“วิชัย ศรีวัฒนประภา”เจ้าของคิง เพาเวอร์
ฝากคัมภีร์ชีวิตTHE POSSIBLEให้โลกจดจำ
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : #gurutourza #สวท97 #kingpower #คนดีไม่มีวันตาย #ความดีไม่มีวันตาย อ่านทั้งหมดได้ใน หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 20 มีนาคม 2562
THE POSSIBLE MAN ความดีไม่มีวันตายของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สุภาพบุรุษนักธุรกิจคนไทยผู้สร้างปาฎิหารย์และตำนานดุจเทพนิยายให้คนทั่วโลกยกย่องจดจำตราบนิรันดร์ ผู้ซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยวัย 60 ปี
ตลอดการมีชีวิตอยู่ก่อนลาลับโลกนี้ไป “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งในฐานะของ “ผู้สร้างและผู้ให้” อย่างยิ่งใหญ่ในหลากหลายมิติ เริ่มจากผู้บุกเบิก “ต้นแบบการพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (Duty Free) รายแรกของเมืองไทยมายาวนาน 30 ปี
คาถาบทสำคัญสุดที่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ใช้ฟันฝ่าทุกอุปสรรคคือ “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้”
บนเส้นทางแสนยากที่ต้องเผชิญความท้าทายรอบทิศทาง ทั้งเรื่อง “เงินลงทุน” ในยุคเริ่มต้นธุรกิจ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมใด ๆ “ความผันแปรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบด้านตลอดเวลา “การชิงไหวชิงพริบในสนามธุรกิจ” มีทั้งผู้สนับสนุนจากมิตรและผู้ต่อต้านจากคู่แข่ง
ทว่าวิชัยได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดถึง “หัวใจอันยิ่งใหญ่” ด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคง มีน้ำใจนักกีฬา พร้อมจะเป็น “ผู้ให้” เสมอ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในเกมธุรกิจก็ตาม
เมื่ออดีต กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องเจอกับยุคบอบช้ำมากที่สุดช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายปี 2537 รัฐบาลประกาศตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นนายทุนทำธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) เองแทนเอกชน โดยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถือสัมปทานทั้งหมด
ทำให้ คิง เพาเวอร์ ขณะนั้นเจอวิบากกรรมขั้นวิกฤต แต่อดีตประธานวิชัยก็หาทางไปกู้ธนาคารนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคน โดยไม่ปลดลดคนแต่อย่างใด แล้วกอดคอต่อสู้ด้วยกันจนกระทั่งผ่านพ้นห้วงเวลาเลวร้ายมาได้
ต่อมาเมื่อท่าอากาศยานไทย (ขณะนั้น) ประกาศเปิดประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมือง “วิชัย” จึงลงสนามแข่งขันแล้วก็เป็นผู้ชนะต่อเนื่องมาตลอด โดยทำตามกติกาเสนอ “ผลประโยชน์คืนรัฐที่สูงสุด” แบบแฟร์เกม
พร้อมจ่ายรัฐครบทุกเงื่อนไขทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก จ่ายส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามเปอร์เซ็นต์ที่รัฐกำหนดซึ่งปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดตลอดอายุสัญญา ส่วนที่ 2 การันตียอดขายขั้นต่ำ (minimum guarantee) หากขายไม่ได้ตามเป้าก็ต้องจ่ายเงินขั้นต่ำตามข้อตกลง
“วิชัย” ถือหลักปฏิบัติอย่างนี้มาตลอดที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมการประมูลแต่ละครั้ง เมื่อได้รับการประกาศรายชื่อเป็นผู้ชนะการแข่งขันได้รับสัมปทานอย่างถูกต้องจากสนามบินดอนเมืองต่อเนื่องถึงสุวรรณภูมิปัจจุบัน
“แรงเสียดทาน” หนักหนาสาหัสที่สุดคือข้อกล่าวหาว่า “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “ผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรี” ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูล ถึงแม้จะได้สัมปทานมาอย่างชอบธรรม เล่นตามกติกา เสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐสูงกว่าคู่แข่ง จากอดีตถึงปัจจุบัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ก็ยังต้องตกเป็นจำเลยสังคมอยู่ร่ำไป
เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ดีหรือร้ายขนาดไหน “วิชัย” ไม่เคยเดินหนีสื่อมวลชนเขามุ่งมั่นตั้งใจอธิบายทุกเวที ทุกคำถาม กับทุกคน ถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “ผูกขาด” อันหมายถึงอาจได้มาโดยไม่ชอบธรรม ส่วนคำว่า “ชนะการประมูล” คือผู้ได้รับการคัดเลือกให้ชนะจนได้สัมปทานมาโดยชอบธรรม ผ่านกระบวนการที่รัฐกำหนด
พอได้ชัยชนะมาแล้วยังต้องแบกรับความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างยอดขาย หารายได้ เงินลงทุน และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเข้าเป้าหมายแต่ละปี พร้อมจะส่งเงินรัฐตามสัญญา เสียภาษีธุรกิจตามกฎหมาย และต้องทุ่มเทยกระดับดิวตี้ฟรีไทยก้าวขึ้นไปแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างสง่างาม
ด้วยคติความเชื่อของ “วิชัย” ที่ว่า “นักธุรกิจไทยมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก” และประเทศต้องมาก่อน หากคนชาติอื่น ๆ รู้จัก “ประเทศไทย” เพิ่มขึ้น การค้าขายของคนไทยก็ย่อมเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นด้วยอย่างแน่นอน เขาจึงมักแสวงหาวิธีและแนวทางปฏิบัติเพื่อเอาชนะอุปสรรคยาก ๆ อยู่เสมอ
ด้วยความตั้งใจจะบอกทุกคนว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้” โดยใส่พลังความมุ่งมั่นเกินร้อยเข้าไปเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จตามเป้าหมาย
ทำให้ธุรกิจ “ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์” ทั้งสาขาในเมืองและสนามบิน เติบโตอย่างแข็งแรง มีพลัง ทำยอดขายติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก ล่าสุดปลายปี 2561 ก็คว้ารางวัลระดับโลก พร้อม ๆ กับการเก็บสะสมรางวัลตลอด 30 ปีกว่า 100 รางวัล ตอกย้ำชื่อเสียงของดิวตี้ฟรีประเทศไทยในเวทีสากลสมตามเจตนารมณ์ทุกประการ
“วิชัย” ทุ่มเทลงมือทำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานจากอดีตมีไม่ถึงหลัก 100 คน กระทั่งวันนี้มีกว่า 10,000 คน หรือการช่วยประเทศเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการขายสินค้าช้อปปิ้ง ดึงเม็ดเงินหลั่งไหลสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งคืนประโยชน์สู่สังคมโดยใช้เงินกว่า 1,000 ล้านบาท ต่อเนื่องระยะ 5 ปี ทำโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ระหว่างปี 2559-2563 สนับสนุนครบทั้ง 4 เพาเวอร์ ได้แก่
1.SPORT POWER-พลังกีฬา แจกฟรีสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และลูกฟุตบอล 1 ล้านลูก 2. MUSIC POWER -พลังดนตรี จัดประกวดดนตรีเยาวชนและคนทั่วไปเชิญชวนทั้งในประเทศและนานาชาติมาร่วมแข่งขัน 3.COMMUNITY POWER-พลังสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้ก้าวไปยิ่งใหญ่ในตลาดโลก 4. EDUCATION & HEALTH POWER-พลังการศึกษาและสุขภาพ ทำโครงการมอบทุนการเรียน ทั้งเด็กเยาวชน ปริญญาโท และมอบอุปกรณ์การแพทย์ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
โครงการสร้างความฮือฮามากที่สุดก่อนวิชัยจะอำลาโลกนี้ไป คือ สนับสนุนเงิน 100 ล้านบาท โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” เพื่อนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอีกเป็นจำนวนมากได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
สำหรับความสำเร็จของ “วิชัย” ที่คนทั่วโลกจดจำไม่มีวันลืมมาจนถึงนาทีนี้คือ การสร้างปาฏิหาริย์หลังการเข้าไปซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ใช้เวลาพัฒนาภายใน 5 ปี สามารถพาทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” ทีมตกชั้นนอกสายตาแฟนบอลยุโรป ผงาด “คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/2016” เป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปี ปลุกจิตวิญญาณตำนานจิ้งจอกสีน้ำเงินขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ความมุ่งมั่นนำไปสู่ความสำเร็จครั้งนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็น พลังแห่งความรัก พลังความเชื่อมั่น พลังความศรัทธา ในหัวใจอันยิ่งใหญ่ของบุรุษผู้นี้และครอบครัวศรีวัฒนประภา ว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้ เป็นปรากฎการณ์ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวเมืองเลสเตอร์อย่างไม่มีวันลืมตลอดไป
วันนี้ฉากชีวิตของสุภาพบุรุษผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา-THE POSSIBLE MAN” จบลงก็จริง ทว่าจะเป็น “จุดเริ่ม” ของ “ตำราชีวิต” เล่มใหม่ ให้ผู้คนทั่วโลกค้นคว้าเรื่องราวความดีไม่มีวันตาย ด้วยปรัชญาอันทรงพลังที่สามารถนำพาความสำเร็จได้ด้วยแนวคิด “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้”
พลังดีของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คือพลังที่จะส่งต่อไปถึงผู้ใฝ่แสวงหาความสำเร็จในทางที่ดีทุกรุ่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ฝากคัมภีร์ชีวิตTHE POSSIBLEให้โลกจดจำ
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : #gurutourza #สวท97 #kingpower #คนดีไม่มีวันตาย #ความดีไม่มีวันตาย อ่านทั้งหมดได้ใน หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 20 มีนาคม 2562
วิชัยศรีวัฒนประภา ผู้สร้างคัมภีร์ชีวิต THE POSSIBLE MAN ไว้ให้โลกจดจำความดีไม่มีวันตาย |
THE POSSIBLE MAN ความดีไม่มีวันตายของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สุภาพบุรุษนักธุรกิจคนไทยผู้สร้างปาฎิหารย์และตำนานดุจเทพนิยายให้คนทั่วโลกยกย่องจดจำตราบนิรันดร์ ผู้ซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยวัย 60 ปี
ตลอดการมีชีวิตอยู่ก่อนลาลับโลกนี้ไป “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบทั้งในฐานะของ “ผู้สร้างและผู้ให้” อย่างยิ่งใหญ่ในหลากหลายมิติ เริ่มจากผู้บุกเบิก “ต้นแบบการพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (Duty Free) รายแรกของเมืองไทยมายาวนาน 30 ปี
คาถาบทสำคัญสุดที่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ใช้ฟันฝ่าทุกอุปสรรคคือ “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้”
บนเส้นทางแสนยากที่ต้องเผชิญความท้าทายรอบทิศทาง ทั้งเรื่อง “เงินลงทุน” ในยุคเริ่มต้นธุรกิจ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมใด ๆ “ความผันแปรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบด้านตลอดเวลา “การชิงไหวชิงพริบในสนามธุรกิจ” มีทั้งผู้สนับสนุนจากมิตรและผู้ต่อต้านจากคู่แข่ง
ทว่าวิชัยได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดถึง “หัวใจอันยิ่งใหญ่” ด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคง มีน้ำใจนักกีฬา พร้อมจะเป็น “ผู้ให้” เสมอ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ในเกมธุรกิจก็ตาม
เมื่ออดีต กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องเจอกับยุคบอบช้ำมากที่สุดช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายปี 2537 รัฐบาลประกาศตั้ง บริษัท ไทยแลนด์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นนายทุนทำธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) เองแทนเอกชน โดยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถือสัมปทานทั้งหมด
ทำให้ คิง เพาเวอร์ ขณะนั้นเจอวิบากกรรมขั้นวิกฤต แต่อดีตประธานวิชัยก็หาทางไปกู้ธนาคารนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคน โดยไม่ปลดลดคนแต่อย่างใด แล้วกอดคอต่อสู้ด้วยกันจนกระทั่งผ่านพ้นห้วงเวลาเลวร้ายมาได้
ต่อมาเมื่อท่าอากาศยานไทย (ขณะนั้น) ประกาศเปิดประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมือง “วิชัย” จึงลงสนามแข่งขันแล้วก็เป็นผู้ชนะต่อเนื่องมาตลอด โดยทำตามกติกาเสนอ “ผลประโยชน์คืนรัฐที่สูงสุด” แบบแฟร์เกม
พร้อมจ่ายรัฐครบทุกเงื่อนไขทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก จ่ายส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามเปอร์เซ็นต์ที่รัฐกำหนดซึ่งปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดตลอดอายุสัญญา ส่วนที่ 2 การันตียอดขายขั้นต่ำ (minimum guarantee) หากขายไม่ได้ตามเป้าก็ต้องจ่ายเงินขั้นต่ำตามข้อตกลง
“วิชัย” ถือหลักปฏิบัติอย่างนี้มาตลอดที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมการประมูลแต่ละครั้ง เมื่อได้รับการประกาศรายชื่อเป็นผู้ชนะการแข่งขันได้รับสัมปทานอย่างถูกต้องจากสนามบินดอนเมืองต่อเนื่องถึงสุวรรณภูมิปัจจุบัน
“แรงเสียดทาน” หนักหนาสาหัสที่สุดคือข้อกล่าวหาว่า “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ “ผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรี” ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชนะการประมูล ถึงแม้จะได้สัมปทานมาอย่างชอบธรรม เล่นตามกติกา เสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐสูงกว่าคู่แข่ง จากอดีตถึงปัจจุบัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ก็ยังต้องตกเป็นจำเลยสังคมอยู่ร่ำไป
เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ดีหรือร้ายขนาดไหน “วิชัย” ไม่เคยเดินหนีสื่อมวลชนเขามุ่งมั่นตั้งใจอธิบายทุกเวที ทุกคำถาม กับทุกคน ถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “ผูกขาด” อันหมายถึงอาจได้มาโดยไม่ชอบธรรม ส่วนคำว่า “ชนะการประมูล” คือผู้ได้รับการคัดเลือกให้ชนะจนได้สัมปทานมาโดยชอบธรรม ผ่านกระบวนการที่รัฐกำหนด
พอได้ชัยชนะมาแล้วยังต้องแบกรับความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสร้างยอดขาย หารายได้ เงินลงทุน และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเข้าเป้าหมายแต่ละปี พร้อมจะส่งเงินรัฐตามสัญญา เสียภาษีธุรกิจตามกฎหมาย และต้องทุ่มเทยกระดับดิวตี้ฟรีไทยก้าวขึ้นไปแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างสง่างาม
ด้วยคติความเชื่อของ “วิชัย” ที่ว่า “นักธุรกิจไทยมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก” และประเทศต้องมาก่อน หากคนชาติอื่น ๆ รู้จัก “ประเทศไทย” เพิ่มขึ้น การค้าขายของคนไทยก็ย่อมเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นด้วยอย่างแน่นอน เขาจึงมักแสวงหาวิธีและแนวทางปฏิบัติเพื่อเอาชนะอุปสรรคยาก ๆ อยู่เสมอ
ด้วยความตั้งใจจะบอกทุกคนว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้” โดยใส่พลังความมุ่งมั่นเกินร้อยเข้าไปเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จตามเป้าหมาย
ทำให้ธุรกิจ “ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์” ทั้งสาขาในเมืองและสนามบิน เติบโตอย่างแข็งแรง มีพลัง ทำยอดขายติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก ล่าสุดปลายปี 2561 ก็คว้ารางวัลระดับโลก พร้อม ๆ กับการเก็บสะสมรางวัลตลอด 30 ปีกว่า 100 รางวัล ตอกย้ำชื่อเสียงของดิวตี้ฟรีประเทศไทยในเวทีสากลสมตามเจตนารมณ์ทุกประการ
“วิชัย” ทุ่มเทลงมือทำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานจากอดีตมีไม่ถึงหลัก 100 คน กระทั่งวันนี้มีกว่า 10,000 คน หรือการช่วยประเทศเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการขายสินค้าช้อปปิ้ง ดึงเม็ดเงินหลั่งไหลสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งคืนประโยชน์สู่สังคมโดยใช้เงินกว่า 1,000 ล้านบาท ต่อเนื่องระยะ 5 ปี ทำโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ระหว่างปี 2559-2563 สนับสนุนครบทั้ง 4 เพาเวอร์ ได้แก่
1.SPORT POWER-พลังกีฬา แจกฟรีสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และลูกฟุตบอล 1 ล้านลูก 2. MUSIC POWER -พลังดนตรี จัดประกวดดนตรีเยาวชนและคนทั่วไปเชิญชวนทั้งในประเทศและนานาชาติมาร่วมแข่งขัน 3.COMMUNITY POWER-พลังสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้ก้าวไปยิ่งใหญ่ในตลาดโลก 4. EDUCATION & HEALTH POWER-พลังการศึกษาและสุขภาพ ทำโครงการมอบทุนการเรียน ทั้งเด็กเยาวชน ปริญญาโท และมอบอุปกรณ์การแพทย์ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
โครงการสร้างความฮือฮามากที่สุดก่อนวิชัยจะอำลาโลกนี้ไป คือ สนับสนุนเงิน 100 ล้านบาท โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของ “ตูน บอดี้สแลม” เพื่อนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลน ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอีกเป็นจำนวนมากได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
สำหรับความสำเร็จของ “วิชัย” ที่คนทั่วโลกจดจำไม่มีวันลืมมาจนถึงนาทีนี้คือ การสร้างปาฏิหาริย์หลังการเข้าไปซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ใช้เวลาพัฒนาภายใน 5 ปี สามารถพาทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” ทีมตกชั้นนอกสายตาแฟนบอลยุโรป ผงาด “คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/2016” เป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปี ปลุกจิตวิญญาณตำนานจิ้งจอกสีน้ำเงินขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ความมุ่งมั่นนำไปสู่ความสำเร็จครั้งนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็น พลังแห่งความรัก พลังความเชื่อมั่น พลังความศรัทธา ในหัวใจอันยิ่งใหญ่ของบุรุษผู้นี้และครอบครัวศรีวัฒนประภา ว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้ เป็นปรากฎการณ์ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวเมืองเลสเตอร์อย่างไม่มีวันลืมตลอดไป
วันนี้ฉากชีวิตของสุภาพบุรุษผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา-THE POSSIBLE MAN” จบลงก็จริง ทว่าจะเป็น “จุดเริ่ม” ของ “ตำราชีวิต” เล่มใหม่ ให้ผู้คนทั่วโลกค้นคว้าเรื่องราวความดีไม่มีวันตาย ด้วยปรัชญาอันทรงพลังที่สามารถนำพาความสำเร็จได้ด้วยแนวคิด “ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ถ้าไม่ยอมแพ้”
พลังดีของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” อดีตประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คือพลังที่จะส่งต่อไปถึงผู้ใฝ่แสวงหาความสำเร็จในทางที่ดีทุกรุ่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น