เจาะลึกมูลนิธิปิดทองหลังพระชูศาสตร์พระราชาพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์ เปิดโมเดลQuick Win "แม่กอน-ห้วยลึก"เชียงดาวมีอาชีพรายได้พึ่งพาตนเอง
เจาะลึก
“มูลนิธิปิดทองหลังพระ”ชูศาสตร์พระราชาพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์
เปิดโมเดลQuickWin“แม่กอน-ห้วยลึก”ชุมชนมีอาชีพรายได้พึ่งตนเองได้
แบงค็อกสกายบาร์”เสิร์ฟทะเลโลกเมนูใหม่มื้อกลางวัน3คอร์สไม่ถึง2พันบาท
คิงเพาเวอร์พาเหรด4แบรนด์บิวตี้โลกร่วมเทรนด์ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ทันที
ททท.ดึงย่านราชประสงค์รับตรามาตรฐานSHAครบ17อาคารหนุนท่องเที่ยว
ททท.จัดใหญ่60ช่างภาพเปิดภาพเมืองไทยAmazingยิ่งกว่าเดิมรอชมก.ย.
ททท.อีสานบูมตลาดเลดี้กอล์ฟเปิดสนามเอ็กซ์คลูซีฟเขาใหญ่โชว์29ส.ค.63
ชุมชนแม่กอน-ห้วยลึก จ.เชียงใหม่ชูความสำเร็จมูลนิธิปิดทองหลังพระ
More Funเที่ยวสบายๆในสัตหีบ ชลบุรีชีล2สไตล์ “บางเสร่-หาดเตยงาม”
5วิธีดูแลสุขภาพเร่งรณรงค์คนหันมาปรับพฤติกรรมเพื่อเปลี่ยนชีวิตที่ดียืนยาว
มูลนิธิปิดทองหลังพระนำทีม8องค์กรรุกทำบิ๊กโปรเจกต์
“คิดใหม่ไทยก้าวต่อ”
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพอัดโปรห้องพักหรูคุ้มสุด ๆ เหลือคืนละ3,900บาท
โรงแรมลอฟท์กรุงเทพรุกโปรโมชั่นฮ็อตยาวข้ามปีห้องพัก/อาหารลด15-25%
นายนพวัชร สิงห์ศักดาที่ปรึกษามูลนิธิปิดทองหลังพระ
สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #ศาสตร์พระราชาพัฒนาพื้นที่ประยุกต์ #บ้านแม่กอนบ้านห้วยลึกเชียงดาว #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ #MoreFunสัตหีบบางเสร่หาดเตยงาม
ช่วงที่ 1 ลงพื้นที่ไปกับ “นายนพวัชร
สิงห์ศักดา”
ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ
“มูลนิธิปิดทองหลังพระ” นำร่องโปรเจ็กต์ Quick Win “พัฒนาพื้นที่ประยุกต์”
พัฒนาทางเลือกด้วยศาสตร์พระราชา ขยายผล “ร้อยใจรัก” อำเภอเชียงดาว นำร่อง 2 ชุมชน
“บ้านแม่กอน-ห้วยลึก” สร้าง “ฝายน้ำครบวงจร” ขยายตลาดชุมชน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้
อย่างยั่งยืน ยกระดับหย่อมบ้านชาติพันธุ์ชาวเขาพึ่งพาตนเองเน้นความรักสามัคคี
ปูพรมอนาคตต่อยอดสู่ “หมู่บ้านท่องเที่ยว” ที่มีศักยภาพโดดเด่นทั้งด้านหัตถกรรมปักทอผ้าชนเผ่า
วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต งดงาม
นายนพวัชร
สิงห์ศักดา
ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ
“มูลนิธิปิดทองหลังพระ” เปิดเผยว่า ทางปิดทองหลังพระกำลังเร่งเดินหน้าโครงการ
“พัฒนาทางเลือกด้วยศาสตร์พระราชา” สร้างความสามัคคีแก้ปัญหาชุมชนพื้นที่ห่างไกล ขยายผลโครงการร้อยใจรัก
ทำให้ชาวบ้านมีแหล่งทำมาหากิน อาชีพ และรายได้ พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งล่าสุดนำทีมลงพื้นที่ในอำเภอเชียงดาว
จังหวัดเชียงใหม่ 2 ชุมชน คือ บ้านแม่กอน และห้วยลึก
โดยเชียงดาวเป็น 1 ใน 19 อำเภอ เพื่อแผนการแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จในภาคเหนือตอนบนซึ่งมี 4 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา
แม่ฮ่องสอน อำเภอเชียงดาวเป็นพื้นที่ชายแดน เป้าหมายหลักคืออำเภอเชียงดาว แม่อาย
ฝาง เป็นหลักการพัฒนา ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายทำโครงการขยายผลมาจากโครงการ “ร้อยใจรัก”
พื้นที่นำร่องแก้ปัญหายาเสพติดเริ่มต้นจากบ้านห้วยส้าน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย
จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
แก้เรื่องยาเสพติดโดยตรงให้หมดสิ้นจากตำบลท่าตอน โดยเฉพาะช่วงปี 2559 ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ถูกจับดำเนินคดี
ทางกระทรวงยุติธรรมเล็งเห็นถึงโครงการร้อยใจรัก
บ้านห้วยส้าน น่าจะเป็นต้นแบบการแก้ปัญหาพื้นที่อื่น ๆ โดย ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล
เลขานุการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ขอให้ท่านเข้ามาช่วยทำ
แต่ด้วยภารกิจหลักของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงไม่สามารถทำภารกิจดังกล่าวได้
เนื่องจากต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก บวกกับทรัพยากรหลายอย่างให้ลุล่วงอย่างเบ็ดเสร็จได้
ในฐานะที่ท่านเป็นประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริมูลนิธิปิดทองหลังพระจึงมอบเข้ามาทำภารกิจนี้
ตามแนวทางพัฒนาคนเพื่อนำแนวทาง
“การพัฒนาตามศาสตร์พระราชาตำราแม่ฟ้าหลวง”ในพื้นที่เป้าหมายภาคเหนือตอนบนขยายผลโครงการร้อยใจรักใน
19 อำเภอ
ใน 19 อำเภอ 47 หมู่บ้าน โครงการขยายผลร้อยใจรัก
ได้นำร่องที่ “บ้านแม่กอน” ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว วัตถุประสงค์คือเปิดโอกาสให้ชาวบ้านพื้นที่เป้าหมายเสนอโครงการมายังปิดทองหลังพระ
พัฒนาร่วมกับ หน่วยราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ทางสถาบันปิดทองหลังพระเห็นว่าน่าจะมี
“หมู่บ้านตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่ขยายผลโครงการร้อยใจรัก”
ในเชียงใหม่จึงได้เลือก “บ้านแม่กอน” ตำบลทุ่งข้าวพวง
เป็นต้นแบบ “การพัฒนาชนบทเชิงประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ หรือ พชร.”
ซึ่งเป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่ ภารกิจหลักในการทำงานของปิดทองหลังพระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เคยทำแผนพัฒนา พชร.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีกหลายหน่วยงาน เรื่องการทำแผนชุมชนเรื่องการพัฒนาหมู่บ้าน
จึงได้นำแผนงานมาประยุกต์พัฒนาในหมู่บ้านแม่กอน ยึดหลัก
“แนวพระราชดำริตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และในพื้นที่ใช้หลัก
“เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา”
ตามแนวพระราชดำริพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
เดินหน้าพัฒนาด้วย 3 ขั้นตอน ที่บ้านแม่กอน
จะเน้นเพิ่มศักยภาพการพึ่งพาตนเอง อยู่รอดของครอบครัว พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค
บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรที่ขาดแคลน ถึงจากขาดการบริหารบริหาร
การนำน้ำมาใช้ไม่มีศักยภาพ ให้น้ำใช้ได้อย่างทั่วถึง
การเริ่มต้นพัฒนาจาก “น้ำ” จะขยายผลไปสู่โดยใช้ 6 มิติ “น้ำ-ดิน-ป่า-เกษตร-สิ่งแวดล้อม-พลังงานทดแทน” พัฒนาตามขั้นตอนควบคู๋การนำทฤษฎีใหม่เข้ามาใช้ ซึ่งขณะนี้เรามองเห็นการพัฒนาบ้านแม่กอนในเชิงความเร่งด่วน หรือ Quick Win วิธีการต้องให้ “ชาวบ้านลุกขึ้นมาลงมือทำเอง” หรือ “ระเบิดจากข้างใน” โดยทางสถาบันปิดทองหลังพระไม่ใช้วิธีเข้าไปจ้างชาวบ้าน แต่จะให้เรื่องการจัดหาอุปกรณ์ทำมาหากิน
ที่บ้านแม่กอนได้ลงมือทำเสร็จแล้ว คือ ฝายน้ำอุปโภคบริโภค 3 ตัว ฝายน้ำเพื่อการเกษตรอีก 3 ตัว นำน้ำไปใช้ประโยชน์กระจายสู่ 7 หย่อมหมู่บ้าน เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านทั้งหมดโดยไม่ได้ใช้เงินจ้างแรงงานทั้งสิ้น
ขั้นต่อไป “พัฒนาอาชีพเกษตร” ปัญหาของบ้านแม่กอนคือการบริหารพื้นที่เชิงการเกษตรซึ่งมีที่ทำนาน้อยเนื่องจากเป็นที่ราบ สามารถปลูกข้าวแค่เลี้ยงตัวเท่านั้น หรือบางหย่อมหมู่บ้านไม่มีพื้นที่ทำนาเพราะอาศัยอยู่ตามภูเขา ก็ปลูกพืชอื่น เช่น ข้าวโพดปลูกได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งทำลายคุณภาพดินและป่า จึงต้องเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาดูเรื่องสิ่งแวดล้อมและป่าควบคู่กันไป
ปีแรกจึงเน้นพัฒนาอาชีพทางด้านการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อให้ทุกครัวเรือนอยู่รอดด้วยอาชีพการเกษตรให้ได้อย่างยั่งยืน
ตามแผนการสร้างความสำเร็จเพื่อสร้างความยั่งยืนในหมู่บ้านแม่กอน ใช้หลักทฤษฎีใหม่ 3 ขั้นตอน เริ่มจาก ขั้นที่ 1 หาวิธีทำให้อยู่รอดอย่างเต็มที่ พึ่งพาตนเองได้ มีความเข้มแข็งในครัวเรือน มีการพัฒนาอาชีพเกษตรต่าง ๆ เมื่อพัฒนาแล้วจะมีวิธีวัดผลการพัฒนาแต่ละด้าน แล้วทำให้ครัวเรือนอยู่รอดได้ เช่น บ้านแม่กอน มีประชากรอยู่ 300 ครัวเรือน หากเกินกว่าครึ่งอยู่รอดได้พึ่งพากันเองในหมู่บ้าน ถือเป็นความสำเร็จขั้นแรกทั้งเรื่องน้ำและการเกษตร
ขั้นที่ 2 ส่งเสริมอาชีพจะเน้น “การรวมกลุ่มอาชีพ” เริ่มจากทำเกษตรแปลงรวม ขอใช้พื้นที่จากอุทยานแห่งชาติให้คนไม่มีที่ทำกินสามารถทำกิน สร้างรายได้ จนพึ่งพาตนเองได้ แล้ววัดผลการรวมกลุ่มมีความเข้มแข็งเพียงพอหรือไม่ เช่น กลุ่มปุ๋ย กลุ่มทำนา กลุ่มเมล็ดพันธุ์ กลุ่มปศุสัตว์ ถ้าเข้มแข็งมากจนพึ่งพาตัวเองก็ถือเป็นความสำเร็จของเราในขั้นที่สองด้วย
ขั้นที่ 3 เพิ่มรายได้ หลังจากได้ทุ่มเททำให้ชาวบ้านมีพื้นที่ทำกิน สามารถสร้างอาชีพ รวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้ แล้วก็ต้องมีรายได้จากอาชีพต่อไป
ชุมชน"บ้านแม่กอน โครงการQuick Win ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ นำร่องพัฒนาพื้นที่เชิง ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ (พชร.) ตอนนี้ชาวบ้านมีอาชีพทำหัตถกรรมและปักทอผ้าสร้าง รายได้พึ่งพาตนเองได้
นายนพวัชรกล่าวว่า อุปสรรคหลัก ๆ
ในการเข้าพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์หมู่บ้านแม่กอน
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของอุทยานแห่งชาติผาแดง ซึ่งมีแนวคิดพัฒนา “คนกับป่า”
เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้โดยคนไม่รุกป่า ทางสถาบันปิดทองหลังพระจึงหารือกับอุทยานฯ
ช่วยกันหาวิธีลงมือทำ โดยทางสถาบันฯ
พัฒนาแหล่งน้ำทางอุทยานก็ช่วยพัฒนาอาชีพให้ชาวบ้านโดยไม่บุกรุกป่า เป็นเรื่องสำคัญ
รวมทั้งหน่วยราชการก็เข้ามาร่วมเต็มที่โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้อำเภอเข้ามาร่วมมือ
ทั้งด้านการเกษตร ปศุสัตว์ อาชีพขยายผลไปสู่หัตถกรรม
ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ในเป้าหมายปลายทางเรื่องการท่องเที่ยว โดยจะต้องดูองค์ประกอบความพร้อมภายในหมู่บ้าน เช่น บ้านแม่กอน มีศักยภาพรองรับการท่องเที่ยวแต่อยู่ในเขตอุทยานไม่สามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง การคมนาคมและโครงสร้างพื้นบานยังไม่สะดวก ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่ในขั้นตอนต่อไปก็น่าจะได้ยกระดับเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวได้
สำหรับศักยภาพของบ้านแม่กอน คือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และการทำงานร่วมกันพัฒนาแหล่งน้ำจนเป็นผลสำเร็จได้ อีกทั้งเสน่ห์ของวัฒนธรรมชนเผ่า การพัฒนาอาชีพ เรื่องการอนุรักษ์ ประเพณี หัตถกรรม ต่าง ๆ สามารถส่งเสริมสู่การท่องเที่ยวต่อไป
ส่วนความร่วมมือที่โดดเด่นของชาวบ้านนั้นเดิมมีอยู่
7 หย่อมบ้าน 3-4 ชนเผ่า แต่ที่ผ่านมาไม่เคยทำงานร่วมกัน
พอสถาบันปิดทองหลังพระเข้ามาพัฒนานำพาเรื่องการเอาแรง ตัวอย่างการสร้างฝายน้ำ
“แม่กอนหลวง” ใช้ประโยชน์อยู่ 2 หมู่บ้าน
คือหย่อมบ้านคนมือกับบ้านใหม่พัฒนา แต่คนหมู่บ้านอื่นอีก 5 หย่อมบ้านก็เข้ามาร่วมสร้างฝายกอนหลวงกันหมด
เช่นเดียวกันพอสร้างฝายบ้านกอนน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ของเผ่าลีซู
บ้านอื่นก็เข้ามาช่วยกันเป็นลักษณะการเอาแรงแสดงถึงความสามัคคี
ตอนนี้ก็มีการทำระบบ “หมวด” พ่อหลวงประจักษ์
หากพื้นที่ใดต้องการพัฒนาหมวดแรงงานก็จะเข้ามาช่วย
สะท้อนถึงความสำเร็จของสถาบันปิดทองหลังพระเรื่องการผลักดันความสามัคคีในชุมชนหย่อมบ้าน
ทำให้การพัฒนาเป็นการนำความสามัคคีดังกล่าว
โดยนำหลักการทรงงานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หากชาวบ้านไม่พร้อมก็จะไม่ทำ แล้วให้ชาวบ้านระเบิดจากข้างในคิดทำด้วยตัวเอง ใช้วิธีสร้างความสัมพันธ์พูดคุยหยิบยกปัญหาขึ้นมาว่าต้องการทำอะไร แต่ชาวบ้านจะต้องลงมือทำกันเอง ทางสถาบันปิดทองหลังพระมีหน้าสนับสนุนซึ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราไม่ใช่หน่วยงานราชการจึงสร้างความศรัทธาเชื่อถือให้ชาวบ้าน เพราะถ้าชาวบ้านมีความพร้อมก็สามารถทำให้เห็นผลได้ทันที
นายนพวัชรกล่าวว่าสถาบันปิดทองหลังพระยังมีภารกิจเข้าไปพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์หมู่บ้านที่
2 อีกแห่งคือ “บ้านห้วยลึก” ตำบลปิงโค้ง
อำเภอเชียงดาว ซึ่งเป็น 1 ใน 47 หมู่บ้านในโครงการร้อยใจรัก ได้นำร่องตั้ง “นักพัฒนาทางเลือก” ไปเรียบร้อยแล้วเรียกว่า Alternative : AD 1-2-3-4 เทศบาลตำบลปิงโค้งกับบ้านห้วยลึกของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง
จัดตั้งโครงการ Quick
Win เรื่องแหล่งน้ำ
แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมลงมือ เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่า
และอีกโครงการจัดเก็บข้อมูลเชิงเศรษฐกิจและสังคม
ดำเนินการวิเคราะห์เสร็จแล้วพร้อมจัดทำแผนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 โดยมีชาวบ้านเข้ามาร่วมทำประชาคมด้วย
ต้องการพัฒนา “ตลาดชุมชน” ซึ่งเดิมมีพื้นที่ตลาดดั้งเดิมอยู่แล้ว
เสนอขอให้ทางสถาบันปิดทองหลังพระเข้าไปสนับสนุนระดมความคิดถอดเมืองแผน
แล้วประสานหน่วยงานราชการ จังหวัดเข้ามารับภารกิจส่งเสริมต่อไป
สำหรับ “ตลาดชุมชนบ้านห้วยลึก” ปัจจุบันทางเทศบาลตำบลจัดสรรพื้นที่ติดถนนให้ชาวบ้านมาจับจองฟรีประมาณ
50 แผง (จ่ายค่าบำรุงรักษาให้เทศบาลเพียงปีละ 120 บาท/แผง)
เพื่อนำสินค้าท้องถิ่นทางการเกษตรขายพืช ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ตามฤดูกาล
ในอนาคตต้องการให้สถาบันปิดทองหลังพระส่งเสริมขยายพื้นที่ตลาดเพิ่มเพื่อรองรับการขายอีกประมาณ
50 แผงค้า
ทั้งนี้ชาวบ้านห้วยลึก ที่นำผัก ผลไม้
มาขายในตลาดชุมชนยืนยันสามารถทำรายได้จากการขายได้วันละ 2,000-10,000 บาท/แผงค้า
บ้านแม่กอนและบ้านห้วยลึก
เป็นชุมชนที่มูลนิธิปิดทองหลังพระเข้าไปส่งเสริมพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์
ทำให้วันนี้ชาวบ้านรวมกับเกือบพันครัวเรือนสามารถมีที่ทำกิน มีอาชีพ และมีรายได้
ตอบโจทย์เรื่องการพึ่งพาตนเองได้อีกแห่งของประเทศ
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 แบงค็อกสกายบาร์”เสิร์ฟทะเลโลกเมนูใหม่มื้อกลางวัน3คอร์สไม่ถึง2พันบาท
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
เชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบเมนูอาหารอร่อย แวะมารับประทานอาหารทะเลบนความสูงเสียดฟ้า ที่
“มหานคร แบงค็อก สกายบาร์” ห้องอาหารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ณ ชั้น 76
อาคาร คิง เพาเวอร์ มหานคร ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ได้เปิดตัวชุดอาหารกลางวัน
ทุกวันระหว่างเวลา 11:30 - 15:00 น. พบกับเมนูใหม่ 3
คอร์ส ราคาเริ่มต้นคนละ 990++ บาท
ช่วงวันธรรมดา วันจันทร์-วันศุกร์
ได้นำเสนอ Seafood Platter พร้อมเมนูเริ่มต้น (Starter) ด้วยอาหารทะเลรสเลิศส่งตรงจากทวีปยุโรป
ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ ราคาเริ่มต้นคนละ 1,490++ บาท
แล้วยังสามารถเพิ่มความพิเศษด้วย Maine Lobster ครึ่งตัวเสิร์ฟพร้อม
Seafood Platter ราคาเพียงคนละ 1,990++ บาท
ผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเลสดใหม่รสชาติดีของมหานคร
แบงค็อก สกายบาร์ มีให้บริการทุกวัน กับชุดอาหารกลางวันเมนูใหม 3
คอร์ส จะได้สัมผัสความพิเศษทุกวันเสาร์และอาทิตย์กับ Seafood Platter ที่มาพร้อมกับกุ้งแลงกู๊สทีนจากสกอตแลนด์
หอยหลอดจากฮอลแลนด์ หอยหวานจากฝรั่งเศส (มอง แซง มิเชล) หอยนางรมจากฝรั่งเศส
(นอร์มังดี) และ Maine Lobster เสิร์ฟคู่กับซีฟู้ดซอสสูตรเด็ด 3
ชนิด ส่วนเมนูอื่นๆ ที่สามารถเลือกอร่อยได้ทุกวัน ได้แก่
เมนู “ไก่นุ่มซอสใบไทม์”
อาหารจานหลัทำจากเนื้อไก่รสนุ่มชุ่มฉ่ำ ปรุงรสด้วยหญ้าฝรั่น ปาปริก้า และกระเทียม
เสิร์ฟคู่กับเบบี้แครอทและเฟรนซ์ฟราย
เมนู “พาสต้าแก้มวัวตุ๋น”
ถือเป็นเมนูไฮไลท์ ที่จะได้ลิ้มรสเนื้อแก้มวัวที่ผ่านการทำให้สุกอย่างช้า ๆ
ปรุงรสด้วยโรสแมรี่ มะเขือเทศ ไวน์แดง และเครื่องเทศ
เสิร์ฟคู่กับพาสต้าปั๊ปปาเดลเล่ โรยหน้าด้วยใบโหระพาสด ใบเซจ และชีสพาร์มีซาน
เมนู “ของหวาน”
ปิดท้ายความอร่อยสุดคลาสสิคเป็นตำนานของฝรั่งเศสอย่าง “แอปเปิลตาแต็ง”
ได้นำแอปเปิลมาปรุงให้สุกอย่างช้า ๆ ในบัตเตอร์คาราเมลจนกลายเป็นสีน้ำตาลทอง
หรือจะเลือก “ช็อกโกแลตทาร์ต” ทำจากช็อกโกแลตมาดากัสการ์ วิสกี้ ซอลท์คาราเมล
สำรองที่นั่งล่วงหน้าโทร.02-677-8722
หรือ www.mahanakhonbangkokskybar.com
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์นำ4แบรนด์เทรนด์บิวตี้ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ทันที
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ พาเหรดแบรนด์ความงามระดับโลกมาให้คนไทยได้เลือกซื้อ กับ 4 แบรนด์หรู “SISLEY-ORIGINS- JURLIQUE- ESTEE
LAUDER รีบมาช้อปกันด่วน ๆ ด้วยคุณประโยชน์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ดังนี้
SISLEY :
PHYTO-BLANC LE CONCENTRE เซรั่มสูตรเข้มข้น ประสิทธิภาพทรงพลัง
พร้อมจัดการกับปัญหาจุดด่างดำ ช่วยฟื้นคืนผิวสวยกระจ่างใส อุดมไปด้วยวิตามินอี
อะซิเทต และอัลฟา บิซาบอลอล ทำหน้าที่เสมือนปราการผิว
ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่ต้องเจอในทุกวัน (125ml 9,200 บาท)
ORIGINS : MEGA
MUSHROOM TREATMENT LOTION (BANGKOK EDITION) โลชั่นทรีตเมนต์อันอุดมไปด้วยสารสกัดจากเห็ดหลินจือ
ถั่งเฉ้าและชากา เพื่อการดูแลผิวพรรณแบบบูรณาการ
ปกป้องและปลอบประโลมผิวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ
พร้อมฟื้นบำรุงผิวให้แลดูสุขภาพดี (400ml 1,845 บาท)
JURLIQUE :
NUTRI DEFINE REFINING SUPREME CLEANSING FOAM / NUTRI DEFINE SUPREME
CONDITIONING LOTION /NUTRI DEFINE SUPREME RESTORATIVE LIGHT CREAM
ตอบโจทย์การดูแลทุกสภาพผิว
ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคอลเลคชั่น Nutri Define ที่ Jurlique คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
และยังให้ความชุ่มชื้นในชั้นผิวอย่างสมดุล ฟื้นฟูบำรุงผิวให้แลดูกระชับ เรียบเนียน
และเปล่งประกายยิ่งขึ้น อย่างผิวสุขภาพดี (100ml 1,440 บาท SHOP NOW
/ 100ml 1,710 บาท SHOP NOW / 50ml 3,360 บาท SHOP
NOW)
ESTEE LAUDER :
REVITALIZING SUPREME+ NIGHT INTENSIVE RESTORATIVE CRÈME ครีมบำรุงเข้มข้นสำหรับกลางคืนที่มีส่วนผสมของ
Moringa Extract ถึง 2 เท่า รวมทั้ง Collagen
Boosters ประสิทธิภาพสูง สารสกัด Sea Lavender Flower
Extract และ Hyaluronic Acid ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
ให้ผิวกระชับจนรู้สึกได้ ลดเลือนริ้วรอย แลดูอ่อนเยาว์ และเก็บล็อกความชุ่มชื้นได้ยาวนาน
(50ml 3,570 บาท)
ข่าวที่ 3 ททท.ดึงธุรกิจย่านราชประสงค์เข้ามาตรฐานSHAครบ17อาคารหนุนท่องเที่ยว
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์
เดินหน้าดึงสมาชิกเข้าร่วมโครงการ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration เปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของสถานประกอบการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค
COVID-19 และสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวให้ให้กับผู้ที่จะมาใช้บริการ
โดยย่านราชประสงค์เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศซึ่งถือเป็นย่านแรกที่ผู้ประกอบการศูนย์การค้าและโรงแรมในย่านฯ
รวมทั้งหมด 17 อาคาร ได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA ครบทั้งหมด ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร
ศูนย์การค้า บริการสุขภาพ
นับเป็นความร่วมมือผนึกกำลังของสมาชิกที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและพร้อมใจกันขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการการท่องเที่ยวของไทยให้มีศักยภาพ
ปลอดภัยสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจ
เสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดี
เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
ขณะนี้ย่านราชประสงค์ยืนยันว่ามียอดจองห้องพัก
ห้องประชุมสัมมนาโรงแรมต่างๆ แล้วประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละแห่ง
และการที่โรงแรมสมัครเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ก็จะช่วยดันยอดจองห้องพัก
สร้างความคึกคัก รวมถึงเพิ่มยอดรายได้ให้แก่โรงแรมและศูนย์การค้าราชประสงค์เพิ่มขึ้นด้วย
อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้พนักงานออฟฟิศและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ด้วยการมอบโปรโมชั่นแพ็กเกจจากร้านอาหารดัง โรงแรมหรู
และศูนย์การค้าสุดชิคใจกลางกรุงเทพฯ ร่วมมือกันกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวช่วงปลายปี
2563 เป็นต้นไป
นายชาย ศรีวิกรม์
นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า ภาคเอกชนได้ประกาศความพร้อมเป็นย่านแรกในไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์
SHA จาก ททท. และกระทรวงสาธารณสุข
โดยกรมควบคุมโรค ตรานี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ศูนย์กลางธุรกิจการค้า
แหล่งชอปปิงและย่านท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก การได้รับ SHA ครบจะช่วยสร้างความมั่นใจให้คนในประเทศขยับและปรับตัวกลับมาใช้ชีวิตแบบ
New Normal พร้อมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ตามปกติและยังสื่อสารให้ไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงความพร้อมต้อนรับและรองรับการท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพที่ได้รับการยอมรับระดับโลก
ทางสมาคมได้ติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และยินดีร่วมมมือกับโครงการดี ๆ
ดังกล่าว
ข่าวที่ 4 ททท.จัดใหญ่60
ช่างภาพเปิดภาพเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิมรอชมก.ย.นี้
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมนายวินิจ
รังผึ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด ททท. ร่วมกันเปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำโครงการ
“60 ช่างภาพ เปิดภาพเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยจับมือกับนายดาว
วาสิกสิริ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำเครือข่ายช่างภาพและผู้สนับสนุนโครงการ
มีทั้ง มูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทย สมาพันธ์สมาคมการถ่ายภาพแห่งประเทศไทย
สมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ กลุ่มสห+ภาพ ช่างภาพจากอนุสาร อ.ส.ท. กรรมการบริหาร
และสมาชิกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
พร้อมจะเปิดให้ประชาชนได้ชมปลายเดือนกันยายน 2563 เป็นต้นไป
โครงการ
“60
ช่างภาพ เปิดภาพเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม”
ถือเป็นการทำงานร่วมกันในวาระสถาปานาครบรอบ 60 ปีของ ททท. และ RPST เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยผ่านภาพถ่าย ผ่านมุมมองของช่างภาพ 60 คน
ที่เข้าร่วมโครงการผ่านวีดิทัศน์ที่งดงามยิ่งใหญ่
ทั้งหมดเป็นศิลปินภาพถ่ายมืออาชีพจากหลากหลายสาขา ทั้งธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม
สารคดี แฟชั่น สตรีต ข่าว หรืองานภาพโฆษณา เช่น วรนันท์ ชัชวาลทิพากร จีรนันท์
พิตรปรีชา วสันต์ ผึ่งประเสริฐ สงคราม โพธิ์วิไล ตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ วินิจ รังผึ้ง นพดล กันบัว อภินันท์ บัวหภักดี
นัท สุมนเตมีย์หัสชัย บุญเนือง หรรษา ตั้งมั่นภูวดล สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ นคเรศ
ธีระคำศรี มาเรีย ณ ไกลบ้าน และอีกหลากหลายศิลปินดัง
เตรียมพบกับความยิ่งใหญ่ของภาพสวย ๆ ที่
ททท.รวบรวมมาจัดแสดงให้ชมอย่างตระการตาตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 เป็นต้นไป
ข่าวที่ 5 ททท.อีสานบูมตลาดเลดี้กอล์ฟจัดโชว์รอบพิเศษเขาใหญ่29ส.ค.63
นายสมชาย ชมภูน้อย
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
เตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวอีสานด้วยโคงการ “คิดถึง...ก๊วนชวนตีกอล์ฟ
“เลดี้กอล์ฟอีสาน ปี 3” เชิญชวนกลุ่มนางฟ้าก้านเหล็ก150 คน ซึ่งเป็นตัวแทนนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงซึ่งชื่นชอบออกกำลังกายไปออกรอบในสนามกอล์ฟทั่วอีสานกว่า
40 สนาม และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว ททท.จะมอบสิทธิพิเศษให้เข้ามาโชว์วงสวิงที่สนามระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ในวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม 2563 ที่สนามกอล์ฟแรนโซ
ชาญวีร์ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
โครงการนี้ ททท.อีสาน ร่วมกับพันธมิตร Thai Organize และสนามกอล์ฟต่างๆ จัดงาน “เลดี้กอล์ฟ อีสาน ปี
3 “ ตอน “อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน” 40 กว่าสนามในภาคอีสาน ตลอดเดือนสิงหาคม 2563
และได้รวมจัดเป็นกิจกรรมพิเศษขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม 2563 รวมทั้งได้จัดกิจกรรมเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางกระจายไปยังพื้นที่รอบจังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งมีสถานที่เที่ยวหน้าฝนอีสานเขียวให้เลือกพักผ่อนได้หลากหลายแห่งด้วยกัน
ข่าวที่ 6
บีซีพีจีเพิ่มทุน1.3 พันล้านหุ้นตั้งเป้าระดมเงินรวมกว่า 1.02 หมื่นล้านบาท
นายบัณฑิต สะเพียรชัย
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชนป เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20
สิงหาคม 2563 ได้มีมติให้บีซีพีจีเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 2,000
ล้านหุ้น เป็น 3,301.7 ล้านหุ้น โดยวิธีออกหุ้นสามัญที่ออกใหม่ 1,301.7
ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท
การเพิ่มทุนครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายเดิมมีส่วนร่วมระดมทุนผ่านการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
แบบ Right offering (RO) ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 8
หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 11.5
บาท เป็นจำนวนหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 250 ล้านหุ้น
คิดเป็นจำนวนเงินเพิ่มทุนประมาณ 2,875 ล้านบาท พร้อมกับ การเพิ่มทุนแบบ Private
Placement (PP) ในราคาเดียวกัน เป็นจำนวนหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 391.5
ล้านหุ้น คิดเป็นเงินเพิ่มทุนประมาณ 4,502 ล้านบาท
ประกอบกับผู้ที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (ทั้งแบบ RO และ
PP) จะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน
(Warrant) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ตามสัดส่วนการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ได้แก่
1) สำหรับผู้ถือหุ้น
RO จะได้รับทั้ง BCPG-W1
และ BCPG-W2 ในอัตราส่วน 2.8
หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วย Warrant (อัตราใช้สิทธ์
1 หน่วย Warrant ต่อ
1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 8
บาท / Warrant) โดย BCPG-W1
และ BCPG-W2 จะมีจำนวนหน่วยรวมทั้งสิ้น 178.6
ล้านหน่วย คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนหากมีการใช้สิทธ์เต็มจำนวนทั้งสิ้น 178.6
ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,428.8 ล้านบาท โดย BCPG-W1
จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 2 ปี
นับแต่วันที่ออก และ BCPG-W2
จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 3 ปี
นับแต่วันที่ออก
2)
สำหรับผู้ถือหุ้น PP จะได้รับ BCPG-W3
ในอัตราส่วน 2.1924 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1
หน่วย Warrant (อัตราใช้สิทธิ 1
หน่วย Warrant ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ราคา 8
บาท / Warrant) โดย BCPG-W3
จะมีจำนวนหน่วยรวมทั้งสิ้น 178.6 ล้านหน่วย
คิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนหากมีการใช้สิทธิเต็มจำนวนทั้งสิ้น 178.6
ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,428.8 ล้านบาท โดย BCPG-W3
จำนวน 89.3 ล้านหน่วย มีอายุ 1 ปี
นับแต่วันที่ออก
สำหรับ BCPG-W3
จะไม่ได้เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และหุ้นที่เสนอขายแบบ PP เป็นการเสนอขายในราคาต่ำ ดังนั้น
หุ้นที่เสนอขายแบบ PP รวมถึงหุ้นจากการใช้สิทธิจาก BCPG-W3
จะติด Silent Period เป็นเวลา 1 ปี
นับจากวันใช้สิทธิ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 6
เดือน ให้บุคคลดังกล่าวสามารถทยอยขายหุ้นที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวน25 %ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย
เบื้องต้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
กำหนดให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับ RO คือ
15 ตุลาคม 2563 อย่างไรก็ดียังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
ครั้งที่ 1/2563 ซึ่งจะจัดวันที่ 7 ตุลาคม
2563 เวลา 13:30 น.
ณ อาคาร เอ็มทาวเวอร์ และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่
1/2563 วันที่ 8 กันยายน
2563
ข่าวที่ 7 ชุมชนแม่กอน-ห้วยลึก
อ.เชียงดาวเปิดความสำเร็จมูลนิธิปิดทองหลังพระ
นายวิรุฬ พรรณทวี
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า
ได้ร่วมส่งเสริมสนับสนุนสถาบันปิดทองหลังพระ
เดินหน้าโครงการขยายผลร้อยใจรักและโครงการ Quick Win
การพัฒนาพื้นที่เชิงประยุกต์ในหมู่บ้านแม่กอน และบ้านห้วยลึก
สร้างฝายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร
ซึ่งภาพรวมเชียงใหม่วางยุทธศาสตร์ตามวิสัยทัศน์พัฒนาจังหวัดเรื่องหลัก ได้แก่ 1.พัฒนาเศรษฐกิจการค้า 2.ดูแลสิ่งแวดล้อม 3.ส่งเสริมการท่องเที่ยว 4.สร้างความมั่นคง 5.การจัดการด้านต่าง ๆ โดยมีรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดปีละประมาณ 250,000
ล้านบาท มาจาก 3 ส่วน คือ 1.ภาคบริการ(ท่องเที่ยว) 70 %
แต่ละปีมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้ามาพำนักเฉลี่ย 3 ล้านคน
2.รายได้ภาคการเกษตร 20 % และ 3.รายได้ภาคอุตสาหกรรม 10 %
โดยมีเรื่องการส่งเสริมสนับสนุนเรื่องน้ำในพื้นที่อำเภอเชียงดาว
โดยเฉพาะในชุมชนบ้านแม่กอนมีต้นทุนต้องใช้ปีละกว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร
ดูแลพื้นที่ทำการเกษตรของหย่อมบ้านชาติพันธุ์ครอบคลุมพื้นที่ 2,501 ไร่ ขณะนี้การจัดทำฝายบรรลุเป้าหมายแล้ว และทางหย่อมบ้านกำลังเดินหน้าทำฝายขนาดเล็กกระจายทั่วพื้นที่ต่อไป
พร้อมกับวางระบบบริหารจัดการอย่างชัดเจน เพื่อกระจายน้ำใช้ไปยังครัวเรือนต่าง ๆ
อย่างพอเพียง
นายอินทร
บุญยศ ผู้ใหญ่บ้านแม่กอน ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว กล่าวว่า
โครงการฝายน้ำที่ชาวบ้านแม่กอนได้รับการสนับสนุนจากปิดทองหลังพระได้ช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำที่ประสบความสำเร็จ
โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านร่วมแสดงความเห็นและความต้องการผ่านการทำประชาคมจนกระทั่งสามารถสร้างฝายน้ำสำเร็จกระจายให้หย่อมบ้านต่าง
ๆ บนเขาได้ใช้ประโยชน์แบบครบวงจร หล่อเลี้ยงกว่า 300 ครัวเรือน มีประชากรรวมกันประมาณ 1,200 คน
แล้วยังได้นำน้ำมาประกอบอาชีพทำการเกษตร
อนาคตชาวบ้านจะร่วมกันทำฝายอนุรักษ์น้ำกระจายอย่างทั่วถึงอีกราว 300 ตัว ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2563 เพื่อช่วยดูแลระบบนิเวศน์ป่าบนเขา
และดักตะกอนในดิน ทำให้น้ำมีคุณภาพนำมาดื่มกินใช้ ทำการเกษตร ได้ต่อไป
สำหรับพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติผาแดงเขตลุ่มน้ำนั้นมีพื้นที่ราว
59,000 ไร่ ในบ้านแม่กอน
ที่ตั้งของหย่อมบ้านชาติพันธุ์ชาวเขานำมาใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพประมาณ 2,501
ไร่ ชาวบ้านทำการเพาะปลูกพืชชนิดต่าง ๆ 83 % มีทั้งไม้ผล
ไม้ยืนต้น พืชหมุนเวียน และพื้นที่ทำแปลงนาข้าวมีประมาณ 17 %
นายปรีชา
แสนพู่ หัวหน้าหย่อมบ้านใหม่พัฒนา ยืนยันว่า การสร้างฝายน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค
และทำการเกษตร ของสถาบันปิดทองหลังพระ นั้นดีจริงและดีมาก ๆ
กับชาวหย่อมบ้านใหม่พัฒนา เพราะเมื่อ 20 ปีก่อนบนเขาแห่งนี้น้ำไม่พอใช้
พอได้รับโครงการสร้างฝายชาวบ้านดีใจต่างก็พากันมาสร้างฝายแล้วเสร็จภายในเวลาเพียง 8
วัน จากกำหนดเดิมจะแล้วเสร็จต้องใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ ส่วนชาวบ้านที่ไม่ได้มาร่วมลงแรงสร้างฝายก็ช่วยเงินครอบครัวละ 120
บาท เพื่อเก็บไว้ใช้บำรุงรักษาฝาย
แต่ผมยืนยันขอให้มาร่วมกันสร้างแทนการจ่ายเงิน
เพราะเราต้องการเห็นความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน
นายอภิเดช
แซ่จาง ผู้ใหญ่บ้านห้วยลึก อ.เชียงดาว กล่าวว่า
เดิมทีหมู่บ้านห้วยลึกเป็นพื้นที่สีแดงเรื่องยาเสพติด มีคนอยู่ประมาณ 1,200
คน มีพื้นที่ทำการเกษตร 1,200 ไร่
แต่ไม่เพียงพอชาวบ้านจึงต้องไปเช่าที่ทำกินเพิ่ม
และจากการคืนข้อมูลจากสำรวจของสถาบันปิดทองหลังพระ ปี 2563 ทำให้รู้ว่าในหมู่บ้านมีรายได้จากการค้าขายพืชผักผลไม้ทางการเกษตรปีละมากถึง
120 ล้านบาท แต่ก็มีหนี้ภาคครัวเรือนสูงปีละ 90 ล้านบาท
ตอนนี้เสนอทางสถาบันปิดทองหลังพระขอการส่งเสริมขยาย
“ตลาดชุมชน” ซึ่งเป็นพื้นที่ให้ชาวบ้านนำสินค้าเกษตรที่ปลูกมาวางขายได้เฉลี่ยรายละ
2,000-10,000 บาท
ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางช่วยลดปัญหายาเสพติด สร้างความสามัคคี
ทำให้ชาวบ้านชาติพันธุ์ม้งมีอาชีพ มีรายได้ มั่นคงต่อไป
ทั้งนี้ชาวม้งในบ้านห้วยลึกส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร
ค้าขาย และหัตถกรรมปักทอผ้าชนเผ่า
จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้าไปศึกษาดูงาน
ช่วงที่ 2
ออกเที่ยวไม่ต้องเดี๋ยวกันอีกแล้ว
เส้นทาง More Fun ทะเล้ทะเลที่ “สัตหีบ ชลบุรี” 2 สไตล์ “ชุมชนบางเสร่-หาดเตยงาม” ต่อด้วย “5 วิธีดูแลสุขภาพอายุยืน” ส่วนข่าวร้อน ๆ เรื่องแรก
“มูลนิธิปิดทองหลังพระนำ8 องค์กร” ลุยโปรเจ็กต์ “คิดใหม่
ไทยก้าวต่อ” ต่อด้วย “โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ” เทโปรห้องพักคุ้มสุดๆ คืนละแค่ 3,900 บาท สิทธิประโยชน์เพียบ ส่วน “โรงแรมลอฟท์กรุงเทพฯ” ไล่หลังมาติด ๆ
ด้วยโปรโมชั่น “ห้องพัก-อาหาร” ลด 15-25 % ข้ามปีไปถึง มีนาคม 2564
More Funวันสบายเที่ยวชลบุรี2สไตล์บางเสร่-หาดเตยงาม
การท่องเที่ยวหน้าฝนในเมืองชายทะเล
“จังหวัดชลบุรี” เป็นอีกวิถีใหม่ที่ต้องลองไปร่วมประสบการณ์กันได้ที่
“ชุมชนบางเสร่”อำเภอสัตหีบ ศูนย์รวมวิถีประมง นักท่องเที่ยวสามารถไปชีลทำกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือในทะเลปะเหมาะอาจจะได้เห็นฉลามวาฬแหลกว่ายมาทักทาย
เพราะตอนนี้ธรรมชาติฟื้นตัวกลับมาสวยงามมาก สัตว์ทะเลก็คืนถิ่นกันจำนวนมาก
หรือจะนั่งเรือไปชมเกาะเป็ด ดำน้ำ เล่นน้ำ นั่งตกปลา แถวอ่าวและชายหาดบางเสร่
ไปเรียนรู้ฐานการเรียนรู้อาหารทะเลแปรรูป
รอบหมู่บ้านมีบริการเดินทางด้วย
รถจักรยานปั่นชมชุมชน นั่งซาเล้งพ่วงข้าง หรือสองแถวชุมชน
แล้วตามกลุ่มอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมเพื่อร่วมเวลาเปิดตำนาน “หมู่บ้านหางเครื่อง”
ผู้คนในชุมชนจะรวมตัวกันรักษาความสวยงามสวมชุดหางเครื่องและการเต้นไว้ ต่อด้วยดูหัตกรรมพื้นบ้านแล้วลงมือทำ พวงมโหต
มัดย้อมผ้าบาติก จักสานโครเช ตกค่ำก็ลองสนุกกับการลงมือไดหมึกกับชาวประมง
หรือจะไปบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการท่องเที่ยวเชิงซีเอสอาร์สร้างธนาคารปู
ทำบ้านให้สัตว์น้ำในทะเลได้อยู่อาศัย
เพื่อขยายพันธุ์กลับมาเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารให้นักท่องเที่ยวกิน
สำหรับอาหารในชุมชนบางเสร่ ต้องสั่งเมนูท้องถิ่น
เช่น หมึกน้ำดำ ปูกะตอย ปิ้งงบปลา ต้มมะกอก
ของหวานแนะนำให้ลองชิมบัวลอยชาวเล
จากนั้นแนะนำให้แวะเที่ยว
“หาดเตยงาม” เปิดให้เข้าไปพักผ่อนได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00-18.30 น.เมื่อไปถึงจะต้องตื่นตากับความงดงามของ หาดทรายสวย ท้องฟ้าแจ่มใส สายลมเย็นธรรมชาติ พร้อมกับวิวสุดชีลด้านหน้าเป็นทะเลด้านหลังคือภูเขา
นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปจอดได้อย่างสะดวกสบาย
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ทางหาดจะจำกัดขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยวรอบละไม่เกิน
300 คน เมื่อปริมาณเต็มแล้วจะต้องรอรอบต่อไป
ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้วันเวลาราชการที่
หน่วย กิจการท่องเที่ยว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินโทร: 038-438457 ต่อ 62509 หรือ 038-437600 ต่อ 62509
5วิธีดูแลสุขภาพด้วยการปรับพฤติกรรมเปลี่ยนชีวิตดียืนยาว
สุขภาพที่ดีใคร ๆ ก็อยากมี
แต่วิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบันมีสิ่งยั่วยุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน
การเสพสื่อโซเชียล ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้สุขภาพของเราทรุดโทรมทั้งนั้นจึงมีวิธีสร้างสุขภาพดีง่าย
ๆ ที่อยากบอกต่อดังนี้
1. การเลือกรับประทานอาหาร -ให้เหมาะสม
เพราะร่างกายจะนำไปพัฒนาและซ่อมแซมในส่วนต่าง ๆ ควรลดอาหารที่มีแคลอรีสูง ของทอด
ปิ้ง-ย่าง หรืออาหารที่มีไขมันเยอะ เพราะหากร่างกายเผาผลาญไม่หมดก็จะกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายในที่สุด
ทางที่ดีควรกินให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เลือกกินเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์
2. บริหารสมอง - ลองหาเกมฝึกสมองมาเล่น
เช่น เกมอักษรไขว้ เกมจำตำแหน่งภาพ เกมจับผิด เกมซูโดกุ หรือเกมหมากรุกจีน เป็นต้น
ควรหันมารับประทานผลไม้พวก ส้ม องุ่น เบอร์รี่ให้มากขึ้นด้วย
เพราะผลไม้จำพวกนี้มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้
หรือการหัวเราะก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น
เพราะร่างกายจะหลั่งสารเคมีในระบบประสาทที่ทำให้ผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีทั้งร่างกาย
จิตใจ
3. พักสายตาจากการเสพสื่อโซเชียล - ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก้มหน้าอยู่กับโซเชียล หากใช้มากเกินไปนอกจากจะทำให้เป็นคนติดโซเชียลแล้วยังอาจทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเมื่อยล้า
หรือตาแห้งเพราะต้องคอยจ้องอยู่ที่หน้าจอเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเบลอ
สายตาพร่ามัว หรือสายตาสั้นได้ ทางที่ดีควรพักสายตา และบริหารดวงตาด้วย เช่น
กระพริบตา กลอกตาไปมาเพื่อป้องกันตาแห้ง หรือมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกล
ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายดวงตาลงได้
4. ออกกำลังกาย - ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ยังมีภูมิต้านทานห่างไกลโรคภัยต่าง ๆ สุขภาพจิตก็ดีตามไปด้วย
ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีหลังเลิกงาน
ลองเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้บ้านก็ได้ หรือจะวิ่ง จะแอโรบิค หรือทำงานบ้าน
เช่น ทำสวน กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างรถ ก็ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
5. พักผ่อนให้เพียงพอ - ควรนอนให้ครบ
8 ชั่วโมงและนอนให้เป็นเวลา เพราะหากนอนดึกเกินไป ร่างกายอาจเหนื่อยล้าได้
อีกทั้งยังมีผลเสียตามมา เช่น มีริ้วรอย เสี่ยงต่อโรคภัยต่าง ๆ
ทางที่ดีควรพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อตื่นขึ้นมารับวันใหม่
ร่างกายจะได้สดชื่นและตื่นตัวตลอดทั้งวัน สุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วย
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก มูลนิธิปิดทองหลังพระนำ8องค์กรรุกทำบิ๊กโปรเจกต์
“คิดใหม่ไทยก้าวต่อ”
หม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล
เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่า มูลนิธิ
ปิดทองหลังพระ ร่วมกับ 8 องค์กร เดินหน้าจัดทำโครงการ “คิดใหม่
ไทยก้าวต่อ”
เพื่อแก้โจทย์ปัญหาที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของ ประเทศไทย
ซึ่งได้รับผลกระทบตลอดสองปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ต้องประสบกับอุปสรรครุนแรงจากทั้งภายนอกและภายใน จาก 3
เหตุการณ์ใหญ่ คือ 1.เกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาจนมีการปิดกั้นตลาดระหว่างกัน
2.เกิดภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในช่วง 40 ปี
3.การระบาดของโควิด-19
ล้วนส่งผลกระทบกับไทยอย่างรุนแรง
โครงการ "คิดใหม่
ไทยก้าวต่อ" ภายใต้กรอบคิดหรือประเด็นการวิเคราะห์ที่สำคัญ ดังนี้ 1.บริบทของสังคมโลก
และประเทศไทยก่อนวิกฤติโควิด-19 และเมื่อโควิด-19
ได้ส่งผลอะไรต่อสังคมโลกและประเทศไทย 2.สังคมโลกต้อง
“เปลี่ยน” และประเทศไทยต้อง “ปรับ” อะไร และทิศทางที่ควรจะเป็นเป็นเช่นไร 3.คนไทยมีความพร้อมต่อการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด
และหากจำเป็นต้องปรับ หรือเปลี่ยนต้องเตรียมการอย่างไร 4.หารูปแบบหรือโมเดลการขับเคลื่อนสังคมไทย
ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์ กล่าวว่า ตอนนี้หลาย ๆ
อาชีพพบกับความเสี่ยงและความเปราะบางว่าในอนาคตอันใกล้หรืออาจจะไม่มีงานทำ
ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ภาวะโลกร้อน หรือจากโควิด-19 ดังนั้นคนจำนวนมากอาจจะต้องเปลี่ยนอาชีพ
ผลการศึกษาครั้งนี้จึงต้องการดูว่าอุปสรรคต่าง ๆ
มีอะไรบ้างที่จะได้หาแนวทางลดข้อจำกัด ปรับตัวได้ง่ายขึ้น
ส่วนหนึ่งของโครงการนี้พยายามจะพูดคุยวงกว้างถึงประเด็นอุปสรรคอยู่ตรงไหน
เพื่อจะได้นำมาหาทางรอดไปด้วยกัน
โครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ”
กำหนดจะลงพื้นที่รับฟังความเห็นทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1.ภาคใต้ที่หาดใหญ่
2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่น 3.ภาคเหนือที่เชียงใหม่
4.ภาคตะวันออกที่ชลบุรี
จากนั้นคณะวิชาการจะรวบรวมทั้งงานทางวิชาการและความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเสนอรัฐบาลและประชาชนทั่วประเทศรับทราบเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยคณะทำงานได้จัดแบ่งงานกันดังนี้
"การศึกษาวิเคราะห์"
ภาพรวมของประเทศไทยก่อนและหลังการเกิดโควิด-19
ทำให้เห็นภาพชัดเจนด้านต่าง ๆ โดยมี ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ดร.กฤษฎ์เลิศ
สัมพันธารักษ์ ดร.ณชา อนันต์โชติกุล สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
เป็นผู้กำกับดูแล การศึกษาผลกระทบของประชาชนภาคส่วนต่าง ๆ
รวมทั้งมี ดร.เนื้อแพร เล็กเฟื่องฟู
เป็นผู้กำกับดูแล และ การรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งมี
รศ.ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ
สถาบันบัณทิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับ 8 องค์กร
ที่เข้าร่วมทำโครงการ "คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ" ประกอบด้วย
ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันนโยบายสาธารณะและการพัฒนา สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย
อึ๊งภากรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มหาวิทยาลัยมหิดล
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระ ฯ
และสำนักข่าวไทยพับลิก้าเป็นผู้ประสานงานโครงการ
ข่าวที่สอง โรงแรมแชงกรี-ลา
กรุงเทพอัดโปรห้องพักหรูลดสุดๆเหลือคืนละ3,900บาท
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
ขอเชิญคุณและคนที่คุณรักมาร่วมสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำดีๆ
ที่คุณรอคอย เพลิดเพลินไปกับการใช้เวลาพักผ่อนแสนสบายภายในห้องพักหรูด้วยการบริการจากใจอันอบอุ่น
พร้อมสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากห้องพักแบบดีลักซ์ไปกับแพ็กเกจสุดพิเศษ
“SHANGRI-LA STAYCATION” ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 24 ธันวาคม
2563 นี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,900 บาทถ้วนต่อห้องต่อคืน ด้วยสิทธิประโยชน์มากมายดังต่อไปนี้
1.เข้าพักเป็นเวลา 24 ชั่วโมง:
สามารถเช็คอินได้ทุกเวลาตามที่คุณต้องการ 2.บริการอัพเกรดห้องพักไปยังห้องพักแบบดีลักซ์รีเวอร์วิว
3.รวมอาหารมื้อเช้าเลิศรสสำหรับ 2 ท่าน ณ เน็กซ์ทู คาเฟ่ 4.เครดิตแทนเงินสดมูลค่า
500 บาทถ้วน* ต่อการเข้าพัก
สำหรับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มระหว่างการเข้าพัก 5.บริการนวดคอ
หรือ นวดบ่า หรือ นวดเท้า 30 นาทีฟรี ณ ริมสระน้ำ สำหรับ 1 ท่าน ต่อการเข้าพัก
6.เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าพักฟรีได้สูงสุด 2 ท่านต่อห้อง
พร้อมสนุกสนานไปกับมุมเด็กเล่นทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ 6.บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรีภายในห้องพัก ดูเงื่อนไขพร้อมรายละเอียดทั้งหมดทาง
www.shangri-la.com
ข่าวที่สาม โรงแรมลอฟท์กรุงเทพรุกโปรโมชั่นข้ามปีห้องพัก/อาหารลด15-25%
โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ - สุขุมวิท 11
เปิดโปรโมชั่นห้องพักใหม่ 'Welcome You Back Like Family' ให้ลูกค้าได้กลับมาเยือนกรุงเทพเมืองที่ยังน่าค้นหาอีกครั้งทั้งเรื่องอาหาร
วัฒนธรรม แหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืน ราคาเริ่มต้นที่ 1,799 บาทต่อห้องต่อคืน
ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2564 โดยมีส่วนลดห้องพักลงจากปกติ 25%
จากราคาห้องพักปกติ ส่วนอาหารและเครื่องดื่ม
15%
พร้อมมีบริการรถตุ๊กตุ๊กรับส่งฟรีไปยัง
BTS นานาและสถานีรถไฟฟ้า MRT สุขุมวิท
และห้างสรรพสินค้าเทอมินัล 21 บริการฟรี Wi-Fi และสิทธิ์เข้าใช้ฟิตเนส
RE: CHARGE และสระว่ายน้ำ Splash บนดาดฟ้าฟรี
ดูเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม www.aloftbangkoksukhumvit11.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น