ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ลุยขายนครนายก-ปราจีนเทรนด์กรีนซีซันมาแรง5กิจกรรม ธุรกิจท่องเที่ยวเฮรับExpat4ชาติ-ที่พักวันหยุดเต็มถึงสิ้นปี63

 ททท.ลุยขายนครนายก-ปราจีนเทรนด์กรีนซีซันมาแรง5กิจกรรม

ธุรกิจท่องเที่ยวเฮรับExpat4ชาติ-ที่พักวันหยุดเต็มถึงสิ้นปี63

สกล ทองคำ 

ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก

เปิดแนวรุกตลาดเที่ยวไทย More Fun กรีนซีซัน เต็มรูปแบบ กับ “สกล ทองคำ” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก ตลุยผจญภัย 5 กิจกรรม “จิ้งจอกเวหาโดดหอจปร.-ล่องแก่ง-ขับATV-เพนต์บอล-ปลูกป่าทำฝาย” ฮือฮาตลาด “Expat” ต่างชาติพักอาศัยในไทย “จีน-ไต้หวัน-ฮ่องกง-ยุโรป” พร้อมจ่ายไม่ยั้งเลือกพักผ่อนเมืองนครนายกครั้งละ 4-5 วัน เจาะจงเลือกใช้บริการในโซนพิเศษ 4 สไสตล์ “มีพื้นที่ส่วนตัว-คลับเฮาส์-ลานกิจกรรมปั่นจักรยาน-ปลอดภัยไร้โควิด” ด้านผู้ประกอบการโรงแรม บริษัทนำเที่ยว พร้อมใจเทโปรโมชั่นปั๊มรายได้โค้งสุดท้ายลดทั้งจังหวัด 20 % วันนี้-พฤศจิกายน 2563

                นายสกล ทองคำ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวหน้าฝนกรีนซีซันแต่ละปีนักท่องเที่ยวจะมากับน้ำเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Soft Adventure) บริเวณพื้นที่หลัก น้ำตกนางรอง น้ำตกสาริกา และเขื่อนต่าง ๆ มีปริมาณน้ำกว่า 30 % ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไปต้นน้ำเหวนรกจะมีน้ำมาให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมล่องแก่งอย่างสนุกสนานพื้นที่ยอดฮิตคือ “แก่งหินเพิง” มีระดับท้าทายความสนุก 3-4 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และบริษัทนำเที่ยวต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

               

กิจกรรมล่องแก่ง นอกจากที่แก่งหินเพิง ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มวัยรุ่นแล้ว ในนครนายกก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะกับตลาดครอบครัว โดยมีชมรมท่องเที่ยวแก่งนครนายกดูแลรับผิดชอบ กิจกรรมแรก “ล่องแก่งแม่น้ำนครนายก”เน้นความปลอดภัยสูงสุดเล่นได้ทุกเพศวัย วันหยุดผู้อำนวยการเขื่อนจะปล่อยน้ำมาให้นักท่องเที่ยวสนุกกับกิจกรรมล่องแก่งกันเป็นครอบครัว

 

กิจกรรมที่ 2 ขับรถ ATV ผจญภัยในตามธารน้ำเล็ก ๆ บนเนินเขา เป็นอีกประสบการณ์ใหม่ของนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศความเขียวขจีและความเย็นของสายน้ำ (หน้าแล้งก็สามารถขับรถATV เที่ยวสวนผลไม้เด่น ๆ ทั้งมะยงชิด ทุเรียน)

 

กิจกรรมที่ 3 ภายในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) มีหลากหลายกิจกรรม เช่น กระโดดหอสูง (จิ้งจอกเวลา) ความสูง 34 เมตร โรยตัวข้ามทะเลสาบ ยิงธนู รอบพื้นที่ยังสามารถออกแบบทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ มีพื้นที่ศูนย์ดูงานการเกษตรครบวงจรดีมาก

 

กิจกรรมที่ 4 ชวนกันไปชิงลงเล่นเพนต์บอล ทั้งในโรงเรียนนายร้อย จปร.และสาริกาทัวร์ แบบมันสุดขีด

 

กิจกรรมที่ 5 ท่องเที่ยวเชิงบำเพ็ญประโยชน์ คือการทำฝายกั้นน้ำแถววังรี การปลูกป่าได้หลายพื้นที่ ควบคู่กับการเที่ยวเชิงผจญภัย

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 นี้เป็นต้นไป นครนยกมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยครบทุกรูปแบบ สนุกทุกรูปแบบ

โดยททท.จะให้ผู้ประกอบการผลิตเป็นแพกเกจ “ห้องพัก รวมอาหารเช้า+กิจกรรมต่าง ๆ” 1,5001-1,800 บาท/คน เพื่อประโยชน์ 1.นักท่องเที่ยวจะสามารถควบคุมรายจ่ายไม่ให้สูงเกินไป 2.สามารถกระจายรายได้ไปยังเครือข่ายพันธมิตรท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม

ผอ.สกลกล่าวว่าขณะนี้นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ยังเป็นเป้าหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “กำลังใจ” เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ คุมค่าใช้จ่ายแบบประหยัดสุดได้ แบ่งเป็น 1.ฝ่ายรับนักท่องเที่ยว มอบหมายให้บริษัทจัดการท่องเที่ยวเน้นทำโปรแกรมและแพกเกจคุ้มค่าเงิน สามารถตอบโจทย์รัฐบาลได้เป็นอย่างดี ส่วนร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก ที่จะรับรายได้เพิ่มจากการที่รัฐบาลให้เงินเพิ่มเป็นค่ากิจกรรม อาหาร วันละ 600 บาท/คน/วัน ทาง ททท.สนับสนุนให้วินวินทุกฝ่าย 2.ผู้ใช้บริการ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศดี ๆ ประทับใจให้คนกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ ๆ (repeater) ต่อเนื่องต่อไป

 

ผอ.สกลกล่าวว่าตลาดไฮไลต์การท่องเที่ยวนครนายกช่วงสิงหาคมนี้เป็นต้นไป คือ “กลุ่มชาวต่างชาติพำนักอยู่ในประเทศไทย (Expat)” สนใจแห่กันมาเที่ยวมี 4 ชาติหลัก ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และยุโรป ระหว่างอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เมื่อช่วงเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา ททท.ทำผลสำรวจความต้องการของกลุ่มต่างชาติที่พำนักในไทย ได้รับคำตอบคือ ผู้ตอบแบบสอบถามต้องการออกเดินทางเที่ยวเมืองไทยมากถึง 80 % สนใจเดินทางในรัศมีไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เกิน 300 กม. แล้วทันทีที่รัฐบาลปลดล็อกดาวน์ท่องเที่ยวคนก็แห่เดินทางมายังนครนายกจนทำให้ปริมาณจราจรติดครั้งละเป็น 10 กม.

 

ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติพำนักในไทยนั้น แต่ละกลุ่มต่างก็มองหาพื้นที่พักผ่อนคลายเครียด เดินทางไม่ไกล ปลอดภัยสูง ขานรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวซึ่งต้องการเดินทางตามวิถีใหม่ New Normal  1.พื้นที่เป็นส่วนตัว 2.มีพื้นที่ทำกิจกรรมคลายเครียด ตื่นมาปั่นจักรยาน ออกกำลังกายส่วนตัว สระว่ายน้ำ 3.มีคลับเฮาส์เล็ก ๆ สามารถทำอาหารกินกันเองสไตล์ปิ๊กนิก ทำกิจกรรมบันเทิงเฉพาะกลุ่มที่มาด้วยกัน 4.พักผ่อนอย่างปลอดภัย

 

ขณะนี้ “นครนายก” นำร่องทำมาได้เดือนเศษกลายเป็นพื้นที่เป้าหมายไปเรียบร้อยแล้ว โดยเลือกพักผ่อนในพื้นที่เฉพาะตามที่กล่าวข้างต้น เพราะตอนนี้คนไทยเองก็ยังกลัวต่างชาติ หรือต่างชาติเองก็ยังกลัวคนไทย เรื่องความปลอดภัยด้านการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงต้องเลือกพื้นที่ Safe Zone มีสิ่งอำนวยความสะดวก ชวนกันมาใช้บริการเป็นกลุ่มครอบครัว 4-5 ครอบครัว/กรุ๊ป พักค้างคืน 4-5 วัน โดยพร้อมใช้จ่ายเงินเต็มที่ ขอเพียงให้มีสถานที่ทำกิจกรรมตามเงื่อนไขที่ต้องการ

 

สำหรับราคาขายทางผู้ประกอบการในนครนายกจะได้ปรับราคาสูงกว่าปกติ 2.จองร้านอาหาร โดยจองและแนะนำล่วงหน้าว่าเป็นต่างชาติที่พำนักในไทยมานานเป็น 10 ปี โดย ททท.จะเข้าไปดูแลเรื่องมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดมาตลอด ทำให้นครนายกปลอดโควิดต่อเนื่องมานานหลายเดือนแล้ว

 

สถานที่ยอดนิยมอย่าง “ครัวไฮโดรนครนายก” สร้างความประทับใจเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย โดยภาพรวมแล้วนักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายเงินสูงกว่านักท่องเที่ยวไทยประมาณ 1.5 เท่า ผนวกกับได้กลุ่มลูกค้า “นักกอล์ฟ” เข้ามาเพิ่ม ซึ่งมีสนามกอล์ฟระดับ 4-5 ดาว รองรับจึงพอมีรายได้จากตลาดไฮเอนด์ฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่นครนายก

 

ผอ.สกล กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวหลังเปิดล็อกดาวน์เติบโตเกินคาดมียอดพักวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ห้องพักเต็มยาวไปจนถึงเดือนธันวาคม 2563 เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเต็มทั้งหมดแล้ว เปรียบเทียบแล้วดีกว่าช่วงสถานการณ์ปกติด้วย ดังนั้น ททท.จึงทำการตลาดเชิงรุกขาย “วันธรรมดา น่าเที่ยว” เจาะกลุ่มที่มากับแคมเปญ “เที่ยวไทยให้หายคิดถึง-เที่ยวหายคิดถึง-เที่ยวทุกวันอะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม” มีโปรโมชั่นค่อนข้างดี ตอนนี้นครนายกดึงเครือข่ายพันธมิตรท่องเที่ยวทั้งจังหวัดร่วมลดราคา 20 % ต่อเนื่องตั้งแต่สิงหาคม-พฤศจิกายน 2563

ข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์โหมขายไม่มีเที่ยวบินก็ช้อปได้ถึง31ส.ค.63


นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า  ได้จัดแคมเปญพิเศษ   NO FLIGHTS, NO WORRIES! #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้” ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2563 ที่ คิง เพาเวอร์   รางน้ำ  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสินค้าและบริการของลูกค้าคนไทย ลูกค้าสมาชิก คิง เพาเวอร์ ตลอดจนสร้างประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพของ คิง เพาเวอร์ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ช่วงน่านฟ้าการบินของประเทศไทยยังไม่ได้เปิดให้เดินทางระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ ทางกลุ่มคิง เพาเวอร์ จึงพร้อมเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ เป็นกรณีพิเศษให้นักเดินทางชาวไทยไม่ต้องมีเที่ยวบินออกต่างประเทศ (international flight) ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ตั้งเป้าต่อยอดกลยุทธ์เฉพาะกิจ KING POWER TEAM POWER การรวมพลังพนักงานทั้งบริษัทหันมาช่วยกันขายออนไลน์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นกลไกสร้างพลังสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจช่วงวิกฤต ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ส่งผลเชิงบวกต่อพนักงาน พันธมิตรทางการค้าและลูกค้าของคิง เพาเวอร์ เป็นอย่างดี

ไฮไลต์แคมเปญใหม่ NO FLIGHTS, NO WORRIES! #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ ยังคงเน้นการใช้พลังของกลุ่มพนักงานขับเคลื่อนยอดขายจากสินค้าหน้าร้านหรือออนกราวนด์ได้ด้วย ซึ่งมีทั้งแบรนด์และผลิตภัณฑ์มากมายให้นักช้อปเลือกกว่า 10,000 รายการ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อใช้รหัส SV Code  (SV ตามด้วยรหัสพนักงาน) เพื่อรับคืนสูงสุด 1,200 บาท ประกอบด้วย 1.เลือกซื้อสินค้าในร้านคิง เพาเวอร์ ครบตั้งแต่ 5,000 บาท รับบัตรกำนัลเงินคืน (Gift Voucher) 200 บาท 2.ซื้อ 10,000 บาท รับบัตรกำนัลเงินคืน 500 บาท 3.20,000 บาท รับบัตรกำนัลเงินคืน1,200 บาท พร้อมมีรับบริการส่งฟรีถึงบ้าน (Home Delivery) โดยไม่ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำด้วย

นายนิพนธ์กล่าวว่าโครงการต่อยอดแนวคิดที่ประสบความสำเร็จ ตอบโจทย์ให้ธุรกิจดำเนินต่อได้ในสถานการณ์                โควิด-19  จากช่องทางออนไลน์จึงขยายสู่ออนกราวน์ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งเป้าหมายดึงดูดความสนใจลูกค้าคนไทย สมาชิกคิง เพาเวอร์ หันมาซื้อสินค้าโดยไม่ต้องมีเที่ยวบินต่างประเทศได้อย่างสบายใจ ผ่านการแนะนำจากพนักงาน คิง เพาเวอร์ โดยผู้ซื้อสามารถเข้ามาลงทะเบียนพร้อมกับช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ตลอดเดือนสิงหาคม 2563

            ตลอดแคมเปญ NO FLIGHTS, NO WORRIES! #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ มีสินค้าแบรนด์เนมร่วมการขายในราคาดิวตี้ฟรี ซึ่งทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำไปชำระภาษีถูกต้องเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังตอกย้ำความมั่นใจเรื่องมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเมื่อเข้ามาช้อปปิ้งในพื้นที่ ซึ่งยังคงปฏิบัติด้านการตรวจเข้มทุกขั้นตอนเพื่อนักช้อปทุกคนจะได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และตามนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมาโดยเร็ว

ข่าวที่ 2  มหานครแบงค็อกสกายบาร์จัดเต็มบุฟเฟต์ซีฟู้ดมื้อกลางวัน


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เชิญชวนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ใน คิง เพาเวอร์ มหานคร กับชุดอาหารกลางวัน 3 คอร์ส บนห้องอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ชั้น 76 ประกอบด้วย

 

1.ชุดอาหารกลางวัน 3 คอร์ส วันเสาร์และอาทิตย์ พร้อม Seafood Platter เป็น Starter ในราคา 1,490++บาท และสามารถเพิ่มล็อบสเตอร์ครึ่งตัวจากรัฐเมน บน Seafood Platter เป็น Starter ในราคา 1,990++บาท เริ่มวันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2563

2.ชุดอาหารกลางวัน 3 คอร์ส สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ ในราคา 990++บาท เริ่มจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563

ห้องอาหาร มหนาคร แบงค็อก สกาย บาร์ ให้บริการตั้งแต่เวลา 11.30-15.00 น.สำรองที่นั่งล่วงหน้า

http://bit.ly/MahanakhonBangkokSkyBar_Reservation_Lunch

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ชวนร่วมประวัติศาสตร์ซื้อเสื้อThailand Smile With You


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนคนไทยมาร่วมกันในวันนี้...ชื่อของคุณ เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ซึ่งจะช่วยกันส่งต่อพลังใจ พลังรอยยิ้มของคนไทย โดยทุกการสั่งจองชื่อของคุณ จะปรากฏบนเว็บไซต์พร้อมให้เข้าไปค้นหาเสื้อตัวพิเศษสำหรับคุณเท่านั้น

จึงขอเชิญชวนมาเป็นส่วนหนึ่งของพลังรอยยิ้มเพียงสั่งจองเสื้อฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ รุ่นพิเศษ THAILAND SMILES WITH YOU ในราคาตัวละ 2,500 บาท เพียง 10,000 ตัว วันนี้เหลือไม่ถึง 2,000 ตัวสุดท้าย

รายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย สมทบทุนการพัฒนาวัคซีนอาร์เอ็นเอเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของคณะวิทยาศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโครงการเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 อื่นๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/2OLfGa5

ข่าวที่ 4 ททท.ดัน5ภูมิภาคลุยโค้งสุดท้ายโกยตลาดไฮเอนด์3กลุ่มเป๋าหนัก

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนการตลาดในประเทศช่วงโค้งสุดท้ายระหว่างสิงหาคม-ตุลาคม นี้ โดยให้ทั้ง 5 ภูมิภาค ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บุกเจาะนักท่องเที่ยวในประเทศที่มีกำลังซื้อสูงไฮเอนด์ 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรก คนไทยที่เคยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ (outbound)  ซึ่งมีปีละไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน กลุ่มที่สอง ชาวต่างชาติพำนักอยู่ในเมืองไทย (Expat) เพื่อสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าซึ่งท่องเที่ยวในประเทศสามารถทำสัดส่วนรายได้ 1 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท กลุ่มที่สาม การเดินทางจัดประชุมสัมมนาในประเทศของหน่วยงานภาครัฐ องค์กร บริษัทเอกชน

แผนการตลาดในประเทศเชิงรุกเจาะกลุ่มไฮเอนด์หรือพรีเมี่ยมนั้น สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศขานปูพรมส่งสัญญาณการเติบโตต้อนรับฤดูท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ควบคู่กับการสร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากภายในส่งสัญญาณให้ต่างประเทศได้ด้วย เป้าหมายหลักยังสามารถฟื้นฟูธุรกิจและการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน

ข่าวที่ 5 ททท.แจกแล้วของขวัญฟรีฮีโร่5พันคนตั๋วบินห้องพักแพกเกจทัวร์

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสรผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้การจัดทำโครงการ Holiday For Heroes เพื่อมอบของขวัญเป็นรางวัลการท่องเที่ยวให้บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก เจ้าหน้าที่เปลสนาม ตามสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชน เพื่อตอบแทนที่ทุกคนร่วมกันทำงานมาตลอดช่วงไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ได้จับฉลากได้รายชื่อผู้โชคดีพร้อมทั้งส่ง SMS แจ้งเรียบร้อยแล้ว 5,000 คน จากจำนวนผู้สนใจสมัครรวมทั้งสิ้น 34,169 คน กำหนดเปิดให้เลือกรับของขวัญฟรีช่วงวันที่ 11-15 สิงหาคม 2563 จากนั้นจึงให้ผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนมาร่วมมอบของขวัญให้เหล่า “ฮีโร่” อีกครั้งระหว่าง 11-31 สิงหาคม 2563

โครงการนี้  ททท. จะให้สิทธิ์ ฮีโร่ทั้ง 5,000 คน เลือกรับของขวัญ 3 รายการ ประกอบด้วย 1.ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 1 ใบ 2.Voucher โรมแรมที่พักระดับ 4-5 ดาว 1 คืน และ 3.แพ็คเกจทัวร์หรือกิจกรรมท่องเที่ยว 1 ใบ รวมมูลค่า 8,000 บาท มูลค่ารวมประมาณ 40 ล้านบาท โดยสามารถเลือกของขวัญฟรี ได้ทาง www.holiday-forheroes.com ระหว่างวันที่ 11 -15 สิงหาคม 2563

รวมทั้งให้สิทธิพิเศษแก่เหล่าฮีโร่ผู้โชคดีชวนครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ร่วมทริปเดินทางไปด้วยกันได้ ด้วยการเลือกซื้อสินค้าและบริการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ตั๋วเครื่องบิน แพ็คเกจทัวร์ สปา ร้านอาหาร ได้ในราคาสุดพิเศษลดสูงสุดถึง 50% สามารถซื้อได้ทาง forfamily.holiday-forheroes.com ระหว่างวันที่ 11 -31 สิงหาคม 2563

ทั้งนี้ฮีโร่ผู้ได้รับสิทธิควรศึกษาเงื่อนไขการใช้ Voucher เพิ่มเติมจากรายละเอียดของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ หรือเลือกรับ Voucher เพื่อความสะดวกในการจัดการวางแผนท่องเที่ยว หรือจะเข้าไปดูกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ Holiday for heroes ได้ที่ www.holiday-forheroes.com หรือทาง Line Official: @holiday4hero Facebook: https://www.facebook.com/holidayforheroesthailand/ Call center: 02-1055479

ข่าวที่ 6 ททท.ระยองชวนทุกเจนร่วมประกวดหนังสั้น”ทะเล...แห่งรัก”


นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง เปิดเผยว่า ร่วมกับสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย เชิญชวนคนไทยหัวใจเดินทาง มาร่วมกันประกวดภาพยนตร์สั้น หัวข้อ “ทะเล...แห่งรัก” ชิงรางวัลรวม 100,000 บาท รางวัลชนะเลิศ 50,000 บาท รางวัลที่ 2 มูลค่า 30,000 บาท รางวัลที่ 3 มูลค่า 20,000 บาท โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของภาคตะวันออก

 

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประกวดภาพยนตร์สั้น “ทะเล...แห่งรัก” ไม่ว่าจะเป็นเจนเนเรชั่นไหนก็เข้าร่วมได้อย่างอิสระ ขอแค่มีความรักและชื่นชอบทะเล แล้วผลิตเรื่องราวเนื้อหาออกมาด้วยความยาวไม่เกิน 6 นาที ความคมชัดระดับ FullHD ส่งผลงานหนังสั้นได้ภายในวันที่ 6 กันยายน 2563 ส่งเป็นไฟล์ Mp4 ได้ที่ thdirector@gmail.com

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อร่วมประกวดภาพยนตร์สั้น “ทะเล...แห่งรัก” ได้ที่เพจของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

ข่าวที่ 7 บางจากครึ่งปีแรกขาดทุน6.5พันล้านลุยฟื้นครึ่งหลังปี’63

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ของกลุ่มบางจากได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงหลังจากหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และผ่อนปรนมาตรการการเดินทางมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งเพิ่มขึ้น

 

ผลการดำเนินงานกลุ่มบางจากครึ่งปีแรก 2563 มีรายได้รวม 69,665 ล้านบาท EBITDA ติดลบ 1,415 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 6,571 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.02 บาท ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ผลิตภัณฑ์กลุ่มล่าสุด Gasohol S EVO FAMILY ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม ตอบโจทย์คนเดินทางด้วยรถส่วนตัว ส่งผลให้ยอดขายผ่านสถานีบริการฟื้นกลับเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

 

ครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัว อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินมีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรร่วมมือกันลดกำลังการผลิตได้ตามข้อตกลง คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเริ่มฟื้นตัวได้

 

ในไตรมาส 2 ปี 2563 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 26,594 ล้านบาท ลดลง 38 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 1,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี Operating EBITDA 2,645 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Loss 1,725 ล้านบาท (รวมกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 1,635 ล้านบาท) และเมื่อรวมการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้การค้ารายใหญ่ และการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจค้าปลีกในกลุ่ม 

ส่งผลให้ไตรมาสนี้ขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,911 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 59 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและปรับตัวลดลง462 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นขาดทุน1.50 บาท/หุ้น

ข่าวที่ 8 TCEBประกาศเพิ่ม “สงขลา-โคราช”เมืองไมซ์ ซิตี้แห่งใหม่ของไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการประเมินเมืองไมซ์ซิตี้เพื่อรับรองผลการประเมินการเป็นเมืองไมซ์ซิตี้ประจำปี พ.ศ.2563 จัดประชุมประกาศรายชื่อ MICE CITY ที่ยื่นขอรับการประเมินแล้วผ่านเกณฑ์มาตรฐานเพิ่มเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ลำดับที่ 6 และ 7 อีก 2 จังหวัด คือ สงขลา และ นครราชสีมา

ขณะนี้ทั้งสงขลาและนครราชสีมา ได้ผ่านการประเมินทั้งภายในและจากการให้ผู้ตรวจประเมินภายนอกตรวจเอกสารหลักฐาน ตามเกณฑ์เรียบร้อยแล้วทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1.ความสะดวกในการเข้าสู่เมืองและสถานที่จัดงาน 2.การสนับสนุนการจัดงานไมซ์จากที่เมืองจัดงาน 3.กิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก 4.สถานที่จัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวก 5.ภาพลักษณ์และความมีชื่อเสียงของเมือง 6.สภาพแวดล้อมของเมือง 7.ความเสี่ยงในการยกเลิกงานและ 8.การรักษาความปลอดภัย

สำหรับสงขลามีจุดเด่นเป็นประตูเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน ด้วยศักยภาพทั้งทางด้านความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) ทางด้านการค้า การลงทุนการบริการคมนาคม ที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง มีแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนไทยและชาวต่างชาติ ประการสำคัญเป็นเมืองแห่งจุดหมายปลายทางตลาดไมซ์ทั้งการจัดประชุม สัมมนา การจัดงานแสดงสินค้า และงานอีเว้นต์

โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมตามเกณฑ์มาตรฐาน มีศูนย์ประชุม และสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ภายในโรงแรม บริษัทจัดงาน  รวมถึงเป็นเมืองที่มีสีสันสามารถจัดกิจกรรมพิเศษต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ได้ตลอดทั้งปี 

            ขณะที่นครราชสีมาก็มีลักษณะทางกายภาพและศักยภาพคล้ายคลึงกับสงขลา นั่นคือเป็นประตูเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสถานที่รองรับการจัดไมซ์ได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยว ศึกษาเรียนรู้มากมาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน

                ช่วงที่ 2 ออกเดินทางกับจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ท่องเที่ยวสายบุญในอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เส้นทางขอพรมั่งคั่งเป็นเศรษฐีได้จาก 2 วัดเทรนด์มาแรง “วัดโคกอู่ทอง” สัมผัสมหามณฑปเรเนซองส์โรมันบวกพลังหยิน-หยาง 12 นักษัตริย์ กับ “วัดแจ้ง(เมืองเก่า” สักการะท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่สุดในโลก แล้วก็ดูแลสุขภาพด้วยการ “เรียนรู้วิธีกินอาหารให้พอดีแต่ละวันแต่ละวัย” ส่วนข่าวฮ็อตส่งท้ายด้วย 2 เรื่อง การบินไทย “ยอมรับครึ่งปีแรกรายได้หด 5.1 หมื่นล้านบาท ขาดทุน 2.8 หมื่นล้านบาท กับมินิบอร์ดมีมติให้เสนอชื่อ 7 รายชื่อฟื้นฟูกิจการการบินไทยต่อศาลล้มละลายกลาง 17 สิงหาคม 2563 ส่วนข่าวร้อน ๆ น่ารู้ “เก้าอี้เวียนนายกท่องเที่ยว2 สมาคม” สุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นั่งนายกสมาคมทีทีเอเอ ส่วน “เสี่ยแตงโม-ธนวรรธ ชีวรัตนาพร” หมุนไปนั่งนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ “แอร์เอเชีย” รุกไม่หยุดเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ SNAP ชิงทำโปรขายแพกเกจตั๋วบินบวกห้องพักราคาถูกสุดๆ

 

เที่ยววัด”โคกอู่ทอง-วัดแจ้ง”ปราจีนฯเส้นทางขอพรเป็นเศรษฐี

                จุดหมายปลายทางเที่ยวใกล้กรุงจะชวนไป“ท่องเที่ยวศาสนา” ในจังหวัดปราจีนบุรี แนะนำให้ไปเช็คอินเที่ยววัดอำเภอประจันตคาม จุดเติมพลังความศรัทธา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรดวงเศรษฐีมั่งคั่งร่ำรวย


วัดแรก “วัดโคกอู่ทอง” ตำบลโพธิ์งาม เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมมหามณฑปสไตล์เรเนซองส์ตามแบบโรมันตะวันตก โดยมีครอบครัว “คุณสมชัยและคุณกนกวรรณ ยาจันทร์ทา” พร้อมศิษยานุสิตจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกันบริจาคเงินทุนสร้างมหามณฑป ตามที่หลวงปู่โสฬส ยโสธโร เกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาสั่งก่อนละสังขารไว้มิให้เผาร่างของท่าน ขอให้เก็บร่างกายท่านไว้ให้อยู่คู่วัดนี้

 

                มหามณฑปวัดโคกอู่ทองแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในอำเภอประจันตคามหลังนี้ เริ่มสร้างเมื่อปี 2556 มาแล้วเสร็จปี 2562 ขนาดความสูง 32 เมตร กว้างและยาว 24 เมตร เพื่อครอบสรีระสังขารของหลวงปู่โสฬสที่บรรจุอยู่โรงเรือนแก้วใส ภายนมหามณฑปหลังนี้มีความงดงามแปลกตา เป็นศูนย์รวมพลังจักรวาล “หยิน-หยาง” ผูกเข้ากับอิทธิบาทสี่ของชาวพุทธ ตามลักษณะการออกแบบก่อสร้างให้บริเวณตรงกลางโดมประดับลวดลายตะวันตกแบบโรมัน ด้านบนสุดทำสัญลักษณ์กากบาทอยู่ตรงกลาง แทนคติธรรมความสำเร็จทั้งปวงของอิทธิบาทสี่ “ฉันทะ-วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา” พื้นมณฑปด้านล่างตรงกลางสร้างเป็น “ปีนักษัตรย์ทั้ง 12” เชื่อมโยงกันระหว่างหลังคาโดมกับพื้นทำให้เกิดพลังหยิน-หยาง กระจายเป็นประจุพลังบนนักษัตริย์ทั้งสิบสอง

 

                ด้านหน้ามหามณฑปประดิษฐานรูปหล่อองค์หลวงปู่โสฬส มีครุฑและสิงขรรายล้อมแท่นรูปหล่อ ปิดยอดด้วยฉัตรจำลองรูปโดมสีเขียวตัดกับทองด้านบน เพื่อสื่อถึงความรู้และความเจริญทั้งหลายอันไม่สิ้นสุด แต่ละทิศประดับด้วยกระจกสแตนเลสกลางกระจกทุกบานจะมีพระเครื่องซึ่งหลวงปู่ปลุกเสกไว้ให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย

                เมื่อแวะมาสักการะมหามณฑปวัดโคกอู่ทอง นักท่องเที่ยวจะได้กราบ 4 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1. “พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้จากมูลนิธิพระบรมธาตุในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมเด็จพระญาณสังวร สกลสังฆปรินายก ประดับอยู่ในซุ้มดาวจักรวาล 2. “พระพุทธรูปปรางนาคปรก” สัญลักษณ์แสดงถึงการน้อมนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติอย่างถึงที่สุด 3.พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวชล้อมด้วยเลข 5 4. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” ขณะทรงผนวชล้อมด้วยเลข 9

                ส่วนบริเวณรอบนอกมหามณฑป ก็ยังจะได้สักการะ “พระพุทธมหาบูรพา” หรือหลวงพ่อใหญ่ เรื่อยไปจนถึง “สระน้ำรูปไซ” ลึก 15 เมตร มีศาลารายล้อมอยู่รอบบ่อน้ำพร้อมโคมไฟตุ๊กตาศิลปะโรมัน บ่อนี้มีความเชื่อว่าเปรียบเสมือนไซที่ดักนำทรัพย์สินเงินทองเข้ามาสู่ตัวเรา ขณะที่ด้านหน้าจัดทำ “ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง” แกนเสาหลัก 8 ต้น ด้านในบรรจุเรือขุดโบราณที่เจ้าแม่ตะเคียนกราบขอความเมตตาจากหลวงปู่โสฬสให้นำขึ้นมาจากแม่น้ำ

                ขณะนี้วัดโคกอู่ทองเปิดให้เข้าชม “มหามณฑป” ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-17.00 น.ส่วนบริเวณโดยรอบวัดปัจจุบันยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง หากแล้วเสร็จจะมีเส้นทางเชื่อมโยงให้ท่องเที่ยววิถีวัดแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ โทร.สอบถามเพิ่มที่ 087-588-1111

ท้าวเวสสุวรรณ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ในวัดแจ้ง (เมืองเก่า) อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

                ไม่ไกลกันสามารถแวะ “วัดแจ้ง” (เมืองเก่า) เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งชื่อเสียงโด่งดังเรื่องมี “ท้าวเวสสุวรรณ” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่กลางแจ้งด้านหลังวัด กล่าวกันว่าท้าวเวสสุวรรณเป็นยักษ์ผู้มีเมตตาและผู้คนนิยมมาขอพรขอความร่ำรวยเป็นเศรษฐี

 

                ปัจจุบัน “หลวงปู่โทน” ได้สร้างอาคารชั้นเดียวภายในได้นำรูปปั้นเกจิอาจารย์ดังทั้งหมดของประเทศมาเก็บไว้ เพื่อให้ลูกหลานมีโอกาสได้เข้ามากราบสักการะ เรียนรู้วิถีพุทธศาสนา ส่วนบริเวณใกล้ ๆ กันมีโบสถ์ซึ่งภายในมีพระบรมสารีริกธาตุ และด้านติดทะเลสาบก็จัดทำเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม

 

                ออกมาสร้างประสบการณ์เติมพลังบุญในมหามณฑป “วัดโคกอู่ทอง” กับ ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ “วัดแจ้ง” (เมืองเก่า)แล้วขอพรตามความเชื่อจะได้เป็นเศรษฐีในเร็ววัน จริงหรือไม่อย่างไรต้องชวนกันไปพิสูจน์ได้ในประจันตคาม ปราจีนบุรี เส้นทางท่องเที่ยวแห่งศรัทธาสายใหม่ของเมืองไทย

การกินอาหารให้พอดีให้แต่ละวันของคนวัยต่าง ๆ 3กลุ่ม

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ การได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีปริมาณถูกต้องเหมาะสมตามวัยในแต่ละวัน ก็จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมัน น้ำตาลและเกลือ ควรใช้แต่น้อยเท่าที่จำเป็น

เด็กอายุ 6-13 ปี/หญิงวัยทำงาน 25-60 ปี/ผู้สูงอายุ 60 ปี = 1,600 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย 1.ข้าว-แป้ง 8 ทัพพี 2.ผัก 4-6 ทัพพี  3.ผลไม้ 3-4 ส่วน 4.เนื้อสัตว์ 6 ช้อนกินข้าว  5.นม 1-2 แก้ว

วัยรุ่นอายุ 14-25 ปี/วัยทำงานอายุ 25-60 ปี = 2,000 กิโลแคลอรี 1.ข้าว-แป้ง 10 ทัพพี 2.ผัก 5 ทัพพี 3.ผลไม้ 5 ส่วน 4.เนื้อสัตว์ 9 ช้อนกินข้าว  5.นม 1 แก้ว

เกษตรกร/ผู้ใช้แรงงาน/นักกีฬา = 2,400 กิโลแคลอรี 1.ข้าว-แป้ง 12 ทัพพี 2.ผัก 6 ทัพพี 3.ผลไม้ 5 ส่วน 4.เนื้อสัตว์ 9 ช้อนกินข้าว 5.นม 1 แก้ว

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก บินไทยครึ่งปีแรกปี'63รายได้ลด5.1หมื่นล้านขาดทุน2.8หมื่นล้าน

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ กลุ่มบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ครึ่งปีแรก ปี 2563 มีรายได้รวม 40,493  ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 51,807 ล้านบาท ขาดทุนรวม  28,029 ล้านบาท แบ่งเป็นดังนี้

                ไตรมาส 1 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 38,001 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 11,790 ล้านบาท ลดลง 23.7% ขาดทุน 22,676 ล้านบาท  ไตรมาส 2 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,492 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 40,017 ล้านบาท หรือลดลง 94.1% ขาดทุน 5,353 ล้านบาท

นายชาญศิลป์ยืนยันสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศจำเป็นต้องดำเนินมาตรการควบคุมและจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด ทำให้ปริมาณความต้องการเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศลดลงเป็นอย่างมาก การบินไทยต้องลดเที่ยวบินให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารที่เดินทาง บวกกับมีมาตรการและการบริหารจัดการด้านการเงินและกระแสเงินสดอย่างเคร่งครัด 

ทำให้ไตรมาส 1 มีรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลง และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 42,609 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 8,010 ล้านบาท ลดลง15.8% บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 22,676 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 456 ล้านบาท

ไตรมาส 2 ปีนี้ ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประกาศห้ามอากาศยานขนส่งผู้โดยสารทำการบินเข้าสู่ประเทศไทย การบินไทยจึงทำการบินเฉพาะเที่ยวบินขนส่งสินค้าเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight) และเที่ยวบินพิเศษเพื่อนำคนไทยกลับบ้าน ทำให้มีปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (ASK) ลดลง 96.5% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) ลดลง 99.5% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 10.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ย 74.7% มีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 0.08 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 98.6% 

ขณะที่การขนส่งสินค้ามีอัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (Freight Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 99.9% สูงกว่าปีก่อนเฉลี่ย 52.8% เนื่องจากหยุดบินชั่วคราว ทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดรายได้จากธุรกิจการบิน แต่มีรายได้ในส่วนอื่นทดแทน ได้แก่ 1.รายได้จากการขนส่งสินค้า 2.การจัดเที่ยวบินพิเศษการให้บริการสายการบินลูกค้า 3.การจำหน่ายอาหารจากครัวการบิน จึงมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,492 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 40,017 ล้านบาท หรือ 94.1% 

แต่ในไตรมาส 2 การบินไทยมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น อีกทั้งคณะกรรมการบริษัทฯ ฝ่ายบริหารและพนักงานร่วมกันสมัครใจปรับลดเงินเดือนตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม 2563 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายทำให้มีค่าใช้จ่ายรวม 16,193 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 33,428 ล้านบาท ลดลงได้ 67.4% ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 5,353 ล้านบาท ต่ำกว่าจากปีก่อน 1,525 ล้านบาท ลดลง22.2%

ข่าวที่สอง การบินไทยชง7รายชื่อฟื้นฟูเสนอศาลล้มละลายกลาง17ส.ค.63

ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “มินิบอร์ด” กล่าวว่าเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ทีมฟื้นฟูได้มาประชุมพร้อมรายงานความคืบหน้าขั้นตอนการจัดทำแผนฟื้นฟูและการแก้ไขปัญหาการบินไทย และจะต้องนำรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนการฟื้นฟูฯ เข้าสู่การพิจารณาของศาลล้มละลายกลางซึ่งกำหนดไต่สวนนัดแรกวันที่ 17 สิงหาคม 2563

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกทีได้พบกับนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ที่มารับหน้าที่แทน นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล โดยพูดคุยกันถึงเมื่อการบินไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้วมีปัญหาอุปสรรคจะให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องใดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยเสนอเข้ามาหลายเรื่อง รวบรวมส่งให้รัฐบาลช่วยแก้ไขไปแล้วบางส่วน

นายชาญศิลป์ ยืนยันว่าวันที่ 17 สิงหาคม นี้ ได้รายงานที่ประชุมมินิบอร์ด เตรียมจะเสนอรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทยให้กับศาลล้มละลายกลางพิจารณา 7 รายชื่อ ดังนี้ 1.บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด 2.พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานบอร์ด และกรรมการอีก 5 คน คือ 3.นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 5.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ 6.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และ 7.นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร

ข่าวที่สาม เก้าอี้เวียนนายกฯท่องเที่ยว2สมาคม “ทีทีเอเอ-สทน.”ปี63-64

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสมาคมท่องเที่ยวได้จัดประชุมสมาชิกสามัญประจำปี พร้อมกับเลือกตั้งนายกสมาคมและคณะกรรมการชุดใหม่ 2 สมาคม ได้แก่ 1.สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (TTAA)นำคนไทยเที่ยวต่างประเทศ(outbound) เลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ทางนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นำทีมเฉือนเอาชนะคู่แข่งคือนายเจริญ วังอนานนท์ คว้าเก้าอี้นายกสมคมทีทีเอเอแทนนายธนพล ชีวรัตนพร ดำรงตำแหน่ง 2 ปี ระหว่าง  2563-2654

2.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ประชุมสามัญประจำปีพร้อมเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ผลปรากฎว่า นายธนพล ชีวรัตนพร ซึ่งหมดวาระจากนายกสมาคมทีทีเอเอก็มาลงชิงเก้าอี้นายกสมาคม สทน. (แทนนายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ ซึ่งหมดวาระลง) โดยได้รับคะแนนจากสมาชิกโหวตเป็นผู้ชนะคู่แข่งคือ นายลภณ ซ่อมประดิษฐ์(อดีตอุปนายก สทน.) กับนายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งประกาศถอนตัว

 

ข่าวที่สี่ แอร์เอเชียเปิดSNAPขายโปรโมชั่นแพกเกจถูกสุดตั๋วบิน+ห้องพัก

แอร์ เอเชีย รายงานว่า ได้เปิดกลยุทธ์การขายแนวใหม่บนแพลตฟอร์ม SNAP ผ่านช่องทาง AirAsia.com ยกระดับเป็นผู้นำตลาดเอเชียแปซิฟิก ให้บริการ จองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก” ในราคาสุดคุ้ม! กับแพกเกจเริ่มต้นเพียง 2,235บาท/คน ในการเดินทางด้วยเที่ยวบินพร้อมโรงแรม 3 วัน 2 คืน ในเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี อุบลราชธานี และอื่น ๆ จองได้ตั้งแต่วันนี้- 16 สิงหาคม นี้ เริ่มเดินทางได้ 17 สิงหาคม - 3 ธันวาคม 2563  โดยขอให้นักท่องเที่ยวอ่านรายละเอียดเงื่อนไขก่อนทุกครั้งเพื่อคลิกจองซื้อที่ AirAsia.com

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai