ททท.ฟื้นเศรษฐกิจขายเที่ยวตามสี5สี5ภาค-เราเที่ยวด้วยกันเฟส4คึกคัก-Test&Goต่างชาติเพียบ-ทัวร์จีนมาแน่ไตรมาส3
ททท.งัดอาวุธใหม่ฟื้นเศรษฐกิจขายเที่ยวตามสีตามประสบการณ์5สี5ภาค
สัญญาณดีทัวร์ไทย”เราเที่ยวด้วยกันเฟส4”คึกคัก-ทัวร์นอกแห่ลงTest&Go
ก.พ.-มี.ค.65หวังต่างชาติเฮมาไทยทะลุ2แสนคน-ไตรมาส3ลุ้นรับทัวร์จีน
คิงเพาเวอร์แจกอั่งเปา2วันสุดท้าย5-6ก.พ.นี้คูปอง2,400บาท+สิงโตนำโชค
ช้อปเพลิน!!2โปรเด็ดคิงเพาเวอร์ออนไลน์ตรุษจีน-วาเลนไทน์ตลอดก.พ.65
“มูลนิธิ“วิชัย ศรีวัฒนประภา”แจกทุนม.1-ม.4.-ปวช.1สมัครได้ถึง31ม.ค.65
ททท.หนุน7บริษัททัวร์บูมขายแพกเกจเที่ยวแก้ชงปีขาลลุย“เหนือ-อีสาน-ใต้”
บางจากคว้ารางวัล S&P Global Award 2022เข้มอย่างรับผิดชอบครบ3ด้าน
เที่ยวไทย เที่ยวง่าย เที่ยวสนุกแก้ปีชงตลุยแดนล้านนา“แพร่-เชียงใหม่-เลย”
“รมว.ศักดิ์สยาม”เช็คสนามบินเบตงดึงนกแอร์บินดอนเมือง-เบตง/หาดใหญ่
“วิทยุการบิน”ส่งสัญญาณแอร์ไลน์ฟื้นตัวต้นปี65ไฟล์ทะยาน2,000เที่ยว/วัน
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #รับอั่งเปาคิงเพาเวอร์ #ททท #เที่ยวตามสีตามประสบการณ์5ภาค #เที่ยวแก้ชงปีขาล #เที่ยวเสริมมงคลแพร่เชียงใหม่เลย
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://fb.watch/aZL1sddFtd/
ช่วงที่
1 ปลุกกระแสเที่ยวปีขาลกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพิ่มสัญญาณบวกท่องเที่ยวงัดเทรนด์ใหม่มาแรงเจาะตลาดในประเทศ
“ท่องเที่ยวตามสี ตามประสบการณ์ 5 สี 5 ภาค”
พร้อมของขวัญปี’65
“เราเที่ยวด้วยกัน เฟส4” ก.พ.-พ.ค.นี้ตั้งความหวังฟื้นเศรษฐกิจทั่วไทย 15,000
ล้านบาท เข้มเอาผิดกลุ่มฉ้อโกงถึงที่สุด ลุยรุกตลาดต่างชาติผ่านโปรเจ็กต์ “Test & Go” ชั่วโมงแรกทั่วโลกเฮลงทะเบียนเกือบ 5,000 คน
หวัง 2เดือนแรกกุมภาพันธ์-มีนาคม
ดึงต่างชาติทัวร์ไทย 2 แสนคน ลุ้นไตรมาส 3 ปีนี้
“ตลาดจีน” จ่อเที่ยวต่างประเทศเป้าหมายแรกเมืองไทย
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีของขวัญจากนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบให้ประชาชนในประเทศได้ลงทะเบียนรับสิทธิเดินทางท่องเที่ยวพิเศษกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส4” ขอให้ทางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขยายเราเที่ยวด้วยกันต่อจากเฟส 3 ให้คนละ 15 สิทธิ์ กำลังจะหมดลงในวันที่ 31 มกราคม 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมาจึงเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ได้คือ
กลุ่มที่ 1 กลุ่มใหม่ยังไม่เคยใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันก็เข้าลงทะเบียนได้ กลุ่มที่ 2 กลุ่มเก่าเคยใช้สิทธิแล้วก็ต้องลงทะเบียนรักษาสิทธิ์เพื่อใช้ต่อในเฟส 4 ได้สิทธิ์เพิ่มอีก 10 ห้อง หรือคนที่ใช้สิทธิ์ไปแล้วครึ่งหนึ่งก็จะได้สิทธิ์กลับมาอีก 10 ห้อง
ตั้งเป้าผลลัพธ์
“เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4”
จะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศใกล้เคียงกันกับเฟส 3 คือรัฐบาลใส่เงินเข้าไปสนับสนุนการท่องเที่ยว
10,000 ล้านบาท
ได้ผลกลับคืนมาประมาณ 15,000
ล้านบาท
หวังกระตุ้นการเดินทางในประเทศ ท่ามกลางการจะต้องอยู่กับสถานการณ์โควิดต่อไป
แม้จะเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม
ททท.มุ่งมั่นจะทำให้การท่องเที่ยวเข้าเป้าตามที่ รัฐมนตรีพิพัฒน์ รัชกิจประการ ตั้งไว้ “ตลาดในประเทศ” จะมีนักท่องเที่ยวตามเป้าหมาย 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.รายได้ท่องเที่ยวในประเทศ 6.56 แสนล้านบาท 2.ตลาดต่างประเทศ 6.24 แสนล้านบาท ซึ่ง ททท.อยากให้กลับสู่ปกติ แต่ตอนนี้เป็นที่ทราบกันว่าตลาดหลักของไทยยังไม่ได้เปิดให้คนเดินทางออกต่างประเทศ เพราะเมื่อเดินทางกลับก็ต้องไปกักตัว จึงไม่จูงใจให้คนเดินทางมากนัก ก็หวังว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศสัก 10 ล้านคน
ส่วนการลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” สถิติเดิมเคยใช้วันละประมาณ 20,000-30,000 ห้อง หากเป็นช่วงใกล้เทศกาลเดินทางเช่นช่วงปีใหม่คนใช้สิทธิ์เพิ่มสองเท่าเป็นวันละ 50,000-60,000 ห้อง เนื่องจาก “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4” เปิดให้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ททท.ต้องการให้ออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมากขึ้น เพราะประโยชน์ที่จะได้รับยังคงเหมือนเดิม
ประกอบด้วย 1.สถานที่พัก 10 ห้อง/คน รัฐบาลจ่ายสมทบให้ 40 % 2.คูปองใช้จ่ายรายวันอีก 600 บาท/คน/วัน 3.ตั๋วเครื่องบินเป็นส่วนลดตามเงื่อนไข
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ประเมินบทเรียนการเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของ”ผู้ประกอบการท่องเที่ยว” ช่วงที่ผ่านมาก็มี กลุ่มแรก “กลุ่มน้ำดี” ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศ ก็ได้รับอานิสงเชิงบวก จึงได้จัดให้มีเฟส 3 และ 4 ขณะเดียวกัน ททท.จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้คนไปใช้บริการมากขึ้น
กลุ่มสอง
“กลุ่มน้ำเสีย” สถิติเฟส 1-2 มีข้อมูลที่ได้รับรายงานเข้าข่ายไม่ปกติหรือทุจริต
หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย ททท.ส่งข้อมูลให้ทางตำรวจมีประมาณกว่า 1,000 เคส
พอเฟส 3 ก็มีคัดกรองรัดกุมมากขึ้น
จำนวนคนทำผิดจึงน้อยลง
แต่ผู้ที่เข้าข่ายน่าสงสัยจะกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยรัฐบาลให้ใช้บทลงโทษสูงสุดใน
พรบ.คอมพิวเตอร์ พรบ.การฟอกเงิน จะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
การกระจายนักท่องเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 นั้นต้องยอมรับคนยังนิยมเดินทางไปเที่ยวใกล้ ๆ ไปกับคนในครอบครัว และขับรถท่องเที่ยวกันเอง ส่งผลทำให้ ททท.เสนอให้เพิ่มเม็ดเงินสนับสนุน “ตั๋วเครื่องบิน” เป็น 3,000 บาท/คน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนเดินทางไปยังจังหวัดไกลขึ้น ทั้งนี้หน้าที่หลักคือ ททท.ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้คนเดินทางจำนวนมากขึ้น เลือกจังหวัดไกลขึ้น โดยเฉพาะช่งนี้ “ภาคเหนือ” เป็นฤดูท่องเที่ยวทุ่งดอกไม้เริ่มบาน “ภาคอีสาน” อากาศเย็นสบาย ทำให้คนเดินทางเพิ่มมากขึ้น
สถิตินักท่องเที่ยวโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1-2-3 ส่วนใหญ่จะเลือกพื้นที่ 5 อันดับต้น ๆ ได้แก่ พัทยา/ชลบุรี หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี ราชบุรี เขาใหญ่/นครราชสีมา
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ททท.เตรียมใช้งบประมาณปี 2565 พุ่งเป้าต่อยอดกระตุ้น “นักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพ” ท่องเที่ยวอย่างสมดุลระหว่างระยะทางกับเวลา การท่องเที่ยวเมืองรอง การส่งเสริมท่องเที่ยววันธรรมดา เน้นการ “เพิ่มความถี่-เพิ่มวันพักนานขึ้น-เพิ่มการใช้เงินหรือจ่ายหนัก” กลยุทธ์คือการให้นักท่องเที่ยวได้ “ประสบการณ์-Experience”
ไฮไลต์ใหม่ที่
ททท.จะนำมาใช้ปลุกกระแสการท่องเที่ยวเพิ่มประสบการณ์คือ “ท่องเที่ยวตามสีหรือเที่ยวตามประสบการณ์”
ซึ่งสีจะมีบทบาทให้คนอยากออกเดินทางมากขึ้น ธีมเหล่านี้
ททท.จะนำเสนอโดยใช้โทนสีใหม่ ๆ ที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน
เพื่อมาทำการตลาดท่องเที่ยวเชิงรุกใน 5 ภูมิภาค
เพื่อกระตุ้นคนไทยเดินทางช่วงปี 2565 ได้แก่
“ภาคเหนือ”
เสน่ห์ของวันวาน ใช้ธีม “สีฟ้า”
บ่งบอกถึงความสวยงามของวันวาน เพราะพอกล่าวถึงภาคเหนือคนจะไม่ได้นึกอะไรที่ทันสมัย
แต่จะนึกถึงกลิ่นอายที่มีความงดงาม วัฒนธรรมความเป็นอยู่สโลว์ไลฟ์
“ภาคตะวันออก”
สบ๊ายสบายเที่ยวภาคตะวันออก ระยะการเดินทางใกล้ จะใช้ “สีเขียว”
“ภาคอีสาน” หลงรักที่ราบสูง อาจจะแปลกใจสักนิดนึง ที่ใช้สีงาช้างหรือ ivery ซึ่งมีหลายจังหวัดมีวัฒนธรรมเด่น เช่น สุรินทร์ เมืองช้าง รวมทั้งมีสินค้าที่น่าหลงรักหลายอย่าง
“ภาคกลาง” เที่ยวมีสไตล์ ถิ่นอารยะ ใช้ “สีแดงเข้ม” เพื่อสะท้อนความคลาสสิก มีสไตล์ อินเทรนด์ ท่ามกลางอารยธรรม
“ภาคใต้” หรอยแรงอาหารใต้ ค่อนข้างร้อนแรง จะใช้สีทันสมัย “สีเงิน-Silver”
โดยแต่ละภูมิภาคจะนำสีมาสะท้อนถึงการคัดสรร
“สินค้าท่องเที่ยว” มานำเสนอขายในตลาด เหนี่ยวนำให้คนไทยไปเที่ยวตามสีดังกล่าวนี้
ขณะนี้เริ่มทยอยผลิตแล้ว โดยแต่ละภาคจะต้องทำ 2 กลยุทธ์ คือ 1.จะต้องทำโปรดักซ์ขายด้วยการสร้างเรื่องราวขึ้นมาเน้นประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางท่องเที่ยว
มากกว่าการขายตรงเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว 2.ต้องนำสีเข้าไปใช้อย่างลงตัวเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยว
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวถึง “ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ” ในการเริ่มกลับมาปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลเปิด Test & Go รับนักท่องเที่ยวเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว จากการคลิกออฟ “ระบบ” นั่นคือเมื่อต่างชาติเข้ามาคนไทยจะต้องปลอดภัยมากที่สุด โควิด-19 ไม่เกิดการระบาดซ้ำโดยชาวต่างชาติ หลังจากหยุดมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 แล้วเริ่มเปิดใหม่อีกครั้งตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา
โดยมีมาตรฐานให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยต้องปฏิบัติ 1.ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย RT-PCR 2 ครั้ง วันแรกที่มาถึง กับวันที่ 5 ของการเข้ามอยู่เมืองไทย 2.จ่ายค่าที่พัก ค่าประกันต่าง ๆ อย่างครอบคลุม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คือเมื่อนักท่องเที่ยวเกิดติดเชื้อโควิดจะต้องมีค่าใช้จ่ายครอบคลุม ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขเองก็ค่อนข้างเข้มงวด
ส่วน ททท.ก็ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทำระบบขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจเรื่อง การติดตามที่ดี ตรวจหาเชื้อตามเกณฑ์สาธารณสุขกำหนด
สถิติตั้งแต่เริ่มเปิด
Test & Go ครั้งใหม่
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์
2565 ชั่วโมงแรก
9 โมงเช้า
มีคนยื่นลงทะเบียนผ่าน THAILAND
PASS ประมาณ 4,300 ราย
ททท.มีความหวังจะได้เห็นนักท่องเที่ยวตลาดหลักกลับมาช่วงเทศกาลเดินทางปลายปีนี้ทั้งจากยุโรป
และอเมริกา
จากการประมวลผลทั้งการลงทะเบียนผ่าน THAILAND PASS จากประสบการณ์ช่วงเปิดตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 มีนักท่องเที่ยวเดินทางจริงเพียง 30 % ของจำนวนผู้ยื่นลงทะเบียนเท่านั้น แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันเหมือนกันคือต่อไปนี้ผู้ที่ยื่นจะต้องเดินทางมาไทยภายใน 60 วัน ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วงแต่ละวันตัวเลขลงทะเบียนค่อนข้างแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ “ช่วงเวลา” สถานการณ์ระบาดทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศต้นทาง
สถิติที่ผ่านมาเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาวันละ 2,000-3,000 คน สูงสุดถึงวันละ 10,000 คน แต่ ททท.ตั้งเป้าจะมีคนต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 นี้ ไม่น้อยกว่าเดือนละ 200,000 คน
สิ่งที่ ททท.ต้องยอมรับนั่นคือ ยังคงต้องมองตลาด “ระยะไกล” จากยุโรป อเมริกา เป็นเป้าหมายหลักก่อน เนื่องจาก “นักท่องเที่ยวระยะใกล้” ตลาดเอเชีย ยังไม่ได้เปิดการเดินทางเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เคยเป็นตลาดหลักของไทย เดินทางเข้าได้ แล้วการเปิด Test & Go รอบใหม่ รัฐบาลได้เปิดให้ทุกประเทศเข้ามาได้ ไม่ได้จำกัดเหมือนครั้งแรกที่ให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่ำจาก 63 ประเทศเท่านั้น
แต่เมื่อกลับเข้าประเทศของเขาก็ต้องโดนกักตัว จึงไม่อยากมา เช่น มาเที่ยวเมืองไทย 5-7 วัน/ครั้ง แต่กลับไปประเทศตนเองต้องกักตัว 21 วัน ดังนั้นจึงอยู่ในภาวะต้องรอไปก่อน จนกว่าจะถึงเวลาไม่ต้อง “กักตัว” แล้ว การท่องเที่ยวจึงจะกลับมาเดินทางตามปกติ
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหลักอย่าง “สาธารณรัฐประชาชนจีน” เมื่อเปิดประเทศนักท่องเที่ยวนั้นอยากจะมาไทยเป็นอันดับแรก ๆ ทว่าขณะนี้รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการควบคุมโรคเพราะเป็นประเทศขนาดใหญ่ ฉนั้นต้องดูอีกครั้งหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว อีกทั้งยังมีจำนวนผู้ติดโควิด-19 มากขึ้นจากนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน จึงคงต้องไปก่อนว่าจะเอาอย่างไร
แต่ ททท.ดูแผนระยะยาวแนวความคิดน่าจะเป็น “ไตรมาส 3 ปีปฏิทิน 2565” น่าจะเห็นจีนกลับเข้ามา กลุ่มแรก ๆ ที่ต้องการให้เข้ามาคือนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ สามารถติดตามให้เกิดความมั่นใจจะไม่นำความเสี่ยงเข้าประเทศจีนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มนักลงทุน นักเรียน ตอนนี้ก็สามารถเดินทางได้ตามจำเป็นอยู่แล้ว
ส่วนสัญญาณใหม่ ๆ ของนักท่องเที่ยวจีนมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งจีนและตลาดต่างประเทศ จะได้เห็น 1.นักท่องเที่ยวเป็นตลาดคุณภาพมากขึ้น แล้วก็ต้องยอมรับการฟื้นตัวของการกลับมาเดินทางอีกครั้งในระยะแรก อาจมีความยุ่งยาก 2.ต้นทุนสูงขึ้นจะช่วยกำหนดนักท่องเที่ยวคุณภาพไปในตัวด้วยนั่นเอง
ขณะนี้หากดูสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ไทยติดประเทศอันดับมีความปลอดภัยสูงในการควบคุมดูแล ประเมินจากตัวเลขผู้ยื่นลงทะเบียนผ่าน THAILAND PASS ชั่วโมงแรกมากกว่า 4,300 คน ตอกย้ำถึงความมั่นใจ ไม่มีที่ไหนสามารถดูแลได้ดีเท่ากับประเทศไทย และการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ก็มีความสำคัญ
แค่ออกมาเดินทาง
“ท่องเที่ยวในประเทศ”
ก็จะทำให้ทุกคนกลายเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ที่ต้องการใช้ “ท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ”
ดึงดูดให้คนในประเทศออกมาร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แจกอั่งเปา2วันสุดท้าย5-6ก.พ.นี้คูปอง2,400บาท+ชมสิงโตนำโชค
คิง เพาเวอร์ ชวนทุกคนให้รีบมาช้อปมั่งคั่ง 2 วันสุดท้าย! 5-6 กุมภาพันธ์ 2565 ลงทะเบียนเลย! รับฟรี อั่งเปาส่วนลด 800 บาท X 3 ใบ ลดรวม 2,400 บาท อั่งเปา 1 ใบ นำไปช้อป 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ และพิเศษ !! คูปองรวม 3 ใบนำไปใช้ช้อป 8,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ กับสินค้าที่ร่วมรายการ
ช้อปเลย!! ด้วยการรับอั่งเปาคูปองส่วนลดได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน นับสิทธิ์รวมทุกสาขาและทุกช่องทางการช้อป ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต คิง เพาเวอร์ ศรีวารี และภูเก็ต
พร้อมชมฟรี!! การแสดงและสนุกสนานกับขบวนสิงโตนำโชคที่จะมาแจกอั่งเปาให้นักช้อปทุกคน พร้อมเหล่านางฟ้า เทพธิดา และเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย วันละ 4 รอบ แล้วพบกันที่ คิง เพาเวอร์ ตลอดการช้อปมั่งคั่ง โชคมั่งมี สุขสันต์ปีขาล
ข่าวที่ 2 ช้อปเพลิน!!2โปรเด็ดคิงเพาเวอร์ออนไลน์ตรุษจีน-วาเลนไทน์ตลอดก.พ.65
คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม ช้อปออนไลน์ รับโชคตรุษจีนและวาเลนไทน์ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ด้วยไฮไลต์ 2 โปรโมชั่น ลด 30-45 % ดังนี้
โปรโมชั่นที่ 1 ONLINE BEST PRICE สินค้าออนไลน์ส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี
ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท ไม่ว่าจะช้อปยังไง ก็ได้ราคาสุดคุ้ม!
กับส่วนลดพิเศษตลอดเดือน 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยใส่รหัสส่วนลด OBPFEB
ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/34b2B50
ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ)
โปรโมชั่นที่ 2 HAPPY CHINESE NEW YEAR - HAVE THE LUCKIEST TRIP ลดสูงสุด 45% เมื่อช้อปครบ 4,000 บาทขึ้นไป คลิกรับรหัสส่วนลดแล้วนำไปใช้ช้อปออนไลน์ได้ที่ www.kingpower.com
และ แอปพลิเคชัน KING POWER เท่านั้น วันนี้-9 กุมภาพันธ์ 2565 กับกิจกรรมส่งเสริมการขายนี้เฉพาะสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการแคมเปญนี้เท่านั้น
ทั้ง 2
โปรโมชั่น รับสิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
8,000 บาท > http://bit.ly/2OzUV1k 3.ฟรี!
ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง > http://bit.ly/31yjocR
(ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า) 4.รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000.- (สุทธิ) > https://bit.ly/3lyQbrs
ข่าวที่ 3 “มูลนิธิ“วิชัย ศรีวัฒนประภา”แจกทุนม.1-ม.4.-ปวช.1สมัครได้ถึง31ม.ค.65
มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา เปิดรับสมัครนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อชั้น ม.1, ม.4 หรือ ปวช.1 มีความประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อรับทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดโครงการและใบสมัครเพื่อขอรับทุนการศึกษาได้ที่ https://vichaisrivaddhanaprabha.com/scholarship-th/
ส่งเอกสารใบสมัครทางไปรษณีย์ถึงมูลนิธิ
วิชัย ศรีวัฒนประภา เลขที่ 8 ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 ตั้งแต่วันนี้ – 31
มีนาคม 2565
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02-677-8888 ต่อ 1221 , 1222
ข่าวที่ 4 ททท.หนุน7บริษัททัวร์บูมขายแพกเกจท่องเที่ยวแก้ชงปีขาล“เหนือ-อีสาน-ใต้”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับบริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยวภายในประเทศ ส่งเสริมการขายจัดแพกเกจหรือโปรแกรมนำเที่ยว กระจายทั่วภาคเหนือ ภาค ภาคใต้ รวม ต้อนรับ “เที่ยวไทยแก้ชงเสริมมงคลปีขาล” เอาใจสายพันธุ์แท้สายมูเตลู
โดยมีให้เลือกเดินทางได้ตลอดทั้งปี
18 แพกเกจ 18 เส้นทาง ที่สามารถคลิกเข้าไปจองซื้อทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์
www.tourismthailand.org/luckytourthailand ดังต่อไปนี้
ภาคเหนือ ททท.สนับสนุน บริษัทนำเที่ยวขายเส้นทางแก้ปีชง 6 แพกเกจ 6 เส้นทาง ดังนี้
1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่
มอบหมายให้บริษัทตัวแทนนำเที่ยวในพื้นที่ดำเนินการขายโปรแกรมทัวร์ 3 วัน 2 คืน 2
แพกเกจ 2 เส้นทางหลัก คือ
1.1 เที่ยวแพร่เสริมบารมี 3 วัน 2 คืน
ททท.แพร่
1.2.ฟ้าปีขาล พาเพลินเสน่หเมืองแพร่ 3 วัน 2 คืน 3,490-3,990 บาท
2.บริษัท สแตนดาร์ดทัวร์ จำกัด ขายโปรแกรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงใหม่ โปรแกรมทัวร์ 2 วัน 1 คืน 4 แพกเกจ 4 เส้นทาง
2.1 ฮักช้างแบบใกล้ชิดสัมผัสวิถีชีวิตคนเลี้ยงช้าง 4,450 บาท
2.2 ท่องฮิโนกิแลนด์ แดนญี่ปุ่น กลางอ้อมกอดแม่น้ำ และขุนเขา 2วัน 1 คืน 3,700 บาท (จากปกติ 4,200 บาท)
2.3 ไหว้พระดังกลางเมืองแกน ดินเนอร์หรูกลางหุบเขา Valley Coffee 3,900 บาท
(ปกติ 4,400 บาท)
2.4 เที่ยวแม่กำปอง ออนใต้ น้ำพุร้อนสันกำแพง วัดต้นเกว๋น 3,900 บาท (ปกติ 4,400 บาท)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท.สนับสนุน 3 บริษัท ขายรวม 5 แพกเกจ 5 เส้นทาง
3.ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็น.บี.ฮอลิเดย์ทัวร์
3.1 แพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน เส้นทาง เลย - ภูสวนทราย - ภูป่าเปาะ – เชียงคาน 8,900 บาท (ปกติ 9,400 บาท)
3.2 แพ็กเกจ 4 วัน 3 คืน เส้นทาง เลย-ภูเรือ-ด่านซ้าย-นาแห้ว-เชียงคาน-ภูป่าเปาะ 10,999 บาท (ปกติ 11,499 บาท)
3.3 แพ็กเกจ 2 วัน 1 คืน เส้นทาง เลย - ภูกระดึง – ภูป่าเปาะ 4,999 บาท (ปกติ 5,499 บาท)
3.4 แพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน เส้นทาง เลย - ภูเรือ – ภูสวนทราย จ.เลย 6,900 บาท ( ปกติ 7,400 บาท)
4. ห้างหุ้นส่วนจำกัด นิวเวฟทราเวล
4.1 แพ็กเกจ 4 วัน 3 คืน ไหว้ 3
พระธาตุ เสริมบารมีคนสายมู อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ 7,777 บาท (ปกติ 8,777 บาท)
ภาคใต้ ททท.สนับสนุน 4 บริษัท เสนอขาย 7 แพกเกจ 7 เส้นทาง ดังนี้
5.บริษัท อันดา กระบี่ ซีทัวร์ จำกัด นำเสนอแพกเกจเที่ยวจังหวัดกระบี่ แบบเที่ยววันเดียวไปเช้าเย็นกลับหรือ One Day Trip 4 เส้นทาง ดังนี้
5.1 เส้นทางท่องเที่ยว สระมรกต น้ำตกร้อน วัดถ้ำเสือ กระบี่ ราคา 5,000
บาท (ปกติ 6,000 บาท)
5.2 เส้นทางท่องเที่ยว วัดบางโทง + พายเรือคลองรูด กระบี่ ราคา 5,000 บาท (ปกติ 6,000 บาท)
5.3 เส้นทางท่องเที่ยว ชมแหลมจมูกควาย อ่าวท่าเลนกระบี่ 3,500 บาท (ปกติ 4,500 บาท)
5.4 เส้นทางท่องเที่ยว อ่าวท่าเลน+เขากำหยำ+สันทรายปากอ่าวท่าเลน+แหลมจมูกควาย+เขากาโรส 8,000 บาท (ปกติ 9,000 บาท)
6.ทัวร์ทางไทย นำเสนอแพกเกจท่องเที่ยวสงขลา 1 เส้นทาง
6.1 เที่ยวแก้ชง เสริมดวง เสริมบารมีรับปีขาล เส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพ – สงขลา เริ่ม 8,500 บาท
7.บริษัท ที แอนด์ เอ ไอเดียพลัส จํากัด (สยามทูโก)
นำเสนอขายแพกเกจท่องเที่ยวระนอง
7.1 เที่ยวระนอง 3 วัน 2 คืน กินปูระนอง CSR ชุมชน
ล่องแพเปียก 8,500 บาท (ปกติ 9,599 บาท)
8.บริษัท ภูเก็ตเวนเจอร์ จำกัด นำเสนอขายแพกเกจท่องเที่ยวภูเก็ต
8.1 เที่ยวภูเก็ต 3 วัน 2 คืน
เที่ยวแก้ชง เสริมมงคล ปี 2565 ราคา 7,200 บาท (ปกติ 7,704 บาท)
ข่าวที่ 5 บางจากคว้ารางวัล S&P Global Award 2022เข้มรับผิดชอบครบ3ด้าน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัท บางจาก เปิดเผยว่า บางจากฯ ได้รับรางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Silver Class จากการประกาศผลคะแนนการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ หรือ ESG (Environmental, Social, Governance & Economic) โดย S&P Global องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับความยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI โดยติดอันดับ Top 3 ของโลกจาก 56 บริษัทชั้นนำทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing และได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน Sustainability Yearbook 2022 โดยปรับระดับสูงขึ้นจาก Bronze Class และอันดับที่ 4 ใน Yearbook 2021
“บางจาก ได้เข้าร่วมการประเมินของ S&P Global ที่พิจารณาจากการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ปี ปีนี้ได้รับการจัดอันดับและได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่ร่วมประเมินมา นับเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของทุกคนในบริษัทฯ ที่ธุรกิจของเราได้การยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืนในระดับสากล ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน”
ผลการประเมินนี้สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนของบางจากฯ ที่ครอบคลุมสมดุลทั้ง 3 ด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมตอบสนองและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ยึดถือปฏิบัติมาตลอดระยะเวลากว่า 37 ปีของการดำเนินธุรกิจ จนได้รับการยอมรับในระดับโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในทุกมิติ
“ด้านสิ่งแวดล้อม” บางจากมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งของการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Carbon Markets Club มีการตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ปี ค.ศ. 2050 ดำเนินธุรกิจด้วยการให้ความสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายเชิงรุกสอดคล้องตามเกณฑ์อุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 5 เครือข่ายสีเขียว (Green Industry Level 5: Green Network) และส่งเสริมแนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปยังผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนและผู้บริโภค เพื่อผลักดันไปสู่การเป็นเครือข่ายสีเขียว (Green Network)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 บริษัทฯ ได้ส่งเรือขจัดคราบน้ำมันศรีธารารักษ์ 8 ซึ่งประจำที่ท่าเรือโรงกลั่นบางจากพร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ไปสนับสนุนกรมเจ้าท่าในการปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุดจนเสร็จสิ้นภารกิจเมื่อ 31 มกราคม 25655
“ด้านสังคม” บางจากให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและชุมชน ทั้งเพื่อนบ้านรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจากและทั่วประเทศ ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต โดยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้จัดทำโครงการต่าง ๆ หลากหลายโครงการเป็นการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านสาธารณสุขและในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่รอบโรงกลั่นและทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
“ด้านการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ” มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีบรรษัทภิบาล เชื่อถือได้ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารด้วยความโปร่งใส พร้อมการดำเนินงานตามจรรยาบรรณทางธุรกิจ ยึดการดำเนินธุรกิจภายใต้ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
การประกาศผลรางวัล S&P Global Sustainability Award และการจัดทำ Sustainability Yearbook เป็นผลจากการประเมินบริษัท 7,544 แห่งทั่วโลก และมีเพียง 716 บริษัทจาก 61 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับในรายงานฉบับนี้ ซึ่งผลการประเมินเป็นการเรียงลำดับตาม Percentile โดยองค์กรที่อยู่ใน 15% แรกของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะถูกจัดรายชื่อให้อยู่ในรายงานฉบับนี้
ช่วงที่ 2 ได้เวลาเที่ยวแก้ชงกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเส้นทางเสริมบารมีแดนเหนือ 3 เส้นทาง 3 จังหวัด เลือกที่ชอบเช็คอินจังหวัดที่ใช่ได้ทั้ง “แพร่-เชียงใหม่-เลย”
ตลอดปีขาลมีสิ่งดี ๆ รออยู่ทั่วไทย แล้วมาดูแลสุขภาพ “6เคล็ดลับอาบน้ำอย่างไร” ให้ผิวพรรณสดชืน และข่าวเจาะลึก ข่าวแรก
“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสนามบินเบตง ดึงนกแอร์รอเปิด ไป-กลับ
ดอนเมือง-เบตง และ หาดใหญ่-เบตง ข่าวที่สอง “วิทยุการบิน”
แจ้งข่าวดีแอร์ไลน์ไทยกับต่างชาติเร่งบินเพิ่มคาดต้นปีนี้จะมีถึงวัน 2,000 เที่ยว
พาเที่ยว –เที่ยวไทย เที่ยวง่าย เที่ยวแก้ชงตลุยเหนือ“แพร่-เชียงใหม่-เลย”
เมืองไทย เที่ยวง่าย เที่ยวสบาย เที่ยวปลอดภัย เปิดศักราชใหม่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเสริมมงคลกับคนที่เกิดนักษัตรปีต่าง ๆ เดินทางไปสร้างบุญ เสริมบารมี แก้ปีชง ตลุยขึ้นเหนือไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 เส้นทาง “แพร่-เชียงใหม่-เลย”
เส้นทางแรก -เที่ยวแพร่เสริมบารมีปีขาล “กรุงเทพฯ-แพร่” 3 วัน 2 คืน ไปสักการะพระธาตุช่อแฮ ไหว้พระธาตุประจำปีขาล แวะคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ชมวัดเก่าแก่ "วัดจอมสวรรค์" พร้อมสักการะหลวงพ่อจอมสวรรค์ กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดศรีดอนดำ ขอพรพระเจ้าทันใจ ณ วัดพงษ์สุนันท์
สอบถาม ททท.แพร่ โทร : 054-521-118 อีเมล : tatphrae@tat.or.th
เส้นทางที่ 2 -เที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน ท่องฮิโนกิแลนด์ แดนญี่ปุ่น
กลางอ้อมกอดแม่น้ำ และขุนเขา นั่งรถชมวิวรอบเมืองเก่าเชียงใหม่
พร้อมสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เสริมสิริมงคล ณ วัดเจดีย์หลวง
ดินเนอร์กลางหุบเขา ณ Valley
Coffee Resort ชมฮิโนกิแลนด์ ดินแดนญี่ปุ่นสุดอลัง
สอบถาม บริษัท สแตนดาร์ด ทัวร์ โทร : 053-204-520 อีเมล : inbound-mh@standardtour.com
เว็บไซต์ : Standard Tour Thailand
เส้นทางที่ 3 -เที่ยวจังหวัดเลย 4 วัน 3 คืน สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตตามเส้นทาง “ภูเรือ-ด่านซ้าย-นาแห้ว-เชียงคาน-ภูป่าเปาะ” ชมความงดงามของพระประธานสีขาวบริสุทธิ์ ณ วัดป่าห้วยลาด กับวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง หรือ วัดพระกริ่งปวเรศ ตลุยอุทยานแห่งชาติภูเรือ สัมผัสอากาศเย็นสบาย เรียนรู้ประวัติผีตาโขน ณ พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนนมัสการพระธาตุศรีสองรัก แวะถ่ายรูปเช็คอิน ณ ภูเก้าง้อม จุดเช็คอินใหม่สุดอันซีนของจังหวัดเลย
ชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย วัดเก่าแก่ 400 ปี ""วัดศรีโพธิ์ชัย"" ดื่มด่ำความงดงามของแม่น้ำ 2 สี ณ สกายวอล์ค เชียงคาน แวะพิพิธภัณฑ์ไทดำบ้านนาป่าหนาด เพลิดเพลินกับมหัศจรรย์ธรรมชาติแก่งคุดคู้ พร้อมซื้อของฝาก ห้ามพลาดแวะชมความงดงามของฟูจิ เมืองไทย ""ภูป่าเปาะ”
สอบถาม บริษัท เอ็น.บี.ฮอลิเดย์ทัวร์ 126 หมู่ 9 ตำบลนาอาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย 42000 โทร : 042-870-716 www.nbholidaytour.com
ททท.ชวนเที่ยวแก้ชงได้ทั่วไทยปีขาล คลิกเลย!www.tourismthailand.org/luckytourthailand
สุขภาพ
–แนะ6เคล็ดลับการอาบน้ำเพื่อ...การมีที่ผิวสดชื่น
เพื่อสุขภาพที่ดี วันนี้จะนำเรื่องดี ๆ มาฝาก เกี่ยวกับเคล็ดลับการ “อาบน้ำ”อย่างถูกวิธีเพื่อให้มีผิวพรรณสดชื่น ได้ด้วย 6 เคล็ดลับ ดังต่อไปนี้
1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด หรืออาบน้ำอุ่นนาน ๆ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ หลังอาบน้ำให้กระชับผิวด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อกระชับรูขุมขน
2. การอาบน้ำอุ่นก่อนนอน จะช่วยให้คุณสาวๆ หลับสบายมากขึ้น
3. ไม่ควรอาบน้ำหลังรับประทานอาหารเลยทันที เพราะจะทำให้ไม่สบายท้อง
4. ก่อนอาบน้ำลองจุดเทียนหอมกลิ่นโปรด และอาบน้ำอย่างละเมียดละไม แช่น้ำอุ่นสัก 15 นาที จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดประจำวันได้
5.ถ้าอาบน้ำด้วยฝักบัว ควรอาบน้ำเย็นรดตัวเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เพราะระบบหมุนเวียนโลหิต จะถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างรวดเร็ว
6.หลังเช็ดตัวควรทาโลชั่นทันที เพื่อเก็บกักความชุ่มชื่นของผิวเอาไว้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.ศักดิ์สยาม”ลงพื้นที่เช็คสนามบินเบตงดึงนกแอร์บินดอนเมือง-เบตง/หาดใหญ่
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ได้เดินทางพร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและเตรียมเปิดให้บริการสนามบินยานเบตง จ.ยะลา มูลค่าการก่อสร้างกว่า 1,900 ล้านบาท ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป การลงพื้นที่ครั้งนี้จะหารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเรื่องหลัก ๆ ได้แก่ 1.อาคารที่พักผู้โดยสาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน 2.รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน สายการบิน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถึงความต้องการ และอุปสรรค เพื่อหาข้อสรุปให้ชัดเจน 3.เตรียมความพร้อมเปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์แบบประจำ (Schedule Flight) โดยแบ่งความรับผิดชอบเรื่อง วิทยุการบินรับผิดชอบเงินกองทุนหมุนเวียน ขณะที่ “ศอ.บต.” จะเป็นผู้ดูแลสนามบิน
ขณะนี้สายการบินนกแอร์แสดงความสนใจเปิดบินตรงแบบเช่าเหมา ไป-กลับ ดอนเมือง-เบตง (ยะลา) พร้อมกับให้แนวทางกรมท่าอากาศยาน (ทย) รับประกันปริมาณผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบินต้องมีเกิน 75% ของจำนวน 86 ที่นั่ง หรือราว 66 ที่นั่งขึ้นไป ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสายการบินอาจไม่คุ้มทุนได้
ล่าสุดบินนกแอร์ได้ขออนุญาตบิน 2 เส้นทาง คือ 1.แบบเช่าเหมาลำ ไป-กลับ ดอนเมือง-เบตง 2.บินแบบประจำ ไป-กลับ หาดใหญ่-เบตง
ข่าวที่สอง “วิทยุการบิน”ส่งสัญญาณแอร์ไลน์ฟื้นตัวต้นปี65ไฟล์ทะยานเพิ่ม2,000เที่ยว/วัน
นายทินกร ชูวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ด้านปฏิบัติการ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า ได้ประเมินสถานการณ์เที่ยวบินตลอดเทศกาลตรุษจีน 5 วัน ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณเที่ยวบินรวม 5,450 เที่ยว แตกต่างจากตรุษจีนปกติก่อนการระบาดของโควิด 19 มีเที่ยวบินพิเศษ หรือ Extra Flight เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินต้นทางและปลายทางจากจีน
ตรุษจีนปี 2565 มีเที่ยวบินภายในประเทศสู่เมืองท่องเที่ยว อันดับ 1 “ภูเก็ต” มีนักเดินทางมากที่สุด เฉลี่ย 130 เที่ยว/วัน อันดับ 2 “เชียงใหม่” เฉลี่ย 100 เที่ยว/วัน
บวท.คาดสถานการณ์เที่ยวบินตั้งแต่กลางปี 2565 การเดินทางโดยเครื่องบินของไทยมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ
“เที่ยวบินในประเทศ” เพิ่มขึ้นแบบชะลอตัว ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีเที่ยวบินเฉลี่ย 1,100 เที่ยว/วัน แนวโน้มจะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 เที่ยว/วัน
“เที่ยวบินระหว่างประเทศ” ขณะนี้มีเฉลี่ย 300 เที่ยว/วัน อาจเพิ่มขึ้นเป็น 500 เที่ยว/วัน
โดยภาพรวมทำให้มีความเป็นไปได้ว่าปริมาณเที่ยวบินโดยรวมอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 เที่ยว/วัน หากไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบ รวมทั้งยังพบการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นจากเที่ยวบินส่วนตัว (Private Jet) และ เช่าเหมาลำ (Charter Flight)
นายทินกร ย้ำว่า บวท. เตรียมความพร้อมทั้งด้านระบบอุปกรณ์ให้บริการอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ดังนี้
1.ด้านอัตรากำลังคน ที่ได้วางแผนจัดไว้อย่างเพียงพอพร้อมรับทุกสถานการณ์
2.ด้านมาตรการรองรับการจราจรทางอากาศ เพื่อให้การบริหารจราจรทางอากาศมีความเหมาะสม ปลอดภัย และไม่เกิดความล่าช้า
3.ด้านมาตรการเชิงป้องกันโควิด 19 ที่ได้เน้นย้ำให้บุคลากรปฏิบัติตามแนวทางของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดอันจะส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมดีขึ้นด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น