“สามพราน+สมาคมTOCA”เปิดความสำเร็จดึงเอเปคบูมBCG Model “ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น-บรูไน ทึ่ง!อินทรีย์โมเดล&แพลตฟอร์มTOCAแก้เศรษฐกิจปลดหนี้แสนล้าน
“สามพราน+สมาคมTOCA”เปิดความสำเร็จดึงเอเปคบูมBCG Model
“ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น-บรูไน”เล็งแผนแลกเปลี่ยนโมเดลชุมชนอินทรีย์
ทึ่ง!อินทรีย์โมเดล&แพลตฟอร์มTOCAแก้เศรษฐกิจปลดหนี้แสนล้าน
คิงเพาเวอร์แจกดีลดีคุ้ม4สนามบิน”สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต-ชม.”
คิงเพาเวอร์จัด“FASCINATING PAYDAY”ช้อปออนไลน์ลดไม่ยั้ง40%
ททท.ปลุกทัวร์ฟรี“Hop-on Hop-off @Phuket”ภูเก็ต7หาด1-30ก.ย.
TCEBปลื้มดึง8งานโลกฟื้นเศรษฐกิจปลายปี65ควบ5ปีหน้าอีก2เอ็กโป
บางจากฯปลื้มความสำเร็จนักลงทุนเชื่อมั่นแห่ซื้อหุ้นกู้หมื่นล้านบาท
ชวนเที่ยวบุรีรัมย์ขึ้นเขาพนมรุ้ง-ตะลอนทัวร์เส้นทางไหมไทย6ชุมชน
6
เคล็ดลับนอนหลับอย่างไรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีความสุข
ดุสิตธานีผนึกค่ายใหญ่ORร่วมทุนดุสิตฟู้ด25%ผงาดนำธุรกิจอาหาร
แอคคอร์เปิดโรงแรมน้องใหม่“ไอบิสสไตล์สีลม”โปรห้องพักลด20
%
มีเลียสมุยงัดวิถีไทยจัดโปรสมุยพาราไดซ์โกยตลาดคุณภาพเศรษฐี
วันอาทิตย์ที่
28
สิงหาคม 2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM
97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #เที่ยวภูหินร่องกล้า
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/faFipopbAu/
ช่วงที่
1 เจาะลึกคณะเอเปคต่อยอดท่องเที่ยวไทยในเวทีโลก
กับ “อรุษ นวราช ผู้ก่อตั้งสามพรานโมเดลและนายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย TOCA ดันสามพราน+BCG Model
เข้าตา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บรูไน พร้อมใช้ต้นแบบ “ชุมชนขนาดเล็ก” พัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน
ชีวภาพ และสีเขียว ชูแพลตฟอร์ม TOCA แห่งแรกของโลก
ปูทางความสำเร็จได้มากกว่าการท่องเที่ยวและการกินเปลี่ยนโลก สามารถช่วยขับเคลื่อน 3 ส่วน 1.ระบบเศรษฐกิจชาติ ปลดหนี้เกษตรกรหลายแสนล้าน
2.สร้างสังคมสีเขียวนำประเทศเข้าสู่เทรนด์คาร์บอนต่ำ
3.สิ่งแวดล้อมยั่งยืน
ลุยจัด 2 อีเวนต์ใหญ่
“TOCA Network ปักหมุดแรกอีสาน
จ.ขอนแก่น พ.ย.นี้ และ จัดมหกรรม “สังคมสุขใจ” ที่สวนสามพราน ก.พ.66
นายอรุษ
นวราช
ผู้ก่อตั้งสามพรานโมเดลและนายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย เปิดเผยว่า ได้รับโอกาสจากคณะผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปคเดินทางมาดูงาน
“สามพรานโมเดล” ในมุมผู้ประกอบการทำธุรกิจสอดคล้องกับ BCG Model ซึ่งทางสามพรานพัฒนาโดยตอบโจทย์
3 อุตสาหกรรมหลัก
ได้แก่ เกษตร อาหาร ท่องเที่ยว ซึ่งทำมากว่า 10 ปี เกื้อกูลสังคมเชื่อมโยงกับเกษตรกรรอบพื้นที่แล้วนำผลิตภัณฑ์ซึ่งปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีมาวางจำหน่ายใน
“ตลาดสุขใจ” บริเวณสวนสามพราน รวมทั้งนำไปขายกับโรงแรม ร้านอาหาร
ที่แนะนำทั่วประเทศ
สามพรานโมเดลมุ่งเน้นฉายภาพให้เห็นความสำเร็จของ
BCG : Bio-Cirular-Green
Economy ซึ่งสามารถทำได้ในชุมชน
ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะธุรกิจขนาดเพียงอย่างเดียว ประกอบด้วย เรื่องแรก
ได้รณรงค์เกษตรกรในพื้นที่สามพรานและเครือข่ายหันมาปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ ตอบโจทย์
“B :Bio -เศรษฐกิจชีวภาพ”
เรื่องที่ 2 เมื่อคณะเอเปคได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมฟาร์มเกษตรกรก็ได้เห็น
C :Circular
-เศรษฐกิจหมุนเวียน ทางเกษตรกรได้ใช้ทรัพยากรหมุนเวียน
เช่น ปุ๋ยทำจากเศษอาหารเหลือใช้ หรือมูลสัตว์ และสมุนไพรไล่แมลง เรื่องที่ 3 G :Green เศรษฐกิจสีเขียว
ด้วยการรักษสิ่งแวดล้อม นำเศษอาหารและใบไม้ต่าง ๆ
มาทำเป็นพลังงานชีวมวลเพื่อใช้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป็นโมเดลพัฒนาห่วงโซ่จากต้นน้ำระดับชุมชนแหล่งเพาะปลูกแบบอินทรีย์
สู่กลางน้ำการเลือกใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์
ไปจนถึงปลายน้ำร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม
ได้นำไปปรุงอาหารปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคทุกคน
ซึ่งเป็นเรื่องที่จับต้องได้ทั้งหมด
โดยมีระบบบริหารจัดการตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ด้วยแพลตฟอร์มของ
TOCA :Thailand Organic Consumer Association ปูพรมทำต่อเนื่องมาแล้วกว่า
2 ปี
ซึ่งสามารถ “โชว์ข้อมูล” การเพาะปลูกของเกษตรกรแต่ละรายได้ครบถ้วน
สร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าซึ่งได้สิทธิประโยชน์ในฐานะผู้บริโภคเมื่อซื้อสินค้าจากเกษตรในเครือข่ายก็จะได้รับแต้มคะแนนสะสมเรียกว่า
Earth Point เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่เข้ามาท่องเที่ยวฟาร์มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับโมเดล
BCG ได้ด้วย
ทางคณะเอเปยังได้เข้าใจถึงการนำเสนอสามพราน BCG โมเดล
ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว
หากยังสามารถดึงดูดผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ผู้บริโภค ลูกค้า นักท่องเที่ยว
ทั้งหมดสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ประการสำคัญ “การท่องเที่ยว”
ยังได้ทำให้เกิดการเพิ่มประสบการณ์เรียนรู้ควบคู่กับการช่วยกันรักษาดูแลสิ่งแวดล้อมสร้างประโยชน์เชิงบวกต่อสังคมอย่างแท้จริง
นายอรุษกล่าวว่าทางคณะเอเปคแสดงความสนใจจะต่อยอดเรื่อง
“วัตถุดิบอาหารปลอดภัยด้วยอินทรีย์” ซึ่งตอบโจทย์สังคมโลกครบทุกมิติ
นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องสุขภาพผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม เรื่องใหญ่คือ
“ลดคาร์บอนฟุตพรินท์” ซึ่งเป็นปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่เกิดจากผลิตภัณฑ์หรือบริการ
รวมถึงขณะนี้ทางสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทยกำลังร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ศึกษาคาร์บอนฟุตพรินท์อย่างเต็มที่
ซึ่งทางคณะของเอเปคให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วย เนื่องจากเทรนด์โลกประกาศเข้าสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
หรือ Carbon Net Zero ให้ได้ภายในปี
ค.ศ.2050
ดังนั้นเมื่อแต่ละฝ่ายหันมาสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นก็จะได้สร้างประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับวาระโลกเรื่องลดคาร์บอนฟรุตปริ๊นท์
กับเรื่องช่วยด้าน “เศรษฐกิจ”
ลดภาระหนี้เสียของเกษตรกรมูลค่ารวมทั้งประเทศหลักแสนล้านบาท ที่มาจากการใช้สารเคมี
เมื่อหันมาเพาะปลูกด้วยเกษตรอินทรีย์ช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านปัจจัยการผลิตลงได้
2-3 เท่า
แล้วยังสามารถขายตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และสามารถ “ตั้งราคาขายผลผลิตตามจริง”
กับเครือข่ายพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเป็นมากกว่าคู่ค้าเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกันทางคณะเอเปคยังให้ความสนใจเครื่องมือ
“TOCA Platform”
กล้าประกาศได้เลยว่าไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่นำมาใช้ขับเคลื่อนสังคมเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นรูปธรรม
ตอนนี้เกษตรกรเข้าร่วมแล้วกว่า 1,000 ราย โดยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
โรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ขยายฐานเพิ่มมากขึ้นทุกปี
นายอรุษกล่าวว่า
ทางคณะเอเปคจากนานาประเทศที่เข้าเยี่ยมชมงานของสามพราน โมเดล แล้วสนใจก็มี ออสเตรเลีย
ญี่ปุ่น บรูไน ต้องการต่อยอดด้านการแลกเปลี่ยนศึกษาดูงานการทำเกษตรกรรมอินทรีย์
เพื่อนำโมเดลของประเทศไทยซึ่งนำร่อง BCG Economy Model ต่อไป
ส่วนภารกิจของสมาคม
TOCA วางแผนเดินหน้าเชิงรุกเพิ่มความร่วมมือกับ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”
นำรูปแบบต่าง ๆ ไปใช้ในอุตสาหกรรมไมซ์ และหอการค้าไทย โดยยกระดับเป็น
“วาระแห่งจังหวัด” นำ TOCA
Platform ไปใช้สร้างศูนย์รวมข้อมูลของแต่ละจังหวัด
เมื่อนักท่องเที่ยวในประเทศและทั่วโลก เดินทางเข้าไปยังจังหวัดนั้น ๆ
ก็สามารถจะใช้เครื่องมือดังกล่าวผ่าน google ปักหมุดเช็คอิน
1.ฟาร์มเกษตรกรที่สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้การทำกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ได้
2.ซื้อผลิตภัณฑ์อินทรีย์
3.รับประทานอาหารในเครือข่ายที่ใช้วัตถุดิบอินทรีย์มาปรุงเมนูต่าง
ๆ 4.เลือกพักโรงแรมซึ่งให้การสนับสนุนสินค้าอินทรีย์ไทย
ขณะนี้สมาคม TOCA วางกลยุทธ์ขยายเครือข่ายโดยเลือกนำร่องเข้าไปทำร่วมกับจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมก่อน
เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่
พร้อมกับพัฒนาแพลตฟอร์มด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
เพื่อเป็นชุมทางการพบโดยตรงระหว่างเกษตรกรผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และอื่น
ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มสามารถเข้ามาขอคำแนะนำปรึกษาฟรีทางเว็บไซต์ tocaplatform.org
หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง
มีโรงแรมเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกรุงเทพฯ มีกว่า 20
โรงแรม ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ ทยอยเข้ามาร่วมบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็น
“ต้นแบบ” ช่วยกันขับเคลื่อนการใช้งานแพลตฟอร์มให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ตามแผนงานปี 2566 สมาคม TOCA จะเดินหน้าเชิงรุก
ประกอบด้วย 1.เพิ่มเครือข่ายเกษตรกร
ผู้ประกอบการ มากขึ้น 2.การจัดงานอีเวนต์สร้างไฮไลต์ตามจังหวัดต่าง
ๆ เริ่มในภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น เริ่มเดือนพฤศจิกายน นี้ 3.จัดงานสังคมสุขใจช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
2566
หลังจากต้องหยุดเพราะโควิดระบาดไปนานกว่า 2 ปี
นายอรุษกล่าวว่า
ปัจจุบันเกษตรกรเครือข่ายอินทรีย์ไทยมีความตื่นตัวที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปบริหารจัดการเพาะปลูกและทำกิจกรรมการตลาด
ด้วยการรวมข้อมูลพร้อมกับนำเสนอเรื่องราวเส้นทางสินค้าแต่ละชนิด
สร้างความเชื่อมั่นในห่วงโซ่ เพื่อให้ผู้บริโภคไว้วางใจ ซึ่งแต่ละฝ่ายทั้งเกษตรกร
โรงแรม ร้านอาหาร ผู้บริโภค เข้าใจตรงกันมากขึ้นแล้ว
ทำให้เกิดการซื้อขายในตลาดด้วยมูลค่าสูงขึ้นทุกปี
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการทั่วประเทศ
สามารถเข้ามาเชื่อมกับเครือข่ายเกษตรกรที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มกว่า 1,000 ราย
ส่วนผู้บริโภคเมื่อเข้ามาร่วมอยู่ในห่วงโซ่จะได้ทำหน้าที่ “กินเปลี่ยนโลก”
แล้วยังกระจายรายได้ถึงมือเกษตรกรได้โดยตรง สร้างอาชีพ สร้างเงิน
สอดคล้องกับเศรษฐกิจ BCG ช่วยสนับสนุนทั้งทางด้านสุขภาพ
สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เติบโตยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
คิงเพาเวอร์แจกดีลดีคุ้ม4สนามบิน”สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต-ชม.”
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ โปรโมชั่น ดีสำหรับคนมีไฟลต์ “ช้อปดิวตี้ฟรีสนามบินไหนก็คุ้ม ! มอบโปรโมชั่นดีลดีลด1 ,000-2,400 บาท
ให้นักเดินทางที่มีไฟลต์บิน มีไฟลต์แล้วเดินช้อปได้เลยวันนี้– 31 สิงหาคม 2565 ทั้ง 4 สนามบินนานาชาติของเมืองไทย
ได้แก่
1.คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ ช้อปให้จุใจด้วยคูปองส่วนลด
2 ใบ! เมื่อช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง ได้แก่ คูปองใบที่
1 ส่วนลด 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 6,000
บาท คูปองใบที่ 2 ส่วนลด 2,400 บาท* เมื่อช้อปครบ 12,000 บาทขึ้นไป
2.คิง
เพาเวอร์ สนามบินดอนเมือง รับส่วนลดพิเศษ นำไปช้อปน้ำหอม
เครื่องสำอาง นาฬิกา แฟชั่นและเครื่องประดับ 1.ช้อปครบ 12,000 บาทขึ้นไป จ่ายเพียง 9,400 บาท หรือ 2.ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป จ่ายเพียง 5,000 บาท
3.คิง
เพาเวอร์ สนามบินภูเก็ต รับส่วนลดพิเศษ นำไปช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง
นาฬิกา แฟชั่น และเครื่องประดับ ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป
จ่ายเพียง 5,000 บาท
4.คิง
เพาเวอร์ สนามบินเชียงใหม่ รับส่วนลดพิเศษ เมื่อช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอาง
ครบ 6,000 บาทขึ้นไป จ่ายเพียง 5,000
บาทเท่านั้น
สัปดาห์สุดท้ายในเดือนสิงหาคม 2565
มาสนุกกับการช้อป “คิง เพาเวอร์” ทุกช่องทาง ทั้งทางหน้าร้านในเมือง
สนามบิน ออนไลน์ แอพลิเคชั่น คุ้มค่าทุกชิ้น อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมสนับสนุนธุรกิจคนไทย
ฟื้นเศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน
ข่าวที่
2 คิงเพาเวอร์จัด“FASCINATING PAYDAY”ช้อปออนไลน์ลดไม่ยั้ง40%
คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญ “FASCINATING PAYDAY” ช้อปสนุกทุกสิ้นเดือน ช้อปจุใจ
แม้ไม่มีเที่ยวบิน ที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ เท่านั้น! ห้ามพลาด! วันนี้- 31
สิงหาคม 2565
1.FASCINATING
PAYDAY ลดสูงสุด 40% --เมื่อช้อปครบ 3,000
บาท รหัสส่วนลด FPAUG
ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3dDCwjT สุดคุ้ม!
ลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท
ช้อปที่ – https://bit.ly/3aBqTsB
2.ช้อปคุ้ม! ไม่ต้องใช้โค้ด POWER DEAL ดีลสุดคุ้มราคาพิเศษ
-ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3PbQbvA
รับทันที 1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699 บาทสุทธิ 2.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน
3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัด
5.
รับ! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทสุทธิ
ข่าวที่ 3 ททท.ปลุกทัวร์ฟรี“Hop-onHop-off@Phuket”ภูเก็ต7หาด1-30ก.ย.65
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า
ททท.ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว 9 กลุ่มธุรกิจ จัดแคมเปญบริการนักท่องเที่ยวฟรี “Hop-on Hop-off
@Phuket ” นำชมหาดสวยต่าง ๆ
รอบเกาะภูเก็ต รวม 7 หาด เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติใช้บริการฟรีรถสมาร์ทบัส
สามารถขึ้น-ลง ได้ไม่อั้น ระหว่างวันที่ 1 -30 กันยายน 2565
นักท่องเที่ยวเพียงแค่เช็คอินเข้าพักโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต
ก็สามารถใช้บริการนั่งรถสมาร์ทบัสไปวิวและทำกิจกรรมตามชายหาดรอบเกาะภูเก็ต โดยสามารถรับฟรีบัตร Phuket Smart Bus : Hop-on
Hop-off (One day Pass) ได้คนละ 1 ใบ
ตลอดเส้นทางใช้เวลา
2 ชั่วโมง โดยจะมีรถบัสบริการทุกวันโดยไม่มีวันหยุด ออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่ 07:15
- 22:25 น. นักท่องเที่ยวสามารถรับบัตรได้ที่โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ https://bit.ly/3dIyTcd
เส้นทางนำเที่ยวด้วยสมาร์ทบัสรอบเกาะภูเก็ต
รวม 7 หาดหลัก จากสนามบิน สู่ปลายทาง บ้านเคียน - เชิงทะเล - กมลา - ป่าตอง - กะรน -
กะตะ - ไสยวน - แหลมพรหมเทพ – ราไวย์
สำหรับแคมเปญ
“Hop-on Hop-off @Phuket ” ททท.
ตั้งเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวภูเก็ตให้คึกคักมากยิ่งขึ้นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซันเดือนกันยายนนี้
จึงได้ร่วมกันจัดบริการสมาร์ทบัสฟรีกับ 9พันธมิตรหลัก ได้แก่
สำนักงานภูเก็ต ภูเก็ตพัฒนาเมือง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต
สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง สมาคมโรงแรมหาดกะตะกะรน
และภูเก็ตสมาร์ทบัส
ข่าวที่ 4 TCEBปลื้มดึง8งานโลกฟื้นเศรษฐกิจปลายปี65ควบ5ปีอีก2เอ็กโป
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เปิดเผยว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย
ขานรับสัญญาณดีจากตลาดในประเทศและทั่วโลก
โดยจะมีการจัดงานระดับประเทศและนานาชาติขนาดใหญ่หรือ big Size มีผู้เข้าร่วมงานครั้งละ
10,000 คน แตกต่างจากช่วงสถานการณ์โควิด-19
ไม่สามารถจัดงานขนาดใหญ่ที่มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากขนาดนี้ได้
ระหว่างสิงหาคม-ธันวาคม
2565 นับเป็นโอกาสดีที่ไทยได้รับความไว้วางใจให้ฟื้นฟูจัดงานไมซ์ขนาดใหญ่งานละ
10,000
คนขึ้นไป กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง โดยยังคงยึดแนวทางปฏิบัติที่ให้ผู้เข้าร่วมงานปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ที่จะเข้าร่วมงานต่าง ๆ ทั้ง 3
ประเภท 1.ไทยได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรโลกเลือกใช้สถานที่จัดงาน
รวม 8 งาน 2.ไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงาน
4 งาน 3.ไทยเข้าร่วมประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพโลก
2 งาน
ตามรายละเอียดดังนี้
ประเภทแรก
ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงาน
ระหว่างสิงหาคม -กุมภาพันธ์ 2566 มีทั้งหมด 8 งานหลัก ได้แก่
งานที่
1 Defense & Security 2022 มีคนเข้าร่วม 12,800 คน จัดระหว่าง
วันที่ 29 สิงหาคม
– 1 กันยายน
2565 ที่กรุงเทพฯ
งานที่
2 Healthy Living
and Innovation Expo 2022 มีคนเข้าร่วม 10,000 คน จัดระหว่างวันที่
8-11
กันยายน 2565 ที่จังหวัดสงขลา
งานที่
3 korat FooDEx มีคนเข้าร่วม
40,500 คน จัดระหว่างวันที่
14-18
กันยายน 2565 ที่นครราชสีมา
งานที่
4 International
Master Course on Aging Science มีคนเข้าร่วม
2,000 คน จัดระหว่างวันที่
29
กันยายน – 1 ตุลาคม
2565 ที่กรุงเทพฯ
งานที่
5 Food
Ingredients Asia 2022
มีคนเข้าร่วม
12,865 คน จัดระหว่างวันที่
5-7 ตุลาคม
2565 ที่กรุงเทพฯ
งานที่
6 The Bangkok Art
Biennale มีคนเข้าร่วม
1,000,000 คน จัดระหว่างวันที่
22 ตุลาคม
2565 -23 กุมภาพันธ์
2566
ที่กรุงเทพฯ
งานที่
7 Travel Blog
Asia 2022 :TBEX Asia 2022 มีคนเข้าร่วม 400 คน จัดระหว่างวันที่
15-18 พฤศจิกายน
2565 ที่จังหวัดภูเก็ต
งานที่ 8 L’Etape
Phitsanulok by Tour de France 2022 มีคนเข้าร่วม 1,500 คน จัดระหว่างวันที่ 2-4 ธันวาคม 2565 ที่จังหวัดพิษณุโลก
ประเภทที่สอง ประเทศไทยได้รับเลือกเป็น “เจ้าภาพ” จัดงานระดับโลก รวมทั้งหมด 4 งาน ระหว่าง
พฤศจิกายน 2565 -2570
งานที่ 1 The
International Conference on Family Planning 2022 :ICFP 2022 เป็นงานประชุมวิชาการวางแนครอบครัวนานาชาติ
เพื่อหารือด้านสุขภาพอนามัย การเจริญพันธุ์เพื่อคุณภาพชีวิตของประชากรโลก จัดระหว่างวันที่
14-17 พฤศจิกายน 2565 ที่พัทยา
จังหวัดชลบุรี จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน
คาดจะสร้างรายได้ 315 ล้านบาท
งานที่
2 คืองาน 62nd ICCA Congress :ICCA
Gongress 2023 งานประชุมสมาคมการประชุมนานชาติ
ครั้งที่ 62 จัดระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2565 ที่กรุงเทพฯ จะมีคนเข้าร่วม 1,200 คน สร้างรายได้ 105 ล้านบาท
งานที่ 3
Udon Thani International Horticulural Expo 2026 งานพืชสวนโลกอุดรธานี จัดระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 -14 มีนาคม 2570
ที่จังหวัดอุดรธานี จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3.6 ล้านคน
สร้างรายได้กว่า 32,000 ล้านบาท
ถือเป็นงานแลนด์มาร์กอีเวนต์ครั้งแรกในพื้นที่เชื่อมต่อประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
จัดภายใต้แนวคิด Diversity of Life : People, Water and Plants : วิถีชีวิต สายน้ำ และพืชพรรณ
งานที่ 4 Thailand
International Air Show ประเทศไทยจะริเริ่มจัดตามขั้นตอน
ภายในปี 2566 จะต้องประกาศตัวเป็นเจ้าภาพ จากนั้นปี 2568
จะต้องเปิดตัวอย่างทางการ และปี 2570 จัดงานเต็มรูปแบบ
รอบพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี
ประเภทที่สาม ประเทศไทยอยู่ระหว่างขั้นตอนประมูลสิทธิ์ เพื่อชิงเป็นเจ้าภาพระดับโลกอีก 2
งาน ได้แก่
งานที่ 1 Specialised
Expo 2028 Phuket Thailand 2028
จัดระหว่างวันที่ 20 มีนาคม -17 มิถุนายน 2571 ที่จังหวัดภูเก็ต
คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 50,000
ล้านบาท
งานที่ 2 Nakhon
Ratchasima International Horticultural Expo 2029 เจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกนครราชสีมา ปี 2572 จะจัดระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน 2572 -28 กุมภาพันธ์ 2573 ที่จังหวัดนครราชสีมา
คาดจะมีผู้เข้าร่วมงาน 4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 18,942.64
ล้านบาท เสนอจัดงานภายใต้แนวคิด Nature & Greennery
:Envisioning the Green Future :ธรรมชาติ
และพืชพรรณเขียวขจีอนาคตแห่งโลกสีเขียว
ข่าวที่ 5 บางจากฯปลื้มความสำเร็จนักลงทุนเชื่อมั่นแห่ซื้อหุ้นกู้หมื่นล้านบาท
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “BCP” เปิดเผยว่า บางจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้
BCP ครั้งที่
1/2565 นักลงทุนตอบรับเป็นอย่างดี โดยแสดงความจำนงเข้าลงทุนมากกว่า 1.2 เท่า ของมูลค่ารวมในการออกหุ้นกู้
10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทางบริษัทจึงได้ขยายวงเงินออกหุ้นกู้จากเดิมมีแผนระดมทุนเพียง
5,000 ล้านบาท ตามรายละเอียดดังนี้
หุ้นกู้ BCP ครั้งที่
1/2565 เสนอขาย มีทั้งหมด 3 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี
1.ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.84% ต่อปี มูลค่า 4,500 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี
2.ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.26% ต่อปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี
3.ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2575
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี มูลค่า 3,500 ล้านบาท และกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6
เดือน
โดยหุ้นกู้แต่ละชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
ที่ระดับ “A-“ จากบริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 และการเสนอขายหุ้นกู้ BCP ครั้งที่
1/2565 นี้ มีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
2 ราย คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า
ทางบริษัทฯขอบคุณผู้ลงทุนที่ไว้วางใจและตอบรับจองซื้อหุ้นกู้ของบางจากฯ
จนนำมาสู่การเพิ่มวงเงินในครั้งนี้
เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ที่ให้การสนับสนุนการระดมทุนของบริษัทฯ
ได้อย่างครอบคลุม ทั้งจากกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์
บริษัทประกันชีวิต กลุ่มสหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทและนิติบุคคล
รวมถึงผู้ลงทุนรายใหญ่ และผู้จัดการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ 2 ธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ความสำเร็จในออกหุ้นกู้ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้ลงทุนต่อธุรกิจบางจากฯ
ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่
ๆ จากนวัตกรรมสีเขียว ผนวกกับมีความมั่นคงและการจัดอันดับเครดิตระดับ A- จากบริษัท
ทริส เรทติ้ง จำกัด สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ
และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของนักลงทุนจากผลตอบแทนที่สม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด
นายชัยวัฒน์ยืนยันว่า
บางจากฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและราคาน้ำมันที่ผันผวน
ควบคู่เร่งลงทุนโดยรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดกับผู้มีส่วนส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายนั่นเอง
ช่วงที่
2 ออกเที่ยวเมืองไทย เตรียมไป
“บุรีรัมย์” สายมูเตรียมตัวให้พร้อมร่วมงาน “ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง” 9-11 กันยายน 2565 พร้อมกับตะลอนเที่ยว 6 เส้นทางสายไหมในชุมชนผ้าสองวัฒนธรรมเขมรกับ สสป.ลาว
แล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพ “6เคล็ดลับการนอนให้ถูกท่า”
อย่างมีความสุข และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “แอคคอร์ยึดสีลมเปิดโรงแรมใหม่
“ไอบิสตไสตล์” เก๋เท่อีกแบบ ข่าวที่สอง -ดุสิตธานีผนึกORถือหุ้น 25 %” ดันดุสิตฟู้ดส์อู้ฟู่ ข่าวที่สาม “มีเลียสมุย”
จัดแพกเกจซิกเนอร์เจอร์โกยตลาดเศรษฐี
ท่องเที่ยว-ชวนเที่ยวบุรีรัมย์ขึ้นเขาพนมรุ้ง-ตะลอนทัวร์เส้นทางไหมไทย6ชุมชน
สายมูต้องห้ามพลาด ชวนเที่ยว “บุรีรัมย์” เตรียมตัวไปงาน “ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
ประจำปี 2565” ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2565 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
ได้ชื่อว่า เมืองกีฬา เที่ยววิถีชุมชน กินอาหารถิ่น เที่ยวได้ทั้งปีที่
"บุรีรัมย์" เมืองปราสาทสองยุค...มหานครแห่งกีฬา
จัดคิวรอไว้ได้เลย วัน7-9 กันยายน 2565 ขึ้นเขาไปรับ
“พลังสุริยเทพ” จากช่องประตูศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นวันที่ 10 กันยายน
2565 ตื่นแต่เช้า เพื่อร่วมขบวน บวงสรวงพระศิวะมหาเทพ
ตรงเวลา 07.19 น. ไฮไลต์ช่วงค่ตอน 1 ทุ่มตรง
เป็นต้นไป นางรำจากทุกอำเภอมาจะมาร่ายรำให้นักท่องเที่ยวได้ชมขบวนแห่สักการะ
"น้อมจิตบังคม พนมรุ้งนาฏการ"
ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2565 เวลา 15.00
น. เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวยังจะได้ชม “ขบวนอัญเชิญพาหนะเทพผู้พิทักษ์”
ประจำทิศทั้ง 10 และ “ขบวนเสด็จพระนางภูปตินทรลักษมีเทวี”
ที่ได้นักแสดงชื่อดัง “กวาง-กมลชนก เขมะโยธิน” มาแสดงด้วย
ตลอดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
นักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตาอย่างแน่นอน กับทัพสินค้าพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น ณ
ตลาดวัฒนธรรมวนัมรุง ได้ทุกวัน
สายที่ชื่นชอบผ้าไหมไทย แนะนำวางแผนออนทัวร์เส้นทางสายไหมและผ้าทอ
บุรีรัมย์ มีให้เลือกถึง 6 ชุมชนด้วยกัน คือ
เส้นทางที่ 1 ผ้าไหมตีนแดง สินค้า GI จังหวัดบุรีรัมย์
ชุมชนท่องเที่ยวนาโพธิ์ อำเภอนาโพธิ์
เส้นทางที่ 2 ผ้าไหมหางกระรอก
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสนวนนอก อำเภอห้วยราช
เส้นทางที่ 3 ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านตาลอง อำเภอสตึก
เส้นทางที่ 4 ผ้าภูอัคนี (ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ)
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
เส้นทางที่ 5 ผ้าบารายพันปี
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกเมือง อำเภอประโคนชัย
เส้นทางที่ 6 ผ้าก่วย 5 สี ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสวายสอ
อำเภอเมือง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)บุรีรัมย์ มีเรื่องเล่ามาฝากไฮไลต์
2
ชนิด คือ
ชนิดแรก "ผ้าไหมหางกระรอก” หรือ “กะนิว” ที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสนวนนอก
อำเภอห้วยราช พบในอีสานใต้ใช้อัตลักษณ์สีเหลืองกับแดงมาทอเป็นหลัก เรียกชื่อลวดลายเนื้อผ้าเหลือบสีเห็นเป็นลายเส้นเล็ก
ๆ ในตัวมองดูคล้ายกับขนของหางกระรอก แลดูสวยงาม แปลกตา
เกิดขึ้นจากการใช้เทคนิคการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าไท คือ การควบเส้น
ตามความเชื่อในเรื่องของความกลมเกลียวสามัคคีกันในครอบครัวและสายตระกูลที่นับถือผีด้วยกัน
การนำไหมสองสีมาควบกัน
ทางชุมชนสนวนนอก ได้นำวัฒนธรรม 2 เชื้อชาติ คือ “ผ้าไหมหางกระรอก”
เดิมเป็นวัฒนธรรมของชาวเขมร ส่วนทาง สปป.ลาว จะมีชื่อเสียงเรื่องผ้าซิ่น มาประยุกต์เป็น
“ผ้าหางกระรอกคู่ตีนแดง” กลายมาเป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำชุมชนที่ได้รับคัดเลือกเป็นผ้าประจำจังหวัดบุรีรัมย์
ชนิดที่สอง –ผ้าไหมตีนแดง สินค้า GI ที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน
อำเภอนาโพธิ์ ทางชุมชนท่องเที่ยวบ้านหัวสะพาน มีผ้าสวย
ๆ ให้ช้อปทั้งใยฝ้าย ผ้าไหมมัดหมี่ซิ่นตีนแดง เป็นผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทอด้วยไหมทั้งผืนหัวซิ่นและตีนซิ่นของผ้าจะเป็นสีแดงสด
ตอนกลางของผ้าจะเป็นลายมัดหมี่ เรียกว่าหมี่ขอ จะเป็นสีดำ
สีน้ำตาลเหลือบทอง จะทอเป็นผืนเดียวกัน ไม่ใช้การตัดต่อระหว่างตัวซิ่น
หัวซิ่นและตีนซิ่น ผ้าซิ่นตีนแดงจึงกลับเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมของบุคคลทั่วไป
ชาวพุทไธสงและนาโพธิ์ ทุกครัวเรือนจะต้องมีไว้ประจำบ้าน
จึงทำให้ซิ่นตีนแดงกลับมาเป็นที่นิยมและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างงดงาม ปี 2546 ผ้าซิ่นตีนแดงได้รับการประกาศเป็นผ้าเอกลักษณ์ประจำ
จังหวัดบุรีรัมย์
ทางชุมชนได้ประยุกต์ผ้าซิ่นตีนแดง
พัฒนาฝีมือจนมาเป็นผ้าไหมซ่อนดิ้นย้อมสีธรรมชาติเข้าถึงทุกเพศทุกวัย
และสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ง่าย และมีผ้าไหมสุดปราณีตลวยลายต่าง ๆ ผ้าพันคอ
ผ้าคลุมไหล่ และเครื่องประดับทำจากผ้าไหม
สอบถามเพิ่มที่ ททท. บุรีรัมย์ โทร. 0 4463 4722-3 หรือ1672
สุขภาพ -6
เคล็ดลับนอนหลับอย่างไรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีความสุข
การ
นอนหลับ พักผ่อนอย่างเพียงพอ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดี
แต่ยุคนี้ หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป มีหลายสิ่งมากมายที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน
อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับ หรือนอนได้ไม่เต็มที่ในเวลากลางคืน
วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับดีๆ ที่จะทำให้คุณกลับมานอนหลับได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
มาฝากกันค่า
1.
นอนหัวค่ำ ตื่นแต่เช้า - นิสัยนอนดึกตื่นสายนี่ทิ้งไปได้เลยนะคะ ถ้าเป็นไปได้ควรเข้านอนอย่าให้เกิน
4 ทุ่ม เพราะช่วงเวลาระหว่าง 6 โมงเย็นถึง 4
ทุ่มนั้นตามหลักอายุรเวทถือว่าเป็นช่วงเวลาของธาตุดิน ธาตุน้ำ
ซึ่งจะเป็นบรรยากาศที่สามารถโน้มนำให้นอนหลับได้ง่าย
เพราะมันเป็นเหมือนสัญญาณเตือนที่บอกกับคุณว่าถึงเวลาพักผ่อนเสียแล้ว หากเลย 4
ทุ่มไปแล้ว จะเป็นช่วงเวลาที่ธาตุไฟเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัวอีกครั้ง
และอาจส่งผลให้นอนไม่หลับ ส่วนการตื่นเช้า ก็ควรจื่นในช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
โดยจะเป็นช่วงที่ธรรมชาติเปี่ยมด้วยพลังชีวิต
2.
เผื่อเวลาอาหารมื้อเย็น - เราควรเผื่อให้อาหารมื้อเย็นถูกย่อยหมดก่อนเข้านอน
โดยจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ซึ่งหมายความว่าคุณก็ควรเผื่อเวลาทานอาหารเย็นให้เร็วขึ้นสักหน่อย
ร่างกายของคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากคุณกินอาหารเย็นแล้วเข้านอนทันที
อาหารที่ทานเข้าไปก็จะไม่ถูกย่อย เพราะกระเพาะอาหารของคุณทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ยังไงล่ะ
3.ล้างหน้า
ล้างมือ ล้างเท้าก่อนนอน - อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น คือ ล้างมือ
ล้างหน้า ล้างเท้า และใช้น้ำมัน (ถ้าได้น้ำมันงายิ่งดี) นวดที่ฝ่าเท้า
จะทำให้เกิดความผ่อนคลายและหลับสนิทขึ้น นอกจากนี้การดื่มนมอุ่นๆ ก่อนเข้านอน
ก็สามารถช่วยได้ เนื่องจากอาการนอนไม่หลับนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายตื่นตัว
ความชุ่มชื้นของนมจะทำให้เกิดความหนืดหน่วงลดความตื่นตัวทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
4.ไม่ทำกิจกรรมตื่นเต้นก่อนนอน
- ก่อนเข้านอนไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ก็แล้วแต่ ที่ทำให้ร่างกาของคุณตื่นตัว
หรือตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือฟังเพลง
เพราะมันจะชักชวนให้คุณติดตาม และทำให้คุณไม่อยากนอน นอนไม่หลับ
หรือหลับได้ไม่สนิท แต่ถ้าหากอยากฟังเพลง ให้เปิดเพลงที่มีดนตรีนุ่มนวล
ผ่อนคลายจิตใจและสมอง และถ้าอยากให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ควรจะทำจิตใจให้สงบโดยการสวดมนต์และทำสมาธิ ก็จะทำให้หลับได้ลึกขึ้น
5.ท่านอนต้องเหมาะสม
- ท่านอนก็สามารถส่งผลต่อการนอนหลับได้เหมือนกัน เช่น
5.1 ท่านอนตะแคงขวา จะทำให้จมูกโล่งเพราะน้ำหนักตัวไปลงที่ร่างกายซีกขวา
รูจมูกซ้ายสัมพันธ์พลังเย็น เมื่อเปิดโล่งจะทำให้ร่างกายชุ่มเย็นและผ่อนคลาย
การนอนตะแคงขวาจึงทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น
5.2 ท่านอนตะแคงซ้ายจะทำให้รูจมูกขวาซึ่งสัมพันธ์กับพลังร้อนเปิดโล่ง
มีผลทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น จึงเหมาะที่จะเป็นท่านอนช่วงสั้น ๆ
ก่อนหรือหลังอาหารมากกว่า
5.3 ท่านอนหงายมีผลทำให้การไหลเวียนของพลังในร่างกายไม่ดี ทำให้ธาตุลมกำเริบ
ส่วนท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ไม่เหมาะสมที่สุด
เพราะร่างกายโดยเฉพาะบริเวณท้องและอกถูกกดทับทำให้หายใจไม่สะดวก
6.ไม่ควรนอนกลางวัน
- ปกติแล้วการนอนกลางวัน จะทำให้อาหารไม่ย่อย และเป็นไข้ได้ง่าย
แถมยังทำให้เรารู้สึกตื่นตัวและไม่อยากนอนในเวลากลางคืนอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ก็สามารถอนุโลมได้สำหรับคนที่ต้องการพักฟื้นคืนพลังให้แก่ร่างกาย
อย่างคนแก่ เด็กเล็ก คนที่ร่างกายอ่อนเพลีย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -แอคคอร์เปิดโรงแรมน้องใหม่“ไอบิสสไตล์สีลม”โปรห้องพักลด20 %
นายการ์ธ ซิมมอนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า แหเมื่อเร็ว ๆ นี้
ได้เปิดโรงแรมใหม่ล่าสุด “ไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ สีลม” เป็นแห่งที่ 12 ในประเทศไทย สร้างแฟลกชิพต้อนรับการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวกลับสู่เอเชียอีกครั้ง
เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักเดินทางมาสัมผัสการออกแบบที่สร้างสรรค์เต็มไปด้วยสนุกสนานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลแบบไทย
ๆ มากสีสัน แล้วยังได้ร่วมกับ Tikkywow ศิลปินชาวไทยมากความสามารถ
สร้างภาพวาดบนฝาผนังสีสันสะดุดตาตรงทางเข้าโรงแรม เพิ่มความสดใสให้ถนนสีลม ทางศิลปินได้นำเสนอความประวัติศาสตร์อันไม่เคยหยุดนิ่งย่านนี้คอยต้อนรับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมายาวนาน
เมื่อเข้าสู่ตัวโรงแรมตรงบริเวณล็อบบี้ถูกออกแบบสวยงามน่าตื่นเต้นเหมาะกับการถ่ายรูปสวย
ๆ เพลงสนุก ๆ ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยที่มีชีวิตชีวาเสน่ห์ที่ทำให้ทั่วโลกชื่นชอบ
พร้อมทั้งชูจุดขายที่ตั้งในทำเลสีลมอยู่ในย่านธุรกิจและความบันเทิงที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพ
ฯ รายล้อมด้วยประสบการณ์ทรงคุณค่าแห่งวิถีไทยครบวงจร ทั้ง ร้านอาหารสุดฮิป
สตรีทฟู้ด สถานที่ทางวัฒนธรรม สวนลุมพินี้พื้นที่สีเขียวศูนย์รวมการเดินเล่นยามเย็นใจกลางเมืองหลวง
และชีวิตยามค่ำคืนหรือไนท์ไลฟ์บนถนนสีลม
คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและมีสีสันด้วยร้านอาหาร บาร์ ชุมชน LGBTQ+
ช่วงเปิดตัวข้อเสนอด้วยส่วนลดห้องพักทุกประเภท
20% ระหว่างวันนี้- 31 สิงหาคม 2565 แล้วสามารถนำไปพักได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม
2565
ไอบิส สไตล์
สีลม บริการห้องพักที่สะดวกสบายและสวยงามจำนวน
264 ห้อง แบ่งเป็นห้องพัก 5 ประเภท ตั้งแต่ห้องสแตนดาร์ด ห้องพรีเมียมพร้อมระเบียง
ไปจนถึงห้องสวีทสำหรับครอบครัว
ห้องพักถูกตกแต่งด้วยองค์ประกอบของศิลปะไทยที่โดดเด่นและมีสีสันสดใส
ช่วยให้เกิดพลังสร้างสรรค์และพื้นที่ที่มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว
แต่ละห้องประกอบไปด้วยเตียงนอนซิกเนเจอร์ Sweet Bed™ by ibis สมาร์ททีวีขนาด 43 นิ้ว
และฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์
พร้อมทั้งการจัดเตรียมต้อนรับนักเดินทางและชาวสีลมที่ชื่นชอบการกิน
ดื่ม และสังสรรค์ ทางเชฟโอ๊ก-เดชสุภา อภิพงศ์
เชฟชื่อดังจากรายการแข่งขันทำอาหารชั้นนำของประเทศ
นำทีมสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารสนุก ๆ ของโรงแรมแห่งนี้
ห้องอาหารปรุงรส เน้นนำเสนอเมนูก๋วยเตี๋ยวน้ำรสชาติเยี่ยมที่ปรุงสดใหม่
ที่บาร์ท็อปปิ้งมีเนื้อสัตว์ ผัก และเครื่องปรุงรสให้เลือกใส่ได้ตามชอบ
โดยมีกาแฟสดหอม ๆ ป๊อปอัพด้วย
บาร์และคาเฟ่แบบเปิดโล่งสไตล์ทันสมัย เหมาะนั่งทำงาน ตอบอีเมล์ หรือพบปะเพื่อน ๆ
ระหว่างวัน พร้อมเสิร์ฟค็อกเทล วิสกี้ไทย ควบคู่ไปกับอาหารแบบโฮมเมดในตอนกลางคืน
ส่วนรูฟท็อปบาร์สไตล์โบฮีเมียนในชื่อ “โบโฮ :BOHO” ได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลดนตรีอันสนุกสนานของไทย
มาพร้อมการออกแบบสุดฮิป ค็อกเทลเหล้ารัมอันเป็นเอกลักษณ์
และกับข้าวจานเด็ดแบบไทยแสนอร่อย
บนชั้นดาดฟ้ายังเป็นที่ตั้งสระว่ายน้ำช่วยเพิ่มความสดชื่นในยามบ่าย
และฟิตเนสที่ให้บริการอุปกรณ์ออกกำลังกายสุดทันสมัย พร้อมทิวทัศน์ 180
องศาของย่านศูนย์กลางธุรกิจที่มีชีวิตชีวาของกรุงเทพ ฯ
ข่าวที่สอง
-ดุสิตธานีผนึกค่ายใหญ่ORร่วมทุนดุสิตฟู้ด25%ผงาดนำธุรกิจอาหาร
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
หรือ DUSIT เปิดเผยว่า
ได้จับมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก
จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำ “มอดูลัส เวนเจอร์” บริษัทย่อยของ OR เข้าลงทุนถือหุ้นใน “ดุสิตฟู้ดส์” 25% บริษัทย่อยของกลุ่มดุสิตธานี
ร่วมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจอาหาร ด้วยการผสานจุดแข็งกลุ่มดุสิตธานีซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจอาหาร
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ ผนวกเข้ากับ OR ซึ่งเป็นผู้นำช่องทางการจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีกซึ่งมีรีเทลแพลตฟอร์ม
เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คน และชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) เกือบ 2,500 แห่ง และคาเฟ่ อเมซอน (Café
Amazon) อีกกว่า 4,000 สาขา
นางศุภจีกล่าวว่าดุสิต
ฟู้ดส์ มีวิสัยทัศน์เรื่อง การนำเอเชียไปให้โลกรู้จัก หรือ Bring Asia to
the World ด้วยการเน้นกระบวนการธรรมชาติ
ออแกนิก มีสุขภาพที่ดี ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น พัฒนาการลงทุนครบวงจร
ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เมื่อได้ OR เข้ามาหุ้นในดุสิต ฟู้ดส์
จะช่วยต่อยอดขีดความสามารถการเติบโตในเชิงกลยุทธ์
และการขยายธุรกิจผ่านช่องทางเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งของ OR
ขณะเดียวกัน
ดุสิตธานีกับ OR ต่างก็เป็นแบรนด์ไทย
ที่มีความตั้งใจและมีเป้าหมายร่วมกันในการจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารของไทยให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อสร้างรายได้และเป็น Growth Engine ตัวใหม่ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้มีพลังมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน
พอร์ตการลงทุนหลักของ
ดุสิต ฟู้ดส์ ประกอบด้วย
1.บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด
ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติ โดยครองส่วนแบ่งตลาดในไทยกว่า
70 %
2.บริษัท เดอะ
เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก จำกัด (The
Caterers Joint Stock) หรือ “เดอะ เคเทอเรอร์ส” (The
Caterers) เป็นผู้นำด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน
และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในเวียดนาม
3.ร้านอาหาร KAUAI (คาวาอิ)
เป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพยอดนิยมจากประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีแผนจะขยายตลาดเพิ่มในเอเชียด้วยเช่นกัน
4.บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด
ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR)
และโรงงานผลิตเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ดีและทันสมัยที่สุดนำเข้าจากประเทศชั้นนำในยุโรป
ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง
ปัจจุบันร้านแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่บองชู มีสาขาในไทยกว่า 50
แห่ง และในสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 แห่ง
ข่าวที่สาม -“มีเลียสมุย”งัดวิถีไทยขายสมุยพาราไดซ์เจาะตลาดคุณภาพ
มีเลีย
เกาะสมุย รีสอร์ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี รายงานว่า
ทางรีสอร์ตทำกลยุทธ์กระตุ้นรายได้จากตลาดในนักท่องเที่ยว ด้วยแพกเกจผ่อนคลายที่เหนือระดับ “สมุย พาราไดซ์ เอ็กซ์พีเรียนซ์” โดยเสนอทรีตเมนต์อัตลักษณ์เฉพาะตัวที่ตอกย้ำถึงกลิ่นสมุยนั่นคือนำวัตถุดิบมะพร้าวมาใช้บำบัดดูแลสุขภาพ
และความงามที่ดีที่สุด พร้อมให้บริการ ที่ ยี่ สปา ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 20
ธันวาคม 2565 ทุกวัน เวลา 9.00 น. – 20.00 น. ในราคาคนละ 4,850++
บาท หรือ 7,999++ บาท สำหรับ 2 คน ที่ “ยี่ สปา” ตั้งอยู่ชั้น
2 บริเวณด้านบนล็อบบี้ของรีสอร์ท
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องสปา
ภายในมีห้องแช่น้ำ และห้องอาบน้ำในตัว โปรแกรมทรีตเมนต์1 คน แยกอีก 2 ห้อง ห้องอบเซาว์นาแบบอินฟาเรด
ห้องอบไอน้ำสมุนไพรไทย และห้องสำหรับการบำบัดด้วยน้ำ เรื่อยไปจนถึงทรีตเมนต์ริมหาดเชิงมน
เคล้าคลอเสียงลมและคลื่นน้ำทะเล ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น