ททท.โชว์อาวุธลับสื่อสารตลาดปลุกปีVisitThailandใช้พลังใหม่TAT Plus+TATnewsขายคอนเทนท์+ประสบการณ์ทัวร์ สื่อดั้งเดิมPayTV+Metaverse
ททท.โชว์อาวุธลับสื่อสารตลาดปลุกปีVisitThailandฟื้นเศรษฐกิจปีขาล
พลิกใช้พลังใหม่TAT Plus+TATnewsขายคอนเทนท์+ประสบการณ์ทัวร์
ฮือฮา!!แผนนำสื่อดั้งเดิมPayTVควงสื่อยุคใหม่Metaverseดันท่องเที่ยว
“คิงเพาเวอร์”ฉลองตรุษจีนแจกโปรอั่งเปา5ความสุข-ทอง21ม.ค.-6ก.พ.65
ลงทะเบียนก่อนช้อปคิงเพาเวอร์รับคูปองลดรับฟรีกิฟท์การ์ดถึง28ก.พ.
สมาชิกคิงเพาเวอร์จองบุฟเฟต์ทะเลที่ควิซ๊นอันปลั๊กรร.พูลแมนลด30%
รมว.พิพัฒน์หนุนททท.ลุย”เราเที่ยวด้วยกัน+Test&Go”ฟื้นเศรษฐกิจ65
บางจากฯ
เปิดพื้นที่ปั๊มบางจากนำศิลปินแสดง‘ดนตรีปันสุขถึง13ก.พ.นี้
เที่ยวใต้“พะโต๊ะ”ชุมพรอะเมซิ่งทะเลหมอกน้ำตกเหวโหลมหยอกเขาครา
3 วิธีกำจัดพฤติกรรมเฉื่อยเนือยนิ่งเมื่อต้องอยู่บ้าน
Work from Home
รมว.ศักดิ์สยามเปิดแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์คมนาคม1.4ล้านล้านปี65
บางกอกแอร์ชิงเปิดเที่ยวบินพิเศษซีลรูทกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เริ่ม1ก.พ.65
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 22 มกราคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ช้อปมั่งคั่งโชคมั่งมีสุขสันต์ปีขาล #TestandGoกพ65
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่ 1 เปิดโฉมพลังสื่อสารตลาดแนวใหม่กับ “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมโชว์หมัดน็อกด้วย TAT Plus สร้างความฮึกเหิม “ปีท่องเที่ยวไทย Visit Thailand Year 2022 Amazing New Chapters” ลุยปั้นคอนเทนต์” กางสัญลักษณ์ A ถึง Z ถอดรหัสสร้างเป็น “สินค้า+ประสบการณ์” ท่องเที่ยว เดินหน้าปรับโฉมข้อมูลทั้งระบบ ผ่าน TATnews.org เจาะตรงเข้าถึงเครือข่ายในไทยและทั่วโลก 3 กลุ่ม “ภาคธุรกิจ-นักท่องเที่ยว-ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” พร้อมกลยุทธ์ผสมสื่อยุคใหม่ Metaverse ควงยุคดั้งเดิม Pay TV ขับเคลื่อนศักราชท่องเที่ยวปีเสือทะยานอย่างถูกทาง
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ททท.ได้รับนโยบายทยอยเปิดประเทศประกาศให้ พ.ศ.2565 เป็น “ปีท่องเที่ยวไทย :Visit Thailand Year 2022 Amazing New Chapters” กลยุทธ์การสื่อสารจึงจะต้องหา “คอนเทนท์ใหม่” หลังจากนักท่องเที่ยวเคยมาแล้วทั้งสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร กับตลาดคนไทยและต่างประเทศ
ททท.จึงใช้วิธีสื่อสารผ่านสัญลักษณ์ของ
Amazing ตัวอักษร
A to Z กางหรือคำออกมาเป็นโปรดักซ์กับประสบการณ์
ว่ามีอะไรบ้าง เช่น A
:Awaken your Success โสตสัมผัสทั้งหลาย หรือ B :Beyond expectation เหนือความคาดหมาย
เช่น อาหารไทยมีรูปแบบวิธีปรุงต่างจากเดิม และยังมีความหมายของตัวอักษรอื่น ๆ
ที่จะแปลงเป็นสินค้าท่องเที่ยวและประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองไทย
โดยจะทำคอนเซปต์เหล่านี้ให้เป็นรูปธรรม นำร่องเปิดตัวตั้งแต่เมื่อพฤศจิกายน แล้วนำที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.)สัญจรเมื่อธันวาคม 2564
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ททท.อยู่ในช่วงการสร้างสรรค์ทั้ง 2 เรื่อง “ประสบการณ์+สินค้าท่องเที่ยว” ตั้งใจจะเปิดตัวเมื่อ 1 มกราคม 2565 แต่มาเจอการระบาดของไวรัสโอมิครอนจึงต้องหันมาสื่อสารเรื่อง “การสร้างเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุข” เป็นหลักก่อน แต่สิ่งที่เตรียมไว้เปิดเป็นทางการอีกครั้งช่วงปีใหม่ไทย “เดือนเมษายน 2565”
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า “โจทย์ที่ท้าทายเรื่องสื่อสารตลาดท่องเที่ยว” ตอนนี้ก็คือไม่ใช่เรื่องแพลตฟอร์มแต่เป็นเรื่องคอนเทนท์ล้วน ๆ เลย กรณีรัฐบาลประกาศแบ่งพื้นที่ 77 จังหวัด เป็นโซนสีที่มีปลอดภัยการเดินทางนั้น มีทั้ง “สีเขียว” เป็นโซนเฝ้าระวัง มีความปลอดภัยสูง ร้านอาหารและบริการต่าง ๆ เปิดได้ จำกัดจำนวน “สีเหลือง” ยกระดับขึ้นมาอีกอาจจะเปิดขายแอลกอฮอล์ไม่ได้ “สีส้ม” ตึงขึ้นมาอีกนิดไม่ให้รวมตัวคนหมู่มาก “สีแดง” เข้มสุด
แล้วยังมีคำที่จะต้องอธิบายแบบนี้อีกหลายส่วน เรื่องของ Color in Color หรือสีในสี เขียว-เหลือง-ส้ม-แดง เป็นสีทางด้านสาธารณสุข แต่ “สีทางด้านการท่องเที่ยว” จะมี 2 สี ได้แก่ สีแรก -สีฟ้าหรือ Blue Zone เป็น Bleisure Altimate Experience เมื่อนำบลูโซนไปทาบเข้ากับสีของกระทรวงสาธารณสุขก็คือสีเขียว ถือเป็นพื้นที่มีเอกลักษณ์ท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอื่น ๆ ถือเป็นพื้นที่สีฟ้าในสีเขียว ที่สื่อความหมายถึงว่า “เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย เป็นเอกลักษณ์ มีคุณค่า” หรือ เที่ยวง่าย เที่ยวได้ เที่ยวปลอดภัย นั่นเอง
ส่วนประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางการท่องเที่ยวจะนำไปใช้
ททท.ต้องสื่อสารออกไปสู่สาธารณะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 กลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชน
สายการบิน โรงแรม บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยว ส่วนที่ 2 กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติทั่วโลก
ส่วนที่ 3 กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ
ให้เข้าใจด้วย เพราะแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ก็มีรายละเอียดรวมอยู่ด้วย
ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้แพลตฟอร์มเดียว
หรือ One site big All มาสื่อสารเพียงช่องทางเดียวได้
ตัวอย่างการนำเสนอข่าวตอนนี้จึงได้นำร่องใช้ช่องทางเว็บไซต์ www.tatnews.org อัพเดทข่าวได้มากที่สุด
แต่ก่อนใช้เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวกับสื่อมวลชน ตอนนี้จึงได้เพิ่มช่องทางนี้เพื่อ
1.สื่อเข้าถึงกลุ่มเอกชน สายการบิน โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ใช้ด้วย เพื่อทำให้เป็นช่องทางหลักของหน่วยงาน ททท.ที่สามารถ “สร้างความเชื่อมั่น-เชื่อถือ”แก่ทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ ได้
2.สื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยว ททท.จะใช้หลักการ “ททท.พร้อมบวก หรือ TAT Plus” ที่จะทำงานร่วมกับผู้ที่ถือแพลตฟอร์มที่เชี่ยวชาญ ตัวอย่าง Facebook ที่กำลังปรับตัวสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เรียกว่า Meta, Metaverse ททท.ก็ทำงานร่วมกับ Facebook มาอย่างยาวนานเมื่อ Facebook ปรับตัว ททท.ก็พร้อมจะบวกไปกับ Facebook ด้วย ททท.คงไม่ได้คิดจะสร้างดาวดวงใหม่ แต่จะใช้วิธีไปหาดาวเด่นที่มีอยู่แล้วในด้านการสื่อสารท่องเที่ยว ทั้งรูปแบบใหม่โซเชียล หรือแม้แต่สื่อโทรทัศน์แบบดั้งเดิมในลักษณะของ Pay TV ที่จะทำงานควบคู่กันไป
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า
การพัฒนาเทคโนโลยีท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้ากับ Metaverse
นั้นคงจะต้องเชื่อในศักยภาพของผู้พัฒนา ภายใต้ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ
“โลกเสมือนจริงจะเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น” ดังนั้น ททท.จึงต้องมุ่งเน้นการพัฒนา
“สินค้ากับประสบการณ์ท่องเที่ยว” นำมาใส่เข้าไปในโลกเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นของ Metaverse เพื่อดึงดูดให้คนที่เข้าเพลิดเพลินกับโลกเสมือนจริงแล้ว
เกิดแนวคิดจะออกมาเที่ยวสัมผัสใน “พื้นที่ท่องเที่ยวจริง”
แนวทางคือ จะทำโครงการตัวอย่างนำร่อง โดยอาจจะเลือกใช้ Influencer-ผู้มีอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวมาเป็นผู้นำเสนอ หรือใช้บุคคลในชุมชนที่เชี่ยวชาญมานำเสนอสินค้าท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนเอง
ส่วนการกระตุ้นให้ “เกิดการใช้จ่ายเงินจริง” กับการท่องเที่ยวเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นนั้น คงจะต้องใช้สกุลเงินที่อยู่ในโลกดิจิทัล คริปโต เคอเรนซี่ หากนักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่กับโลกเสมือนจริงแล้วเก็บ “สะสมเหรียญ” แล้วนำเหรียญเหล่านั้นมาแปรสภาพเป็น “แพกเกจท่องเที่ยวในพื้นที่จริงเมืองไทย” เริ่มตั้งแต่ประสบการณ์เสมือนจริงสู่พื้นที่จริง เป็นกลยุทธ์ของ ททท.ที่จะต้องทำอย่างแน่นอน
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า ภารกิจของ ททท.ที่จะก้าวสู่อนาคตบวกต่อกับการโลกยุคดิจิทัล
และโลกเสมือนจริง เปรียบเทียบได้กับเมื่อ 10 ปีก่อน
คนอาจจะไม่กล้าตัดสินใจโอนเงิน ทำธุรกรรมผ่านมือถือ
แต่วันนี้คนเชื่อถือแล้วใช้งานกันแล้ว เช่นเดียวกันกับ “การใช้สกุลเงิน Kypto Currency”
ซึ่งเป็น “กลุ่มตลาดเป้าหมายของ ททท.” ที่จะเตรียมวางแผนบุกเจาะกำลังซื้อกลุ่มนี้ที่เป็น
“เจ้าของสกุลเงิน” เหล่านี้ วันหนึ่งหากคนอยาก “ท่องเที่ยวแบบหรูหราในประเทศไทย”
โดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล เพียงแค่ใช้ “คริปโตเพียง 1-2
เหรียญ” แต่ละเหรียญมีมูลค่าสูง ตอบโจทย์เป้าหมายอนาคต
สำหรับ “อาวุธหลักสื่อสารตลาดการท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นหมัดฮุกหรือหมัดเด็ด ของ ททท.เรื่องแรก นำข้อมูลจริงมาสื่อถึงสาธารณะอย่างเชื่อถือได้ เพื่อแก้ไขจุดอ่อนเกี่ยวกับประเด็นหรือหัวข้อข่าวบิดเบือนความจริงหรือข่าวลวงต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น รัฐมนตรีให้ข่าวอาจจะมีการทบทวนเรื่องการเปิดประเทศ แต่ข่าวที่ออกไปจาก “ทบทวนการเปิดประเทศ” กลายเป็น “ปิดประเทศ” สื่อถึงโลกภายนอกอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาเกิดแรงกระทบมากมายซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นำไปสู่การแจ้งยกเลิกซื้อแพกเกจท่องเที่ยว ฉนั้น“กระบวนการข่าวที่บิดเบือน” ททท.จะนำมาตรการบางอย่างมาสื่อให้ตรงกับความเป็นจริง
ขณะนี้ ททท.ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการใช้ “ข้อมูลเพื่อสื่อให้ตรงความจริง” ไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผ่านทางเว็บไซต์อย่างทันท่วงที เป็นการเสนอตรง แล้วจากนั้นจึงจะนำเอกสารทางการจากภาครัฐมาแสดงไว้ ททท.ตั้งใจให้เป็นข้อมูลที่เป็นคอนเทนต์ที่มาจากศูนย์ของ ททท.โดยตรง
ส่วน“ความรวดเร็ว” ที่จะทำให้สื่อข้อมูลจริงออกไปทันต่อสถานการณ์ก่อนที่จะมีข่าวบิดเบือนออกสู่สาธารณะ ต้องจัดทำกระบวนการอันรวดเร็ว ฉับไว ด้วยการหาข้อเท็จจริงก่อน แล้วก็ปล่อยข่าวจริงผ่านช่องทางเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มเป็นทางการของ ททท.ซึ่งสามารถทำได้อย่างแน่นอน
นายศิริปกรณ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ททท.พยายามทำข้อมูลอย่างเที่ยงตรง แม่นยำ ฉับไว โดยแต่ละภาคส่วนทั้งเอกชน หรือผู้เกี่ยวข้อง ต่างก็มีข้อมูล จึงอยากเชิญชวนทุกฝ่ายมาแลกเปลี่ยนข้อมูลทำให้คอนเทนท์ข้อมูลออกสู่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพถูกต้องตามความเป็นจริงทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประเทศไทย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์”ฉลองตรุษจีนแจกโปรอั่งเปา5ความสุข-ทอง21ม.ค.-6ก.พ.65
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมความสุขต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ปี 2565 ด้วยแคมเปญ “ช้อปมั่งคั่ง โชคมั่งมี สุขสันต์ปีขาล” เชิญชวนสมาชิก คิง เพาเวอร์ ลุยช้อปเพื่อรับสิทธิพิเศษโปรโมชั่น พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา และภูเก็ต ช้อปได้ทุกวันต่อเนื่องถึง 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม – 6 กุมภาพันธ์ 2565
ส่วน “คิง เพาเวอร์ ศรีวารี” ช้อปได้ทุกวันหยุด เริ่มวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 22 – 23 มกราคม, 29 – 30 มกราคม และ 5 – 6 กุมภาพันธ์ 2565
“คิง เพาเวอร์” ทุกสาขา พร้อมแล้วที่จะให้สมาชิกทุกคน มา
ช้อปปลอดภัย มั่นใจ หายห่วง ตลอดตรุษจีนปีนี้กับ 5
ความสุข ดังต่อไปนี้
ความสุขแรก “ช้อปมั่งคั่ง รับอั่งเปาส่วนลด” ลงทะเบียนรับอั่งเปาส่วนลด 800 บาท x 3 ใบ อั่งเปา 1
ใบ ใช้ช้อปมูลค่า 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
พิเศษ! ให้สิทธิ์รวมอั่งเปาส่วนลด 3 ใบ มูลค่า 2,400 บาท เพื่อนำไปใช้ช้อป 8,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ จำกัด 1 สิทธิ์/คน/วัน โดยนับสิทธิ์รวมทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อป แต่งดรายการส่งเสริมการขายคูปองส่วนลด 1,000บาท
ความสุขที่ 2 “โชคมั่งมี
ลุ้นทริปมงคลเสริมโชคลาภ” รับคูปองลุ้นรางวัล ทริปมงคลเสริมโชคลาภ กับ อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา
ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ไทยและฮวงจุ้ย จำนวน 10
รางวัล เมื่อช้อปครบทุก
8,000 บาทสุทธิ รับสิทธิ์ลุ้นรับคนละ 1 รางวัล
ความสุขที่ 3 “สุขกับโปรโมชั่นดี CASH
CARD สุดคุ้ม” กับซื้อ CASH CARD รับ
รับฟรี GIFT CARD ดังต่อไปนี้ 1.ซื้อแคชการ์ด
10,000 บาท รับฟรีกิฟท์การ์ด 3,000 บาท 2.ซื้อแคชการ์ด 25,000 บาท รับฟรีกิฟท์การ์ด 10,000 บาท
ความสุขที่ 4 “สมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์” ตรุษจีนนี้ ยิ่งสมัคร ยิ่งมั่งคั่ง ฉลองรับสมาชิกใหม่ “สุขเปี่ยมล้นรับอั่งเปาเพิ่มพิเศษ” เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET รับอั่งเปาส่วนลดพิเศษ มูลค่า 800 บาท x 2 ใบ ทุกการช้อป 3,000 บาท/ใบเสร็จ อั่งเปา 1 ใบ สามารถใช้ร่วมกับอั่งเปาส่วนลด 3
ใบ ที่จะได้จากการลงทะเบียน รวมมูลค่าส่วนลด 4,000 บาท เพื่อใช้ช้อป 14,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
ความสุขที่ 5 “เสริมทรัพย์
รับโชคทอง” สมัครสมาชิก ONYX รับทองคำ 1 สลึง
ผู้ได้สิทธิ์ 40 คนแรก เพียงสมัครสมาชิกพร้อมเติมเงิน 60,000
บาท แล้วช้อปให้ครบ 60,000 บาท
ภายในวันที่สมัครก็จะได้รับของรางวัลทันที
พบกับความพิเศษ ช่วงสัปดาห์ที่ 1 – 6 กุมภาพันธ์ 2565 กับขบวนสิงโตนำโชคแจกอั่งเปา มาพร้อมนางฟ้า เทพธิดา และเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย แจกโชคดีรับปีขาลด้วยอั่งเปาที่มีของรางวัลมากมาย ได้ดังนี้ 1.คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จัดขบวนสิงโตนำโชคแจกอั่งเปาได้ วันที่ 1 – 6 กุมภาพันธ์ 2.คิง เพาเวอร์ ศรีวารี จัดขบวนสิงโตนำโชคแจกอั่งเปาได้ วันที่ 5 – 6 กุมภาพันธ์ นี้
ข่าวที่ 2 ลงทะเบียนก่อนช้อปคิงเพาเวอร์รับคูปองลด-รับฟรีกิฟท์การ์ดถึง28ก.พ.นี้
คิง เพาเวอร์ ส่งความสุขรับปีใหม่ให้มากกว่าเดิม พบกับสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ดังระดับโลกที่เราคัดสรรมาให้คุณช้อปเพลิน คุ้มค่ามากกว่าเดิมทุกวัน ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2565
1.ส่งความสุขรับปีใหม่ด้วยส่วนลดพิเศษเพียงลงทะเบียนก่อนช้อป รับฟรี คูปองส่วนลด 1,000 บาท ช้อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ คนละ 1 สิทธิ์/วัน และเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
2.ส่งความสุขทุกการช้อปปิ้งด้วย CASH CARD เมื่อซื้อ CASH CARD 10,000 บาท รับฟรี GIFT CARD 3,000 บาท และ 2.ซื้อ CASH CARD 25,000 บาท รับฟรี GIFT CARD 10,000 บาท
ข่าวที่ 3 สมาชิกคิงเพาเวอร์จอง บุฟเฟต์ทะเลที่ควิซ๊นอันปลั๊กรร.พูลแมนลด30%
สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับส่วนลด 30% บุฟเฟต์ซีฟู้ดบาร์บีคิว มื้อค่ำสุดอลังการ ที่ห้องอาหาร “ควิซีน อัน ปลั๊ก” ทุกวันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 18.00 – 22.30 น. จ่ายเพียงคนละ 1,155 บาทสุทธิ รวมน้ำดื่มฟรี 1 ขวด พร้อมปูอลาสก้า หอยนางรม ปูสีน้ำตาลและกุ้งแม่น้ำ
มาลองบุฟเฟต์อาหารทะเลในกรุงเทพที่ดีที่สุด ยกมาทั้งทะเลด้วยหลากหลายเมนูอาหารซีฟู้ดให้ได้เลือกรับประทานทั้งสดใหม่ทุกวัน กับอาหารไฮไลท์ อาทิ ปูอลาสก้า ปูสีน้ำตาล ปูหิมะ ปูสีฟ้า กุ้งแดง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหวาน หอยนางรมฟินเดอแคลร์ เบอร์ 4 หอยนางรมนอร์มังดี หอยนางรมเกาหลี และกั้งทะเล
พร้อมสเตชั่นบาร์บีคิวสุดพรีเมี่ยมทั้ง เนื้อโทมาฮอว์กออสเตรเลีย ขาแกะ หอยเชลล์ เนื้อวากิวออสเตรเลีย ไก่ออร์แกนิคไทย หมูหัน ปลาหมึก ปลากะพงและกุ้งแม่น้ำ
พบกับอาหารเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลกอีกมากกว่า
50 เมนู อาทิ 1.โซนอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิหน้าปลาแซลมอน
ไข่หวาน และซาซิมิที่มีทั้งปลาแซลมอน ปลาโทโร่ ปลาหมึก พร้อมข้าวปั้น
ข้าวห่อสาหร่าย และอีกมากมาย 2.โซนอาหารอิตาเลี่ยนอบร้อน ๆ อย่าง
พิซซ่า พาสต้าทำสดใหม่ 3.อาหารไทย
อาหารอีสาน อาหารจีน และอาหารนานาชาติ ปิดท้ายด้วยขนมหวาน เค้กนานาชนิด ไอศกรีม
ผลไม้ตามฤดูกาล
ข่าวที่ 4 รมว.พิพัฒน์หนุนททท.ลุย”เราเที่ยวด้วยกัน-Test&Go”ฟื้นเศรษฐกิจต้นปี65
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า วันนี้ได้หารือกับทางคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ เพื่อขอเปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติ วันอังคารที่ 25 มกราคม 2565 จากนั้นมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจองสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้
นายพิพัฒน์ยืนยันว่า ทันทีที่โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 “ เปิดใหม่เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ ซึ่งใช้วงเงินกู้ 13,200 ล้านบาท จะเริ่มเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเริ่มตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 คาดทันทีที่เปิดให้จองสิทธิ์ จะมีผู้สนใจจองสิทธิ์หมดภายในเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น คือ ระหว่างกุมภาพันธ์-เมษายน 2565
อีกทั้งล่าสุดรัฐบาลได้ประกาศนโยบายกลับมาอนุญาตใช้ Test & Go อีกครั้งเริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยโดยไม่กักตัว ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ต่ำกว่า 2.5 แสนคน โดยตอนนี้มียอดจองตกค้างใน Thailand Pass 10,000 คน ปีหน้าจะมี 4 แสนคน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสรพ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พร้อมปฏิบัติตามาตรการ Test & Go เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าไทยอีกครั้ง 1 ก.พ. 2565 ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ศบค.เดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เปิดลงทะเบียนผ่านทาง Thailand Pass เพื่อเดินทางเข้าไทยโครงการ TEST & GO อีกครั้งพร้อมเงื่อนไขที่เข้มงวดมากกว่าเดิม
ตามที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
หรือ ศบค.
แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่มีมติเห็นชอบให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยแบบ
Test & Go ลงทะเบียนตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์
2565 เป็นต้นไปหลังระงับตั้งแต่หลังจากเมื่อวันที่ 22
ธันวาคม 2564
แต่จะต้องตรวจโควิด-19
ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง และต้องมีหลักฐานการจองโรงแรมที่พัก ในวันที่ 1 และ 5 ที่เข้ามาในประเทศ เพื่อการติดตามตัวมาตรวจหาเชื้อโควิด-19
มาตรการและเงื่อนไขที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มใหม่
มาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ในรูปแบบ Test and Go และเงื่อนไขการเดินทาง
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 รายละเอียดมีดังนี้
1.อนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ
(ก่อนหน้านี้อนุญาตเฉพาะประเทศความเสี่ยงต่ำ 63 ประเทศ)
2.ปรับการตรวจหาเชื้อโดยใช้วิธี RT-PCR 2 ครั้ง
มีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรก และในวันที่ 5 โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ
(SHA++. AQ, OQ หรือ AHO)
มีหลักฐานชำระเงินการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง ในวันแรก และในวันที่ 5 ของการเดินทาง
(โดยกรณีได้รับอนุมัติ Thailand Pass ก่อน 22 ธันวาคม 64 และเดินทางตั้งแต่ 24 ธันวาคม 2564 รัฐบาล รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ตามมาตรการเดิม)
3. จัตระบบการตรวจสอบ และกำกับการเข้าที่พัก
และตรวจหาเชื้อให้ครบ 2 ครั้ง
โดยต้องอยู่รอในที่พัก/สถานที่ที่กำหนด จนได้รับผลการตรวจ
4. กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม
ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ Hospital/ Hospitel/ Hotel
Isolation และกรณี HRC เอง
5. กรณีเกิดการระบาดมากขึ้น หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง พิจารณาการรับผู้เดินทางแล้วปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox)
สำหรับมาตรการเและเงื่อนไขที่คงเดิม
1.ประกันภัย -ชาวจ่างชาติทุกคนจำเป็นต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือและรวมการรักษา COVID-19 ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในไทยในวงเงินไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตามที่ทางราชการกำหนด สำหรับผู้เดินทางที่มีสัญชาติไทยมีสิทธิในการรักษาพยาบาลตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่จำเป็นต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
2. ผลตรวจโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง -ใบรับรองปลอดโควิด-19 (COVID-19-Free Health Certificate) ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครองที่มีผล
3. รายละเอียดการได้รับวัคซีน ประวัติการติดเชื้อและการตรวจหาเชื้อ -การขออนุญาตให้เปิดพื้นที่แซนด์บ็อกซ์เพิ่มเติม เริ่มลงทะเบียน 1 ก.พ. 65 ได้แก่ จังหวัดชลบุรี 4 อำเภอ คือ บางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา อ.เกาะสีชัง และ เกาะช้าง จ.ตราด
โดยยังคงเปิดพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงได้ในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย พะงัน เต่า) ในช่วง 7 วันที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว จะต้องวางแผนล่วงหน้า อีกทั้งแซนด์บ็อกซ์เป็นระบบรองรับหาก Test & Go ถูกปิด เป็นแผนที่ประชุมยอมรับ และ เน้นย้ำระบบตรวจสอบย้อนกลับในนักท่องเที่ยวทุกคนที่เข้ามาพักผ่อนอยู่ในเมืองไทย
ข่าวที่ 5 บางจากฯ เปิดพื้นที่ปั๊มบางจากนำศิลปินแสดง‘ดนตรีปันสุขถึง13ก.พ.65
นางกลอยตา
ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร นายเสรี อนุพันธนันท์
รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด กล่าวว่า ร่วมกับ คุณสุดา ชื่นบาน
อุปนายกฝ่ายบริหารสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดกิจกรรม
“บางจากปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19 ดนตรีปันสุข” ตั้งแต่วันนี้- 13
กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อช่วยเหลือศิลปินนักดนตรีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19
และไม่สามารถเปิดการแสดงตามสถานบันเทิงได้
กิจกรรมดังกล่าวได้เปิดพื้นที่ปั๊มบางจาก
พร้อมกับสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เหล่าศิลปินหมุนเวียนมาแสดงดนตรีสร้างความเพลิดเพลินให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการต่าง
ๆ ตามปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาหลัก ๆ ได้แก่ ศรีนครินทร์ สาขาพัฒนาการ 34
และสาขากาญจนาภิเษก กม. 41 และจะขยายสู่พื้นที่ปั๊มบางจากในต่างจังหวัดต่อไป
ผู้สนใจสามารถแวะเวียนมาเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มในบริเวณ
Food Truck ภายในปั๊มบางจากสาขาดังกล่าว
พร้อมให้กำลังใจและรับฟังเสียงเพลงจากเหล่าคนดนตรีได้ใน “ช่วงเย็นวันเสาร์และอาทิตย์”
ระหว่าง 17.00 – 19.00 น. ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 มกราคม 3 วันอาทิตย์ที่
13 กุมภาพันธ์ 2565
สำหรับกิจกรรม “ดนตรีปันสุข” ที่ปั๊มบางจากสุขุมวิท 62 สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับศิลปินจากชุมชนรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจากมาเปิดการแสดง ทุกเย็นวันศุกร์ ตั้งแต่ 21 มกราคม 11 กุมภาพันธ์ 2565 ระหว่าง 17.00 – 19.00 น.
ช่วงที่ 2 ยิ่งเที่ยวยิ่งได้ประสบการณ์ความสุข ทริปนี้แนะนำลงใต้ไปดูอะเมซิ่งใหม่
ใน “อำเภอพะโต๊ะ” ชุมพร พาไปจับทะเลหมอกตรงน้ำตกเหวโหลม
และหยอกธรรมชาติสวยเกินบรรยายที่ “เขาครา” ทำกิจกรรมล่องแพ พายคายัค พักโฮมสเตย์
นอนดูดาว แล้วในช่วง Work from Home ต้องรู้ “3วิธีใช้จำกัดความเฉื่อยและเนือยนิ่ง” เมื่อต้องอยู่บ้านยาว
ส่วนข่าวฮ็อต ต้องยกให้การผ่าเมกะโปรเจ็กต์ของ “คมนาคมเท 1.4 ล้านล้านบาท” สร้างโครงข่าย ราง-บก-น้ำ-อากาศ กระตุ้นเศรษฐกิจสะพัด 2.2 ล้านล้านบาท และข่าว “บางกอกแอร์เวย์ส” ชิงเปิดซีลรูท กรุงเทพฯ-ภูเก็ต
เริ่ม 1 ก.พ.65
พาเที่ยว -เที่ยวใต้“พะโต๊ะ”ชุมพรอะเมซิ่งทะเลหมอกน้ำตกเหวโหลมหยอกเขาครา
ยิ่งเที่ยว
ยิ่งได้ประสบการณ์ดี ๆ ทริปที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” สำนักงานชุมพร
นำเสนอครั้งนี้ลองปักหมุดเที่ยวธรรมชาติ ชมทะเลหมอก ล่องแพ พักโฮมสเตย์ ใน
“อำเภอพะโต๊ะ” จังหวัดชุมพร สักครั้ง
แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวสุดอะเมซิ่งมากจริง ๆ
เช็คอินจุดที่ 1 “น้ำตกเหวโหลม” ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านบกไฟ ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ ขนาด 2 ชั้น เมื่อได้มาสัมผัสไอเย็นท่ามกลางไอดิน
กลิ่นพันธุ์พืชเขียวขจี ถึงจะได้รับรู้ว่า “เหลวโหลม”
คือน้ำตกไนแองการ่าอีกแห่งของเมืองไทย มหัศจรรย์อันแสนงดงามของธรรมชาติ
สวยสุดจะบรรยาย
ยิ่งได้เดินทางเข้าไท่องเที่ยวในฤดูฝนก็จะเห็นมวลน้ำไหลทั้งปีจากหน้าผาที่สูงถึง
80 เมตร เกิดละอองน้ำฟุ้งไปทั่วบริเวณชั้น 2 จะสวยงามมากละอองน้ำจะแผ่กว้างไปทั่วหน้าผา
นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อผ่านผู้นำท้องถิ่น
ได้ที่ผู้ใหญ่บ้าน รุ่งโรจน์ ใหม่ซ้อน 081 968 3893
เช็คอินจุดที่ 2 “เขาครา” อยู่ตรงหมู่ 4 ตำบลปากทรง เป็นทั้งจุดชมทะเลหมอกยามเช้า พักแรมกางเต้นท์นอน
ดูดาวยามค่ำคืน ลมเย็นสบาย
เมื่อเดินทางเท้าขึ้นเขาขึ้นมากจากพื้นล่างราว
2 กม.
นักท่องท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้จากถนนสายพะโต๊ะ-ราชกรูด สวยแบบจับต้องได้จริง
“เขาครา” เป็นชื่อเรียกแร่คราสมัยอดีตเขาลูกนี้เคยมีคนเข้ามาทำสัมปทานเหมืองแร่ดีบุกมาก่อน ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า "เขาครา" ตอนนี้แร่เริ่มร่อยหรอหมดไป จึงเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสวย ๆ อีกแห่งของภาคใต้ชุมพร
ทั้งน้ำตกเหวโหลม และเขาครา ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย อันโดดเด่นของอำเภอพะโต๊ะ มีกิจกรรมผสมผสานหลากหลายอย่างโดนใจนักท่องเที่ยว ทั้งกางเต็นท์พักแรม ล่องแพ พายคะยัค เดินป่าแบบง่าย ๆ อีกทั้งบริเวณรอบพื้นที่ยังมีโฮมสเตย์ วิถีชีวิตชาวบ้าน ที่น่าเรียนรู้การกินอยู่ อย่างเรียบง่าย และเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ต้องมาเติมประสบการณ์ดี ๆ สักครั้ง
เมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม ลองมาเที่ยว “อำเภอพะโต๊ะ”
ตลุยปีนเขาชมน้ำตกและทะเลหมอก อยอกธรรมชาติ พายคายัค ชิมอาหารถิ่นกันได้ ทุกวัน
ที่ชุมพร
สุขภาพ -3 วิธีกำจัดพฤติกรรมเฉื่อยเนือยนิ่งเมื่อต้องอยู่บ้าน Work from Home
หลายคนกักตัวอยู่บ้านหรือทำงานอยู่บ้าน หรือ Work From Home อาจมีอาการเฉื่อยเนือยนิ่งซ่อนอยู่ ซึ่งอาการหรือพฤติกรรมเนือยนิ่ง คือ การนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับที่เป็นเวลานานติดต่อกันเกินครั้งละกว่า 1 ชั่วโมง จะส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น การไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การเป็นโรคหัวใจเเละหลอดเลือด เบาหวาน เเละอ้วนลงพุงในระยะยาวได้
เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยงในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ ควรลดการเนือยนิ่งด้วย 3 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 - ทุก 50 นาที ควรขยับร่างกาย เช่น การเดินไปเดินมาภายในบ้าน ออกกำลังกาย หรือบริหารร่างกายให้ยืดหยุ่นพอประมาณ การขยับร่างกายนอกจากจะช่วยให้เกิดความตื่นตัวเเล้ว ยังช่วยให้สมองกลับมาคิดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
แนวทางที่ 2 - ใช้เวลา 7 -10 นาทีเคลื่อนไหวแบบออกแรง การเคลื่อนไหวเเบบออกแแรงในที่นี้ เป็นการทำกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงระดับหนัก นั่นคือ ออกแรงให้เหนื่อยเเต่ยังพูดได้ กับออกแรงให้เหนื่อยจนพูดไม่ได้นั่นเอง กิจกรมมทางกายที่แนะนำ เช่น เดินย่ำอยู่กับที่เเละค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น เดินเร็วรอบบริเวณบ้าน หากมีอุปกรณ์เสริมอย่างเชือกกระโดด และยางยืดออกกำลังกาย ก็ช่วยให้ออกเเรงที่บ้านได้ง่ายเช่นเดียวกัน เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของกล้ามเนื้อ
แนวทางที่ 3 -ทุก 50 นาที พักการใช้หน้าจอ - การใช้หน้าจออย่างโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เเท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ จัดเป็นพฤติกรรมเนือยนิ่งด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ใหญ่อาจไม่มีข้อห้ามเรื่องจำนวนเวลาการใช้ในเเต่ละวัน เเต่ก็ควรพักและตัดพฤติกรรมการใช้หน้าจอทุก ๆ 50 นาที เพื่อตัดพฤติกรรมเนือยนิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ"เปิดแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์คมนาคม1.4ล้านล้านปี65
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา “Thailand Future Smart & Sustainable Mobility ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน” จัดโดย “ไทยรัฐกรุ๊ปและกระทรวงคมนาคม” ในหัวข้อ “โอกาสของประเทศไทยกับการได้ใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ณ โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยได้ฉายภาพให้เห็นถึงโครงข่ายอนาคตการลงทุนพัฒนาเส้นทางคมนาคมทั้งประเทศครบทั้งระบบถนน ราง ทางน้ำ ทางอากาศ โลจิสติกส์เชื่อมต่อเป็นวงแหวนรอบประเทศ และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมตะเข็บรอยต่อไทย-สปป.ลาว และจีน
ปี 2565 กระทรวงคมนาคมวางแผนใช้เงินลงทุนโครงข่ายคมนาคมทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการที่ลงนามสัญญาแล้ววงเงิน 516,000 ล้านบาท และ 2.โครงการลงทุนใหม่ 974,000 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงานได้มากถึง 154,000 ตำแหน่ง 4.สร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของการใช้จ่ายด้านวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ 1.24 ล้านล้านบาท 5.เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 2.35% ของจีดีพี หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท เดินหน้าตามกรอบแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามที่นายกรัฐมนตรีวางแผนไว้ตั้งแต่ปี 2558
ไฮไลต์ใหม่
ๆ เรื่อง “ระบบราง” และ “ระบบการขนส่งทางอากาศ” ตามรายละเอียดดังนี้
1.ระบบราง -เดินหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพ 14 เส้นทาง ระยะทางรวม 554 กม. และไฮไลต์เมกะโปรเจ็กต์ "รถไฟความเร็วสูง" ตามที่ประเทศไทยกำลังสร้าง 1.ไทย-จีน กำลังเชื่อมจาก สปป.ลาว กับ 2.รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา เสริมความแข็งแกร่งเข้าไปยังระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
โครงการที่ 1 -รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน สำคัญมาก เน้นเรื่องทางการค้า ปี 2565 กระทรวงคมนาคม ได้เร่งรัดรถไฟความเร็วสูง กำลังก่อสร้าง 2 เส้นทาง คือ 1.รถไฟความเร็วสูงไทย-จีนระยะทาง 2,506 กม. วงเงินลงทุนกว่า 1.62 ล้านล้านบาท ช่วงที่ 1 ไทย-จีน มายังโคราช 2,253 กม 1.7 แสนล้านบาท ช่วง 2 หนองคาย-โคราช กำลังทำ EIA ปี 2565 สามารถเสนอ ครม.เพื่อก่อสร้างแล้วเปิดใช้ได้ปี 2571
โครงการที่ 2 -รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. เน้นสนับสนุนการท่องเที่ยว ในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC ซึ่งขณะนี้มีการลงทุนมหาศาล ปัจจุบันส่งมอบพื้นที่ไปแล้ว จะเปิดปี 2571 แล้วยังมีการศึกษาสนามบินอู่ตะเภาควบคู่กันไปด้วย
ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม -ขณะนี้กระทรวงคมนาคม กำลังศึกษารถไฟความเร็วสูง ไปภาคเหนือ ลำปาง ภาคใต้ หัวหินไปสุราษฎร์ธานี
2.ระบบขนส่งทางอากาศ ไทยจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของทั่วโลก โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA-International Aviation Transport Association) คาดปี 2574 จะมีต่างชาติมาไทยปีละ 200 ล้านคน จากฐานข้อมูลปกติต่างชาติเคยเดินทางเข้ามาแล้วปีละ 40 ล้านคน จึงต้องพัฒนาสนามบินต่าง ๆ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่ และเมืองการบินอู่ตะเภา จะต้องรองรับอีก 10 ปีหน้า ประกอบด้วย
1.สนามบินสุวรรณภูมิ นำมาสเตอร์แพลนมาดูเรื่องการก่อสร้างทางวิ่งเครื่องบินหรือรันเวย์ จาก 2 เป็น 4 เส้น ควบคู่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร เพราะก่อนเกิดโควิดมีผู้โดยสารมาใช้สนามบินปีละ 120 ล้านคน เช่นเดียวกับดอนเมือง ก็หนาแน่นพอ ๆ กัน ตอนนี้ ทอท. ได้สร้างอาคารแซทเทิลไลท์สุวรรณภูมิเสร็จแล้ว รับเพิ่มได้อีกปีละ15 ล้านคน +อาคารผู้โดยสารหลักที่รองรับได้ 45 ล้านคน ขณะนีเร่งก่อสร้างรันเวย์ 3 รองรับเพิ่มได้อีก 90 เที่ยว/ชม.
ปี 2568 คาดจะมีผู้โดยสารมาใช้สนามบินไม่ต่ำกว่าปีละ 68 ล้านคน จึงต้องพิจารณาขยายการก่อสร้างสุวรรณภูมิเทอร์มินัลใหม่ทางด้านทิศตะวันออก และทิศเหนือ ต่อไป
2.สนามบินดอนเมือง อยู่ในสภาพ Over Capicity มีความจำเป็นจะต้องขยายระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่อาคารให้รองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 45 ล้านคน
3.สนามบินอู่ตะเภา กำลังทยอยก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เตรียมรองรับได้มากถึงปีละ 16 ล้านคน ทำให้ EEC มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
4.สนามบินภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะสนามบินในเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่
4.1 สนามบินภูเก็ต จะต้องขยายอาคารผู้โดยสารจาก 12 เป็น 18 ล้านคน/ปี ที่จเปิดได้ในปี 2570
ข่าวที่สอง บางกอกแอร์ชิงเปิดเที่ยวบินพิเศษซีลรูทกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เริ่ม1ก.พ.65
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่าพร้อมเปิดให้บริการเที่ยวบินพิเศษ ไป-กลับ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต เพื่อสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ วันละ 2 เที่ยว เฉพาะผู้โดยสารซีลรูท (Sealed Route) เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป
เที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต
ให้บริการโดยเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-600 โดยเที่ยวบิน PG5275 ออกจากสุวรรณภูมิ 12.00 น. ถึงภูเก็ต 14.05 น. และเที่ยวบิน PG5279 ออกจากสุวรรณภูมิ 17.10 น. ถึงภูเก็ต 19.15 น.
ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินเพิ่มที่
https://www.bangkokair.com/flight/flightSchedule
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น