“TCEB”เร่งติดอาวุธไมซ์4โปรเจ็กต์นวัตกรรมรับอนาคตปี’65-66 ดันวิชาชีพไมซ์อาเซียนMRA-ประชุมเมืองไทยฯกระแสแรงยอดโต
“TCEB”เร่งติดอาวุธไมซ์4โปรเจ็กต์นวัตกรรมรับอนาคตปี’65-66
ดันวิชาชีพไมซ์อาเซียนMRA-ประชุมเมืองไทยฯกระแสแรงยอดโต
“คิง
เพาเวอร์”เปิดโปรดักซ์ใหม่สุดฮ็อตน้ำผสมวิตามิน“วิตามอรส์”
คิงเพาเวอร์จัดช้อปโปรใหญ่ Once Upon A month ลดกว่า 60%
สมัครบัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์3แบบรับส่วนลด2เด้งวันนี้-30ก.ย.นี้
ททท.-AISเปิดTravel We Careทำคลิปท่องเที่ยวลงTiktokลุ้นรางวัล
ททท.ดึงหมื่นรายขายอะเมซิ่งแกรนด์เซลฟื้นธุรกิจ15ก.ค.-15ก.ย.นี้
“TCEB”-กรมส่งเสริมกระทรวงอุตฯหนุนจัดไทยแลนด์ล็อกอินเน็กซ์
“บัวกลางใจ พัทยา”แหล่งแฮงเอาท์ใหม่ฟินกินดื่มเทรนด์รักสุขภาพ
หมอแนะอย่า'work from bed'อนาคตเสี่ยงเป็นโรคกระดูก-กล้ามเนื้อ
พูลแมนคิงเพาเวอร์ขายแฟลชเซลห้องพักซื้อ1แถม1ภายใน 31 พ.ค.
การบินไทยลุ้นอีกเฮือกรอศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่ง15 มิ.ย.64
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #VITAMORE #TCEB
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://www.facebook.com/watch/?v=305221081151601
ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ติดอาวุธธุรกิจไมซ์ สร้างความฮือฮาเคลื่อนทัพใหญ่ยกระดับพัฒนานวัตกรรมมาแรงปี’64-66 รวม4 โปรเจ็กต์ “WINNOVATION-จัดทัพใหญ่หลักสูตรวิชาชีพอาเซียน ASEAN MRA 2021-E Learning-Easy Being of Business” เพิ่มบทบาททีเส็บแจกใบเซอร์อาชีพไมซ์ ควบคู่แผนเดินหน้ารับสมัคร “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ยอดลงทะเบียนเดือนเดียวทะลุ 200 ราย จ่อจัดไมซ์คึกคักช่วงปลายปีนี้ ปลื้มมาร์เก็ตเพลส thaimiceconnect.com สมาชิกเกิน 1.5 แสนราย
การปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์
โดยเฉพาะผู้ประกอบการต้องเผชิญความท้าทายกับโควิด-19 มาเป็นปีที่สองนั้น “กลุ่มโรงแรม” กับ “กลุ่มบริษัทตัวแทนจัดงานหรือบริหารการประชุม”
หรือ DMC :Destination Management Company หลายแห่งปิดตัวลงไปบ้าง
แต่ทีเส็บพยายามช่วยกันหาช่องทางจัดประชุมเสมือนจริง โดยมีพื้นที่ Virtual
Co-Working Space สนับสนุนผ่านทางออนไลน์ทั้งงานจัดประชุม (M
:meeting) การจัดแสดงสินค้า (E :Exhibition)
พอทำได้สักระยะจากปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน 2564 ผู้ประกอบการไมซ์เริ่มเกิดความเคยชินกับการจัดงานเสมือนจริงแล้ว
หลังจากช่วงโควิดระบาดรอบ 2และ 3 รัฐบาลผ่อนปรนให้ไมซ์จัดงานได้ทั้งงานคอนเฟอร์เรนซ์
ประชุมและงานอีเวนต์ด้วยวิธีเว้นระยะห่าง Social Distancing ระหว่างนั้นทีเส็บได้คิดนวัตกรรมขึ้นทำเป็น
“แพลตฟอร์มใหม่ Hybride”
เพื่อจัดงานเสมือนจริงเพิ่มขยายศักยภาพออนไลน์เข้ามาพ่วงด้วย
ปรากฎว่าคนสนใจมากกว่าเดิม บรรดาธุรกิจต่าง ๆ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในต่างประเทศก็เข้ามาสัมมนา ชมอีเวนต์ ออนไลน์ ได้
ตอนนี้ทีเส็บจึงใช้ โครงการแรก “WINNOVATION” สนับสนุนการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เช่น การลงทะเบียนเข้าร่วมงานผ่านออนไลน์ การสัมมนาเสมือนจริง ช่วยผู้ประกอบการไมซ์ในประเทศไทย ตัวอย่างล่าสุด จัดงานไลออน ประเทศไทย ระหว่าง 5-7 พฤษภาคม 2564 จัดที่นครราชสีมา เป็นการรวมตัวของไลออนในไทยเชื่อมโยงกับไลออนต่างประเทศ สามารถจัดท่ามกลางโควิด-19 รอบ 3 ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนถึงการใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือจัดงานไมซ์แล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งจัดเสมือนจริง แยกห้องย่อยจัดงานกำหนดจำนวนคนที่เข้าร่วมตามเกณฑ์ และทำโพลล์เลือกตั้งกรรมการไลออนได้ด้วย
ผลจากงานนี้ได้นำเสนอไปยัง “ไลออน โลก” ถึงสิ่งที่ทีเส็บเข้าไปช่วยทำด้านมาตรฐานด้านสุขอนามัยหรือ Hygene เต็มรูปแบบ ทำให้การจัดงานผ่านพ้นไปด้วยดี
โครงการที่ 2 “E Learning :การเรียนหลักสูตรไมซ์ทางออนไลน์” เพื่อเพิ่มเสริมทักษะตามกลยุทธ์ Up Skill -Re Skill โดยทำเป็น VDO จำนวน 79 Module สามารถคลิกเข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทีเปิดได้ประมาณเดือนเศษแล้ว มีคนลงทะเบียนเข้าร่วมเพิ่มขึ้นตลอด เฟสแรก ทำ 3 หลักสูตร ได้แก่ 1.หลักสูตรอบรม English for MICE สอนศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้เฉพาะกันจำนวนมากเป็นเทคนิคที่ใช้กับธุรกิจไมซ์ 2.หลักสูตรอบรมอินเซ็นทีฟ รองรับตลาดเนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวพ่วงเข้ากับการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) 3.หลักสูตรอบรมชุมชน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางตลาดกลุ่มนี้ รู้จักวิธีนำเสนอภูมิปัญญา วิถีชีวิต ขานรับกับการทำงาน และความคิดการทำธุรกิจ และดำเนินชีวิต ซึ่งมีคนรุ่นใหม่กลับเข้าพื้นที่มากขึ้น
โครงการที่
3 เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร
ทีเส็บจับมือกับสถาบันวิชาชีพ ซึ่งเป็นองค์การมหาชน
เพื่อเพิ่มความขีดความสามารถทางวิชาชีพในฐานะที่ไมซ์เป็น 1ในอุตสาหกรรมบริการ ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน
อาเซียนกล่าวไว้ด้วยเกี่ยวกับ “การเคลื่อนย้ายคนระหว่างไทยกับอาเซียน”
จึงได้คุยกันไว้เพื่อปูพรมทำ “สมรรถนะอาชีพ”
ช่วงที่ผ่านมาได้ผนวกไมซ์กับท่องเที่ยวซึ่งมีทั้งโรงแรม และการเดินทางเป็นเสาหลัก
ส่วนไมซ์เป็นอุตสาหกรรมพิเศษแตกต่างจากการท่องเที่ยวปกติ เพราะ
“ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป” ของไมซ์สูงกว่าการท่องเที่ยว 3-4 เท่า
สถิติ
“ตลาดต่างประเทศ” เข้ามาไทย กลุ่มเดินทางไมซ์ จะใช้จ่ายเฉลี่ย 85,000-120,000
บาท/คน/ทริป สูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายเฉลี่ย 30,000
-40,000 บาท/คน/ทริป
ดังนั้นในอาเซียนเองจึงจะกระตุ้นเพิ่มตลาดไมซ์ต่างชาติเป็นหลัก
เครื่องมือที่นำมาใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคือมาตรฐานไมซ์
ทางทีเส็บจึงร่วมกับสถาบันวิชาชีพ (สบช.) สร้างสมรรถนะให้บุคลากรในธุรกิจไมซ์
เบื้องต้นแบ่งเป็น 5 Category 3 ระดับ
ประกอบด้วย
1.การประชุมองค์กร (M: meeting ) 2.การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (I :Incentive) 3.การประชุมวิชาชีพ วิชาการ (C :Convention) 4.งานแสดงสินค้า (E :Exhibition) 5.การบริหารจัดงานสถานที่จัดประชุม ศูนย์ประชุม โรงแรม (V :Venue
Management) เพื่อสร้างเสริมสมรรถนะให้บุคลากรไมซ์ 3 ระดับตำแหน่ง ได้แก่ ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ ผู้ประสานงาน
โดยจัดให้มีทั้งการอบรม การสอบ การออกใบรับรองประกาศนียบัตร
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมแต่ละส่วน
โดยทีเส็บ กับ สบช.และองค์กรเกี่ยวกับข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมีมหาวิทยาลัยบูรพา
เข้ามาช่วยออกแบบหลักสูตร พร้อมกับทำข้อสอบ
เพื่อใช้ทดสอบความสามารถของบุคลากรที่จะเข้าอบรม
ขั้นตอนสำคัญจะต้องใช้เวลาประมาณ
2 ปี คือ ปีแรก 2564
ขณะนี้กำลังเดินหน้า “การลงทะเบียน” ขอการรับรองวิชาชีพหลักสูตร
“สร้างสมรรถนะบุคลากรไมซ์” ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อนำมาใช้ฝึกอบรมได้
ภายในกันยายน 2564 น่าจะแล้วเสร็จ ปีที่สอง 2565 ทีเส็บจะเดินหน้าลงทะเบียนเข้ามาตรฐาน ISO
เพื่อผันตัวเองไปทำหน้าที่เป็นผู้รับรองผู้ผ่านการอบรม
(ตอนนี้ทีเส็บยังต้องพึ่งพาสถาบันวิชาชีพไปก่อน) ในระดับประเทศและนานาชาติได้
รวมทั้งจะต้องสอบ “ผู้คุมการสอบของผู้เข้าอบรมวิชาชีพ” ด้วย
ปี 2566 จะเริ่มเปิดรับเข้าร่วมหลักสูตร รุ่นแรก ได้ประมาณ 500-600 ราย ต้องขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณ มาใช้ในการจัดทำใบประกาศนียบัตร สถานที่จัดอบรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะเข้ามาดูแลหลักสูตร
โครงการที่ 4 การอำนวยความสะดวก ยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ ตามคอนเซ็ปต์ Easy Being of Business การทำธุรกิจให้ง่ายขึ้น ตอนนี้ทำงานร่วมกับ กพร.ได้คัดสรรอุตสาหกรรมมากมายมาเพิ่มขีดความสามารถให้ประเทศไทย ปี 2564 กพร.เห็นความสำคัญของไมซ์ซึ่งเป็นหนึ่งใน Easy Being of Business
เป้าหมายของโครงการดังกล่าวที่พยายามทำต่อเนื่องมาหลายปี เพราะ 1.การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ : International Exhibition แต่ละครั้ง มีกฎหมายไทยกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องอยู่กว่า 200 ฉบับ กรณีจะต้องนำเข้าอุปกรณ์มากมายเข้ามาจัดแสดง ต้องผ่านการโหลดหรือส่งนำเข้าทางเครื่องบินหรือเรือขนส่ง จะต้องขอใบอนุญาตจากกรมศุลกากร หากเป็นงานผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหาร ยา จะต้องขออนุญาตเพิ่มจาก องค์การอาหารและยา (อย.) หรืองานแว่นตาแล้วมีอุปกรณ์เกี่ยวกับเลนส์ ต้องไปถึงขั้นขออนุญาตจากสำนักงานปรมนูแห่งชาติ
เฉพาะการนำเข้าอุปกรณ์เข้ามาจัดงานแสดงสินค้านานาชาติอย่างเดียว ก็สร้างความลำบากท้าทายด้วยอุปสรรคดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายต้องการจะพัฒนาไทยเป็นประเทศ “ศูนย์กลางหรือผู้นำการจัดงานเอ็กซิบิชั่นแห่งเอเชีย” ทั้งที่ไทยมีโอกาสค่อนข้างมากกว่าคู่แข่งอีกหลายประเทศ ที่พยายามเปิดเงื่อนไขดึงลูกค้าเข้าไป รายละเอียดการนำเข้าอุปกรณ์แสดงสินค้าของไทยจึงเป็นข้อจำกัด
ตอนนี้ทีเส็บจึงต้องทำงานร่วมกับภาครัฐ 15 หน่วยงาน กรมศุลกากร อย.องค์การสื่อสารโทรคมนาคมแห่งชาติ กสทช. และอีกหลายหน่วยงาน ช่วยกันเพราะทุกองค์กรต้องการสร้างประโยชน์ดึงตลาดไมซ์เข้ามาไทย ตอนนี้ผู้จัดงานสามารถปรับมาใช้ช่องทางการขออนุญาตนำเข้าอุปกรณ์ผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว โดยทีเส็บได้เปิดช่องทางผ่าน OSS : One Stop Service กำลังรวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มอย่างสะดวกง่ายขึ้น ต่อไปจะสามารถลิงค์เข้ากับเว็บไซต์ของทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 จะแล้วเสร็จ จากนั้นก็จะทำปลั๊กอินเข้ากับ Easy Being of Business ของ กพร.ต่อไป
นางศุภวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันทีเส็บยังได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีหลัก ๆ เพิ่ม ได้แก่ 1.เว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com เป็นอีกแพลตฟอร์มให้บริการในลักษณะ E-MARKET PLACE เปิดมา 1 ปีแล้ว สร้าง “ศูนย์รวมตลาดไมซ์” เพราะในระบบนิเวศน์ของไมซ์ไม่ได้มีเฉพาะผู้จัดงานกับผู้ร่วมงาน ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 12 แคทีกอรี่ ตอนนี้ทั่วทุกภาคของประเทศมีผู้ประกอบการไมซ์อยู่กว่า 10,000 ราย แพลตฟอร์มนี้จึงเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยมีผู้เข้ามาร่วมแล้วกว่า 150,000 ราย
ปัจจุบันมีองค์กรหรือหน่วยงานที่ชื่นชอบใช้
thaimiceconnect.com
เข้ามาเลือกในเว็บไซต์รวมศูนย์แห่งนี้ มีทุกอย่างทั้งมีทั้ง โรงแรม
สถานที่จัดประชุม ชุมชน และอื่น ๆ อยู่ครบจบที่เดียว เพียงแค่คลิกเข้ามาเท่านั้น
ทีเส็บจึงขยายผลนำมาใช้ขยายผลเชื่อมเข้ากับโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
กระตุ้นการจัดประชุมในประเทศ ก่อนโควิดระบาดรอบ 3
ผู้ประกอบการตื่นตัวฟื้นฟูการจัดงานไมซ์
ทีเส็บจึงสนับสนุนทำโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุน 25 ล้านบาท
เปิดให้โรงแรม องค์กรที่พร้อมจัดงาน DMC
สามารถขอรับเงินช่วจัดงานไมซ์จากทีเส็บ 2 แบบ คือ 1.จัดวันเดียวตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ขอได้ 15,000
บาท/งาน/ครั้ง 2.จัดงาน 2 วัน 1 คืน 30,000
บาท/งาน/ครั้ง
กระแสตอบรับดีมากมีผู้สนใจลงทะเบียนของบสนับสนุนการจัดไมซ์ในประเทศจากโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ระหว่างมกราคม-มีนาคม 2564 มีผู้จัดงานได้รับงบไปกว่า 55,000 ราย จำนวนเกือบ 1,000 กลุ่ม สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มในระบบเศรษฐกิจประมาณ 250 ล้านบาท โดยยังไม่ได้รวมการเก็บสถิติยอดใช้จ่ายส่วนตัวเป็นรายบุคคล
ดังนั้นทีเส็บจึงวางแผนจะทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ต่อเฟสใหม่ โดยปรับใช้งบประมาณอีกกว่า 20 ล้านบาท ของตลาดต่างประเทศที่ยังเข้ามาไม่ได้เปลี่ยนมาทำโครงการนี้ แต่มาเจอโควิดรอบ 3 จึงยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์โครงการอย่างเต็มที่ เพราะยังติดหลายเงื่อนไข โดยเฉพาะประกาศห้ามรวมตัวกันจัดงานเกิน 20 คน ส่วนโครงการนี้ต้องจัด 30 คน/ครั้ง จึงจะได้รับการพิจารณา ระหว่างนี้ทีเส็บก็เปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทะเบียน ซึ่งมียอดสมัครแล้วประมาณ 200 ราย
นางศุภวรรณ
กล่าวว่า ขณะนี้ทีเส็บเดินหน้าทำกิจกรรมระหว่างประเทศกับสมาชิกอาเซียนโครงการ ASEAN
MRA 2021 (ASEAN Mutual Recognition Arrangement) ซึ่งเป็นข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัตินักวิชาชีพ โดยทีเส็บได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทำทางด้าน “สมรรถนะวิชาชีพ” ในอุตสาหกรรมไมซ์ในกลุ่มอาเซียน
เนื่องจากมีตัวแทนผู้จัดงานหรือออร์กาไนเซอร์แถบ ยุโรป อเมริกา และเอเชีย
ต้องการจะมาจัดงานในอาเซียนค่อนข้างมาก กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้นมาก
แต่จะต้องมีคีย์สำคัญช่วยยืนยันลูกค้า
จึงหันมาหารือกันที่จะเคลื่อนย้ายคนก็ต้องสร้างสมรรถนะมาตรฐานวิชาชีพให้ชัดเจน
“อินโดนีเซีย” นำร่องเป็นโต้โผทำการศึกษาเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานตามวิชาชีพในอาเซียน แต่ทำมาแค่ 2 แคทีกอรี่ คือ 1.วิชาชีพด้านการประชุม กับ 2.วิชาชีพด้านการแสดงสินค้า ซึ่งทุกประเทศในอาเซียนช่วยกันระดมสมอง ส่วนไทยเห็นช่องว่างว่า ไมซ์ไม่ได้มีเฉพาะการประชุมกับการแสดงสินค้า แต่ยังมี “การประชุมองค์กรกับการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล” ซึ่งองค์กรในไทยและทั่วโลกต้องการให้อินเซ็นทีพคนเดินทางออกต่างประเทศ
ทีเส็บจึงเสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพอีก 2 ด้าน “อินเซ็นทีฟ” กับอีกส่วนที่กำลังทำปีนี้คือ “กลุ่มอีเวนต์” เพราะไทยขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติมากมายทั้งเรื่องศิลปะวัฒธรรม ที่เห็นเด่นชัด MASS PATICIPATION การวิ่ง ปั่นจักรยาน โดยไทยขอเป็นเจ้าภาพเรื่องอีเวนต์ทั้งด้านบริหารจัดการและเจ้าของงาน ขณะนี้ที่ประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวแล้ว
ตอนนี้ประเทศไทยจึงต้องกลับมาทำงานสร้างมาตรฐานเพิ่มสมรรถนะวิชาชีพ ทางด้าน การจัดงานอีเวนต์ เมื่อบุคลากรมีทักษะผ่านการอบรม ต่อไปก็สามารถเดินทางไปทำงานไมซ์ในประเทศอื่นได้
การทำงานจะเชื่อมโยงกับการเพิ่มสมรรถนะหลักสูตรวิชาชีพไมซ์ในประเทศ เริ่มตั้งแต่ปี 2564 เพื่อสร้างความก้าวหน้าพิสูจน์แผนงานโครงการในเวทีอาเซียน มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ จึงต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน โดยให้แต่ละประเทศยอมรับและสามารถนำไปปฏิบัติได้ตามหลักสูตรใหม่ที่จะเกิดขึ้นโดยทีเส็บของไทย เพื่อให้บุคลากรของทุกประเทศเคลื่อนย้ายการทำงานได้ การนำหลักสูตรมาใช้ปฏิบัติได้จริงอาจจะเป็นปี 2565 หรือ 2566 นั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์”เปิดโปรดักซ์ใหม่น้ำดื่มผสมวิตามิน“วิตามอรส์”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุด “วิตมอรส์” (VITMORES+) น้ำผสมวิตามิน ของ บริษัท มัลติพลาย บาย เอท จำกัด ธุรกิจในเครือคิง เพาเวอร์ มาตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยแนวคิด “Trendy Well Being Lifestyle” บรรจุอยู่ในขวดรูปทรงแคปซูลสวยสดใส ปราศจากแคลอรี และน้ำตาล 0% ขนาด 470 มิลลิลิตร ช่วยเพิ่มประโยชน์ได้มากกว่าวิตามิน สามารถดื่มได้ทุกวัน วางจำหน่ายที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ราคาขวดละเพียง 30 บาทเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์ใหม่วิตามอรส์เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมในตลาดสาธารณะ หรือPremium Mass ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพด้วยราคาจับต้องได้
อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากวิตามินทั่วไป คือวิตามอร์สอุดมด้วยวิตามินหลากหลายชนิด
ผลิตจากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ มีให้เลือกดื่มได้
2 รสชาติ ได้แก่ 1.VITA C
– PLUS VITAMIN C 200% และ 2. REVITALIZED
VITAMIN
สูตรที่ 1 “วิตามอร์ส : VITA C – PLUS VITAMIN C 200%” เป็นน้ำวิตามินกลิ่นเลมอนเนด รสเปรี้ยวอมหวาน พร้อมส่วนผสมที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ได้แก่ 1.วิตามินซีมากถึง 200% 2.วิตามินอีก3 ชนิด ทั้ง B2, B3, B6 3.สารสกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ (Acerola Cherry) ให้วิตามินซีธรรมชาติสูง ช่วยลดรอยแดงจากสิว และความหมองคล้ำบนผิว 4.คอลลาเจนนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ซึ่งทุกองค์ประกอบจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแลดูสดใส สุขภาพดี
สูตรที่ 2 “วิตามอรส์ : REVITALIZED VITAMIN” เป็นน้ำวิตามินกลิ่นพีชญี่ปุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย
มีส่วนผสมของ 1.วิตามินหลากหลายชนิดทั้ง เอ ดี อี และเค โดยเฉพาะวิตามินดีและเค
นำเข้ามาสวิตเซอร์แลนด์ ให้ประสิทธิภาพการบำรุงผิว สายตา กระดูก
และระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย 2.โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10)
ช่วยเสริมสร้างร่างกายทั้งภายนอกและภายในให้แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย
กลุ่มบริษัท คิง
เพาเวอร์ จัดมหกรรมช้อปครั้งใหญ่ส่งท้ายเดือนพฤษภาคม 2564 ชวนเลือกสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ www.kingpower.com และแอพลิเคชั่น King Power กับแคมเปญ “ONCE UPON A MONTH” #ขอสักครั้ง 5วันพิเศษ ระหว่างวันนี้- 31 พฤษภาคม 2564 รับโปรโมชั่นราคาลดสูงสุด 60% + ลดเพิ่มสูงสุด 30% เมื่อช้อปขั้นต่ำ
3,000 บาทขึ้นไป โดยเฉพาะสินค้าบริการส่งถึงบ้าน Home Delivery ลดมากถึง 50 %
สำหรับสินค้าส่งเสริมการขายดังกล่าว นักช้อปสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ในราคาโปรโมชั่นส่วนลดจากสินค้าที่เข้าร่วมรายการกับแคมเปญนี้เท่านั้น และอาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมถึงสามารถแบ่งจ่าย 0 % แบบง่าย ๆ ในแต่ละรายการสั่งซื้อ ระหว่างวันนี้-31 ธันวาคม 2564 แบ่งจ่ายได้นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท และนานสูงสุด 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท
ข่าวที่ 3 สมัครบัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์ได้ส่วนลด2เด้งวันนี้ถึง30ก.ย.64
สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ วันนี้ ได้แล้ว ได้อีก ! คือ 1.ได้ส่วนลดสูงสุด 15% พร้อมรับ 2. เพิ่มส่วนลดสูงสุด 9,600 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 64 สมัครได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
1.สมัครสมาชิก NAVY เพียงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 1,000 บาท รับส่วนลด 5%
2.สมัครสมาชิก SCARLET เพียงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 6,000 บาท รับส่วนลด 10% พร้อมรับเพิ่ม 500 บาท *เมื่อสะสมยอดช้อปครบ 6,000 บาท ภายในวันที่สมัคร
3.สมัครสมาชิก ONYX เพียงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 60,000 บาท รับส่วนลด 15% พร้อมรับเพิ่ม 9,600 บาท *เมื่อสะสมยอดช้อปครบ 60,000 บาท ภายในวันที่สมัคร
สมัครแล้ว รับสิทธิ์ส่วนลดได้ทันที ! สมัครเลย คลิก https://bit.ly/3sQhzER รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก http://bit.ly/2GnJyW4
ข่าวที่ 4 ททท.-AISเปิดTravel We Careทำคลิปท่องเที่ยวลงTiktokลุ้นรางวัลเพียบ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จับมือกับ เอไอเอส จัดแคมเปญ “ Travel We Care อยู่บ้าน ทำดีได้ สไตล์คุณ” เปิดตัวแคมเปญ “Travel We Care อยู่บ้าน ทำดีได้ สไตล์คุณ” ชวนคนไทยอยู่บ้านในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และร่วมสร้างสรรค์วิดีโอ ภายใต้คอนเซปต์ อยู่บ้าน ทำดีได้ สไตล์คุณ ส่งความรักให้สิ่งแวดล้อม เพิ่มสีเขียวให้โลกสวย ผ่านทางแอปพลิเคชัน Tiktok ระหว่าง 29 พฤษภาคม – 29 มิถุนายน 2564 พร้อมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้เดินทางไปถ่ายทำ VDO VR 360° ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทย และลุ้นรับของรางวัลอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท
ททท.ขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมกิจกรรมออนไลน์สร้างสรรค์ถ่ายคลิปวิดีโอสั้น ความยาวไม่น้อยกว่า 15 วินาที ภายใต้คอนเซปต์ อยู่บ้าน ทำดีได้ สไตล์คุณ ส่งความรักให้สิ่งแวดล้อม เพิ่มสีเขียวให้โลกสวย ตามขั้นตอนดังนี้ 1.โหลดคลิปผ่านแอปพลิเคชัน Tiktok พร้อมติดแฮชแท็ก #TravelWeCare 2.แชร์คลิปวิดีโอจากแอปฯ Tiktok ไป ยัง Facebook หรือ Instagram ของตัวเอง และติด #TravelWeCare 3.ตั้งค่าโพสต์เป็นสาธารณะ (Public)
โดยจัดให้มีรางวัลพิเศษสำหรับผู้โชคดี 1 คน รับสิทธิ์ร่วมเดินทางไปถ่ายทำ VDO VR 360° โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวไทยที่ใต้สุดแดนสยาม จ.ยะลา สัมผัสแหล่งท่องเที่ยว Amazing ยิ่งกว่าเดิม และจะนำวิดีโอดังกล่าว เผยแพร่ผ่านช่องทางของ AIS เพื่อให้คนไทยทุกคนรับชมได้ผ่านแอปพลิเคชัน AIS 5G Play VR
อีกทั้งผู้ร่วมกิจกรรมยังได้ลุ้นรับรางวัลแพ็กเกจที่พักและแพ็กเกจสปา
5 รางวัล บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า
100 บาท 25 รางวัล
และบัตรกำนัลกาแฟพันธุ์ไทย มูลค่า 100 บาท 25 รางวัล
ข่าวที่ 5 ททท.ผนึก1หมื่นรายร่วมขายอะเมซิ่งแกรนด์เซล2เดือนฟื้นธุริจ15ก.ค.-15ก.ย.นี้
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์เตรียมความพร้อมการดำเนินโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2021 ที่ ททท.จะเป็นเจ้าภาพจัดต่อเนื่อง 2 เดือน ระหว่าง 15 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2564 ภายใต้แนวคิด “AMAZING ยิ่งกว่าเดิม”
เดินหน้าทำ 3 เป้าหมายหลัก 1.กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่พำนักในไทย (Expat) 2.ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็น Shopping Destination 3.ช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ตลอดการจัดมหกรรมAmazing
Thailand Grand Sale 2021 : AMAZING ยิ่งกว่าเดิม
ททท.เตรียมเชิญพันธมิตรผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 10,000 ราย
พร้อมใจกันนำเสนอสินค้าราคาพิเศษ กลุ่มแฟชั่น กีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของตกแต่งบ้าน ของใช้เด็ก อาหาร โรงแรม สปา
และบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในราคาพิเศษ
รวมทั้งมอบของสมนาคุณและสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและสร้างประสบการณ์การชอปปิงในรูปแบบที่หลากหลายทั้งออนไลน์และออนไซต์ (On-site) โดยร่วมกับห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า บัตรเครดิต สายการบิน โรงแรม ภัตตาคาร/ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ/สถานเสริมความงาม และแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์
โดยเฉพาะผู้ประกอบการในเมืองท่องเที่ยวหลัก
ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา (หาดใหญ่) ชลบุรี (พัทยา)
และนครราชสีมา
จะเข้าร่วมโครงการและมอบสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดระยะเวลา 2 เดือน
อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังจัดแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงเวลาพิเศษนี้ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้ชอปปิงอย่างสนุก หลากหลาย และคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “AMAZING ยิ่งกว่าเดิม”
ขณะเดียวกัน ททท. เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการในปีนี้ ได้แก่ AMAZING FLASH SALE, กิจกรรม Live Shopping โดยผู้บริหาร ททท. และ Celebrity, กิจกรรม EXPAT AMAZING WEEK, กิจกรรมร่วมสนุกออนไลน์ผ่าน Facebook Fan Page : Amazing Thailand Grand Sale 2021 และพบกับกิจกรรม Highlight เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ (Lucky Draw) หลังสิ้นสุดโครงการ อาทิ รถยนต์ ทองคำ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย (Gadget) ฯลฯ มูลค่ารวมกว่า 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ ททท. คาดว่าโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2021 จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเกิดการเดินทางและกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจในภาวะฟื้นฟูและทำให้เกิดเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้มากขึ้น
จะเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
ได้ที่ www.amazingthailandgrandsale.com ตั้งแต่ 1-30 มิถุนายน 2564
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานกลยุทธ์ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
กองวางแผนลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ททท. โทร. 0 2250 5500 ต่อ 2940-2945 หรือ Line Official : @ATGSmerchant
ข่าวที่ 6 “TCEB”ชวนกรมส่งเสริมกระทรวงอุตฯหนุนไทยแลนด์ล็อกอินเน็กซ์
นางสาวกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศ (องค์การมหาชน) TCEB กล่าวว่า ได้นำทีมทีเส็บที่เกี่ยวข้องจัดการประชุมออนไลน์โครงการ ''ไทยแลนด์ ล็อก-อิน เน๊กซ์'' กับนายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อหารือและเชิญกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมเป็นผู้สนับสนุน ภายใต้แผนแม่บทอุตสาหกรรมไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเว้นท์ ที่จะรวมพลังกันนำงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกมาจัดในประเทศไทย ตามนโยบาย 1 Ministry 1 Expo
เนื่องจากเวทีการแสดงสินค้านานาชาติระดับโลก ที่ทีเส็บและหน่วยงานสนับสนุนต่าง ๆ สามารถดึงเข้ามาจัดในไทยได้ ก็จะช่วยสร้างโอกาสและผลักดันให้เกิดการค้าการลงทุนเข้าประเทศ ส่งผลดีต่อการฟื้นฟูและขยายเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะเป็นผู้สนับสนุนหลักให้งานแสดงสินค้าเติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในอนาคตต่อไป
ช่วงที่ 2 เริ่มออกเดินทางกันบ้างแล้ว เมื่อพัทยาประกาศเป็นพื้นที่สีเขียวเที่ยวได้ มีแลนด์มาร์คแห่งใหม่ “บัวกลางใจ พัทยาใต้” จุดแฮงเอาท์ ชิลเรื่องกิน ฟินเรื่องเที่ยว ทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม รายล้อมด้วยบึงบัวสวย ๆ ให้เซลฟี่ตามมุมแปลกใหม่ได้ไม่ยั้ง แวะมาลองกัน ส่วนคนที่ทำงานอยู่บ้าน หมอเตือน “หยุดพฤติกรรม Work from Bed” เสี่ยงเป็นโรคกระดูกและกล้ามเนื้อได้ในอนาคต และข่าวเข้ม ๆ “โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดมหกรรมแฟลชเซลขายห้องพัก ซื้อ 1 แถม 1 รีบซื้อด่วนภายใน 31 พ.ค.นี้ เก็บคูปองไว้ใช้ยาวถึงปลายกันยายนนี้ และ “การบินไทย” ยังต้องลุ้นต่อศาลล้มละลายกลางจะโอเคกับแผนฟื้นฟูกิจการหรือไม่ ต้องรอฟังอีกครั้ง 15 มิ.ย.64
“บัวกลางใจ พัทยา”แหล่งแฮงเอาท์ใหม่ฟินกินดื่มเพื่อสุขภาพ
เมื่อพัทยากลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวปลอดโควิดครั้งใหม่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา มีแหล่งแฮงเอาท์เอาใจทุกวัยกับคาเฟ่ใหม่สุดเก๋ มาบอกกัน ที่ “ร้านบัวกลางใจ” บนถนนสุขุมวิท ฝั่งเดียวกันกับ แมคโคร พัทยาใต้ เป็นร้านกึ่งสวนดีไซน์บรรยากาศวิถีไทย รายล้อมด้วยบึงบัวขนาดใหญ่ อยู่รอบพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร นั่งจิบแฟกันชิลล์ ๆ โดยมีมุมซุ้มยื่นออกไปในสระบัวให้ลองไปนั่งด้วย ที่ขาดไม่ได้เลยคือมีมุมถ่ายรูปเซลฟี่ได้หลากหลายโมเมนท์ โดยเฉพาะการทำท่าเก็บดอกบัวสวย ๆ โพสต์ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ
ตอนนี้ทางร้านสามารถเปิดบริการให้นั่งทานได้แล้ว มีทั้งเครื่องดื่ม เค้ก ก๋วยเตี๋ยวเรือ และอาหารพร้อมบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00น.
บรรยากาศร้านแนวไลฟ์สไตล์ได้อารมณ์ความรู้สึกการพักผ่อนอย่างอิสระนั้น ไฮไลต์ที่นี่คือ เมนูเด็ดเป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านต้องห้ามพลาดสั่งมาชิม คือ “ก๋วยเตี๋ยวเรือทานคู่กับแคปหมู” ชามขนาดใหญ่พอสมควร ราคาชามละ 69 ชาม แต่ปริมาณอิ่มกำลังดี น้ำตกเข้มข้น แนะนำให้ชิมก่อนปรุง เชฟผสมผสานรสชาติไว้ได้อย่างลงตัวแล้ว
“บัวกลางใจ” เพิ่งเปิดใหม่ได้เดือนเศษ
ๆ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 อีกไม่นานก็จะกลายเป็น “จุดเช็คอินใหม่ในพัทยา”
ด้วยบรรยากาศรมรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้แนวบ้านสวน มีสระบัวเป็นจุดเด่น นั่งชิว ๆ กับครอบครัวได้สบาย
เมื่อมาถึงร้านแล้ว แนะนำให้สั่งก่อนที่โชว์อยู่ด้านหน้ามีทั้งเครื่องดื่มและขนม ที่ดูแปลกแตกต่างคือ เมนู “เค้กบัวลอย” ราคา 129 บาท รสชาติหอมกระทิอบควันเทียน ส่งกลิ่นหอมส่วนด้านล่างมีเม็ดบัวลอยสีสวยรอจ้วงลงท้องของเรา ส่วนเครื่องดื่มก็ต้องลอง น้ำเสาวรส รสเปรี้ยว ๆ หวานๆซื่นใจ กับชาเขียวมัทฉะ แก้วละ 95 บาท สามารถสอบถามเพิ่มได้ที่โทร. 065-6952659
หมอแนะอย่า'work from bed'เสี่ยงโรคกระดูก-กล้ามเนื้อในอนาคต
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์
อธิบดีกรมการแพทย์ แนะนำว่า ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด 19 ทุกคนไม่ได้เตรียมตัวเพื่อทำงานที่บ้าน โดยบางคนมีพฤติกรรมทำงานบนเตียง
หรือ work from home = work from bed เพราะไม่ต้องรีบตื่น อาบน้ำ
แต่งตัวไปทำงาน กลายเป็นการล้างหน้า เปิดคอมพิวเตอร์และนั่งทำงานบนเตียงต่อทันที
พฤติกรรมดังกล่าวนี้มีผลต่อสุขภาพ เพราะเสี่ยงจะเป็น “โรคกระดูกกับโรคกล้ามเนื้อ”
ในอนาคตได้
เนื่องจากมีการศึกษาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2543 ผลสำรวจคนอเมริกัน 1,000 คน พบ 72% ชอบทำงานบนเตียง ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ทุก 1 ใน 10 คน บอกว่าใช้เวลาทำงานอยู่บนเตียง 24-40 ชั่วโมง ส่วนหนุ่มสาวชาวอังกฤษอายุ 18-34 ปี ก็ทำงานเตียงมากกว่าแรงงานสูงวัยถึงสองเท่า กระทั่งกลายเป็นแฟชั่น work from bed เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาหลายอย่าง ทั้งด้านจิตใจและร่างกาย แม้จะไม่รู้สึกถึงผลเสียตอนนี้ แต่ผลจะคงอยู่ไปเรื่อยๆ และจะแสดงอาการช่วงระยะเวลาต่อมาในอนาคต
ในทางเออร์โกโนมิกส์ถือว่าไม่เหมาะสมกับร่างกาย เนื่องจากการทำงานบนเตียงจะทำให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อคอ หลัง สะโพก และมีอันตรายมากขึ้นเมื่อทำงานในเตียงนุ่ม ๆ ยิงเป็นคนทำงานหนุ่มสาวจะมีอันตรายมากกว่า เนื่องจากไม่ค่อยมีอาการปวดขณะทำงานบนเตียง แต่หลังจากนั้น ก็จะมีอาการเรื่องกระดูกและข้อ ซึ่งเป็นผลจากการนอนทำงานบนเตียง
ส่งผลถึงอนาคตเมื่อคนคนกลุ่มนี้อายุมากขึ้น จะมีโรคหรือปัญหาทางเออร์โกโนมิกส์เกิดขึ้น รวมถึงมีอาการปวดศีรษะ และในที่สุดจะปวดหลัง กล้ามเนื้อหลังแข็งเกร็ง ปวดคอ จากการบาดเจ็บของกระดูก เอ็นและกล้ามเนื้อที่คอ
คุณหมอจึงแนะนำ 1.หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องทำงานบนเตียง ก็พยายามนั่งหลังตรง อยู่ในท่าเหมือนนั่งเก้าอี้ จะช่วยลดการบาดเจ็บของกระดูกและกล้ามเนื้อได้ 2.ม้วนผ้าห่มหรือใช้หมอนหนุนหลังเป็น lumbar support สอดหมอนรองเข่า
3.พยายามแยกจอออกจาก keyboard เพื่อให้จออยู่ในระดับสายตาไม่ต้องก้มหน้ามอง (อาจใช้ remote keyboard) 4.อย่านอนคว่ำหน้าพิมพ์งาน จะมีการบาดเจ็บที่คอและข้อศอกอย่างมาก พยายามทำงานในหลาย ๆ ท่าทาง เช่น ยืนทำงานบ้าง
ประการสำคัญต้องคิดไว้ว่าโควิด-19 อาจจะยังอยู่อีกนาน จึงควรจะหาซื้อ โต๊ะ เก้าอี้ ทำงานที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของตัวเราเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
พูลแมนคิงเพาเวอร์ขายแฟลชเซลห้องพักซื้อ1แถม1ภายใน31พ.ค.นี้
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่น F𝐋𝐀𝐒𝐇 𝐒𝐀𝐋𝐄 จัดเต็มคูปองห้องพักรวมอาหารเช้า
ซื้อ 1 คืน แถม 1 คืน เริ่มต้น 2,999 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน ตั้งแต่วันนี้ – 31
พฤษภาคม 2564 คลิกซื้อคูปองได้ที่ https://bit.ly/2MnGX54 หรือซื้อตรงจากแผนกสำรองห้องพัก
คูปองเริ่มใช้ได้ 1 มิถุนายน - 31 ตุลาคม
2564
โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 สามารถแยกวันเข้าพักได้ ตามระยะเวลาที่กำหนด เด็กอายุต่ำกว่า
12 ปี เข้าพักฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหากไม่ขอเตียงเสริม
สามารถเลือกห้องพักได้ 3 แบบ 1.ห้องซุพีเรีย 𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫𝐢𝐨𝐫 ราคา 2,999 บาทสุทธิ 2.ห้องเอ็กซ์เซคคิวทีฟ 𝐄𝐱𝐞𝐜𝐮𝐭𝐢𝐯𝐞 ราคา 3,999 บาทสุทธิ 3.ห้องสวีท 𝐒𝐮𝐢𝐭𝐞 ราคา 4,999 บาทสุทธิ
พิเศษ !! ส่วนลด 10% เมื่อโชว์บัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ และแอคคอร์
พลัส
แพ็กเกจห้องพักโปรโมชั่นนี้จะรวม 1.ห้องพัก 2.อาหารเช้า 2 คน ที่ห้องอาหารควิซีน
อันปลั๊ก 3.สามารถเช็คเอ้าท์ได้ถึง 18.00 น. 4.ห้องระดับเอ็กซ์เซคคิวทีฟและสวีท สามารถใช้สิทธิ์เข้าเลาจน์ และ Happy
Hour ด้ใสเวลา 17.00 – 19.00 น. 5.สามารถเข้าร่วมโปรแกรมสะสมไนท์และคะแนน
ALL - Accor Live Limitless 6.สมาชิกสามารถใช้สิทธิ์ตามสถานะบัตรตัวเองได้
สอบถามเพิ่มเติมได้จากแผนกสำรองห้องพัก โทร 02 680 9999
ข่าวที่สอง บินไทยลุ้นอีกครั้งศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่ง15มิ.ย.64
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
รายงานว่า วันนี้ 28 พฤษภาคม 2564
ศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยมีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านแผนฟื้นฟูกิจการและศาลรับไว้แล้ว 2
ฉบับ ซึ่งศาลงดสืบพยานและให้โอกาสผู้ทำแผนและเจ้าหนี้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ
ภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งนัดฟังคำสั่งศาลเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 15
มิถุนายน 2564
หากศาล
"มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน"
ก็จะมีผลทำให้การบินไทยเดินหน้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไปได้
โดยการชำระหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการซึ่งเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำขอรับชำระหนี้
จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตามแผน
การจัดการกระแสเงินสดและทรัพย์สินของบริษัทบางส่วนจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการ
อีกทั้ง "คำสั่งเห็นชอบด้วยแผน"
จะมีผลให้ผู้บริหารแผนที่ถูกเสนอชื่อตามแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่แก้ไขเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารธุรกิจของบริษัทฯ
และดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายพรชัย ฐีระเวช นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายไกรสร บารมีอวยชัย
และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น