บพท.ลุยต่อยอดโมเดลปลดแอกความจน4หมื่นคน20จังหวัด ผนึก16สถานศึกษาสร้างความยั่งยืน“งาน-เงิน”ปั้นดาวรุ่ง5กลุ่ม
“บพท.”ลุยต่อยอดโมเดลปลดแอกความจน4หมื่นคน20จังหวัด
ผนึก16สถานศึกษาสร้างความยั่งยืน“งาน-เงิน”ปั้นดาวรุ่ง5กลุ่ม
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #บพท #โมเดลปลดแอกความจน20จังหวัด
บพท. กอดคอสถาบันการศึกษา 16 แห่ง ลุยต่อยอด “โมเดลปลดแอกความจน” หลังพบเพิ่มใน
20 จังหวัดต้นแบบ อีกกว่า
40,000 ราย เร่งนำความรู้ เครื่องมือไฮเทค เข้าไปช่วยสร้างกลุ่มอาชีพบนฐานทรัพยากรท้องถิ่น
ดึงรัฐ เอกชนท้องถิ่นเข้าร่วมพัฒนาระบบให้ยั่งยืน ปี’65 ชิมลางยกระดับ
5 กลุ่มดาวรุ่ง “สมุนไพร- สิ่งแวดล้อม- พัฒนาอาชีพ-คลังแรงงาน-สวัสดิการชุมชน
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา
ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า บพท. จับมือกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ
16 แห่ง เดินหน้าตรวจค้นผู้เดือดร้อนมาแล้วในพื้นที่ต้นแบบ
20 จังหวัด ทำให้พบว่ามีผู้ประสบความยากลำบากไม่ได้รับความช่วยเหลืออยู่มากถึง 400,000 คน
ครอบคลุมความจนหลากมิติ เช่น ด้านการเงิน อาชีพ ที่อยู่อาศัยและสุขภาวะ
ตามที่ บพท. ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทำงานบนฐานข้อมูล TPMAP แล้วพบว่ายังมีคนจนยากไร้อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่อยู่ในฐานข้อมูล Big data ดังกล่าว จึงได้ออกแบบระบบข้อมูลซึ่งมีลักษณะเป็น Deep data ใช้ชื่อว่า “PPPconnext” เป็นการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่เพื่อการสอบทานและยืนยันเป้าหมายโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาคมพื้นที่ทั้งขบวน ประกอบด้วยองค์กรชุมชน ประชาสังคม ท้องถิ่น ท้องที่สถาบันวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ทำให้สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
นำไปสู่การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรงจุด ตรงประเด็น และทันท่วงที
ภารกิจนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ในการร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร ข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยี และกลไกภาคีเครือข่าย
ช่วงปีงบประมาณ 2563 - 2564 บพท. ได้ทำแผนงานวิจัยการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่นำร่อง 20 จังหวัด ที่มีรายได้ภาคครัวเรือนต่ำที่สุดจากข้อมูลดัชนีความก้าวหน้าของคนเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ตามรายละเอียดดังนี้
ปี 2563 สามารถรวบรวมข้อมูลนำร่องครบ 10 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์
ปี 2564 อีก 10 จังหวัด ได้แก่
บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชธานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย
และยะลา
จากระบบการสอบทานอย่างละเอียดต่อเนื่องตั้งแต่ปี
2562-2563-2564
พบข้อมูลคนยากจน 7.8 แสนคน เพื่อส่งต่อเข้าระบบความช่วยเหลือขององค์กรภาครัฐต่อไป
ดร.กิตติ กล่าวว่า ปี 2565 จะเข้าสู่ขั้นตอน
“การทำงานต่อยอดกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาอาชีพ/ยกระดับคุณภาพชีวิต”
โดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือคนจนไม่น้อยกว่า 10,000 ครัวเรือน รวม 40,000 คน
โดยจะนำคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะเข้าสู่ระบบสวัสดิการภาครัฐ
และอีกส่วนหนึ่งทาง บพท. จะพัฒนาโมเดลแก้จนโดยร่วมมือกับสถาบันวิชาการ และกลไกภาคี
วิเคราะห์ศักยภาพคนจนกลุ่มเป้าหมาย
วิเคราะห์เทคโนโลยีความรู้พร้อมใช้ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งด้านการเกษตร
การแปรรูป การตลาด วิสาหกิจชุมชน การพัฒนาระบบการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม และด้านอื่น
ๆ
ขณะนี้ได้ประมวลเป็น “โมเดลแก้ไขปัญหาความยากจน” ในหลากหลายรูปแบบ ที่สอดคล้องกับบริบทภูมิสังคม เช่น กลุ่มสมุนไพร กลุ่มสิ่งแวดล้อม กลุ่มพัฒนาอาชีพ กลุ่มคลังแรงงาน กลุ่มสวัสดิการชุมชน เป็นต้น
สำหรับ “สมุนไพร” เป็นหนึ่งในสาขาเศรษฐกิจสำคัญในแผนหลักของประเทศ
สอดรับกับวาระแห่งชาติ BCG ดังนั้น บพท.
และมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการจึงเห็นโอกาสและความเป็นไปได้
เพราะเป็นการพัฒนาบนทุนเดิมของชุมชน โดยจะทำเป็นตัวอย่าง
ซึ่งเมื่อนำความรู้ไปช่วยสำเร็จแล้ว ก็สามารถยกระดับเศรษฐกิจ ตลอดห่วงโซ่การผลิต
ซึ่งคนจนจะอยู่ในห่วงโซ่ครบวงจร ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
ขึ้นกับศักยภาพของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยมีกลไกภาคีสนับสนุน
ทั้งนี้สถาบันอุดมศึกษา
ที่ประสานความร่วมมือกับ บพท. เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปลดแอก 40,000
คน
ให้พ้นจากความยากจน 16 สถาบัน ได้แก่
วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร วิทยาลัยชุมชนชัยนาท วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน วิทยาลัยชุมชนยโสธร
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น