มูลนิธิปิดทองบูมเทรนด์เที่ยวใหม่ Social Lab ชูขายทัวร์ต้นแบบ"บ้านโคกล่าม-แสงอร่าม" หนองวัวซอ จ.อุดร-More Fun อร่อยเช่ดจันทบุรี4อำเภอ

มูลนิธิปิดทองบูมSocial Labเที่ยวเทรนด์ใหม่ปี62

ชมเกษตรประณีตบ้านโคกล่าม-แสงอร่าม จ.อุดร

คิงเพาเวอร์จัดแข่งดนตรีฯดึง“ตูน”ร่วมวง6เม.ย.นี้

ททท.ภาคใต้บุกขายเหนือหวังโกยทั้งปี2แสนล้าน

ราชบุรีใช้งานกาชาดผนวกขาย6แหล่งเที่ยวฮ็อต

บางจากโชว์ไตรมาส 1-2/62ธุรกิจพลังงานโตดี

More Fun4อำเภอจันทบุรีอร่อยเช่ดเด็ดทุกร้าน

เคล็ดลับลดละกินหวานเลิกเสี่ยงจากสารพัดโรค

บางกอกแอร์จัดวิ่งซีรีย์ปี62พ่วงขายตั๋ว6จังหวัด

บินไทยปลุกสตาร์ฯ16แอร์ไลน์ใช้ดิจิทัลปั๊มยอด

ลุ้นบิ๊กอีเวนต์วัดร่องขุ่นไลท์เฟสโกย1.5พันล้าน

เรเนซองส์สมุยอัดบิ๊กโปรห้องหรูรวมสิทธิเพียบ

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen  และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #มูลนิธิปิดทอง

ช่วงที่ 1 เปิดใจผู้นำรุ่นใหม่วัยทีน “วรากร วงศ์สิทธิ์” หัวหน้าพื้นที่โครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระ อ.หนองวัวแซง จ.อุดรธานี กับภารกิจพัฒนา “บ้านโคกล่าม-แสงอร่าม” พลิกวิถีชุมชนเกษตรแห้งแล้งจนกลายเป็น Social Lab พื้นที่สีเขียวเปิดเทรนด์การท่องเที่ยวแนวใหม่เกษตรประณีตแบบพื้นบ้าน สร้างรายได้เสริมปีละกว่า 1 ล้านบาท

วรากร วงศ์สิทธิ์
หัวหน้าพื้นที่โครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระ อำเภอวัวแซง จังหวัดอุดรธานี

นายวรากร วงศ์สิทธิ์ หัวหน้าพื้นที่โครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระ อำเภอวัวแซง จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ตลอดปี 2562 บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนอ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงรับไว้ในพระราชดำริตั้งแต่ปี 2546 ต่อมากรมชลประทานได้เข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมความจุน้ำได้ 6.92 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 2 บ้านโคกล่าม กับหมู่ 11 บ้านแสงอร่าม ตำบลกุดบางไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

บริบทเดิมชาวบ้านมีปัญหาการจัดการน้ำ แม้จะเป็นพื้นที่โครงการพระราชดำริแต่ก็ไม่มีการนำน้ำมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ทำให้ช่วงหน้าฝนรับน้ำไว้ได้แค่ 800 ไร่ ใช้น้ำผ่านระบบธรรมชาติหลังฝนตกชาวบ้านต้องใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่ ส่งผลให้ต้นการผลิตสูง ส่วนหน้าแล้งก็นำไปใช้ภาคการเกษตรได้เพียง 200 ไร่ กลายเป็นปัญหาตามมาเรื่องปริมาณผลผลิตทางการเกษตร และคุณภาพที่เสียหาย

รวมทั้งโจทก์ใหญ่ที่สุดคือ ชาวบ้านต้องย้ายถิ่นออกไปทำงานนอกหมู่บ้าน 70 % ต้องไปทำงานต่างประเทศ

โดยทางสำนักงานพื้นที่โครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ เริ่มเข้ามาทำงานเมื่อปี 2554 ร่วมมือกับทางส่วนราชการระดับอำเภอ จังหวัด สถาบันการศึกษา แก้โจทก์ปัญหาใหญ่ในบ้านหนองล่าม-แสงอร่าม นำแนวพระราชดำริมาปรับใช้โดยยึดกระบวนการ “มีส่วนร่วมกับคนชุมชน”

เริ่มต้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเก็บกักน้ำในพื้นที่ จากเดิมเก็บได้ 6.92 แสนลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บได้ 7.225 แสนลูกบาศก์เมตร และการกระจายต่อน้ำเข้าพื้นที่เกษตรกรระยะทาง 6 กม.ดำเนินการเสร็จปี 2555 ชาวบ้านได้ประโยชน์โดยตรงใช้น้ำในฤดูฝนและปลูกพืชต่อในฤดูแล้ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งหมด

จากนั้นปี 2555 เป็นต้นมา เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำใช้แล้ว ทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวก

เรื่องแรก ผลผลิตเพิ่ม โดยประเมินจากปฏิทินการผลิตของชาวบ้านจากเดิมทำได้แค่ปีละครั้ง ก็สามารถขยายผลปลูกพืชหลังทำนา สร้างรายได้ปีละ 2-3 ล้านบาทต่อรอบการผลิต รวมทั้งการปลูกข้าวจากเมื่อก่อนเข้ามาพัฒนาได้ผลผลิตข้าวแค่ปีละ 350 ถังต่อไร่ แต่พอสร้างระบบน้ำสำเร็จช่วงข้าวตั้งท้องเก็บเกี่ยวผลผลิตทำได้ถึง 488 ถังต่อไร่

เรื่องที่ 2 วิถีสังคมคนออกไปทำงานนอกชุมชนเริ่มกลับเข้าพื้นที่ ปี 2561 จากการเก็บข้อมูลมีชาวบ้านกลับถิ่นถึง 153 ราย จากเดิมก่อนโครงการจะเข้ามาชาวบ้านออกไปทำงานต่างถิ่น 230 ราย เป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีจากการพัฒนาของโครงการ

นายวรากรกล่าวว่า ปี 2562 เป้าหมายของพื้นที่โครงการเน้นส่งเสริมการรวมกลุ่มของชาวบ้าน และการบริหารจัดการภายใน ปัจจุบันมีกลุ่มกองทุนเกิดขึ้นจากกิจกรรมต่อเนื่องการพัฒนาน้ำรวม 8 กองทุน ในจำนวนนี้มี 3 วิสาหกิจ จะมีแปลงวิสาหกิจชุมชนภายใต้แบรนด์ “ภูธารา” จะเกิดขึ้นจากการปลูกพืชอายุสั้น อย่างพืชผักสวนครัว การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น แปรรูปกล้วย กล้วยปิ้ง กล้วยตาก ผลิตภัณฑ์จำหน่ายปุ๋ยชุมชน เมล็ดข้าวชุมชน โรงสีข้าวชุมชนเพื่อผลิตและแปรรูปต่าง ๆ นอกพื้นที่ ทำให้ชุมชนมีรายได้แปรรูปผลผลิตปีละ 1.3 ล้านบาท จะเกิดการบริหารจัดการชุมชนอย่างเข้มแข็ง กับการต่อยอดจากต้นทางถึงปลายทางได้

ขณะเดียวกันก็มีพัฒนาการสินค้าเกษตรประนีตมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2562 จะพัฒนาเรื่องการจัดการน้ำภายในแปลง โดยชาวบ้านจะนำระบบพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Cell) หรือน้ำหยด เข้ามาพัฒนาต่อยอด รวมถึงการหันมาทำเกษตรแบบลงเรือนแบบควบคุมคุณภาพ และการผลิตสินค้าปลอดภัยเกษตรอินทรีย์ ทั้งข้าว พืชสวนครัว พืชอายุสั้น ชาวบ้านจะเลือกเพาะปลูกอีกแบบ ปลายทางจะนำไปสู่การผลิตแบบออร์แกนิก

การทำเกษตรประนีตควบคู่กับการพัฒนายกระดับต่อยอดแหล่งน้ำ ตอนนี้เกิดการขยายผลไปในระดับจังหวัดมากถึง 360 โครงการ กระจายสู่ 20 อำเภอ ในจังหวัดอุดรธานี โดยมีงบประมาณยุทธศาสตร์นำไปขยายผลจากการเข้าไปซ่อมแซมแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิม สร้างใหม่ ทำให้เกิดรูปแบบการผลิต การสร้างรายได้ แต่ละชุมชน ซึ่งมีระบบการจัดน้ำภายในพื้นที่ เป็นตัวอย่างการขยายผลของจังหวัด

ส่วนหนองวัวซอมีพื้นที่เป้าหมายใกล้เคียงกับห้วยคล้าย เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง เป็นเรื่องแหล่งเก็บน้ำห้วยตาข่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหนองอ้อ และอ่างเก็บน้ำห้วยสำลี กุดตาไฟ เป็นการพัฒนาลักษณะคล้ายคลึงกัน

นายวรากรกล่าวว่า การเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการเน้นชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ได้เตรียมขยายผลด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงคนเข้าไปท่องเที่ยว มีความพร้อมเปิดเป็น “หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน” ซึ่งเดิมเปิดเป็นโฮมสเตย์บริการคนที่เข้าไปท่องเที่ยวศึกษาดูงานกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่จะมีเรื่องการสร้างฝาย การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ มีฐานจัดกิจกรรมดูแล หากมาฤดูฝนจะมีน้ำตกหินกว้างในพื้นที่โครงการให้ท่องเที่ยวได้

ส่วนผู้ที่จะเข้าไปท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน โดยประสานไปยังโครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระ และที่ทำการอำเภอหนองวัวซอ ทำหน้าที่บริหารจัดการร่วมกันอยู่

กิจกรรมหลัก ๆ ในการทำ CSR ที่ผ่านมาจะทำ การสร้างฝายพื้นที่อนุรักษ์ต้นน้ำ การปลูกป่า การเรียนรู้วิถีชุมชน มากินมาพัก และเรียนรู้การทำอาชีพต่าง ๆ ในพื้นที่ ทำโรงสีชุมชน ผลิตปุ๋ยชุมชน สินค้าแปรรูปการเกษตร แต่ละคณะสามารถมาทำร่วมกับชุมชนได้ทุกวัน โดยมีปราชญ์ชาวบ้านตัวแทนของกลุ่มกองทุนนำชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ละกลุ่มซึ่งต้องการเดินทางเข้าไปศึกษาเรียนรู้ควรจะไม่เกิน 100 คน เพราะข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และบุคลากรที่จะให้ข้อมูลบริการอย่างมีคุณภาพ

นายวรากรกล่าวว่าขอเชิญชวนให้คนที่เดินทางเข้าไปยังโครงการพระราชดำริ ซึ่งมีความพร้อมเป็น Social Lab ต้อนรับให้ทุกคนได้เข้ามาศึกษาดูงานร่วมกับชุมชน คาดหวังทางพื้นที่โครงการจะเป็นห้องเรียนเชิงปฏิบัติการมีผู้คนมาเรียนรู้แล้วนำไปขยายผลสู่ภาคครัวเรือนและชุมชนต่อไป

นับเป็นเป้าหมายใหญ่ของพื้นที่โครงการมูลนิธิปิดทอง เพื่อการสร้างประโยชน์เชิงคุณภาพให้เกิดผลเชิงบวกต่อประเทศไทย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดประกวดดนตรีดึงตูนสร้างสีสัน6เม.ย.62”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้จัดประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย ปี 2562 หรือ Thailand International Wind Symphony Competition 2019 (TIWSC) ปีที่ 2 เปิดสมรภูมิดนตรีเครื่องเป่าระดับนานาชาติเชิญชวนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมประชันฝีมือกันอย่างคึกคักกับวงดนตรีของไทย อาทิ ฮ่องกง ปี 2562 มีฟิลิปปินส์ลงแข่งด้วยเป็นครั้งแรก

โดยมีการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติ ประจำปี 2562 แบ่งเป็น 4 รุ่น  ประกอบด้วย Class A และ B รุ่นละ10 วง รุ่น Class C และ D รุ่นละ 16 วง โดยผู้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศจะชิงกันระหว่าง 1-4 เมษายน 2562  รอบชิงชนะเลิศจัดขึ้นระหว่าง 6 เมษายนนี้ ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล

ขณะนี้เยาชนแต่ละวงฝึกฝนกันอย่างหนัก เพื่อโชว์ความสามารถลุ้นรางวัลถ้วยชนะเลิศและเงินรางวัลรวม 4,330,000 บาท ภายในงานไฮไลท์พิเศษเป็นครั้งแรกที่ได้รับเกียรติจากศิลปินชื่อดัง ‘ตูน บอดี้สแลม’ มาสร้างสีสัน โชว์ร้องเพลงร่วมกับวงดุริยางค์เครื่องเป่า ในวันเสาร์ที่ 6 เมษายนนี้ ช่วง 08.30-21.30 น. ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-800-2525 ต่อ 3109, 02-849-6565 ต่อ 6604 และ 6609

อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากผู้เข้าร่วมตัดสินระดับโลก ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านดนตรีที่วงการดนตรีโลกยอมรับ เช่น โรเบิร์ต เอ็ม คาเนอร์กัน ผู้อำนวยการวงซิมโฟนิค วินด์ อังซังเบลอ จากโรงเรียนสอนดนตรี Frost School of Music ผู้กำกับเพลง วาทยกรของวง Frost Wind Ensemble และศาสตราจารย์ด้านวาทยกรประจำมหาวิทยาลัยไมอามี

รวมทั้ง ดร.ไบรอัน ที.กิลป์ ศาสตราจารย์ด้านดนตรีเครื่องเป่า สมาชิกวง Brass และ Woodwind Quintets มหาวิทยาลัยอินเดียนาเมื่อปี 1998

ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปี 2562 มีทีมลงสมัครประกวดอย่างคึกคัก 83 ทีม มากกว่าปีที่ผ่านมามี70 ทีม บ่งบอกถึงสังคมต่างตื่นตัวนำดนตรีมาเป็นกิจกรรมการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประการสำคัญไทยเป็นเจ้าภาพจัดประกวดดนตรีระดับนานาชาติ จะช่วยสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักได้ด้วยอีกช่องทาง

ข่าวที่ 2 “ททท.ภาคใต้บุกเจาะทัวร์เหนือเพิ่มรายได้2แสนล้านปี62”

นายนิธี  สีแพร ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดงาน “ชีพจรลงSouth : เที่ยวใต้...ครั้งหนึ่งต้องไป” โดยจับมือกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้ 14 จังหวัด นำทีมบุกไปทำ Table Top Sale 2019 ตั้งโต๊ะเจรจาขายกับผู้ประกอบการภาคเหนือที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชุมชนท่องเที่ยวสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ภาคใต้ที่มีศักยภาพ ได้เสนอขายเส้นทางท่องเที่ยว เช่น ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต  ชุมชนท่องเที่ยวแหลมสัก กระบี่ ชุมชนท่าดินแดง พังงา

ตั้งเป้าหวังกระตุ้นข้ามภาคกระจายสร้างรายสู่ชุมชนภาคใต้ตลอดปีนี้เพิ่มตามเป้าหมาย 12% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 217,000 ล้านบาท

ปี 2562  ททท.ภูมิภาคภาคใต้ วางกลยุทธ์ภายใต้ธีม “ Once In a Lifetime : เที่ยวใต้...ครั้งหนึ่งต้องไป” ส่งเสริมการท่องเที่ยวเน้นเพิ่มรายได้ด้วยการใช้จุดแข็งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามติดระดับโลก เช่น เกาะหลีเป๊ะ เกาะเต่า เกาะนางยวน และหมู่เกาะสิมิลัน และอื่น ๆ ผนวกเข้ากับภาคใต้ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเข้ากับความคุ้มค่าจากประสบการณ์ Local Experience เพื่อกระจายรายได้เข้าสู่ชุนท้องถิ่น เช่น การเที่ยวชมย่านเมืองเก่า การสัมผัสวิถีประมงพื้นบ้าน การเรียนรู้วัฒนธรรมเพอรานากัน และกิจกรรม Creative D.I.Y.  ควบคู่กับรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกิจกรรม

โดยใช้ศักยภาพของภาคใต้มีเที่ยวบินตรงข้ามภาค ได้แก่  ไป-กลับ เชียงใหม่สู่ภาคใต้ 5 เส้นทาง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ เกาะสมุย และ ไป-กลับ เชียงราย 2 เส้นทาง ได้แก่ หาดใหญ่ และภูเก็ต รวมถึงยังเที่ยวเชื่อมโยงต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พังงา ตรัง และสตูล หรือไปเที่ยวต่อประเทศรอยต่อไทยทั้ง มาเลเซีย เมียนมา

ข่าวที่ 3 “ททท.ชูเมืองรองราชบุรีมีดีพ่วงทัวร์6จุด27-31มี.ค.นี้”

นางสาวสรียา บุญมาก ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี กล่าวว่าได้สนับสนุนการจัดในโซน “ราชบุรีมีดีน่าเที่ยว” ภายในงานท่องเที่ยวราชบุรีของดีเมืองโอ่ง และงานกาชาด ประจำปี 2562 ระหว่าง 27-31 มีนาคม นี้ บริเวณโรงยิมเนเซียมราชบุรี อำเภอเมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยงราชบุรี นครปฐม เพิ่มวันพักค้างคืนและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ภายในงานได้รวบรวมแพ็กเกจสุดคุ้ม พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษสร้างแรงจูงใจให้คนเข้ามาเที่ยวได้เลือกช้อปทั้งห้องพัก โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย

สำหรับการไปชมโซน “ราชบุรีมีดีน่าเที่ยว”  นักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย จะได้ลุ้นรับของรางวัล ร่วมทำกิจกรรม DIY งานศิลปะลงบนโอ่งใบน้อย วาดลวดลายลงบนกระเป๋าผ้า เพนต์ไม้แกะสลัก และ DIY จากหนังใหญ่วัดขนอน CSR ลดโลกเลอะ ตื่นตาตื่นใจกับคาบาเรต์โชว์โฉมใหม่ เฉพาะในโซน “ราชบุรีมีดีน่าเที่ยว”

พร้อมทั้งการแนะนำเส้นทางทั่วเมืองรองราชบุรี 6 แห่ง ประกอบด้วย 1. “หนังใหญ่ วัดขนอน” อ.โพธาราม ได้รวมศิลปะทรงคุณค่าไว้หลายแขนง ด้านการออกแบบลวดลายไทยเชิงจิตรกรรมโดยฝีมือช่างแกะสลักที่ประณีต การแสดงนาฏศิลป์การละคร ที่เคลื่อนไหวตามเนื้อเรื่อง ประกอบการบทพากย์ บทเจรจา บทขับร้องดนตรีปี่พาทย์ได้อย่างสมบูรณ์  

2.เถ้าฮงไถ่ อำเภอเมือง ชมโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่คู่เมืองโอ่งมังกรราชบุรีมากว่า 70 ปี  มีลานสนามหญ้ากว้าง ตกแต่งรอบบริเวณด้วยโอ่งเซรามิกสีสันสวยงามและเปิดร้านกาแฟเก๋ ๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งจิบกาแฟหรือจะโพสท่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

3.ณ สัทธา อุทยานไทย” อำเภอบางแพ ชมประติมากรรมศิลปะโอบล้อมด้วยธรรมชาติพื้นที่รวม 42 ไร่ เนรมิตความไทยและเรื่องราวทางพุทธศาสนา คืนความสุขให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้ามาเยือน ได้แก่ วิหารสมัยสุโขทัย ในโซน ณ สัทธาปฏิมา ใช้เทคนิค Mapping เล่าเรื่องราวการเดินทางของพระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทยในสมัยอาณาจักรสุโขทัย ผ่านแสง สี เสียง และแสดงภาพบนผนังโบสถ์และองค์พระพุทธรูป

4.บ้านหอมเทียน อ.สวนผึ้ง แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ศิลปะงานเทียนกลิ่นหอมหลากสีสันแปลกตา ภายในบ้านหอมเทียนตกแต่งด้วยของเก่าสะสมหายาก ภาชนะสังกะสี ตะเกียงโบราณ ของเล่นเก่า

5.เดอะซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม สวนผึ้ง ดีไซน์ให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ในฟาร์มสไตล์วินเทจ รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบอิงลิชคันทรี พร้อมกิจกรรมสนุกมากมาย อย่าง เกมทุบแกะลงถัง ปาลูกโป่ง   ยิงธนู ขี่ม้า หรือจะชิมไอศกรีม คุกกี้ จากนมแกะ แวะช้อปของที่ระลึก น้ำผึ้ง รวมทั้งมีร้านอาหารอร่อย ๆ ให้เลือกรับประทน

6.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี  ชมการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับราชบุรีในมิติหลัก ๆ คือ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปะพื้นบ้าน วัตถุ พระแสงดาบศัสตราประจำมณฑลราชบุรี มีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ถูกพบในไทยด้วยสภาพสมบูรณ์งดงามมาก

โดย ททท.สำนักงานราชบุรี จะได้ใช้งานดังกล่าวปลุกกระแสการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบตลอดงาน

ข่าวที่ 4 “บางจากโชว์ผลงานเชิงบวกไตรมาส1-2ปี62”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “BCPW เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562 มีการใช้กำลังการกลั่น 1.1 แสนบาร์เรล/วัน และค่าการกลั่น (GRM) ซึ่งจะไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน อยู่ในระดับใกล้เคียงไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ใช้กำลังการกลั่น 1.14 แสนบาร์เรล/วัน และ GRM อยู่ที่ 5.94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

โดยต้นไตรมาส 1 ปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากส่วนต่าง (สเปรด) น้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบที่ลดลงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยช่วงไตรมาส 4/61 ยอดขายรถยนต์นั่งตลาดใหญ่สุดในโลกคือจีนลดครั้งแรกอย่างรุนแรงมากถึง 10% ในรอบ 20 ปี แถมไตรมาส 1 ปีนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ขณะที่แนวโน้มเดือนมีนาคม 2562 สเปดน้ำมันเบนซินดีขึ้นหลังจากโรงกลั่นในยุโรปและเอเชียเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ราคาเบนซินสูงขึ้นกับปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐเพิ่มขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบไม่ได้สูงขึ้นมาก ทำให้สเปรดน้ำมันเบนซินเพิ่ม 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนให้ค่าการกลั่นรวมเพิ่มขึ้นด้วย

บางจากฯ สามารถทำยอดขายน้ำมันรวมปี 2562 ไตรมาส 1 คาดการณ์เติบโต 3% ยังคงขยายตัวมากกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมที่มีเพียง 2.5% ส่วนไตรมาส 2 หลังเลือกตั้งอาจจะดีขึ้นเพราะความต้องการใช้น้ำมันกลับมาเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว

                ช่วงที่ 2 ต่อยอดความสนุก More Fun กินอาหารถิ่นเมืองรอง จันทบุรี อร่อยเช่ดทุกร้านใน 4 อำเภอ “ขลุง-เมือง-มะขาม-เขาบายศรี” ค้นหาของดีมีอยู่จริง กับประสบการณ์กินจนเกลี้ยงจานที่ร้านศรโภชนา จันทรกลางเมือง สตรีทฟู้ดวงเวียน้ำพุ ชุมชนปัถวี และร้านป้าแกลบ ส่วนสุขภาพต้อง “เลิกกินหวาน” ลดอาการป่วยได้สารพัดโรค และเกาะติดข่าวฮ็อต “บางกอกแอร์จัดวิ่งซีรีย์ปี62” พ่วงขายโปรตั๋วบินทั่วไทย 6 เมืองยอดฮิต “บินไทยปลุกสตาร์ฯ16แอร์ไลน์” งัดใช้ดิจิตอลปั๊มยอดรายได้ตั๋วในไทยคึกคัก “อินเด็กซ์จัดอลังการงานวัดล่องขุ่นไลท์เฟส” ดึงคนเที่ยวเชียงราย 22 พ.ย.-22 ธ.ค.62 ฟุ้งทำรายได้ทะลุ 1,500 ล้านบาท

@More Fun4อำเภออร่อยเช่ดทุกร้านอาหารจันทบุรี

ชวนไป More Fun จันทบุรี ตามแหล่งท่องเที่ยวสนุก ๆ ทั้งสวนทุเรียน สวนผลไม้ ชุมชนเก่าแก่ 300-400 ปี ไปแล้ว ก็ต้องขอแนะนำ “อาหารการกินวิถีถิ่น” กันบ้าง

ระหว่างเดินทางไปชิมทุเรียนและผลไม้ในภาคตะวันออก ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นไป เสร็จเรียบร้อยต้องลองแวะร้านอาหารดั้งเดิม ในเมืองสวนผลไม้ “อำเภอขลุง” มื้อกลางวัน แวะเลยที่ “ร้านศรโภชนา” อยู่ข้างซอยสุขุมวิท 5 ตำบลขลุง มีเมนูอาหารทะเลสด ๆ ให้กินกันแบบเช่ดหรือกินจนเกลี้ยงเพราะความอร่อย เริ่มจานแรก “ปูผัดพริกเกลือ” นำปูทะเลประมาณ 3 ตัวน้ำหนักรวมกัน 1 กิโลกรัม แกะแล้วผัดคลุกเคล้ากับน้ำจิ๋มซีฟู้ดรสแซ่บเวอร์จริง ๆ ต่อด้วย “กั้งทอดกระเทียม” กั้งสดตัวมหึมาตัวละเกือบกิโลกรัม ราคาอย่างเพิ่งตกใจราว 2,800 บาท ตามด้วย “หน่อไม้ดองปูไข่” จะได้ลิ้มรสของไข่ปูผสมลงในน้ำแกงกะทิซึมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันตัดด้วยรสเปรี้ยวเล็กน้อยของหน่อไม้

สั่งเสิร์ฟตามมาติด ๆ อีกหลายเมนู คือ ปลากะพงทอดน้ำปลา ซีฟู้ดพริกเกลือ-มีหอยแมลงตัวใหญ่ภู่ลวก ก้ามปูแกะสีขาวรสหวานเนื้อนุ่ม ปลาลวกจิ้ม วางเรียงอยู่บนผักสีเขียวจานเขื่อง ดับกลิ่นทะเลด้วยขึ้นฉ่าย กินแบบลืมไปเลยว่าจะแน่นท้อง แล้วยังมี แกงป่าปลาเห็ดโคลน ยำคะน้าซีฟู้ด ปิดท้ายด้วยผลไม้ท้องถิ่น ไอศรีมผลไม้ จันทบุรี

          

               เข้าพักใน “อำเภอเมืองจันทบุรี” ลองชิม “มื้อค่ำ” ในบรรยากาศวิถีคนเมืองกันที่ “ร้านจันทร” เปิดสาขาใหม่ รสชาติคงเอกลักษณ์ดั้งเดิม อาทิ “ผัดถั่วฝักข่าวใส่ไข่” เมนูธรรมดา ๆ แต่อร่อยแบบเหลือเชื่อจนทุกโต๊ะต้องสั่งเป็นจานแรก “น้ำพริกปลาทู” ปลาตัวโตเนื้อแน่นนุ่มรสมันตักน้ำพริกราดแกมกับผักเคียง พอใส่เข้าปากอร่อยลงตัวดีจริง ๆ “แกงหมูชะมวง” ต้นตำรับดั้งเดิมของเมืองจันท์ ต่อด้วย แกงจืดผักรวมไข่น้ำ  ยำปลาทะเลราดน้ำจิ้มซีฟู้ด ก๋วยเตี๋ยวผัดกุ้ง (ผัดไทยเส้นจันท์) ภายในบริเวณร้านเปิดขายผลิตภัณฑ์แปรรูป ทุเรียนสารพัดอย่าง รวมทั้งอาหารทะเลแปรรูปเป็นของกิน ของฝาก ให้เลือกช้อปกลับบ้านแบบละลานตาเลยทีเดียว

            

     

           เสร็จสรรพเดินผ่านวงเวียนน้ำพุ ชิมของกินเล่นตามร้านสตรีทฟู้ด ริมทาง อย่าง ปลาหวานว่างเตาถ่านคลุกงาขาว ปลาหมึกทะเลแห้งย่างแบบโบราณราดน้ำจิ้มเผ็ด ข้าวซีฟู้ดคลุกพริกเกลือ ราดหน้าทะเล และอาหารตามสั่งพื้นบ้าน ที่คนในท้องถิ่นแวะมากินเป็นประจำ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ “ตลาดซุ้ย” ไปชิมขนมหวานรับบัตรคิวที่ “ร้านอาลัย” ท้ายซอย ร้านที่ตั้งอยู่ในตลาดสดที่ขายช่วงกลางคืน เมนูส่วนใหญ่คล้ายน้ำแข็งไสใส่เครื่องรวม และผลไม้ชนิดต่าง ๆ

         

พอตื่นเช้าอีกวันก็ตรงดิ่งไปยัง “ตลาดหลังวัดโรมัน” ตลุยกินอาหารไทย-ญวน ในชุมชนดั้งเดิม มีให้เลือกกว่า 30 ร้าน แล้วตามตรอกซอกซอยก็มีชาวบ้านนำอาหารทะเลสด กุ้ง หอย ปู ปลา มาวางขายกับพื้นแต่เน้นสะอาด ปลอดภัย อบอวนด้วยกลิ่นอายบรรกาศเก่าแก่ให้อารมณ์ความรู้สึกย้อนยุคจริง ๆ

               

                สำหรับใน “อำเภอมะขาม” จองทัวร์นั่งซาเล้งชมสวน “ชุมชนปัถวี สวนเกษตรอินทรีย์” ของ “คุณรัฐไท พงษ์ศักดิ์” ใช้เวลานั่งรถตลุยไปขึ้นลงเนินดินแต่ละสวนของชาวบ้านกว่า 22 หลังคาเรือน รวมตัวกันสร้างวิถีการเพาะปลูกแบบปลอดสารเคมีมากว่า 20 ปี มีทั้งสวนทุเรียน สวนผสมเงาะ มังคุด ลองกอง ชมพู่ และอื่น ๆ

               

คุณรัฐไทได้เปิดบ้านทำเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พร้อม ๆ กับเสิร์ฟอาหารมื้อกลางวัน โดยการนำวัตถุดิบพืช ผัก ผลไม้ ในชุมชนมาปรุงเป็นเมนูอาหารอร่อยทุกจาน ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำทุเรียนดิบปูม้า ต้มยำไก่บ้านใส่ก้านบอน แกงส้มผักสันดาน (ลักษณะคล้ายผักบุ้ง มีรสเปรี้ยว เป็นผักที่เต่าเกลียดมาก) ดอกทุเรียนทอด น้ำพริกกะปิผักต้ม ไก่ผัดพริกใส่ยอดมะพร้าว และอีกหลากหลายเมนูความอร่อย เพียงแค่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปโทรศัพท์แจ้งโปรแกรมทัวร์กับสั่งมื้อกลางวันกับคุณรัฐไทก่อนล่วงหน้าที่ โทร.063-226-2251 และ 089-989-8240

               

ประกันความอร่อยจริง รวมอาหารกว่า 9 อย่าง แถมด้วยผลไม้สดจากสวน (ไม่รวมทุเรียน) จ่ายเพียงคนละแค่ 200 บาท/มื้อ ก็อิ่มแปล้แล้ว

               

                ก่อนกลับกรุงเทพฯ ต้องผ่าน “อำเภอเขาบายศรี” สถานที่ท่องเที่ยวสวนผลไม้และศูนย์วิสาหกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน แห่งใหม่ ที่มาแรง พอไปถึงจะเห็น “ป้าแกลบ” หญิงสูงวัยร่างท้วมเดินมาต้อนรับพร้อมกับนำ “ก๋วยเตี๋ยวเส้นผัดปู” มาให้ชิม เพื่อชวนชวนนักท่องเที่ยวอุดหนุนซื้อของฝากแปรรูปของชาวเขาบายศรี หรือจะแวะพักค้างคืนก็มีโปรแกรม เดินชมสวนเก็บผลไม้ด้วยตนเอง เก็บมังคุดโบราณจากโคนต้นสูงใหญ่สุดอายุกว่า 100 ปี ดูการสาธิตเก็บผลไม้ต่างๆ เดินชมสวนระกำหวานกินผลไม้สดไปได้ตลอดทาง หรือจะดูการตัดดอกระกำ เดินลอดอุโมงค์เก็บน้ำใต้ดินภูมิปัญญาท้องถิ่นอันน่าภาคภูมิใจ

               

สำหรับอาหารถิ่น จะนำผลไม้ พืชผักสวนครัวในหมู่บ้านมาทำเมนูให้ชิมกัน อย่าง ข้าวคลุกพริกเกลือ น้ำพริกผักต้ม แกงผลไม้ชนิดต่าง ๆ ลองสอบถามได้ที่ 086-834-9604, 098-283-3102

               

ตลอดเดือนเมษายน 2562 จันทบุรีมีกิจกรรมประเพณีชวนไปท่องเที่ยวแบบใกล้ชิดวิถีชุมชนแบบธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ พร้อม ๆ กับ 3 เทศกาลใหญ่ ได้แก่ 1.มหกรรมเที่ยวสวนผลไม้จันทบุรี ระหว่างปลายมีนาคม-กรกฎาคม นี้ 2.มหาสงกรานต์ตะปอน ตำนานแห่เกวียนผ้าพระบาท ณ วัดตะปอนน้อย ตะปอนใหญ่ วัดเกวียนหัก 13-17 เมษายน นี้ 3.ประเพณีกวนข้าวทิพย์และสงกรานต์ยามค่ำคืนถนนข้าวทิพย์ วัดใหม่เมืองจันทบุรี 12 เมษายน นี้

@เคล็ดลับการลดกินหวานลดสารพัดโรคได้

การใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับของหวาน ๆ คนเกิดความเคยชิน บางครั้งอาจไม่รู้ตัวว่าสุขภาพของเรากำลังถูกทำลายลงเรื่อย ๆ ดังนั้น ก่อนที่สุขภาพของเราจะแย่ลงไปกว่านี้ ลองปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ดู

1. ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก พยายามไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะจะทําให้หิวและอยากกินของหวานมากขึ้น

2. กินอาหารหลากหลาย ทั้งข้าว ไขมัน และโปรตีน ไขมัน และโปรตีนจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่และทําให้รู้สึกอิ่มนาน กว่าการกินข้าวหรือแป้งอย่างเดียว

3. ลดเติมน้ำตาล ในอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนม แต่ไม่ควรหยุดกินทันที เพราะร่างกายจะไม่ยอมรับและทําได้เพียงระยะสั้น แล้วจะกลับมากินของหวานดังเดิม หรือมากกว่าเดิม ควรค่อย ๆ ลด ให้เวลากับตัวเอง 1-2 เดือน เพื่อให้ชินกับความหวานที่ลดลง

4. กินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ข้าวกล้อง ผลไม้รสชาติไม่หวาน ใยอาหารจะช่วยลดความอยากของหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

5. จดบันทึกอาหารที่กิน เพื่อประเมินว่าเรากินอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมใดบ้างที่มีความหวานนํา ซึ่งจะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ง่ายขึ้น

6. ลดการซื้อของหวาน เวลาอยากกินหวาน แต่ไม่มีอยู่ใกล้ตัวก็จะช่วยลดปริมาณการกินลงได้

7. อ่านฉลากโภชนาการเพื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาล ก่อนตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน เพราะผู้ผลิตอาจใช้คําอื่นอย่าง น้ำผึ้ง น้ำเชื่อมข้าวโพด ฟรักโทส เดกซ์โทรส แล็กโทส หรือมอลโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลเหมือนกัน

8. เลี่ยงสารให้ความหวาน ได้แก่

- แอสปาร์แทม ในน้ำอัดลม หมากฝรั่งช็อกโกแลตผสม เยลลี่ ขนมหวานแช่แข็ง โยเกิร์ต ยาแก้ไอบางชนิด

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บางกอกแอร์งัดวิ่งซีรีย์พ่วงขายตั๋วบิน6จังหวัด”

นายพรต เสตสุวรรณ  รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ได้ เตรียมจัดการแข่งขันวิ่งรายการ “บางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรี่ย์ 2019 (Bangkok Airways Boutique Series 2019)” ตลอดปี 2562 ทั้งหมด 6 รายการ ที่บางกอกแอร์บิน 6 เส้นทางตลอดปี 2562เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงได้จัดแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนขึ้นใน กระบี่ เกาะสมุย ลำปาง ภูเก็ต เชียงราย และเชียงใหม่

รายการวิ่ง “บางกอกแอร์เวย์ส บูธีค ซีรี่ย์ 2019” 6 รายการ จะจัดขึ้นทั่วไทยใน 6 จังหวัด เริ่มต้นจากรายการวิ่ง “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน” ที่กระบี่ 12 พฤษภาคม 2562 “สมุยฮาล์ฟมาราธอน” ที่อำเภอเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎ์ธานี 2 มิถุนายน 2562 “ลำปางฮาล์ฟมาราธอน” ที่ลำปาง  7 กรกฎาคม 2562 “ภูเก็ตฮาล์ฟมาราธอน” ที่ภูเก็ต 4 สิงหาคม 2562 “เชียงรายฮาล์ฟมาราธอน” ที่เชียงราย 15 กันยายน 2562 และ“ล้านนาฮาล์ฟมาราธอน” ที่เชียงใหม่ 3 พฤศจิกายน 2562

ผู้สนใจสมัครวิ่ง “บางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรี่ย์ 2019” สายการบินได้จัดโปรโมชั่นพิเศษมอบสิทธิในการสมัครวิ่งฟรีได้ทุกระยะเมื่อจองบัตรโดยสารของบางกอกแอร์เวย์ส และลงทะเบียนผ่านทาง  www.bangkokairwaysrun.com และดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.facebook.com/BangkokAirways.Run

ผู้สมัครที่จองตั๋วพร้อมสมัครวิ่ง 1,000 คนแรกรับไปเลยของที่ระลึกเป็นผ้าบัฟลวดลายพิเศษ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสามารถจองตั๋ว และตรวจสอบโปรโมชั่นห้องพักราคาพิเศษจากโรงแรมชั้นนำเครือแอคคอร์ที่ www.bangkokairwaysrun.com

ข่าวที่สอง “บินไทยผนึกสตาร์ฯ16แอร์ไลน์งัดดิจิทัลเพิ่มยอดขาย”

นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-ประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะประธาน CSC Thailand ได้จัดการประชุม Star Alliance Country Steering Councils Thailand (CSC Thailand) ประจำปี ครั้งที่ 1 โดยมีผู้จัดการสายการบินและตัวแทนในกลุ่มพันธมิตรการบิน สตาร์ อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย 16 สายการบิน ร่วมประชุม เพื่อสรุปผลการดำเนินงานปี 2561

โดยมีไฮไลต์จัดเตรียมแผนงานของกลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย ปี 2562 รวมพลังกันผลักดันดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า สอดคล้องตามนโยบายสตาร์ อัลไลแอนซ์ พร้อมให้ความสำคัญเผยแพร่ข้อมูลแบรนด์สตาร์ อัลไลแอนซ์ ด้านสิทธิประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อให้ตัวแทนขายนำข้อมูลไปเสนอแก่ลูกค้า เพิ่มยอดขายตั๋วโดยสารให้ทุกสายการบิน

ข่าวที่สาม “ทุ่มจัดวัดร่องขุ่นไลท์เฟสบูมเชียงราย22พย.-22ธค.”

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการสร้างสรรค์วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส เปิดเผยว่า ได้จัดทำโปรเจ็กต์ใหญ่ วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส โดยใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและสร้างภาพลักษณ์ให้เชียงรายเพิ่มวันพัก กิจกรรมและจำนวนนักท่องเที่ยว คึกคักมากขึ้น ด้วยการจัดงานอีเว้นท์แปลกใหม่ คาดจะช่วยกระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวไหลเข้าเชียงรายกว่า 1,500 ล้านบาท จากจำนวน 3 แสนคน กระจายไปยังกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ขนส่งสาธารณะ

โดยจัดการแสดงต่อเนื่อง 1 เดือน ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน- 22 ธันวาคม2562 วันละ2 รอบ เวลา 18:30 น. และ 20:30 น. รอบละ 60 นาที

สำหรับงาน “วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส” งานแสดงโชว์เทคนิคมัลติมีเดียระดับเวิลด์คลาสยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี โชว์แสงสีเสียงอลังการ ภายใต้คอนเซปต์  “THE ILLUMINATION OF WHITE TEMPLE” ที่สร้างจากปลายพู่กันของ อ.เฉลิมชัย นำมาผสมผสานกับเทคนิคมัลติมีเดียสากลโดยใช้เลเซอร์มากกว่า 100 ตัว ผสมผสานเทคนิค 3D Mapping สร้างภาพในรูปแบบ 3D ที่เห็นชัดได้ด้วยตาเปล่า นับเป็นเทคโนโยลีใหม่ที่ใช้ในงานระดับโลก เสิร์ฟด้วยประสบการณ์สุดพิเศษ Immersive Experience อย่างเต็มรูปแบบ ครบทุกอรรถรส ไปกับมุมภาพ 360 View และเทคนิคการจำลองเสมือนจริง Virtual Reality (VR) เติมเต็มจินตนาการผู้ชมอย่างเต็มอิ่ม พร้อมกับความตื่นตาตื่นใจของโชว์ที่จะปลุกมิติใหม่แห่งความมหัศจรรย์ของ“วัดร่องขุ่น”ในยามค่ำคืนขึ้นเป็นครั้งแรก

จัดการแสดง 5 จุดหลัก คือ 1.อุโบสถ ที่ชวนตื่นตาขนหัวลุกไปกับความน่ากลัวของขุมนรก ก่อนข้ามเขตแดนสะพานสู่สรวงสวรรค์ 2. บ่อน้ำอธิษฐาน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่ออธิษฐานจิตนำแสงสว่างสงบมาสู่จิตใจ  3.หอระฆัง ต้นโพธิ์แห่งการตรัสรู้ การเล่าขานตำนานพระพุทธเจ้า 4.เมรุ พบกับเหล่ามารผจญ เมรุ มองชีวิตผ่านสัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ 5.หอพระพิฆเนศ การแสดงโชว์ไฮไลท์สุดท้ายประกอบจินตภาพผ่านม่านน้ำผสมผสานแสงเสียง ลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท

 ราคาบัตรเข้าชม 400 – 1,150 บาท เงื่อนไขจำกัดเพียงรอบละ 1,000 ที่นั่ง ซื้อบัตรได้ที่ ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com  โทร. 083-989-6926 และ 083-989-6831 สำหรับกลุ่มทัวร์ซื้อได้ในราคาพิเศษ ติดต่อได้ที่อีเมล jrl@index-creative.com และ psp@index-creative.com

ข่าวที่สี่ “เรเนซองส์รีสอร์ตสมุยอัดบิ๊กโปรรับฟรีเพียบ”

เรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปานำเสนอแพ็กเกจห้องพัก ‘Holiday Stay & Save’ ราคาและสิทธิพิเศษตมากมาย จองได้ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม 2562 มีห้องพักหรู  ๆ ให้เลือกพักอย่างสบาย ได้แก่

1. Garden Pool Villa ราคา 6,900+++ บาท 2. Panoramic Ocean Suite ราคา 8,900+++ บาท 3.Beachfront Pool Villa ราคา 11,900+++ บาท 4.Beachfront Family Suite ราคา 24,000+++ บาท ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าบริการและภาษีต่าง ๆ

ด้วยกติกาจะต้องจองพักติดต่อกันอย่างน้อย 2 คืนขึ้นไป รวมสิทธิพิเศษฟรี เช่น อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ 2 คน อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง อะโรม่าเธอราปีทรีทเมนท์ที่ควอนสปา 60 นาทีต่อคน ชุดน้ำชายามบ่าย 2 คน รถรับ-ส่งไปกลับหาดเฉวง และเช็คเช็คเอาท์สายได้ถึง14.00 น. เข้าไปจองได้ที่ www.renaissancekohsamui.com

         ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.