ททท.ติดอาวุธ“กระบี่”รอ ศบค.สั่งเคลื่อนทัพแซนด์บ็อกซ์ท่องเที่ยวรอบใหม่ ดึงธุรกิจเข้าSHA500ราย+SHAPLUS-จัด4กิจกรรมรอ-ชูเที่ยวใกล้เที่ยวง่าย
ททท.ติดอาวุธ“กระบี่”รอ ศบค.สั่งเคลื่อนทัพแซนด์บ็อกซ์ท่องเที่ยวรอบใหม่
ดึงธุรกิจเข้าSHA500ราย+SHAPLUS-จัด4กิจกรรมรอ-ชูเที่ยวใกล้เที่ยวง่าย
“คิงเพาเวอร์”ชวนช้อปออนไลน์8.8 HER LUCKY DEALS ลด40%8-18ส.ค.นี้
“คิงเพาเวอร์”ร่วมยิ่งช้อปยิ่งได้แจกบัตรอีโวเชอร์7พันบาทใช้ได้ถึง31ธ.ค.64
สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้ลิมูซีนบริษัทJOYลด25%ที่“ภูเก็ต-สุราษฎร์-กระบี่-สมุย”
ททท.เคลื่อน“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”โกยแล้ว800ล้าน/ไม่กระทบปิดภูเก็ต3-16ส.ค.
ททท.ชี้โควิดระบาดแรงทำรายได้ปี’64เหลือ4แสนล้าน-ปรับใหม่3กรณีรับปี65
“TCEB”ควงTECNAขยายฐานตลาดอีเวนต์-เทศกาลนานาชาติเมืองไมซ์ไทย
“สุพรรณบุรี”แนะนำเติมพลังศรัทธาที่วัดสังกัจจายน์-พิพิธภัณฑ์วัดเขาพระ
ลองใช้ 6 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจรับมือช่วงโควิด-19
ระบาดแรงกระทบใจคน
“โกลบอลเซอร์วิส”จ้างพาร์ทไทม์500บ./วันช่วยสปสช.1330รับเรื่องโควิด19
“บลูพอร์ตหัวหิน”จัดFruit From Farmนำผลไม้ดังทั่วไทยช่วยเกษตรกรขาย
อุทิศ ลิ่มสกุล
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
ในวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม
2564
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#กระบี่เที่ยวใกล้เที่ยวง่าย #PhuketSandbox
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1684709715056413&id=100005522016696
ช่วงที่ 1 เปิดภารกิจท้าทายกับ “อุทิศ ลิ่มสกุล”
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ เตรียมความพร้อมขานรับนโยบาย
ศบค.กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 3 เรื่อง “ฉีดวัคซีน-ทำSOP-รณรงค์ธุรกิจทั้งจังหวัดตบเท้าเข้ามาตรฐาน SHA
กว่า 500
ราย SHA
PLUS อีกว่า 131
ราย “เกาะพีพี-เกาะไหง-หาดไร่เลย์”
เคลียร์พื้นที่รอ ตอนนี้มีแคมเปญ “เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย” ชวนคนภาคใต้พื้นที่ใกล้เคียงแวะมาเที่ยวกระบี่
และจัดทัพกิจกรรมไว้รอท่า 4 ด้าน
“ISLAND HOPPING-CSR-วิถีชุมชน-ชมธรรมชาติ” ยืนยันทุ่มทำหน้าที่หลัก 2เรื่องเต็มที่คือ
“ส่งเสริมท่องเที่ยว-ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้” ช่วยธุรกิจปรับแผนรับมือให้ทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ตั้งตารอโอกาสฟื้นท่งอเที่ยวกระบี่ก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน
นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า แผนงานในฐานะพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายพื้นที่ขยายตามที่กำหนดต่อจากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ หรือ Extension Seal ตอนนี้เตรียมความพร้อม ตามคำสั่ง “คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.)” และคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ ททท.รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7+7 คือเข้าพักอยู่ภูเก็ต 7 วันแรก จากนั้นสามารถเดินทางมายังกระบี่หรือพื้นที่กำหนดได้ 7 วัน โดย ททท.มีภารกิจต้องสนับสนุนเอกชนท่องเที่ยวฟื้นฟูธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งทั้งเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และการปรับรูปแบบทำการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงโควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่ ทุกฝ่ายในกระบี่ต่างก็ช่วยกันอย่างเต็มที่
ขณะนี้ ททท.กระบี่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ต่าง ๆ ได้เตรียมความพร้อมมาตลอดสักระยะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ SOP : Standard Operation Procedure มาตรการรองรับนักท่องเที่ยว แผนเส้นทางท่องเที่ยว 3 แห่ง ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เลย์ โดยทำเตรียมไว้รอจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นใน 3 เรื่องหลัก ๆ คือ
เรื่องที่ 1 จังหวัดกระบี่ได้กำหนดกระจายวัคซีนฉีดป้องกันโควิดให้แก่ผู้ประกอบการ คนในชุมชน หน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งสามพื้นที่จะต้องรับวัคซีนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
เรื่องที่ 2 จัดทำคู่มือขั้นตอนปฏิบัติตามมาตรฐาน SOP :Standard Operation Procedure =j;’ตลอดเดือนมิถุนายนได้ซักซ้อมแผนปฏิบัติงาน ได้แก่ ส่วนที่ 1 “ท่าเรือสาธารณะ” ที่จะต้องให้บริการนักท่องเที่ยวไปเกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เลย์ ส่วนที่ 2 “สนามบินนานาชาติกระบี่” รองรับเที่ยวเช่าเหมาลำ ซึ่งเริ่มปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เพียงแต่ต้องทำตามสถานการณ์เฉพาะ เช่น ระยะเริ่มเปิดอาจจะอนุญาตให้บินได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน 22.00 -05.00 น. จากนั้นเดือนตุลาคม 2564 จึงจะพิจารณาบินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลและประกาศของหน่วยงานเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องที่ 3 แผนปฏิบัติงานตามนโยบาย ซึ่ง ททท.กระบี่ มีภารกิจต้องรับผิดชอบดูแลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ยกระดับผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นการรองรับนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะการรณรงค์ผู้ประกอบการธุรกิจ 10 ประเภท
สมัครเข้าร่วมปฏิบัติตามมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA : Safety and Health
Administration ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดกระบี่
ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564
มีผู้ประกอบการผ่านมาตรฐาน SHA
แล้ว 500 ราย
กระบี่นับได้ว่าเป็นจังหวัดมีผู้ประกอบการได้มาตรฐาน SHA จัดเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศ
เมื่อแบ่งตามประเภทกิจการที่ได้มาตรฐาน SHA เรียบร้อยแล้ว คือ อันดับ 1 ที่พัก/โรงแรม มีถึง 278 ราย อันดับ 2 ร้านอาหาร 75 ราย อันดับ 3 บริษัทนำเที่ยว 62 ราย อันดับ 4 ยานหนะ 41 ราย ส่วนอีก 6 ประเภท ผ่านเป็นตัวเลขหลักเดียว ทำให้กระบี่พัฒนาไปสู่มาตรฐานสูงขึ้นคือ SHA PLUS โดยจะต้องบวกเพิ่มเรื่อง “มาตรฐานการต้อนรับนักท่องเที่ยว” เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
ขณะนี้กระบี่มีผู้ประกอบการธุรกิจผ่านมาตรฐาน SHA PLUS แล้ว 131 ราย แบ่งเป็น 1.โรงแรม/ที่พัก 81 ราย 2.บริษัทนำเที่ยว 21 ราย 3.ร้านอาหาร 14 ราย 4.ยานพาหนะ กลุ่มธุรกิจเรือ 8 ราย 5. สปา/สุขภาพ 4 ราย 6.ร้านขายของที่ระลึก 2 ราย
เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกถึง 3 พื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวส่วนขยายจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เข้าสู่กระบี่ 3 แห่ง เกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เลย์ เชื่อมโยงไปถึงแผน “ส่งเสริมตลาดการขาย” มีผู้ประกอบการได้ตราสัญลักษณ์ SHA PLUS บนเกาะพีพี 17 ราย เกาะไหง 1 ราย หาดไร่เลย์ 3 ราย ปัจจุบัน ททท.ยังเปิดรับผู้ประกอบการเข้าสู่มาตรฐานดังกล่าวเพิ่ม โดยมีผู้สมัครรอบใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 ราย ได้พิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
นายอุทิศกล่าวว่า ผู้ประกอบการที่พักโรงแรมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถจองห้องพักได้เมื่อ ศบค.เห็นชอบ ส่วน “สถานที่ท่องเที่ยว” ททท.ได้เข้าไปเตรียมเพิ่มเสริมทักษะ Up Skill- Re skill ส่วนหน่วยงานราชการก็ได้เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง ท่าเทียบเรือ ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม ขณะเดียวกันช่วงโควิดแพร่ระบาดนักท่องเที่ยวชะลอตัวเข้ามาเที่ยวน้อยลง ทางกระบี่ก็ได้ใช้เวลาที่ผ่านมา หลัก ๆ 3 อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามได้รับความนิยมอย่างมาก ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา อุทยานแห่งชาติเกาะพีพี อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี รวมถึงอุทยานธรรมชาติแห่งอื่น ๆ ด้วย
ททท.วางกลยุทธ์ เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยแคมเปญ “KRABI EVENT MORE AMAZING : กระบี่สวยกว่าเดิม” โดยได้เชื่อมโยงพื้นที่เชื่อมโยงระยะแรก 3 แห่ง พีพี เกาะไหง ไร่เลย์ ชูขายธรรมชาติทางทะเล ดำน้ำดูปะการัง ปลาสวยงาม การจัดระเบียบชมธรรมชาติ ผสมผสานแต่ละพื้นที่ตามความโดดเด่น ด้วย 4 กิจกรรม คือ
กิจกรรมที่ 1 มาเกาะพีพีเพื่อชมความสวยงามทางธรรมชาติที่อ่าวต้นไทรกับอ่าวโละซะมะ หรือจะชมความสวยงามที่มากกว่าก็ใช้บริการล่องเรือไปดำน้ำลึกตามหมู่เกาะต่าง ๆ รอบพีพี
กิจกรรมที่ 2 ISLAND HOPPING พักอยู่บนเกาะพีพี สามารถเดินทางไปเกาะไหง หาดไร่เลย์ได้ ใช้ระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งมีไฮไลต์คือ “ถ้ำพระนาง” ทำกิจกรรม ปีนผา ชมทัศนียภาพทิวทัศน์จากด้านบนมองลงมาเห็นหาดทั้งหมด
กิจกรรมที่ 3 เที่ยววิถีชุมชน สามารถทำได้ในกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ครบ 14 วัน แล้วทำสวอปหาเชื้อโควิดครบตามเกณฑ์ที่กำหนดในภูเก็ตไมเรียบร้อยแล้ว ไม่พบเชื้อโควิดก็สามารถเดินทางมายังชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้การยอมรับนักท่องเที่ยว ได้รับการบรรจุจากบริษัทนำเที่ยวอยู่ในโปรแกรมการขาย เช่น ชุมชนแหลมสัก สัมผัสวิถีประมงพื้นบ้าน หรือชมภูเขาหินปูนตามจินตนาการ หรือ “ชุมชนไหนหนัง” ไปดูหุบเขากาโรส หรือหินผารูปผี นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบมาก
กิจกรรมที่ 4 ท่องเที่ยวเชิงซีเอสอาร์ การคืนกล้วยไม้สู่ป่า
ต่อด้วยเสน่ห์วิถีชีวิตชาวบ้าน
นายอุทิศกล่าวว่า ขณะนี้ “ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกระบี่” เองตอนนี้มี “ความพร้อมจะเปิดบริการ” ภายใต้การสร้างความเชื่อมั่นด้วยการเข้าร่วมรับมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA รวม 500 ราย และ SHA PLUS อีก 131 ราย โดยภาพรวมอาจจะเปิดบ้างปิดบ้างขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ เป็นผลมาจากมาตรการและบรรยากาศยังเอื้อให้เคลื่อนย้ายการเดินทางมากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวจึงมีจำนวนน้อยเหมือนกับอีกหลายพื้นที่ในประเทศไทย
ส่วนผู้ประกอบการในกระบี่ที่เปิดบริการปกติได้แล้วโดยขออนุญาตจากองค์กรปกครองหน่วยงานเกี่ยวข้อง คือ “โรงแรมห้องพัก” เปิดแล้ว 28.71 % ส่วนจะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ต้องเป็นไปตามความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมถึงต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาพิจารณาควบคู่กันไป
นายอุทิศกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกระบี่ต้องการความช่วยเหลือจาก ททท.ส่วนใหญ่จะเป็น 1.อบรมพัฒนาทักษะเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดบริการ 2.การให้ข้อมูลคำแนะนำเข้าร่วมมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA และ SHA PLUS 3.การทำแผนส่งเสริมตลาดการขาย นำนักท่องเที่ยวชาติเข้าพื้นที่ ทาง ททท.กระบี่ ทำงานเชิงรุกประสานกับทาง ททท.ส่วนกลาง และ ททท.สำนักงานต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้โปรโมตกระบี่ให้ติดอันดับ TOP OF MIND การครองใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทันทีที่มีความพร้อมก็จะปูพรมการขายได้ตามจังหวะเหมาะสม
นอกจากนี้
ททท.กระบี่ ยังอัพเดทข้อมูล “ตลาดต่างประเทศ” โดยจัดทำกิจกรรม Virtual Mart
นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวในกระบี่พบปะแลกเปลี่ยนการขายเสมือนจริงกับตัวแทนผู้ซื้อแทรเวล
เอเย่นต์ ต่างประเทศ ด้วย
“ตลาดในประเทศ” เน้นหนักความพร้อมเชิงพื้นที่ นำเสนอข้อมูลให้เหมาะสม เช่น ทำโครงการ “เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย” จูงใจให้คนในพื้นที่กระบี่หรือใกล้เคียงที่เดินทางง่ายเข้ามาพักผ่อนบ้าง ส่วน “พื้นที่สีแดง” นักท่องเที่ยวจากพื้นที่เหล่านั้นยังมากระบี่ไม่ได้ ก็จะใช้วิธีให้ข้อมูลสร้างการรับรู้สถานที่ท่องเที่ยวไว้ก่อน เมื่อพร้อมก็จะได้เดินทางมาเที่ยวได้
สำหรับการทำภารกิจแต่ละเรื่องที่จะขับเคลื่อนท่องเที่ยวภายใต้ความท้าทายของ ททท.กระบี่
ด้านแรก “ส่งเสริมตลาดการขาย” ททท.กระบี่ ได้ชวนคนพื้นที่ใกล้เคียงภายในภูมิภาคเดียวกันออกมาเที่ยว กับแคมเปญ 1.เที่ยวกระบี่ เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย ผ่อนคลาย ใกล้บ้าน 2. เที่ยวกระบี่ กินดี พักโดน เริ่มกรกฎาคม - กันยายน 2564 ทางผู้ประกอบการมีโปรโมชั่นเป็นข้อเสนอพิเศษ ได้แก่ “กลุ่มธุรกิจโรงแรม” แจกโปร 1 คืน แถม 1 คืน “ร้านอาหาร” ให้ส่วนลด 5-10 % โดย ททท.เข้าไปสนับสนุนกระตุ้นด้วยวิธีแจกรางวัล มีการแจกตั๋วโดยสารเครื่องบิน พร้อมโวเชอร์ห้องพัก ร้านอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวพร้อมลุ้นรางวัลไปด้วย
ด้านที่สอง “ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้” แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ในจังหวัดกระบี่ อาจจะมีการท่องเที่ยวมุมใหม่ ตัวอย่าง ช่วงต้นปีที่ผ่านมา นำเสนอ เส้นทาง “กระบี่ยิ่งสูง ยิ่งสวย” ตามด้วย “ตลาด” ส่งเสริม “กินอาหารเป็นยา” ชูเรื่อง อาหารถิ่น กินตามฤดูกาล สรรพคุณของอาหาร จาก Farm to Table กระจายอยู่หลายแห่งทั่วกระบี่
นายอุทิศกล่าวว่า
หากคนไทยต้องการเดินทางเที่ยวกระบี่ ชาวกระบี่พร้อมต้อนรับ
นักท่องเที่ยวที่มีความพร้อมตามเกณฑ์ด้วยเช่นกัน ประกอบด้วย
1.ได้รับการฉีดวัคซีนครบ
2 เข็ม
หรือรับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
2.ผ่านการทดสอบสวอปหาเชื้อโควิดก่อนเข้าพื้นที่
72 โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจน
3.กรอกเอกสารลงทะเบียนเข้าพื้นที่ ระบุจังหวัดต้นทางที่เดินทางเข้ามา และต้องการพักที่ใดในกระบี่
เมื่อสามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ดังกล่าวก็สามารถเลือกซื้อโปรโมชั่น และ เข้ามาพักผ่อนตามสถานที่สวยงามทางทะเล ทางธรรมชาติ อันหลากหลายมากมาย ซึ่งพร้อมและรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์”ชวนช้อปออนไลน์8.8 HER LUCKY DEALSลด40%8-18ส.ค.นี้
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดชุดใหญ่ให้ช้อปที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ด้วยโปรโมชั่นพิเศษเอาใจนักช้อปทุกคน ให้คุณได้ช้อปอย่างจุใจ โดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน แคมเปญ “8.8 HER LUCKY DEALS” ยาวจุใจถึง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-18 สิงหาคม 2564 นี้
พบกับดีลสุดคุ้มที่ยกขบวนกันมาสร้างความสุขกับสินค้าแบรนด์เนมมากมาย ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท พร้อมแจก LUCKY CODES ลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท เฉพาะวันที่ 11-13 และ 17-18 สิงหาคม 2564 นี้ เท่านั้น
เตรียมตัวเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน
Home Delivery ส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ทางเว็บไซต์ www.kingpower.com และคิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชั่น
ข่าวที่ 2 “คิง เพาเวอร์”ร่วมยิ่งช้อปยิ่งได้แจกบัตรอีโวเชอร์7,000บาทใช้ได้ถึง31ธ.ค.64
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมช้อปปลอดภัยกับโครงการ
“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” แจก “E-Voucher หรือบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์”
มูลค่ารวมสูงสุด 7,000 บาท เมื่อช้อปสินค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าดิวตี้ฟรี
และสินค้าป้ายฟ้า ผ่านช่องทางออนไลน์ส่งถึงบ้าน Home Delivery ตั้งแต่วันนี้
– 31
ธันวาคม 2564 ที่ คิง เพาเวอร์ ทั้ง 5 สาขา
รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และ ภูเก็ต
โดยขอเชิญชวนคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ
“ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ตามนโยบายรัฐบาล เลือกช้อปแล้วจ่ายเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการด้วยเงินของตนเองผ่าน
G-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
ส่วน
“การใช้จ่าย” เพื่อนำมาคำนวณสิทธิ์รับคืนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E –
Voucher) ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564
เมื่อช้อปออนไลน์กับ
“คิง เพาเวอร์”
มีสินค้าบางหมดไม่ได้เข้าร่วมขายในโครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้คือ 1.สินค้าแผนกสุรา
บุหรี่ 2.การซื้อการ์ดเงินสด (Cash Card) หรือ
3.การแพ็กเกจสมัครสมาชิก
สำหรับการใช้สิทธิช้อปในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
ผ่านสิทธิ์ในรูปแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์
(E-Voucher) ระหว่างสิงหาคม
– 31 ธันวาคม 2564
1.ผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการฯ
ต้องชำระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (G-
Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
2.สแกน
QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า
(face-to-face) และไม่มีกระบวนการใด ๆ
ในการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด
และไม่ให้ทำซ้ำ ส่งต่อ หรือวิธีการอื่นใดกับ QR Code ในแอปพลิเคชัน
“ถุงเงิน” เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้า
สำหรับสินค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมรายการอยู่ในแอพลิเคชั่น
“เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” คือ สินค้าแผนกสุรา บุหรี่ กับการซื้อบัตรเงินสด (Cash
Card) หรือ
การแพ็กเกจการสมัครสมาชิก
ทั้งนี้แอพลิเคชั่น
“เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” เปิดใช้งานอื่น ๆ ทุกวันระหว่างเวลา 00.00 –
23.00 น.
3.บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E – Voucher สามารถสะสมมูลค่าเพื่อใช้จ่ายกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ แต่ไม่สามารถแลกออกมาเป็นเงินสดได้
4.บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์
หรือ E – Voucher เมื่อได้รับแล้ว
สามารถเก็บไว้ใช้สิทธิ์กับคิง เพาเวอร์ ได้จนถึง
31 ธันวาคม 2564
ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสินค้าและ/หรือบริการได้ที่ เว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือโทร. 02-111-1122 ทุกการช้อปเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้กำหนดไว้
ข่าวที่ 3 สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้ลิมูซีนบริษัทJOYลด25%ที่“ภูเก็ต-สุราษฎร์-กระบี่-สมุย”
สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับสิทธิพิเศษ ส่วนลดสูงสุด 25% เมื่อใช้บริการ “แอร์พอร์ต ลิมูซีน” หรือ “ลิมูซีน แบบเหมารายวัน” กับบริษัท JOY ให้สิทธิประโยชน์ในพื้นที่บริการ 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎ์ธานี กระบี่ และ เกาะสมุย
สามารถรับสิทธินี้ได้ทันทีเพียง “แสดงสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์” โดยคัดลอกรูปจาก คิง เพาเวอร์ แอพพลิเคชั่น หรือ เว็บไซต์ https://member.kingpower.com/Member/Status และระบุโปรโมชั่นโค้ด KP2021 กับทางบริษัท JOY ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ Vega และ Crown ดูสิทธิประโยชน์จากลิงค์นี้: https://bit.ly/3hZ4zK5
สมาชิก Onyx, Scarlet และ
Navy
สิทธิประโยชน์จากลิงค์นี้ : https://bit.ly/3BANEoS
ข่าวที่ 4 ททท.เคลื่อน“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”โกยแล้ว800ล้าน-ไม่กระทบปิดภูเก็ต3-16ส.ค.
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากมีประกาศคำสั่งเลขที่ 4202-3-4204 ตามมติของคณะกรรมการจังหวัดภูเก็ต มีผลให้ต้องปิดการเดินทางเข้าเกาะภูเก็ตบางส่วนระหว่างวันที่ 3-16 สิงหาคม 2564 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในภูเก็ต โดยไม่กระทบกับโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ยังคงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้ชีวิตตามปกติในพื้นที่ที่กำหนด
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ททท. พร้อมด้วยนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้เปิดแถลงแนวทางเดินหน้าประเทศ ร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้วยข้อมูลจริง และการประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างการรับรู้ให้คนในประเทศและทั่วโลกเข้าใจถึงความเข้มแข็งในการบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายศิริปกรณ์ ยืนยันว่า โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ยังคงมีสัญญาณที่ดีโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 60,000 บาท/คน/ทริป เฉลี่ยวันละ 5,000 บาท มีวันพักเฉลี่ย 11-12 วัน โดยประมาณจะมีเม็ดเงินกระจายอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของภูเก็ตราว 800 ล้านบาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
โดยมีสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติยอดจองพักล่วงหน้าเดือนสิงหาคม 2564 ประมาณ 97,935 คืน เติบโตเฉลี่ยวันละ 10 % ช่วงเวลาการจองพักเปลี่ยนมากระชั้นมากขึ้นก่อนเดินทางล่วงหน้าเพียง 15 วัน ส่วนกลุ่มสายการบินต่างประเทศ ช่วงกรกฎาคม บินเข้าภูเก็ต 30 เที่ยว/สัปดาห์ และเดือนสิงหาคม จะเพิ่มเป็น 40 เที่ยว/สัปดาห์ รวมทั้งจะมีบินเพิ่มอีก 3 สายการบิน ได้แก่ 1. คาเธย์ แปซิฟิก (ฮ่องกง) 2.โอมานแอร์ 3.มัสกัต
ส่วนข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
(ตม.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ต ระหว่างวันที่ 1-28 กรกฎาคม 2564 เหลืออยู่เพียงประมาณ 4,200 คน โดยเช็คเอาท์ออกจากภูเก็ตไปแล้วมากกว่าครึ่ง
กระจายตัวไปพื้นที่อื่นบ้างแล้ว ได้แก่ กรุงเทพฯ 200 คน สมุย/สุราษฎร์ธานี 144 คน พัทยา 75 คน หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์ 14 คน พังงา 14 คน
เป็นตัวเลขที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวเดินทางครบ 14 วัน มีประมาณกว่า 5,600 คน เกือบทั้งหมดอยู่ครบตามเงื่อนไขบินกลับ
มีเพียงหลักร้อยคนกระจายไปเที่ยวพื้นที่อื่น เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ทางแรก “ประเทศต้นทาง” ไทยเดินทางไปสหภาพยุโรป EU ยกระดับไทยเป็น White List นั่นหมายถึงการคาดหวังให้คนไทยเข้าประเทศในกลุ่มยุโรป แต่พอยกระดับใหม่เป็นสีอื่น คนไทยเข้ายุโรปอาจมีความยุ่งยากมากขึ้น
ทางที่สอง มองกลับกัน “นักท่องเที่ยวจากต้นทางมาไทย” ที่เข้าภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ใน 5 อันดับแรก 1.สหรัฐอเมริกา กลับบ้านโดยไม่กักตัว 2.สหราชอาณาจักร ไทยอยู่ในสีเหลือง Ember list ตั้งแต่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กลับบ้านไม่ต้องกักตัว 3.อิสราเอล ไม่มีประกาศใด ๆ 4.ฝรั่งเศส ยังอยู่ในสีส้ม กลับบ้านได้โดยไม่กักตัว 5.เยอรมัน เป็น basic list กลับไปไม่ต้องกักตัว 6.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่มีประกาศห้ามเข้าไทย จึงต้องใช้จังหวะนี้สื่อสารออกไปด้วย
นางสาวนันทาศิริ รณศิริ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวก่อนเกิดโควิดในภูเก็ตมีจำนวนที่พักกว่า 104,000 ห้อง ปลายปีที่ผ่านมาเปิด 27,000 ห้อง ปัจจุบันแม้ว่าจะเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วกว่า 30,000 ห้อง 300 โรงแรม
สถานการณ์ตั้งแต่มีประกาศสั่งหยุดบิน 21 กรกฎาคม 2564 ทาง ททท.ร่วมกับสมาคมเอกชน จัด Sandbox Express Bus ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังสุวรรณภูมิ เพื่อต่อเครื่องกลับประเทศตนเอง มีทุกวันเฉลี่ยวันละ 10-13 คน ออกจากภูเก็ตเช้าแล้วไปถึงสุวรรณภูมิไม่เกินช่วงเคอร์ฟิว 21.00 น. ทางนักท่องเที่ยวจ่ายเงินเองคนละ 1,500 บาท โดย ททท.มอบของที่ระลึกให้เป็นกระเป๋า สร้างความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ครบ 14 คืน แล้วต้องกลับผ่านช่องทางสุวรรณภูมิ แทนของเดิมต้องบินจากภูเก็ต และมีบางส่วนจองบินทางสุวรรณภูมิ
นายสุนทร ศักดาสาวิตร รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเขตการบิน ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวเสริมว่า แนวโน้มหลังหยุดบินไปตั้งแต่ 21 กรกฎาคม ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งแก้ปัญหา มีนกแอร์ บินได้ไม่กี่วันก็ต้องหยุดบินเพราะคำสั่งล็อกดาวน์ของประเทศ แต่จะกลับมาบินได้ตามปกติ เช่นเดียวกับสายการบินต่างชาติเองที่บินกลับประเทศ ก็เป็นไปตามแผนยังไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตกค้างที่จะต้องกลับตามกำหนดเดิมปัจจุบันมีประมาณ 200 คน
ทั้งนี้ ททท.รายงานถึงมาตรการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ได้ปฎิบัติตามที่ขออนุมัติจาก ศบค.ไปตั้งแต่แรก มีเกณฑ์ดังนี้คือ
1.หากมีผู้ติดเชื้อเกินวันละ 90 ราย (ตามผลลัพธ์ที่ปรากฎรายสัปดาห์ตลอดเดือนกรกฎาคม 2564) เมื่อเกินต้องเข้าสู่เฟสที่ 1 มีมาตรการยกระดับ งดจัดกิจกรรม ลดการรวมกลุ่ม ปัจจัยต่อไปเรื่องการกระจายตัวของการพบเชื้อใน 3 อำเภอ มากกว่า 6 ตำบล
2.การครองเตียง
สัดส่วนภาพรวมยังเหลือที่ว่างอยู่มากกว่า 60 % จึงจะใช้เกณฑ์ที่เสนอ
ศบค.ไว้ในการบริหารจัดการรายวัน โดยผู้ว่าฯ ณรงค์ จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการจังหวัด
และทีมแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ข่าวที่ 5 “ททท.”กังวลโควิดทำรายได้ปี’64เหลือ4แสนล้าน-ปรับแผนใหม่3กรณีรับปี65
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ประมวลผลกระทบกับเป้าหมายรายได้และจำนวนท่องเที่ยวไทยและต่างชาติปี 2564 ( 1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564) จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น จะส่งผลทำให้รายได้ตลอดปีงบประมาณต่ำสุดเหลือไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามนโยบายที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ไว้โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำให้ได้รวม 8.5 แสนล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 1.2 ล้านคน ทำรายได้ 3 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศอีก 100 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ 5.5 แสนล้านบาท มี
ดังนั้น
ททท.เตรียมพร้อมรับมือโดยกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวไทยปี 2565 ด้วยการตั้งประมาณการณ์ใหม่ในแผนการตลาดปี
2565 (TATAP 2022) แยกเป็น 3
กรณี ได้แก่
กรณีที่ 1 เมื่อสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ตั้งเป้าทำรายได้ 1.3 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศเข้าไทย 10 ล้านคน และตลาดในประเทศ 122 ล้านคน-ครั้ง
กรณีที่ 2 สถานการณ์เป็นไปได้ ตั้งเป้าทำรายได้1.58 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศเข้าไทย 13ล้านคน และตลาดในประเทศ 140 ล้านคน-ครั้ง
กรณีที่ 3 สถานการณ์ดี ตั้งเป้าทำรายได้ 1.93 ล้านล้านบาท 13 ล้านคน จากตลาดต่างประเทศเข้าไทย 18 ล้านคน และตลาดในประเทศ จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง
ข่าวที่ 6 “TCEB”ควงTECNAขยายฐานตลาดอีเวนต์-เทศกาลนานาชาติเมืองไมซ์ไทย
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่าทางทีมงานฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ จับมือกับทางสมาคมเครือข่ายผู้สร้างสรรค์วิชาชีพสื่อบันเทิงไทย (TECNA) จัดกิจกรรม Local Filmmakers Online Workshop เมื่อวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2564 ภายใต้โครงการ Thailand Content Lab สร้างห้องทดลองเพื่อสร้างนวัตกรรมทางด้านข้อมูลหรือคอนเทนต์ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์เมืองไมซ์ (MICE CITY) 2 จังหวัด คือ ภูเก็ต และนครราชสีมา
ตั้งเป้าสร้างความรู้ความเข้าใจให้พันธมิตรในเครือข่ายสมาชิกกลุ่มผู้สร้างสรรค์วิชาชีพสื่อบันเทิงไทยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ และเมืองไมซ์ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้สร้างพล็อตภาพยนตร์ให้เกิดความน่าสนใจ ผนวกการขายงานภาพยนตร์ (Pitching Deck) ให้กับผู้เข้าแข่งขันจากทั่วประเทศสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวกว่า 60 ทีม
โครงการความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นอีกช่งอทางการขยายฐานตลาดอีเวนต์และการจัดงานเทศกาลนานาชาติ
โดยนำเมืองไมซ์เข้าไปมีส่วนร่วม ดึงดูดความสนใจให้อุตสาหกรรมภาพยนต์และบันเทิง
นำไปขยายผลเลือกใช้ทำเลเมืองไมซ์ ซึ่งสามารถช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนองค์กรต่าง
ๆ นำอีเวนต์และงานเทศกาลต่าง ๆ มาจัดในพื้นที่เมืองไมซ์ของไทยในอนาคต
เสริมสร้างรายได้กระจายตรงเข้าถึงท้องถิ่นอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป
ช่วงที่ 2 ถึงการเดินทางจะยุ่งยากมากขึ้น
แต่ถ้าพร้อมเมื่อไร “สุพรรณบุรี” มีแหล่งเติมพลังศรัทธามาแนะนำให้ไปเยี่ยมชมใหม่
ๆ 2 แห่ง “วัดสังกัจจายน์” อำเภอเมือง
สักการะพระแห่งโชคลาภ ความสมบูรณ์ ตามวันเกิด พร้อมกับชมโบราณสถานเก่าแก่ และไปดู
“พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดเขาพระ” ของชาวรามัญ อำเภออู่ทอง
ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลสุขภาพใจด้วย “6วิธีบริหารจิตใจรับมือโควิด”
แล้วห้ามพลาดข่าวดี ๆ “บริษัท โกลบอลเซอร์วิส” รับสมัครทำงานพาร์ทไทม์โครงการพิเศษ
วันละ 500 บาท มีเบี้ยขยันด้วย
ทำหน้าที่ช่วยคอลเซนเตอร์ของ สปสช.1330 รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องโควิดต่าง ๆ และ
“บลูพอร์ตหัวหิน” จัดงาน “Fruit From Farm”
ระดมผลไม้ดังทั่วประเทศมาวางขายช่วยเกษตรกรระบายสินค้า
เพื่อนำรายได้ไปดูแลครอบครัว
“สุพรรณบุรี”แนะนำเติมพลังศรัทธาที่วัดสังกัจจายน์-พิพิธภัณฑ์วัดเขาพระ
ตอนนี้ใน “สุพรรรณบุรี” มีสถานที่ท่องเที่ยวเติมพลังศรัทธา ปลุกกำลังใจคนที่กำลังหดหู่กับการติดตามสถานการณ์โควิดจนเกิดความไม่สบายใจ แนะนำว่า เมื่อทุกอย่างพร้อม แวะไปเพิ่มพลังกันได้ใกล้ 2 แห่ง
แห่งแรก
“วัดสังกัจจายน์” ในตำบลสวนแตง อำเภอเมือง สามารถแวะไปขอพร ขอโชค
ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองกับพระสังกัจจายน์รูปร่างสมบูรณ์องค์ใหญ่สุดของประเทศอีกองค์
มีขนาดหน้าตักกว้าง 9
เมตร สูง 10
เมตร ตรงบบริเวณฐานองค์พระตกแต่งลวดลายงดงามด้วยรูปปั้น 12
นักษัตร ภายในวิหารยังมีพระสังกัจจายน์ 8 สี ตามสีประจำวันเกิด สามารถเข้าไปกราบขอพรได้ด้วยเช่นกัน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวิหารวัดสังกัจจายน์ มี องค์พระพุทธนฤมิตหรือหลวงพ่อดำ ศรัทธา และพระประจำวันเกิด รอยพระพุทธบาท ให้ได้สักการะได้หลายจุด คนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือมายาวนาน บริเวณด้านนอกมี “เจดีย์เก่าแก่ทรงปรางค์” สมัยอู่ทองที่มีอายุมากว่า 600 ปี ตั้งโดดเด่นสะดุดตา สามารถเข้าไปชมได้
ประวัติของ “วัดสังกัจจายน์”
แห่งนี้ เล่าต่อกันมาว่า สมัยก่อนได้ขุดค้นพบพระพุทธรูปหินทรายองค์หนึ่งมีลักษณะอ้วน
จึงนำไปมอบให้แก่ท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้น
เมื่อท่านเจ้าอาวาสเห็นก็ทราบได้ทันทีว่านี้คือ พระสังกัจจายน์
ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีเลยได้ทำการเปลี่ยนชื่อวัด จากเดิมชื่อวัดวังฆ้อง
เป็นวัดสังฆจายเถร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พิกัดวัดกัจจายน์สุพรรณบุรี https://goo.gl/maps/RJNESBfvXk6R24jo7
แห่งที่
2 “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดเขาพระ”
อ.อู่ทอง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม
(เดิมชื่อวัดเขาพระ) ส่วนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดเขาพระเพิ่งจะเปิดบริการได้ไม่ได้นาน
ชาวบ้านในชุมชนได้รวบรวมวัตถุโบราณอันได้แก่ พระพุทธรูป พระเครื่อง ลูกปัด ถ้วยชาม
ของใช้ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ของคนในชุมชนที่สะสมไว้ นำมาจัดแสดง เพื่อบอกเล่าถึงวิถีชีวิตชาวชาติพันธุ์
“ชุมชนไทพวนบ้านเขาพระ”
เมื่อครั้งอดีตได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ใกล้วัดเขาพระจนถึงปัจจุบันนี้
ทางชุมชนได้จัดเตรียม “มัคคุเทศก์พื้นบ้าน”
ไว้ให้บริการเล่าเรื่องความน่าสนใจอันเป็นวิถีเก่าแก่ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น
อาหารถิ่น การกินอยู่ วัฒนธรรมประเพณี ความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น
ที่ยังคงดูแลรักษาเสน่ห์เหล่านี้ไว้ได้เป็นอย่างดี
แนะนำว่า ก่อนจะเดินทางไปพิพิธภัณ์พื้นบ้านวัดเขาพระ
โทรติดต่อคุณสมบุญผู้ดูแลสถานที่ก่อนล่วงหน้าที่ 084-727-2505
สำหรับพิกัดพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดเขาพระ https://goo.gl/maps/vKvHfUs7NeqKaEvV9
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ห้ามพลาดแวะมาเติมพลังศรัทธาในสุพรรณบุรีได้ทั้งที่ วัดสังกัจจายน์ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดเขาพระ และร่วมกระจายรายได้สู่ชุมชน ช่วยคนไทยรอดวิกฤตโควิดไปด้วยกัน
ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานสุพรรณบุรี ชวนร่วมกิจกรรม "สีสันสุพรรณบุรี" โดยแชร์ภาพความประทับใจ ความคิดถึง...
สุพรรณบุรี เพื่อรับของที่ระลึก
ระหว่างวันนี้ -15 สิงหาคม 2564
หรือจนกว่าของที่ระลึกจะหมดจำกัด 1 คน/1
สิทธิ์
โดยทำ 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ถ่ายภาพตนเองกับแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรี 2.Post ภาพ พร้อมเขียนความประทับใจ Share ลงบน Facebook ของตนเอง เปิดสาธารณะ ติด #สีสันเมืองรอง #เที่ยวสุพรรณบุรี 3. Copy หน้าจอที่โพสต์ ส่งทางInbox เพจ TAT_suphanburi เพื่อให้แอดมินตรวจสอบความถูกต้อง 4.เมื่อadmin ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว จะส่ง Link เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมกรอกข้อมูลเพื่อส่งของที่ระลึก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 035-525-880 หรือ TAT_suphanburi
6
วิธีดูแลสุขภาพจิตใจรับมือช่วงโควิด-19 ระบาดแรงกระทบใจคน
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้องยอมรับว่าในช่วงนี้หลายคนวิตกกังวล เครียด และหวาดกลัวกันอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของหลายคน จึงขอแนะนำวิธีเตรียมพร้อมรับมือและดูแลสุขภาพด้วย "6 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจ
1.ลดการเสพข่าวที่สร้างความวิตกกังวลและบั่นทอนจิตใจต่าง ๆ คุณอาจจะตรวจสอบข่าวสารวันละครั้งก็เพียงพอ ลดการเสพโซเชียลมีเดีย หรือปิดการแจ้งเตือนข่าวสารบางประเภท ที่สร้างความกังวล และระมัดระวังข่าวปลอม
2. ระวังเว็บไซต์ข่าวปลอม โดยหากต้องการติดตามข่าวสารการระบาดของโควิด-19 ให้ติดตามจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น เว็บไซต์ WHO หรือกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังและรับมือได้อย่างเหมาะสม
3.พูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อน คนรัก หรือคนที่ไว้ใจ เพราะช่วยให้คลายความรู้สึกกังวลหรือเครียดได้เป็นอย่างดี
4. พยายามรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
5. ไม่ใช้บุหรี่ สุราหรือยาเสพติดอื่น ๆ เพื่อจัดการกับความเครียด
6. หากคุณรู้สึกเครียดหรือรู้สึกวิตกกังวลจนหาทางออกไม่ได้
แนะนำให้ปรึกษานักจิตวิทยาหรือพบจิตแพทย์จะดีที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โกลบอลเซอร์วิส”จ้างพาร์ทไทม์500บ./วันช่วยสปสช.1330รับเรื่องโควิด
บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) สาขากรุงเทพฯ ประกาศ “รับสมัคร” เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (โครงการพิเศษ) ทำงานพาร์ทไทม์ โดยสามารถทำงานที่บ้านได้ เพียงแค่มี “อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ หูฟัง”
ทำงาน – รับเรื่องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คอลเซนเตอร์ 1330 ทำหน้าที่รับโทรศัพท์แจ้งเรื่อง 1.ผู้ป่วยติดเชื้อ 2.ติดตามอาการผู้ป่วย 3.หาเตียง
ค่าจ้าง
-
วันละ 500 บาท
สามารถเลือกวันและกะทำงานได้ ระหว่างวันจันทร์ - วันอาทิตย์ โดยเลือกรับค่าค่าจ้างรายสัปดาห์ รายเดือน หมายเหตุ –
มีเบี้ยขยันให้ผู้สมัครผ่านเข้ารับทำงานพาร์ทไทม์ หากสามารถทำงานครบ 22 วัน ได้รับ 1,500 บาท/เดือน
คุณสมบัติ - 1.เพศชาย/หญิง อายุ 18 ปีขึ้นไป 2.วุฒิม.6 ขึ้นไป 3.น้ำเสียงไพเราะ พูดจาฉะฉาน มีศักยภาพการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น
สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณดาว / คุณแนน /คุณหมวย 02-793-3999 กด 2 , Line official Account @hrgsc246 และFACEBOOK : HR CSC
ข่าวที่สอง “บลูพอร์ต หัวหิน”จัด “Fruit From Farm”นำผลไม้ดังทั่วไทยช่วยเกษตรกรขาย
บลูพอร์ต หัวหิน รายงานว่าเปิดพื้นที่จัดงาน
“Fruit From Farm” รวมพลผลไม้ไทยพื้นถิ่นแสนอร่อย สด จากไร่
ส่งตรงจากสวนดังทั่วประเทศ มาช่วยขายตั้งแต่วันที่ 23
กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ณ ลานฟู้ดฮอลล์ ชั้น G บลูพอร์ต
หัวหิน
ภายในงานได้รวบรวมผลไม้พื้นถิ่น
คุณภาพดี หลากหลายสายพันธุ์ คัดสรรจากแหล่งเพาะปลูกที่ดีที่สุด
ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ โดยมีผลไม้ไฮไลท์ คือ
1.ทุเรียน” พันธุ์หมอนทองป่าละอู อำเภอหัวหิน และหมอนทองคลองลอย อำเภอบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์
2. มังคุด จากนครศรีธรรมชาติ
จากชุมชนคีรีวง อําเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กับมังคุดลุ่มน้ำกลาย
อำเภอท่าศาลา รสชาติอร่อย หวาน เนื้อกรอบ ผิวมัน หูเขียว ผลโตสมบูรณ์
และยังได้คุณภาพมาตรฐาน GAP
3. ผลผลิตของชาวเพชรบูรณ์ มีทั้ง “อินผลาลัม” กับ “มะขาม” เแปรรูป น้ำเลมอนสด
4.ผลิตภัณฑ์ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ ผลไม้ตามฤดูกาล ผลิตภัณฑ์แปรรูป มะม่วงกวน กล้วยฉาบ ผักปลอดสารพิษ และผักพื้นบ้านต่างๆ อีกมากมาย
มาเลือกซื้อ เลือกช้อป และสนับสนุนเกษตรกรไทยได้ในงาน “Fruit From Farm” รวมพลผลไม้ไทยพื้นถิ่นแสนอร่อย ได้ที่บริเวณฟู้ดฮอล์ ชั้น G (ใกล้กับสเวนเซ่นส์) สอบถามรายละเอียดเพิ่ม โทร. 032-905111 https://www.facebook.com/BluportHuaHinOfficial Line @bluport
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น