ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร”ถอดโมเดลความสำเร็จธุรกิจโรงแรมเอเชียกรุ๊ป 3คัมภีร์“การเงิน-จ้างงาน-ค่าน้ำไฟ”ฝ่าวิกฤตโควิดบริหารอย่างมืออาชีพ ชี้เป้ารัฐเร่งปลดทุกปัญหารับต่างชาติ

“สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร”ถอดโมเดลความสำเร็จธุรกิจโรงแรมเอเชียกรุ๊ป

3คัมภีร์“การเงิน-จ้างงาน-ค่าน้ำไฟ”ฝ่าวิกฤตโควิดบริหารอย่างมืออาชีพ

ยันเราเที่ยวด้วยกันเฟส4ฟื้นศก.+ชี้เป้ารัฐเร่งปลดทุกปัญหารับต่างชาติ

ช้อปสนุกคิงเพาเวอร์Click&Collectลด25%รับสินค้าสะดวกที่สนามบิน

คิงเพาเวอร์มอบความรักวาเลนไทน์ช้อป“นาฬิกาคู่รัก”หรู3แบรนด์ดัง

ททท.ผนึกพันธมิตรดันYAKLANDเกม+แอพรุกสื่อท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่

กลุ่มบางจากผนึกน้ำตาลขอนแก่น’หนุนBBGIลุยผลิตภัณฑ์ชีวภาพสูง

เที่ยวใต้สุดชีลบอลลูนเขาหลัก-สุดคูลข้ามกาลเวลาบนเกาะเภตราสตูล

5 ข้อรู้ไว้ช่วยให้ห่างไกลจากปัญหาทำร้ายสุขภาพยุคนี้ของฝุ่น PM.2.5

“คมนาคม”เจ้าภาพเอเปคเลือกศูนย์สิริกิติ์ถกโลจิสติกส์21เขตเศรษฐกิจ

โชว์โลมาภูเก็ตจัดโปรซื้อ1แถม1เอาใจคู่รักวาเลนไทน์ภายใน17ก.พ.นี้

 


 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #โรงแรมเอเชียกรุ๊ป #YAKLAND #บางจาก #BalloonUpOnTheBeach

 ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://fb.watch/b8fyBsEBqC/

 


ช่วงที่ 1 เปิดประสบการณ์พิเศษมุมใหม่กับ “สุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร” กรรมการผู้จัดการ โรงแรมเอเชีย กรุ๊ป และที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย เปิดโมเดลธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2565 มีสัญญาณดี “ตลาดต่างชาติ” รัฐบาลช่วยผ่อนคลาย Test&Go แถมเชื้อโควิดเริ่มแผ่วลงแล้ว อีกทั้งนโยบายปลุก “ตลาดในประเทศ” รัฐอัดฉีดเงินกระตุ้นผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” ช่วยได้ ที่พักในเครือเอเชียกรุ๊ป 6 แห่งรับอานิสงส์เต็ม ๆ และกระแสตลาด “ไมซ์-อีเวนต์งานแต่ง-งานเลี้ยง” คืนชีพองค์กรรัฐ เอกชน เฮจัดต่อเนื่องผู้ประกอบการโรงแรมตรึงราคารับมือการแข่งขันสูง ชี้เป้าธุรกิจโรงแรมทั่วไทยจะรอดได้ต้องบริหาร 3 เรื่องให้อยู่หมัด “ค่าจ้างพนักงาน-ค่าสาธารณูปโภค-ต้นทุนการเงิน” แนะเพื่อนร่วมอาชีพเตรียมรับสถานการณ์ปั้นพนักงานใหม่เข้าสู่ภาคบริการหลังตลาดกลับสู่ปกติ

 

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้จัดการ โรงแรมเอเชีย กรุ๊ป และที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า โดยภาพรวมของไทยผู้ประกอบการโรงแรมพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงขณะนี้รายได้จากต่างชาติก็ยังคงหายไป 60-70 % ตลาดในประเทศก็เช่นกัน ต่อเมื่อรัฐบาลประกาศทำ “โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” ให้ใช้ห้องพักและตั๋วเครื่องบินในประเทศ จากภาครัฐกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศ คนทำงานน้อยลงหรือทำงานอยู่บ้าน จึงสามารถช่วยได้พอสมควร

 


ทางเอเชีย กรุ๊ป มีโรงแรมอยู่ทั่วประเทศ 6 แห่ง คือ 1.เอเชีย ราชเทวี กรุงเทพฯ 2.เอเชียพัทยา จ.ชลบุรี 3.เอเชียแอร์พอร์ท เซียร์รังสิต จ.ปทุมธานี 4.เอเชียชะอำ จ.เพชรบุรี ส่วนเชียงใหม่มี 2 โรงแรม 5.โรงแรมดาร์เลย์ และ 6.ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค ตอนนี้ทุกโรงแรมเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” ทั้งหมด ประเมินกระแสตอบรับการจองห้องพักค่อนข้างดี บางวันใช้เต็มโควต้า 10 ห้อง/คน/วัน

 

ในฐานะผู้ประกอบการโรงแรมมีข้อแนะนำที่จะเป็นประโยชน์เสริมเพิ่มความแข็งแกร่ง “ตลาดในประเทศ” นั้นรัฐบาลอาจจะทำอะไรไม่ค่อยได้มาก เพราะแต่ละโครงการเมื่อทำก็ต้องใช้เงินค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเปิดรับ “ตลาดต่างประเทศ” เดินทางเข้ามา ด้วยการปลดล็อกเรื่องหลัก คือ

 

1.ลดปัญหาอุปสรรคการเข้าประเทศให้เหลือน้อยลงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Test & Go  รวมทั้งมาตรการ Sandbox หรือการกักตัวนักท่องเที่ยวตามเงื่อนไขต่าง ๆ ตอนนี้ก็ผ่อนคลายไปพอสมควรแล้ว

 

2.รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิดซึ่งตอนนี้มีวันละประมาณหลักหมื่นคน ควรจะต้องควบคุมให้ตัวเลขลดลง แล้วผ่อนคลายการเข้าเมือง เพื่อช่วยดึงต่างชาติเข้ามาซึ่งจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจโรงแรมไทยมากกว่า

 

จากการติดตามดูตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังรัฐบาลประกาศกลับมาเปิด Test & Go ให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยโดยไม่กักตัวแต่ปรับเงื่อนไขเพิ่มบ้าง ทางสมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotels Association :THA) เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ทั้งระบบมีต่างชาติทั่วโลกลงทะเบียนไปเกินกว่า 200,000-300,000 คน แต่พอมกราคม 2565 ก็สะดุดนิดนึง เดือนกุมภาพันธ์ 2565 น่าจะกลับมาใกล้เคียงกับเดือนธันวาคม 2564 คือราว 200,000-300,000 คน


หากรัฐบาลเปิด Test & Go รับต่างชาติเข้ามาเต็มรูปแบบเอกชนก็ยังคงอยากเห็นการทำตลาดเชิงรุกนำต่างชาติในยุโรป อเมริกา เดินทางเข้ามา รวมทั้งเอเชีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วย แต่ภายในจีนรัฐบาลยังคงมีเงื่อนไขห้ามคนเดินทางต่างประเทศ หากแต่ละประเทศปลดล็อกก็น่าจะเห็น “ตัวเลขนักท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ” คงเป็นโอกาสค่อนข้างสำคัญ ตอนนี้ผู้ประกอบการพยายามติดตามข่าวเรื่องนโยบาย Covid Zero ความหวังคือไทยเองก็ต้องพยายามให้โควิดเป็นศูนย์เหมือนกัน เพราะจีนก็คงไม่อยากให้นักท่องเที่ยวมาแล้วนำเชื้อกลับเข้าประเทศ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทย คาดเดาค่อนข้างยากว่าจะมาได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 หากไม่ได้เลวร้ายหรือเลยจุดแย่สุดไปแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะผ่อนคลายไปเรื่อย ๆ เอกชนเองก็มีความหวังว่าปี 2565 นักท่องเที่ยวจีนเองน่าจะมาเที่ยวเมืองไทยได้

ส่วน “ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรม” ขณะนี้ทุกภาคส่วนเตรียมด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี คงจะมีเรื่องหลักคือ “บุคลากรภาคบริการ” เนื่องจากที่ผ่านมาโรงแรมไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น แล้วต้องนำคนกลับเข้ามาทำงานจะมีคนเก่ากับคนใหม่ จึงอาจมีปัญหาเรื่องการฝึกอบรมทักษะ ฉนั้นการบริการอาจจะด้อยลงนิดหน่อย แล้วต้องใช้เวลาในการปรับตัว ตอนนี้การดึงบุคลากรเข้าระบบยังคงไม่มีใครทำเพราะอัตราเข้าพักยังไม่ได้มีสัญญาณดีขึ้นอย่างชัดเจน คงต้องค่อย ๆ ปรับตัวกันไป

 


นายสุรพงษ์ กล่าวว่าตลาดในประเทศที่ยังพึ่งพาได้คือ “ไมซ์-MICE” มีอยู่ประมาณ 20-30 % ช่วงที่ผ่านมาการประชุมอาจจะใช้ออนไลน์กันค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้คนกลับมาประชุมตามสถานที่ต่าง ๆ แล้ว เช่นเดียวกับเครือโรงแรมเอเชีย มีลูกค้าทยอยจองจัดประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง จัดแต่งงาน ภายใต้กฎเกณฑ์สาธารณสุข คือ

1.ต้องจำกัดพื้นที่/จำนวนคน/ต่องาน จึงทำให้ต้นทุนของโรงแรมสูงขึ้น แต่ก็ยังมีตลาดไมซ์ ใช้เงินจัดงานอยู่ทั้งประชุม สัมมนา ทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งแบบประชุมบวกมีลูกค้าพักค้างคืน และแบบประชุมรายวัน

2.ตลาดจัดแต่งงาน เริ่มกลับมาแล้ว หลังจากต้องเว้นห่างหายไปนาน แต่จำนวนแขกเข้าร่วมงานอาจจะลดลงไปบ้าง พร้อมกับเปลี่ยนวิธีบริการ ด้วยการให้พนักงานตักเสิร์ฟแทนที่แขกจะเดินไปตักอาหารกันเองเหมือนอดีต จึงต้องมีบุคลากรบริการเพิ่มขึ้น

แนวโน้มไตรมาส 1 ตลาดไมซ์ที่จะมาใช้สถานที่จัดงานเพราะแต่ละภาคส่วนอยากประชุมออนไซต์อย่างจริงจัง ได้แก่  1.หน่วยงานภาครัฐจัดประชุม สัมมนา 2.บริษัทเอกชนจัดประชุมประจำปี ตอนนี้เริ่มทยอยจองเข้ามาบ้างแล้ว


สำหรับ “ราคาค่าบริการ” ของโรงแรมทั้งตลาดไมซ์และท่องเที่ยว ยังคงตรึงไว้ บวกกับต้องประมวลผลเงินเฟ้อ แต่ต้องยอมรับการแข่งขันตอนนี้ยังสูงอยู่ โรงแรมต่าง ๆ จึงไม่น่าจะขึ้นราคาส่วนใดได้ โดยยอมแบกรับ “ต้นทุนเพิ่มขึ้น” เนื่องจากต้องบริหารการรองรับปริมาณคนต่อพื้นที่ด้วยจำนวนตามเกณฑ์ความปลอดภัยด้านสาธารณสุข และต้องจ้างพนักงานบริการเพิ่มขึ้น เช่นบริการ “อาหาร” บางงานเป็นอาหารกล่อง บางงานก็เป็นบุฟเฟต์ที่มีพนักงานคอยตักให้แต่ละโต๊ะ

 


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ปี 2565 สถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว น่าจะผ่านจุดเลวร้ายไปแล้ว กำลังก้าวสู่แสงสว่างที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่าตัวเลขจะออกมาเป็นอย่างไร ขณะที่โรงแรมเอเชีย กรุ๊ป ได้ฝ่าวิกฤตด้วยโมเดลการบริหารจัดการด้วยเทคนิคสำคัญมากที่สุดคือ

เรื่อง “ต้นทุน” สำคัญที่สุด ประกอบด้วย 3 ส่วน 1.ค่าจ้างพนักงาน 2.ค่าสาธารณูปโภค 3.การเงิน ซึ่งทางโรงแรมเอเชีย กรุ๊ป โชคดีอยู่อย่างในฐานะที่เป็นโรงแรมเก่าแก่ ดังนั้นช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีวิธีจัดการควบคุมยามเกิดสถานการณ์วิกฤตจากโควิด-19 ประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ

 

เรื่องแรก “ต้นทุนการเงินการลงทุน” จึงไม่ได้สูงมากนัก พอทุเลาเบาไปได้

เรื่องที่สอง ต้นทุนสาธารณูปโภค มีประสบการณ์มายาวนานจึงรู้ว่า หนักสุดคือ “ค่าไฟฟ้า” หากจัดการให้ดีก็พออยู่ได้ รองมาเป็น “ค่าน้ำ” ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้มาใช้บริการ

เรื่องที่สาม -ค่าจ้างพนักงาน เป็นเรื่องเจ็บปวดมากที่ต้องเห็นลูกน้องไม่ได้รับค่าจ้างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้องใช้วิธีลดค่าจ้างตามสภาพจริง บางคนได้ครึ่ง บางคนได้ 20-30 % จึงเป็นเหตุผลให้คนที่ไม่สามารถอยู่ได้ขอลากลับไปอยู่ต่างจังหวัด บางคนขอเกษียณก่อนเวลา (early retire) ทางโรงแรมเองก็ต้องทยอยจ่ายเป็นงวดไป

ตัวอย่าง โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ในสถานการณ์ปกติเคยจ้างพนักงาน 400-500 คน แต่ตอนนี้เหลือทำงานภาคบริการเต็มที่ไม่ถึง 200 คน ที่เหลือก็เป็นพนักงานในออฟฟิศบ้าง แต่ทุกคนก็ร่วมใจกันอดทน เพราะเห็นว่าสถานการณ์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปได้แล้ว

 


ขณะนี้ทาง “โรงแรมเอเชีย กรุ๊ป” เตรียมทำเรื่องการปรับปรุงโรงแรมพอสมควร เริ่มจากด้านหน้าทางเข้าโรงแรม จัดพื้นที่ตกแต่งให้สวยงามมากขึ้น และภายในโรงแรมก็ยกเลิกห้องอาหารบางส่วน พร้อมกับนำพื้นที่มาใช้สอยอย่างอื่น เมื่อการท่องเที่ยวเปิดตามปกติปีนี้ทั้งตลาดคนไทยและต่างประเทศทางโรงแรมเอเชียเองก็จะได้รับมีโอกาสต้อนรับโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานสากลใหม่ ๆ พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกกลุ่มทุกคน

นายสุรพงษ์กล่าวตอนท้ายว่า ฝากเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมธุรกิจโรงแรมในไทย เพราะทุกโรงแรมที่รอดปลอดภัยอยู่ได้มาจนถึงตอนนี้ก็ถือว่าโอกาสข้างหน้านั้นมองเห็นแสงสว่างชัดเจนมากขึ้น ก็ขอให้ช่วยกันประคองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ซึ่งแต่ละสมาคมก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีทั้งสมาคมโรงแรมไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมท่องเที่ยวในประเทศ และภาพใหญ่จากสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต่างก็พยายามช่วยกันผลักดันนโยบายของรัฐบาลด้านท่องเที่ยว องค์กรไหนมีแนวทางก็ช่วยกันชี้แนะ จนก้าวยืนอยู่ในวันนี้ได้

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 


ข่าวที่ 1 ช้อปสนุกทางออนไลน์ของคิงเพาเวอร์Click&Collectถึง31มี.ค.นี้ลด25%

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนมาสนุกกับการช้อปออนไลน์ “King Power Click & Collect Sale Up To 25% Offรับส่วนลดยาว ๆ วันนี้– 31 มีนาคม 2565 เพียงใส่รหัสส่วนลด “DFS25” สามารถใช้ได้ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING POWER เพื่อ รับส่วนลดสูงสุด 25% เมื่อช้อปครบ 4,000 บาทขึ้นไป ในการสั่งซื้อสินค้ดิวตี้ฟรีด้วยเที่ยวบินขาออก (Departure flight) และเที่ยวบินขาเข้า (Arrival Flight)

1.รหัสส่วนลด “DFS25” เพื่อนำไปใช้สั่งซื้อสินค้า Duty Free ที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้

2.รับสินค้าที่สนามบินขาออก (Pick up at Departure) ด้วยการสั่งสินค้าได้ก่อนเวลาเที่ยวบินขาออก ขั้นต่ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือภายใน 60 วัน แล้วมารับสินค้าบริเวณ pick up counter

3.รับสินค้าที่สนามบินขาเข้า (Pickup on Arrival) สั่งสินค้าก่อนเวลาเที่ยวบินขาเข้าขั้นต่ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือภายใน 60 วัน ยอดสั่งขั้นต่ำได้คนละ 20,000 บาท ตามกฎหมายนำเข้าของศุลกากร และลูกค้าสามารถมารับสินค้า ณ Collection Point

คลิก : https://www.kingpower.com/content/pre-order-guide-duty-free

 


ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์มอบความรักวาเลนไทน์ช้อป“นาฬิกาคู่รัก”3แบรนด์ดัง

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้ผู้ที่มีรักมาเติมความหวานต้อนรับวาเลนไทน์เดือนกุมภาพันธ์ 2565 นี้ ด้วยแอกเซสซอรีที่เต็มไปด้วยสไตล์และความสง่างามอย่าง “นาฬิกาคู่รัก” ของขวัญแทนใจที่มาพร้อมความลึกซึ้งแห่ง“เวลา”   THE WATCH GUIDE 2022 นาฬิกาคู่รัก  3 แบรนด์ดัง

            แบรนด์แรก -  EMPORIO ARMANI Gianni T-Bar Couple set เลือกสิ่งที่โดดเด่นมีสไตล์นิยามของคู่รักคู่นี้ ด้วยดีไซน์ดึงดูดจาก House of Emporio Armani ทำให้นาฬิกาอนาล็อกจากคอลเลคชั่น Gianni T-Bar  ดึงทุกสายตาด้วยหน้าปัดซาตินสีเงิน-ขาว กับโลโก้แบบนูนที่ตำแหน่งบอกเวลา 12 ชั่วโมง และการเคลื่อนไหวแบบสองเข็มช่วยเพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้น เข้ากันได้อย่างลงตัวกับสายรัดหนังสีดำ เหมาะมากกับคู่รักที่พร้อมประกาศความหวานได้อย่างมีสไตล์

 

แบรนด์ที่ 2 -LONGINES Elegant Collection สัมผัสเลอค่าและสง่างามคือนิยามที่บ่งบอกตัวตนของ Longines Elegant ได้เป็นอย่างดี ด้วยความลงตัวของดีไซน์คลาสสิกและเส้นสายโฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของ Longines ทำให้นาฬิกาคู่นี้เต็มไปด้วยแรงดึงดูด ทั้งหน้าปัดทรงกลมสีน้ำเงินซันเรย์ดูเรียบหรู ฝาหลังโปร่งโล่งแสดงกลไกน่าทึ่ง พร้อมกระจกแซปไฟร์กันรอยขีดข่วน และสายรัดหนังจระเข้สีน้ำเงินอันหรูหรา สร้างคู่รักคู่นี้ออร่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

 

แบรนด์ที่ 3 - HAMILTON American Classic Intra-Matic Auto ความคลาสสิกที่ไม่เคยตกยุคของ Hamilton Intra-Matic คือความมหัศจรรย์แห่งโมโนโครม เหมาะกับคู่รักที่ชื่นชอบความเรียบเท่แบบอเมริกันสไตล์ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชื่นชอบนาฬิกาแนวบอย ด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลหน้าปัดนาฬิกาโค้งมนทรงกลมสีดำขนาด 42 มิลลิเมตร นำมาจับเข้าคู่กับหน้าปัดสีเงินขนาด 38 มิลลิเมตร ให้อารมณ์คู่รักที่ไม่นิยมเปิดตัวแบบหวือหวา แต่ถ้ามองหาจะเห็นความเชื่อมโยงอยู่ในนั้น เรียกได้ว่าเรียลจนต้องแอบกรี๊ดในใจ

เลือกช้อป “นาฬิกาคู่รัก” ได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทั้งออนกราวนด์สาขาต่าง ๆ และออนไลน์ www.kingpower.com


ข่าวที่ 3 ททท.ผนึกพันธมิตรดันYAKLANDเกม+แอพรุกสื่อท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยว เมื่อเร็ว ๆ ททท.ได้ร่วมสนับสนุนพันธมิตรเปิดตัวโครงการ YAKLAND เกมและแอปพลิเคชั่นฝีมือคนไทย ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กับ บริษัท Brothers Pictures เพิ่มช่องทางสื่อสารส่งเสริมการท่องเที่ยวอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์หลายหลายเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

เกมนี้มีฟีเจอร์ เทคโนโลยี AR ((Augmented reality)  กับไฮเทคโต้ตอบอัตโนมัติหรือ Chatbot เสมือนเป็นไกด์พาเที่ยว ที่นำมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับเสมือนจริงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยกลยุทธ์ที่เปิดให้ผู้เล่น “สะสมแต้ม” เพื่อแลกส่วนลดกับร้านค้าที่ร่วมรายการต่างๆ รวมทั้งรอพบกับฟีเจอร์ที่ผู้พัฒนาเตรียมการต่อยอดในอนาคตอันใกล้นี้

ผู้พัฒนาเกมและแอพลิเคชั่นได้เลือก “ยักษ์” มาทำหน้าที่เล่าเรื่องราวในรูปแบบใหม่ ผ่านยักษ์คาแรคเตอร์ต่างกัน 6 ตน ประกอบด้วย

1.อสุรสี  ยักษ์พี่ใหญ่ผู้รักความสงบ ตัวแทนความยุติธรรม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

2.ภูผา   ยักษ์เขียวผู้เมตตา มีความเสียสละ และมีพละกำลังไว้เป็นที่พึ่งกับทุกคน

3.เมฆา  ยักษ์ผู้รักในความอิสระ ช่างสงสัย ช่างคิด และใฝ่ในการเรียนรู้เสมอ

4.อัคคี   ยักษ์แดงผู้ที่มีความกล้าหาญเป็นที่หนึ่ง รักการผจญภัย ชอบความท้าทายใหม่ ๆ

5.วารี ยักษ์ฟ้าผู้มีเหตุผลเป็นที่ตั้ง ใจเย็น มีแบบแผน มองเห็นส่วนรวมก่อนเสมอ

6.อัสนีย์ ยักษ์ที่รวดเร็วว่องไวไม่มีใครเกิน ความจริงใจก็เช่นกัน

เป็นอีกช่องทางสื่อสาร ในรูปแบบ “ท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์” ซึ่งเป็นมากกว่าเพียงความบันเทิง ที่ผู้เล่นจะสามารถเดินทางไปตามวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คในกรุงเทพฯ อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน คือ วัดอรุณราชวราราม วัดโพธิ์จุดเริ่มต้นตำนานยักษ์ 2 ฝั่งเจ้าพระยา ข้ามฝั่งไปถึง วัดระฆัง วัดสุทัศน์ และวัดสระเกตุ ภูเขาทอง แต่ละวัดถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะนำพาการเดินทางด้วยการไล่จับเจ้ายักษ์น้อยในแผนที่ ซึ่งจะแสดงโดยอัตโนมัติเมื่อผู้เล่นได้ทำการเช็คอินภายในวัดต่าง ๆ  

อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังจะได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆ ประวัติความเป็นมาในแต่ละจุดของวัด ผ่านเทคโนโลยียุคใหม่ และการเข้าไปเล่นเกมนี้จะได้ “สะสมและเฝ้าดูการเติบโตของยักษ์” ที่จับมาได้ แล้วก็คะแนนที่ได้เลี้ยงดูยักษ์จนโต ไปใช้ร่วมทำกิจกรรม แลกส่วนลดร้านค้าที่เข้าร่วมรายการได้ด้วย

โครงการเกมครั้งนี้นับเป็นช่องทางสื่อสารการท่องเที่ยวแนวใหม่ สามารถเพิ่มประสบการณ์ทำให้นักท่องเที่ยวได้หันกลับมามองถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังช่วยเก็บรักษาและถ่ายทอดเรื่องราวรอบด้าน เพิ่มความสนุกสนานจากตำนานเล่าขาน ด้วยการเริ่มต้นศึกษาสิ่งใหม่ ๆอีกครั้ง ซึ่งสามารถร่วมสนุกสนานกันทั้งภายในครอบครัว เป็นการเชื่อมโยงผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ไปพร้อม ๆ กัน

 


ข่าวที่ 4 ‘กลุ่มบางจากผนึกน้ำตาลขอนแก่น’หนุนBBGIลุยผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจาก  เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามที่บางจากดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายในการสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงสร้างธุรกิจหลัก 5 ด้าน ได้แก่ 1.ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 2.ธุรกิจการตลาด 3.ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าสีเขียว 4.ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ และ 5.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต

กระทั่งเกิดความร่วมมือกับ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น) ผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมน้ำตาลรายใหญ่ของไทยขึ้น เพื่อร่วมพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Value Bio-based Products) ผ่านการควบรวมบริษัท (Amalgamation) ที่ได้จัดตั้ง บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI) ในเครือของบางจากขึ้นมา

ภารกิจของ บมจ.บีบีจีไอ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบโฮลดิ้ง คอมปานี เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอล ไบโอดีเซล สนับสนุนให้บีบีจีไอเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศไทย และต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่ผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง โดยนำเอาเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology: SynBio) มาใช้ พร้อมกับผลักดันให้เป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง สอดรับกับโมเดล Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG ของภาครัฐ และมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงต่อไป

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตน้ำตาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมผ่านการวิจัยและพัฒนา เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำตาลอย่างครบวงจร โดยนำผลพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงร่วมมือกับกลุ่มบางจาก เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง นำจุดแข็งของ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ มาสร้างความมั่นคงทางวัตถุดิบให้แก่ BBGI จากฐานการผลิตของโรงงานน้ำตาลรวม 5 แห่ง ซึ่งมีอัตราหีบอ้อยรวมวันละ 131,500 ตันอ้อย พร้อมคาดการณ์ปี 2565 จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ  6.14 ล้านตันอ้อย

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยข้อได้เปรียบเชิงแข่งขันที่มีกลุ่มบางจากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำของผลิตภัณฑ์เอทานอลและไบโอดีเซล รวมกับการนำความรู้และประสบการณ์กว่า 17 ปีด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ BBGI เอง มาต่อยอดโดยใช้เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง

อนาคตอันใกล้นี้ BBGI มีเป้าหมายจะเริ่มโครงการโรงงานพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (Contract Development and Manufacturing Organization (CDMO)) ซึ่งสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงต่างๆ เช่น เอนไซม์ คอลลาเจน เวย์โปรตีนจากนม โปรตีนจากไข่ ตลอดจนผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก

ขณะนี้โรงงาน CDMO โครงการนี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต ขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดการเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ และลดต้นทุนได้ดีกว่าการผลิตแบบดั้งเดิมได้ด้วย

ตลอดหลายปีท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ดี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2561 – 2563 มีกำไรสุทธิ ตามลำดับปีดังนี้ คือ 151.83 ล้านบาท 386.95 ล้านบาท และ 845.17 ล้านบาท แต่ละปีเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่า 100%  ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2564 BBGI มีกำไรสุทธิ 903.01 ล้านบาท เติบโต 59% ส่งผลให้ BBGI มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต

            ช่วงที่  2 เที่ยวใต้  เที่ยวปลอดภัย ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ ททท.ชวนไปปักหมุดสุดชีล “บอลลูน อัพ ออน เดอะ บีช” เขาหลัก จ.พังงา และชวนกันไปสุดคูลสัมผัส “สะพานกับเขตข้ามกาลเวลา” บนอุทยานแห่งชาติเกาะเภตรา จ.สตูล แล้วก็ดูแลสุขภาพกับ “5ข้อต้องรู้ไว้ห่างไกล PM 2.5” ส่งท้ายด้วยข่าวลึก ๆ ข่าวแรก “คมนาคม” เจ้าภาพจัดประชุมเอเปค 2565   ประเดิมใช้ “ศูนย์สิริกิติ์” เปิดใหม่ ถกเมกะโปรเจ็กต์บูรณาการโลจิสติกส์กับ 21 เขตเศรษฐกิจ ข่าวที่สอง “โชว์โลมาภูเก็ตเอาใจคู่รัก” จัดโปรซื้อ 1 แถม 1 รับวาเลนไทน์ จองได้ถึง 17 ก.พ.นี้



พาเที่ยว - เที่ยวใต้สุดชีลบอลลูนเขาหลัก-สุดคูลข้ามกาลเวลาเกาะเภตราสตูล

 

ชวนแพ็คกระเป๋า ล่องใต้ เที่ยวง่าย เที่ยวปลอดภัย กับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” เปิดทางปักหมุดสนุกแนวใหม่ ใน “พังงา” ต้อนรับการเปิดฤดูร้อนกับกิจกรรมแปลกใหม่ ให้แวะชมฟรี Balloon Up On The Beach”  ซึ่งทาง La Vela Khaolak และ La Flora Khaolak เนรมิตพื้นที่ริมชายหาดบางเนียง เขาหลัก

 


เชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกวัยแวะไปร่วมประสบการณ์พิเศษอันน่าจดจำ ฟรีทั้งชมพร้อมกับถ่ายรูปภายใต้แสงสีจากธรรมชาติในบรรยากาศยามเย็นของเขาหลัก ได้จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565


นับจากนี้จะเกิดจุดเช็คอินแห่งใหม่ “Ballon up on the beach” ที่แรกที่เดียวในพังงา ณ   LA VELA KHAO LAK Laybay Khaolak La Flora Khao Lak ซึ่งจะสลับหมุนเวียนล่องลอยโชว์ความงดงามไปตามพื้นที่แต่ละแห่ง ปีนี้ทางผู้จัดมีโปรโมชั่น เครื่องดื่ม ซื้อ 1 แถม 1 ให้นักท่องเที่ยวได้ละเลียดจิบอย่างสุดชิลยามเย็นไปพร้อม ๆ กับนั่งมองแสงสีทองของดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าลงสู่ทะเลอันดามัน

 


หรือจะไปเช็คอินอีกแห่งที่ “อุทยานแห่งชาติเกาะเภตรา” จังหวัดสตูล โสด ชอบอยู่เดี่ยว ๆ หรือมาเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นสายลุยแบบไหนก็มาคูลได้เลย วิวดี วิวสวย เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้รับมาตรฐาน SHA Plus ห้ามพลาดกับประสบการณ์ใหม่ในการเที่ยว 2 อารมณ์

อารมณ์แรก “เดินบนสะพานข้ามกาลเวลา” แนะนำนักท่องเที่ยวเดินเล่นลัดเลาะไปตามผาหินช่วงวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกสวยงามมาก มองหาโลเคชั่นรอถ่ายรูปแต่ละจุดได้ตามสบาย ถ้าจะให้ได้คูลมากยิ่งกว่าก็ต้องจอง “บ้านพัก” ค้างคืนในอุทยาน สนนราคาไม่แพงอย่างที่คิด จ่ายแบบสบายกระเป๋า แถมได้ความสุขเกินคุ้มค่า  

 


อารมณ์ที่สอง “เขตข้ามกาลเวลา” ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวมุ่งหน้ามายังโซนนี้เพื่อรอถ่ายรูปสวย ๆ เพราะการค้นพบรอยสัมผัสเรื่องราวของหิน 2 ยุค ยุคแรก-หินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน (อายุประมาณ 541– 485 ล้านปี ) กับ ยุคสอง-หินปูนยุคออร์โดวิเชียน (อายุประมาณ 485-444 ล้านปี) เกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลก

 

จะว่าไปแล้วเมื่อมาถึงโซนนี้เพียงแค่ก้าวเดียวก็เหมือนกับเราได้ “ข้ามผ่านกาลเวลา” จากยุคแคมเบรียนสู่ยุคออร์โดวิเชียนได้

 

            เที่ยวใต้ เที่ยวปลอดภัย สไตล์แปลกใหม่ได้ทั้งงาน บอลลูนสุดชีลชายหาดเขาหลัก จ.พังงา และ ดื่มด่ำกับ “สะพานแลเขตข้ามกาลเวลา” สุดคูลในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จ.สตูล


สุขภาพ -5 ข้อรู้ไว้ช่วยให้ห่างไกลจากปัญหาทำร้ายสุขภาพของฝุ่น PM.2.5

หากพูดถึงปัญหามลพิษทางอากาศ หลายคนต้องนึกถึงปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ถือเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญต่อเนื่องมาตลอดทุกวันนี้ รวมทั้งส่งผลกระทบในหลายมิติ หนึ่งในนั้น คือ ผลกระทบทางสุขภาพของเรา

PM 2.5” คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือเล็กประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผม มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ลอยอยู่ในอากาศได้นาน อาจมีสารพิษเกาะมาด้วย ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น จึงขอแนะนำวิธีช่วยป้องกันห่างไกลจากฝุ่น PM2.5 ได้ดังนี้

1. หากอยู่ในพื้นที่บริเวณที่มีรถสัญจรมาก หรือในบริเวณที่มีฝุ่นควันจากโรงงาน ให้เราสวมเเมสก์เพื่อปกคุมระบบทางเดินหายใจให้เรียบร้อย

2. หมั่นอัพเดทเเละติดตามสังเกตการาเฝ้าระวังค่าดัชนีคุณภาพสภาพอากาศในพื้นที่ ที่เราอยู่เเละในเขตพื้นที่ ที่ทำกำลังจะเดินทางเพื่อเป็นการเตรียมตัวเเละเตรีมความพร้อมในการปกป้องตัวเองจากมลภาวะ

3. ในส่วนของกลุ่มที่ป่วยหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด โรคหัวใจรวมถึงโรคภูมิเเพ้ทางผิวหนัง หากคุณคือหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้  ยิ่งต้องเฝ้าระวังเเละดูเเลป้องกันตัวเองให้มากที่สุด เลี่ยงในการสูดดมฝุ่นผงเเละฝุ่นควันเข้าสู่ร่างกายโดยตรว เพราะอาจส่งผลให้เโรคกำเริบเเละอันตรายกับชีวิตได้

4. หากเราต้องอยู่ในภาวะอากาศเป็นพิษเช่นนี้ ความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเราทุกคนควรสวมใส่เเมสก์เเละพกอุปกรณ์ตัวช่วยในการป้องกันฝุ่นให้เป็นกิจจะลักษณะ เเละทำให้รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าในชีวิตประจำวันเราควรได้รับการปกป้องจากความเสี่ยงในสภาพอากาศที่เลวร้าย

 

5. ลด ละ เลิก การจุดธูปการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะควันธูปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดภาวะฝุ่นควัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักการเกิดภาวะ PM 2.5 ของยุคนี้

 ฟังข่าวท้ายชั่วโมง



ข่าวแรก “คมนาคม”เจ้าภาพเอเปคเลือกศูนย์สิริกิติ์ถกเมกะโปรเจ็กต์21เขตเศรษฐกิจ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้

โดยกระทรวงคมนาคมมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปค ครั้งที่ 52 ระหว่าง14 - 16 กันยายน 2565 ทางกระทรวงคมนาคมพร้อมใช้เวทีนี้นำเสนอโครงการสาคัญ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นร่วมกันระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ

เบื้องต้นที่ประชุมได้เลือก “ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” เป็นสถานที่จัดประชุมเอเปคของกระทรวงคมนาคม หลังจากเอกชนได้ทุ่มเงินกว่า 15,000 ล้านบาท ให้กลายเป็นศูนย์การประชุมชั้นนำของประเทศ ด้วยการปรับโฉมการลงทุนใหม่พร้อมเปิดบริการตามกำหนดคือ 10 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ดังนั้นจึงสามารถเปิดทางเชื่อมกับรถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อำนวยความสะดวกแก่ทั้งผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานได้เป็นอย่างดี  

สำหรับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อเปิดบริการใหม่จะมีพื้นที่รวมกว่า 280,000 ตารางเมตร เพิ่มจากเดิม 5 เท่า ประกอบด้วย 1.พื้นที่จัดการประชุมและนิทรรศการ 78,500 ตารางเมตร ได้แก่ ฮอลล์จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ 2 ฮอลล์ รวม 45,000 ตารางเมตร 2.ห้องจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 2 ห้อง 10,000 ตารางเมตร 3.ห้องประชุมย่อยรองรับการประชุมได้กว่า 50 ห้อง 4.เพิ่มที่จอดรถได้อีกกว่า 2,700 คัน

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม พร้อมจะนำเสนอเมกะโปรเจ็กต์ของไทยต่อที่ประชุมเอเปค ในเดือนกันยายน 2565 ไฮไลต์สำคัญ ๆ คือ

1.โครงการ MR-MAP แผนบูรณาการโครงข่ายการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน

2.โครงการ Southern Land Bridge ชุมพร - ระนอง ที่จะลดระยะทาง ลดพลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับการขนส่งสินค้าจากตะวันออกกลางมายังเอเชียแปซิฟิก  

3.โครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง การสนับสนุนการจัดทำแนวทางด้านการขนส่งคนและสินค้าตามมาตรฐานสากล อาทิ ICAO และ IMO เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมโยงและฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านเดินทางและการท่องเที่ยวภายหลังโควิด-19 อนาคตประเทศไทยสามารถรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเทียบชั้นสากลโกล

อีกทั้งยังเดินหน้าส่งเสริมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง นวัตกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด อาทิ เรือพลังงานไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า รถไฟพลังงานไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า



ข่าวที่สอง -โชว์โลมาภูเก็ตจัดโปรซื้อ1แถม1เอาใจคู่รักวาเลนไทน์ภายใน17ก.พ.นี้

โชว์โลมาภูเก็ต (Dolphins Bay Phuket) ฉลองเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ 2565 มอบโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ทุกที่นั่ง เปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชมได้ ตั้งแต่วันนี้-17 กุมภาพันธ์ 2565 แล้วนำมาใช้ชมการแสดงได้จนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร) รอบเวลาแสดง 11:00 และ 14:00น.

จองด่วน Fanpage: http://m.me/dolphinbayphuket  และสอบถามเพิ่มโทร.0993137666

 

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai