หนุ่มสาวทัวร์ผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่เปิด3ปมร้อน”วัคซีนทัวร์-โมเดลหลังโควิด-รัฐวิถีใหม่” วัคซีนทัวร์เกมพีอาร์เที่ยวนอก-2โปรเจ็กต์ฟื้นเที่ยวไทย-ดันCo-Payรอดด้วยกัน
ผู้นำรุ่นใหม่หนุ่มสาวทัวร์เปิด3ปมร้อน”วัคซีนทัวร์-โมเดลหลังโควิด-รัฐวิถีใหม่”
วัคซีนทัวร์เกมพีอาร์เที่ยวนอก-2โปรเจ็กต์ฟื้นเที่ยวไทย-ดันCo-Payรอดด้วยกัน
คิงเพาเวอร์รับรางวัลเสมาคุณูปการโครงการดีเด่นแจกสนามฟุตบอลทั่วไทย
คิงเพาเวอร์หนุนโครงการ“เด็กอวด(ทำ)ดี”ขยายเวลารับสมัครวันนี้-21พ.ค.64
ททท.ยก9สวนทุเรียนปราจีนบุรีมาให้สั่งซื้อออนไลน์ส่งถึงบ้านแจกฟรี500ชิ้น
ททท.อีสาน-แบงก์กรุงเทพทำโปร”เช็คอินอีสานคนละครึ่ง”ช่วยรร.SHA150แห่ง
TCEBภาคเหนือร่วมทีมยกร่างTORงานLanna Expo2021เชียงใหม่ใหม่ก.ย.นี้
เดินทางหรือการเที่ยวได้อย่างไรให้ปลอดภัยช่วงโควิด-19เน้นใช้11มาตรการ
“รมว.พิพัฒน์”ลุยเสนอภายในปี’64ไทยจ่อเปิดพื้นที่10จังหวัดรับทัวร์ต่างชาติ
“เดลต้าแอร์”โชว์สั่งฝูงบินใหม่เพิ่ม25ลำลั่นเดินหน้าฟื้นอุตฯบินโตหลังโควิด
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #หนุ่มสาวทัวร์ #KingPower #ทททยกสวนทุเรียนปราจีนมาให้สั่ง
ช่วงที่ 1 เปิดมุมมองนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ “นายโชติช่วง ศูรางกูร”
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด 3
ประเด็นพลิกอนาคตท่องเที่ยว ปมร้อนมุมแรก “วัคซีนทัวร์”
ปลุกกระแสคนไทยเป็นเกมพีอาร์หรือทำตลาดการขายจริง แนะรัฐเร่งสร้างความชัดเจน
“วิธีบริหารจัดการจัดสรรวัคซีน”ลดการผลักคนดินหาที่พึ่งต่างประเทศ มุมที่สอง
“สร้างโมเดลท่องเที่ยวรอหลังพ้นวิกฤตโควิด” ด้วย 2 โปรเจ็กต์
“เที่ยวให้ลืมบ้าน-เที่ยวได้ให้รีบเที่ยว”
คาดเปิดประเทศปุ๊บคนไทยทะลักเที่ยวนอกยาว มุมที่สาม “ถึงเวลาใช้นโยบาย Co-Pay” สร้าง Win Win Game ด้วยการเลือกวิธีทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด
ภาคธุรกิจรอด ภาครัฐได้ฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ภาคแรงงานได้อาชีพมั่นคงยั่งยืน
นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์
จำกัด เปิดเผยว่า
ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กำลังเกิดกระแสการตลาดเปิดขายแพกเกจ “วัคซีนทัวร์”
ในฐานะนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ มีมุมมองแรก “เรื่องวัคซีนทัวร์” ไม่ใช่เทรนด์แต่เป็นเรื่องของเวลาเนื่องจากยังอยู่ในช่วงของ
“วัคซีนฉุกเฉิน” ซึ่งผลิตขึ้นมาได้ไม่ถึง 1 ปี
เพื่อเร่งฉีดสร้างภูมิคุ้มกันคนทั่วโลก บวกกับจำนวนมีไม่เพียงพอ
หลายประเทศได้ทยอยฉีดให้เฉพาะคนภายในประเทศ ยังนำมาทำเชิงการค้าไม่ได้
แม้แต่เซอร์เบียยกเลิกนโยบายฉีดให้นักท่องเที่ยวไปแล้ว
วัตถุประสงค์ต้องการฉีดให้คนในประเทศข้างเคียงก่อน หรือสหรัฐอเมริกา
มีบริษัทนำเที่ยวโฆษณาก็น่าจะเป็นเชิงพีอาร์มากกว่า
เพื่อสร้างการรับรู้ว่ามีโปรดักต์นี้ขายอยู่ในโปรแกรม
เพราะผมเห็นมีทั้งบริษัทนำเที่ยวของไทย
ทัวร์ไกด์กับบริษัทท่องเที่ยวในอเมริกาทำโปรแกรมขึ้นมา ซึ่งการทำโปรดักต์ “ไม่ยาก”
ก็เหมือนการเขียนโปรแกรมทัวร์ทั่วไปแล้วใส่เพิ่มเรื่องการฉีดวัคซีนเพิ่มเข้าไป ที่
“ยาก” คือการจัดสรรวัคซีนยังทำไม่ได้ แต่ “มีความเป็นไปได้”
ทางหนุ่มสาวทัวร์ก็ทำแพกเกจดังกล่าวเหมือนกันโดยยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ออกไป
เนื่องจากต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ทำทุกอย่างให้ชัดเจน มุ่ง “ขายอนาคต” ไม่ได้อยาก
“ขายฝัน” โดยมองตอนนี้ยังเป็นห่างไกลความจริงอยู่นั่นเอง
รวมถึงลูกค้าบางคนยังขาดความเข้าใจ
จึงต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจนเพื่อรักษาแบรนด์ท่องเที่ยวที่ดีไว้
สาเหตุที่ทำให้เกิด
“วัคซีนทัวร์” ขึ้นมาก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งนั่นคือ
“ความเหลื่อมล้ำการจัดสรรวัคซีน” กระจายให้ผู้คน ยิ่งมี “วัคซีนน้อยเท่าไร”
โอกาสที่คนไทยจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเลือกฉีดวัคซีนได้มากกว่าก็มีสูง
ในทางกลับกันถ้าหากประเทศไทยมีโอกาสฉีดวัคซีนได้มากต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านก็อาจจะเข้ามาใช้บริการ
ปี 2563 ผมเองเตรียมทำ Inbound Vaccine Tourism แต่พอเห็นแผนการกระจายวัคซีนของรัฐบาลแล้ว
ก็เลยพับแผนการตลาดนี้ไปเพราะประเทศเราน่าจะตกขบวนนี้ไปแล้ว จึงต้องรอโอกาส รอเวลา
สร้างความเข้าใจให้ชัดเจนเรื่องการจัดสรรวัคซีนของนานาชาติ
นายโชติช่วงกล่าวว่า
มุมมองเรื่องที่ 2 การท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด
“พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทย” จะทะลักไปเที่ยวต่างประเทศแน่นอนเพราะอั้นมานาน
คนมีกำลังทรัพย์จะเดินทางใช้เวลาระยะยาวมากขึ้น 9-10 วัน แทน
5-6 วัน สัญญาณนี้เห็นชัดจากเที่ยวในประเทศก่อนเกิดรอบ 2
และรอบ 3 แพกเกจเที่ยวระยะยาวขายดีมาก 4-5
คืน ต่างจากเดิมเที่ยวเพียง 2-3 คืน
คนมีความพร้อมเดินทาง สมัยก่อนการท่องเที่ยวอาจไม่มีความจำเป็น
ส่วนยุคนี้ท่องเที่ยวคือความจำเป็นเมื่อมีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง
พออั้นมาก ๆ อารมณ์ก็จะระเบิดออกมา
ผลวิจัยจากต่างประเทศ
ยืนยัน 1.คนทั่วโลกจะเดินทางจำนวนน้อยครั้งลง
โดยแต่ละครั้งนานวันมากขึ้น ส่วนคนไทยช่วงแรกอาจเที่ยวในประเทศสั้น ๆ 2-3 วัน แล้วเดินทางบ่อยมากขึ้น ลดการเดินทางแบบกรุ๊ปหันมาเที่ยวแบบเดี่ยว ๆ F.I.T. ขณะที่คนไทยที่เดินทางต่างประเทศจะเป็นกลุ่มที่มีเวลาไปอยู่ยาว ๆ
มีแนวโน้มเลือกใช้ไฮเอนด์มากขึ้น เช่น ขยับไปพักโรงแรม 5 ดาว
หลีกเลี่ยงการไปเที่ยวในชุมชนซึ่งแออัดเพราะยังกลัวอยู่บ้าง
ตัวอย่างตอนนี้มีบางประเทศเริ่มกลับมาจัดมหกรรมคอนเสิร์ตเปิดหน้ากาก
กันได้แล้ว ทั้งในบางเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อคนมีความมั่นใจมากขึ้นอารมณ์คนก็อาจจะเดินทางได้ตามปกติ
นายโชติช่วงกล่าวว่า
หนุ่มสาว ทัวร์ วางแผนการตลาดรองรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด โดย 1.ปรับรูปแบบท่องเที่ยวชู 2 โครงการ
ได้แก่ “เที่ยวให้ลืมบ้าน” นำร่องทำเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ตอนพ้นโควิดรอบแรกจบลง
กระแสตอบรับดีมาก เน้นแพกเกจทัวร์อยู่พักค้างคืนระยะยาววัน 4-5 คืน มีโปรแกรมหลากหลายเพิ่มขึ้น
และคัดสรรจุดหมายปลายเที่ยวชุมชนไม่ไปในพื้นที่แออัด ผนวกกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือ
influencer ศิลปิน ดารา หันมาแนะนำเดินทางไปยังเส้นทางท่องเที่ยวดึงแฟนคลับได้
ทางหนุ่มสาวทัวร์ก็เกาะกระแสขายเส้นทางใหม่ ๆ ซึ่งได้ผลดีพอสมควร
จากนั้นก็ทำต่อเนื่อง “เที่ยวได้ให้รีบเที่ยว” ช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม
มียอดจองซื้อพอสมควร แต่พอมาถึงเมษายน 2564 แต่เกิดโควิดรอบ 3 ช่วงสงกรานต์คนก็ยกเลิกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจะต้องเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป
ทั้งนี้
หนุ่ม สาว ทัวร์
ได้เพิ่มจุดแข็งใหม่สร้างความเชื่อมั่นทำให้ลูกค้าเกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ด้วยกลยุทธ์การทำ
“โครงการ Refund 100 %”
ทำให้นักท่องเที่ยวกับทางซัพพลายเออร์คู่ค้ากลุ่มโรงแรม สายการบิน Win Win โดยประสานการเจรจากับซัพพลายเออร์ต่อรองให้ร่วมมือกันในช่วงสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นบ่อย
ๆ จึงเปิดโอกาสดังนี้
1.ให้นักท่องเที่ยวสามารถยกเลิกการใช้บริการล่วงหน้าก่อนเดินทาง 3 วันได้ ดีกว่าสมัยก่อนต้องแจ้งยกเลิกล่วงหน้า 7 หรือ
15 วัน 2.เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สบายใจอย่างกรณีโควิด
หรือเหตุการณ์ความเสี่ยง ทางเรายินดีคืนเงิน 100 %
มาตรการนี้เป็นแรงกระตุ้นให้ลูกค้ายอมจ่ายมัดจำค่าโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน 3.หนุ่มสาวทัวร์ให้แจ้งยกเลิกได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ยินดีคืนเงินให้ 100 %
2.ปรับการขายไม่เน้นโปรแกรมเฉพาะเทศกาลมากนัก 3.วางกลยุทธ์ขานรับเทรนด์เศรษฐกิจท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นแบบ
K-Shape แบ่งเป็น “K-ขาขึ้น”
หมายถึงกลุ่มที่เดินทางได้มีกำลังซื้อเป็นนักท่องเที่ยวไฮเอนด์
สามารถเดินทางได้นานวันขึ้น เลือกเส้นทางหรูหรามากขึ้น ใช้เงินมากขึ้น และ “K-ขาลง”
กลุ่มนี้หมดกำลังซื้อจะหายไปจากตลาดไม่สามารถเดินทางได้เพราะโดนพิษโควิด
ซึ่งในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ เพียงแต่ใครจะหาเจอเท่านั้นเอง
นายโชติช่วงกล่าวว่า
แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง คนไทยยังไม่น่าจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปกติได้
(outbound) เช่นเดียวกันการนำต่างชาติเที่ยวไทย (inbound) ก็ยังลำบาก ฉนั้น หนุ่ม สาว ทัวร์ ยังคงต้องชูโรงด้วย “ไทยเที่ยวไทย”
นำโครงการ “เที่ยวให้ลืมบ้าน” มาทำต่อเฟส 2 เพิ่มวันพักค้างคืนมากขึ้น
ใช้ศักยภาพของโรงแรมเริ่มเปิดบริการมากขึ้น เริ่มจ้างคนกลับเข้ามาใหม่
ทางเราจะสามารถต่อรองเจรจาเพื่อให้ Win Win เรื่องการหารายได้ไปสร้างสภาพคล่อง
ส่วนเราก็นำนักท่องเที่ยวไปสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้
เพราะบทบาทของบริษัททัวร์ไม่ใช่แมสเซนเจอร์
แต่จะต้องเป็นที่ปรึกษาพร้อมทั้งเจรจาต่อรองสร้างให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุดเหมือน
ๆ กัน
นายโชติช่วงกล่าวตอนท้าย
สะท้อน มุมมองที่ 3 ว่า ในฐานะผู้ประกอบการท่องเที่ยวขอเสนอรัฐบาลโดยยังคงเน้น
2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่องที่ 1 “วัคซีนป้องกันโควิด”
คือทางรอดออกจากวิกฤตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ควรทำอย่างรวดเร็ว
จัดสรรอย่างเป็นธรรมชัดเจน แต่แผนตอนนี้ยังล่าช้าเกินไป ฉีดได้น้อยเพียงล้านคน
การจัดสรรไปยังพื้นที่จำเป็นยังไม่ตามเกณฑ์ ขณะที่หลายประเทศเริ่มลดเกณฑ์
โดยพุ่งเป้าหันมาฉีดวัคซีนให้กลุ่มคนที่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เช่น
สิงคโปร์ หรืออีกหลายประเทศ ซึ่งไทยมีตัวอย่างให้เห็นจากนานาประเทศ
สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
เรื่องที่ 2 นโยบายร่วมจ่ายค่าจ้างหรือ Co-Pay เพื่อรักษาการจ้างงานท่องเที่ยวไว้ เอกชนเรียกร้องมาตั้งแต่แรกก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะธุรกิจท่องเที่ยว บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รถเช่า ในสถานการณ์วิกฤตไม่มีรายได้ แต่ยังมีรายจ่ายคงที่ และการดูแลพนักงาน เช่นไต้หวันรัฐบาลยอมจ่ายเงินสมบทเข้าบริษัทไปจ่ายพนักงาน 15,000 เหรียญ คัดตามเกณฑ์จำนวน 100 คน/บริษัท ส่วนในกลุ่มพนักงานเงินเดือนสูงบริษัทก็สามารถไปจ่ายสมทบให้ด้วยได้ เป็นการ “ช่วยตั้งแต่ต้นทาง” เป็นแนวทางที่ยั่งยืน รอดไปด้วยกัน แต่ถ้า “ช่วยปลายทาง” นำเงินไปให้ลูกจ้าง แล้วผู้ประกอบการไม่รอดต้องปิดตัวลงและเลิกจ้าง แต่ถ้าช่วยบริษัทไว้ บริษัทก็จ้างงานต่อได้ แล้วยังมีเงินจ่ายสมทบประกันสังคมได้ด้วย
วิธีช่วยตั้งแต่ต้นทางจะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ได้
ทั้งผู้ประกอบธุรกิจ ภาครัฐก็จะได้ ผู้ประกันตน ส่วนของนายจ้าง
เป็นการช่วยที่เหมาะสม มากที่สุด หลายประเทศก็ทำแบบนี้แล้วก็รอด
ข้อเสนอดังกล่าว
เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่รัฐจะพิจารณา เพื่อให้ทุกฝ่ายรอดไปด้วยกันหรือไม่
ต้องติดตามต่อไป
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์รับรางวัลเสมาคุณูปการโครงการดีเด่นแจกสนามฟุตบอลทั่วไทย
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณบัตร
และเข็มที่ระลึก เสมาคุณูปการ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทหรือบุคคล
ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2564 จาก นางสาวตรีนุช เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ เขตดุสิต กรุงเทพฯ
สำหรับรางวัลที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับครั้งนี้เพราะทำโครงการดี ๆ สนับสนุนสนามฟุตบอลหญ้าเทียมระดับมาตรฐานสากล ให้แก่โรงเรียน และชุมชนทั่วประเทศ สร้างพลังเยาวชนไทย ในโครงการซีเอสอาร์แจก 100 สนามฟุตบอล ภายใต้ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่มุ่งส่งเสริม และพัฒนาทักษะด้านกีฬาฟุตบอลให้เยาวชนไทยอย่างยั่งยืน
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำโครงการนี้โดยมีเป้าหมายสร้างสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศไทยให้ครบ 100 สนาม ภายในปี 2565 ขณะนี้ได้สร้างสนามฟุตบอลไปแล้วทั่วประเทศ 61 สนาม
ทั้งนี้ คิง เพาเาเวอร์ มีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นส่งเสริมเยาวชนไทย ให้มีอุปกรณ์ที่ดีในการเล่นกีฬา พร้อมมอบโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อนำไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต ซึ่งตลอด 4 ปีที่ได้ดำเนินการมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาด 7 คน ระดับมาตรฐานสากล จากโครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย
ขณะนี้ได้เห็นความสำเร็จของน้องๆ ที่มุ่งมั่นตั้งใจจริง ฝึกฝนทักษะการเตะฟุตบอลจนเกิดเป็นทีมโรงเรียน และได้เข้าแข่งขันในระดับอำเภอ พัฒนาสู่ระดับจังหวัดเป็นจำนวนหลายทีม สะท้อนให้เห็นว่าสนามฟุตบอลหญ้าเทียมสามารถช่วยพัฒนาขีดความสามารถของเยาวชนไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์หนุนโครงการ“เด็กอวด(ทำ)ดี”ขยายรับสมัครวันนี้-21พ.ค.64
สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ผู้ร่วมสนับสนุน โครงการสร้างเด็กและเยาวชนต้นแบบ รู้ รัก สามัคคี
และสำนึกความเป็นไทย ภายใต้หัวข้อ “เด็กอวด (ทำ)ดี” ประกาศขยายเวลาให้เยาวชนได้สมัครเข้าร่วมโครงการได้จนถึง
12 พฤษภาคม 2564 (จากเดิมกำหนดปิดรับสมัครวันที่ 30 เมษายน 2564) ร่วมกันเปิดโอกาสผ่านการทำโครงงานเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม
พร้อมเงินสนับสนุนการอวด (ทำ)ดี 30,000 บาท
จึงขอชวนเด็กและเยาวชนทั่วประเทศอายุระหว่าง 15-25 ปี สมัครเข้าร่วม โครงการ “เด็กอวด(ทำ)ดี”ช่วยกันค้นหาแรงบันดาลใจ ชวนกันมาอวดพลังสร้างสรรค์ เพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยด้วยกัน
ติดตามรายละเอียดทั้งหมดเพิ่มได้ที่
www.เด็กอวดทำดี.com Facebook : เด็กอวดทำดี
และ Line : @dekshowd
เด็กและเยาวชนสามารถรวมทีมกันลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการ แล้วผลิตเนื้อหาแล้วเผยแพร่ตามกติกาที่ระบุ โดยมี “ข้อความสำคัญหรือ Content” ที่จะต้องใส่ลงไป ดังต่อไปนี้ ได้แก่ “มีดี...ต้องอวด” อวดพลังสร้างสรรค์ อวดพลังวิชา ถ้าคุณมีดี มาร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยด้วยกัน
วิธีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานเลือก 3 รูปแบบ 1.โพสต์ภาพโฆษณาเชิญชวนให้เข้าร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 2.โพสต์คลิปวิดีโอ ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ความยาว 1 นาที พร้อมทั้งใส่ Hashtag #เด็กอวด(ทำ)ดี 3.เผยแพร่ทางสื่อวิทยุชวนเด็กเยาวชนเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกทางความคิด พัฒนาศักยภาพ เรียนรู้การทำงานเป็นทีมผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ภายใต้กรอบแนวคิด “รู้ รัก สามัคคี” สร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนการสร้างบุคลากรของชาติเติบโตอย่างมีคุณภาพ และร่วมกันมุ่งสืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของชาติให้คงอยู่สืบไป
ข่าวที่ 3 ททท.ยก9สวนทุเรียนปราจีนบุรีมาให้สั่งซื้อออนไลน์ส่งถึงบ้านแจกฟรี500ชิ้น
นายสกล ทองคำ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นครนายก เปิดเผยว่า ร่วมสนับสนุนชาวสวนผลไม้ในพื้นที่ปราจีนบุรี เปิดมหกรรมนำผลไม้ในสวนตามแหล่งท่องเที่ยวเปิดบริการจัดส่งให้ถึงบ้านในช่วงที่คนไทยต้องหยุดทำงานอยู่บ้าน ได้มีผลไม้อร่อย ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ไว้รับประทานมีทั้งทุเรียนปราจีนบุรี โดยได้จัดกิจกรรม "#ทุเรียนปราจีนบุรี... #ยกสวนมาให้สั่ง" และมีของที่ระลึกมอบให้กับผู้ที่สั่งทุเรียนปราจีนบุรีแบบให้ส่งถึงบ้านจำกัดจำนวนเพียง 500ชิ้น เท่านั้น แบ่งเป็น สวนละ 50 ชิ้น โดยมีสวนผลไม้ที่เข้าร่วม 9 แห่ง ระหว่างวันนี้ - 31 พฤษภาคม 2564
สอบถามทางโซเชียลได้ทาง เพจ: ททท.สำนักงานนครนายก ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 3 จังหวัด นครนายกปราจีนบุรี สระแก้ว) LineID: @342sorqu
สำหรับผู้สนใจสั่งผลไม้ขึ้นชื่อปราจีนบุรีที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท.นครนายก ทั้ง 9 สวน มีดังนี้
1#สวนมนัส ฮวดจึง โทร.086 144 1092 , 092 464 7179 เพจ: สวนมนัส ฮวดจึง : Manas Farm Prachinburi
2 #สวนจงเจริญ โทร.083 113 4711 เพจ: บ้านสวนจงเจริญ
3
#สวนทุเรียนหนองจวง ซอย 2 โทร.093 079 3381, 087 -227 5881 เพจ: สวนทุเรียนหนองจวงซอย2
4
#สวนทุเรียนสิบตรีพล โทร.0899391791,
0944517909, 098 252 5950 เพจ : สวนทุเรียนสิบตรีพล
5 #สวน อ.ชุมพจน์ ศรีโสภา 06 โทร.1 858 4856, 085 154 4206, 085 278 8153 เพจ: ทุเรียนปราจีน สวน อ.ชุมพจน์ ศรีโสภา
6 #สวนน้ำเงินทุเรียนปราจีน โทร.081 354 3410 ,080 642 1212 เพจ: สวนน้ำเงิน ทุเรียนปราจีน
7 #สวนพันพล ปราจีนบุรี โทร.065 891 0936 เพจ : สวนพันพล ปราจีนบุรี
8 #ไม้เค็ด โฮมสเตย์ โทร.089 536 3536, 095 253 5982 เพจ: ไม้เค็ดโฮมสเตย์ ปราจีนบุรี ที่พักปราจีนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ได้รับความนิยม
9 #สวนจันทร์ประเสิรฐ โทร.092 702 6665 เพจ: สวน จันทร์ประเสริฐ
ข่าวที่ 4 ททท.อีสาน-แบงก์กรุงเทพทำโปร”เช็คอินอีสานคนละครึ่ง”ช่วยรร.SHA150แห่ง
นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จับมือกับพันธมิตรธนาคารกรุงเทพ ทำโปรโมชั่นผ่านบัตรเครดิตด้วยแคมเปญ ““เที่ยวอีสาน Check-in อีสาน คนละครึ่ง” ระหว่างวันนี้ –30 กันยายน 2564 โดยให้ผู้ใช้สิทธิ์เข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 พฤศจิกายน 2564 ด้วยการเข้าไปจองได้ทาง www.bangkokbank.com/creditcard และทางออนไลน์ของโรงแรมต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ
ททท.ทำโครงการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการตลาดช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมมาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration หรือ โครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อการท่องเที่ยว) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 150 แห่ง เพื่อช่วยทั้งกลุ่มโรงแรม ที่พัก และช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีความสะอาด ปลอดภัย โดยได้รณรงค์ให้ผู้เดินทางในพื้นที่ที่ยังสามารถเดินทางได้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย สวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลล้างมือ รักษาระยะห่างทางสังคม ในช่วงโควิดยังแพร่ระบาดต่อเนื่องในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทำโครงการ “Lifestyle Travel @ ภาคอีสาน”
ขึ้น โดยมอบโปรโมชั่นพิเศษ มุ่งเน้นช่วยเหลือ เยียวยา
และสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมที่ผ่านมาตรฐาน SHA ในภาคอีสาน
2 โปรโมชั่น ประกอบด้วย
โปรโมชั่นที่ 1 “คนละครึ่ง HOT Deal” ททท. มอบส่วนลดให้ครึ่งหนึ่งของราคาขาย (ตามสัดส่วนจำนวนโควตาที่ได้รับ)
โปรโมชั่นที่ 2 “Special Discount” โรงแรมเป็นผู้มอบส่วนลดเอง 10 -25 % ผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ห้องพักไว้ได้ก่อน และสามารถเข้าพักได้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
ข่าวที่ 5 TCEBภาคเหนือร่วมทีมยกร่างTORงานLanna Expo 2021 วิถีใหม่ก.ย.นี้
นางศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนตลาดสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) ภาคเหนือ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เป็นผู้แทนทีเส็บเข้าร่วมประชุมการจัดทำรายละเอียดข้อตกลงเบื้องต้นหรือ TOR และราคากลางการเตรียมจัดงาน Lanna Expo 2021 โดยร่วมกับคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมอบมาย 3 สำนักงาน ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ 2.พัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ 3.สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และอีก 2 องค์กร คือ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” หารือร่วมกัน
โดยมีแนวคิดหลักของงาน Lanna Expo 2021 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 17 – 26 กันยายน 2564 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติครบ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ทุกฝ่ายมุ่งเน้นทำให้งานดังกล่าว ได้โชว์ศักยภาพไฮไลต์หลักเรื่อง “การกินดี อยู่ดี” ควบคู่กับวิธีดูแลตนเองและสุขภาพ ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ พร้อมกับปรับกิจกรรมหันมาทำแบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ไมซ์ในประเทศสามารถดำเนินการต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงที่
2 การใช้ชีวิตด้วยการที่ยังต้องเดินทาง
หรือในบางพื้นที่ บางจังหวัด ยังพอมีการท่องเที่ยว อยู่บ้าง ช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด
ก็มีข้อแนะนำ “เดินทางอย่างปลอดภัยด้วย 11 มาตรการ” ทางด้าน “พิพัฒน์
รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ยังคงเดินหน้าเสนอเพิ่มพื้นที่ 10 จังหวัด
รับต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโด๊สทัวร์ไทยได้ และ “เดลต้าแอร์ไลน์ส”
ทำเซอร์ไพรส์ลงทุนซื้อฝูงบินสวนกระแสโลกอีก 25 ลำ
ย้ำมั่นใจอุตสาหกรรมการบินกลับมาโตได้หลังโควิดสงบลง
เดินทางหรือการเที่ยวได้อย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพยุคโควิด
19
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ การเดินทางหรือท่องเที่ยวของภายในพื้นที่เดียวกันของผู้คนที่อาศัยต่างจังหวัด
ซึ่งยังอยู่ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ดังนั้นจึงแนะนำหากมีการเดินทาง
หรือบางพื้นที่ยังออกท่องเที่ยวกันบ้าง ก็ขอควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางด้วย
ทางกรมควบคุมโรคมีข้อแนะนำ ดังนี้
1. ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารการระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศ ได้จากเว็บไซต์กรมควบคุมโรค https://covid19.ddc.moph.go.th/ หรือ Facebook : “ศูนย์ข้อมูล COVID-19” ของ ศบค. และควรศึกษามาตรการป้องกันควบคุมโรคของจังหวัดดังกล่าวซึ่งอาจมีข้อกำหนดเฉพาะ เช่น การปิดสถานที่ หรือจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
2. จัดเตรียมข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดการเจ็บป่วย หรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทางท่องเที่ยว เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ หรือศูนย์บริการข้อมูลสําหรับนักท่องเที่ยว
3. ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เมื่อเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดที่มีผู้ป่วยโรคโควิด 19 ควรระมัดระวังการเข้าไปในพื้นที่แออัดและการสัมผัสผู้อื่น และควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
4. เลือกใช้บริการสถานที่พัก ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน สถานประกอบการที่ปลอดภัย (Safety and Health Administration : SHA) ควรเป็นสถานที่เปิด มีระบบถ่ายเทอากาศดี หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ปิด หรือมีระบบการระบายอากาศไม่ดี
5. แนะนำให้เดินทางท่องเที่ยวในวันเวลาที่ไม่แออัด จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการรับเชื้อจากผู้อื่น
6. การเข้าร่วมกิจกรรม ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการรวมกันของคนหมู่มาก หรือสถานที่ปิดหรือมีระบบปรับอากาศ สำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น เช่น ปีนเขา ดำน้ำ หรือล่องแก่ง ควรตรวจสอบมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ใช้และการดูแลทำความสะอาดก่อนการใช้งาน
7. หากมีอาการไข้ หรือไม่สบาย ควรงดหรือเลื่อนการเดินทาง
8. ขณะเดินทางท่องเที่ยว ควรเตรียมเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าส่วนตัวให้เพียงพอ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และเมื่อทิ้งหน้ากากอนามัยควรทิ้งในถุงขยะติดเชื้อที่สถานที่นั้นจัดเตรียมไว้
9. เมื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในชุมชน ให้ลงทะเบียนการเข้าและออกสถานที่ตามจุดที่กำหนด หรือสแกน QR Code ไทยชนะ รวมทั้งปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสถานที่นั้น รวมทั้งควรจดบันทึกวัน เวลา สถานที่ที่ไปเที่ยวหรือใช้บริการตลอดการเดินทาง เพื่อประโยชน์ในการติดตามผู้สัมผัส กรณีมีผู้ติดเชื้อในพื้นที่
10. ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป อย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น รวมทั้งการเว้นระยะห่างจากผู้อื่น
11. สำหรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาจากต่างประเทศ ควรงดหรือเลื่อนการเดินทางไปจังหวัดอื่นจนกว่าจะครบ 14 วัน หากเข้าพักโรงแรมควรแสดงหนังสือรับรองการกักตัวครบตามที่ราชการกำหนดให้กับพนักงานโรงแรม
12. หลังเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวแล้ว หากมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบาย เช่น เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องเสีย หรือมีภาวะความผิดปกติที่สงสัยว่าอาจจะเกิดจากการท่องเที่ยว แนะนำให้ไปพบแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดประวัติการเดินทางท่องเที่ยวให้แพทย์ทราบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างถูกต้อง
•
เมื่อเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ทั่วไป
1.
แนะนำให้เลือกวันเดินทางท่องเที่ยวที่สามารถหลีกเลี่ยงความแออัดของการใช้สถานบริการต่างๆ
2. เลือกใช้บริการแหล่งท่องเที่ยว
ภัตตาคาร ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า หรือรถสาธารณะที่มีความปลอดภัย
ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานของสถานประกอบการที่ปลอดภัย (Safety and Health Administration : SHA) หรือสถานที่เปิด
มีระบบถ่ายเทอากาศดีและหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ปิด
หรือมีระบบการระบายอากาศที่ไม่ดี
3.
นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นอย่างเคร่งครัด
เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น เช่น ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ประกอบอาหารหรือก่อไฟในพื้นที่ต้องห้าม
หรือให้ลงทะเบียนยืนยันตัวบุคคลก่อนเข้าสถานที่
4. หากมีอาการไข้หรือไม่สบาย
ควรงดหรือเลื่อนการเดินทาง
5. สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่อออกจากที่พัก
หรือขณะอยู่ร่วมกับผู้อื่นรวมทั้งให้ความสำคัญเรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
6. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น
ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป
ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังการเข้าห้องน้ำ และหลังจากการไอจาม
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.พิพัฒน์”ลุยเสนอภายในปี’64ไทยจ่อเปิดพื้นที่10จังหวัดรับทัวร์ต่างชาติ
นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าได้เสนอที่เพิ่มพื้นที่เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวได้โดยไม่ต้องถูกกักตัวภายในปี 2564 ใน 10 จังหวัด โดยจะขอเพิ่มใหม่อีก 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ จากเดิมได้รับอนุมัติแล้วให้นำร่องทำเพียง 6 จังหวัด คือ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฏร์ธานี (สมุย-พะงัน-เกาะเต่า) ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่
ขณะเดียวกันก็จะขอรัฐบาลกระจายฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ 10 จังหวัด ซึ่งไม่น่าจะเกิน 32 ล้านโดส ตามสัดส่วนมาตรฐาน 70% หรือประมาณ 16 ล้านคน
ตามขั้นตอนเมื่อคณะกรรมการท่องเที่ยวแห่งชาติเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) พิจารณาลำดับต่อไป
นายพิพัฒน์ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายใน 4 เดือนนี้ พฤษภาคม-สิงหาคม นี้ให้ครบ 100 ล้านโด๊ส ผนวกกับได้จะเริ่มต้นทำ “Phuket Sand Box” โมเดล นำร่องในจังหวัดภูเก็ตนำเข้านักท่องเที่ยว 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ระหว่างนี้ชาวภูเก็ตฉีดวัคซีนได้แล้ว 2.1 แสนโด๊ส กำลังทยอยฉีดอีก 7.5 แสนโด๊ส ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งนำส่งให้ครบภายในเดือนมิถุนายนนี้ จากนั้นก็จะฉีดให้ได้เฉลี่ยวันละ 1.5 หมื่นโด๊ส เพื่อให้ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ เป็นโมเดลต้นแบบนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติได้
ข่าวที่สอง “เดลต้าแอร์”โชว์เหนือสั่งฝูงบินใหม่เพิ่ม25ลำลั่นเดินหน้าฟื้นอุตฯบินโตหลังโควิด
นายคริสเตียน เชอร์เรอร์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ของแอร์บัส เปิดเผยว่า ล่าสุดเดลต้าแอร์ไลน์
ยืนยันคำสั่งซื้อฝูงบินใหม่จากค่ายแอร์บัส
เพราะเมื่อปีที่ผ่านมามาทางสายการบินสามารถจัดการกับความท้าทายต่าง ๆร่วมกับลูกค้า
รวมถึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ฟื้นฟูกลับสู่การเติบโตในอุตสาหกรรมการบินอีกครั้ง
ฝูงบินใหม่ที่สั่งซื้อเพิ่มเป็นแอร์บัส A 321 นีโอ 25 ลำ โดยได้เลือกเครื่องยนต์แบบใหม่ และเป็นการสั่งซื้อเพิ่มจากปี 2560 จำนวน 100 ลำ โดยเครื่องบินทุกลำจะติดตั้งเครื่องยนต์ PW1100G-JM รวมทั้งเดลต้า แอร์ไลน์ ยังคงจะรับมอบมอบเครื่องบินล็อตใหม่ในเร็ว ๆ นี้ อีก 4 ลำ คือ แอร์บัส A250-900 จำนวน 2 ลำ กับแอร์บัส เอ330-900 นีโอ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น