2 “ททท.ผนึกคอร์ปอเรตจัดทัวร์12ราศี6เมืองรองปี62
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. จัดทำโครงการ "เที่ยวไทยรับพร 12 ราศี กับ อ.คฑา" กระตุ้นกลุ่มครอบครัว ประชาชน ทั่วไป นักศึกษา เดินทางท่องเที่ยวในประเทศตามราศีเกิด 12 สถานที่ 12 ราศี เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดปี 2562 โดย ททท.ร่วมกับ อ.คฑา ชินบัญชร จัดโปรแกรมท่องเที่ยว 7 ทริป พร้อมทั้งร่วมกับภาคีพันธมิตรอย่าง เดอะมอลล์ Mono 29 AIS โรงแรมฟอน์จูน ชวนไปเที่ยวตามราศีเกิดในเมืองรอง ได้แก่ เชียงราย นครศรีธรรมราชร้อยเอ็ด จันทบุรี อ่างทอง นครพนม
รวมถึงการทำโปรโมชั่นร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการ ที่พัก รถเช่า แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ และจัดกิจกรรมออนไลน์ทาง www.เที่ยวไทย12ราศี.com รองรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางอิสระ (FIT) เดินทางท่องเที่ยวแล้วส่งภาพลุ้นรางวัลได้วด้วย
วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ร่วมกับ ททท. และพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ จัดโครงการ "เที่ยวไทยรับพร 12 ราศี" โดยเปิดให้สมาชิกที่ถือบัตร M Card ที่ชื่นชอบ การท่องเที่ยวไหว้พระขอพร ปี 2562 ได้จัดทริปเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ ปี 2562 โดยมีอาจารย์คฑานำทัวร์ 2 จังหวัด ได้แก่
1.นครศรีธรรมราช เดินทางระหว่าง 14-16 มิถุนายน 2562 ชมความมหัศจรรย์บ่อน้ำจืดเกาะกลางทะเล ต้นกำเนิด ตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และไหว้พระ ขอพรที่วัดพระมหาธาตุวรวิหาร และ 2. เชียงราย เดินทางระหว่าง 5-7 กรกฎาคม 2562 ร่วมนมัสการพระธาตุดอยตุง ทั้ง 2 ทริปสามารถเข้าไปแลกสิทธิ์ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ -14 พ.ค. 2562 เพียงใช้ 99 M Point ร่วมกับเงินเพียง 5,999 บาท แลกซื้อทริปได้จากราคาปกติ 12,500 บาท
ข่าวที่ 3 More Fun สระแก้ว-ฉะเชิงเทรา ลุ้นรับ2แสนบาท
สำนักงานภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ร่วมสนุกกับการร่วมประกวดในโครงการ " สนุกกว่า ตื่นเต้นกว่า ท้าทายกว่า...ในสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร" ของท่องเที่ยวสุดฟิน 2 จังหวัด ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว พร้อมร่วมชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท โล่เกียรติยศ และเกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณจาก ททท. ภูมิภาคภาคตะวันออก โดยนักท่องเที่ยวสามารถส่งคลิปผลงานได้ตั้งแต่ 9 ก.พ. 62 - 15 เม.ย. 62 ประกาศผลรางวัล 4 พ.ค. นี้ สมัครออนไลน์ได้ด้วย
ตนเองhttps://docs.google.com/forms/d/1G7ZDD7IqJDht6FgKzf3gGH1ixiHhTMsJ1QtJteQtB3E/edit https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2985307811494950&id=184497108242715 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2097589533618049&id=100001010698048 http://www.phototechthailand.com/articles/799
ข่าวที่ 4 “บางจากชูSPARไม่รับถุงนำเงินบริจาค13องค์กร”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ทางร้านค้าปลีกของบางจากคือร้านสพาร์ได้เชิญชวนร่วมรณรงค์ไม่ใช้ถุงพลาสติก กับโครงการ "ไม่รับถุง คุณช่วยโลก" ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2562 เป็นต้นไป เพียงคุณปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติกจากการช้อปปิ้งที่สพาร์ทุก ๆ ยอดการไม่รับถุงพลาสติก 1 ใบ สพาร์จะบริจาคเงิน 0.20 บาท ให้กับ 13 องค์กรสาธารณะประโยชน์ ดังนี้
1. มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) 2. มูลนิธิรามาธิบดี 3. สภากาชาดไทย 4. มูลนิธิแพทย์ชนบท 5. มูลนิธิธรรมรักษ์ (วัดพระบาทน้ำพุ) 6. มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ 7. มูลนิธิคุ้มครองเด็ก
8. มูลนิธิศุภนิมิต แห่งประเทศไทย 9. มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี 10. มูลนิธิบ้านบางแคในพระอุปถัมภ์ 11. มูลนิธิสืบนาคะเสถียร 12. มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ 13. มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก
ช่วงที่ 2 เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว More Fun มันสุด ๆ กับเทศกาลทัวร์สวนผลไม้ เมืองรองจันทบุรี ภาคตะวันออก ปีนี้เริ่มเร็วตั้งแต่ปลายมีนาคมนี้ แนะนำปักหมุดที่อำเภอมะขาม ตลุยชิมทุเรียนพันธุ์ใหม่ จันทบุรี 1-10 ที่ “สวนของพ่อ-ศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ กับ นั่งซาเล้งบุกชุมชน “ปัถวี-วิถีสวนเกษตรอินทรีย์” มีส้มตำทุเรียนรสแซ็บมื้อเที่ยงมาชวนชิม กับเมนูท้องถิ่นซี้ดซ้าดทุกจาน ชิมฟรีฝูงชันโรงที่ให้น้ำผึ้งหวานอมเปรี้ยว แล้วต้องระวัง “3โรคคาดไม่ถึง” จากการกินโซเดี้ยมเกินพิกัด และเกาะติดข่าวฮ็อต “บินไทยอัดโปรตั๋ว-ทัวร์ราคาถูก” กับแคมเปญรักคุณเท่าฟ้า ฉลอง 59 ปี มีตั๋วชุดบินทั่วไทยราคาเฉลี่ยชุดละ 1,100 บาท “ทศพร ศิริสัมพันธ์” ส้มหล่นนั่งประธานบอร์ดททท. “ทอท.จ่อฟ้องเอกชน” ทิ้งงานสร้างอาคารบริการผู้โดยสารติดลานจอดรถในดอนเมืองหลังใหม่
@MoreFunมันสุดๆเที่ยวสวนทุเรียนเมืองจันทน์
เริ่มเทศกาล More Fun ตะวันออก ฤดูท่องเที่ยวสวนผลไม้ กับ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชม ชิม แชะ แชร์ ช้อป สวนผลไม้ ชุมชน ร้านอาหาร ปักหมุดกันได้เลย 2 แหล่งใหญ่ในอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ตั้งปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2562
พาไปตลุยสวนแรกในพื้นที่กว่า 109 ไร่ ที่ “ศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จันทบุรี-สวนของพ่อ” อาณาจักรแห่งการวิจัยพันธุ์ไม้ผลภาคตะวันออก ที่มี “ทุเรียนสายพันธุ์ใหม่” ใช้ชะนีเป็นพันธุ์ตั้งต้น สร้างลูกหลานให้กลายเป็น จันทบุรี 1-10
ตอนนี้ทยอยสุกกินได้แล้ว ครบทั้ง 10 สายพันธุ์ ลดกลิ่นฉุนเพิ่มความนุ่มของเนื้อทุเรียนทุกลูก ชิมทุเรียนรุ่น 1 กินได้ไม่อั้นตั้งแต่ จันทบุรี 1 ชะนีผสมหมอนทอง จันทบุรี 2 ชะนีผสมพวงมณี จันทบุรี 3 ชะนีผสมก้านยาว ส่วนจันทุรี 10 ชะนีพ่อของก้านยาว แต่ละสายพันธุ์ เนื้อนุ่ม รสชาติละมุนลิ้น หวาน มัน กรอบ โดนใจนักท่องเที่ยวคนพันธุ์คลั่งไคล้ทุเรียนฝั่งทะเลอ่าวไทย จันทบุรี ระยอง ตราด
ส่วนรุ่น 2 กำลังเข้าสู่วงจรการผลิดอกออกผลในช่วงสงกรานต์ กลางเดือนเมษายน นี้ เที่ยวพร้อมกันทีเดียวควบ 2 งาน ทั้งสงกรานต์และกินผลไม้ตามสวนต่าง ๆ เพราะตอนนี้ทุเรียนแต่ละอายุหลายสิบปีกำลังเริ่มเข้าสู่วงจรสร้างผลผลิตจากขั้น “เหยียดตีนหนู” สู่ “ไข่ปลา” แปลงโฉมเป็น “มะเขือพวงเล็ก” (ดอกตูม) สู่ “กำไร” (ดอกบาน) และ หางแย้ แล้วต้องใช้เวลาอีก 180 วันจึงจะค่อย ๆ เติบโตเป็นผลทุเรียน สนนราคาทุเรียนสุก ปี 2562 เปิดฤดูกาลแรกเดือนมีนาคมนี้ เริ่มกิโลกรัมละ 120-200 บาทขึ้นไป แปรเปลี่ยนตามสายพันธุ์ตามแต่ความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละคน
พอถึงเดือนพฤษภาคม ราคาหน้าสวนอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย และตั้งแต่ 14 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ทุเรียนรุ่น 1 และ 2 จะสุกพร้อม ๆ กัน จนกลายเป็นมหกรรม “กินทุเรียนอร่อยทุกสวน” ที่นักท่องเที่ยวรอคอย
สวนที่ 2 “ชุมชนปัถวี -วิถีเกษตรอินทรีย์” คุณรัฐไท พงษ์ศักดิ์” ประธานชุมชนปัถวี อำเภอมะขาชวนเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านที่รวมกลุ่มกันทำสวนผลไม้เกษตรปลอดสารเคมีเน้นทำเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ 22 หลังคาเรือน จนได้รับใบรับรองมากมายหลายอย่างจากกรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานอื่น ๆ หันมาหารายได้เสริมเปิดสวนเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนปัถวี วิถีเกษตรอินทรีย์ ชาวชุมชนปัถวี การันตีทุเรียนทุกผลที่เก็บมาวางขายรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อน สนนราคาขายใกล้เคียงกับท้องตลาดทั่วไทยกิโลกรัมละ 120 -200 บาท
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปแต่ละวันจะรับได้วันละไม่เกิน 100 คน ช่วงเช้า 50 คน และบ่ายอีก 50 คน กลุ่มคณะที่เข้าไปช่วงเช้าสามารถสั่งอาหารมื้อกลางวันเป็นเซ็ต คิดค่าอาหารคนละ 200 บาท นำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงเป็นเมนูละลานตา เสิร์ฟครั้งละ 8-9 เมนู ฟรีผลไม้สดและแปรรูป ยกเว้นทุเรียน
ความสนุกในการท่องเที่ยวสวนผลไม้ชุมชนปัถวี อยู่ตรงการ “นั่งรถซาเล้ง” ที่ชาวบ้านนำรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างที่ใช้ขนผลไม้มาประยุกต์บริการนำเที่ยวนั่งได้คันละ 4 คน คิดค่ารถคนละ 50 บาท ชาวสวนจะควบซาเล้งลัดเลาะไปยัง สวนทุเรียน สวนผลไม้ผสมผสาน มีทั้งมังคุด เงาะ ลองกอง ขนุน ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
แถมฟรี ให้ชมการเพาะเลี้ยงตัว “ชันโรง” ลักษณะคล้ายผึ้งไว้ในรังสังกะสีปักอยู่ระหว่างต้นผลไม้ เพื่อให้เจ้าชันโรงเป็น “แรงงานผสมเกสรดอก” ทำให้ผลไม้อย่าง ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และอื่น ๆ ออกดอกเป็นผลดกเต็มต้นทุกปี
แถมยังได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า By Product คือ “น้ำผึ้งชันโรง” สีเข้มข้น หวานมันกรอบ นำมาบรรจุขวดหรือขายเป็นแพน้ำผึ้ง และเปิดจากโรงสังกะสีเล็ก ๆ ให้นักท่องเที่ยวทดลองชิมฟรี น้ำหวานเหนียวหนึบติดลิ้นรสชาติหวานอมเปรี้ยว สุดยอดความอร่อยอีกเมนู
จะไปเที่ยวสวนทุเรียนและสวนผลไม้ผสมผสานในชุมชนปัถวี ต้องโทรแจ้งก่อนล่วงหน้าที่ 063-226-2251 หรือ 098-989-8240
ดูรายชื่อสวนที่ชื่นชอบ แล้วโทรไปจองก่อนเดินทาง แล้วก็เลือกพักโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเที่ยวสวนผลไม้ พอไปเช็คอินจะได้รับคูปองส่วนลดเที่ยวสวนผลไม้ทันที มูลค่า 100 บาท นำไปใช้ได้ช่วยประหยัดลงได้อีกตั้งร้อยบาท
ตลอดฤดูกาลเที่ยวสวนผลไม้ปีนี้ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ห้ามพลาด แวะ “ร้านป้าแกลบ” อำเภอท่าใหม่ ศูนย์รวมแปรรูปผลไม้นานาชนิดของชาวบ้าน ซึ่งมีห้องกระจกขนาดใหญ่ไว้แปรรูปทุเรียน ทั้งแบบอบกรอบ ทุเรียนกวน และหลายรูปแบบ ให้เลือกซื้อ แถมยังมี “ก๋วยเตี๋ยวผัด-หรือผัดไทยเส้นจัน” ให้ชิมไปพลางระหว่างช้อปปิ้งด้วย
นักท่องเที่ยวผู้หลงรักการกินทุเรียนและผลไม้ภาคตะวันออก เปิดเว็บไซต์ www.tatตะวันออก.com แล้วชวนออกกันออกไปตลุยท่องเที่ยวสวนผลไม้กันอย่างสนุกแถมได้เรียนรู้วิถีเกษตรอีกเพียบ แต่ละชุมชนเตรียมเปิดสวนต้อนรับทุกคนตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงกรกฎาคม นี้
@3โรคที่คาดไม่ถึงเมื่อกินโซเดียมมากเกินไป
ปัจจุบันมีสถิติพบว่าคนไทยได้รับโซเดียมมากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันถึง 1 เท่าตัว จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ปัจจุบันพบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 10 ล้านคน และเป็นโรคไตถึง 7 ล้านคน นอกจากโรคความดัน โรคหลอดเลือดสมองและโรคไตเรื้อรังแล้ว พฤติกรรมการทานโซเดียมที่มากเกินไปยังทำให้เกิดโรค 3 โรคนี้อีกด้วย
1. โรคกระดูกพรุน : เมื่อร่างกายได้รับโซเดียม ก็จะขับน้ำออกทางปัสสาวะมากขึ้น โดยขับเอาแคลเซียมออกมาด้วย ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมจนเกิดกระดูกเสื่อมในที่สุด
2. โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร : การกินโซเดียมมาก ๆ จะไปทำลายผนังกระเพาะอาหาร จึงเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร และเกิดเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้
3. โรคหอบหืด : การทานโซเดียมมาก ๆ จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ จึงอาจทำให้โรคหอบหืดกำเริบได้ เพราะโซเดียมที่เกินพอดี นำพาโรคต่าง ๆ มามากมาย องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จึงได้ประกาศให้เป็นภารกิจหนึ่งในสามอันดับแรกที่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ผู้ที่สนใจที่อยากอยากลดเค็ม ลองเข้าไปพูดคุยได้กับทางเครือข่ายลดเค็ม www.lowsaltthai.com
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก“บินไทยเทตั๋วโปร-แพกเกจทัวร์ถูกฉลอง59ปี”
นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-ประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้จัดมหกรรม “รักคุณเท่าฟ้า 2562” ขายตั๋วและแพกเกจเอื้องหลวงโปรโมชั่น ฉลองการบินไทยรอบ 59 ปี ในปี 2562 โดยนำตั๋วของการบินไทย ไทยสไมล์ ไฮไลต์ 1.ตั๋วบินในประเทศจัดทำเป็นตั๋วชุด THAI Domestic Value Pack ราคาพิเศษพร้อมไมล์สะสม 3 ชุด ชุดละ 4 ใบ เริ่มต้นใบละ 1,100 บาท ราคาชุดเริ่มต้นที่ 4,400 บาท
2.ทัวร์เอื้องหลวงพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย รวมห้องพักโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ แพกเกจโปรโมชั่น เช่น สิงคโปร์รวมบัตรเข้าชม S.E.A. Aquarium , Gardens by the Bay ฟรี และดูไบรวมบัตรเข้ารับประทานอาหาร Dhow Cruise Dinner on the Creek ฟรี และญี่ปุ่น 3 วัน 2 คืน โตเกียว ฟุกุโอกะ โอซากา ฟรีทัวร์ 1 Day Seat in Coach ท่องเที่ยวภูเขาไฟฟูจิ หรือเกียวโต-โกเบ ราคาซื้อ 4 จ่าย 3 เป็นต้น
3. สินค้าที่ระลึก THAI Shop ราคาพิเศษ 4.สมัครเป็นสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส ภายในงานรับโบนัสพิเศษ 2,500 ไมล์ เมื่อเดินทางการบินไทยเที่ยวบินแรก พิเศษ! ซื้อบัตรโดยสาร แพ็คเกจทัวร์เอื้องหลวง หรือสินค้าที่ระลึก THAI Shop ภายในงานตั้งแต่ 40,000 บาท ขึ้นไป (รวมใบเสร็จภายในวันเดียวกัน) ลุ้นรับรางวัลตั๋วฟรีชั้นธุรกิจและชั้นประหยัดการบินไทย เส้นทางระหว่างประเทศ รวม 65 รางวัล และรางวัลบัตรโดยสารจากไทยสมายล์ เส้นทางภายในประเทศ 20 รางวัล
สามารถจองตั๋วแคมเปญ “รักคุณเท่าฟ้า 2562” ผ่าน THAI Contact Center โทร. 02-356-1111
ข่าวที่สอง “ตั้งทศพร ศิริสัมพันธ์นั่งประธานบอร์ดททท.”
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการลงนามแต่งตั้ง นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) (ททท.) โดยได้รับอมนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว มีผล 12 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป
เพื่อเข้ามาแทน นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ที่ได้รับการแต่งตั้งแล้วต้องลาออกไปภายในเวลาเพียงเดือนเดียว ยื่นใบลาออกไปเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2561 ทำให้ตำแหน่งประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่างลง
ข่าวที่สาม “ดอนเมืองจ่อฟ้องเอกชนทิ้งงานอาคารบริการผู้โดยสารใหม่”
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ได้ลงนามยกเลิกการจ้าง บริษัท ที เอ็นจิเนียร์ริ่ง คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) (T) ผู้ชนะการประมูลงานก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสาร บริเวณลานจอดรถ ATTA ในสนามบินดอนเมืองวงเงิน 190 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่เข้ามาลงนามสัญญาตามกำหนดและต้องขึ้นบัญชีดำ (Blacklist)และต่อไป บริษัทดังกล่าวในข้อหาทิ้งงานไม่สามารถไปเสนองานรัฐได้อย่างน้อย 2 ปี พร้อมทั้งต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย
ขั้นตอนจากนี้ไปทางดอนเมืองเตรียมเชิญบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE ผู้ยื่นราคาต่ำสุดลำดับที่ 2 ซึ่งเสนอราคาประมูล 228 ล้านบาท เข้ามาเจรจาแทน คาดจะใช้เวลา 1-2 เดือน หากวงเงินเกินราคากลางที่กำหนดไว้ 191 ล้านบาท ทอท.จะต้องทำเรื่องเสนอของบเพิ่มเพื่อเดินหน้าก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ช่วงไตรมาส 4 ช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2562
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น