“ดิ เอราวัณ กรุ๊ป”ชูฮ็อปอินน์ลุยเพิ่มบัดเจ็ตโฮเต็ลส์ปี68ครบ100โรงแรม ปี65ชิมลางเปิดทั่วไทย7แห่งชิงตลาดหลังโควิดท่องเที่ยวฟื้นเร็วเกินคาด
“ดิ เอราวัณ กรุ๊ป”ชูฮ็อปอินน์ลุยเพิ่มบัดเจ็ตโฮเต็ลส์ปี68ครบ100โรงแรม
ปี65ชิมลางเปิดทั่วไทย7แห่งชิงตลาดหลังโควิดท่องเที่ยวฟื้นเร็วเกินคาด
บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป สบช่องลุยขยาย “ฮ็อป อินน์” ชิงตลาดโรงแรมราคาประหยัดบัดเจ็ตโฮเต็ลส์ ทั้งสร้างเองและแฟรนไชส์ ขานรับท่องเที่ยวฟื้นหลังโควิด ไตรมาส 1 ปี’65 ชิมลางเปิดเพิ่มในไทย 7 โรงแรม ปี’68 ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 100 โรงแรม
นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 2565 มีความเชื่อมั่นตลาดท่องเที่ยวไทยจะเริ่มฟื้นตัวจึงเตรียมขยายเครือข่ายโรงแรมแบบประหยัดหรือ Budget Hotel ทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์ “ฮ็อป อินน์” โดยจะสร้างเองและทำแฟรนไชส์ โดยใช้ศักยภาพของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้ก่อตั้งมาเกือบ 40 ปี ช่วงวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี ถึงแม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบก็ได้เน้นปรับตัวตามสถานการณ์และปรับเปลี่ยนแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบและความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจอยู่ตลอด ทำให้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นต้นมา มีอัตราการเข้าพักเกิน 60% และบางสาขาทำอัตราเข้าพักได้ถึง 80-90%
ส่วนโรงแรมแบบประหยัดแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” บริษัทมีความมั่นใจในแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว ตั้งแต่ปี 2565 กำลังพัฒนาโรงแรมใหม่จะเริ่มทยอยเปิดได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นต้นไป รวมทั้งหมด 9 โรงแรม ประกอบด้วย ในไทยเป็นฮ็อป อินน์ทั้งหมด 7 แห่ง ส่วนฟิลิปปินส์ 2 แห่ง จะมีทั้ง “ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮ็อป อินน์ เซบู บิสสิเนส พาร์ค” เป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทที่ใช้โมเดลผสมสานเข้าด้วยกันระหว่าง 2 แบรนด์ หรือ“Combo Hotels” ระหว่าง “ฮอลิเดย์ อินน์” แบรนด์ระดับโลก กับ “ฮ็อป อินน์ แบรนด์ของบริษัท
นายเพชรย้ำว่า ดิ เอราวัณ กรุ๊ป วางทิศทางอนาคตตั้งเป้าเป็นผู้นำเครือข่ายโรงแรม “บัดเจ็ท” ที่ใหญ่ที่สุดในไทย และยกระดับมาตรฐานการให้บริการโรงแรมระดับบัดเจ็ททั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อส่งมอบคุณค่าในการเข้าพักที่ดีให้กับลูกค้าของเราทุกคน
สำหรับโรงแรมแบรนด์
“ฮ็อป อินน์” ของ ดิ เอราวัณ ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา
ทางบริษัทเป็นผู้ลงทุนและบริหารเองมาโดยตลอดทำให้แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับของนักเดินทางในประเทศไทยในด้านราคาที่คุ้มค่า
ห้องพักที่ได้มาตรฐาน และการบริการที่อำนวยความสะดวกตอบสนองลูกค้าชาวไทยได้อย่างดี
ปี 2565 บริษัทพร้อม0tเพิ่มโมเดลธุรกิจขยายเครือข่ายแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเพิ่มเครือข่าย “ฮ็อป อินน์” รุกเข้าไปยังพื้นที่ที่ยังไม่มีโรงแรมฮ็อป อินน์ หรือในอำเภอรองต่างๆ ชูคุณภาพและราคาห้องพักที่คุ้มค่า รูปแบบโรงแรมและการบริการที่ได้มาตรฐานระดับดีเยี่ยมเท่ากันทุกสาขา ตั้งเป้าหมายปี 2568 ทั่วไทยจะขยายให้ครบ 100 แห่ง จากปัจจุบันเปิดฮ็อป อินน์ แล้วทั้งหมด 47 แห่ง ปีนี้เตรียมเปิดใหม่อีก 7 แห่ง
ส่วนการขยายแฟรนไชส์ “ฮ็อป อินน์” จะใช้วิธีเปิดให้ผู้ลงทุนเข้าร่วมได้ทั้งรูปแบบสร้างใหม่และปรับปรุงอาคารเดิม และบริษัทเตรียมทีมงานผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนสามารถบริหารโรงแรมได้เองภายใต้มาตรฐานของแบรนด์
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาจุดแข็งทางการแข่งขันของแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เป็นช่องทางการให้บริการภายในโรงแรมหลัก ๆ ประกอบด้วย
1.การจองห้องพักจนถึงการเข้าพัก
2.การพัฒนาระบบสมาชิก HOP INN ให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจ
และลูกค้าท่องเที่ยว
3.ปรับรูปแบบโรงแรมและห้องพักให้ทันสมัยอยู่เสมอ
4.ให้ความสำคัญคือมาตรการ Safe Stay at HOP INN ที่โรงแรม “ฮ็อป อินน์” ทุกแห่งต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความสะอาดและปลอดภัยอย่างเคร่งครัดตลอดไป
นอกจากแผนการขยายการเติบโตทางธุรกิจ
บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยกำหนดวิสัยทัศน์ “Together for the Better”ซึ่งจะเป็นการสอดประสานกันระหว่างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจควบคู่ไปกับการตอบสนองต่อความต้องการทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยเน้นการสร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีขึ้น
การยกระดับการเพิ่มศักยภาพบุคคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจในกระบวนการทำงาน
ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างให้องค์กรมีความเข้มแข็งและเพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น