TCEBเล่นใหญ่ตลาดไมซ์ค้ำเศรษฐกิจ2ไตรมาสแรก จัดเต็มประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติเป้า1หมื่นกรุ๊ป คิงเพาเวอร์ทุ่มแข่งกีฬาขี่ม้าโปโลออลเอเชียคัพ2020
TCEBเล่นใหญ่ตลาดไมซ์ค้ำเศรษฐกิจ2ไตรมาสแรก
จัดเต็มประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติเป้า1หมื่นกรุ๊ป
คิงเพาเวอร์ทุ่มแข่งกีฬาขี่ม้าโปโลออลเอเชียคัพ2020
คิงเพาเวอร์จัดBEST
DEAL EVERคืนสูงสุด2พันบาท
ททท.ดันELEPHANT
CARE TOURISMพลิกทัวร์ยุโรป
ไทยบูมจัดพาเหรดฟู้ดทรัคบันทึกกินเนส7-8 มี.ค.63
บางจากล่อใจทำบัตรใหม่รับEVoucherเอ็มเคทั่วไทย
เที่ยวเส้นทางบุญนครพนมไหว้7พระธาตุเพื่อชีวิตดี๊ดี
ครม.ใจป้ำเปิดคลังอุ้มท่องเที่ยว4มาตรการเร่งด่วน
สุวรรณภูมิเปิดลานจอดรถฟรีมาฆบูชา7-11ก.พ.63
ติดตามรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
ในวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์
2563
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง
facebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋
#TCEBจัดประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ #พาเหรดฟู้ดทรัค #
#
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) |
ช่วงที่ 1 ล้วงลึกการพลิกเกมตลาด “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ
อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
นำอุตสาหกรรมไมซ์ออกจากกับไวรัสดักโคโรน่า ผนึก 4 พันธมิตร โหม “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ”
ตั้งเป้าทะลุ 10,000 กรุ๊ป
โกยกว่า 400,000 คน
เพิ่มยอดใช้เงิน วันพักค้างคืน ได้ถึงกรุ๊ปละ 120,000 บาท
ใส่เกียร์เดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เรื่อง “แจกงานจัดประชุม2หมื่นบาท-ลุยขยายฐานลูกค้าประชุมเมืองไทย-ดึงเมกะอีเวนต์โลกมาไทย-ปลดล็อกหน่วยงานรัฐใช้เงินสัมมนาเมืองไทย”
และใช้จังหวะไวรัสโคโรน่าระบาดซุ่มวางแผนช่วงชิงกำลังซื้อไมซ์อินเตอร์ทุกรูปแบบหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB”
เปิดเผยว่าได้จัดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ”
กระตุ้นรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ตลาดคนไทยเดินทางจัดงานประชุม สัมมนา อินเซ็นทีฟ
ในประเทศ ตั้งเป้าจะทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 กรุ๊ปขึ้นไป กรุ๊ปละกว่า 40 คน ให้สิทธิ์ขอก่อนได้ก่อน
ช่วงกุมภาพันธ์-เมษายน นี้ จะมีไม่ต่ำกว่า 500 กรุ๊ป ต้องอาศัยพลังสามัคคีร่วมใจกันดูแลเศรษฐกิจ
พร้อมทั้งมีกิจกรรมซีเอสอาร์สามารถใช้เงินเพื่อทำกิจกรรมไมซ์ในประเทศได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ล่าสุดมีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) อนุมัติให้ทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 ยกเว้นภาษีไมซ์ได้ 200 % ตอนนี้กรมสรรพากรนำเข้าที่ประชุม ครม.ภายในเดือนกุมภาพันธ์
โดยผู้จัดงานไมซ์จะต้องจัดนอกพื้นที่จังหวัดของตนเอง
เรื่องที่
2 โหมโปรโมตโครงการประชุมเมืองไทย
ภูมิใจช่วยชาติ ร่วมกัน 4
พันธมิตร คือ TCEB สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ(ไทย)-TICA
สมาคมจัดการแสดงสินค้า (TEA) และสมาคมโรงแรมไทย (THA) สนับสนุนให้เอกชนกระตุ้นสมาชิกสมาคมจ้างบริษัทจัดประชุม
(DMC)
แล้วสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจาก TCEB ได้ 20,000
บาท/ทริป
ขณะนี้มีกรุ๊ปจองเข้ามาแล้วมากกว่า 10 กรุ๊ป
ตั้งเป้าจะโดยมีกลุ่มสื่อ กลุ่มซีอีโอระดับท็อปของประเทศเดินทางไปจัดงานในพัทยา
ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์
นี้ เตรียมไปโปรโมตสถานที่จัดประชุมในชุมชนตะเคียนเตี้ย อ.นาเกลือ จ.ชลบุรี
เพื่อช่วยเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการพักค้าง 1 คืน
รวมทั้งเป็นการแสดงเจตนากระตุ้นให้กลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET
สมาชิก PRIMAX สมาคมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HR) บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ
หันมาร่วมโครงการประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ
เพื่อเติมเต็มรายได้ให้โรงแรมมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนกติกาการขอเงินสนับสนุนจะต้องปฏิบัติตามกฎครบ
3 อย่าง 1.ต้องมีขนาดมากกว่า 40 คน 2.ต้องจัดการประชุมนอกพื้นที่จังหวัดของตนเอง
3.ต้องพักค้าง 1
คืน
เรื่องที่
3 ดึงงานขนาดใหญ่ระดับสากลเข้ามาจัดในไทย
งานแรก SPATON RACE THAILAND ลักษณะการจัดแข่งขันคล้ายไตรกีฬา
วิ่ง ว่ายน้ำ ต้องจัดในพื้นที่ทหาร มีแคมป์และสิ่งอำนวยความสะดวก
ปีนี้มีชาวต่างชาติเข้าร่วมครั้งละ 2,000-3,000 คน
กำหนดจัดที่เชียงใหม่ สงขลา งานปั่นจักรยาน Le Tape Thailand by de
France 2020 จัดที่จังหวัดสงขลา
ตามเส้นทางใหม่พร้อมเปิดเพื่อการท่องเที่ยวด้วย จัดช่วงตุลาคม นี้
ตามแผนงานไตรมาสแรก
จะจัดเมกะอีเวนต์ กำลังเจรจากับทางผู้จัดมหกรรมดนตรีรายการระดับโลก
จะต้องรอผลสรุปอีกครั้ง
เรื่องที่
4 กระตุ้นให้หน่วยงานราชการจัดประชุมต่างจังหวัด
ทางกระทรวงการคลังกำลังวางมาตรการต่าง ๆ
เพื่อให้หน่วยราชการซึ่งตามปกติเคยใช้งบประมาณจัดงานก่อนสิ้นปีให้เปลี่ยนมาจัดต้นปีนี้แทน
โดยจะต้องหาช่องทางกระตุ้นคนไทยจัดประชุมและเดินทางในประเทศเพิ่มมากขึ้น
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ตลาดในประเทศจะเร่งส่งเสริมการจัดงานในประเทศด้วยโครงการ 7 เส้นทางไมซ์ หรือ 7 MICE DESTINATION จะมีธีมจัดประชุมแบ่งเป็น TEAM BUILDING
, LUXURY, SEA SAND SUN และอื่น ๆ
ตอนนี้จับมือกับชุมชนและองค์การบริหารพื้นที่เพื่อการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(อพท.ป ได้สถานที่มาแล้ว 170 แห่ง
ตามเมืองกับจังหวัดทั่วประเทศ
เพราะแทนที่จะส่งเสริมเฉพาะเรื่องเงินจัดงานอย่างเดียวก็เพิ่มเรื่องการหาสถานที่จัดประชุมมาแนะนำควบคู่กันไปด้วย
ทางหน่วยงานที่ต้องการจัดประชุมสามารถเข้าไปหาข้อมูลสถานที่จัดได้ในเว็บไซต์ www.thailandbusinessevent.com ดูในหัวข้อ 7 Theme พื้นที่การจัดงานที่มีความหลากหลาย
โดยจะทำต่อเนื่องตลอด
เตรียมพาซีอีโอบริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ไปร่วมโร้ดโชว์ในประเทศ
โดยมีทางสมาคมธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ ช่วงอีก 2 สัปดาห์หน้า
เพราะตอนนี้มีหลายกรุ๊ปขอสนับสนุนเงินจากทีเส็บ
จากสถิติจะใช้มีการใช้จ่ายเงินเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 140,000 บาท/กรุ๊ป ในการจับจ่ายใช้สอยช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น
ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการชิม ช้อป ใช้
ส่วนการขยายพื้นที่เพื่อกระตุ้นการจัดประชุมเมืองไทย
จะเพิ่ม MICE CITY จากปัจจุบัน 5
แห่ง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต
พัทยา (ชลบุรี) ขอนแก่น ตามมาตรฐานจะเพิ่มอีกหลายจังหวัด
แต่ก็มีบางพื้นที่ยังติดเงื่อนไขกรณีไม่มีสถานที่จัดการแสดงขนาดใหญ่ Exibition
แต่ก็มีเมืองต่าง ๆ
อยู่ในลิสต์พร้อมเป็นเมืองไมซ์ อย่างอีสาน มีนครราชสีมา อุดรธานี
(มีศูนย์ประชุมใหญ่ชื่อ พิมาน) หรือภาคเหนือ มีเชียงราย พิษณุโลก ภาคใต้ มีสงขลา
สุราษฎร์ธานี แต่ละเมืองมีความโดดเด่นด้านพื้นที่รองรับอินเซ็นทีฟอยู่แล้ว และมี 7
ธีมเข้าไปช่วยแนะนำสถานที่ให้แก่ผู้สนใจเลือกมาจัดประชุมในอนาคตต่อไป
ตอนนี้ทางทีเส็บพยายามปรับแผนการตลาดต่างประเทศ
เพื่อจะดึงลูกค้านานาชาติเข้ามาจัดงาน นอกจากศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ในแต่ละเมือง MICE
CITY ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคนเข้ามาทำจัดแสดงสินค้าแล้ว
ก็พ่วงขาย Visiting Exhibition
สามารถได้ห้องฟรี 1 คืน
เมื่อเข้ามาร่วมงานตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป
เนื่องจากพอมีความสะดวกของสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส
ทำให้ค่าเฉลี่ยวันพักในไทยน้อยลง
จึงต้องพยายามหากลยุทธ์การตลาดให้คนพักค้างคืนเพิ่มขึ้น ใช้จ่ายเงินมากขึ้น
เพื่อโปรโมตให้คนที่มางานไมซ์ใช้เงิน จึงร่วมกับศูนย์การค้า เช่น คิง เพาเวอร์
และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
นายจิรุตถ์กล่าวว่าแนวโน้มไตรมาส
1-2 ปี 2563
มีผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสปอดอักเสบโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
2019
แต่ทีเส็บเร่งเดินหน้ากระตุ้นไมซ์ 1.ทำแคมเปญสนับสนุนเงินจัดงานปลุกกำลังซื้อตลาดในประเทศ 2.เพิ่มโปรแกรมกระตุ้นไมซ์ตลาดต่างประเทศหรือ
Visitor Programm เช่น
ตลาดอาเซียน เอเชีย พยายามรักษาบรรยากาศ และเตรียมพร้อมประเทศในช่วงนี้
โดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยเจอปัญหาโรคระบาดต่าง ๆ มาแล้ว ขณะนี้กำลังเตรียมความพร้อมร่วมกับชุมชนและสถานที่ต่าง
ๆ เมื่อตลาดกลับมาอีกครั้งก็พร้อมอย่างเต็มที่
สำหรับการรับมือเมื่อตลาดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทางทีเส็บได้ร่วมกับ TICA ,TEA, TMA
ทำวอร์รูม วางกลยุทธ์ “ช่วงชิงตลาด” จากสิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นช่วงเตรียมความพร้อมเพื่อออกตัวให้เร็วที่สุด
เพราะติดต่อกับลูกค้าโดยตรง พอใจอยากมาเมืองไทยอยู่แล้ว
แต่ปัจจัยลบบ้านเราทั้งปัญหาฝุ่น PM2.5 และค่าเงินบาทแข็ง
ปัจจัยลบเหล่านี้เราต้องพร้อมรับมือด้วยการสร้างแรงจูงใจตลาดเชิงรุก ได้แก่ 1.จัดทำแพกเกจราคาพิเศษ 2.เพิ่มวันพัก 3.เพิ่มโอกาส 4.เพิ่มสถานที่ 5.ทำให้ประเทศไทยสวยทำให้คนต้องการเดินทางมาใช้บริการ
แทนการมองเรื่องการสูญเสียรายได้จากสถานการณ์ดังกล่าว
เมื่อทุกอย่างเข้าที่
ตลาดกลับมาปกติ อุตสาหกรรมไมซ์ทั้งทีเส็บและเอกชน
พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อไมซ์เข้ามาจัดให้ได้มากที่สุด
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
นำทีมจัดการแข่งขัน โดยมีนายอภิเชษฐ์ – อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ทายาทธุรกิจกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาขี่ม้าโปโลสุดยิ่งใหญในทวีปเอเชีย รายการ “All Asia Cup 2020” ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 2 – 9 ก.พ. 2563 ณ สนาม วีเอส
สปอร์ตคลับ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นรายการอันเกิดจากเจตนารมณ์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา
ผู้ก่อตั้งและอดีตนายกสมาคมฯ เมื่อปี 2555 ได้ริเริ่มจัดขึ้นโดยเล็งเห็นศักยภาพการเป็นศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลภายในทวีปเอเชีย
เพื่อพัฒนาและยกระดับวงการให้ทัดเทียมกับระดับสากล รวมถึงต้องการพัฒนากีฬาขี่ม้าโปโลไทยเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
ที่ผ่านมาทีมไทยครองแชมป์ถึง 3 สมัย ในปี 2555, 2556 และ 2561
ตลอดปี 2563
จะทยอยจัดต่อเนื่องอีก 3 รายการ ได้แก่
1.International Ladies’ Polo Tournament 2020 ระหว่าง 22 – 29 กุมภาพันธ์ นี้ ที่ สนาม วีเอส สปอร์ตคลับ อ.บางบ่อ
จ.มุ่งพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของนักกีฬาขี่ม้าโปโลหญิงจากทั่วโลก
ได้มีเวทีแสดงศักยภาพ 2.Thailand Polo Championship 2020 ระหว่าง 7 – 8 มีนาคม นี้ ที่ สนาม สยาม โปโล ปาร์ค บางบ่อ จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาขี่ม้าโปโลไทย เตรียมเป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติในอนาคต
3.The Ambassador Cup 2020 ระหว่าง 21 – 28 มีนาคมนี้ ที่ สนาม วีเอส สปอร์ตคลับ อ.บางบ่อ
จ.สมุทรปราการ grnjvสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ที่ได้รับความสนใจจากทูตานุทูตประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมชมการแข่งขันอย่างคับคั่ง
ติดตามการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโล
รายการ “ออล เอเชีย คัพ 2020” ครั้งที่ 5 ได้ตั้งแต่วันนี้ - 9 กุมภาพันธ์ ทางออนไลน์ Facebook และ Instagram
: Thailand Polo Association และชมย้อนหลังรอบชิงชนะเลิศได้ทางช่อง
3 HD
(ช่อง 33) หรือ www.ch3thailand.com
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 00.30 น.
สมาชิก คิง เพาเวอร์ พบกับแคมเปญ BEST DEAL EVER รับฟรี!
คูปองเงินสดสูงสุด 2,000 บาท ระหว่างวันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2563
เมื่อไปช้อปสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรครบทุก
10,000 บาท (สุทธิ) / ใบเสร็จ หรือใช้บัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ –
ไทยพาณิชย์ รับคูปองเงินสด 1,000
บาท และบัตรเครดิตไทยพาณิชย์
ประเภทอื่น ๆ รับ 800 บาท ตลอดแคมเปญนี้จะจำกัดการซื้อสินค้าสูงสุด 20,000 บาท/คน/สาขา
เมื่อรับคูปองแล้วสามารถใช้ได้ที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ซึ่งจะหมดอายุวันที่ 5 มีนาคม
2563 แต่จะไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ ได้
นางศรีสุดา
วนภิญโญศักดิ์ รงผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวช้างไทยในตลาดโลกกำลังร้อนแรงมากขึ้นเนื่องจากได้รับข้อมูลความจริงไม่ถูกต้อง
ดังนั้นปี 2563 ททท.วางแผนทำโครงการ
“ELEPHANT CARE TOURISM” นำเสนอการท่องเที่ยวที่ใส่ใจชีวิตของช้าง เตรียมเชิญเอกชนเจ้าของปางช้างในไทยเข้าร่วมแลกเปลี่ยนกับคู่ค้าในงานใหญ่ระดับโลก
International Travel Brose : ITB 2020 ช่วงระหว่าง
4-8 มีนาคม 2563 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน หลังจากปี 2562 นำร่องทำในงาน World Travel Mart : WTM
2019 ณ เอ็กเซล
ลอนดอน อังกฤษ ปูพรมตลาดยุโรปได้รับรู้ข้อมูลวิถีชีวิตช้างไทยอย่างถูกต้อง รวมทั้งเมื่อปลายธันวาคม
2562 ได้เชิญตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนอเมริกา
แคนาดา ลงพื้นที่ตามแคมป์ช้างภูเก็ต กาญจนบุรี เชียงใหม่
ทำให้ทัศนคติก่อนและหลังเปลี่ยนไปชัดเจน
กระทั่งบางเอเย่นต์จะขอไปหารือผู้บริหารเพื่อนำโปรแกรมท่องเที่ยวช้างบรรจุขายอีกครั้ง
ส่วนกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีสื่อและเอเย่นต์อีกกลุ่มจากสวีเดน
ยุโรป เดินทางมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวช้างไทย
เพื่อสัมผัสกับข้อมูลจริงแล้วช่วยกันสื่อสารสู่นานาชาติต่อไป
ททท.ตั้งปี
2563 ต้องเดินหน้าทำ
ELEPHANT CARE TOURISM ด้วยกลยุทธ์ 3 C ประกอบด้วย C 1-communication สื่อสาร
สร้างการรับรู้สู่สาธารณะให้มากที่สุด จะไม่พูดว่าการขี่ช้างท่องเที่ยวผิดหรือถูก
แต่จะให้นักท่องเที่ยวพิจารณาเอง โดยให้ข้อมูลเชิงวิจัยของสัตวแพทย์ยืนยันเมื่อคนคลุกคลีด้วยช้างจะมีความสุข
C 2 -Collaboration
ชวนแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับเข่าคุยกันถึงทางออกที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริงในการอยู่ร่วมกัน
C 3- Compromisation
ทำให้เกิดการยืดหยุ่น
เพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถปฎิบัติได้โดยไม่เดือดร้อน
นายนัทธี ถิ่นสาคู รองประธานคณะกรรมาธิการ
(กมธ.) ท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พร้อมเดินหน้าภารกิจปลุกจิตสำนึกให้
“ช้างเป็นมรดกของชาติ” เนื่องจากช้างเป็นทุกอย่างทั้งด้านวิถีชีวิต
เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์ช้างไทยถูกบิดเบือนมีกลุ่มคนเบี่ยงเบนจนสร้างความน่ากลัวว่าคนไทยทารุณกรรมสัตว์
ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง นับจากนี้ไปจะร่วมกับ ททท.และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้เข้าใจถึงวิถีชีวิตช้างไทยตามภูมิปัญญาพื้นบ้านอย่างถูกต้อง
เมื่อวันที่
1-2 กุมภาพันธ์ 2563
ททท.และนายนัทธี พร้อมคณะ
กมธ.ลงพื้นที่ภาคเหนือเพื่อดูสถานที่จริงพร้อมรับฟังข้อมูลจากทาง “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
หรือสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)” ต.เวียงตาล
อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ดูแลช้างราว110 เชือก
โดยมีสัตวแพทย์พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
และทีมสัตวแพทย์อาสาบริการ 24 ชั่วโมงตามปางต่าง ๆ
ประการสำคัญทุกฝ่ายอธิบายตรงกันคือ
ช้างเลี้ยงที่นำมาใช้ในการท่องเที่ยวมีวิถีชีวิตชอบคลุกคลีอยู่กับคนจึงจะมีความสุขไม่เครียด
สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันกับช้างได้ ไม่ว่าจะเป็น
การให้อาหารเพื่อสัมผัสสร้างความคุ้นเคยระหว่างคนกับช้าง การช่วยตรวจสุขภาพช้าง
การเดินป่าตามเส้นทางแหล่งอาหาร การอาบน้ำช้าง การเรียนเป็นควาญช้าง
ภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยว
1.ดูแลช้างครึ่งวัน 2.ฝึกขี่ช้าง 1-2 วัน 3.เรียนรู้วิถีควาญช้า 4.โปรแกรมฝึกควาญช้างระดับพื้นฐาน
6 วัน 5 คืน 5.หลักสูตรฝึกควาญช้างระดับเบื้องต้น
10 วัน 6.อาบน้ำช้าง 10 นาที 7.ส่งช้างกลับบ้าน
โดยมีที่พักรองรับสไตล์รีสอร์ต 20 หลัง อาคาร 20 ห้อง โฮมสเตย์ 10 หลัง พักได้ 3-6 คน/หลัง
“นายภาเวส
บัลลานี”
ผู้จัดการ
Elephant Jungle Sauntuary Camp อ.แม่วาง
จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า
มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นแบบครบวงจร
โดยมีเครือข่ายแคมป์ช้างกระจายอยู่ใน 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต สมุย
(สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) และเชียงใหม่เฉพาะในแม่วางมีเครือข่ายแคมป์ช้างบริการอยู่
7 แห่ง เน้นพัฒนาเป็น “แหล่งเรียนรู้และบันเทิงด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
: Education & Entertainment Base on Eco Tourism” จังเกิล แซงชัวรี่ มีช้าง 52 เชือก
มีควาญเท่าจำนวนช้าง พนักงาน 150 คน
เน้นจ้างคนพื้นที่ชาวปะกากะญอเกือบ 100 %
มีเครือข่ายรถสองแถวขนส่งนักท่องเที่ยว 40 คัน
ลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตนเอง (F.I.T.) นิยมซื้อแพกเกจทางออนไลน์ ได้แก่ ยุโรป อเมริกา 60 % เอเชีย 40 % ส่วนใหญ่คือฮ่องกง ไต้หวัน เซี่ยงไฮ้
มีแพกเกจให้เลือก 3 แบบ 1.เที่ยวครึ่งวัน
1,700 บาท/คน 2.เที่ยวเต็มวัน 2,400
บาท/คน 3.เที่ยว 2 วัน 1
คืน 3,500 บาท/คน
สามารถเดินเลี้ยงช้างเส้นทางในป่าเพิ่มอีกครึ่งวัน
ทุกแพกเกจจะให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมช้างอย่างถูกต้อง
และรณรงค์ท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทิ้งขยะ
ควบคู่กิจกรรมทำประโยชน์เริ่มเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป
เพิ่มกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวร่วมปลูกหญ้าที่ช้างกิน
และนำขี้ข้างมาทำกระถางเพาะกล้าไม้ไปปลูกเพิ่มในป่าตามเส้นทางช้างเดิน
“นายธีรภัทร
ตรังปราการ” เจ้าของ “ภัทร เอเลเฟ่น ฟาร์ม” อ.หางดง จ.เชียงใหม่
และนายกสมาคมสมาพันธุ์ช้างไทย กล่าวว่า วางนโยบายพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวช้าง
Elephant Health
Care Base Tourism จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวช้างไว้วันละ 45 คน เพื่อเข้ามาทำกิจกรรม ทำความคุ้นเคยกับช้าง ตรวจสุขภาพช้าง
ให้อาหารช้าง โดยมีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทีมงานที่เน้นนำงานวิจัยเข้ามาดูแลวิถีชีวิตช้าง
ให้ความรู้นักท่องเที่ยว
อีกทั้งยังเป็นฟาร์มแห่งแรกที่ทำทางด้านการคัด-ขยายพันธุ์-รักษาช้าง อย่างถูกต้อง
ซึ่งทางสมาคมสมาพันธุ์ช้างไทยมีสมาชิก 14 ปางช้าง
ดูแลช้างเพื่อการท่องเที่ยวกว่า 500 เชือก
มีองค์ความรู้และแนวทางการเลี้ยงที่ดีมีคุณภาพ
ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับ
ททท.เปิดรับสื่อและเอเย่นต์ต่างประเทศเข้ามาศึกษาดูงาน และเตรียมเดินทางไป ITB 2020 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับคู่ค้าในเวทีโลกโดยเฉพาะยุโรป
ข่าวที่ 4 “ไทยบูมจัดฟู้ดทรัคทุบสถิติโลก7-8 มี.ค.63”
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) จับมือกับองค์กรเครือข่ายธุรกิจฟู้ดทรัค
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร มุ่งยกระดับมาตรฐานอาหารไทย
ส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย (Gastronomy Tourism) พร้อมสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างเป็นรูปธรรม
สร้างความน่าสนใจดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน
เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบัน สนับสนุนสตรีทฟู้ดไทยกลุ่มร้านอาหารริมทางทำรูปแบบฟู้ดทรัคมากขึ้น
เริ่มจากโครงการฟู้ดทรัค หนูณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์
การสร้างเครือข่ายธุรกิจฟู้ดทรัคของกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า สตรีทฟู้ดของไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกชอบมาชิม
ด้วยมาตรฐานเรื่องคุณภาพ รสชาติ ราคา และถูกหลักอนามัย ทำให้ซีเอ็นเอ็นเคยจัดให้สตรีทฟู้ดกรุงเทพฯ
อันดับ 1 ของโลก ททท.ได้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารต่อเนื่องมาตลอด
ผ่านโครงการคู่มือมิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย เป็นปีที่ 3
กระจายสู่เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภูเก็ต พังงา
เชียงใหม่
นายชนินทร์ วัฒนพฤกษา
ประธานและผู้ก่อตั้ง ฟู้ดทรัคคลับ ประเทศไทย กล่าวว่า
องค์กรเครือข่ายธุรกิจฟู้ดทรัค เตรียมจัดงาน “World’s Largest Parade of Food Trucks” ระหว่าง
7-8 มีนาคม 2563 ณ ริมทะเลสาบ อิมแพ็ค เมืองธานี พร้อมเชิญ Guinness World Records มาบันทึกสถิติโลก
ตอกย้ำไทยเป็นประเทศอันดับหนึ่งของโลกเรื่องสตรีทฟู้ด โดยเฉพาะฟู้ดทรัคคลับมีสมาชิกแบรนด์อาหารกว่า
700 ราย
โดยตั้งเป้าจัดกิจกรรมทำลายสถิติขบวนพาเหรดฟู้ดทรัคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปีนี้จะมีมาเข้าร่วมทำลายสถิติและร่วมกิจกรรมต่าง
ๆ กว่า 200 คัน ทุบสถิติเดิมปีมีเพียง 121
คัน เคยสร้างสถิติไว้เมื่อ 29 มีนาคม 2557 ณ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
ภายในงาน จะมี เทศกาลอาหารฟู้ดทรัค
การออกบูทแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับฟู้ดทรัค งานฉลองรับรางวัลสถิติโลก การแสดงมินิคอนเสิร์ต แจกรางวัลชิงโชค ขบวนพาเหรดฟู้ดทรัคใหญ่ที่สุดในโลก
ประกวดรถฟู้ดทรัค แข่งขันการกินจุ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เชิญชวนสมัครสมาชิกบัตร
บางจาก เพื่อสิทธิพิเศษในการใช้ 399 คะแนน รับฟรี E – Voucher MK มูลค่า
100 บาท ที่ร้าน MK ทุกสาขา ยกเว้นสาขาในสนามบิน สามารถกดรับสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้- 31
มีนาคม 2563
หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด
วิธีรับสิทธิ์กดรับผ่าน Bangchak REWARDS ทาง Mobile
Application หรือ เว็บไซต์ โดยมีจำกัด 1,000
สิทธิ์ ตลอดแคมเปญ และต้องแสดงรหัสเพื่อรับสิทธิ์ได้ที่ MK ทุกสาขา
ยกเว้นสาขาในสนามบิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 1651 (กด 4) เวลา
08.00-21.00 น.
ช่วงที่
2 ออกเที่ยวทัวร์บุญเสริมบารมีให้ชีวิตที่
“นครพนม” นมัสการ 7 พระธาตุวันเกิด
นำความเป็นสิริมงคลเข้าตัว สำหรับคนเกิดวันจันทร์-วันอาทิตย์
เรื่องสุขภาพตอนนี้หนีไม่พ้นการค้นหาวิธีป้องกัน PM
2.5 “ลองใช้
9 แนวทางธรรมชาติ” ช่วยได้ ส่วนข่าวดี “ครม.ใจป้ำให้คลังทุ่มช่วยท่องเที่ยว
4 มาตรการ” ด้าน “สนามบินสุวรรณภูมิ”
เปิดลานจอดฟรีให้นักท่องเที่ยวช่วงมาฆบูชา 7-11 ก.พ.นี้
การท่องเที่ยวเสริมสร้างมงคลสู่ชีวิตดี
ๆ ตั้งแต่ต้นปี จะเดินทางไปท่องเที่ยวทางบุญจังหวัดเดียวที่ “นครพนม”
ก็สามารถไหว้พระธาตุวันเกิดได้ครบทั้ง 7 วัน ไล่เรียงไปตั้งแต่วันอาทิตย์-วันเสาร์
“พระธาตุพนม”
แนะนำให้นักท่องเที่ยวที่เกิดวันอาทิตย์ ได้สักการะจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
“พระธาตุเรณู”
คนเกิดวันจันทร์ต้องห้ามพลาด แวะไปได้ที่ บ้านเรณูนคร อานิสงจากการไหว้จะส่งผลให้ผิวพรรณงดงามผุดผ่องดั่งแสงจันทร์
“พระธาตุศรีคูณ”
ชวนคนเกิดวันอังคารไปไหว้สักครั้งที่อำเภอนาแก จะได้รับพรเพิ่มศักดิ์ศรีมากทวีคูณ
“พระธาตุมหาชัย”
เป็นของคนเกิดวันพุธ อยู่ในอำเภอปลาปาก
มีอานิสงเด่นเรื่องช่วยทำให้ค้าขายรุ่งเรือง ร่ำรวย โชคดีมีชัยในชีวิต
“พระธาตุประสิทธิ์”
คนเกิดวันพฤหัสบดี เดินทางไปสักการะได้ที่อำเภอนาหว้า
ศักดิ์สิทธิ์เรื่องพรทำให้คนรุ่งเรืองในอาชีพการงาน
“พระธาตุท่าอุเทน”
ประจำคนเกิดวันศุกร์ อยู่อำเภอท่าอุเทน
หากได้นมัสการสักครั้งชีวิตจะรุ่งโรจน์สดใสดังอาทิตย์ฉายแสงยามเช้า
“พระธานตุนคร”
คนเกิดวันเสาร์ต้องห้ามพลาด อยู่ในอำเภอเมือง สักการะเพื่อเสริมบุญบารมี อำนาจ
วาสนา อนาคตจะได้เป็นใหญ่เป็นโต
เมื่อนมัสการพระธาตุแต่ละวันเกิดแล้ว
มีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำให้เดินทางไปหาประสบการณ์ดี ๆ เพิ่ม ที่ “อุทยานแห่งชาติภูลังกา”
เพื่อชมความงามของเขาสามลูก มีน้ำตกเย็นชื่นใจน้ำไหลตลอดทั้งปี อย่างน้ำตกตาดขาม
น้ำตกตาดโพธิ์ สวยตามธรรมชาติ
และมีเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่น หรือจะไปชม “บ้านลุงโฮ”
เพื่อย้อนดูเรื่องราวของอดีตประธานาธิบดีเวียดนามที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยก่อนจะลุกขึ้นสู้กับฝรั่งเศสจนได้ชัยชนะ
แล้วจบทริปนี้ที่ “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัด”
ชมสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของบ้านทั้งหลังที่ไม่ได้ใช้ตะปูตอกสักตัว
แต่ใช้เทคนิคการสอดเดือยไม้ และภายนอกศิลปะโคโลเนียลแสนงาม
ทริปทัวร์บุญและท่องเที่ยววิถีชีวิตธรรมชาติ
สถาปัตยกรรม เป็นสิ่งที่พบหาได้ในนครพนม
@ลองใช้ 9 วิธีธรรมชาติรับมือกับฝุ่น
PM 2.5
PM 2.5 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ
5 ของประชากรโลกในปี 2558
องค์การอนามัยโลกจึงประกาศว่าในปี 2559
ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศกว่า 7 ล้านคน ซึ่ง 91% เกิดในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกตะวันตก
ฝุ่นพิษขนาดเล็กเมื่อสูดเข้าไปสามารถผ่านลงไปลึกถึงหลอดลมฝอย
และถุงลมที่เป็นส่วนปลายของปอด ก่อให้เกิดการระคายเคือง
และเกิดการอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรังทำให้คนที่เป็นโรคระบบการหายเรื้อรังกำเริบ
และอาจทำให้เกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น อันตรายของ PM
2.5 รุนแรงมากกว่าที่คิดโดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ
หากจำเป็นต้องอยู่ในละแวกพื้นที่ฝุ่นพิษ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
1. ปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในตัวอาคาร 2. ดื่มน้ำมากๆ
3. ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสะอาดกลั้วคอ บ้วนทิ้งวันละ 3-4 ครั้ง ห้ามกลืน 4. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องออกแรงมากๆ
โดยเฉพาะการออกกำลังกายกลางแจ้ง 5. หากต้องการออกจากบ้าน
ควรสวมหน้ากากอนามัยชนิดกรอง PM 2.5 ได้
และหมั่นเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน
6. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคปอด
ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัว7. งดสูบบุหรี่ 8.
ปลูกต้นไม้สูงรอบบ้านสามารถช่วยกรองอากาศและผลิตออกซิเจน 9.หากมีอาการผิดปกติหลังสูดดมฝุ่นหมอกควัน เช่น หายใจไม่ออก
หรือระคายเคืองแสบตา ควรรีบไปพบแพทย์
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)
เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวปี
2563 ใน 4
เรื่องหลัก ซึ่งจะส่งผลทำให้รัฐต้องยอมสูญเสียรายได้จากเงินภาษีราว 2,207 ล้านบาท
แต่ก็คุ้มค่ากับการกระตุ้นท่องเที่ยว ในช่วง 3 เดือนนี้ที่กำลังรอปัญหาไวรัสโคโรน่าคลี่คลาย
และช่วยพยุงเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าตลอดทั้งปี 2.8 %
มาตรการที่กระทรวงการคลังจะนำมาใช้ดูแลภาคการท่องเที่ยว
ทั้ง 4 เรื่อง
มีดังนี้
1.ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 ออกไปเป็นมิถุนายน
2563 จากเดิมต้องยื่นภายในมีนาคมปีนี้
เพื่อช่วยลดภาระผู้ที่ต้องชำระภาษีเพิ่ม ปี 2561
ที่ยื่นแบบในปี 2562 มีถึง 20,000 ล้านบาท
2.มาตรการให้นิติบุคคลนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้
2 เท่า
เมื่อจัดอบรมสัมมนาในประเทศทั้งค่าห้องสัมมนา ห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่น ๆ
ที่จัดขึ้นให้ลูกจ้าง หรือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตั้งแต่ 1 ม.ค.
- 31 ธ.ค. 2563 ทางกรมสรรพากรคาดมีผู้ใช้สิทธิ์อย่างน้อย
1,000 ราย แล้วรายได้จะสูญไปปีละ 87 ล้านบาท
3.มาตรการภาษีมาลดหย่อนได้ 1.5 เท่า
สำหรับนิติบุคคลที่ใช้เงินปรับปรุงกิจการโรงแรม
โดยให้กับนิติบุคคลที่นำรายจ่ายจากการต่อเติม เปลี่ยนแปลงกับกิจการ ตั้งแต่ 1
ม.ค. - 31 ธ.ค. 2563 ได้ 1.5 เท่า
คาดจะมีผู้ประกอบการใช้สิทธิ์อย่างน้อย 1,000 ราย
ทำคลังสูญเสียรายได้ปีละ 120 ล้านบาท
4.มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินพาณิชย์ที่ให้บริการบินในประเทศ
เหลือ 0.20 บาท/ลิตร จากเดิม 4.726 บาท/ลิตร
ระหว่างวันนี้
- 30 ก.ย. 2563 จะทำให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้ปีละ
2,000 ล้านบาท
ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มอื่นก็สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ได้ด้วยเช่น
เช่น รถทัวร์ หรือ บขส.
อีกทั้ง ครม.ยังมีมติให้สนับสนุนมาตรการด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรนผ่านธนาคารของรัฐ
โดยขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียม ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรน
ของธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 123,000 ล้านบาท
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปี
เรืออากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.)” กล่าวว่า
ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์
2563 ช่วงวันหยุดมาฆบูชาจะเปิดให้ผู้โดยสารนำรถมาจอดฟรีผู้ที่ลานจอดรถระยะยาว
โซน C สนามบินสุวรรณภูมิ
ซึ่งจอดได้ 718 คัน
ะยกเว้นค่าบริการจอดรถตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์
2563 จนถึงเวลา 17.00 น.
ของวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563
พร้อมทั้งได้จัดรถ Shuttle Bus สาย
A บริการฟรีรับ
- ส่งผู้โดยสารทุก 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง
จากศูนย์ขนส่งสาธารณะ (Bus Terminal) ไปยังลานจอดรถระยะยาว โซน C เพื่อรับผู้โดยสารไปส่งยังอาคารผู้โดยสาร
ชั้น 1 ประตู 3 และประตู
8 และวนขึ้นไปที่ชั้น 2 ประตู
5
สอบถามเพิ่มที่ AOT Contact
Center 1722 ได้ตลอด
24 ชั่วโมง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น