จับตาท่องเที่ยวยุคการเมืองใหม่หลังเลือกตั้งปี62 รมว.วีระศักดิ์ชี้ให้ฟัง3เสียง-More Fun 3ชุมชนจันทบุรี"ตะปอน-หลังวัดโรมัน-บ้านท่าจ้าง
เจาะลึก!ท่องเที่ยวยุคการเมืองใหม่หลังเลือกตั้งปี62
รมว.วีระศักดิ์ชี้ต้องฟัง3เสียงลุยยั่งยืน-ลดเหลื่อมล้ำ
คิง เพาเวอร์ สานต่อคัมภีร์ THE POSSIBLE MAN
ททท.นครพนมแจกยับเที่ยวชิมริมโขง29-31มี.ค.นี้
อีสานชวนแต่งไทยทำบุญวัดปทุมฯเปิดตัวสงกรานต์
บางจากปลื้มนวัตกรรมCSRนำ4ล้านช่วย13องค์กร
มูลนิธิปิดทองพาทัวร์ของดี5กลุ่มอาชีพฉะเชิงเทรา
More Fun 3 ชุมชนจันทบุรีเช่ดทุกที่สนุกทุกเวลา
ระวังกินไส้กรอก-แฮม-บาโลน่ามากๆอันตรายสูง
ทอท.เลื่อน2สัปดาห์เปิดขายทีโออาร์ดิวตี้ฟรีปี62
8สนามบินรอรัฐบาลใหม่ทุบโต๊ะโอนเอกชน-ทอท.
จับตา 28มี.ค.ซีพีถกรฟท.ปิดเกมรถไฟ3สนามบิน
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา |
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตลอดการปฎิบัติภารกิจกำกับนโยบายการท่องเที่ยวของประเทศ 14 เดือน 2 ภารกิจใหญ่ ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2.นำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ ในจังหวะที่สังคมไทยก้าวเข้าสู่ความสูงวัย ได้นำร่องทำโครงการเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามเส้นทางให้ทุกวัยเดินทางอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ คนท้อง มีบริการโครงสร้างพื้นฐานทางลาดใช้งานได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งขณะนี้ได้ปลุกให้ภาครัฐและเอกชนอีกหลายกลุ่มเกิดความตื่นตัวสนใจปรับทำทางลาดสร้างขึ้นใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นตัวอย่างของประเทศในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนทึ่งในการริเริ่มโครงการดังกล่าว ด้วยการลงมือทำแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องทุ่มเงินทำเมกะโปรเจ็กต์ใดก็สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำเบื้องต้นให้คนทุกวัยได้ ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1การทำราวจับ ทางลาด ป้ายบอกทางอย่างถูกต้อง เพียงแค่ก็เป็นจุดเริ่มลดความเหลื่อมล้ำได้
เรื่องที่ 2 การลดเหลื่อมล้ำการท่องเที่ยวเมืองรอง ต้องการเม็ดเงินกระจายเข้าสู่พื้นที่ รัฐได้ใช้วิธีสนับสนุนมาตรการ ส่งเสริมให้คนไปท่องเที่ยวเมืองรองแล้วนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดารายปีได้ หรือจะรณรงค์ให้ซื้อโปรแกรมนำเที่ยวกับบริษัททัวร์เพราะจะรู้ว่าแต่ละแห่งมีกิจกรรมในพื้นที่ฤดูกาลหรือเดือนใดสามารถท่องเที่ยวได้ แล้วนำใบเสร็จจากบริษัททัวร์มาหักภาษีได้ภายในมีนาคม 2562 เรื่องที่ 3 การกระจายนักท่องเที่ยวไม่ให้ไปเที่ยวแบบสำลักตามเมืองเล็ก ๆ มากจนเกินไป ผนวกกับส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีเรื่องราวความงามทางวัฒนธรรมมาบอกเล่าสู่กันฟัง ทั้งเรื่องวิถีชีวิต อาหารถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงมือทำร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งเปลี่ยนสภาพจากลูกค้าเป็นลูกศิษย์ ทำให้ความเหลื่อมล้ำถูกปลดล็อกแก้ไขได้อย่างอัตโนมัติโดยวัฒนธรรมของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว ส่วนนโยบายด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เดินหน้าทำต่อเนื่องมาตลอดโดยรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันฟัง 3 อย่าง ได้แก่ อย่างแรก ฟังเสียงธรรมชาติ เช่น การทิ้งขยะลงพื้น ลงทะเล แม่น้ำ ใช้พลาสติกเกินความจำเป็น จนกระทั่งตอนนี้การสั่งสมของขยะทำให้ธรรมชาติเริ่มส่งเสียงสร้างความสั่นไหว เมื่อกุ้ง หอย ปู ปลา ในแม่น้ำ ทะเล กินไมโครพลาสติก ครีม โฟม อาบน้ำ เหล่านี้เข้าไปแล้วคนก็ไปบริโภคสัตว์น้ำดังกล่าวอีกครั้ง เป็นสาเหตุมาจากคนไปทำลายห่วงโซ่ธรรมชาติและอาหารของตนเอง และอยู่กับเราถึง 400 ปี
เพราะขยะเหล่านี้จะกลับมาทำร้ายตัวมนุษย์เอง ขณะนี้มีการพยากรณ์ปริมาณขยะในอีก 30 ปีข้างหน้า ปี 2593 (คศ.2050) จะมีน้ำหนักขยะในมหาสมุทรมากกว่าน้ำหนักของปลาถึง 1 เท่า ปัจจุบันที่เราเห็นขยะลอยน้ำอยู่ในมหาสมุทรนั้นคิดเป็นเพียง 10 % เท่านั้น ส่วนที่เหลือจมลงใต้ทะเล อย่างที่ 2 ฟังเสียงจากชุมชน ตลอดการรณรงค์ให้เกิดการท่องเที่ยวยั่งยืน ต้องทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจแล้วลงมือปฏิบัติทุกครั้งในการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ต้องร่วมมือกันทิ้งขยะให้น้อยลง กินอาหารให้หมดไม่ให้เหลือเททิ้ง หรือทุกการจัดเตรียมงานประชุม สัมมนา ต้องวางแผนบริหารจัดการทำอาหารให้พอเพียงไม่เหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก อย่างที่ 3 ฟังเสียงกฎหมาย เพราะการท่องเที่ยวอย่างไม่ยั่งยืนมาจากอุบัติเหตุ เลือกใช้อุปกรณ์ จัดโปรแกรมทัวร์ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เน้นแต่ความคุ้มค่า เช่น จัดโปรแกรมตั้งแต่นักท่องเที่ยวลงจากเครื่องบินนั่งรถลงเรือโดยไม่ได้พัก เพราะมีเวลาจำกัด จึงต้องโปะทุกอย่างลงไปทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ พอไปลงทะเลแค่ดำน้ำตื้นก็อาจเกิดภาวะน็อคน้ำเสียชีวิต เพราะไม่รู้จักวิธีการช่วยชีวิตเบื้องต้น
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยรวมแล้วเป็นสาเหตุต่อการท่องเที่ยวไม่ยั่งยืนทั้งสิ้น หรือการเมินเฉยต่อแท็กซี่ทำผิดกับนักท่องเที่ยว ทั้งวิธีไซด์แขก (ศัพท์ท่องเที่ยวที่กลุ่มคนขับรถแท็กซี่บางส่วนกระทำโดยเข้าไปตีสนิทชวนนักท่องเที่ยวขึ้นรถไปยังจุดหมายปลายทางที่ตนเองต้องการจะขายเพื่อให้ได้ค่าน้ำจากร้านช้อปปิ้งบางประเภท) หรือใช้แท็กซี่ป้ายดำ ทำผิดกฎหมายขนส่งทางบก เหล่านี้เป็นต้นเหตุความไม่ยั่งยืน
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายพื้นที่ตื่นตัวเข้าร่วมโครงการสร้างความยั่งยืน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยส่วนใหญ่เริ่มหันมาเดินเก็บขยะชายหาดเอง ซึ่งมาจากหลายคนจากทั่วสารทิศพากันทิ้งลงแม่น้ำและทะเล เริ่มเห็นปรากฎการณ์ตามชายหาด หรือโรงเรียน นักศึกษา ห้างร้าน พากันไปเก็บขยะตามสถานที่ต่างๆ หรือห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ใกล้ทะเล ตามหมู่เกาะ ประกาศงดแจกถุงช้อปปิ้งทุกสัปดาห์ที่ 4 ของแต่ละเดือน ซึ่งเป็นช่องทางลดปริมาณขยะพลาสติก จังหวัดเพชรบุรี เลิกใช้หลอดพลาสติกมาใช้ก้านบัวโดยนำไปฆ่าเชื้อโดยแช่น้ำเกลือก่อนใช้ หรืออีกหลายจังหวัดหันมาใช้วิธีเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นโดยห้ามนำมาจากที่อื่นมาปรุงอาหารในงานจัดเลี้ยง สัมมนา ตอนนี้จังหวัดเลย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ เชียงใหม่ นำร่องทำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในภาคอีสาน ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปยังพื้นที่น้อย ก็ได้รณรงค์เรื่องการถนอมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ต้องทำให้เป็นความเคยชิน เพื่อนำมาให้บริการนักท่องเที่ยว
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า พอประกาศนโยบายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนพร้อมกับนำร่องลงมือทำให้เห็นในหลายพื้นทีแล้ว นอกจากความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ 70 ล้านคนแล้ว ยังต้องการให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาอีกปีละกว่า 30 ล้านคน ที่รักประเทศไทยทำด้วย เพราะคนเหล่านี้รักเมืองไทยจึงเดินทางมาเที่ยว ตัวอย่าง
1.กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่บนชายหาด โดยใช้วิธีลงโทษทางสังคม หากนักท่องเที่ยวสูบบุหรี่ต้องเดินเก็บเศษบุหรี่ใส่ขวดให้ครบแล้วนำมาส่งเพื่อถ่ายโทษ จะทำให้นักท่องเที่ยวเห็นขยะก้นบุหรี่กับตา เป็นการอบรมจากประสบการณ์ตรงให้เห็นถึงผลลัพธ์
2.โครงการอาหารปิ่นโตกับนักท่องเที่ยว ตามร้านอาหารชายหาด ริมน้ำตก เพราะกฎหมายห้ามแล้วนำโฟม พลาสติก เข้าไปยังอุทยานแห่งชาติทั้งหมด แต่สามารถซื้ออาหารไปปิกนิกแล้วใส่ปิ่นโตทั้งเช่าและซื้อได้ แม้แต่การท่องเที่ยวเรือตามเกาะก็หิ้วปิ่นโตลงเรืออย่างสนุกกับการรักษาธรรมชาติ
3.แปรรูปขยะมาเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ล่าสุดในงาน ITB 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน ประเทศไทยได้นำรองเท้าแตะที่ทำจากขยะไปแจกผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งเป็นโครงการนำร่องจากชาวชุมชนชายหาดปัตตานีนำขยะมารวมกันแล้วบดเป็นฝอยเทรวมกันหลอมบนเบ้าเป็นรูปรองเท้าพลาสติกทะเลแต่น้ำหนักจะมากนิดนึง แล้วแจกคนในเยอรมัน สร้างความประทับใจ รำลึกถึงการจะเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยในโอกาสต่อไป รวมถึงเสื้อกันฝนก็เริ่มนำขยะมาทำด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์ทั้ง 3 แนวทาง จะช่วยปลุกจิตสำนึกของกองทัพนักท่องเที่ยวทั่วโลกปีละกว่า 35 ล้านคน นอกจากจะมาเที่ยวเมืองไทยโดยไม่ทิ้งขยะแล้ว ยังช่วยประเทศแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย
ดร.วีระศักดิ์ ย้ำว่า ขณะนี้ได้ขยายแนวรุกเชิงนโยบายด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน โดยสั่งการไปยังสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดให้รวบรวมสถิติ “มีจุดเสี่ยงอย่างไรเรื่องท่องเที่ยว” เช่น เกิดอุบัติเหตุรถชนบ่อย ๆ พลัดลื่นตกจากบริเวณน้ำตก จุดชมวิวต่าง ๆ หรือได้รับบาดเจ็บจากการจมน้ำ และอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาทำ “แผนบริหารความเสี่ยง” แทนปัจจุบันจะทำแต่เรื่องแผนเผชิญเหตุว่า เมื่อเกิดแล้วจะต้องใช้เวลากี่นาที กี่ชั่วโมง แก้ไขให้คนฟื้นขึ้นมาหรือก่อนส่งโรงพยาบาล
ดังนั้นจะต้องมาร์กจุดเสี่ยงทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลไปหารือ ป้องกันฝ่ายพลเรือน เอกชน สถานประกอบการ โรงพยาบาล และแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงจุดเกิดเหตุร้าย ซึ่งควรจะติดตั้ง ราวกันตก ป้ายเตือน ป้ายสะท้อนแสง ส่องแสงไฟสว่าง บริเวณชายหาด ทางโค้ง ทางขึ้นภูเขา เดินเข้าไปกำแพง จุดอับ เป็นวิธีแก้ไขเป็นการความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด อีกโครงการได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศ มาร์กจุดที่มี คนร้าย คนไปไซด์แขก ให้ตำรวจไปนั่งตามท่าเรือ และจุดต่างๆ หน้าห้างสรรพสินค้า สนามมวยไทย หากทำธุรกิจถูกต้องก็ปล่อยไป แต่กระทำผิดก็ให้จับทันที มาทำประวัติไว้
โดยเพิ่มการลงโทษใหม่ล่าสุด ขอหมายศาลสั่งตามกฎหมายที่มีนานแล้วแต่ไม่ค่อยได้นำมาใช้นั่นคือ “ห้ามบุคคลผู้กระทำผิดซ้ำ ๆ กับนักท่องเที่ยวห้ามประกอบอาชีพบางประเภท ห้ามเข้าพื้นที่บางประเภท หรือกำหนดห้ามเข้าใกล้อะไร เป็นการลงโทษเพื่อนำมิจฉาชีพออกจากระบบท่องเที่ยวให้เหลือน้อยสุด ตอนนี้ก็กวาดคนกระทำผิดออกไปพอสมควร
ดร.วีระศักดิ์ กล่าวถึงแนวโน้มการพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ปัจจัยใหญ่สุดที่ใช้ในการมองเห็นปัญหาของบ้านเมือง เรื่องแรก ปฎิรุประบบราชการ ได้แก่ 1. ทำให้ราชการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนักการเมืองต้องหาเสียงแต่ละพรรคก็เพื่อเข้าไปเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงบริหารจัดการระบบราชการแทบทั้งนั้นจะทำได้อย่างไร ลดภาระขั้นตอนของประชาชน
2.เมื่อนักการเมืองได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนเข้าไปทำหน้าที่แล้ว จะต้องให้น้ำหนักความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ สร้างความภาคภูมิใจด้วย ฉะนั้นนโยบายขยายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งดึงดูด “ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ” สนใจอยากเข้ามาสู่ประเทศไทย แต่ถ้าไปเน้นทำให้ท่องเที่ยวเมืองไทยราคาถูกชวนให้คนทั่วโลกมาเที่ยวจำนวนมาก ๆ ทำแล้วนอกจากบ้านเมืองจะไม่มีรอยยิ้มแล้ว ยังเป็นกลุ่มที่ไม่ใช้จ่ายเงิน เพราะจะซื้อแต่ของถูก ๆ ไปเที่ยวไหนก็ทำเลอะเทอะไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ วันนี้การท่องเที่ยวของไทยเดินมายืนอยู่ต้น ๆ อันดับ 4 ของโลกแล้ว
นักการเมืองยุคใหม่จึงควรทำนโยบายท่องเที่ยวดังนี้ เรื่องแรก มุ่งสร้างความยั่งยืน ทำให้เกิดการระบายนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรอง พาให้เจ้าบ้านในชุมชน เมืองรองยิ้มต้อนรับได้แล้ว นักท่องเที่ยวจะเกิดการขยายตัวตามไปเอง เช่นเดียวกับฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าไปเยือนปีละกว่า 89 ล้านคน มากกว่าไทยเท่าตัว ซึ่งมีจำนวนจังหวัดและประชากรใกล้เคียงกับไทย เหตุที่ฝรั่งเศสรองรับนักท่องเที่ยวได้มากเพราะมีระบบบริการเดินทางด้วยรถไฟรางคู่ มีสารพัดวิธีขนส่งสามารถกระจายตัวนักท่องเที่ยวได้
เรื่องที่ 2 ทำเศรษฐกิจให้ดีอย่าดูเพียงมีนักท่องเที่ยวกี่คน สร้างเงินได้กี่ล้านล้านบาท แต่ให้เพิ่มการกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองได้มากขึ้นแล้วหรือยัง
เรื่องที่ 3 ลดความเหลื่อมล้ำ ผู้สูงอายุ ผู้หญิง คนพิการ เด็ก เยาวชน ทำให้ไปถึงตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วจึงจะเป็นผู้นำการเมืองที่ถูกต้อง ถ้าหากทำแล้วคนรวยยังกระจุก คนจนยังกระจาย อยากไปก็ไม่ได้ อยากไหว้พระต้องเดินบันไดกี่ขั้น ควรต้องทำกิจกรรมให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงแหล่งได้ หรือรถไฟฟ้าก็ทำให้มีทางลาด ก็จะช่วยทุกคนได้ด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวหลังเลือกตั้งถ้าขับเคลื่อน
2 แนวทางทั้งการท่องเที่ยวยั่งยืนและลดความเหลื่อมล้ำได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็งยั่งยืนอย่างมั่นคงได้ด้วยเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1
“คิงเพาเวอร์สานต่อพลังดีThe Possible Man”
THE POSSIBLE MAN ความดีไม่มีวันตายของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สุภาพบุรุษนักธุรกิจคนไทยผู้สร้างปาฎิหารย์และตำนานดุจเทพนิยายให้คนทั่วโลกยกย่องจดจำตราบนิรันดร์ ผู้ซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยวัย 60 ปี
โดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรทรเทพยวรางกูร เสด็จพระรดำเนินในการพระราชเพลิงศพ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
ตลอดการมีชีวิตอยู่ก่อนลาลับโลกนี้ไป “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งในฐานะของ “ผู้สร้างและผู้ให้” อย่างยิ่งใหญ่ในหลากหลายมิติ เริ่มจากผู้บุกเบิก “ต้นแบบการพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (Duty Free) รายแรกของเมืองไทยมายาวนาน 30 ปี คาถาบทสำคัญสุดที่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ใช้ฟันฝ่าทุกอุปสรรคคือ “ทุกอย่างเป็นไปได้ ถ้าไม่ยอมแพ้”
บนเส้นทางแสนยากที่ต้องเผชิญความท้าทายรอบทิศทาง ทั้งเรื่อง “เงินลงทุน” ในยุคเริ่มต้นธุรกิจ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมใด ๆ “ความผันแปรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบด้านตลอดเวลา “การชิงไหวชิงพริบในสนามธุรกิจ” มีทั้งผู้สนับสนุนจากมิตรและผู้ต่อต้านจากคู่แข่ง
ทว่าวิชัยได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดถึง “หัวใจอันยิ่งใหญ่” ด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคง มีน้ำใจนักกีฬา พร้อมจะเป็น “ผู้ให้” เสมอ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในเกมธุรกิจก็ตาม
เมื่ออดีต กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องเจอกับยุคบอบช้ำมากที่สุดช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายปี 2537 รัฐบาลประกาศตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นนายทุนทำธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) เองแทนเอกชน โดยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถือสัมปทานทั้งหมด ทำให้ คิง เพาเวอร์ ขณะนั้นเจอวิบากกรรมขั้นวิกฤต แต่อดีตประธานวิชัยก็หาทางไปกู้ธนาคารนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคน โดยไม่ปลดลดคนแต่อย่างใด แล้วกอดคอต่อสู้ด้วยกันจนกระทั่งผ่านพ้นห้วงเวลาเลวร้ายมาได้
ต่อมาเมื่อท่าอากาศยานไทย (ขณะนั้น) ประกาศเปิดประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมือง “วิชัย” จึงลงสนามแข่งขันแล้วก็เป็นผู้ชนะต่อเนื่องมาตลอด โดยทำตามกติกาเสนอ “ผลประโยชน์คืนรัฐที่สูงสุด” แบบแฟร์เกม พร้อมจ่ายรัฐครบทุกเงื่อนไขทั้ง 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนแรก จ่ายส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามเปอร์เซ็นต์ที่รัฐกำหนดซึ่งปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดตลอดอายุสัญญา ส่วนที่ 2 การันตียอดขายขั้นต่ำ (minimum guarantee) หากขายไม่ได้ตามเป้าก็ต้องจ่ายเงินขั้นต่ำตามข้อตกลง
“วิชัย” ถือหลักปฏิบัติอย่างนี้มาตลอดที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมการประมูลแต่ละครั้ง เมื่อได้รับการประกาศรายชื่อเป็นผู้ชนะการแข่งขันได้รับสัมปทานอย่างถูกต้องจากสนามบินดอนเมืองต่อเนื่องถึงสุวรรณภูมิปัจจุบัน
“แรงเสียดทาน” หนักหนาสาหัสที่สุดคือข้อกล่าวหาว่า “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “ผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรี” ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูล ถึงแม้จะได้สัมปทานมาอย่างชอบธรรม เล่นตามกติกา เสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐสูงกว่าคู่แข่ง จากอดีตถึงปัจจุบัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ก็ยังต้องตกเป็นจำเลยสังคมอยู่ร่ำไป
เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ดีหรือร้ายขนาดไหน “วิชัย” ไม่เคยเดินหนีสื่อมวลชนเขามุ่งมั่นตั้งใจอธิบายทุกเวที ทุกคำถาม กับทุกคน ถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “ผูกขาด” อันหมายถึงอาจได้มาโดยไม่ชอบธรรม ส่วนคำว่า “ชนะการประมูล” คือผู้ได้รับการคัดเลือกให้ชนะจนได้สัมปทานมาโดยชอบธรรม ผ่านกระบวนการที่รัฐกำหนด พอได้ชัยชนะมาแล้วยังต้องแบกรับความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างยอดขาย หารายได้ เงินลงทุน และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเข้าเป้าหมายแต่ละปี พร้อมจะส่งเงินรัฐตามสัญญา เสียภาษีธุรกิจตามกฎหมาย และต้องทุ่มเทยกระดับดิวตี้ฟรีไทยก้าวขึ้นไปแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างสง่างาม
ด้วยคติความเชื่อของ “วิชัย” ที่ว่า “นักธุรกิจไทยมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก” และประเทศต้องมาก่อน หากคนชาติอื่น ๆ รู้จัก “ประเทศไทย” เพิ่มขึ้น การค้าขายของคนไทยก็ย่อมเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นด้วยอย่างแน่นอน เขาจึงมักแสวงหาวิธีและแนวทางปฏิบัติเพื่อเอาชนะอุปสรรคยาก ๆ อยู่เสมอ ด้วยความตั้งใจจะบอกทุกคนว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้” โดยใส่พลังความมุ่งมั่นเกินร้อยเข้าไปเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จตามเป้าหมาย
ทำให้ธุรกิจ “ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์” ทั้งสาขาในเมืองและสนามบิน เติบโตอย่างแข็งแรง มีพลัง ทำยอดขายติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก ล่าสุดปลายปี 2561 ก็คว้ารางวัลระดับโลก พร้อม ๆ กับการเก็บสะสมรางวัลตลอด 30 ปีกว่า 100 รางวัล ตอกย้ำชื่อเสียงของดิวตี้ฟรีประเทศไทยในเวทีสากลสมตามเจตนารมณ์ทุกประการ
โครงการสร้างความฮือฮามากที่สุดก่อนวิชัยจะอำลาโลกนี้ไป คือ สนับสนุนเงิน 100 ล้านบาท โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” เพื่อนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอีกเป็นจำนวนมากได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
สำหรับความสำเร็จของ “วิชัย” ที่คนทั่วโลกจดจำไม่มีวันลืมมาจนถึงนาทีนี้คือ การสร้างปาฏิหาริย์หลังการเข้าไปซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ใช้เวลาพัฒนาภายใน 5 ปี สามารถพาทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” ทีมตกชั้นนอกสายตาแฟนบอลยุโรป ผงาด “คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/2016” เป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปี ปลุกจิตวิญญาณตำนานจิ้งจอกสีน้ำเงินขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ความมุ่งมั่นนำไปสู่ความสำเร็จครั้งนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็น พลังแห่งความรัก พลังความเชื่อมั่น พลังความศรัทธา ในหัวใจอันยิ่งใหญ่ของบุรุษผู้นี้และครอบครัวศรีวัฒนประภา ว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้ เป็นปรากฎการณ์ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวเมืองเลสเตอร์อย่างไม่มีวันลืมตลอดไป
วันนี้ฉากชีวิตของสุภาพบุรุษผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา-THE POSSIBLE MAN” จบลงก็จริง ทว่าจะเป็น “จุดเริ่ม” ของ “ตำราชีวิต” เล่มใหม่ ให้ผู้คนทั่วโลกค้นคว้าเรื่องราวความดีไม่มีวันตาย ด้วยปรัชญาอันทรงพลังที่สามารถนำพาความสำเร็จได้ด้วยแนวคิด “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้”
พลังดีของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คือพลังที่จะส่งต่อไปถึงผู้ใฝ่แสวงหาความสำเร็จในทางที่ดีทุกรุ่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดเที่ยวริมโขงลุ้นตั๋วบินฟรีข้ามภาคเพียบ"
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม สนับสนุนการจัดมหกรรมงาน “Art of Isan Food :เที่ยว ชิม ริมโขง” ระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2562 บริเวณถนนคนเดินริมโขง จังหวัดนครพนม
1. โปรโมชั่นร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ใช้ Boarding pass เฉพาะเส้นทางนครพนม
ต่อที่ 1 นำไปใช้เป็นส่วนลด อาทิ ค่าอาหารหรือเครื่องดื่ม ต่อที่ 2 ลุ้นรับรางวัล Package สุดหรู ฟรี "เที่ยว บิน กิน นอน" 3 วัน 2 คืน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.จังหวัดเชียงราย 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ 2.จังหวัดตรัง 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ 3.จังหวัดนครพนม 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ
โดยนักท่องเที่ยวจะต้องกรอกรายละเอียด ชื่อ ..สกุล...ที่อยู่.....จังหวัดเบอร์โทร...หลัง Boarding pass ซึ่งจะจับรางวัลวันที่ 1 พ.ค. 62 @นครพนม
2. โปรโมชั่นร่วมกับร้านอาหาร เครื่องดื่มในจังหวัดนครพนม เข้าร่วมกิจกรรมโดยที่ร้านอาหารจะต้องมีเมนูเด็ดอาหารที่เป็น signature ของร้านโดยใช้วัตถุดิบ อาหารพื้นถิ่นมาเป็นส่วนผสมหรือปรุงอาหารเมื่อลูกค้ามารับประทานอาหาร เครื่องดื่มจะได้รับโชค 2 ต่อ ต่อที่ 1 นำใบเสร็จรับเงินที่รับประทานอาหาร เครื่องดื่ม จากร้านค้าราคา 500 บาทขึ้นไป มารับของที่ระลึก กระเป๋ากระสอบ ลดโลกร้อน ภายในงานฟรี *ของมีจำนวนจำกัด
และต่อที่ 2 ลุ้นรับรางวัล Package สุดหรู ฟรี "เที่ยว บิน กิน นอน" 3 วัน 2 คืน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.จังหวัดเชียงราย 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ 2.จังหวัดตรัง 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ 3.จังหวัดนครพนม 1 เส้นทาง (ไป-กลับ) 2 ใบ
ข่าวที่ 3 “ททท.อีสานจัดเต็มแต่งไทยฟังธรรมทัวร์สงกรานต์”
นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานบุญแต่งไทย ใส่บาตรข้าวเหนียว ฟังธรรมพระกรรมฐาน สืบสานวิถีบูรพาจารย์ พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ วันเสาร์ 23 มีนาคม นี้ ที่วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีกิจกรรมไฮไลต์ 10 โมงเช้าเป็นต้นไป ได้นำเสนอเรื่อง “ฮีต 12 คอง 14” โดยเฉพาะงานบุญเดือน 5 “ประเพณีบุญสรงน้ำ เทศกาลสงกรานต์ ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาธิตประเพณีสงกรานต์ในวิถีอีสาน ดูเส้นทางตามรอยวิถีธรรมบูรพาจารย์สำคัญต่าง ๆ ในภาคอีสาน
ภายในงานได้เปิดให้ร่วมขบวนแห่ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ ของบ้านแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย น้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธปฏิมาประธานประจำวัดปทุมวนาราม ได้แก่ พระเสริม พระแสน พระสายน์ และร่วมแห่ต้นผ้าป่าสมทบการสร้างพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ วัดปทุมวนาราม ต้นผ้าป่าสมทบการสร้างพระพุทธเมตตาประชาสันติ์ พระพุทธรูปปางนาคปรกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ บึงบ่อแก้ว วัดศรัทธาราม อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ถวายผ้าป่า
จากนั้นช่วง 5 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม ร่วมทำวัตรเย็น ปฏิบัติธรรมตามรอยบูชาพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ณ ศาลาพระราชศรัทธา
ข่าวที่ 4 “บางจากสร้างนวัตกรรมซีเอสอาร์นำ4ล้านมอบ13องค์กร”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นตัวแทนมอบเงินจากคะแนนสะสมของสมาชิกบัตรบางจากตลอดปี 2561 รวมกับส่วนที่บริษัทฯ บริจาคสมทบเพิ่มเติมเป็นเงินทั้งสิ้น 4 ล้านบาท ตามโครงการ "สมาชิกบัตรบางจากร่วมปันน้ำใจสู่การให้ไม่รู้จบ" ให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์รวม 13 แห่ง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 สำหรับโครงการนี้ เป็นนวัตกรรมช่วยเหลือสังคมที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถทำร่วมกันได้และเลือกทำได้ทุกวัน
โดยบางจากฯ ได้สร้างสรรค์ช่องทางให้สมาชิกเลือกบริจาคคะแนนสะสมที่ได้รับจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจาก เช่น ร้านกาแฟอินทนิล สพาร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ และเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ยังได้พัฒนา feature "ตะกร้าบุญ" บน Bangchak Mobile Application และ www.bcpgreenmiles.com ให้สมาชิกระบุจำนวนคะแนน และเลือกองค์กรสาธารณประโยชน์ที่จะบริจาคได้เป็นครั้งๆ ไป
ขณะที่ สมาชิกบัตรบางจากจะได้รับสิทธิประโยชน์จากโปรแกรม "ขึ้นเท่าไหร่ คืนเท่านั้น" ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในวันแรกที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น เพราะจะคืนส่วนเพิ่มกลับไปให้เป็นคะแนนสะสมให้กับสมาชิก
ข่าวที่ 5 “มูลนิธิปิดทองพาทัวร์5กลุ่มอาชีพฉะเชิงเทรา”
มูลนิธิปิดทองหลังพระ นำทีมไปเยี่ยมชมโครงการ ส่งเสริมอาชีพตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ในกลุ่มอาชีพ 5 กลุ่ม ได้แก่
1.แม่บ้านเกษตรกรนายาวสามัคคี 2.กลุ่มสตรีตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านนายาว 3.กลุ่มแม่บ้านนายาวผ้าขาวม้า 4.กลุ่มแม่บ้านนายาวจักสาน 5.กลุ่มแม่บ้านทุ่งเหียง โดยนำเสนอความสำเร็จของ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร นายาวสามัคคี ที่ในโรงเรียน ตชด.บ้านนายาว หมู่ 19 บ้านนางาม ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
เมื่อปี 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่มีความทุกข์ยาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่หมู่บ้านนายาว (ปัจจุบันครอบคลุมบ้านนายาวและบ้านนางาม) ในหลายๆ ด้าน รวมทั้งการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ โดยแนะนำให้แปรรูปผลผลิตการเกษตรที่มีมาในพื้นที่ ได้แก่ ถั่วเหลือง พืชสมุนไพร เช่น อัญชัน มะกรูด ว่านหางจระเข้
สนับสนุนให้ราษฎรที่สนใจการประกอบอาชีพเสริมนอกภาคเกษตรกรรมมารวมกลุ่มกัน จัดตั้งเป็น “กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรนายาวสามัคคี” โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวน 189,708 บาท เป็นค่าใช้จ่ายซ่อมแซมอาคารภายในบริเวณโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนายาว จัดทำเป็นอาคารศูนย์แปรรูปผลผลิตการเกษตร มีสมาชิก 37 คน จัดทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตการเกษตรในพื้นที่ ได้แก่ ชาสมุนไพรชนิดต่างๆ เช่น มะตูม ขิง มะระขี้นก กระเจี๊ยบ ใบหม่อน ใบเตย หญ้าหนวดแมว ฟ้าทะลายโจร ตะไคร้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วขาว แชมพู ครีมนวดผมผสมสมุนไพร ครีมขัดผิวสมุนไพร จำหน่ายทั่วไปและในร้านภูฟ้า
ช่วงที่ 2 เริ่มเข้าสู่เทศกาลผลไม้ภาคตะวันออก ต้องชวนกันไป More Fun เที่ยวจันทบุรีเช่ดทุกที่ สนุกทุกเวลาใน3ชุมชนและตลาด “ตะปอน-หลังวัดโรมัน-ท่าเรือจ้าง” ส่วนผู้ที่ชอบกิน “ไส้กรอก-แฮม-บาโลน่า” ระวังสะสมไนไตต์อันตรายมาก และข่าวร้อนแรง “ทอท.เลื่อนทีโออาร์ดิวตี้ฟรี” 2 สัปดาห์ “โอน8สนามบินภูมิภาค” โยนรัฐบาลใหม่ทุบโต๊ะให้เอกชน ทอท.เข้าบริหาร “จับตา 28 มี.ค.62” ซีพีจับเข่าคุย รฟท.ชี้ชะตาทัพสัมปทานลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา”
@เที่ยวจันทบุรีเช่ดทุกที่สนุกทุกเวลาใน3ชุมชน
“จันทบุรี 2562” เมืองรองเนื้อหอมมาแรงอันดับต้น ๆ ของประเทศที่ชุมชนรวมตัวกันด้วยความเข้มแข็งรวมสร้างพื้นที่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตอนนี้สวนทุเรียนทั่วจังหวัดกำลังสุก สวนผลไม้ก็เริ่มเปิดฤดูกาลต้อนรับนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคักตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม นี้
นอกจากสวนทุเรียนและผลไม้รสชาติอร่อยขึ้นชื่อแล้ว “จันทบุรี” ยังมีชุมชนกับตลาดเก่าแก่เต็มไปด้วยเรื่องราวสนุกกว่าที่คิด More Fun คือ “ชุมชนตะปอน” อำเภอขลุง มีตลาดโบราณเก่าแก่กว่า 270 ปี วิถีชาวชุมชนตำบลตะปอนมีชาวบ้านอาศัยอยู่ 5 หมู่บ้าน รายล้อมด้วยวัดเล่าเรื่องราวงานชวนเที่ยวเทศกาลสงกรานต์
ปักหมุดแรกตรง “วัดตะปอนเล็ก” มีโบสถ์ไม้เก่ามากตอนนี้กรมศิลป์ให้คงสภาพไว้มีอายุกว่า 400 ปี ภายในมีพระประธาน “หลวงพ่อสัมฤทธิ์ผล” หากได้สักการะเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังบันทึกประวัติศาสตร์สมัยฝรั่งเข้ามาเมืองจันท์ ระหว่างทางก็จะมี วัดเกวียนลาก วัดเกวียนหัก ก่อนถึงจุดหมายหลัก
ณ “วัดตะปอนใหญ่” มี 2 ไฮไลต์ คือ เรื่องแรก “ตลาดโบราณ 270 ปี” ชาวบ้านจะนำพืชผักผลไม้ ของกิน ของใช้ มาวางขายเฉพาะวันเสาร์วันเดียวเท่านั้น เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างชุมชน เรื่องที่ 2 เป็นสถานที่ “จัดสงกรานต์ตะปอน” อนุรักษ์วิถีดั้งเดิมพิธีแห่และชักเย่อเกวียนพระบาทแห่งเดียวในเมืองไทย
ตลอดงานมีของกินหายาก ทั้ง “อาหารถิ่น” ทำกินในชีวิตประจำวันของทุกครอบครัว ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวผัดปู (ผัดไทยเส้นจันท์) บอนเผากินกับพริกแดง แกงส้มใบสันดาน ถั่วต้มหมู ตอนนี้มีเพิ่ม ดอกทุเรียนทอด และ “ขนมโบราณ” เช่น ข้าวเม่าคลุกหรือข้าวเม่าราง บุหลันดั้นเมฆ ขนมตะไล ขนมมัดไต้ย่าง ขนมเบื้องโบราณ กินกับน้ำมะปี๊ดผลไม้บ้านๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานดื่มแล้วสดชื่นคลายร้อนได้สบาย ๆ
อยากรู้ ต้องห้ามพลาด “สงกรานต์ตะปอนจันทบุรี2562” ที่วัดตะปอนใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน นี้
“ชุมชนริมน้ำหลังวัดโรมัน” ในอำเภอเมืองจันทบุรี ซึ่งชาวบ้านรวมตัวกันเปิดตลาดพื้นบ้านริมสองข้างถนนชุมชนจัดเป็นซุ้มจำหน่ายของคาวและหวานเมนูท้องถิ่นสไตล์ไทย-ญวน กว่า 30 ร้าน นำเสนอถึงวิถีดั้งเดิมชาวญวนเป็นชนชาติแรก ๆ ที่เข้าอาศัยอยู่บริเวณนี้มีบ้านเรือนกว่า 8,000 หลัง แล้วนำวัฒนธรรมอาหารเลื่องชื่อที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวต้องลองชิม ก็มี หมูอบโอ่งสูตรโบราณ เบื้องญวน ขนมบ้าบิ่น ขนมผิงอบด้วยหลุมเตาถ่าน และอีกมากมาย พร้อมสินค้าที่ระลึกทั้งเสื้อยืด หมวกสานจากกกจันทบุรีทำเป็นรองเท้า หมวก ของใช้ ของตกแต่งบ้าน
ตามตรอกซอกซอยย่อยมีภาพวาดกราฟิตี้บนผนังปูนอาคารแต่ละหลัง ไฮไลต์ใหม่ในซอยจะเริ่มเปิดต้อนรับสงกรานต์จันทบุรี 2562 คือ “พิพิธภัณฑ์ไม้กางเขน” ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า “บ้านเจริญนิตย์-กิจมงคล” ของครอบครัวนักบวชคริสต์ ได้นำบ้านไม้ขนาด 2 ชั้น เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์โดยนำไม้กางเขนดีไซน์ต่าง ๆ จากทั่วโลกกว่าจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวชมกว่า 1,500 ชิ้น พร้อมมีเรื่องเล่าดี ๆ ถึงความเป็นมาน่าสนใจแตกต่างกันไป
จากตลาดริมน้ำหลังวัดโรมันเดินข้ามถนนไปยังลานกว้างริมน้ำจันทบูร ไปสูดโอโซนบริเวณ “โบสถ์คาทอลิกจันทบุรีหรืออาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล” โบสถ์อันงดงามได้ชื่อว่าสวยที่สุดในภาคตะวันออก ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 300 ปี มีพัฒนาการทางสถาปัตยกรรมสร้างจากวัสดุท้องถิ่นคล้ายกระท่อม ไร่เรียงมาถึง 4 ยุค
จนกระทั่งปัจจุบันเป็นโบสถ์แบบโกธิคสวยสง่าสีฟ้าขาวตระการตา มีหอสูงติดตั้งนาฬิกาขนาดใหญ่ มองจากหอลงมาจะเป็นทิวทัศน์จันทบุรีได้ในรัศมี 2 กิโลเมตร ภายในตกแต่งด้วยพลอยกว่า 2 แสนเม็ด หรือกว่า 2 กะรัต เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน วันธรรมดา ตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง – เย็น 4 โมงครึ่ง เสาร์-อาทิตย์ เปิด 10 โมงเช้า – 4 โมงครึ่ง
ใกล้ ๆ โบสถ์คาทอลิกจันทบุรี เดินข้ามถนนเล็ก ๆในชุมชน เข้าไปตรงประตูที่เขียนหน้าซอยว่า “ชุมชนท่าเรือจ้าง” เป็นตลาดริมน้ำเปิดใหม่อีกแห่ง นักท่องเที่ยวสนใจเข้าไปเดินชมหมู่บ้านเป็นจำนวนมาก ชื่นชมบ้านเรือนไม้ตลอดสองข้างทางตัดถนนขนาดเล็กผ่ากลางหมู่บ้าน ด้านหนึ่งอยู่ติดกำแพงด้านหลังโบสถ์ มีศิลปินมาวาดภาพเขียนบอกเล่าเรื่องราวการก่อสร้างโบสถ์แต่ละยุค สลับกับภาพคติสอนการใช้ชีวิต ส่วนอีกฝั่งถนนเปิดหน้าบ้านขายของฝาก ของที่ระลึก ส่วนท้ายซอยมีร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเรียงเก่าแก่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวไปรอกินแน่นขนัดทุกวัน
ยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวจะตื่นตากับ “ตลาดวงเวียนน้ำพุ” ซึ่งเป็นตลาดขายของกลางเมืองเหมือนทั่วไป ริมวงเวียนจะมีร้านรถเข็นขายของกินอร่อย ๆ ร้านหมึกย่าง ข้าวคลุกพริกเกลือ ราดหน้าทะเล ขนมไทยหลากชนิด มุมที่คนมุงซื้อหนาแน่นต้องยกให้ร้าน “ย่างปลาหวานแผ่นคลุกงา” สั่งซื้อผ่านออนไลน์ก็ได้ ไฮไลต์เด็ดสุดอยู่ที่ร้านท้ายซอยลึกอีกฝั่งตลาดคือ “ร้านขนมหวานรับบัตรคิว” เป็นขนมหวาน และขนมใส่น้ำแข็งใส ไอศรีมใส่ท็อปปิ้งต่าง ๆ วัยรุ่นในพื้นที่กับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ชื่นชอบไปรับบัตรคิวรอกินกันแน่นขนัดทุกคืน
สำหรับร้านเก๋ ๆ ยามค่ำคืน นั่งชีล ๆ ฟังเพลงยุค Sixty ดนตรีออสกูสติกติดริมน้ำจันทบูร ต้องยกให้ร้าน “Koff House bar and Eatery “ อาหารอร่อย เครื่องดื่มหลากชนิด ดนตรีโดนใจวัยมิลเลนเนี่ยมถึงนักท่องเที่ยวรุ่นใหญ่ผู้ชื่นชอบเสียงเพลงนุ่ม ๆ สดใสย้อนยุคนิด ๆ ด้วยสไตล์ศิลปินเหล่าเซเลบริตี้และคนพันธุ์อนุรักษ์เสียงเพลง ไปพบกันได้ที่นี่ รับประกันโดนใจแน่นอน
“จันทบุรี” เป็นเมืองรองแห่งศูนย์รวมการท่องเที่ยวครบทุกรส โดนใจทุกวัย ตั้งแต่เช้าไปจนถึงยามค่ำคืน พบกันให้ได้ที่จันทบุรี
@ไส้กรอก-แฮม-โบโลน่ากินบ่อยอันตรายมาก
แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ 2019 ให้ข้อมูลถึงเรื่องการบริโภค ไส้กรอก แฮม และโบโลน่า ผลิตภัณฑ์อาหารยอดนิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั้งในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ เพราะมีรสชาติอร่อย สามารถหากินได้ง่าย แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการบริโภคนั้นคือปริมาณไนไตรต์ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ จะเห็นได้ว่าปริมาณที่รับประทานได้อย่างปลอดภัยไม่ควรเกินวันละ 50-100 กรัมหรือ 1-2 serving ต่อวัน ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากต่อครั้ง หรือ รับประทานบ่อย ๆ ในแต่ละวัน เพราะจะทำให้ผู้บริโภคได้รับสารไนไตรต์ในปริมาณที่สูง อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตามการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ควรรับประทานให้มีความหลากหลาย และบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากอาหารเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทเนื้อหมัก (cured meat products) ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมบริโภคเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง เพราะมีลักษณะรูปร่างที่น่ากิน มีสีชมพูและกลิ่นรสที่เป็นเอกลักษณ์ มีเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มเคี้ยวได้ง่ายและมีความอร่อยแตกต่างจากเนื้อไก่หรือเนื้อหมูต้มสุก การยืดอายุการเก็บของไส้กรอก แฮม และโบโลน่า จำเป็นต้องใช้วัตถุกันเสียร่วมกับการบรรจุภายใต้ภาวะสุญญากาศและเก็บที่อุณหภูมิต่ำในตู้เย็น
เนื่องจากไส้กรอก แฮม และโบโลน่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่มีความเป็นกรดต่ำ จึงเกิดการเสื่อมเสียคุณภาพจากการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ได้ง่าย วัตถุกันเสียที่ใช้ในไส้กรอก แฮม และโบโลน่า คือ โซเดียมไนไตรต์ (NaNO2) หรือโปแตสเซียมไนไตรต์ (KNO2) เพื่อยืดอายุของอาหารเหล่านี้ให้อยู่ได้นานและยังดูสดใหม่น่ากินเสมอ ซึ่งสารตัวนี้ถ้าสะสมอยู่ในปริมาณมากจะให้โทษต่อสุขภาพ ถ้าผู้บริโภคได้รับไนไตรต์ในปริมาณที่สูงมากทันที ไนไตรต์จะก่อให้เกิดภาวะอาการขาดออกซิเจน คือ มีอาการตัวเขียว เล็บเขียว หอบ เหนื่อย หัวใจเต้นแรง
กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ใช้โซเดียมไนไตรต์หรือโปแตสเซียมไนไตรต์ในไส้กรอกและกุนเชียงได้โดยกำหนดปริมาณสูงสุด ต้องไม่เกิน 125 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมเท่านั้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.เลื่อน2สัปดาห์เปิดขายTORดิวตี้ฟรี4สนามบิน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย(ทอท.) เปิดเผยว่า ทอท.จะชะลอการเปิดขายซองเอกสารไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ 2 โครงการ คือ 1.กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) 4 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ 2.กิจการเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิออกไปก่อน หลังจากที่ประกาศหลักเกณฑ์และรายละเอียด (TOR)ไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 แล้วสังคมแสดงความกังวลกรณีอาจเกิดการผูกขาด ทอท.จะขอใช้เวลาชี้แจงถึงขั้นตอนได้ดำเนินการถูกต้องเป็นธรรม
เดิมประกาศเปิดขายซองระหว่าง 19 มีนาคม-1 เมษายน เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอ 30 เมษายน ประกาศผลผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 10 พฤษภาคม จากนั้นส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ทอท.พิจารณาชี้ขาด ภายในมิถุนายน 2562
ข่าวที่สอง “8สนามบินภูมิภาครอรัฐบาลหน้าทุบโต๊ะให้เอกชน-ทอท.”
กระทรวงคมนาคมรายงาน โครงการผลักดันให้เอกชนเข้ามาดำเนินการบริหารสนามบินภูมิภาคในรัฐบาลไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้สาเหตุมาจากขั้นตอนการิจารณาด้านเอกสารและกฎหมายต่าง ๆ ถึงแม้จะมีแผนเปิดประมูลตามระเบียบพรบ.ร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) เบื้องต้น 4 สนามบิน เงินลงทุนราว 8,500 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.หัวหิน 3,500 ล้านบาท 2.บุรีรัมย์ 3,000 ล้านบาท 3.นครราชสีมา 2,000 ล้านบาท และ 4.เพชรบูรณ์ จะพัฒนาพื้นที่ 5,000 ไร่เชื่อมโยงจุดขายแผนปฏิบัติTourist Airport
รวมทั้งการโอนหรือส่งมอบสนามบินภูมิภาคให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” 4 สนามบิน ก็ทำไม่ทันด้วยเช่นกัน คือ สนามบินอุดรธานี สกลนคร ชุมพร และตาก เนื่องจากติดเรื่องขั้นตอนออกใบรับรองและเปลี่ยนแปลงสถานะของสนามบิน จึงจะต้องรอบรัฐบาลชุดต่อไปเข้ามาปฏิรูปสนามบินภูมิภาคทั้งระบบอีกครั้ง
ข่าวที่สาม “จับตา28มี.ค.ซีพี-รฟท.ปิดเกมไฮสปีดเทรน3สนามบิน”
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา” กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดในการเจรจากับทางกลุ่มซีพีผู้ชนะการประมูลยอมผ่อนปรนปรับข้อเสนอขัดต่อ RFP ไปบางส่วน
โดยจะเจรจากันใหม่อีกครั้งในวันที่ 28 มีนาคมนี้ โดยจะพยายามคุยกันให้จบก่อนสงกรานต์เมษายนนี้ โดยทางซีพีรายงานเรื่องเงินลงทุนปัจจุบันยังไม่ได้สรุปกับพันธมิตร เพราะถือเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 รัฐบาล ไทย-จีน-ญี่ปุ่น คือ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) เสนอเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้ว จึงขอเวลาในการเจรจาเพิ่ม แล้วจะรู้ผลวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2562
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น