ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ระยองโชว์แผนกระตุกต่อมท่องเที่ยวปลายปี63 งัดสารพัดแคมเปญโกยตลาดคนรวยเงินสะพัด300ล้าน/เดือน

 

ททท.โชว์แผนปฏิบัติการกระตุกต่อมเที่ยวระยองโค้งสุดท้ายปี63

งัดสารพัดแคมเปญเที่ยวซีเอสอาร์/กีฬาเงินสะพัด300ล้าน/เดือน


นายอัครวิชย์ เทพาสิต 

ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง  

โชว์แผนปฏิบัติการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายเมืองระยอง กับ “นายอัครวิชย์ เทพาสิต” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง ปลุกกำลังซื้อกระเป๋าหนัก “คาราวานบิ๊กไบค์” ไฮโซบูมกระแสเที่ยวซีเอสอาร์ นำร่องปลูกหญ้าทะเลพะยูน โหมต่อด้วยกิจกรรม “ดำน้ำเก็บขยะ” ดันเต็มที่มหกรรม “SEAFOOD MONTH” ปั๊มลมหายใจธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว เม็ดเงินสะพัดเดือนละ 300 ล้านบาท ลุยตลาดทุกช่องทางกันยายน-ตุลาคม นี้ ระดมทุกสินค้าเฮขายเที่ยวเทรนด์ใหม่เชิงกีฬา “เซิร์ฟบอร์ด-พายSUB-วิ่ง-ปั่นจักรยาน” เทศกาลดนตรี และไมซ์ในประเทศ โกยตลาดกลุ่มเจนวาย วัยรุ่น คนทำงาน และครอบครัว ชูจุดแข็งระยองเที่ยวง่าย ราคาไม่แพง

 

นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดปีงบประมาณ 2563 โดยได้จัดทำแผนสร้างความมั่นใจต่อเนื่องเริ่มด้วยกิจกรรม คาราวานบิ๊กไบค์กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่เดินทางมาจากภาคต่าง ๆ ทั้งอีสาน ภาคอื่น ๆ การขับขี่แปรรูปขบวน วันที่ 29 สิงหาคม 2563 จำนวน 500 คน เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โลกร่วมกันปลูกหญ้าทะเลให้พะยูน บริเวณปากน้ำประแสร์  พร้อมกับแวะตามแหล่งท่องเที่ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์อนุสาวรีย์สุนทรภู่ เข้าพักที่ตำนานป่ารีสอร์ต

               


ททท.ระยองนักท่องเที่ยวมา More Fun ระยอง ทะเลสวย ธรรมชาติ สดใส มาเที่ยวได้ทุกวัน

จากนั้นในเดือนกันยายน นี้จะจัดโครงการที่ 2 กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะจากสถาบันมูลนิธิจุฬาภรณ์ จะมีนักดำน้ำเข้าร่วมกว่า 100 คน รณรงค์เรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทาง ททท.ปฏิบัติดำเนินงานต่อเนื่องมาตลอด

รวมทั้งยังคงทำโครงการ “คิดถึงก๊วน ชวนตีกอล์ฟ” จัดทำแคมเปญ “Expat Goft Society Tournament” เจาะกลุ่มชาวต่างชาติที่พำนักในไทยซึ่งอยู่ในภาคตะวันออก จัดวันที่ 30 สิงหาคม 2563 นี้ จำนวน 150 คน มาร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ททท.จึงนำร่องจัดก่อนปลายเดือนสิงหาคมนี้ สามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดกระจายไปยังทุกภาคส่วน เพราะนักกอล์ฟส่วนใหญ่ก็จะมาเล่นกอล์ฟเป็นประจำอยู่แล้ว โครงการนี้จะกระตุ้นเพิ่มความถี่ตลาดนักกอล์ฟมาเล่นตามสนามต่าง ๆ แนวโน้มจะมีสัญญาณที่ดี หลังจากภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.สนับสนุนแคมเปญ “คิดถึงก๊วน ชวนตีกอล์ฟ” เพราะหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เมื่อมีนักกอล์ฟออกมาเล่นก็สามารถกระจายรายได้ไปยังแคดดี้ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้ด้วย

               

บรรยากาศหาดทรายชายทะเลระยองยามเย็น ช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็สวยงามไปอีกแบบ มาเที่ยวระยองกันเถอะ

นายอัครวิชย์กล่าวว่า หลังจากทั่วประเทศปิดล็อกดาวน์ธุรกิจโรงแรมแล้วเริ่มทยอยกลับมาเปิดใหม่เมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ประกาศเปิดดำเนินการได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วันตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในโรงแรมห้องพักในระยองก็เริ่มเปิดบริการอีกครั้งกว่า 50 % จากที่เหลืออยู่ราว 20 % เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ท่องเที่ยววิถีใหม่จะเลือกพักตามพื้นที่ชายทะเล อย่าง หาดแม่พิมพ์ เกาะเสม็ด แต่สุดท้ายแล้วโรงแรมในตัวเมืองยังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำเพียง 30 % ทำให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยโดยรวมในระยองตอนนี้มีอยู่ประมาณ 50 % เท่านั้น

                แต่ก็ถือว่านโยบายภาครัฐเข้ามาช่วยได้อย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์ทหารอียิปต์เข้ามาระยองแล้วมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้เกิดการยกเลิกท่องเที่ยวและจัดประชุมไป แต่มาตรการภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ขณะนี้ทางระยองได้คุยถึงแผนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ผู้ประกอบการแต่ละธุรกิจสนใจเข้าร่วมมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณสุขด้านสุขอนามัย SHA : Safty & Health Administration เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต

                ส่วนการกระจายเม็ดเงินท่องเที่ยวไปสู่ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ตลอดเดือนกรกฎาคม 2563 สถิติมีรายได้หลั่งไหลเข้ามาเฉลี่ย 300 ล้านบาท/เดือน ประกอบกับระยองจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย เช่น จังหวัดระยองจัดงาน ททท.จัดเทศกาลดนตรีชายหาด หรือจัดกิจกรรมปั่นจักรยาน และวิ่ง รวมทั้งอื่น ๆ

               

ท่าเรือเสม็ดรอรับนักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้บริการกันเยอะ ๆ มาได้ทุกวัน

แนวโน้มเดือนสิงหาคม-กันยายน 2563 ยังคงมีความคึกคักต่อเนื่องทั้งอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นด้วย ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ช่วงการท่องเที่ยวฤดูฝน เพราะช่วงโควิด-19 เป็นจังหวะที่คนกำลังตัดสินใจเลือกพื้นที่จัดประชุมสัมมนา แต่พอดีมีเหตุการณ์ทหารอียิปต์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดหายไปบ้าง เพราะหันไปเลือกที่อื่นแทน ตามปกติเดือนสิงหาคม-กันยายน ของทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวและกลุ่มประชุมสัมมนาจำนวนมากมาระยอง แต่ปีนี้ก็พอมีอยู่บ้างเพราะทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” พยายามช่วยกระตุ้นการจัดประชุม

ตั้งเป้าเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวและวัยทำงาน ที่ยังรักษาไว้ เพราะระยองสามารถเดินทางง่ายและสะดวกจริงๆ  ที่พักมีรองรับได้ทุกระดับ

              นายอัครวิชย์กล่าวว่าตอนนี้ทางระยองยังระบุได้ไม่ชัดเจนถึงอานิสงที่ได้รับจาก 2 โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันและเราไม่ทิ้งกัน” เพราะช่วงการตัดสินใจตรงกับช่วงเกิดเหตุการณ์ทหารอียิปต์เข้ามาระยอง ดังนั้นผู้ประกอบการต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการสอบถามเข้ามาแล้วยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกมาพักผ่อน

 

                ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำช่วงฤดูฝน ทะเลระยองสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีอย่างเกาะเสม็ด มีเรือสปีดโบ๊ทขนาดใหญ่ ชายหาดมีความเป็นธรรมชาติ อาหารทะเลสดด้วยประมงพื้นถิ่น ราคาไม่แพง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น เขาชะเมา อ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ส่วนใหญ่นักถ่ายภาพจะนิยมไปบันทึกภาพทะเลหมอกยามเช้าสวยงามมาก

 

                การวางแผนตลาดท่องเที่ยวระยองปี 2564 จะทำต่อเนื่องโดยยึดเรื่องของสุขภาพ ความสุขให้กับนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวทะเลอย่างไรให้รักษาธรรมชาติอย่างยั่งยืน เชิญชวนมารักษาดูแลสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกหญ้าทะเล ปลูกป่า ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน พร้อมกับเสริม การท่องเที่ยวเชิงกีฬา นักท่องเที่ยวเจนวาย วัยรุ่น วัยทำงาน เข้ามาสนุกกับการเล่นกีฬาเซิร์ฟบอร์ดเพิ่มมากขึ้น กีฬาเพื่อสุขภาพเน้นวิ่ง ปั่นจักรยาน มากขึ้น

               

ตั้งเป้าเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวและวัยทำงาน ที่ยังรักษาไว้ เพราะระยองสามารถเดินทางง่ายและสะดวกจริงๆ  ที่พักมีรองรับได้ทุกระดับ

               

พร้อมทั้งจะขอฝากนักท่องเที่ยวอยากพักผ่อนใกล้ ๆ กินอาหารทะเล มาชิม SEAFOOD MONTH สามารถเดินทางมาได้ทุกวัน ทุกเวลา ระยองกำลังรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวัย ทุกเจนเนเรชั่น มาเที่ยวเมืองไทย คิดถึงแล้วมาให้ถึงทุกแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่นชอบได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป 


ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์อัดฉีด3วันสุดท้าย3แคมเปญจัดหนักช้อปคุ้มสุด

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  ขยายผลต่อยอดทำแคมเปญ NO FLIGHTS, NO WORRIES! #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้” ปลุกพลังพนักงานให้ช่วยกันเชิญชวนคนรอบข้างมาเลือกซื้อสินค้ากว่า 10,000 รายการ โดยใช้วิธีให้เครือข่ายนักช้อปที่ได้รับการแนะนำทั้งเพื่อนฝูงคนรอบข้าง สามารถใส่รหัสพนักงานคิงเพาเวอร์ตลอดการช้อปเพื่อรับสิทธิ์คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นหลายรูปแบบ

เป็นกลยุทธ์เสริมทัพเชิงบวก “เพิ่มสิทธิประโยชน์” ตอกย้ำถึงทำการตลาดวิถีใหม่ในรูปแบบ Win win ต่อทั้งสองฝ่าย นั่นคือ “นักช้อป” เองจะได้รับส่วนลดอย่างคุ้มค่าหลากหลาย แถมยังช่วยกระตุ้นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อในประเทศที่เข้มแข็งลุกขึ้นมาใช้จ่ายเงินร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ส่วน “พนักงาน” ก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากค่าคอมมิชชั่นยอดขายในแต่ละเดือน

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เพิ่มความแรงกระตุ้นกำลังซื้อให้คึกคักจาก 3 แคมเปญหลัก ได้แก่

แคมเปญแรก NO FLIGHTS, NO WORRIES! #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้”  กลยุทธ์ไฮไลต์ซึ่งเปิดให้พนักงานช่วยกันแนะนำลูกค้ามาช้อปโดยใส่รหัสพนักงาน หรือ SV CODE ระหว่างวันนี้-31 สิงหาคม 2563 ดึงดูดความสนใจโดยมอบ Gift Voucher สูงสุด 1,200 บาท เมื่อช้อป 5,000 บาท รับ 200 บาท ช้อปครบ 10,000 บาท รับ 500 ช้อปครบ 20,000 รับ 1,200 พร้อมสิทธิ์รับฟรีอาหารหนึ่งอิ่มมูลค่า 500 บาท

 

แคมเปญที่ 2 SUPER SPECIAL DEALS #ดีลพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2563 ช้อปที่คิง เพาเวอร์ ได้ในราคาดิวตี้ฟรี สำหรับสินค้าปกติลดสูงสุด 20 % สินค้าพิเศษลดสูงสุด 50 % เริ่มต้นช้อปด้วยเงินเพียง 3,000 บาท รับแบบคุ้มสุด ๆ จากสินค้า 6 หมวดใหญ่ ประกอบด้วย หมวดที่ 1 สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ หมวดที่ 2 เครื่องสำอางค์ (make up) แบรนด์เนมละลานตา หมวดที่ 3 น้ำหอม (perfume) แบรนด์ระดับนานาชาติ หมวดที่ 4 แฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า เป้ มีทั้งแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟจากชุมชนเรื่อยไปจนถึงแบรนด์ชั้นนำระดับอินเตอร์ หมวดที่ 5 นาฬิกา (Watch) เทรนด์ยอดนิยม หมวดที่ 6 อาหาร (Food) แต่ละหมวดจะมีสินค้าชนิดใหม่ ๆ เติมเข้ามาร่วมโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์

 

แคมเปญที่ 3 POWER DEAL FRIDAY NIGHT SALE ช้อปสนุกทุกวันศุกร์แบบไม่อั้น แฟนคลับสินค้าทุกหมวดสามารถเทกระเป๋าช้อปให้เต็มที่ตลอดช่วงนาทีทอง ทางเว็บไซต์ king power.com และแอพลิเคชั่น king Power ตลอด 4 ชั่วโมง ระหว่าง 20.00 -24.00 น. ซึ่งสามารถรอรับส่วนลดสูงสุด 70-80 %

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์รุกหนักเจาะสมาชิกใหม่3แคมเปญแรงสุดๆ

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้จัดทำกลยุทธ์ “กระตุ้นยอดสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์” ต่อเนื่องมาเชิญชวนให้สมัครใช้สิทธิประโยชน์มากมายจากบัตรเดียวได้ครบทุกอย่างในทุก ๆ การเดินทาง โดยมีให้เลือกสมัครผ่าน 3 แคมเปญ ได้แก่

 

แคมเปญแรก “ได้แล้ว ได้อีก” 1 กรกฎาคม 2563 -31 มีนาคม 2564 รับส่วนลดทันทีจากราคาดิวตี้ฟรี แบ่งเป็น 1.สมัครบัตร ONYX ได้สิทธิ์ส่วนลด 15% พร้อมการเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 60,000 บาท กับคูปองส่วนลด On Top 10 % อีก 2 ใบ  2.สมัครบัตร SCARLET ได้สิทธิ์ส่วนลด 10 % พร้อมการเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 6,000 บาท กับคูปองส่วนลด On Top 10 % อีก 1 ใบ 3.สมัครบัตร NAVY ได้สิทธิ์ส่วนลด 5 % พร้อมการเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 1,000 บาท และคูปอง On Top 10 % อีก 1 ใบ

 

เมื่อสมัครสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ทั้ง 3 ประเภท ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย คือ 1.ช้อปคุ้มในเดือนเกิด รับเครดิตเงินคืน 2 ต่อ และส่วนลดสูงสุด 30 % 2.รับคะแนนสะสมกะรัตรีวอร์ด เพื่อนำไปใช้แทนเงินสด ช้อป 1 กะรัต เท่ากับมูลค่าเงิน 1 บาท 3.รับสิทธิพิเศษมากมายในการเดินทาง 4.ฟรีห้องรับรองพิเศษ คิง เพาเวอร์ เลาจน์ และอื่น ๆ

 

แคมเปญที่ 2 Member Get Member : เพื่อนได้ คุณก็ได้” ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2563 เปิดโอกาสให้สมาชิก คิง เพาเวอร์ ชวนเพื่อนมาสมัครสมาชิกที่ www.member.kingpower.com  ระบุรหัสผู้แนะนำ รับฟรีคะแนนกะรัตรีวอร์ดทั้งสมาชิกและเพื่อน หากเป็นบัตร ONYX รับฟรี 1,000 กะรัต (มูลค่า 1,000 บาท) บัตร SCARLET รับฟรี 100 กะรัต (มูลค่า 100 บาท)

 

แคมเปญที่ 3 “รวมโปรบัตรเครดิต” สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกและซื้อสินค้าคิง เพาเวอร์ ผ่านบัตรเครดิต “ธนาคาร CITI  รับคะแนนซิตี้ รีวอร์ดแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 100 % ระหว่างวันนี้ – 31 ธันวาคม 2563 ทางด้าน “เคแบงก์-KBANK จัดเต็มสิทธิประโยชน์ 2 แพกเกจ คือ แพกเกจที่ 1 แลกคะแนนแทนเงิน เมื่อใช้บัตรเครดิตสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์ ระหว่างวันนี้ - 31 ธันวาคม 2563 ที่ รางน้ำ มหานคร พัทยา สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ทุก 1,000 คะแนน แลกเป็นมูลค่าเงิน 100 บาท แพกเกจที่ 2 KBANK SMART PAY 0 % ให้สิทธิ์สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ที่ต้องการอัพเกรดเป็นบัตร ONYX มูลค่า 60,000 บาท ระหว่างวันนี้ -31 ธันวาคม 2563 แบ่งชำระ 0 % ได้นาน 10 เดือน พร้อมส่วนลดหน้าบัตร 15 % อายุบัตร 1 ปี พร้อมรับเพิ่มส่วนลด ON TOP 10 % อีก 2 ใบ

 

ข่าวที่ 3 ททท.ปลุกธุรกิจเฮสมัครขายในงานเที่ยวไทยมั่นใจไปกับSHA

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าได้เชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวแต่ละธุรกิจที่ได้รับตรามาตรฐาน SHA เข้าร่วมส่งเสริมการขายในงาน #เที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2563 I สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษ ลดแลกแจกแถม ผ่านแพกเกจการท่องเที่ยวทั่วไทย มีทั้งตั๋วโดยสารเครื่องบินในประเทศ ห้องพักโรงแรม แพกเกจทัวร์ ทริปล่องเรือยอร์ช

ดังนั้น ททท.จึงเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถสมัครฟรี ผ่านทางลิงก์ฟอร์มgoogle : https://forms.gle/HzhKPWq9zhdDGGf3A ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2563 แล้วจากนั้น วันที่ 3 กันยายน 2563  รอฟังการประกาศรายชื่อผู้ประกอบการที่จะได้สิทธิ์ร่วมส่งเสริมการขายในงาน

 

สำหรับการจัดมหกรรมงาน “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ททท.ตั้งเป้าส่งเสริมการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ได้รับตรามาตรฐาน SHA มาร่วมออกบูธเปิดหน้าร้านแนะนำผู้ใช้บริการสร้างการรับรู้ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยว โดยที่ทุกคนยังคงยึดหลักปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาลป้องกันการแพร่ระบาดรอบสอง ขณะเดียวกันก็มาช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ในประเทศ ฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยว พร้อมกับจ้างงานภาคบริการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นต่อไป

 

ขั้นตอนการสมัครสำหรับสถานประกอบการ ที่ไม่รู้รหัส SHA Code ให้ทำดังนี้ 1.เข้าเว็บไซต์ https://thailandsha.tourismthailand.org/shalists/ 2.ค้นหารายชื่อธุรกิจตนเอง 3.คลิก ดูรายละเอียด

4.คลิก ประเมินสถานประกอบการ จะพบ SHA Code ปรากฎขึ้น  5 ตัวอักษร

 

ส่วนรายละเอียดในการสมัครเข้าร่วมส่งเสริมการขายในงาน  “เที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามกติกาดังนี้

 

1.เป็นสถานประกอบการที่ได้รับตราสัญญาลักษณ์ SHA รับสมัครเข้าร่วมโครงการไม่เกิน 100 ราย 2. ร่วมออกบูธฟรี 3. สถานประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องนำเสนอแพคเกจราคาพิเศษมาวางขายในงาน

 

4. คณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกสถานประกอบการเข้าร่วมงานตามกติกาที่ระบุไว้ 5. กรณีสถานประกอบการยืนยันเข้าร่วมงานเรียบร้อยไม่สามารถขอยกเลิกได้ในทุกกรณี 6. สถานประกอบการยืนยันแล้วแต่ไม่มาเข้าร่วมในวันงาน ททท. ขอตัดสิทธิ์โรงแรมในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งต่อไป

 

ข่าวที่ 4 ททท.กระบี่หนุนเที่ยวงานยลเมืองศิลป์กินของหรอยถึง30ส.ค.นี้

นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน “ยลเมืองศิลป์ กินของหรอย จังหวัดกระบี่” ร่วมกับพันธมิตรหลัก ทั้งจังหวัดกระบี่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่ หอการค้าและหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย จับมือกันจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านงานศิลปะและอาหารพื้นถิ่น ระหว่าง 26 - 30 สิงหาคม 2563 ณ ลานปูดำ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยจะมีผู้ร่วมออกบูธในงานประมาณ 100 บูธ

 

โดยมี 3 ไฮไลต์ให้นักท่องเที่ยวได้สร้างประสบการณ์ตรง ได้แก่ 1.งานแสดงศิลปะร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงของกระบี่ รวมทั้งสตรีทอาร์ตของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ 2.ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมระดับสากล ซึ่งนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงเมนูต่าง ๆ  มีทั้งฮาลาล  อาหารจากเชฟโรงแรมชื่อดัง อาหารทะเลจากแพและกระชัง ปรุงสดใหม่ให้เลือกรับประทาน อีกทั้งภายในงานทาง สสว.ร่วมเปิดขายสินค้าอุปโภค บริโภค ด้วย 3.การแสดง Light up Your Life” บอลลูนไลท์แอนด์ซาวน์สามารถลอยน้ำเปลี่ยนสีได้  และน้ำพุกลางน้ำบรรยากาศเขาขนาบน้ำ ประกอบดนตรี ชมมินิคอนเสิร์ต New Normal จากศิลปินดัง อาทิ “นิว - จิ๋ว” “Getsunova” และ“แอ็ค โชคชัย ผู้ชนะ The Golden Song season 1

 

อีกทั้ง ททท. ยังมอบคูปองเงินสดมูลค่า 100 บาท สำหรับผู้ที่พักตามโรงแรมและกลุ่มที่ใช้สิทธิ์ซื้อแพกเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อรับสิทธิ์ 3 ต่อ คือ 1.ส่วนลดที่พัก 40 % 2. รับคูปองมูลค่า 600 บาท/วัน ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าแหล่งท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยชำระเพียง 60% อีก 40% ตัดจากคูปองเมื่อเช็คอิน 3. รับคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40%

ตลอดการจัดงาน ““ยลเมืองศิลป์ กินของหรอย จังหวัดกระบี่” เน้นปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด -19 อย่างเคร่งครัด และงดใช้โฟมเด็ดขาด ตามยุทธศาสตร์จังหวัด Krabi Goes Green ควบคู่กันไปด้วย

 

ข่าวที่ 5 ททท.กระตุ้นฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการร่วมมาตรฐานSHAท่องเที่ยว

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์กระตุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบทั้งฉะเชิงเทราและสมุทรปราการทั้ง 10 ประเภท รีบสมัครเข้าร่วมรับตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยืนยันถึงสถานที่ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว มีความปลอดภัยด้านสาธารณสุขตามได้มาตรฐานการท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal

 

ขณะนี้มีสถานประกอบการในฉะเชิงเทราและสมุทรปราการสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมากหลายร้อยราย  ตลอดสิงหาคมต่อเนื่องถึงกันยายน 2563 ททท.ยังคงมุ่งรณรงค์ให้สถานประกอบการที่สนใจ รีบเข้ามาลงทะเบียนฟรีเพื่อรับตราสัญลักษณ์ SHA ได้ที่ www.thailandsha.tourismthailand.org  

 

ปัจจุบัน ททท.ร่วมมือกับผู้ประกอบการในฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ทำโครงการส่งเสริมให้คนหันมาท่องเที่ยวในประเทศ ใน 2 จังหวัดนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกหลากหลายมากมาย ขอข้อมูลเพิ่มได้ที่โทร. 0 3851 4009

 

ข่าวที่ 6 บางจากจัดแคมเปญเติมมากคุ้มค่ามากทุกเส้นทาง

 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดแคมเปญ “เติมมาก คุ้มมากทุกเส้นทาง” รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% กับบัตรเครดิต SCB ตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน  2563 เมื่อเติมน้ำมันบางจากสถานีทั่วประเทศตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป และใช้คะแนน SCB REWARDS 700 คะแนน ตามกติกาดังนี้

1.แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เฉพาะบัตร SCB PRIVATE BANKING, SCB FIRST, SCB PRIME ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สำหรับวันจันทร์-พฤหัสบดี ได้รับเครดิตเงินคืน 10%

 

2.แลกรับเครดิตเงินคืน 12% บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ประเภทอื่นๆ ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สำหรับวันจันทร์-พฤหัสบดี ได้รับเครดิตเงินคืน 10%

 

ส่วนบัตรเครดิตที่ไม่ร่วมรายการได้แก่ บัตรเครดิต SCB FAMILY PLUS, บัตรเครดิต SCB M ทุกประเภท และบัตรเครดิตนิติบุคคล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2QlcS4k

 

ข่าวที่ 7 TCEB”ปลื้มนายกฯเปิดไมซ์ซิตี้ใหม่“โคราช-สงขลา”2ก.ย.นี้

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคม 2563 ทีเส็บประกาศเพิ่มเมืองไมซ์ MICE CITY ในประเทศอีก 2 แห่ง คือ นครราชสีมา และสงขลา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 5 แห่ง กรุงเทพฯ พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ต สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ขององค์กรซึ่งยึดมั่นนโยบายสำคัญเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์กระจายครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสการพัฒนาท้องถิ่นได้ทั่วถึง สามารถดึงดูดทั้งเรื่องการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจไมซ์ ท่องเที่ยว การพัฒนาบุคลากรป้อนให้แก่อุตสาหกรรมไมซ์ในแต่ละจังหวัดช่วยกันเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในให้เกิดความเข้มแข็ง

 

ตามแผนของทีเส็บเตรียมเปิดตัว ไมซ์ ซิตี้ เพิ่มใหม่ทั้ง 2 แห่ง ในงานโครงการ “จัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ” วันที่ 2 กันยายน 2563 โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพร้อมกล่าวปาฐกถา และให้เกียรติประกาศไมซ์ซิตี้ใหม่ นครราชสีมาและสงขลา อย่างเป็นทางการ  ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในงานจะมีกิจกรรมสำคัญด้านความรู้ ประสบการณ์ และเปิดตลาดซื้อขายไมซ์ราคาพิเศษ โดยผู้ประกอบการจำนวนมากจากทั้งสถานจัดประชุม สายการบิน โรงแรม นำสินค้าไมซ์มานำเสนอแก่ผู้สนใจด้วย

 

โดยทีเส็บพร้อมสนับสนุนไมซ์ ซิตี้ ช่วยกระตุ้นตลาดและรายได้เพิ่มขึ้นทั้งการประชุม และแสดงสินค้า หมุนเวียนไปจัดในแต่ละพื้นที่ ขณะนี้จึงมีหลายจังหวัดสนใจพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานเพื่อเข้าเป็นไมซ์ ซิตี้ สร้างกระแสทั่วประเทศตื่นตัวโดยยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพที่ดีไว้ รวมทั้งจะสนับสนุนการจัดงานไมซ์ภายในจังหวัดให้เกิดขึ้นต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่แล้ว ยังมุ่งพัฒนาทั้งระบบ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

 

นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ไมซ์ ซิตี้ ทั้ง 2 แห่ง นครราชสีมาและสงขลา ได้พัฒนามาตรฐานยกระดับผ่านหลักเกณฑ์การประเมินและได้การรับรองเป็นเมืองไมซ์ของประเทศไทยครบทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ 1.ความสะดวกในการเข้าสู่เมืองและสถานที่จัดงาน 2.การสนับสนุนการจัดงานไมซ์จากการจัดงานของเมือง 3.กิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม 4.ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก 5.สถานที่จัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวก 6.ภาพลักษณ์และความมีชื่อเสียงของเมือง 7.สภาพแวดล้อมของเมือง และ 8.ความเสี่ยงในการยกเลิกงานและการรักษาความปลอดภัย

ภารกิจการเป็นไมซ์ซิตี้ของ 2 เมืองใหม่ ทีเส็บจะร่วมกับทางจังหวัด หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในนครราชสีมาและสงขลา เร่งขับเคลื่อนเมืองไมซ์ตามแผนยุทธศาสตร์ไมซ์ซิตี้ครบองค์รวม 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

1.พัฒนาช่องทางการตลาดและส่งเสริมกิจกรรมการตลาด ปรับเปลี่ยนและสร้างภาพลักษณ์ของเมืองเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมไมซ์

2.พัฒนารูปแบบกิจกรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์ สนับสนุนการใช้วัฒนธรรมพื้นเมืองที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมไมซ์และยกระดับกิจกรรมไมซ์ที่มีศักยภาพไปสู่ระดับนานาชาติ

3.สร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรไมซ์ในพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล

4.ยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

           

สำหรับจังหวัดนครราชสีมา กำหนดวิสัยทัศน์การเป็น ไมซ์ ซิตี้ ตามอัตลักษณ์เมืองให้เป็น “เมืองไมซ์มรดกโลกศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยอิงกับจุดเด่นของจังหวัด 5 ด้าน คือ 1.เป็นศูนย์กลางการผลิตและแปรรูปสินค้าทางการเกษตรของประเทศ 2.มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย 3.มีแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นจำนวนมาก 4.เป็นศูนย์กลางการค้าและแหล่งชอปปิ้งของภูมิภาค และ 5.มีวัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถานที่เป็นเอกลักษณ์

 

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า นครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมสูงรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ทุกมิติ ทั้งการคมนาคมที่เข้าถึงสถานที่จัดงาน การประชุม งานแสดงสินค้า บุคลากรคุณภาพ มีอัตลักษณ์วัฒนธรรมโดดเด่น ผสมผสานกับกิจกรรมอีเวนต์ที่หลากหลายได้อย่างลงตัว และเสน่ห์อีกอย่างของจังหวัด คือความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สุดของภาคอีสาน มรดกโลกในพื้นที่เขาใหญ่ พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชและอุทธยานธรณีโคราช เป็นภาพรวมที่จะสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่แตกต่างแก่ผู้มาเยือนโคราชไมซ์ซิตี้ได้เป็นอย่างดี

 

ส่วน จังหวัดสงขลา กำหนดวิสัยทัศน์เป็นไมซ์ซิตี้ตามอัตลักษณ์เมือง คือ "เมืองไมซ์พหุวัฒนธรรมที่จะสร้างการเติบโตด้านเศรษฐกิจ จากการค้าชายแดน การบริการ และการลงทุนสำหรับภาคใต้" ด้วยจุดเด่น 5 ด้าน คือ 1.เป็นเมืองพหุวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยพุทธ ไทยจีน และไทยมุสลิม 2.เป็นศูนย์กลางราชการของภาคใต้ 3.เป็นศูนย์กลางธุรกิจ 4.เป็นศูนย์กลางการค้าและช้อปปิ้ง และ 5.เป็นศูนย์รวมสถาบันการศึกษาภาคใต้

 

นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอบคุณในความร่วมมือ จากภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคการศึกษามหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่ร่วมผลักดันจนได้รับเลือกเป็นไมซ์ซิตี้เมืองแห่งอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย สามารถใช้ศักยภาพของการเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุน การบริการ และคมนาคม ที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง และประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้รับยกย่องให้เป็น “ศูนย์กลางการค้าชายแดนใต้ และความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรม”

 

หลังจากได้การรับรองเป็น ไมซ์ ซิตี้ แล้ว สงขลาพร้อมขับเคลื่อนเป็นศูนย์กลางไมซ์ภาคใต้ ครอบคลุมงานประชุม จัดอีเวนต์ การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การจัดงานแสดงสินค้า ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร เช่น ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ในโรงแรม สามารถรองรับงานได้ทุกระดับคือภูมิภาค ประเทศ และนานาชาติ ทำการตลาดไมซ์เชิงรุกสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งยั่งยืน

 

                ช่วงที่ 2 ออกเที่ยววิถีใหม่ไป More Fun “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจำชั่วคราเขาระกำ จ.ตราด ส่วนสุขภาพต้องฟังหมอแนะ “กินอย่างไรป้องกันเหน็บชาได้” ส่วนข่าวฮ็อต “กรรมาธิการวุฒิสภา” เปิดเวทีท่องเที่ยวหลังโควิด-19 โอกาสและความท้าทาย แนะรัฐปลดล็อกเงินทุน3ปีปลอดต้นและดอก ต่อด้วย “การบินไทยเด้งรับภูเก็ตโมเดล” ฝันเปิดบินระหว่างประเทศ 6 เส้นทาง ทายาทดุสิตธานี ชู “แบรนด์อาศัย” แห่งแรกที่ไชน่าทาวน์ เปิดกลางเดือนกันยายน นี้

 

More Funที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ

 

                เที่ยวเมืองไทย คุ้มทุกเท่ สนุกทุกเวลา เมื่อได้ออกเดินทางจึงจะรู้ว่าการท่องเที่ยวในประเทศ มีดีกว่าที่คิด ทริปนี้ชวนไปเรียนรู้สิ่งดี ๆ ที่ “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ” หมู่ 5 ถนนสุขุมวิท ตำบลเขาสมิง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด  สถานที่ศึกษาดูงานด้านความสำเร็จของการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้แหล่งเรียนรู้ จังหวัดตราด

 

                มีกิจกรรมน่าสนุกและสามารถเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ปักหมุดแรก “จุดชมวิว” กับภาพสวย ๆ ตรงจุดเช็คอิน ตามมาด้วย “การให้อาหารสัตว์” ตื่นตาตื่นใจกับ กระต่าย หมู ลูกแพะ แม่แพะ ควาย ม้า รวมไปถึงให้อาหารฝูงเม่น ต่อด้วย การเรียนรู้วิธี “ปลูกต้นไม้” ทำการเกษตรในพื้นที่จำกัด สามารถทดลองปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ ปลูกพืชผสมผสาน ทำปศุสัตว์แบบย่อ อย่างการเลี้ยงไก่บนบ่อปลา เลี้ยงเป็ด เรียนวิธีเลี้ยงไส้เดือนเพิ่มมูลค่าอย่างไรให้คุ้มค่า

 

แล้วก็แวะไปชิมน้ำลูกหม่อน ซึ่งมีทั้งแบบสกัดและเมนู รสชาติ อร่อย สีสันสวยงามอีกด้วย

 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ  เปิดรับนักท่องเที่ยวทุกวัน ตั้งแต่  09.00 - 15.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มที่โทร.  08 7135 8787

                เมื่อชมกิจกรรมท่องเที่ยวเรือนจำชั่วคราวเขาระกำ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อในอำเภอเมืองตราดได้อีกหลายมิติตามแบบท่องเที่ยววิถีใหม่

                เมืองไทย ต้องออกมาเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัดแถบภาคตะวันออก เมืองไทย More Fun กว่าที่คิด มาแล้วจะรู้เมืองไทยสนุกและดีจริง ๆ

 

แพทย์แนะนำวิธีกินอย่างไรให้ห่างไกลจากอาการเหน็บชา

 

หลายคนคงเคยเกิดอาการ “เหน็บชา” โดยเฉพาะตามปลายมือหรือเท้า มีอาการยุบยิบหรือคล้ายเข็มเล็ก ๆ ทิ่มจำนวนมาก ซึ่งอาการนี้โดยทั่วไปแล้วเกิดได้ทั้งจากการกดทับเส้นประสาทส่วนปลายช่วงแขน ข้อมือ เท้าหรือข้อเท้า เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาทหรือการขาดสารอาหารบางประเภทก็ได้ ซึ่งสาเหตุหลักที่ไม่รุนแรง มีดังนี้ 1.การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน ขาดการขยับเขยื้อนเป็นช่วงเวลาหนึ่ง 2.การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี 1 บี 12 ซึ่งมีสาเหตุที่ระบุได้ ซึ่งแก้ไขและป้องกันได้ไม่ยาก

 

สาเหตุของการเกิดอาการเหน็บชาจากการขาดวิตามินบี 1 เพราะขาดการบริโภคแหล่งธัญพืชบางชนิด โดยเฉพาะธัญพืชไม่ขัดสีไป เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถั่วต่าง ๆ ลูกเดือย ข้าวโพด เพราะวิตามินบี 1 จะอยู่ในส่วนของเปลือกหุ้มเมล็ด ซึ่งจะสูญหายไปหลังจากที่ขัดเมล็ดจนกลายเป็นข้าวขาว หรือผลิตภัณฑ์แป้งขัดขาว

 

เลิกบริโภคอาหารที่ขัดขวางกระบวนการดูดซึมวิตามินบี 1 เช่น พืชบางชนิด อาทิ ใบเมี่ยง หมากพลู ดื่มชา ปลาร้า แหนมดิบ ปลาส้มดิบ หอยดิบ ไข่ที่ไม่สุก

 

ความต้องการของร่างกายสูงขึ้นชั่วคราว จากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา เช่น สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร เด็กที่อยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต คนที่มีการใช้แรงงานร่างกายหนักกว่าปกติ นักกีฬา ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรังเป็นเวลานาน ผู้ที่มีปัญหาไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ

 

อาการเจ็บป่วยบางชนิด เช่น มีการผ่าตัดเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกไต ผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง ผู้ที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมที่ทำให้การเมตาบอลิสมของวิตามินบี 1 เปลี่ยนไป

 

ส่วนสาเหตุของการเกิดอาการเหน็บชาจากการขาดวิตามินบี 12 เกิดความผิดปกติภายในกระเพาะอาหารที่สร้างสารช่วยดูดซึมวิตามิน B12 ทำให้วิตามินนี้ไม่สามารถดูดซึมได้ รวมทั้งผู้ที่มีการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนปลาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดูดซึมวิตามิน B12 ผู้ที่รับประทานอาหารแบบมังสวิรัติแบบเคร่ง ที่ไม่ดื่มนม กินปลาหรือไข่เลย เนื่องจากวิตามินบี 12 พบได้ในผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อสัตว์

 

หากมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรทำอย่างไร ?

กลุ่มที่มีความผิดปกติรุนแรงนั้น เช่น รายที่มีภาวะของการทำลายเส้นประสาทรอบนอกจากโรคบางชนิด เช่น ภาวะเบาหวาน โรคใด ๆ ที่เกิดความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น สมองหรือไขสันหลังก็สามารถเกิดอาการเหน็บชาได้เช่นกัน ซึ่งหากมีอาการเหน็บชาร่วมกับอาการผิดปกติอื่นด้วย และมีระยะเวลาที่มีอาการยาวนานหรืออาการมีความรุนแรงจนไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันอย่างปกติได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด และไม่ควรตัดสินใจซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานเอง

 

ดังนั้นเราจะป้องกันอาการเหน็บชาได้อย่างไร ต้องฟังทางนี้

 

1. เลือกรับประทานอาหารกลุ่มธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ลูกเดือย ข้าวฟ่าง งาต่าง ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับวิตามินบี 1 เป็นประจำ

 

2. เลือกรับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์เป็นปกติ แต่ให้ความสำคัญในการเลือกให้ไขมันไม่สูงเกินไป โดยตัดมันหรือหนังทิ้งออกไปก่อนนำมาปรุงอาหาร จะทำให้ได้รับวิตามินบี 12 เพียงพอ

 

3. สำหรับปัญหาเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท ควรมีการวางแผนการออกกำลังกายให้ครบถ้วนเป็นประจำ และอาจปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือนักวิทยาศาสตร์การกีฬาเบื้องต้นได้ หากต้องการคำแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวแรก กธ.สว.ผ่าทางรอดเที่ยวโควิด“วีระศักดิ์”ชี้เป้ารัฐเร่งปลดล็อกเงินทุน3ปี

 

พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร “บิ๊กเจี๊ยบ” ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา (กธ.สว.) เปิดเผยว่า ได้นำทีมกรรมาธิการท่องเที่ยว วุฒิสภา จัดเวทีเสวนาร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและเอกชน หัวข้อ “ท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) :โอกาสและความท้าทาย” ณ โรงแรม รามาการ์เด้น กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน ซึ่งจะใช้เวทีนี้เปิดรับความเห็นแล้วรวบรวมนำไปเสนอแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนโดยให้บรรลุเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทางด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการท่องเที่ยว (Travel & Tourism Compettitiveness Index :TTCI) หลังเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แล้วส่งผลกระทบต่อแนทางการจัดการท่องเที่ยววิถีใหม่ในภาพรวมและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและทั่วโลก

 

ผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังคงเป็นกลไกหลักช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจประเทศ ก่อให้เกิดการระจายรายได้เข้าประเทศ การจ้างงาน ไปยังทุกพื้นที่ท้องถิ่น เนื่องจากที่ผ่านมาการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ตามสถิติปี 2560 มูลค่า 2.82 ล้านล้นบาท ปี 2561 มูลค่า 2.94 ล้านล้านบาท ปี 2562 มูลค่าสูงถึง 3.01 ล้านล้านบาท ปี 2563 ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ก่อนไวรัสโควิด-19จะระบาดรุนแรงจนนำไปสู่การล็อกดาวน์ประเทศก็ยังสามารถทำรายได้เข้าประเทศมากถึง 444,271.80 ล้านบาท

 

การจัดเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกเวทีที่จะเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยรวมเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ก้าวผ่านวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เดินหน้าอย่างมีพลังสร้างผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจทุกระดับพัฒนาการเติบโตต่อไปในอนาคต

 

“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะตัวแทนภาครัฐ ขึ้นปาฐากถาถึง “โอกาสและความท้าทาย” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยสะท้อนภาพรวมทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั่นคือ นั่นคือ ที่ผ่านมาประเทศมหาอำนาจของโลกล้วนพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวตามสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมรายได้ประชาชาติ (GDP) สูงแตกต่างกันไป ตัวอย่าง “สหรัฐอเมริกา” มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึงปีละ 49 ล้านล้านบาท คิดเป็น 7.8 % ของจีดีพี ส่วนไทยมีรายได้ปีละประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 21.60 % ของจีดีพี ฟิลิปปินส์ มีรายได้ 2.5ล้านล้านบาท คิดเป็น 24.70 %ของจีดีพี และอีกหลากหลายประเทศที่ต้องพึ่งท่องเที่ยวแต่พอเกิดไวรัสโควิด-19 ทุกอย่างต้องวางแผนฟื้นฟูเยียวยารักษาธุรกิจคงอยู่ให้ได้มากที่สุด

 

“การบิน” เป็นอุตสาหกรรมขนาดการลงทุนใหญ่สุดของการท่องเที่ยวตอนนี้ประกาศล้มละลายไปแล้ว 20 สายการบิน และสายการบินระดับนานาชาติอีกเป็นจำนวนมากกำลังถูกกดดันให้ควบรวมกิจการเพื่อความอยู่รอด คำถามคือแล้ว “รัฐบาลกับรัฐสภา”ประเทศไทย จะช่วยทำอะไรได้บ้าง หากเปรียบเทียบนโยบายแก้ปัญหาของรัฐบาลไทยกับไอซ์แลนด์มีลักษณะโมเดลคล้ายคลึงกัน นั่นคือ สื่อสารข้อมูลควบคู่การฟื้นฟูเยียวยา ประกอบด้วย 1.นำภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินกู้ 2.รักษาการจ้างงานโดยไม่ให้ถูกเลิกจ้างทะลุเกินกว่า 10 %

 

แต่ในอีกด้านหนึ่งคือสถาบันการเงินของไทยก็ระวังการปล่อยเงินกู้แล้วจะก่อให้เกิดหนี้เสีย (NPL) ดังนั้นช่วงแรก ๆ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจึงเข้าไม่ถึงแหล่งเงินได้มากนัก แต่ถึงอย่างไรประเทศก็ยังมีความเชื่อและความหวังที่จะใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือฟื้นเศรษฐกิจ ผนวกกับถึงอย่างไรคนก็ยังคงต้องเดินทางท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันมีสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เฉลี่ยวันละ 250,000 คน

 

ดร.วีระศักดิ์ กล่าวว่า โอกาสของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ก้าวทะลุท่อดำของไวรัสโควิด-19 ไปให้ได้นั้น จึงขอเสนอทางเลือกหลัก ๆ ไว้ให้พิจารณาคือ

 

แพกเกจที่ 1 รัฐบาลควรมีนโยบายให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อนแบบปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย 3 ปี เพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงกิจการไว้ สอดคล้องกับการพยากรณ์ของหน่วยงานระดับโลกระบุทั่วโลกจะต้องอยู่กับไวรัสโควิดไปอีกระยะโดยจะต้องใช้เวลาราว 3-4 ปี ฟื้นฟูทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกันกับท่องเที่ยวของไทยหากพ้นวิกฤตแล้วก็สามารถกลับมาจ่ายต้นจ่ายดอกตามจำนวนจริงได้

 

แพกเกจที่ 2 จัดทำ Capital Venture แปลงทรัพย์สินเป็นทุน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก มีอสังหาริมทรัพย์เช่น ธุรกิจโรงแรมสามารถแปลงเป็นทุนขอกู้ได้ กลุ่มที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินแต่สามารถใช้วิธีอื่นนั่นคือ ยกระดับปรับคุณภาพทักษะอาชีพ ควบคู่กับการลงมือทำงานหนักค้นหาแหล่งหรือเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ มานำเสนอเพื่อพร้อมขายในตลาด โดยทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันรักษาบุคลากรในอุตสาหกรรมหรือนักรบเหล่านี้ให้อยู่รอดโดยห้ามปลดคนออกจากอาชีพ ด้วยการหาวิธี ลดค่าใช้จ่าย ปรับโครงสร้างธุรกิจให้กระชับมีประสิทธิภาพเข้มข้น ใช้ช่วงเวลานี้จัดการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเรื่องอารยะสถาปัตย์ไว้รองรับตลาดอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้าคนไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยมีประชากรอายุมากถึง 20 % ของทั้งหมด จึงต้องร่วมด้วยช่วยกันใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขับเคลื่อนการจ้างงาน การฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

 

ดร.วีระศักดิ์ย้ำว่า การใส่ท่อออกซิเจนเพื่อรักษาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ก้าวพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ มาตการ “การเงิน” จากนโยบายภาครัฐเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กับมาตรการของ “ผู้ประกอบการเอกชนท่องเที่ยว” จะต้องเดินหน้าทำไปพร้อม ๆ กัน  2 ส่วน คือ 1.รักษาวินัยอย่างเข้มข้นมาก ห้ามการ์ดตกเรื่องการดูแลเคลื่อนย้ายนักท่องเที่ยว บุคลากร จะต้องปฏิบัติตามกติกาความปลอดภัยทุกขั้นตอน 2.ลดค่าใช้จ่าย โดยอาจจะต้องเปลี่ยนรูปแบบรวมตัวกันจัดซื้อเป็นกลุ่มเพื่อลดต้นทุน เพราะหากปล่อยทุกอย่างเดินไปตามยถากรรมโดยตั้งตารอจากภาครัฐแล้วไม่ได้พึ่งพาตนเองลุกขึ้นมาลงมือทำบางเรื่องที่จำเป็น ธุรกิจท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ ก็อาจจะต้องตกอยู่ในสภาพล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมากนั่นเอง

จากนั้น นายศุกรีย์ สิทธิวนิช ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ สว.ทำหน้าที่ดำเนินรายการบนเวทีต่อเนื่อง ในหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของการท่องเที่ยวไทย วิถีใหม่ (New Normal) ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว (Travel & Tourism Compettitiveness Index :TTCI) ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีตัวแทนหลักจาก 5 หน่วยงาน นำเสนอแนวทางอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย

 

1.นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอถึงการจัดทำผลสำรวจ “พฤติกรรม” นักท่องเที่ยวและแนวทางการจัดการท่องเที่ยววิถีใหม่ในภาพรวม ยืนยันได้นำเครื่องมือดิจิทัลสำรวจประมวลผลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวมาตลอดตั้งแต่เดือนมิถุนาย-กรกฎาคม 2563 พร้อมทั้งจัดทำโครงการเยียวยา และสื่อสารถึงสถานการณ์ความต้องการของนักท่องเที่ยวไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบโควิด-19 มีผลกระทบอย่างไรกับทั้งตลาดคนไทยและต่างชาติทั่วโลกที่ต้องการเที่ยวเมืองไทยตามวิถีใหม่ โดยค้นพบว่าโรงแรมต้องมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 27.8 % ขึ้นไปจึงจะอยู่รอดปลอดภัย นำเครื่องมือใหม่อย่าง SHA :Safty & Health Administrationมาตรฐานรับรองความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ซึ่งมีธุรกิจ 10 ประเภท ลงทะเบียนได้ใบรับรองแล้วกว่า 5,000 ราย

 

2.นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำเสนอเรื่อง “การปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว” ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยววิถีใหม่ ขณะนี้กรมฯ ต้องเร่งเดินหน้าเน้น 4 เรื่อง 1.Park Policy ปรับนโยบายบริหารการบริการนักท่องเที่ยว 2.Advance Booking ให้นักท่องเที่ยวจองล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้าอุทยาน 3.Rescure เน้นความปลอดภัยด้านสุขอนามัย 4.Knowledge & Tecnology นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้ามายกเครื่องการบริการในแหล่งท่องเที่ยวอุทยานอย่างเต็มประสิทธิภาพตอนนี้อยู่ระหว่างจัดทำแอพลิเคชั่นใหม่

 

3.น.ส.ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ อดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย นำเสนอเรื่อง “การบริการที่พัก” ตอบสนองนักเดินทาง New Normal ตอนนี้ผู้ประกอบการโรงแรมพร้อมลงมือ ลดค่าใช้จ่าย สร้างโปรแกรมพัฒนาทักษะบุคลากร เต็มรูปแบบ เพราะตอนนี้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมในกรุงเทพฯ เหลือไม่ถึง 20 % เป็นสัญญาณเตือนว่าธุรกิจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

4.น.ส.อชิรญา ธรรมปริพัตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HiveSters เว็บไซต์ออนไลน์ สตาร์ตอัพด้านการท่องเที่ยวชุมชนของประเทศไทย นำเสนอ “การทำตลาดยุคใหม่” โดยใช้เครื่องมือเทรนด์มาแรงดิจิทัล Influencer บล็อกเกอร์ พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวคิดนอกกรอบ นำแนวคิดใหม่ ๆ มาใช้ เช่น การสร้างเกมเพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวิถีใหม่ ตามโมเดลของนิวซีแลนด์ทำสำเร็จมาแล้ว ส่วนช่องทางการเข้าถึงลูกค้า ก็ให้หันมาเน้นวิธีสร้างเนื้อหาด้วยประสบการณ์เพื่อให้คนอยากเข้าร่วม หรือตัวอย่างเปลี่ยนรูปแบบเมื่อนักท่องเที่ยวต้องถูกกักตัว ก็สามารถนำประโยชน์ต่าง ๆ ไปเสิร์ฟให้ถึงที่ เช่น นำกิจกรรม เรียนภาษาไทย ทำอาหาร ทำขนม นั่งสมาธิ โยคะ เข้าไปชวนนักท่องเที่ยวทำร่วมกัน พอพ้นจากการกักกันนักท่องเที่ยวจะได้อยากไปสัมผัสสถานที่จริงต่อไป หรือแม้แต่การเตรียมรองรับ นักเดินทางอาชีพอิสระอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ (Nomad) และอื่น ๆ

 

5.นายชาติชาย เทพแปง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารรัฐกิจวิสาหกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำเสนอ แนวทางการทบทวน กฎ ระเบียบ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งตอนนี้มีกฎหมายควบคุมสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อาทิ พ.ร.ก.บริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 พ.ร.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.เดินอากาศ พ.ศ.2497 รวมทั้งอยู่ระหว่างการทบทวน อีกหลากหลาย พ.ร.บ.ให้สอดคล้องกับกิจกรรมการท่องเที่ยววิถีใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยกิจกรรมเล่นซิปไลน์ ตอนนี้ต้องอิง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ตอนนี้กำลังเสนอทบทวนโดยมีเอกชนร่วมสนับสนุนด้วย

 

ทั้งนี้การจัดเสวนา “ท่องเที่ยวไทยวิถีใหม่ (New Normal) : โอกาสและความท้าย โดยคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา วันที่ 27 สิงหาคม 2563 ณ โรงแรม รามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ หวังผลที่จะได้รับจากเวทีดังกล่าว 3 เป้าหมายหลัก ประกอบด้วย

1.ได้รับรู้โอกาสและความท้าทายของการท่องเที่ยวไทยในสถานการณ์ระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

2.รับรู้ทิศทางแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยในสถานการณ์ระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

3.มีแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนและบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ 20 ปี

 

ข่าวที่สอง บินไทยเด้งรับภูเก็ตโมเมลลั่นเปิดเช่าเหมาตลาดอินเตอร์6ประเทศ

 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเพร้อมตอบสนองนโยบายภาครัฐฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำร่องเปิดบินระหว่างประเทศที่รัฐบาลเดินหน้าทำ “ภูเก็ตโมเดล” ด้วยเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำบินตรง 6 เส้นทาง ไป-กลับ ภูเก็ต ในเส้นทาง เดนมาร์ก เยอรมนี อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง  2 เที่ยวบินต่อเดือน จะเริ่มได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 และยังมีแผนจะบินตรงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าภูเก็ตด้วย

 

ขณะนี้การบินไทยให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในสุขภาพของผู้โดยสารและพนักงานที่ปฏิบัติงานในการให้บริการผู้โดยสาร ด้วยการทำ  Physical Distancing เริ่มตั้งแต่ขั้นตอน 1.Check-in การตรวจรับบัตรโดยสาร 2.บริการอาหารบนเครื่องบินในรูปแบบอาหารกล่อง เพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคคล 3.เว้นระยะห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดขณะนำผู้โดยสารขึ้น-ลงจากเครื่องบิน รวมทั้งให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดขณะปฏิบัติหน้าที่บนเที่ยวบิน อาทิ สวมชุดป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ คอยสังเกตอาการผู้โดยสารระหว่างเที่ยวบิน

 

4.อบพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อในเครื่องและทำความสะอาดแบบ Deep Cleaning ห้องโดยสาร ห้องนักบิน ขณะนี้การบินไทยเป็นสายการบินแรกของไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัย

 

ขณะที่ทาง รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ หรือ ทัวร์เอื้องหลวง พร้อมจัดโรงแรมในพื้นที่ที่รัฐกำหนดรองรับนักท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสาร สามารถสำรองที่นั่งพร้อมโรงแรมในภูเก็ต ที่ผ่านการตรวจประเมิน ASQ (Alternative State Quarantine) จากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงกลาโหม อาทิ โรงแรมอนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่า และโรงแรมอีกหลายแห่ง

ข่าวที่สาม เปิดแล้วโรงแรมใหม่แบรนด์อาศัยไชน่าทาวน์แห่งแรกเครือดุสิต

 

นายศิรเดช โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาศัย โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรมแบรนด์ “อาศัย”เปิดผยว่าเตรียมเปิดโรงแรมแบรนด์ “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” ในเครือโรงแรมดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้ ด้วยสไตล์ที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการด้วยการสัมผัสกับท้องถิ่นและวิถีชีวิตในชุมชนในย่านเยาวราช รวมถึงสถานที่สำคัญรอบๆ โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าและรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เดินทางง่ายด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน พร้อมให้บริการด้วยห้องพักสไตล์มินิมอล แต่คงความสะดวกสบายระดับลักซูรี่ ไม่ว่าจะห้องนอน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ เพื่อให้แขกคนพิเศษได้รับการบริการระดับดีเยี่ยมในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

 

โรงแรม “อาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” ASAI Bangkok Chinatown เป็นโรงแรมแห่งแรกที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ “อาศัย” โดยตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในย่านเยาวราช อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีวัดมังกร เพียง 100 เมตร   รายล้อมด้วยร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดส์ ศาลเจ้า วัดไทย วัดจีน วัดญวณ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ รวมถึงคาเฟ่ร่วมสมัยที่แทรกตัวอยู่ในตึกเก่าของเยาวราชแล้ว ลูกค้าของโรงแรมยังสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นย่านเมืองเก่า รวมถึงชุมชนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ หรือจะเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ อย่างง่ายดาย ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

 

                โรงแรมมีห้องพักจะมีขนาดกะทัดรัด 17 - 26 ตารางเมตร/ห้อง เน้นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับนักเดินทาง เช่น พื้นที่วางกระเป๋า เตียงคุณภาพดีเยี่ยม ฝักบัวอาบน้ำแรงดันสูง และมุมทำงาน ขณะที่พื้นที่ส่วนกลางจะมีความกว้างขวางตามคอนเซปต์ Eat, Work, Play  ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองการใช้งานรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กิน ดื่ม ทำงาน หรือ พักผ่อนร่วมกันอย่างสะดวกสบาย ดังนั้น ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การเข้าพักแบบลักซูรี่ ในราคาที่สัมผัสได้ เพื่อตอบโจทย์ Affordable Lifestyle ของลูกค้าอย่างแท้จริง

 

ส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่ม JAM JAM Eatery & Bar ได้ดีไซน์ผสมผสานของร้านอาหารกับบาร์ เพื่อให้เป็นพื้นที่สังสรร แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายเป็นกันเอง ให้บริการอาหารเช้า รวมถึงแบบ All-day Dining  มีเมนูให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารตะวันตกยอดนิยม อาหารเอเชียจานโปรด อาหารตามฤดูกาล  รวมถึงเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับสายสุขภาพแต่ใจรักการดื่มไวน์ ไบโอไดนามิคไวน์ และเนเชอรัลไวน์อาจจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์

นอกจากนี้ก็ยังมี สาเก กับเบียร์ชายเลนผสมน้ำมะพร้าวลงไปได้อย่างลงตัว ซึ่งแบรนด์อาศัยที่ตั้งใจทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับอาศัยไชน่าทาวน์ รายได้จากการขายเบียร์ชายเลน ทางแบรนด์อาศัยไชน่าทาวน์จะนำส่วนหนึ่งไปมอบให้องค์กรที่ดูแลปกป้องป่าชายเลน  

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai