บิ๊กสภาท่องเที่ยวชงยาแรงอุ้มธุรกิจไทย5แสนราย
เสนอรัฐพักหนี้หนุนงบรุกเจาะตลาดใหม่แทนจีน
คิงเพาเวอร์ลุย5บิ๊กเทรนด์โปรเจกต์รับปีหนูทอง63
ลูกค้าSIM2Flyช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลดเพียบ
ททท.จัดวันเดียวเที่ยวใต้ที่ซีคอนบางแคถึง10ก.พ.
ครม.หนุนชิมช้อปใช้อินเตอร์ช่วยททท.ขายโลว์ซีซัน
บางจากแนะนำเตรียมรถยนต์ให้พร้อมรับซัมเมอร์
TCEBชูThaiMICEConnectยอดพุ่ง1.3 หมื่นราย
ชีพจรลงเซาท์ทริปเที่ยวเมืองไชยา
สุราษฎร์ธานี
มหัศจรรย์สีสันในผักผลไม้ป้องกันโรคภัยได้มาก
เชียงใหม่คว้าที่3เมืองดีที่สุดในโลกแชมป์ดิจิทัล
เศรษฐีอินเดียแห่แต่งงานเชียงรายทำเงินสะพัด
ศักดิ์สยามสั่งทย.เข้ม29สนามบินยื้อโอน4แห่ง
ททท.จัดวันเดียวเที่ยวใต้ที่ซีคอนบางแคถึง10ก.พ.
พบกันในรายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ # # #
#
ช่วงที่ 1 จับตามาตรการท่องเที่ยวคู่ขนานกับ “ชัยรัตน์
รัตนจรัสพร” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ชี้สถานการณ์ไวรัสปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่ 2019 กระทบธุรกิจไทยทั้งระบบแรง
ต้องเร่งช่วยกันรักษาห่วงโซ่ธุรกิจกว่า 5 แสนราย ประกาศขอใช้ยาแรง 2 ขนาน ชุดแรกลุย 3 แนวทาง “ผลิตโปรโมชั่นแพกเกจใหม่-โกย4ตลาดใหญ่
อินเดีย/เกาหลี/ญี่ปุ่น/เมียนมา-ขอรัฐหนุนสายป่านเงินลงทุนSMEพร้อมลดต้นลดดอกพักชำระหนี้” ชุดที่สอง
“รุกเทรดโชว์ เวิลด์ อีเวนต์” ปักหลักงานบิ๊ก ITB 2020 และงานระดับโลกทั้งหมดไว้
นายชัยรัตน์
รัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
กลุ่มผู้ประกอบการซึ่งเป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกลุ่มเอกชนต้องมาร่วมกับภาครัฐรับมือสถานการณ์ไวรัสปอดอักเสบโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
2019
ตามที่ทุกฝ่ายรับรู้ถึงผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดการท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีนอย่างเร็ว
3 เดือน
นักท่องเที่ยวจะหายไปจากเมืองไทยถึง 2 ล้านคน
ซึ่งกระทบกับผู้ประกอบการอย่างมากอันดับแรกผู้ที่ทำการค้าโดยตรงกับจีน
ดังนั้นจึงต้องเร่งหามาตรการเข้ามาคลี่คลายปัจจัยลบ หลายแนวทาง
แนวทางแรก
พยายามเร่งหานักท่องเที่ยวตลาดอื่น ๆ เข้ามาแทนที่จีนซึ่งหายไป อย่างอาเซียน
อินเดีย รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น โดยมุ่งไปยังกลุ่มที่ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวจีน
ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาข้อมูลเพื่อดูจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวก็พบว่า มี 4
ตลาดใหญ่
ได้แก่ อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น เมียนมา จะต้องสร้างแรงจูงใจให้หันมาเที่ยวเมืองไทย
แนวทางที่ 2 ผลิตแพกเกจท่องเที่ยวใหม่
โดยทุกภาคส่วนมาร่วมมือกันทั้งเอกชนท่องเที่ยวทุกสมาคม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) โรงแรม สายการบิน โลจิสติกส์ ร้านอาหาร รถท่องเที่ยว และส่วนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องต้องมาร่วมมือกัน จัดทำแคมเปญลดแลกแจกแถม
โดยเฉพาะสายการบินต้องเพิ่มจำนวนการขายแพกเกจมากขึ้นกว่าปกติจะขายตั๋วเครื่องบินเพียงอย่างเดียว
แนวทางที่ 3 ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นต้นตอของพื้นที่แพร่ระบาดโรคไวรัสปอดอักเสบโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
2019 เพียงแต่เป็นประเทศที่รับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา
เมื่อป่วยก็สามารถรักษาผู้ป่วยจนหายสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วทั้งหมด
ประเด็นสำคัญคือระบบการแพทย์ของไทย โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญทุกหน่วยร่วมกันทำงาน
ตรวจสอบ รักษาโรค สร้างความเชื่อมั่นแก่นักเดินทางได้
เมื่อเข้ามาแล้วไม่สามารถติดเชื้อกลับไปได้
เบื้องต้นจะเดินหน้า
3 แนวทางเร่งด่วน
เพราะหากนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีจำนวนมากหายไปอย่างรวดเร็ว ก็จะกระทบการท่องเที่ยวอย่างรุนแรงช่วงต้นปี
2563
นายชัยรัตน์กล่าวว่า
เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์เฉพาะหน้าอันเกิดจากโรคระบาดที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่ได้คาดคิดมาก่อน
จึงจะขอผ่อนปรน 2 เรื่องหลักดังนี้
1.หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นทุนให้มีเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจก่อน
2.ขอผ่อนผันยกเว้นดอกเบี้ยและเงินต้นธนาคารสักระยะอาจจะประมาณ
6 เดือนแรก เพราะตามปกติธุรกิจท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม SME
มีความจำเป็นด้านสายป่านสภาพคล่องทางการเงินแต่ละเดือน
ขณะนี้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ได้จัดทำขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 1.ออกหนังสือสอบถามไปยังเครือข่ายสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการทั่วประเทศ
ว่าได้รับผลกระทบทางด้านใด มีขนาดความรุนแรงขนาดไหนบ้าง ขั้นที่ 2 สรุปปัญหาทั้งหมด ขั้นที่ 3 นำเข้าที่ประชุมร่วมภาครัฐกับเอกชน โดยมี
ททท.เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเรื่องดังกล่าววันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ขั้นที่ 4 สรุปผลจากที่ประชุมร่วมนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีผู้นำรัฐบาล ดำเนินการต่อไป
นายชัยรัตน์กล่าวถึงผลกระทบครั้งนี้จะรุนแรงถึงขั้นต้องทำให้ธุรกิจบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของไทยหรือกลุ่มอื่น
ๆ ต้องปิดกิจการลงหรือไม่นั้น
จะต้องดูมาตรการของภาครัฐที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ SME ซึ่งมีสายป่านการเงินไม่ยาว
ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ต้องปรับกลยุทธ์เปลี่ยนจากการพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวจีนหันมาทำโปรแกรมขายท่องเที่ยวในประเทศ
ผนวกกับการหาตลาดประเทศอื่น ๆ เข้ามาทดแทน
แต่เบื้องต้นการผ่อนผันมาตรการด้านการเงินช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวไม่ต่ำกว่า
50,000 ราย
มีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในวงจรการท่องเที่ยวโดยภาพรวมมากกว่า 400,000 ราย
เมื่อมีผลกระทบช่วงแรกจึงจะต้องช่วยกันหาวิธีประคองให้อยู่รอดก่อน
สำหรับอุปสรรคความท้าทายในการแก้ไขสถานการณ์โดยใช้แนวทางการ
“หาตลาดใหม่ในต่างประเทศ” เข้ามาทดแทนตลาดจีนในไทยนั้น
ต้องยอมรับสภาพปัญหาโรคระบาดกระทบเป็นวงกว้างทั้งกับจีนและประเทศทั่วโลก
ส่งผลให้แต่ละประเทศต่างก็ต้องหาช่องทางความอยู่รอดในลักษณะเช่นเดียวกับไทย
แต่เราจะทำอย่างไรหรือขอความร่วมมือ
ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ททท. ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ต้องคุยกันให้ลงตัว
กำหนดทิศทางเป้าหมาย พูดคุยไปในแนวทางเดียวกัน แล้วเดินหน้าลงมือทำอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากไทยมีโมเดลที่เคยแก้ไขสถานการณ์โรคระบาดซาร์ เมอร์ มาแล้ว
ไวรัสโคโรน่าก็ใกล้เคียงกัน เพียงแต่แสดงอาการช้า
วิธีการคือต้องพยายามป้องกันหรือหยุดให้ได้ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขทำอยู่ขณะนี้
ควบคู่กับการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาไทยทุกชาติจะต้องสแกนเอาใจใส่ให้มากเพื่อปกป้องคนจากข้างนอกเข้ามาในประเทศให้มั่นใจไม่มีการติดเชื้อ
ต้องทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอนการตรวจสุขภาพ
ปฏิบัติตามความปลอดภัยกฎสูงสุดตามมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่
31 มกราคม 2563
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ร่วมกับ ททท.จัดทำโครงการ Big Cleaning Day ทั่วประเทศ ทั้งสนามบิน สายการบิน โรงแรม รถบัส
และทุกพื้นที่ ทุกองค์กรการท่องเที่ยวจะทำทั้งหมด
นายชัยรัตน์กล่าวว่า
ตลาดศักยภาพที่สามารถเดินทางเข้ามาเพิ่มเพื่อทดแทนจีนที่หายไปอันดับแรก ๆ คือ
อินเดีย ไต้หวัน เมียนมา และ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม
เพราะเพื่อนบ้านเหล่านี้ชื่นชอบเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว
จะเริ่มนำเสนอขายแพกเกจท่องเที่ยวโดยเริ่มปูพรมขายแล้ว ทั้ง การบินไทย ไทย
แอร์เอเชีย โรงแรม เอเย่นต์ท่องเที่ยว สามารถลงมือทำได้ทันที
ขึ้นอยู่กับข้อตกลงกันถึงราคาโปรโมชั่นจะทำได้
ส่วนงานที่มีอยู่แล้วก็ต้องเดินหน้าทำตามปกติ
ไม่ว่าจะเป็นเข้าร่วม Trade Show ที่
ททท.จะนำเอกชนไปร่วมงาน International Travel Berlin 2020 ต้นเดือนมีนาคม 2563 รายการเจรจาธุรกิจเวทีใหญ่สุดของโลก
หรือการจัดงาน MICE งานจากทั่วโลกที่เข้ามาจัดประชุม
สัมมนา อินเซ็นทีฟ ในเมืองไทย อีกทั้งจะต้องเร่งทำให้เติบโตมากขึ้น
ตลาดสหภาพยุโรป
อเมริกา แคนาดา มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันทั้ง ททท.สายการบิน
เพื่อยังมีที่นั่งว่างอยู่ขายในควรนำราคาพิเศษเพื่อเร่งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศเข้ามาให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกันแผนการตลาดที่จัดทำขึ้นเพื่อแก้วิกฤตเร่งด่วนต้นปีนี้
ก็จะทำต่อเนื่องไปตลอด หากสถานการณ์ไวรัสไม่จบภายใน 3 เดือนก็ต้องเพิ่มมาตรการมากขึ้น
หากมองมุมบวกในทางกลับกันจากประสบการณ์แก้ปัญหาโรคซาร์ เมอร์
เมื่อเหตุการณ์สงบจะเกิดปรากฎการณ์ “ทัวร์ทะลัก” จากการอั้นเดินทางในช่วงโรคระบาด
พอเข้าสู่ปกติคนจะเดินทางหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เป็นอีกเรื่องที่จะต้องเตรียมรับมือไว้ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากการหาตลาดต่างประเทศมาทดแทน
ตลาดคนไทยก็ต้องทำอย่างเข้มข้นด้วยการออกโปรโมชั่น “ไทยเที่ยวไทย”
จูงใจด้วยการกระหน่ำลดราคาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป
เพราะคนไทยเป็นทั้งกลุ่มเที่ยวในประเทศ (domestic) และเดินทางเที่ยวต่างประเทศ (outbound) ปีละกว่า 10 ล้านคน จึงต้องรีบด่วนสุดให้คนไทยเปลี่ยนใจหันมาท่องเที่ยวไทยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
เข้าสู่ศักราชปีหนูทอง
2563 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้การนำของ “อัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำทีมก้าวเข้าสู่ปีที่ 31 รวมพลังกับผู้บริหารทุกฝ่ายเดินหน้าธุรกิจหลักการจำหน่าย “สินค้าปลอดอากร”
(duty free) ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว
และโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม
(CSR) ปีนี้ดำเนินงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “เราเชื่อ
พลังคนไทย”
ภารกิจใหญ่ของกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ปี 2563 ในโอกาสก้าวสู่ปีที่
31 คนไทยทั้งประเทศและนานาชาติทั่วโลกจะได้เห็นพลังความโดดเด่นการลงทุนพัฒนา
5 โปรเจกต์หลัก ที่น่าสนใจคือ
โปรเจ็กต์แรก การจัดทัพ “ธุรกิจดิวตี้ฟรีเทรนด์ใหม่” ในยุคดิจิทัลซึ่งผู้คนหันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านช้อปปิ้งออนไลน์
เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักช้อปที่พร้อมกระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจประเทศ
ปีนี้จะได้เห็นความแรงของคิง เพาเวอร์ ทางด้านบริการส่งสินค้าตรงถึงหน้าประตูบ้าน
สะดวก รวดเร็ว ทุกเวลา รวมทั้งการคัดสรรแบรนด์อินเตอร์ระดับโลก กับเฮาส์แบรนด์ของประเทศขานรับพฤติกรรมผู้บริโภคพันธุ์มิลเลนเนียล
โปรเจกต์ที่ 2 คอยพบกับ “ร้านค้าดิวตี้ฟรีและการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial
area) โฉมใหม่ 4 สนามบิน” ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ซึ่งทางกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ชนะการประมูลได้เข้าทำสัญญาต่อในอนาคตเป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน ทั้งสองโปรเจกต์ในแต่ละสนามบินจะเริ่มขับเคลื่อนได้ตั้งแต่วันที่
28 กันยายน 2563 ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 มีนาคม 2574 ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านสัมปทานพื้นที่ประกอบกิจการในสนามบินนานาชาติที่อยู่ในความดูแลของ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”อีกยุคที่น่าจับตาอันจะทำให้เม็ดเงินช้อปปิ้งจากนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าเมืองไทย
โปรเจกต์ที่ 3 “คิง เพาเวอร์ มหานคร” บริการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบธุรกิจไลฟ์สไตล์
ปี 2563 เตรียมเปิดบริการอย่างยิ่งใหญ่อลังการโรงแรมน้องใหม่
“โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส คิง เพาเวอร์” เรือธงห้องพักหรูแห่งแรกของเชนโลกที่เลือกอาคาร
คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็นจุดเริ่มต้นการบริการ อีกทั้งสามารถเข้ามาช่วยเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าต่อยอดไฮไลต์
Sky Walk จุดชมวิวสูงที่สุดในประเทศไทยใจกลางกรุงเทพฯ ชั้น 78
ไล่เรียงลงมาชั้น 75-76 ก็มีห้องอาหาร “มหานคร
แบงก์ค็อก สกาย บาร์” ชั้น 1-4 มีร้านช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีแบรนด์เนมและผลิตภัณฑ์ไทยสุดเอ็กซ์คลีฟ
กระทั่งบนพื้นได้ดีไซน์ที่โล่งกว้างด้านหน้าอาคารให้กลายเป็นลานกิจกรรมจัดงานสำคัญ
ๆ นำเสนอสินค้า วัฒนธรรม กระตุ้นการท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติ
โปรเจกต์ที่ 4 สนับสนุนการจัดทำ “ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ” ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ด้วยการอนุญาตให้นำต้นแบบ “อคาเดมี
สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้” มาใช้พัฒนาการก่อสร้างสนามฟุตบอลแบบครบวงจรตามแผนแม่บท 20 ปี บริเวณพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ขนาดประมาณ 150 ไร่ ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อให้นักกีฬาทุกชุดเก็บตัวเตรียมความพร้อมทั้งนักฟุตบอล
นักฟุตบอลชายหาด นักฟุตซอล
โดยมีแผนอนาคตเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ระดับประเทศ
การออกแบบพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฟุตบอล ด้วยดีไซน์ร่วมสมัย ไว้รองรับการจัดประชุม
สัมมนา พร้อมห้องพัก เปิดให้องค์กรภายนอกทั่วไปได้เข้ามาใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเท่าเทียมกัน
โปรเจกต์ที่
5 เปิดศูนย์ฝึกซ้อม เลสเตอร์ ซิตี้ แห่งใหม่
ในพื้นที่กว้างใหญ่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติและการดูแลสิ่งแวดล้อมกว่า185 เอเคอร์ หรือราว 7.5 แสนตารางเมตร
อยู่ทางตอนเหนือของแคว้นเลสเตอร์เชียร์ ห่างจากใจกลางเมืองไปประมาณ 7 ไมล์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไปจะพร้อมใช้งานก่อนเปิดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล
2020-2021 และเมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง เลสเตอร์ ซิตี้
ก็พัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นอย่างยั่งยืน ตามปณิธานการริเริ่มโครงการนี้ซึ่งส่งต่อจากรุ่นพ่อ(วิชัย
ศรีวัฒนประภา) สู่รุ่นลูก (อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว)
“อัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ยืนยันหนักแน่นว่าปี 2563 จะเพิ่มความเข้มข้นคอนเซ็ปต์ “เราเชื่อ
พลังคนไทย” เชื่อว่าทุกคนทำได้โดยจะใช้โครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์
พลังคนไทย” ซึ่งก้าวสู่ปีที่ 5 เป็นหัวหอกทำกิจกรรม “พลังดนตรี”
(Music Power)
จัดการประกวดดนตรีเครื่องเป่านานานาชาติ เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน คนทั่วไป
ทั้งคนไทยและนานาชาติได้มีความสุข “พลังกีฬา” (Sport Power) ตลอดโครงการมุ่งมั่นแจกสนามฟุตบอลหญ้าเทียม 100
สนาม กับลูกฟุตบอล 1ล้านลูก
และการปั้นนักเตะเข้าสู่โครงการ FOX HUNT สร้างโอกาสให้เด็กไทยก้าวสู่นักฟุตบอลระดับอินเตอร์ต่อไป
“พลังชุมชน” (Community
Power) เป็นพลังสำคัญสร้างสรรค์สังคมในหลายมิติคือ มิติแรก
ทางกลุ่มคิง เพาเวอร์ ร่วมกับโครงการ “มูลนิธิก้าวคนละก้าว”
สนับสนุนการวิ่งของ “ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย” สร้างพลังความรัก สามัคคี ปี 2563
จึงน่าจะได้เห็นการทำสถิติการวิ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ไทยที่เตรียมบันทึกลง
World Guinness Book ต่อไป
กิจกรรมวิ่งที่ผ่านมาสามารถระดมยอดเงินบริจาคไปมอบให้โรงพยาบาลแต่ละภาคของประเทศรวมกว่า
1,600 ล้านบาท นำไปซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์
สร้างสุขภาพที่ดีแก่คนในพื้นที่ห่างไกล
มิติที่สอง
ส่งเสริมชุมชนแข็งแกร่ง ทั้งการสร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้
โดยการนำทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้ความรู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้กลายเป็นสินค้าคุณภาพดีมีคุณค่า
โดยเฉพาะการสร้างอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกทำคอลเลคชั่นผ้าไทย From
Leaves to Lively Thai Dye Collection นำผลิตภัณฑ์แฟชั่นพื้นบ้านที่มีเรื่องราวตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำ ปลายน้ำ จากชุมชนท่องเที่ยว ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ไปวางขายใน เดอะ
ซิตี้ แฟน สโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
สร้างแรงจูงใจให้นักเดินทางทั้งหลายในอังกฤษและยุโรปสนใจมาค้นหาแหล่งผลิตในไทย
จึงเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นนักท่องเที่ยวได้ด้วย
รวมทั้งกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ได้จัดเฉลิมฉลองตรุษจีนภายใต้ธีม KING POWER THE
BLESSING COMES HOME เนรมิตร “หมู่บ้านหนูทอง-The Golden
Mouse Village” ระหว่างวันนี้ -1 กุมภาพันธ์ 2563 ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
เชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกเพศวัยเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ มีอาหารอร่อย วัฒนธรรม
การแสดง กิจกรรมความเชื่อความเป็นศิริมงคลในชีวิต
ผสมผสานกับการกระตุ้นคนใช้เงินช้อปิ้งสุดคุ้มจริง ๆ
พร้อมกับให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพของนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติ
ด้วยการประกาศมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด
เฝ้าระวังการระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ให้สิทธิพิเศษลูกค้า SIM2Fly เมื่อเข้ามาช็อปออนไลน์ที่
www.kingpower.com ลดเยอะมากถึง 31มี.ค.2563 สมาชิกบัตรคิง
เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้ แต่ลูกค้าจะต้องทำการ Log
in เข้าเว็บไซต์ก่อนการสั่งซื้อสินค้า ทางคิง เพาเวอร์ ขอสงวนสิทธิ์การใช้รหัสส่วนลด
1 รหัส / 1 การสั่งซื้อ / 1 บัญชีสมาชิก และสิทธิ์ยกเลิกรายการสั่งซื้อสินค้าที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
วิธีสั่งซื้อออนไลน์เพียงทำตามกติกาการช้อปดังนี้
1.
รับรหัสส่วนลดสามารถใช้ได้ที่ www.kingpower.com
& King Power Application ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2563
2.
รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับสินค้าราคาพิเศษ, สินค้าลดราคา และสินค้าที่งดร่วมรายการ ทุกประเภท
3.
รหัสส่วนลดเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าทุกแผนกเฉพาะที่ร่วมรายการเท่านั้น ยกเว้น
3.1แผนกเครื่องสำอาง สินค้า Duty Free แบรนด์ La Mer The Treatment Lotion 150ml, KIEHL'S Clearly
Corrective™ Dark Spot Solution 100ml, KIEHL'S 50ML Clearly Corrective™ Dark
Spot Solution, GUCCI, Dior และ CLARINS Double Serum
มีสินค้าส่งถึงบ้านได้แก่ แบรนด์ CORINE DE FARME , ESTRO, FUJI CREAM , MAKE UP REVOLUTION, SUPERSHADES, THE28, MAD HIPPIE, MONGRANG , JUV, ESTRO,YOKO และ STYLPRO
มีสินค้าส่งถึงบ้านได้แก่ แบรนด์ CORINE DE FARME , ESTRO, FUJI CREAM , MAKE UP REVOLUTION, SUPERSHADES, THE28, MAD HIPPIE, MONGRANG , JUV, ESTRO,YOKO และ STYLPRO
3.2 แผนกน้ำหอม สินค้า
Duty Free แบรนด์ Dior และ GUCCI (คอลเล็กชั่น BLOOM)
3.4 แผนกอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าส่งถึงบ้าน แบรนด์ Go Pro Hero 8 & Go Pro Max และ แบรนด์ IBLE
3.5 แผนก OTOP สินค้าส่งถึงบ้าน แบรนด์ DOITUNG,
FIVE STARS, NUTRIMATE, DAHRA และ VERA GOLD
3.6
แผนก HOME &
LIVING สินค้าส่งถึงบ้าน แบรนด์ CORAVIN , KITCHENAID , IBLE , IROBOT , ECOVACS , MAXELL,
OSIMและSTADLERFOAM
3.7
แผนก AROMATHERAPY สินค้าส่งถึงบ้าน แบรนด์ PRO
ENHANCER และ 7SPRINGS
3.8
แผนก LIQUOR
& WINE ทุกแบรนด์
3.9
แผนก PHARMACY ทุกแบรนด์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคใต้
ร่วมกับ ซีคอน สแควร์ บางแค และไทยประกันชีวิต เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปชมงาน
“วันเดียวเที่ยวใต้ โถกใจอย่างแรง”
ระหว่าง 31 มกราคม – 10
กุมภาพันธ์ 2563 ณ ลานกลาง ชั้น 1 ศูนย์การค้า
ซีคอน บางแค ถนนเพชรเกษม งานนี้ได้ยกแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้มาเผยแพร่มุมมองใหม่ที่แตกต่างโดยไม่ได้
มีดีแค่ทะเลเท่านั้น ตลอด 10
วัน คาดจะมีคนเข้าเยี่ยมชมประมาณ
30,000 คน
ภายในบริเวณได้จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภาคใต้
4 แห่ง ให้มาตะลุยถ่ายรูปแล้วแชร์เพื่อชวนคนอื่น
ๆ เข้ามาชมได้ตลอดงาน ได้แก่ 1.
พิพิธภัณฑ์เพอรานากัน จ.ภูเก็ต 2.สถานี
และขบวนรถไฟสุไหงโกลก จ.นราธิวาส 3.บรรยากาศดอกบัวแดง
ทะเลน้อย จ.พัทลุง 4.ตลาดกิมหยง” แหล่งช้อปปิ้ง กลางเมืองหาดใหญ่
พร้อมกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ กิจกรรมต้มไข่ออนเซ็นในบ่อน้ำแร่ร้อน
พรรั้งจำลอง จ.ระนอง Rubber Zone โซนเรียนรู้เรื่องยางพารา
พืชเศรษฐกิจของภาคใต้ กิจกรรมเวิร์กชอป สอนทำหนังตะลุง
ดนตรีเพื่อชีวิตปักษ์ใต้ 'แฮมเมอร์' เจ้าของเพลงดัง
'ปักษ์ใต้บ้านเรา' การแสดงชุดพิเศษจาก
ททท. และร่วมกระจายรายได้โดยเลือกช้อปสินค้ากับแวะมาอิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นแดนใต้
กว่า 70 ร้านค้า
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน นัดแรกเมื่อวันที่ 31
มกราคม ปี 2563 เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เดินหน้าโครงการ
“ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์” ที่จะทำโปรโมชั่นแจก Cash Back เงินคืนให้แก่นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยคนละ
30,000 บาทขึ้นไป/ทริป
จะได้รับเงินคืนเข้าบัตรเครดิต 7 % เพื่อสร้างแรงจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงนอกฤดูเดินทาง
(low season)
มาตรการ
“ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์”
นั้นเป็นข้อเสนอที่จัดเตรียมไว้เพื่อบรรเทาปัญหาค่าเงินบาทแข็ง
ส่งผลถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวใช้จ่ายเงินในไทยน้อยลงเพราะบาทแข็งราคาสินค้าแพงขึ้นโดยอัตโนมัติถึง
25 % แต่หลังวันที่
23 มกราคม 2563
เกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัสปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่
2019 เมืองอู่ฮั่น
แพร่กระจายเป็นวงกว้างไปทั่วโลก กระทั่งนักท่องเที่ยวหยุดเดินทาง
ดังนั้นในจังหวะเวลาช่วงโลว์ซีซันตั้งแต่พฤษภาคม 2563 เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ปกติก็สามารถจะนำแคมเปญโปรโมชั่น
“ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์” มาใช้ประโยชน์ได้
ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ยังคงตั้งเป้าให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผลักดันรายได้ปี 2563 ให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในส่วนรายได้เข้าประเทศต้องมากกว่า 3.4
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 3 แสนล้านบาท จากปี 2562
ทำไว้ 3.01 ล้านล้านบาท โดยมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 40.5-41 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทย
มูลค่า 1.2-1.3 ล้านล้านบาท จำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง
นายชัยรัตน์
รัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ไม่ได้เห็นมากนักด้วยกับโครงการ “ชิม ช้อป ใช้ อินเตอร์” ของภาครัฐมากนัก
เนื่องจากจะต้องนำเงินภาษีของประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการคืนเงินให้นักท่องเที่ยว
สิ่งที่เอกชนต้องการให้รัฐทำเร่งด่วนคือจัดทำกิจกรรมกระตุ้นการขายแพกเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษ
เพื่อรองรับการหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวที่อาจจะหายไปถึง 2 ล้านคน
ข่าวที่ 5 “บางจากแนะเตรียมรถให้พร้อมรับซัมเมอร์ปีหนู”
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีข้อแนะนำสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ ควรจะเตรียมรถให้พร้อม
ขับขี่ปลอดภัย ตลอดซัมเมอร์นี้ ในอีกไม่กี่เดือนฤดูกาลกำลังจะเปลี่ยนไป
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เพื่อนๆ ควรเตรียมตัวให้พร้อม กับการเปลี่ยนแปลง
ทั้งสภาพอากาศ รวมถึงรถยนต์คู่ใจของเพื่อนๆ มาดูกันว่า ซัมเมอร์นี้
เราควรเตรียมความพร้อมรถยนต์ของเรากันอย่างไรบ้าง
1. ติดฟิล์มกรองแสงที่ได้มาตรฐาน -เพราะจะช่วยลดความร้อน
และยังสามารถกรองความสว่างของแสงอาทิตย์ทำให้ไม่ต้องเพ่งสายตาขณะขับขี่อีกด้วย
2. ทำความสะอาดกระจกอยู่เสมอ -เพราะฝุ่นที่เกาะกระจกทั้งหน้า-หลัง และกระจกข้างจะทำให้สูญเสียทัศนวิสัย จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยน้ำยาเช็ดกระจกแล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง หรือกระดาษหนังสือพิมพ์
3. ตรวจสอบยางรถยนต์ -เพราะผิวถนนในหน้าร้อนจะสูงกว่าปกติ
ทำให้ยางรถยนต์อาจจะขยายตัวทำให้เสื่อมสภาพหรือระเบิดได้
4. ตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำ -เพราะหม้อน้ำเป็นส่วนสำคัญ
ที่ช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ เพื่อรักษา
อุณหภูมิในห้องเครื่องให้ทำงานปกติ โดยเฉพาะรถที่มีอายุเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์
อุณหภูมิในห้องเครื่องให้ทำงานปกติ โดยเฉพาะรถที่มีอายุเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์
ข่าวที่ 6 “TCEBโชว์Thai
MICE Connectพุ่ง1.3หมื่นราย”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า หลังเปิดโครงการ Thai MICE Connect เข้าสู่ตลาด E-Marketplace ผ่านเว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com ซึ่งเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลสินค้า บริการ
ผู้ขาย และผู้ผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยอย่างครบถ้วนในเชิงดิจิทัล พร้อมทำการสำรวจ วิเคราะห์
จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตลอดห่วงโซ่ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานของการจัดงานไมซ์ครอบคลุม
1.งานประชุม
(meeting) 2.การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) 3.ประชุมขนาดใหญ่ (Convention) 4.งานแสดงสินค้า (Exhibition) ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กเข้าถึงตลาดได้เท่าเทียมกัน
กระจายลูกค้าไมซ์ได้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
โดย TCEB เปิดตัว Thai MICE Connect เมื่อปลายปี 2562 จนถึงขณะนี้ผ่านมาเพียง
3 เดือนเท่านั้น
พบการคัดกรองคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและการกรอกข้อมูลสมบูรณ์แล้ว
13,000 ราย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมเพียง
10,000 ราย เป็นผู้สมัครที่กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง 58%
ภาคใต้ 28% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14% ปี 2563 จะขยายพื้นที่ไปยัง 2 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ
และภาคตะวันออก เพื่อให้ข้อมูล E-Marketplace ธุรกิจไมซ์แห่งชาติสมบูรณ์ครบทั่วประเทศ โครงการ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ผ่านตลาดการค้าไมซ์ออนไลน์แบบครบวงจรเป็นแห่งแรกของเมืองไทย
โดยพร้อมเปิดรับผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วม
จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดที่สำรวจข้อมูลในโครงการ 2.ประกอบกิจการหรือยื่นวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนหรือยื่นวัตถุประสงค์ในการส่งงบการเงินปีล่าสุดตรงกับหมวดธุรกิจไมซ์ทั้ง
10 หมวดหลัก 3.มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท 4.เป็นผู้ประกอบการที่มีสถานะดำเนินกิจการอยู่
5.กรณีผู้ประกอบการที่มีอายุกิจการมากกว่า 3 ปี ต้องมีการยื่นงบการเงินล่าสุดตั้งแต่ปีงบการเงิน
2560 เป็นต้นมา หากเป็นโรงแรมและรีสอร์ทต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ 6.หากเป็นบริษัทนำเที่ยวต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้สนใจจะจัดงานไมซ์ (ผู้ซื้อ) สามารถใช้บริการแพลทฟอร์ม
Thai MICE Connect เพื่อค้นหาผู้ให้บริการไมซ์ (ผู้ขาย) โดยเข้าไปเปิดบัญชีผู้ใช้งานได้ที่
www.thaimiceconnect.com สมัครสมาชิกและกรอกข้อมูลโปร์ไฟล์ให้ครบถ้วน
ตั้งรหัสผ่าน กดให้ระบบจดจำในครั้งต่อไป
เมื่อลงทะเบียนถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเข้ามาใช้บริการครั้งต่อไปเพียงแค่กรอกรหัส ก็จะเห็นสัญลักษณ์กลุ่มธุรกิจต่าง
ๆ ทำให้หาข้อมูลได้อย่างสะดวกมีธุรกิจหลากหลายเกี่ยวกับการจัดงานไมซ์เลือกจับคู่ได้ตามความต้องการ
อาทิ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงาน ที่พัก และอื่น ๆ ให้เลือกใช้ฟรี
เพื่อจับคู่แลกเปลี่ยนการค้ากันตามระบบเงื่อนไขได้อย่างรวดเร็ว
ช่วงที่ 2 ชวนลงเซาท์ภาคใต้ไปอำเภอไชยา สุราษฎร์ธานี มี 3 ไฮไลต์ห้ามพลาด 9 แหล่งท่องเที่ยว อาหารถิ่น 5 จานเด็ด ช้อปสินค้าพื้นบ้าน 5 ชิ้นงาม แล้วก็ดูแลสุขภาพด้วยการกิน “ผักผลไม้5สีดีเกินคาด” และข่าวดีแห่งปี “เชียงใหม่”
คว้าแชมป์โลกเมืองดิจิทัล โนเมด และอันดับ 3 เมืองดีที่สุดในโลก ส่วน “เชียงราย” ปลื้มเศรษฐีอินเดียยึดหัวหาดจัดงานแต่งเหมาโรงแรมเมอริเดียน 140 ห้อง แห่ใช้เงินทั่วเชียงราย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”
รมว.คมนาคม สั่งกรมท่าอากาศยานบริหารเข้มสนามบินต่างจังหวัด 29 แห่ง แต่ก็ยังยื้อโอนย้าย 4 สนามบินให้ ทอท.ดูแล
ได้เวลาชีพจรลงเซาท์สู่แดนใต้ กับ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี ที่ชวนไป “แวะ แชะ ชิล
ชิม ชอป @ ไชยา” ห้ามพลาด 9 สถานที่ เริ่มปักหมุด จุดที่ 1 วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร
โบราณสถานสมัยศรีวิชัย อายุประมาณ 1,200 ปี จุดที่ 2 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา
สถานที่ศึกษายุคอาณาจักรศรีวิชัย จุดที่ 3
สวนโมกขพลาราม อารามแห่งการหลุดพ้น สร้างโดยท่านพุทธทาสภิกขุ ต.เลม็ด ริมทางหลวง หมายเลข 41 จุดที่ 4 เกาะเสร็จ ต.พุมเรียง
แหล่งเรียนรู้การทำประมง พร้อมด้วยกิจกรรม
CSR ปล่อยแม่ปูไข่ จุดที่ 5 แหล่งทอผ้าบ้านพุมเรียง
ผ้าทอพื้นเมืองลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของพี่น้องมุสลิม
จุดที่ 6 วัดสมุหนิมิต ต.พุมเรียง
โบสถ์ศิลปะแบบอยุธยา และเสาไม้แปดเหลี่ยมลวดลายสวยงามแห่งเดียวในสุราษฎร์ธานี จุดที่
7 สถานีรถไฟไชยา
ทรงคุณค่าและเก๋ไก๋คลาสสิค ห้องสมุดรถไฟ สวนสาธารณะสร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมศรีวิชัย และตลาดสดไชยา จุดที่ 8 ปืนใหญ่พญาพุมเรียง หน้าตลาดพุมเรียง
ปืนใหญ่โบราณที่คอยป้องกันเมืองสมัยก่อน จุดที่ 9 ปฏิมากรรมปูม้ายักษ์ สัญลักษณ์ทะเลไชยา
สวนสาธารณะแหลมโพธิ์
อาหารถิ่นใต้ต้องชิม 5 จานเด็ด
จานแรก ไข่พระจันทร์ทรงกลด ครัวเซฟปอง
เมนูระดับทำถวายสุลต่านมาเลย์มาแล้ว จานที่
2 ปลาหมอจุกเคย เมนูเด็ดร้านครัวชมพู
ริมคลองประปา ตลาดไชยา จานที่ 3 หอยขาวต้มตะไคร้
อาหารถิ่นไชยา ร้านพลับพลา ซีฟู้ด ตำบลพุมเรียง จานที่ 4 ไข่หวาน
ไข่เค็ม ต้นตำรับ ร้านเพื่อนเดินทาง ตำบลเลม็ด (หน้าสวนโมกข์) จานที่ 5
ขนมโก๋ไชยา สูตรโบราณ ตลาดหน้าสถานีรถไฟไชยา
ช้อปสินค้าอัตลักษณ์พื้นบ้าน 5 ชิ้น ชิ้นแรก
ผ้าไหมพุมเรียง ลวดลายเฉพาะที่ถ่ายทอดกันมาแต่โบราณ ที่ตลาดพุมเรียง ชิ้นที่ 2 ข้าวเกษตรอินทรีย์ลุงริน
ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีตำบลเลม็ด ชิ้นที่ 3 ไข่เค็ม
อสม. ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีตำบลเลม็ด ชิ้นที่
4 ปูคอนโด
กรรเชียงปูบรรจุกระป๋อง ของบริษัทวิยะเครป เอกลักษณ์เนื้อปูเรียงเป็นชั้น ๆ
เหมือนคอนโด โรงงานตั้งอยู่ที่ตำบลพุมเรียง ชิ้นที่
5 ขนมจั้ง ขนมพื้นบ้านภาคใต้
ไปไชยาต้องซื้อที่ตลาดใกล้สถานีรถไฟไชยาถึงจะเป็นจั้งไชยาสมชื่อ
เที่ยวเมืองไทย ต้องไปให้รู้กับชีพจรลงเซาท์
ได้ทุกที่ ทุกวัน สอบถามเพิ่มที่ ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร.
0-7728- 8817-9
@มหัศจรรย์ของสีสันในผักผลไม้ป้องกันโรคภัยได้มาก
ผัก ผลไม้จัดเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5
หมู่ เเนะนำให้กินผักผลไม้ที่หลากหลาย เเละมีสีสันต่างๆหมุนเวียนไป
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างสมดุล
1.ผักสีเขียว เช่น กวางตุ้ง บัวบก ชะพลู
- ลดการเสื่อมจอประสาทตา ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
2.ผักสีเหลือง-ส้ม เช่น เเครอท มะเขือเทศ
ฟักทอง ส้ม มะละกอ - รักษาหัวใจเเละหลอดเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เเละสายตา
3.ผักสีน้ำเงิน-ม่วง เช่น กะหล่ำม่วง
หัวบีท องุ่นม่วงเเดง เชอร์รี่ - ชะลอความเสื่อมของเซลล์ความจำ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
เเละหลอดเลือด
4.ผักสีขาว-น้ำตาล เช่น กระเทียม -
สร้างเซลล์ให้เเข็งเเรง ลดน้ำตาลเเละไขมันในเลือด ลดความดัน ต้านการอักเสบ
ยับยั้งการเกิดเนื้องอก
5.ผักสีเเดง เช่น มะเขือเทศ เเตงโม
สตรอว์เบอร์รี่ - ช่วยป้องกันเเละยับยั้งการเติบดตของเซลล์มะเร็งเต้านม
มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ เเละมะเร็งเยื่อบุมดลูก ช่วยให้ภาวะผิดปกติ
เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน เเละกระดูกพรุนดีขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
เว็บไซต์ Travel and Leisure เป็นนิตยสารท่องเที่ยวที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในสหรัฐอเมริกา
และมีผู้ติดตามอยู่ทั่วโลก ได้จัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก หรือ The Top
15 Cities in the World
เป็นผลที่มาจากการใช้เกณฑ์ของผู้อ่านและติดตามลงคะแนนโหวตเมืองที่ดีที่สุดในโลก
ประจำปี 2019 มอบตำแหน่งให้ “เชียงใหม่” ติดอันดับ 3 เมืองที่ดีที่สุดในโลก
อีกทั้งเชียงใหม่ยังได้รับการจัดเป็นแชมป์โลกในฐานะเมือง Digital Nomad หรือเมืองที่เหมาะสำหรับการทำงานนอกออฟฟิศมากที่สุด มีจุดเด่นด้านสภาพแวดล้อมเป็นมิตร ภูมิอากาศ
ความเสถียรของอินเตอร์เน็ตและค่าครองชีพที่ค่อนข้างถูก จึงสามารถดึงดูดคนทำงานฟรีแลนซ์หรืองาน
Start-up ได้จากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
สำหรับการโหวตเมืองที่ดีที่สุดในโลกนั้น
ใช้วิธีแสดงความเห็น ลงการคะแนนให้แก่เมืองที่มีความสำคัญด้าน สถานที่ท่องเที่ยว
วัฒนธรรม อาหาร ความเป็นมิตร การช็อปปิ้ง ความสะดวกสบายในการเดินทาง
และคุณค่าโดยรวม ผลปรากฎว่าเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 ได้ อันดับ 1
ฮอยอัน เวียดนาม อันดับ 2 ซานมิเกล เดอ
อาเลนเด เม็กซิโก อันดับ 3 เชียงใหม่ประเทศไทย อันดับ 4
เม็กซิโกซิตี้ เม็กซิโก อันดับ 5 วาฮากา เม็กซิโก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานเชียงราย รายงานว่า จับมือกับ ททท.สำนักงานมุมไบ อินเดีย และบริษัท Krish Events นำคณะคู่แต่งงานจากอินเดียพร้อมแขกรับเชิญรวมกว่า
250 คน มาจัดแต่งงานที่โรงแรมเลอเมอริเดียน
เชียงราย ระหว่างวันที่ 30 มกราคม 2- 2 กุมภาพันธ์ 2563
โดยเจ้าภาพได้เหมาจองห้องพักของโรงแรมรวดเดียวจำนวนมากถึง
140
ห้อง รวมการจองอาหารของโรงแรมแต่ละวันครบ 3 มื้อ
ทั้ง เช้า กลางวัน และมื้อค่ำ รวมทั้งยังกระจายเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ
ในเชียงใหม่ สร้างรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น
เป็นตัวอย่างตลาดต่างประเทศที่สามารถนำเข้ามาช่วยสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นได้เป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี
2563
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าได้มอบนโยบายกรมท่าอากาศยาน (ทย.)
ซึ่งดูแลสนามบินภูมิภาคในต่างจังหวัด 29 สนามบิน ต้องเดินหน้า 1.เร่งเพิ่มขีดความสามารถใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ 2.เพิ่มบทบาทเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเชิงพาณิชย์มากขึ้น
เปิดบริการร้านค้า ร้านอาหาร จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและสร้างรายได้เพิ่ม
3.บูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานอื่น
ๆ เพิ่มประสิทธิภาพท่าอากาศยานเพื่อรองรับการให้บริการประชาชน
เตรียมความพร้อมรับการตรวจสอบจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และ 4.การเสนอขอใช้งบประมาณประจำปี 2564
จะต้องเตรียมข้อมูลแผนงาน/โครงการเป็นรูปธรรมประกอบการชี้แจง อย่างโปร่งใส
ตรวจสอบได้
นายศักดิ์สยามกล่าวถึงเรื่อง
การแบ่งสนามบินภูมิภาคของ ทย.ไปให้หน่วยงานอื่นบริหารนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณา 3 แนวทาง ได้แก่ 1.ทย.บริหารเองทั้งหมด 2.จ้างบริหาร 3.โอนย้าย เพราะก่อนหน้านี้ ทาง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”
แสดงความสนใจเข้าบริหารสนามบินของ ทย.4 แห่ง ได้แก่ กระบี่
บุรีรัมย์ อุดรธานี ตาก
แต่ต้องขอศึกษาความเป็นไปได้ถึงประโยชน์สูงสุดควรใช้วิธีใดจึงเหมาะสมแล้วจะประกาศความชัดเจนอีกครั้งในโอกาสต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น