ททท.เปิดปฏิบัติการผ่าทางรอดท่องเที่ยวต้นปี’63 งัด4เรื่องรวมพลังปลุกต่างชาติ-คนไทยสู้ไวรัส2019 คิงเพาเวอร์ชูแบรนด์หลงใหลเครื่องหนังใหม่มาแรง

ททท.เปิดปฏิบัติการผ่าทางรอดท่องเที่ยวต้นปี’63

งัด4เรื่องรวมพลังปลุกต่างชาติ-คนไทยสู้ไวรัส2019

คิงเพาเวอร์ชูแบรนด์หลงใหลเครื่องหนังใหม่มาแรง

สมัครONYXคิงเพาเวอร์อัพเกรดตั๋วคอนเสิร์ต1ก.พ.

ททท.จัดฟรีเที่ยวตามฝันซีซัน2ทัวร์3เส้นทางปี’63

รมว.พิพัฒน์ดึงCATผุดแพลตฟอร์มท่องเที่ยว-กีฬา

บางจากจัดโปร50%FURiOCareช่วยลดPM2.5

ปิดทองหลังพระ-แบงก์ชาติ-ทรูปั้นFin.ดีมีตังค์

ล่องเรือเที่ยววัดทำบุญดื่มด่ำธรรมชาติปทุมธานี

บินไทย-ไทยสมายล์รับมือไวรัส2019เปลี่ยนตั๋วฟรี

ไลออนแอร์หยุดเฉิงตู-หาดใหญ่ยกเว้นดอนเมือง

ทย.ลั่นพร้อมเปิดใช้สนามบินเบตงภายในมิ.ย.63

เข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #  # #  #  

                ช่วงที่ 1 เกาะติด “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดแผนปฏิบัติการผ่าทางรอดท่องเที่ยวต้นศักราชปีหนูทอง กอดคอ เอกชน รัฐ ทุกพันธมิตร ลุยตลาดงัดไม้ตาย 4 เรื่อง “ส่งกำลังใจ-พลิกการสื่อสารแนวใหม่-หาตลาดทดแทน-ชง ครม.ขอมาตรการหนุนเศรษฐกิจ บุกตลาดเร่งด่วน” เตรียมแฟลชเซลเที่ยวไทย รวมพลังขย่มไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หลังประเมินสถานการณ์อย่างแย่สุด ๆ ทัวร์จีนจะหายไปจากเมืองไทย 2 ล้านคน สูญรายได้เฉียดแสนล้าน

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จัดทำคาดการณ์ผลกระทบของไวรัสปอดอักเสบโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 โรคดังกล่าวเกิดก่อนเทศกาลตรุษจีน จากนั้นรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศห้ามเดินทางโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ทั้งหมดออกนอกประเทศ เฉลี่ยแต่ละเดือนมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย 8-9 แสนคน สถานการณ์นี้เมื่อเทียบเคียงกับปีที่ผ่านมา การสั่งห้ามเดินทางของจีนอาจจะประมาณ 3 เดือน ระหว่างนี้ไปจนถึงเมษายน 2563 ช่วงเวลาดังกล่าวนักท่องเที่ยวจีนจะไม่สามารถเดินทางมาไทยราว 2 ล้านคน เป็นสถานการณ์อย่างนี้เราทุกคนต้องให้กำลังใจจีนให้ผ่านพ้นจากไวรัสนี้ได้โดยเร็ว

ส่วน ททท.สำนักงานในจีน 5 แห่ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจ เฉินตู คุนหมิง ได้รับคำสั่งให้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ รวมทั้งแจ้งคู่ค้าบริษัทตัวแทนจัดการท่องเที่ยว (travel Agent) ระหว่างไทยกับจีน ตัวอย่างเมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม 2563 ททท.สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ จัดประชุมด่วนร่วมกับผู้ประกอบการสายการบิน โรงแรม บริษัทนำเที่ยว รถทัวร์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทุกคนยินดีให้คนจีนเลื่อนการเดินทางมาไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จะสื่อสารรายละเอียดที่สรุปจากการประชุมไปให้ทางจีนได้รับทราบ

สิ่งที่ ททท.ในจีนทั้ง 5 แห่งได้รับมอบหมายให้ดำเนินการคู่ขนานกันไปทุกเรื่อง นอกจากกำลังใจ ความปรารถนาดีที่ส่งไปถึงแล้ว ประเทศไทยก็ยังรอคอยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวตามปกติ

ระหว่าง 3 เดือนช่วงรอเหตุการณ์ไวรัสคลี่คลายลงนั้น ททท.จะปรับแผนการดำเนินงานซึ่งประเมินไว้เมื่อช่วงปีใหม่ 2563 ประเมินขั้นต้นไว้ถึงแนวโน้มอาจจะทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทยตั้งไว้ 41.8 ล้านคน รายได้ 2.2 ล้านล้านบาท ตอนแรกเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ สนับสนุน มาตราการที่ 1 กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเพื่อให้เป็นไปตามเป้า

ขอเพิ่มมาตราที่ 2 ผลกระทบของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังจากเกิดไวรัสโคโรน่าระบาด ประกอบด้วย 1.การหาตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศอื่น ๆ เข้ามาทดแทน 2.การกระตุ้นตลาดในประเทศ 3.การประชาสัมพันธ์การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความมั่นใจในทุกกลุ่มตลาด ไม่เฉพาะเพียงแค่จีนแต่ยังมีชาติอื่น ๆ ต้องเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวด้วย

ประเด็นที่ต้องการให้สื่อสารเป็นคีย์แมสเซสเดียวกันตามความจริงคือ “ประเทศไทยไม่ได้เป็นพื้นที่ต้นตอของโรคระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019” เมื่อประมวลเหตุการณ์ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยมีประสบการณ์รับมือการระบาดจากโรคซาร์ ถ้ารุนแรงมากขึ้นทางองค์การอนามัยโลก (World Health Organization :WHO) จะต้องประกาศขึ้นบัญชีพื้นที่แพร่ระบาดของโรค แต่ประเทศไทยยังไม่มีเรื่องดังกล่าว

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำในช่วงเวลาที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายก็คือ ต้องหาตลาดจากประเทศอื่น ๆ เข้ามาทดแทน ควบคู่กับการรอการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนเมื่อเข้าสู่ปกติ โดยจะประชาสัมพันธ์และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่องทุกระยะ

มาตรการที่ 3 การอำนวยความสะดวก มาตรการที่ 4 เร่งสร้างความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยว เพื่อรักษาจำนวนและรายได้ภาพรวมตลาดต่างประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย มาตรการที่ 5 นำกรุ๊ปทัวร์คุณภาพเข้ามาใช้จ่ายเงินโดยเร็ว

สำหรับ “ตลาดในประเทศ” ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะต้องกระตุ้นเข้ามาทดแทนจีนที่อาจจะหายไป 2 ล้านคน ระหว่างมกราคม-เมษายน นี้ จึงขอให้คนไทยอย่ากังวลจนไม่ออกเดินทาง เพราะหากคนไทยประเทศกับต่างประเทศชะลอการเดินทางท่องเที่ยวพร้อม ๆ กันก็อาจจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ ซึ่งทางสภาพัฒน์เองก็ต้องตั้งเป้าเรื่องการท่องเที่ยวจะต้องมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การหาตลาดท่องเที่ยวทดแทนจะใช้กลยุทธ์ “กำหนดพื้นที่” โดยต้องดูความพร้อมด้านขีดความสามารถทางการรองรับ การขนย้ายนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ ตัวอย่าง ตลาดการเดินทางระยะใกล้ รัศมีการบินไม่เกิน 6 ชั่วโมง จากกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ต้องใช้กลยุทธ์ทางราคาผนวกกับอาหารและความสนใจพิเศษเข้ามาเป็นจุดขาย ส่วน “ตลาดระยะไกล” รัสเซีย โปแลนด์ ยูเครน สหรัฐอเมริกา แคนาดา จะเน้นเช่าเหมาลำซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยวต่อด้วยเทศกาลอีสเตอร์

สำหรับ “ตลาดในประเทศ” จะทำควบคู่กัน 2 อย่าง คือ กระตุ้นการเดินทางภายในภูมิภาค พยายามให้เดินทางในพื้นที่ใกล้เคียงรัศมี 300 กม.เช่น โครงการ “น้องส่องไทย” ททท.ร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวพาน้อง ๆ ไปเที่ยว เน้นการเพิ่มวันพักค้างและความถี่วันเดินทาง เน้นกลุ่มสัมมนา ดูงาน รวมถึงการจัดมหกรรม Flash Sale กระตุ้นด้วยแคมเปญ “บอกรักเมืองไทย” โดยกลุ่มสมาคม สมาพันธุ์ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ จะเร่งจัดให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์หรืออย่างช้าไม่เกินมีนาคมนี้

ขณะนี้ทุกฝ่ายใน ททท.พยายามปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยจะไม่มองเรื่องงบประมาณ เพราะหากไม่พอหรือมีความจำเป็นอาจจะต้องขอเพิ่มจากรัฐบาลต่อไป ขณะที่ปัจจัยต้องปลดล็อกอุปสรรคคือความทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีของคนไทย ทำให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปให้ได้ ตอนเกิดโรคไวรัสโคโรน่าระบาดก็มีคำถามจากบางกลุ่มถึงว่า เหตุใด ททท.ไม่เข้าไปทำตลาดในจีน ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจตรงกันถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนในจีนเองขณะนี้ยังไม่อยู่ในอารมณ์จะเดินทาง

เรื่องสำคัญต่อการวาดกลัวจากโรคระบาดนั้นทุกคนต้องหันมาให้กำลังใจต่อสู้ ประการสำคัญที่สุดเราต้องมีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยเป็นประเทศที่มีระบบการป้องกันโรคระบาดติดอันดับ 1 อาเซียน และอันดับ 6 ของโลก ผมเชื่อว่าขีดความสามารถการรับมือโรคระบาด ย้อนกลับไปดูตอนเกิดโรคซาร์ โรคเมอร์ ต่าง ๆ การแพทย์และสาธารณสุขของไทยมีขีดความสามารถรองรับได้

ส่วนการทำแคมเปญสื่อสารไปถึงชาวจีนเพื่อรักษาความเชื่อมั่นและ “จง-ไท้ อี้เจียซิน :คนไทยคนจีนเป็นพี่น้องกันหรือครอบครัวเดียวกัน” ผมคิดว่าถึงเวลาทำให้คนเห็นเป็นรูปธรรมไม่ใช่เพียงคำพูดออกไปเพียงอย่างเดียว อีกทั้งมีเรื่องที่น่าดีใจเพราะเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 มีน้อง ๆ ททท.ทำคลิปวิดีโอให้กำลังใจเป็นภาษาจีนเผยแพร่ออกไปว่า “คนจีนสู้ ๆ” ซึ่งไม่ได้เป็นสั่งการจากผู้ว่าการ แต่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวจีนตลอดมาทำด้วยออกมาจริง ๆ อาจจะเป็นอีกตัวอย่างที่ดี และหลายจังหวัดก็ได้ทำในลักษณะเช่นเดียวกัน ททท.จึงอาจจะไม่ต้องทำเป็นแคมเปญออกมาแต่ให้แต่ละส่วนทำออกมาเองด้วยใจ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้กำลังใจกับคนจีนไม่เฉพาะในเมืองอู่ฮั่นแต่หมายถึงคนจีนทั้งประเทศ

ขณะเดียวกันก็ได้เตรียมรับมือสถานการณ์ที่กลับเข้าสู่ปกติเร็วกว่าที่คาดไว้ ตอนนี้จึงพยายามพูดคุยกับทางสายการบินอย่ายกเลิกเส้นทางบิน และเอกชนไทยให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของสาธารณประชาชนจีน ประกาศของกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวจีน ให้หยุดการทำทัวร์ไม่ได้ระบุเวลาไว้ ส่วนที่ตั้งไว้ 3 เดือน ททท.ทำเป็นโครงร่างไว้เท่านั้น สถานการณ์อาจจะกลับสู่ปกติเร็วกว่านั้นก็เป็นได้ และอยากขอให้วาเลนไทน์ปีนี้มีความหมายสัญญาณที่ดีของคนจีนและสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม

สำหรับเป้าหมายไตรมาส 1-2 ปี 2563 ในสถานการณ์ปกติผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนประเมินจะทำได้ถึง 12-13 ล้านคน เพราะย้อนหลังไปเมื่อปี 2561 จีนเที่ยวไทย 10.5 ล้านคน ปี 2562 เพิ่มเป็น 11 ล้านคน ไทยครองแชมป์มีนักท่องเที่ยวจีนมากสุด แต่พอเกิดเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จึงน่าจะปรับคาดการณ์ตอนนี้เอกชนให้ข้อมูลตัวเลขจะทำได้ราว 9 ล้านคน เนื่องจากเมื่อคนจะกลับมาเดินทางที่นั่งในเที่ยวบินอาจจะไม่เพียงพอแล้ว

เป้าหมายของ ททท.ต้องการให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาร่วมรับประสบการณ์ที่ดี เพื่อจะได้กลับมาท่องเที่ยวซ้ำอีก สุดท้ายแล้วหวังให้จีนกลับมาไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไรก็ยินดีที่จะทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขทุกครั้งเมื่อมาเที่ยวประเทศไทย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชูแบรนด์หลงใหลเครื่องหนังใหม่มาแรง”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ล่าสุดทางบริษัทในเครือคือ บริษัท มัลติพลาย บาย เอท จำกัด ได้เปิดตัว “หลงใหล (LONGLAI)” แบรนด์เครื่องหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าในอุดมคติของเหล่าวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ที่ต้องการความคล่องตัว ปรับใช้งานง่าย สามารถเข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งตัวเป็นอย่างดี ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผิวสัมผัสอ่อนนุ่มจึงทำให้กระเป๋า “ยิ่งใช้ยิ่งน่าหลงใหล” พร้อมแล้วที่จะให้ได้เป็นเจ้าของที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี และ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

สำหรับ“หลงใหล (LONGLAI)” เป็นสินค้าตัวใหม่ “Jekyll & Hyde Tote bag” กระเป๋าหนังวัวแท้ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Jekyll & Hyde มาจากสำนวนที่ใช้เรียกแทนคนที่มีสองบุคลิก ของตัวละครในนิยายขนาดสั้นสุดคลาสสิกเรื่อง “Strange Case of Dr. Jekyll and Mr. Hyde” เล่าถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีสองบุคลิกสองตัวตนนั่นเอง กระเป๋าจึงถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านหนังกลับ หรือ หนังเรียบ ให้มุมมองและความรู้สึกที่แตกต่างกัน

Jekyll & Hyde Tote bag มาในสีเอิร์ธโทน 8 เฉด มีให้เลือก 2 ขนาด 1.ขนาดเล็ก ความสูง 30 เซนติเมตร ความกว้าง 19.5 เซนติเมตร ราคา 800 บาท 2.ขนาดใหญ่ ความสูง 40 เซนติเมตร ความกว้าง 30 เซนติเมตร ราคา 1,800 บาท  

พิเศษ ! รับส่วนลด 20% เมื่อช้อปสินค้าในงาน “คิง เพาเวอร์ เดอะ เบลสซิ่ง คัมส์ โฮม” ณ บริเวณคราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ วันนี้ – 1 กุมภาพันธ์ 2563

ข่าวที่ 2 “สมัครONYXคิงเพาเวอร์อัพเกรดตั๋วคอนเสิร์ตMaya1ก.พ.”

สมาชิก คิง เพาเวอร์ อัปเกรดฟรี! บัตรคอนเสิร์ต MAYA Music Festival วันนี้ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อร่วมสนุกกับศิลปินระดับโลกในมหกรรมคอนเสิร์ต MAYA Music Festival 2020 Powered by King Power พบกับความมันส์ของดนตรีทั้งแบบ Live Stage, EDM Stage, Trap Stage และ Pool & After Party วันสุดท้าย 1 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ MAYA Space พัทยา

เมื่อสมัครสมาชิก ONYX คลิกเข้าไปที่ www.kingpower.com  รับทันทีฟรี! อัปเกรดบัตรคอนเสิร์ต MAYA MUSIC FESTIVAL เป็น VIP Standing มูลค่า 20,000 บาพร้อมรับสิทธิพิเศษความเป็นส่วนตัวภายในงานมากมาย: ทั้ง Private Zone , Private Entry Lane ,Private Bar, Private Toilet Pool + After party

ส่วนสมาชิก คิง เพาเวอร์ ONYX, CROWN, VEGA ก็รับสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

สมาชิกดื่มด่ำความสนุกกับคอนเสิร์ตระดับโลกใน 4 เวที 4 แนวเพลง และกิจกรรมมากมายทั้ง MAYA Market, MAYA Food, MAYA Activities และประสบการณ์ RV Camping เป็นงานเฟสติวัลของจริงเต็มรูปแบบ บนสนามหญ้ากว่า 300 ไร่

ข่าวที่ 3 “รมว.พิพัฒน์ดึงCATผุดแพลตฟอร์มท่องเที่ยว-กีฬา”

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือหรือ MOU ความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน คือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)  จับมือกันเดินหน้า 2 โปรเจ็กต์ใหญ่ คือ 1.โครงสร้างแพลตฟอร์มหลักระบบการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ (National Tourism and Sports Platform) 2.ระบบขับเคลื่อนมาตรฐานการท่องเที่ยวและกีฬาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (National Digital Tourism and Sport Standard) ด้วยการนำทรัพยากรที่ทุกหน่วยงานมีอยู่มาใช้ร่วมกันให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด

เป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบการท่องเที่ยวและกีฬาให้ทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล ร่วมกันสร้างการเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ด้วยบริการ WiFi by CAT ใช้ง่าย เข้าถึงสะดวก สำหรับนักท่องเที่ยว นักกีฬาและประชาชนที่มาใช้บริการแหล่งท่องเที่ยวและสนามกีฬา และพัฒนาระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

                จุดเริ่มของความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จัดทำโครงสร้างแพลตฟอร์มกลางด้านการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ (National Tourism And Sports Platform) เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านการควบคุมข้อมูล เชื่อมต่อข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูล จัดการข้อมูล ควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล และให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสาร ระหว่าง กรม กอง หน่วยงานภายในกระทรวง และหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ทำให้บริการให้เกิดความปลอดภัยและความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ 3 กลุ่ม คือ 1.นักท่องเที่ยว2.นักกีฬา และ 3.ประชาชนทั่วไป

                พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะที่ CAT เป็นผู้ให้บริการดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ  เล็งเห็นประโยชน์ที่จะนำทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานมีอยู่มาใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและกีฬาให้ทันสมัย สอดคล้องกับพันธกิจหลักของทุกฝ่าย จึงพร้อมลงมือพัฒนาแพลตฟอร์มทุกช่องทาง โดยมั่นใจความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวและการกีฬาของประเทศอย่างแท้จริง

ข่าวที่ 4 “ททท.จัดฟรีเที่ยวตามฝันซีซัน2ทัวร์3เส้นทางปี’63”

นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าปี 2563 ททท.ได้จัดแฟมทริปโครงการ “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซั่น 2” โดยใช้งบประมาณรวม 8 ล้านบาท ทำโปรแกรมท่องเที่ยวฟรีเพื่อเพิ่มมิติทางสังคมด้วยการนำการท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความยั่งยืน มอบให้แก่ผู้ทำประโยชน์และผู้มีรายได้น้อยรับสิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทยอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ ตามนโยบายหลักการส่งเสริมท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All หรือ “เมืองไทย ใคร ๆ ก็เที่ยวได้” ตลอด 3 เดือน ระหว่างมกราคม-มีนาคม นี้ ได้จัดทำกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 

ส่วนที่ 1 เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต

ส่วนที่ 2 ททท.ร่วมกับทางองค์การพันธมิตรภาครัฐและเอกชน 58 แห่ง มอบส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่ เปอร์เซ็นต์ลดราคาการเข้าชมหรือท่องเที่ยวตามเงื่อนไขของแต่ละแห่งที่มีอยู่ เช่น สวนสัตว์ อุทยาน ร.2 สมุทรสงคราม สวนพฤกษศาสตร์ เชียงใหม่ หุ่นขี้ผึ้ง นครปฐม หมู่บ้านควายไทย สุพรรณบุรี

ส่วนที่ 3 ททท.ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน 37 แห่ง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคาร สถาบันการเงิน และอื่น ๆ คัดเลือกเด็กด้อยโอกาสไปเที่ยวตามความฝัน เส้นทาง ระยะเวลา รายละเอียดจะขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สู่สังคม (CSR) ควบคู่กันไปได้ด้วย

โดยจะผนวกเรื่องการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบตามเป้าหมายหลักในโอกาส ททท.ครบ 60 ปี ประกาศรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทุกวัย เดินทางท่องเที่ยวโดยการใส่ใจสิ่งแวดล้อม รักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ลดการทิ้งขยะ และอีกหลากหลายวิธีในการดูแลธรรมชาติให้ยั่งยืนในระยะยาว 

สำหรับโปรแกรม “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2”  จัดเมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2563 โดย ททท.ได้เลือกตัวแทน 3 กลุ่มหลัก กลุ่มละ 20 คน ทดลองใช้สินค้าท่องเที่ยวตามเส้นทางต่าง ๆ ประกอบด้วย 

กลุ่มที่ 1 จิตอาสาผู้ทำงานช่วยเหลือสังคม ถือบัตรสวัสดิการรัฐ 4 กลุ่มย่อย เดินทางท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2563 ได้แก่ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กลุ่มอาสาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) และกลุ่มอาสาสมัครกลุ่มเทพมหานคร เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยมในทริปอิ่มบุญคือ “วัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง เพื่อสักการะหลวงพ่อชินประทานพร ภายในศาสนสถานที่มีสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงามตั้งอยู่บนยอดเขา “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” อำเภอท่ามะขาม ทางรถไฟมรณะสายประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 และเมืองมัลลิกา ร.ศ.124 อำเภอไทรโยค แหล่งท่องเที่ยวย้อนยุคความรุ่งเรืองสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาสภายใต้พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ.124 เมืองท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยเข้าไปเดินชมและถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ของร้านอาหาร บ้านเรือนไทย  

กลุ่มที่ 2 เด็กด้อยโอกาสที่มีความบกพร่องทางกาย จะคัดเลือกตัวแทนคนตาบอด หูหนวก เวลแชร์ และอื่น ๆ ร่วมแฟมทริปไปท่องเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพฯ-พัทยา-ศรีราชา ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563 

กลุ่มที่ 3 เด็กด้อยโอกาสปกติ เข้าร่วมแฟมทริปไปท่องเที่ยว กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ วันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563  

ผอ.ไพรัชช์กล่าวว่า หลังจากจัดทริปนำร่องทั้ง 3 กลุ่มเสร็จเรียบร้อย ททท.ได้จัดกิจกรรมมอบของขวัญเป็นรางวัลแพกเกจท่องเที่ยวฟรีตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งได้เปิดให้กลุ่มจิตอาสาผู้ทำประโยชน์เพื่อสังคมทั้ง 4 กลุ่มย่อย เข้ามาลงทะเบียนช่วงเปิดโครงการเมื่อเดือนธันวาคม 2562 และช่วงมกราคม 2563 ได้จับรางวัลผู้โชคดีเพื่อเดินทางฟรี 200 รางวัล รางวัลละ 2 คน รวม 400 คน ประกอบด้วย อสม.70 รางวัล อปพร.70 รางวัล อพม.40 รางวัล และ อสส.20 รางวัล โดยสามารถตรวจสอบการประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้ทาง www.เที่ยวตามฝัน.com

ขณะที่กลุ่มจิตอาสาโดยรวมที่ร่วมเดินทางแฟมทริปโครงการ “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2” กับ ททท.ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในกาญจนบุรี สะท้อนความเห็นว่า ได้รับประสบการณ์และโอกาสที่ดีในการได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่นอกเหนือจากจังหวัดของตนเอง เป็นรางวัลชีวิตในการทำงานช่วยเหลือสังคมแล้ว ททท.มองเห็นคุณค่าได้ออกมาเปิดโลกกว้าง เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยภาคอื่น อีกทั้งการได้มารวมกลุ่มก็ยังได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องการทำงานของจิตอาสาแต่ละกลุ่ม ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้พัฒนาการทำงานเพื่อสังคมในพื้นที่ต่อไป 

ข่าวที่ 5 “บางจากจัดโปร50%FURiOCareช่วยลดPM2.5”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญลดฝุ่น PM 2.5 กับศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง FURiO Careระหว่างวันนี้ - 29 ก.พ. 2563 โดยให้สมาชิกนำรถยนต์เข้ารับบริการตรวจเครื่องยนต์  พร้อมรับคำแนะนำฟรี 11 รายการ ดังนี้

                1.ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง  2.ตรวจเช็คน้ำมันเบรก / คลัทช์  3.ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ธรรมดา / อัตโนมัติ  4.ตรวจเช็คน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ 5.ตรวจเช็คน้ำฉีดกระจก  6.ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำ / ฝาหม้อน้ำ 7.ตรวจเช็คทำความสะอาดกรองอากาศ / กรองแอร์ห้องโดยสาร 8.ตรวจเช็คสายพานเครื่องยนต์ / เพาเวอร์ / แอร์ 9.ตรวจเช็คแบตเตอรี่ - น้ำกลั่น / ขั้ว 10.ตรวจเช็คน้ำมันเฟืองท้าย  11.ตรวจเช็คสภาพยาง / เติมลมยาง  

พร้อมกับส่วนลดราคาน้ำมันหล่อลื่น 50% กลุ่ม Fully Synthetic ดังนี้ 1.FURIO F1 PREMIUM SN/CF 0W40 2.FURIO F1 SN 5W30 3.FURIO F1 SN/CF 5W40 4.FURIO F1 DIESEL CJ-4/SN 5W30

ส่วนลดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น 30% กลุ่ม Semi Synthetic สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ดังนี้ 1.FURIO F2 DIESEL CI-4/SL 10W30 2.FURIO F2 DIESEL CI-4/SL 15W40 3.D3 COMMONRAIL CH4/SJ 15W40

ส่วนลดผลิตภัณฑ์น้ำมันหลื่อลื่น 20% กลุ่ม Semi Synthetic สำหรับเครื่องยนต์เบนซีน ดังนี้ 1.FURIO F2 SN 5W30 2.FURIO F2 SN/CF 10W40 3.GE NGV ACEA A3/B4/E7 15W40

ส่วนลดผลิตภัณฑ์ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 8% ภายใต้แบรนด์ FURiO Care , GreenServe และ Power S

ข่าวที่ 6 “ปิดทองหลังพระ-แบงก์ชาติ-ทรูปั้นFin.ดีมีตังค์”

นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าทาง อปท.ได้ริเริ่มจัดทำโครงการ Fin.ดี We Can Do ขึ้น โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาในสังกัดได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อเรียนรู้แนวทางในการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์บริหารจัดการการเงิน ทำให้โครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนักศึกษาจะเรียนรู้วินัยทางการเงินและการพัฒนาธุรกิจแล้ว ยังปรากฏว่าสถาบันอาชีวะเริ่มบรรจุเรื่องการเงินและธุรกิจเข้าในการเรียนการสอนด้วย

"โครงการ Fin.ดี We Can Doเปรียบเหมือนพื้นที่แห่งจินตนาการให้เยาวชนชาวอาขีวะได้ทดลองคิดและออกแบบวิธีการนำความรู้ทางการเงินไปใช้ในชีวิตจริง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เข้มแข็งแก่เพื่อน ๆ ในวิทยาลัยและขยายผลสู่ชุมชน ภายใต้แนวคิดผลงานของคนอาชีวะ เพื่อคนอาชีวะ"

นายการัณย์  ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า ทางปิดทองหลังพระฯ ยินดีที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ เพราะคาดจะมีส่วนกระตุ้นให้เยาวชนมีความตระหนักรู้ทางการเงิน สอดคล้องกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงย้ำให้ระมัดระวังเรื่องการสร้างหนี้ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบันนี้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า กลุ่มทรูยินดีสนับสนุนโครงการนี้อย่างยิ่ง เพราะสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท และทรูร่วมมือกับปิดทองหลังพระฯ ในหลายพื้นที่และหลายกิจกรรม ทำให้ได้เรียนรู้และได้สร้างประโยชน์เป็นอย่างมาก รายการ Fin.ดี มีตังค์ นี้จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือกัน แต่พิเศษที่ทรูขยับมาสนับสนุนกลุ่มเด็กอาชีวะซึ่งกำลังจะเป็นอนาคตสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ

สำหรับรายการ Fin.ดี มีตังค์ เป็นประเภทเรียลริตี้ ความยาวตอนละ 30 นาที จำนวน 12 ตอน มุ่งเน้นการเผยชีวิตและแนวคิดของเด็กอาชีวะศึกษาในสถาบันต่าง ๆ ทั้งภาคเหนือ-ใต้-อีสาน-และตะวันออก นำเอาความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาตนเองอย่างน่าสนใจ โดยมีครูที่ปรึกษาและ ธปท. เป็นพี่เลี้ยง ดำเนินการออกอากาศทาง true4u ช่อง 24 ทุกวันเสาร์ เวลา 09.30 น เริ่มวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป สามารถดูซ้ำได้ทุกวันศุกร์ เวลา 09:30 น.เริ่มวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.2563 เป็นต้นไป

                ช่วงที่ 2 ไม่ต้องเดี๋ยวเที่ยวเมืองไทยกันเถอะ ชวนสายมูไปล่องเจ้าพระยาเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญ หาของอร่อยกิน จูงมือลูก ๆ ไปทำกิจกรรม D.I.Y.แล้วขึ้นบกขับรถเที่ยวธรรมชาติ แหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ เพียบ ส่วนใครที่แยก Fake Newsไม่ออก ฟัง “ศูนย์ช่วยเหลือเฟซบุ๊คแนะ 10 เคล็ดลับ” เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ และ “การบินไทยควงไทยสมายล์” รับมือไวรัส 2019 อู่ฮั่น อัด 7 มาตรการดูแลผู้โดยสาร พร้อมให้เปลี่ยนตั๋วบินทุกเมืองฟรีไปจนถึง 29 ก.พ.นี้ “ไลออนแอร์” หยุดบินเฉิงตู-หาดใหญ่ ส่วนหาดใหญ่-ดอนเมือง บินเหมือนเดิม และ “สนามบินเบตง” พร้อมเปิด มิ.ย.นี้

@ล่องเจ้าพระยาเข้าวัดทำบุญชมธรรมชาติปทุมธานี

ถึงเวลาออกเที่ยวอีกแล้ว ทริปนี้ทดลองล่องเรือท่องเที่ยวเมืองดอกบัวใกล้กรุงเทพฯ ใน “ปทุมธานี”  ลัดเลาะแม่น้ำเจ้าพระยา แวะทำบุญ ไหว้พระ หาแหล่งกิน ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล แห่งแรก “วัดสิงห์” วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาอายุกว่า 300 ปี มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แห่งที่สอง “วัดโบสถ์” ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีหลวงพ่อเหลือ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมือง หลวงพ่อโต หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ และอีกหลายวัดน่าเที่ยว ได้แก่ วัดเจดีย์หอย วัดปัญญานันทาราม วัดศาลาแดงเหนือ

เมื่อขึ้นบกก็มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ในพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา / หออัครศิลปิน

หรือจะเป็นวิถีชีวิตให้ได้มาสัมผัสกับธรรมชาติ Wisdom Farm ในพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ทุ่งนามอญบ้านบ่อทอง บ้านครูธานี ปิ่นฟ้าฟาร์ม มีตลาดที่เป็นตลาดวัฒนธรรม อาทิ ตลาดอิงน้ำสามโคก และตลาดที่น่าซื้อมีจำหน่ายอาหารมากมาย ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า ตลาด 100 ปีระแหง หรือสนุกสนานกับสวนสนุกดรีมเวิลด์

แต่ละแห่งสามารถเที่ยวคนเดียว เที่ยวกับเพื่อนสูงวัย หรือเที่ยวกับครอบครัว ช่วงวันหยุดมีกิจกรรมให้ร่วมกันทำระหว่าง พ่อ แม่ ลูก ที่ Pumpkin Art Town พาลูกไปทำศิลปะ เพ๊นท์กระถางปลูกต้นกระบองเพชร เพ๊นท์เสื้อ มัดย้อม ปั้นซูชิ และอีกมากมาย

จะแวะไปเยี่ยม “กระท่อมลุงจรณ์” แหล่งเพาะพันธุ์กระบองเพชรพร้อมจำหน่ายกว่า 2000 สายพันธุ์ ก็มีความตื่นตาตื่นใจรอต้อนรับทุกวัน

เสร็จแล้วมองหาร้านอาหาร แนะนำที่ “บ้านตานิด” ในบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา มีเมนูอาหารรสเด็ด ท่ามกลางเสียงเพลงขับกล่อม ยุค 60 ฟังเพลิน ๆ

                ทริปล่องเจ้าพระยาท่องเที่ยว ทำบุญ ไหว้พระ หาของอร่อย ๆ และทำกิจกรรมดี ๆ ได้ทั้งครอบครัว “ปทุมธานี” เป็นอีกทางเลือกที่เที่ยวได้ทุกวัน

@10เคล็ดลับการสังเกตข่าวลวงในเฟซบุ๊ค

ศูนย์ช่วยเหลือ Facebook ได้นำเคล็ดลับสังเกตข่าวปลอม Fake News ซึ่งปะปนอยู่ในคลื่นมหาศาลของข้อมูล ทำให้คนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อ ตอนนี้กำลังกลายเป็นปัญหาสังคม ดังนั้นจึงขอนำมาฝากให้สังเกตุ 10 เคล็ดลับ ดังนี้

1. สงสัยข้อความพาดหัว ข่าวปลอมมักมีข้อความพาดหัวที่ดึงดูดความสนใจโดยใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด และเครื่องหมายอัศเจรีย์

2. สังเกตที่ URL หาก URL หลอกลวงหรือดูคล้าย อาจเป็นสัญญาณของข่าวปลอมได้ เว็บไซด์ข่าวปลอมจำนวนมากมักเปลี่ยนแปลง URL เพียงเล็กน้อยเพื่อเลียนแบบแหล่งข่าวจริง

3. สังเกตแหล่งที่มา ตรวจดูให้แน่ใจว่าเรื่องราวเขียนขึ้นโดยแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงด้านความถูกต้อง หากมีเรื่องราวมาจากองค์กรที่ชื่อไม่คุ้นเคย ให้ตรวจสอบที่ส่วน "เกี่ยวกับ" เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

4. มองหาการจัดรูปแบบที่ไม่ปกติ เว็บไซด์ข่าวปลอมจำนวนมากมักมีการสะกดผิดหรือวางเลย์เอาต์ไม่ปกติ โปรดอ่านอย่างระมัดระวังหากคุณเห็นสัญญาณเหล่านี้

5. การพิจารณารูปภาพ ข่าวปลอมมักมีรูปภาพหรือวิดีโอที่ไม่เป็นความจริง บางครั้งรูปภาพอาจเป็นรูปจริงแต่ไม่เกี่ยวกับบริบทของเรื่องราว คุณสามารถค้นหาเพื่อตรวจสอบได้ว่ารูปภาพเหล่านั้นมาจากไหน

6. ตรวจสอบวันที่ เรื่องราวข่าวปลอมอาจมีลำดับเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล หรือมีการเปลี่ยนแปลงวันที่ของเหตุการณ์

                7. ตรวจสอบหลักฐาน  ตรวจสอบแหล่งข้อมูลของผู้เขียนเพื่อยืนยันว่าถูกต้อง หากไม่มีหลักฐานหรือความน่าเชื่อถือของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีชื่อเสียง อาจจะระบุได้ว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม

8. ดูรายงานอื่นๆ หากไม่มีแหล่งที่มาอื่นๆ ที่รายงานเรื่องราวเดียวกัน อาจระบุได้ว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอมหากมีรายงานข่าวโดยหลายแหล่งข่าวที่คุณเชื่อถือได้มีแนวโน้มว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นข่าวจริง

9. เรื่องราวนี้เป็นเรื่องตลกหรือไม่ บางครั้งอาจแยกข่าวปลอมจากเรื่องตลกหรือการล้อเลียนได้ยาก ตรวจสอบดูว่าแหล่งที่มาของข่าวขึ้นชื่อเรื่องการล้อเลียนหรือไม่ และรายละเอียดตลอดจนน้ำเสียงของข่าวฟังดูเป็นเรื่องตลกหรือไม่

10. เรื่องราวบางเรื่องอาจตั้งใจเป็นข่าวปลอม ใช้วิจารณญาณเพื่อคิดวิเคราะห์เรื่องราวที่คุณอ่าน และแชร์เฉพาะข่าวที่คุณแน่ใจว่าเชื่อถือได้เท่านั้น

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทย-ไทยสมายล์รับมือไวรัส2019เปลี่ยนตั๋วฟรี

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทย และไทยสมายล์ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะวิกฤติ เป็นผู้รับผิดชอบในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกอบด้วย 7 มาตรการในการคัดกรองผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก และมาตรการการรักษาความสะอาดในห้องผู้โดยสารบนเครื่องบิน ทั้งด้านอุปกรณ์ เครื่องใช้ในการบริการและพนักงานที่ปฏิบัติงาน

1. มาตรการคัดกรองในการตรวจรับผู้โดยสารและการบริการภาคพื้น ณ จุดบริการ  2. มาตรการในการให้บริการบนเครื่อง ลูกเรือต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือลดความเสี่ยงการจับอุปกรณ์บริการอาหาร การทำความสะอาดห้องน้ำ แจกหน้ากากอนามัยให้โดยสารที่มีอาการสวมใส่บนเครื่อง 3. มาตรการจัดเตรียมอากาศยาน และฆ่าเชื้อโรคโดยการอบพ่นสเปรย์ Calla 1452 ทุกเที่ยวบินที่ทำการบินกลับจากจีนทั้งหมด และพื้นที่ที่มีความเสี่ยง 4. มาตรการทำความสะอาดภายในอากาศยานมามาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยพนักงาน ทำความสะอาด Deep Cleaning และทำความสะอาด 36 จุดสัมผัสร่วม แบ่งตามพื้นที่เป็น 5 ส่วน ได้แก่ กระเป๋าหน้าที่นั่งผู้โดยสาร (Passenger Seat Pocket) บริเวณภายในเครื่องบินทั่วไป (Aircraft Interior Cabin) ที่นั่งผู้โดยสาร (Passenger Seat) ครัว (Galley) และห้องน้ำ (Toilet) 5. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยพนักงาน

6. มาตรการการรับขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ตรวจสอบหีบห่อสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน

หลีกเลี่ยงการส่งสินค้าที่มีความเสี่ยงจัดการคลังสินค้าให้ถูกสุขลักษณะปลอดจากการเป็นแหล่งเชื้อโรค

7. มาตรการด้านโภชนาการ จัดซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน GAP ดำเนินการผลิตภายใต้ระบบประกันคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร HACCP, GMP, HALAL และเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิตและบริการทุกชิ้นผ่านการทำความสะอาดและพาสเจอไรซ์ ผ้าที่ให้บริการในเที่ยวบินผ่านการซักอบรีด อย่างถูกสุขลักษณะ

นายนนท์ กลินทะ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ได้อำนวยความสะดวกโดยยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ผู้โดยสารที่ซื้อเดินทางไปแล้วช่วง 24 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2563 สามารถเปลี่ยนตั๋วโดยสารได้ภายใน 29 กุมภาพันธ์ นี้ แบ่งเป็น การบินไทยที่บินเข้าจีน  6 จุด ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว คุนหมิง เซียะเหมิน เฉิงตู ไทยสมายล์ 3 จุด เมืองฉงชิ่ง ฉางชา เจิ้งโจว เซินเจิ้นแอร์ไลน์สายการบินร่วม เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เซินเจิ้น ภูเก็ต-เซินเจิ้น

ปัจจุบันการบินไทยและไทยสมายล์ มีเที่ยวบิน ไป-กลับ ระหว่างไทยกับเมืองต่าง ๆ ในจีน 120 เที่ยวบิน โดยการบินไทยบินทั้งหมด 6 จุด รวม 67 เที่ยว/สัปดาห์ ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ - ปักกิ่ง  21 เที่ยว 2.กรุงเทพฯ - เซี่ยงไฮ้ 14 เที่ยว 3.กรุงเทพฯ - กวางโจว 14 เที่ยว  4.กรุงเทพฯ - เซียะเหมิน 4 เที่ยว 5.กรุงเทพฯ - คุนหมิง 7 เที่ยวบ6.กรุงเทพฯ - เฉิงตู  7 เที่ยว

            ส่วนไทยสมายล์ บินทั้งหมด 7 จุดบิน 43 เที่ยว/สัปดาห์ ดังนี้ 1.กรุงเทพฯ - ฮ่องกง 7 เที่ยว 2.กรุงเทพฯ - เกาสง  7 เที่ยว  3.กรุงเทพฯ - ฉงชิ่ง  7 เที่ยว  4.กรุงเทพฯ - ฉางซา  4 เที่ยว  5.กรุงเทพฯ - เจิ้งโจว 7 เที่ยว 6.เชียงใหม่ - เกาสง   4 เที่ยว 7.ภูเก็ต - ฮ่องกง 7 เที่ยว

ข่าวที่สอง“ไลออนแอร์หยุดบินเฉิงตู-หาดใหญ่ยกเว้นดอนเมือง”

สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ แจ้งยกเลิกเที่ยวบินในช่วงเกิดโรคระบาดไวรัส 2019 เที่ยวบิน SL 8724 หาดใหญ่-เฉิงตู วันที่ 4 และ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เส้นทาง   เที่ยวบิน SL8725 เฉิงตู-หาดใหญ่ วันที่ 5 และ 10 กุมภาพันธ์ 2563  ส่วนเที่ยวบินที่ยังบินปกติคือ SL725 หาดใหญ่-ดอนเมือง วันที่ 4 และ 9 กุมภาพันธ์ 2563 และ SL702 ดอนเมือง-หาดใหญ่ วันที่ 5 และ 10 กุมภาพันธ์ 2563

ข่าวที่สาม “ทย.ลั่นพร้อมเปิดใช้สนามบินเบตงภายในมิ.ย.63”

นายสมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กล่าวได้จัดประชุมทุกหน่วยงานติดตามความคืบหน้าการเปิดใช้สนามบินเบตง กำหนดจะต้องเปิดให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563 ขณะนี้งานหลัก ๆ 4 ส่วนทยอยแล้วเสร็จ ได้แก่

1.งานก่อสร้าง ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินรวมถึงอาคารที่พักผู้โดยสาร ดำเนินการได้ 100 เปอร์เซ็นต์

2. กองส่งเสริมกิจการท่าอากาศยาน ร่วมหารือเส้นทางเพื่อให้สายการบินมาลงเบตง เบื้องต้นมีนกแอร์ บางกอกแอร์เวย์ ให้ความสนใจ

3. ด้านการประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดสนามบินอนุญาต (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2562 ให้สนามบินเบตงเป็นสนามบินอนุญาต ลงนามโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา

4.งานก่อสร้างอาคารหอบังคับการบิน และอาคารเครื่องช่วยการเดินอากาศ VOR/DME ของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด คืบหน้า 83.072 % คาดจะแล้วเสร็จภายในกุมภาพันธ์ 2563

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.