ททท.เร่งติดอาวุธสื่อสารตลาดปี66ชูEmotionalหนังโฆษณา“ไทยโมเมนท์ที่ใช่+ต่างชาติReunion”รุกเศรษฐี3ตลาด“ตะวันออกกลาง+อินเดีย+ยุโรป/อเมริกา”
ททท.เร่งติดอาวุธสื่อสารตลาดท่องเที่ยวปี’65-66เข้าเป้า2.38 ล้านล้าน
ชูEmotionalหนังโฆษณา“ไทยโมเมนท์ที่ใช่+ต่างชาติReunionMeaningFul”
ล็อกเป้าลูกค้าเศรษฐี3ตลาด“ตะวันออกกลาง+อินเดีย+ยุโรป/อเมริกา”
คิงเพาเวอร์ช้อป“วันแม่”จัดเต็มของขวัญพิเศษวันนี้-7ส.ค.ลดใหญ่50%
เปิดช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินแจกส่วนลดตลอดส.ค.สูงสุด2,400บาท
โปรคิงเพาเวอร์3คุ้ม+Travel Exclusiveรับของขาเข้าขาออกลด2พันบาท
ททท.+RobinhoodโปรGoodDealsเชียงใหม่นำโรงแรมขายห้องพัก1บาท
TCEBงัดหนังโฆษณากระตุ้นรัฐ-เอกชนเร่งอัดเงินจัดไมซ์เอาท์ดอร์ทั่วไทย
บางจากตั้ง CMC
ปีเดียวซื้อขายคาร์บอนเครดิตเท่าปลูกต้นไม้32ล้านต้น
อะเมซิ่ง!!ท่องเที่ยวเมืองสตูลเติมความสุขโฮมสเตย์บ้านบากัน-ถ้ำลอดปูยู
ชวนคนไทยปรับวิธีทิ้งขยะ4ประเภทคัดแยกได้ถูกต้องช่วยโลกได้ถูกทาง
“พิพัฒน์”ลั่นไทยพร้อมเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค14-20ส.ค.
ดุสิตปริ้นเซสโฮเต็ลฯทุ่มเปิดโรงแรมไฮบริดในเคนยาหวังโกยเงินเศรษฐี
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.
ช่วงที่
1 เปิดใจ
“นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทุ่มหมดหน้าตักสื่อสารตลาดท่องเที่ยวในประเทศและทั่วโลก
โค้งสุดท้าย ส.ค.-ก.ย.ปิดงบปี65 ““ยิ่งไป
ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจ กว่าที่เคย + Amazing Thailand :Amazing New Chapters” ต.ค.65
เล่นใหญ่ใช้กลยุทธ์ Emotional “โมเมนท์ที่ใช่
สร้างได้ไม่ต้องรอ+Reunion
MeaningFul” บู๊สเตอร์รายได้ตลาดไทยและต่างชาติเข้าเป้า 2.38
ล้านล้าน งัดเทรนด์โลก Cinematic คนแห่เสพสื่อหนังโฆษณาลุยเจาะ
3 ตลาดมาแรง
พ่วงจุดขาย BCG+Happy
Model ตะวันออกกลาง “ซาอุดิอาระเบีย”
หลังโควิดโรงหนังผุดเพียบ ตลาดระยะใกล้ในเอเชียบุก “อินเดีย” คู่แต่งงาน/ฮันนีมูน
ทวีปไกล พุ่งเป้า“ยุโรป อเมริกา”ต้อนทัวร์ RTมาไทย
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดทำแผนสื่อสารการตลาดท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้ายปีงบประมาณสิงหาคม-กันยายน 2565 เน้นใช้เนื้อหาสื่อสารการตลาดหรือ Content Communication ส่งไม้ต่อปีงบประมาณใหม่ 2566 ซึ่งจะเริ่มต้น 1 ตุลาคม 2565 เน้นใช้ Emotional Communication ซึ่งจะเป็นการติดอาวุธทำรายได้ท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศปีหน้าให้ได้ตามเป้า 1.73 -2.38 ล้านล้านบาท
ช่วง 2
เดือนสุดท้ายปีงบประมาณ 2565
คีย์หลัก
“ตลาดในประเทศ” ชู “ท่องเที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม”
พร้อมคีย์เวิร์ดสำคัญสอดแทรกในโฆษณาด้วยข้อความ “ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจ
กว่าที่เคย” ให้ความรู้สึกหลากหลายกับคนไทยทั้งประเทศ
เมื่อออกท่องเที่ยวก็เท่ากับทำให้ชุมชนและธุรกิจมีความสุข
เป็นการให้โอกาสทุกภาคส่วนทั้งตัวเรา แหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ
และอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวยิ่งสุขใจกว่าที่เคย ตอบโจทย์ตรงตัวมาก
ไปแล้วไม่ใช่จะเก็บเกี่ยวอย่างเดียว แต่ให้ประโยชน์กับทุกฝ่าย
“ตลาดต่างประเทศ” ชูธีม Amazing Thailand :Amazing New Chapters หลังจากไทยและอีกหลายแห่งเปิดประเทศเป็นทางการแล้ว มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกทยอยเดินทางเข้ามา จึงอยากจะบอกทุกคนถึงเมืองไทยมีความแปลกใหม่มากกว่าเดิม ผ่าน New Chapters ด้วยเป็นบริบทใหม่ทั้งเรื่อง บริการ ธรรมชาติ สถานที่ต่าง ๆ คนทั่วไปอาจจะ Work from Home แต่คนไทย Work from Hearth ทำงานด้วยใจ
ททท.ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามา Life your New/Own Chapters เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับมาเขียนเรื่องราวของตัวเองในเมืองไทยที่เปลี่ยนไป
จากนั้นตามแผนการท่องเที่ยวปีงบประมาณ 2566 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 -30 กันยายน 2566 จะปรับสู่โหมด Emotional Communication
โดยจะมีโครงการสร้างความเปรี้ยงปร้างเพื่อให้เกิดภาพจำเชิงบวก ททท.ยังคงมุ่งบริหารการใช้เงินอย่างคุ้มค่ามากที่สุด เริ่มตุลาคมนี้เป็นต้นไป หลังจากรับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder) และเครือข่ายพันธมิตรท่องเที่ยว ระดมสมองนำเสนอการสื่อสารท่องเที่ยวด้วยอารมณ์ความรู้สึกหรือ Emotional ประกอบด้วย
“ตลาดในประเทศ” จะสร้าง “โอกาสและเวลา” ทันทีภายใต้คอนเซ็ปต์ “โมเมนท์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่พอจะออกไปเที่ยวก็จะบอกว่าไม่มีเวลา แต่คอนเซ็ปต์ใหม่จะช่วยตอกย้ำให้คนใช้โอกาสที่มีตัดสินใจพักผ่อน พาครอบครัว พ่อแม่ ลูก ๆ ออกเดินทางไปยังสถานที่ชอบตามสไตล์ของตนเอง
“โมเมนท์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” เพียงแค่คนคิดก็ทำให้เกิดความสุขตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว ตั้งแต่การดีไซน์เครื่องแต่งกาย นึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ
“ตลาดต่างประเทศ” จะสื่อด้วย “Reunion” การกลับมาพบปะกันย้อนความทรงจำดี ๆ ด้วยกันอีกครั้ง ภายใต้คุณค่าหรือ Meaningful จากผลวิจัยพบว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 คนทั่วโลกหันมาจองเดินทางท่องเที่ยว “เป็นหมู่คณะ” (GIT) นั่นหมายถึง ครอบครัวขยาย กลุ่มเพื่อน หลังรอคอยจะได้กลับมาพบเจอกันเพราะห่างหายกันไปนาน
ขณะนี้ต่างประเทศให้ความสำคัญกับกระแส
Meaningful หมายถึง
ความมีคุณค่าในการเดินทางที่ตอบโจทย์ตัวเองด้วย อันเป็นความคาดหวังที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละคนได้ช่วยเหลือชุมชนต่าง
ๆ ควบคู่กันไปด้วย ทั้งเรื่องประสบการณ์ร่วมในวิถีชีวิตของชาวบ้าน
การรับประทานอาหารถิ่น บางคนไปเที่ยวเพื่อรักษาธรรมชาติที่สวยงามไว้
แล้วเลือกใช้อุปกรณ์ที่ไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์หลักของประเทศและ
ททท.ยังได้เน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใต้นโยบาย
เศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนสร้างโลกสีเขียว BCG :Bio-Circular-Green +การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
:RT -Responsible Tourism
+โมเดลความสุข : Happy Model รวมทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาประเทศที่เดินทางไปตามสถานที่ต่าง
ๆ นั้น
เรื่องที่ 1 ตอบโจทย์ตามยุทธศาสตร์ใหญ่สอดแทรกทุกอนู ทุกความต้องการ ทุกคุณค่า ของการท่องเที่ยวภายใต้ประสบการณ์อันหลากหลายของเมืองไทย โดยมีโปรเจ็กต์ใหญ่ “ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ หรือ Neutral Carbon หรือ Zero Waste ควบคู่กับการท่องเที่ยวตามรูปแบบ BCG และชุมชนท้องถิ่นได้ประโยชน์ร่วมอย่างเต็มที่
เรื่องที่ 2 การเลือกเครื่องมือสื่อสารการตลาดเพื่อเข้าถึงนักเดินทางทุกคน ตอนนี้กระแสเรื่อง “ภาพยนตร์-Cinematic” มาแรง ประมวลผลจากความถี่การดาวโหลดหนังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวเลขวิจัยต่อเนื่องกัน 4 ปี ตรงกันคือ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 % ปีนี้มีมากกว่า 1,000 ล้านสมาชิก (subscription)
ตัวอย่าง ขณะนี้มีภาพยนตร์ไทย “บุพเพสันนิวาส 2” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันแรกมีกระแสตอบรับล้นหลาม เพียงแค่วันเดียวมีคนไทยและต่างชาติ (ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว เวียดนาม ) เข้าไปชมหนังเรื่องนี้กว่า 50 ล้านคน
ททท.จึงใช้กระแสดังกล่าวเข้าถึงแพลตฟอร์มพร้อมกับนำคอนเทนท์ท่องเที่ยวเข้าไปสร้างมิติหนังโฆษณาปลุกกระแสทั้งตลาดคนไทยและต่างประเทศ สร้างอารมณ์ความรู้สึกให้เหมือนกับการได้ดูหนัง ขณะนี้โฆษณาชุดใหม่ของ ททท.ชื่อชุด Amazing New Chapters เป็นหนังสั้น 3 เรื่อง คือ 1.ครอบครัว 2.คู่รัก 3.ผู้สูงวัยและเจเนอเรชั่น Z หรือกลุ่มทำงานด้วยดิจิทัลแล้วท่องเที่ยวได้ด้วยหรือ Digital Nomad
ททท.จึงวางแผนสื่อสารการตลาดปี 2566 ยึดยุทธศาสตร์หลักทั้ง BCG+Happy Model+Meaningful” หนังใหม่กระตุ้นท่องเที่ยวจะเน้นเรื่อง “คุณค่าตอบโจทย์ตัวเอง” ซึ่งจะทำให้โดนใจนักท่องเที่ยวครอบครัว เพื่อนฝูง กลุ่มเดินทางอิสระ จึงต้องอยากกระตุ้นสร้างความรู้สึกร่วมในโมเมนท์ความสุขที่ห่างหายไปนานซึ่งต้องการสื่อสารออกสู่ตลาดในประเทศและทั่วโลก ตอบโจทย์วิถีตลาดใหม่หลังโควิด-19 กลยุทธ์ที่นำมาใช้ผ่านเครื่องมือหนังโฆษณา Cinematic จะตอบโจทย์ได้ตรงเป้ามากที่สุด
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า
การเลือกใช้หนังโฆษณา “ตลาดต่างประเทศ” แบบสอดคล้องตรงเป้าหมายกับ 3 เทรนด์
3 ตลาด
ประกอบด้วย
ตลาดที่ 1 ตะวันออกกลาง พุ่งเป้าตลาดหลัก “ซาอุดิอาระเบีย” เกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีฟื้นกลับมาในช่วงที่ห่างกันไปกว่า 30 ปี ตอนนี้ทั้งการเดินทางท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ระว่างไทยกับซาอุดิอาระเบียดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สายการบินซาอุดิอาระเบียเปิดบินทันทีตั้งแต่มีนาคม 2565 จนถึงขณะนี้ได้เพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นตลอดเวลา
ขณะเดียวกันได้พบข้อมูลที่น่าสนใจนั่นคือ ชาวซาอุดิอาระเบีย หันมาสนใจนิยมการเข้าโรงภาพยนตร์ดูหนังในเมืองใหญ่กลับมาเปิดบริการแล้วมีผู้ชมเต็มทุกรอบ พอเปิดประเทศให้คนได้พบกันอีกครั้งการลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนมาก
ททท.ได้ใช้กระแสความนิยมของซาอุดิอาระเบียเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยการสร้างหนังโฆษณาให้เข้าไปฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ซาอุดิอาระเบีย มีผู้ชมจำนวนมาก จากนั้นก็จะขยายหนังโฆษณาท่องเที่ยวของเมืองไทยไปอยู่ในบนออนไลน์ มือถือ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นต่อไป
ตลาดที่ 2 เอเชีย ซึ่งเป็นตลาดระยะใกล้ (shorthaul) ตอนนี้มาแรงสุด ๆ คือ “อินเดีย” กับกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับไทย ซึ่งมีบางอย่างที่อาเซียนไม่มีเหมือนเมืองไทย จะเน้นเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทางไปมาได้ตลอด หรือ Ease of travelling สามารถเดินทางผ่านช่องทางบก ขับรถผ่านแดนเข้าไทย หรือทางอากาศบินมาเที่ยว หรือทางน้ำ เรือสำราญ ยอร์ช
สำหรับ
“อินเดีย” เป็นกลุ่มเป้าหมายที่
ททท.จะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกด้วยสื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึก รอต้อนรับ
“ตลาดจัดแต่งงาน/Wedding”
ครอบครัวชาวอินเดียให้ความสำคัญมากกับการจัดงานขนาดใหญ่พร้อมฮันนีมูน
บางกลุ่มทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำมาไทย
ตลาดที่ 3 ระยะไกล (Longhaul) ยุโรป อเมริกา พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ RT :Responsible Tourism ททท.จะต้องพิสูจน์ให้ได้ถึงสื่อสร้างอารมณ์ทั้งโมเมนท์การเดินทางและการสร้างความคุ้มค่า เพื่อให้ได้รับประสบการณ์เรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เนื่องจากรูปแบบการเดินทางเที่ยวเมืองไทยมีความหลากหลาย ได้รับการชื่นชมว่าได้รับความสะดวกสบาย
ขณะนี้ได้ริเริ่มเลือกสิ่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะระบบคมนาคมขนส่งซึ่งหันมาใช้รถประหยัดพลังงาน รถอีวี รถพลังงานไฟฟ้า แท็กซี่บางค่าเริ่มใช้รถระบบไฟฟ้า เรือท่องเที่ยว ก็เช่นกัน หรือโรงแรมทำแคมเปญรณรงค์พร้อมกับมีอุปกรณ์ชาร์ตแบตเตอรี่บริการรถระบบไฟฟ้าบ้างแล้ว
ส่วนร้านอาหารก็ปรับรูปแบบหันมาใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เสิร์ฟ Dine fining และมีการจัดการที่ดี หรือนักท่องเที่ยวที่เลิกรับประทานเนื้อสัตว์ อุตสาหกรรมการเกษตรไทยพลิกกลยุทธ์หันมาทำผลิตภัณฑ์พืชเกษตรแทนเนื้อสัตว์ เพื่อการบริโภค วางจำหน่ายตามงานต่าง ๆ เป็นเรื่องใหม่ที่ดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ททท.มีหน้าที่ต้องรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไปนำเสนอกับนักท่องเที่ยวแต่ละตลาดอย่างชัดเจน
ตอบโจทย์ประสบการณ์เทรนด์การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบเต็มรูปแบบ
สร้างรายได้จากตลาดคุณภาพสูงเข้าประเทศปี 2566
นายศิริปกรณ์กล่าวตอนท้ายว่า ขอเชิญชวนคนไทยให้โอกาสสร้าง “โมเมนท์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” สร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมทางและครอบครัวในสถานที่ท่องเที่ยวใดให้บันทึกไว้แล้วแชร์ความรู้สึกดี ๆ สู่สังคม ททท.นั้นพร้อมที่จะนำข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่ร่วมกันแชร์ไว้รวบรวมโมเมนท์เหล่านี้มาผลิตเป็นคลิปวิดีโอเผยแพร่สู่สาธารณะ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ช้อป“วันแม่”ของขวัญพิเศษวันนี้-7ส.ค.ลดใหญ่50%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดให้ช้อปของขวัญสุดพิเศษ “วันแม่” ตลอดเดือนสิงหาคม 2565 ได้ทุกช่องทางทั้งออนกราวนด์หน้าร้านทุกสาขาในเมืองและสนามบินนานาชาติของไทย ออนไลน์ แอพลิเคชั่น เพิ่มความสุขและประสบการณ์ความรักในครอบครัวกับ 2 โปรโมชั่น
โปรโมชั่นแรก
“MOM'S GIFT GUIDE” ลดสูงสุด 50% ลดเพิ่มสูงสุด 35% ช้อปได้ไม่ต้องยั้ง แถมยังด้ของถูกใจที่มีให้เลือกนับหมื่นรายการ
พร้อมดีลคุ้มสุดพิเศษ ราคาสบายกระเป๋า โดยไม่ต้องมียอดขั้นต่ำในการสั่งซื้อ
เพียงแค่คลิกล็อกอินก่อน เพื่อรับรหัสส่วนลด GIFT50 แล้วนำไปใช้ได้ทาง www.kingpower.com และแอปพลิเคชัน KING
POWER ระหว่างวันนี้ - 7 สิงหาาคม 2565
พร้อมทั้งรับสุดคุ้มอีก 6 สิทธิ์ ได้แก่ 1.จ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้วแบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทสุทธิ หรือผ่อนนาน 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทสุทธิ 2.บริการส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699 บาทสุทธิ 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง 5.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทสุทธิ
โปรโมชั่นที่ 2 ร่วมกิจกรรม WORKSHOP AROMA BAG ตั้งแต่วันนี้ – 31
สิงหาคม 2565 ที่เคาน์เตอร์ แบรนด์ DIVANA คิง เพาเวอร์
รางน้ำ เมื่อช้อป DIVANA ผ่านทางออนไลน์หรือหน้าร้านครบ 1,500
บาท ร่วมทำกิจกรรมได้ทันทีกับผลิตภัณฑ์เครื่องหอมโบราณอยู่คู่ไทยมายาวนาน
เหมาะจะนำไปมอบเป็นของขวัญวันแม่ แสดงความรักด้วยกลิ่น ดอกไม้นานาพันธุ์ เพิ่มความสดชื่น คลายความอ่อนล่า
และช่วยให้นอนหลับสบาย
ข่าวที่ 2 เปิดช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินแจกส่วนลดตลอดส.ค.สูงสุด2,400บาท
คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปโปรโมชั่น HOT คิง เพาเวอร์ได้ถึง 4 สนามบินนานาชาติ ระหว่างวันนี้ -31 สิงหาคม 2565 เลือกช้อปที่สนามบินไหนก็คุ้ม!
สนามบินแรก คิง เพาเวอร์สุวรรณภูมิ รับคูปองส่วนลด 2 ใบ! ไว้ช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง ประกอบด้วย คูปอง ใบที่ 1 ช้อปครบ 6,000 บาท ขึ้นไป จ่ายเพียง 5,000 บาท คูปองใบที่ 2 ช้อปครบ 12,000 ขึ้นไป จ่ายเพียง 9,600 บาท
สนามบินที่ 2 และ 3 คิง เพาเวอร์ ดอนเมือง และภูเก็ต รับส่วนลดพิเศษ 1,000 บาท เมื่อเลือกช้อปสินค้าแบรนด์หมวดหลัก ๆ คือ น้ำหอม เครื่องสำอาง นาฬิกา แฟชั่น และเครื่องประดับ ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป จ่ายเพียง 5,000 บาท
สนามบินที่สี่ คิง เพาเวอร์ เชียงใหม่ รับส่วนลดพิเศษ 1,000 บาท! เมื่อเลือกช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง ครบ 6,000 บาทขึ้นไป จ่ายเพียง 5,000 บาทเท่านั้น
ข่าวที่ 3 โปรคิงเพาเวอร์3คุ้ม+Travel Exclusiveรับของขาเข้าขาออกลด2พันบาท
คิง เพาเวอร์ กระตุ้นนักช้อปเพิ่มด้วยโปรเด็ด 3 คุ้ม ตลอดเดือนสิงหาคม 2565 ให้กับนักเดินทางที่ชอบเที่ยวทั้งมีไฟลต์บินหรือไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ รีบช้อปแล้วรับได้ทันทีกับ 3 คุ้มต้องห้ามพลาด
คุ้มที่ 1 รับส่วนลดทันที 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท (สุทธิ) /
ใบเสร็จ 1 สิทธิ์/วัน/คน
คุ้มที่ 2 รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท (สุทธิ) /
ใบเสร็จ 1 สิทธิ์/คน/วัน
คุ้มที่ 3 อิ่มฟรี 200 บาท เมื่อมียอดช้อป 5,000 บาท ขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ นำคูปองฟรีไปใช้ได้ที่ศูนย์รวมอาหารสตรีทฟู้ดแถวหน้าของเมืองไทย บริเวณ THAI TASTE HUB คิง เพาเวอร์รางน้ำ เปิดทุกวัน และคิง เพาเวอร์ ศรีวารี เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์
โปรโดน ช้อป สินค้า Travel Exclusive มอบให้นักเดินทางที่มีไฟลต์บินเลือกช้อปผ่านบริการ King Power Click & Collect ลดภาระการหอบสินค้าติดตัวไปตามสถานที่ต่าง ๆ แถมก่อนขึ้นเครื่องก่อนขึ้นเครื่อง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก็ช้อปได้สบาย ๆอย่างเต็มที่ ทางช้อปเลยที่ kingpower.com และ King Power Application ตามสิทธิ์ดังนี้
“รับสินค้าขาออกประเทศ” ลด 1,000 บาท เมื่อช้อป 5,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ กรอกรหัสลด “FLY1000” ช้อปแบบไม่ต้องหิ้วสัมภาระ เพียงแค่คลิกก็รอรับสินค้าได้ตลอด
“รับสินค้าขาเข้าประเทศ” ลด 2,000 บาท เมื่อช้อป
8,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ กรอกรหัสลด “FLY2000”
ข่าวที่ 4 ททท.+RobinhoodโปรGoodDealsเชียงใหม่นำโรงแรมขายห้องพัก1บาท
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ร่วมกับ ททท.จับมือกับ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood เพื่อจัดทำ“Good Deals” ผ่าน Robinhood Travel ภายใต้โครงการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว Chiangmai Booster Shot ต่อเนื่อง 45 วัน เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2565 มุ่งส่งเสริมการตลาดร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่ มอบส่วนลดสุดพิเศษ โรงแรมที่พัก ค่าอาหาร และฟรีค่าจัดส่ง ตั้งเป้ากระตุ้นรายได้การเข้าพักช่วงปลายปี 2565 สร้างเงินหมุนเวียนเพิ่มในพื้นที่กว่า 40 ล้านบาท
หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ททท.เร่งเดินหน้าต่อยอดกระตุ้นตลาดระยะสั้นตั้งแต่วันนี้ถึงตุลาคม 2565 ผลักดันเป้าหมายตลาดประเทศตามปีงบประมาณ 2565 จะทำต้องทำรายได้ให้ถึง 656,000 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง
นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. กล่าวว่า
โครงการ Chiangmai Booster Shot กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวเชียงใหม่
ซึ่งเป็นจังหวัดหลักของภาคเหนือ จึงได้จัดกิจกรรม “Good Deals” ผ่าน Robinhood Travel บริการการนำเที่ยวออนไลน์ภายในแอปพลิเคชัน
สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) และสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ มอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า
ความหมายเหนือมูลค่าสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นตลาด
กระจายรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาอย่างแข็งแรงและยั่งยืน
นายสีหนาท ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์ม Robinhoodกล่าวว่า “จากสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น จึงร่วมกับ ททท.และพันธมิตร รุกทำพันธกิจสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม และสานต่อความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวไทยด้วยแคมเปญ “Good Deals” ชวนคนไทยและลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Robinhood กว่า 3 ล้านคน เที่ยวเชียงใหม่
โดยมีไฮไลต์ชวนไปสัมผัสประสบการณ์ “เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน” แบบสุดคุ้ม เพียงจองที่พักในเชียงใหม่กับ “Robinhood Travel” รับส่วนลดจัดเต็ม 3 แบบ ได้แก่ 1. จองโรงแรมที่ร่วมแคมเปญได้ในราคาเพียงบาทเดียว 2.รับโค้ดส่วนลดโรงแรมสูงถึง 1,000 บาท และ 3. ส่วนลดโรงแรมชั้นนำระดับ 5 ดาว สูงสุดถึง 70% พร้อมรับสิทธิ์โค้ดส่วนลดค่าอาหาร และฟรีค่าส่งอาหารสูงสุดจำนวน 20 ครั้ง
สำหรับรายละเอียดแคมเปญ “Good Deals” ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจองที่พักในเชียงใหม่ กับ “Robinhood Travel” ทำง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่
1 จองโรงแรม 1 บาท เพียงกรอกโค้ด
“CNX1” ตามระยะเวลาจอง 1 – 7 สิงหาคม 2565 เข้าพักได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2565
ขั้นตอนที่ 2 รับโค้ดส่วนลดโรงแรมสูงถึง 1,000 บาท เพียงกรอกโค้ด “BOOSTERCNX” เมื่อจองที่พักขั้นต่ำ 2 คืนขึ้นไป รวมทั้งมีมูลค่ารายการจองโรงแรมตั้งแต่ 1,600 บาทขึ้นไป ต่อการทำรายการจอง 1 ครั้ง ระยะเวลาจอง 1 – 31 สิงหาคม 2565 เข้าพักได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2565
ขั้นตอนที่ 3 ส่วนลดโรงแรมชั้นนำระดับ 5 ดาว สูงสุดถึง 70% ระยะเวลาจอง 1 – 31 สิงหาคม 2565 เข้าพักได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2565
ส่วนการรับสิทธิ์เป็นโค้ดส่วนลดค่าส่งอาหารฟรีสูงสุด
20 ครั้ง ระยะทางไม่เกิน 30
กิโลเมตร และรับโค้ดส่วนลดค่าอาหารฟรี 100 บาท! ได้อีก 3 ครั้ง เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 200 บาท
จากร้านค้าที่ร่วมรายการในเชียงใหม่
ข่าวที่ 5 TCEBงัดหนังโฆษณากระตุ้นรัฐ-เอกชนอัดเงินจัดไมซ์เอาท์ดอร์ทั่วไทย
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศซึ่งจะสร้างความฮือฮาปลุกกระแสความคึกคักอีกครั้งด้วยชื่อชุด “ไมซ์ไทยมนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” นำกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดด้วยรูปแบบ Music Marketing ภายใต้แนวคิด วันนี้ห้องประชุมเปิดกว้างทั่วเมืองไทยหรือพื้นที่เอาท์ดอร์ที่มีให้เลือกหลากหลายทั่วประเทศ
ภาพยนตร์ชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรต่าง ๆ พร้อมใจกันจัดไมซ์ ตามสถานที่ต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 พร้อมใจกันลุกขึ้นมาทำกิจกรรมไมซ์ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาโดยเร็ว ชวนกันออกมาร่วมจัดประชุม อบรม สัมมนา ในประเทศ ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกัน ทั้งทะเล ภูเขา ธรรมชาติ ชุมชน ท้องทุ่งนาเขียวขจี
ต้องห้ามพลาด !!สำหรับผู้ที่เดินทางไปจัดประชุม สัมมนา อบรม ในพื้นที่เอาท์ดอร์ทั่วประเทศ เลือกทำกิจกรรมการมีส่วนร่วมทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ทั้ง การปลูกป่า การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาทำผ้ามัดย้อมสร้างสรรค์เป็นแฟชั่นไทยสวมใส่อย่างมีคุณค่า
ประการสำคัญภาพยนตร์ชุด
“ไมซ์ไทยมนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” ได้นำเสนอตัวอย่างการจัดประชุมในพื้นที่กลางแจ้งหรือ
Outdoor ซึ่งมีอยู่ทั่วเมืองไทย ซึ่งจะทำให้องค์กร หน่วยงาน รัฐและเอกชนทั้งประเทศ
สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้พนักงาน รวมทั้งสร้างความสามัคคี
นำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ
ปลุกกระแสไมซ์ไทยร่วมขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยไปด้วยกัน
ข่าวที่ 6 บางจากปลื้มตั้งCMCปีเดียวซื้อขายคาร์บอนเครดิตเท่าปลูกต้นไม้32ล้านต้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มความสนใจการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยปรับสูงขึ้นอย่างน่าจับตา
หลังจากก่อตั้ง CMC : Carbon
Markets Club ขึ้นโดยบางจากฯ ร่วมกับพันธมิตร 11 องค์กร ผลสรุปช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 มียอดการซื้อขายผ่าน
CMC สถิติการขาย TVER 218,167
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ REC 127,934 MWh หรือคิดเป็นปริมาณเทียบเท่ารวมประมาณ 277,017
ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือคิดเป็นประมาณการปลูกต้นไม้ที่มีอายุ 10 ปี กว่า 32 ล้านต้น ใกล้เคียงกับตัวเลขซื้อขาย TVER ตลอดทั้งปี 2564 เป็นผลดีกับตลาดในไทย ปัจจุบันมีข้อมูลบ่งชี้ว่ามีอุปทานมากกว่าอุปสงค์อยู่หลายเท่า
สถานการณ์ภาพรวมครึ่งแรกปี 2565 ยอดซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVER ทำได้ 95 % ของยอดที่มีการชดเชย ทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) รายงานว่ายอดขาย REC ปรากฎตัวเลขเป็นรายปีช่วงปี 2564
ได้ซื้อขาย REC ผ่าน CMC ประมาณ 27 % ของยอดซื้อขายทั้งหมด
สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากโครงการของไทยจากตลาดคาร์บอนภายในประเทศ
ปัจจุบัน
ยังมีปริมาณไม่มากนัก เพราะเป็นการสมัครใจตลาดจึงมีขนาดเล็กเติบโตเฉลี่ย
ตามข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกมีเพียงปีละ 8.5 % อีกทั้งประชาชนทั่วไปยังไม่ค่อยได้ตระหนักเกี่ยวกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจึงมีค่อนข้างน้อย
ทำให้ CMC ต้องเร่งรณรงค์ให้ความสำคัญสร้างการรับรู้ ให้ข้อมูลข่าวสารผ่านกิจกรรมต่าง
ๆ พร้อมทั้งเชิญชวนให้องค์กรและประชาชนทั่วไปมาสมัครเป็นสมาชิกฟรี
นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มว่า
CMC เป็นแพลตฟอร์มรองรับทุก ๆ certification ไม่ว่าจะเป็น TVER หรือ REC รวมถึงรูปแบบอื่น
ๆ ที่อาจจะมีขึ้น แล้วนำมาเสนอขายในตลาดหรือMarketplace ผ่านช่องทางเว็บไซต์
www.carbonmarketsclub.com เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาและเลือกซื้อ
เป็นการสนับสนุนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศผ่านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยมี
อบก.
และแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิตของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอีกทาง
ทั้งนี้ CMC ที่กลุ่มบางจากฯ ริเริ่มบุกเบิกก่อตั้งเมื่อ 28 มิถุนายน 2564 ร่วมกับสมาชิกตั้งต้น11 หน่วยงานสมาชิก ได้แก่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอจำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทยจำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
สมาชิกทั้งหมดมีความมุ่งมั่นจะช่วยกันสนับสนุน เผยแพร่ ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอน เครดิต ในระบบ T-VER โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REC) โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือรูปแบบอื่น ๆ ในอนาคตต่อไป
ช่วงที่
2 ล่องใต้ไปเพิ่มเมนูความสุขกับทริป
“ท่องเที่ยวเมืองสตูล” ปักหลักสูดโอโซน “ชุมชนบ้านบากันใหญ่” ในอ้อมกอดธรรมชาติ
ทัวร์เกาะ ชมทะเล ชายแดนไทย มาเลเซีย แล้วนั่งเรือไปลอดถ้ำ “ปูยู” เขากาหยัง
อุทยานทะเลบัน ตื่นตากับนั่งเรือลอดถ้ำ ชมประติมากรรมหน้าผาหินปูน ละลานด้วยหินงอกหินย้อย
จากนั้นเชิญชวนคนไทย “คัดแยกทิ้งขยะได้ถูกต้องช่วยโลกได้ถูกทาง” แยกด่วนขยะ 4 ประเภท ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก-พิพัฒน์ รัชกิจประการ
รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว นำทีมลั่นไทยพร้อมเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค 14-20 ส.ค.65 ข่าวที่สอง “ดุสิตปริ๊นเซสโฮเต็ลแอนด์อพาร์ทเมนท์”
ลุยลงทุนเปิดที่ไนโรบี เคนยา หวังโกยเงินมหาเศรษฐี
ท่องเที่ยว - อะเมซิ่งท่องเที่ยวเมืองสตูลเติมสุขพักโฮมสเตย์บ้านบากัน-ถ้ำลอดปูยู
ลงใต้ไปเสพสุขกับประสบการณ์ใหม่ อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม กับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในอำเภอเมือง จังหวัดสตูล เที่ยว “ชุมชนบ้านบากันใหญ่” ตั้งอยู่ที่เกาะสาหร่าย เป็นหมู่บ้านของชาวประมงและเปิดเป็นที่พักโฮมเตย์ โดยสามารถเดินจากที่พักไปดูสันหลังมังกรได้ การเดินทางไปบ้านบากันใหญ่ สามารถไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทุ้งริ้น ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ชวนกันเที่ยวไทย ยิ่งออกเดินทาง ยิ่งได้เห็นธรรมชาติวิถีชีวิตชาวประมงและทิวทัศน์ชายฝั่งสวยงามทางธรรมชาติและน้ำทะเลใส ยังคงมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่ เป็นชุมชนชาวประมงเล็ก ๆ
ชาวบ้านบากัน ได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ไฮไลต์ ชมทะเลแหวกสันหลังมังกรแดง เกาะบากันใหญ่ พายเรือคายัค หรือเดินชมความงดงามของป่าชายเลน ตื่นตาตื่นใจเพลิดเพลินกับสัตว์น้ำปะการังน้ำตื้นนาๆ ชนิด เรียนรู้ และร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อม กินอาหารทะเลสดๆจากทางชุมชน นั่งรถเที่ยวชมรอบเกาะ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชน และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านบากันใหญ่ โทร.089-6597194
ต่อด้วย “ถ้ำลอดปูยู” ที่เขากาหยัง ตำบลปูยู อ.เมือง จ.สตูล นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตากับถ้ำที่มีหน้าผาสูงชัน เต็มไปด้วยประติมากรรมหินงอกหินย้อยสวยงาบนผนังถ้ำ ช่วงน้ำลงนั่งเรือลอดได้สะดวก โดยเช่าเรือหางยาวตรงท่าเรือตำมะลัง หรือท่าเทียบเรือประมงสตูล ก็ได้ จะมีไกด์พาชม
เขากาหยังอยู่ห่างจากอุทยานฯ
ห่างจากตัวจังหวัด 15 กิโลเมตร
คล้ายกับถ้ำลอดในอ่าวพังงา โดยมีคลองท่าจีนไหลผ่านถ้ำ
“ปูยู”เป็นตำบลเล็ก
ๆ เงียบสงบอยู่ติดชายแดนมาเลเซีย 39,450 ไร่ สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน ป่าโกงกาง และไม้แสมขึ้นอยู่มาก ทางด้านทิศใต้เชื่อมกับมาเลเซีย
ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและมีพื้นที่ติดกับอุทยานแห่งชาติทะเลบัน รอบชุมชนโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์
ทิวเขา และเกาะต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ได้แก่ เกาะยาว เกาะปรัสมานา เกาะกาหราบ
ตลอดจนถึงเกาะตะรุเตา อาดัง เกาะลีเป๊ะ รวมทั้งเกาะลังกาวี มาเลเซีย
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์คือบริเวณ เขากาหยังกับคลองกาหยัง ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของหน้าผาสูงชัน แท่งหินรูปร่างประหลาดชวนจินตนาการ หินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ความเร้าใจตอนนั่งเรือลอดผ่านเข้าไปในโพรงถ้ำที่มีปลายทางเป็นป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์
มาเที่ยวสตูลพักโฮมสเตย์ “บ้านบากันใหญ่” สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด
แล้วลองไปล่องเรือลอดถ้ำ “ปูยู” ชมประติมากรรมผาหน้าเขาหินปูนสักครั้ง
แล้วจะรู้ว่าเที่ยวเมืองไทย ยิ่งเที่ยว ยิ่งให้ ยิ่งได้ประสบการณ์ดี ๆ ในชีวิต
สุขภาพ -ชวนคนไทยทิ้งขยะ4ประเภทได้ถูกต้องช่วยโลกได้ถูกทาง
ทุกวันนี้เรื่องการจัดการขยะถือเป็นปัญหาใหญ่ เหตุผลหนึ่งคือ เพราะคนทิ้งขยะโดยไม่รู้ว่าควรจะแยกขยะก่อนหรือควรแยกอย่างไร เนื่องจากขยะที่ปะปนกันส่งผลให้จัดการขยะได้ยาก ส่วนขยบางอย่างนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก และบางชิ้นเป็นขยะอันตรายต้องจัดการอย่างถูกวิธี หากเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็จะสามารถช่วยโลกให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นได้ลงมือทำดังนี้
“ขยะ”ก่อนคัดแยกทิ้ง ต้องจัดการให้ถูกวิธี แยกให้ถูกต้องมีอยู่ 4 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ขยะย่อยสลาย/ขยะเปียก เช่น เศษผัก เปลือกผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้
เศษเนื้อสัตว์
ลักษณะ :
ขยะเน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว สามารถนำมาหมักทำปุ๋ยได้
ประเภทที่ 2 ขยะรีไซเคิล เช่น แก้ว กระดาษ กระป๋องเครื่องดื่ม เศษพลาสติก เศษโลหะ อะลูมิเนียม
ยางรถยนต์ กล่องกระดาษ กล่องเครื่องดื่ม
ลักษณะ : บรรจุภัณฑ์หรือวัสดุเหลือใช้
ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้
ประเภทที่ 3 ขยะอันตราย เช่น เข็มฉีดยา แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย
น้ำมันเครื่องใช้แล้ว
ลักษณะ :
ขยะปนเปื้อนหรือมีองค์ประกอบของวัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถุมีพิษ
วัตถุที่ทำให้เกิดโรค วัตถุกัดกร่อน และวัตถุที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเภทที่ 4 ขยะทั่วไป เช่น ถุงขนมกรุบกรอบ ถุงพลาสติกบรรจุผงซักฟอก
พลาสติกห่อลูกอม ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถุงพลาสติกใส่อาหาร
ลักษณะ : ขยะที่ย่อยสลายยากและไม่คุ้มค่าสำหรับการนำกลับมาใช้ใหม่
เมื่อเรารู้จักขยะชนิดต่าง ๆ แล้ว
ต้องช่วยกันแยกขยะก่อนทิ้ง โดยเริ่มตั้งแต่ขยะในบ้าน
ซึ่งการแยกขยะนั้นสามารถช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่รถเก็บขยะได้มาก
และขยะที่เราแยกไว้สามารถนำไปรีไซเคิลหรืออาจขายได้ ที่สำคัญควรคิดทุกครั้งก่อนทิ้ง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –“พิพัฒน์”ลั่นไทยพร้อมเจ้าภาพประชุมรมว.ท่องเที่ยวเอเปค14-20ส.ค.นี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเป็นเจ้าภาพในนามประเทศ จัดเป็นครั้งแรกในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องจาก 21 เขตเศรษฐกิจเอเปครวมกว่า 300 คน ระหว่าง 14-20 สิงหาคม 2565 ที่กรุงเทพมหานคร นำเสนอการจัดงานในรูปแบบ “Low Carbon” ภายใต้แนวคิด Regenerative Tourism : การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวของ 21 เขตเศรษฐกิจเอเปค
สำหรับ Regenerative Tourism : การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน เป็นแนวคิดเน้นการจัดการการท่องเที่ยวแบบองค์รวม โดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแหล่งท่องเที่ยวในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และวิถีชุมชน ไม่เฉพาะการฟื้นฟูทรัพยากรที่เสื่อมโทรมเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การปรับสมดุลจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับแหล่งท่องเที่ยว ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณนักท่องเที่ยว สนับสนุนให้คนท้องถิ่นมีส่วนร่วมและได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รู้จักรักและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
โดยนำแนวคิด BCG -Bio-Circular-Green Economy ประกอบเข้าด้วยกันครบทุกมิติทั้ง ภูมิปัญญาท้องถิ่น นวัตกรรม ดิจิทัล เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ มาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การท่องเที่ยวนำไปสู่ความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งหวังผลจากการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยจะผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งไทยจะได้ประโยชน์จากการเสนอแนวคิด คือ
เรื่องที่ 1 เป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ต่อยอดมาจากแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) เพื่อจะช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดูแลรักษาทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน และให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม เกิดการกระจายรายได้สู่คนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
เรื่องที่ 2 สร้างประโยชน์ร่วมต่อสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคในการฟื้นการท่องเที่ยวจากวิกฤตการณ์ โควิด-19 ให้คืนกลับมา และบรรลุเป้าหมายของการท่องเที่ยวที่นำทรัพยากรมาใช้แล้วช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นกว่าเดิม สังคม วัฒนธรรม มีความคิดสร้างสรรค์ มีคุณค่ามากขึ้น เศรษฐกิจที่เน้นให้คนท้องถิ่นมีอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สอดคล้องเชื่อมโยงกับ หัวข้อหลักของการเป็นเจ้าภาพเอเปคปีนี้ของไทย คือ “Open. Connect. Balance.” หรือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล”
รมว.พิพัฒน์กล่าวว่า ได้จัดกิจกรรมคู่ขนานการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคและคณะทำงานด้วย คือการจัดสัมมนาวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “Co–Creating Regenerative Tourism” กิจกรรมทัศนศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวตลาดน้อย ย่านเจริญกรุง และ สามพรานโมเดล จังหวัดนครปฐม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวชุมชน และสามารถเชื่อมโยงไปสู่แนวคิดหลักของการประชุมครั้งนี้
จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมด้วยไมตรีจิตอันอบอุ่น เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนจากนานาประเทศ และขอให้คนไทยร่วมกันสนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ในการประกาศความพร้อมของประเทศไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคด้านการท่องเที่ยวปี
2565 มีผู้เข้าร่วมด้วยคือ นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้บริหารครบทีม
เพื่อรวมพลังกันนำประเทศไทยทำภารกิจ “Regenerative
Tourism :
การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน”
เพื่อเป็นแนวทางฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในอนาคตต่อไป
ข่าวที่สอง –ดุสิตปริ้นเซสฯรุกเปิดโรงแรมไฮบริดในเคนยาหวังโกยเงินเศรษฐี
นายฟรังโก รีเอนโซ
ผู้จัดการทั่วไปของดุสิตปริ้นเซส โฮเทล เรสซิเด้นซ์ เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานี รุกขยายธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ ล่าสุดเปิดโรงแรมไฮบริดล้ำสมัย
“ดุสิตปริ้นเซส โฮเทล เรสซิเด้นซ์” ที่ไนโรบี ประเทศเคนยา มีห้องพักและอพาร์ทเมนท์ดีลักซ์ขนาดกว้างขวางตั้งอยู่ในย่านเวสต์แลนด์ย่านธุรกิจสำคัญเพียง
5 กิโลเมตร และใช้เวลาจากสนามบินนานาชาติโจโม เคนยาตา เพียง
40 นาทีเท่านั้น
โรงแรมไฮบริดแห่งนี้ตั้งเป้าจะกำลังซื้อตลาดนักเดินทางเพื่อธุรกิจและนักท่องเที่ยว
เหมาะกับผู้เข้าพักระยะสั้นและระยะยาว โดยมีห้องพักและอพาร์ทเมนท์ดีลักซ์รวม 100 ห้อง ประกอบด้วย 3 แบบ คือ 1.ห้องดีลักซ์ 14 ห้อง 2.ห้องสตูดิโอ
30 ห้อง 3.อพาร์ทเมนท์แบบ 1 ห้องนอน 56 ห้อง
บริการด้วยวิถีไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิต
ผสมผสานกับวัฒนธรรมและมรดกของชาวเคนยาอย่างมีศิลปะ เพื่อผู้เข้าพักยังจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มรูปแบบ
เช่น สระว่ายน้ำอุ่น ห้องออกกำลังกายบนชั้นดาดฟ้าสุดล้ำสมัย และห้องประชุมรวม 5 ห้อง ที่มีความจุรวมสามารถรองรับแขกได้ถึง 150 คน
พร้อมทั้งได้จัดเฉลิมฉลองการเปิดตัวโรงแรมด้วยห้องพักราคาพิเศษ
ต่อเนื่อง 4 เดือน เริ่มตั้งแต่
วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2565 ห้องดีลักซ์เริ่มต้นที่ 4,300 บาท (USD 120)
/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า อพาร์ทเมนต์แบบหนึ่งห้องนอน ราคาเดือนละ 125,580 บาท (USD 3,500)
ไฮไลต์บริการภายในโรงแรม มี “ร้านอาหาร”
เด่น ๆ คือ แกร็บ-แอนด์-โก กับ ดิ โอลีฟ เปิดตลอดทั้งวัน
โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอิตาลี มีสีสันและภาพขององุ่นและมะกอก
โดยเฉพาะ ดิ โอลีฟนำเสนอบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า รวมถึงอาหารนานาชาติและอาหารท้องถิ่นที่คัดสรรมาอย่างดี
พร้อมทั้งมีบาร์บนชั้นดาดฟ้าชื่อ “อลาวรี่ เลานจ์ บาร์” ให้นั่งชมวิวสวยงามของเมือง
บาร์โดยรอบตกแต่งด้วยกรงนกที่หรูหราด้วยแรงบันดาลใจจากชีวิตของนก พืชและสัตว์ต่างๆ
นำเสนอเครื่องดื่มค็อกเทลสุดคลาสสิกและเสียงเพลงจากดีเจของโรงแรม
ขณะเดียวกัน “ดุสิตปริ้นเซส โฮเทล
เรสซิเด้นซ์” ยังตั้งใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง
ลูกค้าสามารถเดินทางไปสำรวจมรดกอันมีเอกลักษณ์และชมสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของเมืองหลวงของเคนยา
หรือเดินทางไปอุทยานแห่งชาติไนโรบี
ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในโลกภายในเมืองหลวง ใช้เวลาขับรถจากที่พักเพียง 45 นาที ชมความสวยงามของสัตว์ต่างๆ เช่น สิงโต ควาย
เสือดาว แรด และอีกมากมาย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น