ทท.ทำสถิติใหม่ปี65ต่างชาติเที่ยวไทยเกิน11.5ล้านคน ปี’66ชูไทยAll Year Round Destinationโลก-รอจีนเพิ่มยอด30ล้านคน
ผู้นำททท.ทำสถิติใหม่ปี65ต่างชาติเที่ยวไทยเกิน11.5ล้านคน
ปี’66ชูไทยAll Year Round Destinationโลกทำเงิน2.4ล้านล้าน
รอจีนเพิ่มยอด30ล้านคน-ใส่เกียร์ลุยเราเที่ยวด้วยกันเฟส5
คิงเพาเวอร์มหานครเปิดยิ่งใหญ่แลนด์มาร์กเดสติเนชั่นโลก
มีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์ลด20%-สมาชิกจองห้องพักลด70%
คิงเพาเวอร์“แจกคูปองลด-รางวัล/ชิมของอร่อย/ฟรีกระเป๋า
ททท.นำลาซาด้าปลุกเอกชนขาย“BestDealเที่ยวไทย”ลด77%
บางจากบูม“ทอดไม่ทิ้ง”เปิด44ปั๊มซื้อน้ำมันใช้แล้วเริ่ม21ธ.ค.
ปักหมุดเที่ยว“ขุนสถาน”นาน้อย
วิวสวยธรรมชาติปัง จ.น่าน
ข้อควรรู้ก่อนกิน“วิตามินซีกิน”อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ทอท.ได้4ผู้สมัครชิงผู้อำนวยการใหญ่“กีรติ”เต็ง1ลุ้นม.ค.66
TCEBนำ MICE
CENTER คว้ารางวัล“สำเภา-นาวาทอง”ปี’65
วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม
2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #อุทยานแห่งชาติขุนสถาน #เที่ยวนาน้อยน่าน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... .https://fb.
ช่วงที่ 1 เปิดการบ้านท่องเที่ยวกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลุยต่อไม่รอคู่แข่ง สิ้นปี’65
ทำสถิติใหม่ต่างชาติเที่ยวไทย
11.5 ล้านคน ปี’66
ปรับรายได้รวมทะยาน
2.4 ล้านล้านบาท
รอความหวัง “จีน”เที่ยวได้ปีหน้าดันยอดขยับแรง 20 ขึ้นเป็น 30 ล้านคน สั่ง 29 สำนักงานทั่วโลกอัดแคมเปญเพิ่มทุกพื้นที่ เอเชีย
อาเซียน ยุโรป อเมริกา ทำให้ไทยเที่ยวได้ทั้งปี All Year Round Destination
พร้อมลุยเก็บแต้มจาก
MOU เทรดโชว์
โร้ดโชว์ ตลาดมาแรง “ซาอุดิอาระเบีย” สดใสทั้งเที่ยวบินและการลงทุน ส่วน
“ทูร์เคีย/ตุรกี”เชื่อมฮับบินใหม่ยุโรป ตะวันออกกลาง เที่ยวไทย ด้าน “ในประเทศ”
โหม 2 โปรเจกต์
“เที่ยวด้วยกัน เฟส 5”
พลังอุดไทยเที่ยวนอกช่วงสงกรานต์ เม.ย.66 และ “ฟื้นเศรษฐกิจไทยด้วยท่องเที่ยว”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า หลังสร้างความสำเร็จส่งการบ้านรัฐบาลเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 10
ธันวาคม 2565 โดยจัดฉลองต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยครบ
10 ล้านคน
คาดภายในอีก 1 เดือนนี้จะทำสถิติรวมตลอดปีนี้ได้ถึง
11.5 ล้านคน
ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญสร้างโมเมนตั้มทำให้ปี 2566 มีรายได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศกลับมาประมาณ
80 % หรือคิดเป็น 2.4
ล้านล้านบาท
“ตลาดต่างประเทศ” ปี 2566 ยังคงยึดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวเที่ยวไทยต้องไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน โดยช่วงไตรมาสแรกปีหน้ายังอยู่ในช่วงตารางบินฤดูหนาว มี “จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ” สูงไปจนสิ้นสุดตารางบินนี้ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ททท.คงจะต้อง “อัดแคมเปญ” เพิ่มเติม โดยจับมือกับเอเย่นต์และพันธมิตรท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ ประกอบด้วย
“ภูมิภาคเอเชีย” กำลังเดินหน้ารุกเจาะ ตลาดญี่ปุ่นด้วยแคมเปญ “อิมาโคโสะ ไดเอะ-เที่ยวเมืองไทยมาได้ไม่ต้องรอ” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตลาดไต้หวัน ทำแคมเปญ“ไท่กั๋ว หว่อไล่เหล-มาเที่ยวเมืองไทยกันเถอะ”
“อาเซียน” พื้นที่หลักมาเลเซีย ทำแคมเปญ Thanks to Million ถึงแม้ตอนนี้จะเดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ททท.ก็ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการเดินทางอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นต่อไป
“ยุโรป” เข้าร่วมงาน FITUR 2023 ประเทศสเปน จะนำเอกชนไทยเข้าร่วมเจรจาธุรกิจเดือนมกราคม 2566 ต่อเนื่องด้วยงาน ITB Berlin 2023 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จะนำผู้ประกอบการไปร่วมมหกรรมซื้อขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลกต้นเดือนมีนาคม 2566
“อเมริกา” จัดทำโครงการ Amazing Thailand Experience Forum 2023 ตอบสนองที่แอร์ แคนาดา เปิดเที่ยวบินประวัติศาสตร์ ไป-กลับ ไทยกับแคนาดา ร่วมกับมีโครงการอื่นด้วย เช่น Thailand and The Air ทำให้มีนักท่องเที่ยวอเมริกา แคนาดา เดินทางเข้าไทยต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 2566
ส่วนการใช้กลยุทธ์ต่อเนื่อง
ทำข้อตกลงความร่วมมือ จัดโรดโชว์ เทรดโชว์ ท่องเที่ยวตามประเทศต่าง ๆ
มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบันนั้น
ตัวอย่าง “เอ็มโอยูกับญี่ปุ่น” พร้อมทั้งมอบหมายให้ ททท.3 สำนักงานในโตเกียว โอซาก้า ฟูกูโอกะ ทำเต็มที่โดยตั้งเป้ารักษาระดับตัวเลขปี
2566 ซึ่งมีส่วนต่างญี่ปุ่นและไทยให้ใกล้เคียงปี
2562 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย
1.8 ล้านคน
และคนไทยไปญี่ปุ่นประมาณ 1.3 ล้านคน
การโร้ดโชว์ไป
“ซาอุดิอาระเบีย” ถือเป็นตลาดใหม่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ต้องขอบคุณรัฐบาลไทยได้ไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กลับมาในรอบ 32 ปี ทำให้ ททท.ได้ลงนามเอ็มโอยูกับสายการบิน
“ซาอุเดีย แอร์ไลน์ส” เริ่มมาตั้งแต่ 28
กุมภาพันธ์ 2565 ปัจจุบันมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารบินได้ถึง
90 % และมีชาวซาอุดิอาระเบียมาไทยแล้วกว่า
91,000 คน แนวโน้มปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่า
ททท.ให้ความสำคัญกับตลาดตะวันออกกลาง
ซึ่งมีศักยภาพ โดยเฉพาะ “ซาอุดิอาระเบีย” เตรียมศึกษาเปิดสำนักงาน ททท.แห่งใหม่
ในริยาดห์เมืองหลวง หรือเจดะห์เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ
ต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ททท. เนื่องจากเป็นตลาดที่มีจุดเด่น
เรื่องแรก มีประชากรมากกว่าหลายประเทศในตะวันออกกลาง เรื่องที่ 2 เส้นทางท่องเที่ยวจะเริ่มเดินทางพฤษภาคม-สิงหาคม
ของทุกปี ซึ่งจะเข้ามาเติมช่วงโลว์ซีซันที่ยุโรปกลับออกไปเกือบหมดแล้ว
ขณะที่การทำโร้ดโชว์ใน “ตุรกีหรือตูรเคีย” ททท.ได้ไปทำเอ็มโอยูกับ “เตอร์กีส แอร์ไลน์ส” ซึ่งมีความแข็งแกร่งและสามารถร่นระยะเวลาเดินทางจากยุโรปเข้าตะวันออกกลางมายังไทยรวม ๆ ประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งเป็น “จุดเชื่อมต่อเที่ยวบินตลาดยุโรปเข้าไทย” ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันทางตูรเคียมีแผนจะขยายสนามบินนานาชาติรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้สูงสุด 200 ล้านคน ได้รับปากจะช่วยเพิ่มจุดบินเข้าไทย ทั้งภูเก็ต และบินตรงเข้าเชียงใหม่ด้วย ส่งผลดีกับไทยเป็นฮับการบินเพิ่มเติมนำยุโรปเที่ยวเมืองไทย
ซึ่งเป็นผลมาจาก ททท.รุกเข้าไปทำตลาดเชิงรุกก่อนด้วยกลยุทธ์การทำ LOI -Letter of Intent ทำ MOU -Memorandum of Understand กับสายการบินและบริษัทท่องเที่ยวให้ความสนใจนำนักท่องเที่ยวเข้ามายังเมืองไทย
ปี 2566
จึงตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยไม่น้อยกว่า
20 ล้านคน
หรือหากจีนเปิดประเทศอาจจะทำได้กว่า 30 ล้านคน
ดังนั้น “เอเชีย” ตั้งเป้าไว้ 13-22 ล้านคน
“ยุโรป” ประมาณ 5-8 ล้านคน
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน”
ประเทศไทยคงจะต้องแข่งขันกับตัวเอง โดยนำ 1.จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกกลับมาให้ได้มากที่สุด
ช่วงตารางบินฤดูหนาว 1 ตุลาคม 2565-31 มีนาคม 2566 ทำได้แล้วถึง 74 % แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อวิเคราะห์
“ราคาตั๋วเครื่องบิน” ยังคงสูงอยู่
ดังนั้นโจทย์ตอนนี้มอบนโยบายให้
ททท.ต่างประเทศ 29 สำนักงาน
รวมในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ต้องทำให้ได้ 3 โจทย์ใหญ่
โจทย์ที่ 1 นำ
“จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” กลับมาในปี 2566 ให้ได้เกินกว่า
80 % ของปี 2562
โจทย์ที่
2 ต้องวางกลยุทธ์โดยใช้เทคนิคทางการตลาดเต็มรูปแบบ
ที่จะทำให้สายการบินต่าง ๆ มั่นใจที่จะเปิดบินประจำแบบไป-กลับ ในระยะยาว
โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 90 %
โจทย์ที่
3 ปลดล็อกให้ทั่วโลกเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปีแบบ
All Year Round Destination โดยไม่ต้องรอให้ถึงฤดูเดินทาง
เช่น วันหยุดอีสเตอร์ เมษายน หรือซัมเมอร์ตั้งแต่พฤษภาคม
และวินเทอร์เริ่มพฤศจิกายน ของทุกปี จะนำนักท่องเที่ยว “คุณภาพและมีกำลังซื้อสูง”
เข้าประเทศตามนโยบายรัฐบาลให้ได้ถึง 80 %
ส่วนช่วงปีใหม่นี้จะมี
“จำนวนที่นั่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ” เพิ่มจากระยะใกล้ “แถบเอเชีย”
เดินทางได้ง่าย ส่วน “ยุโรป” มีบ้างโดยมากับเที่ยวบินต่อเครื่องเข้าสิงคโปร์มาไทย
แนวโน้มปลายปีนี้จะมี “เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) เพิ่มขึ้น เช่น
มีชาเตอร์จากรัสเซียมาลงสนามบินอู่ตะเภา
ทำให้ตอนนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าไทยมากถึงวันละ 5,000 คน
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มถึงสถานการณ์ “ตลาดในประเทศ”
ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมอบ “ของขวัญปีใหม่”
กระตุ้นการท่องเที่ยววันหยุดยาวและท่องเที่ยวต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
จะชู 2 โครงการ ได้แก่
โครงการแรก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” จำนวน
1.5 ล้านสิทธิ์
หรือ 1.5 ล้านห้อง
โดยปรับสิทธิประโยชน์เล็กน้อย ให้เฉพาะ
จองโรงแรมรับเงินอุดหนุนค่าห้องพักจากรัฐบาล 40 % กับคูปองรายวัน
ส่วนตั๋วเครื่องบินจะได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายเพราะสายการบินต่าง ๆ
ทำโปรโมชั่นได้จุใจกว่า
ส่วนกรอบเวลาใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน
เฟส 5 ถ้าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
จะต้องใช้เวลาเปิดดำเนินการลงทะเบียนสำหรับผู้จองครั้งแรกประมาณ 30-45 วัน แต่สิ่งที่ต้องการคือจะให้ใช้สิทธิ์ครอบคลุมถึงเดือนเมษายน
2566 เพื่อดึงดูดใจคนไทยเที่ยวในประเทศมากกว่าเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ
เพื่อช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ เที่ยวเมืองไทยช่วงสงกรานต์เพิ่มมากขึ้น
โครงการที่ 2 “ฟื้นเศรษฐกิจด้วยท่องเที่ยว” จะเข้าไปจัดกิจกรรมเพิ่มดีมานต์เดินทางท่องเที่ยว ปี 2566 จะได้เกินกว่า เพราะมกราคม-พฤศจิกายน
ปีนี้ก็ทำไปได้แล้ว 172 ล้านคน-ครั้ง
ทะลุเกินกว่าปี 2562 ทำไว้เพียง 172
ล้านคน-ครั้ง เท่านั้น
สำหรับแผนปักหมุดจัด
“เคาน์ดาวน์” อย่างครึกครื้น
เพื่อขอบคุณทุกคนและคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิดมาด้วยกัน
ปลายเดือนธันวาคมนี้จะจัดเพิ่มพิเศษ “Amazing Thailand Countdown 2023” สร้างความสุข ความหวัง สู่หัวใจ
คนไทยและคนทั่วโลก อีกครั้ง
จะจัดไฮไลต์
3 พื้นที่ 1. Amazing Thailand Countdown 2023 @
Nakarapirom Park-รุ่งอรุณ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2566"
จัดยิ่งใหญ่คืน 31 ธันวาคม 2565 -1 มกราคม 2566 ที่สวนนาคราภิรมย์
2.เคาน์ดาวน์หาดใหญ่ สงขลา
เพื่อขอบคุณนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาเมืองไทยแล้ว 1.6 ล้านคน
และให้กำลังใจผู้ประกอบการเพื่อทำให้การท่องเที่ยวฟื้นสู่ปกติหรือดีกว่าที่ผ่านมา
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์มหานครเปิดยิ่งใหญ่แลนด์มาร์กเดสติเนชั่นโลก
นายอัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า เมื่อค่ำคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ได้จัดงาน “KING POWER MAHANAKHON GRAND
OPENING … THE MAHANAKHON OF LIVES มหานคร หนึ่งเดียวของทุกคน” เปิดตัวอย่างเป็นทางการโครงการไลฟ์สไตล์ใจกลางกรุง
“คิง เพาเวอร์ มหานคร” ซึ่งพร้อมเป็นศูนย์กลางส่งมอบการเดินทางท่องเที่ยวด้วย 4
ประสบการณ์ คือ EAT PLAY STAY SHOP สร้างสีสัน
เสน่ห์กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่ดึงดูดผู้คนมาเช็คอินจากทั่วโลกรวมทั้งคนไทย ด้วย 4
จุดขาย ได้แก่ 1.เป็นแหล่งแฮงเอ้าท์สุดฮิป 2.บริการร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
3.พื้นที่ช้อปปิ้งในร้านคอนเซ็ปต์สโตร์ 4.โรงแรมเดอะสแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร แบรนด์มาตรฐานสากลมีชื่อเสียงระดับโลก
การจัดงานแกรนด์
โอเพนนิ่ง “คิง เพาเวอร์ มหานคร” และ “โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร”
ครั้งนี้ได้ช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปี 2565 คึกคักมากขึ้น และส่งสัญญาณความพร้อมให้นักท่องเที่ยวนานาชาติวางแผนเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ส่วนบรรยากาศการจัดงานได้นำเสนอโชว์พิเศษภายใต้ชื่อ IT’S
ALL POSSIBLE, FUTURVERSE MUSIC PERFORMANCE สร้างสีสันสื่อถึงความหมายในการใช้ชีวิตที่เป็นไปได้
และตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ของคิง เพาเวอร์ มหานคร
ซึ่งจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกที่เลือกเข้ามาใช้บริการ
คอนเทนต์ในโชว์พิเศษ IT’S ALL POSSIBLE, FUTURVERSE MUSIC
PERFORMANCE นั้น คิง เพาเวอร์ มหานคร มุ่งเน้นถ่ายทอดเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญด้วย “พลังแห่งความเป็นไปได้จากการใช้ชีวิต”
ผ่านการเล่าเรื่องจาก 4 ศิลปิน นำเสนอความพิเศษเพื่อส่งมอบ
4 ประสบการณ์ “ EAT SHOP PLAY STAY” ได้แก่ นาย-ณภัทร,จูเน่-เพลินพิชญา, ซิลวี่-ภาวิดา และเจฟ ซาเตอร์
จากนั้นได้ส่งมอบความสุขต่อด้วย “มินิคอนเสิร์ต” จาก บุรินทร์
บุญวิสุทธิ์, ป๊อด ธนชัย
อุชชิน ตลอดจนเอ็กคลูซีฟปาร์ตี้ ภายใน เดอะคลับ ของโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบ็งคอก
มหานคร กับ “ดิปโล/Diplo” ดีเจชื่อดังระดับโลก
“Amber
Asher” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/CEO เดอะ
สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เจ้าของแบรนด์บริหาร
โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร กล่าวว่า
“การจัดงาน KING POWER MAHANAKHON GRAND OPENING … THE
MAHANAKHON OF LIVES มหานคร
หนึ่งเดียวของทุกคน’ เป็นพลังตอกย้ำถึงการบริหารธุรกิจของกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ที่เต็มไปด้วยศักยภาพโดยมีความมุ่งมั่นต่อยอดการลงทุนธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทย
โดยเฉพาะการพัฒนาทำเลที่ตั้งโครงการให้เป็นจุดหมายปลายทางหลักของการเดินทางหรือ
landmark
Destination ที่มี Outdoor Observation Deck ศูนย์รวมของไลฟ์สไตล์
ภายใต้วัฒนธรรมผสมผสาน สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นเมืองหลวงกรุงเทพมหานครได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เลือกจับมือกับทาง เดอะ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโรงแรม “เดอะ สแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร/The Standard, Bangkok Mahanakhon” โรงแรมไลฟ์สไตล์ล่าสุดใจกลางกรุงเทพมหานคร
เป็นเรือธงแห่งภูมิภาคเอเชีย (Asia's
flagship) พร้อมทั้งร่วมกันนำเสนอประสบการณ์การเข้าพักที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ คิง เพาเวอร์ มหานคร เป็นหนึ่งใน แลนด์มาร์ก เดสติเนชั่น อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ที่จะสร้างพลังดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ข่าวที่
2 มีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์ลด20%-สมาชิกจองห้องพักลด70%
คิง
เพาเวอร์ จัดเต็ม เฟสทีฟนี้!ช้อปฉลองกันแบบคนมีไฟลต์บินตั้งแต่เดือนธันวาคม
2565 – 2 มกราคม 2566
คลิกช้อปคุ้มชัวร์! เฟสทีฟนี้! ช้อปฉลองกันแบบคนมีไฟลต์บิน
ต้องช้อปเลยที่ King Power Click & Collect เพียงพิมพ์ KPD15รับส่วนลดสูงสุด
15%* เมื่อช้อป 6,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ หรือพิมพ์
KPD20 รับส่วนลดสูงสุด
20%* เมื่อช้อป 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
ส่วน
“สมาชิก คิง เพาเวอร์” VEGA, CROWN, ONYX และ SCARLET ใช้สิทธิพิเศษแลกกะรัตรับส่วนลดพิเศษ
ราคาพิเศษสูงสุด 70% ตั้งแต่วันนี้ – 31
มกราคม 2566 เมื่อจองห้องพักกับโรงแรม “อนันตรา
เวเคชั่น คลับ ไม้ขาว ภูเก็ต” ได้ตั้งแต่วันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2566
สามารถเลือกจองห้องพัก 4 วัน
3 คืน
ได้ 2 ประเภท คือ 1.จองห้องพักประเภท
อพาร์ทเมนต์ สวีต 2 ห้องนอน ราคาพิเศษ
23,400 บาท จากราคาปกติ 83,328 บาท หรือ 2.จองห้องพัก พูล
วิลลา 1
ห้องนอน ราคาพิเศษ 23,400 บาท จากราคาปกติ 86,769 บาท
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์“แจกคูปองลด-รางวัล/ชิมของอร่อย/ฟรีกระเป๋า
คิง เพาเวอร์ จัดเต็ม 16-18 ธันวาคม 2565 ช้อปรับความสุขกับโปรโมชั่นสุดพิเศษที่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ได้ถึง 4 พิเศษ ทั้งรับคูปองฟรี ลุ้นรับรางวัล ชิมอาหารอร่อย
และ รับฟรีกระเป๋าเดินทาง
1.แจกฟรี!
คูปองส่วนลด 2 ใบ รวมมูลค่า 4,500 บาท ได้แก่
คูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อป 8,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ และคูปองส่วนลด 3,000 บาท เมื่อช้อป
15,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
2.ลุ้นรับรางวัลรับประทานอาหารกับศิลปินชื่อดัง
มาริโอ้ เมาเร่อ เมื่อช้อปครบทุก 10,000 บาท (สุทธิ)
3.ชิมอาหารอร่อย ๆ
ฟรี 150 บาท เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป
(สุทธิ) ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
4.รับฟรี!
กระเป๋าเดินทางสุดพิเศษ 1 ใบ เมื่อมียอดช้อปครบ 40,000
บาทขึ้นไป (สุทธิ) ตั้งแต่ 1 พ.ย. 65 –
2 มกราคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
ข่าวที่ 4 ททท.นำลาซาด้าปลุกเอกชนขาย“BestDealเที่ยวไทย”ลด77%
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ร่วมกับ บริษัท ลาซาด้า จำกัด
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศ
และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดโครงการพิเศษในแคมเปญ “Best Deal เที่ยวไทย เพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต” ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวร่วมเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้า
เชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่อีคอมเมิร์ซ
เพิ่มช่องทางและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยทำธุรกิจได้โดยไม่สะดุดสอดรับยุคดิจิทัล
รวมทั้งเปิดอบรมความรู้เทคนิคการขายออนไลน์ควบคู่กับให้สิทธิพิเศษอีกมากมายเพื่อให้ผู้ประกอบการเริ่มธุรกิจออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
โครงการนี้ ททท. เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย Digital Tourism
ผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์เศรษฐกิจ (Ecosystem) ใช้ยกระดับห่วงโซ่อุปทานท่องเที่ยวไทยมีความรู้เท่าทันและได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป
แล้วสามารถปรับตัวทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศ
หันมาเสนอขายท่องเที่ยวผ่านทางออนไลน์มากขึ้น
จะช่วยสร้างโอกาสการตลาด ลดต้นทุน
ตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว
ดร.วีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า
ลาซาด้าในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมร่วมมือกับ
ททท. และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชื่อมโยงกลุ่มผู้ขายคือเอกชนท่องเที่ยวเข้ากับกลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทยผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า
ซึ่งเป็นช่องทางออนไลน์ช่วยให้ผู้ประกอบการเพิ่มโอกาสการขายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
สำหรับแคมเปญ “Best Deal เที่ยวไทย เพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต”
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยพร้อมร่วมโปรโมชันสุดพิเศษส่งท้ายปี มอบส่วนลดสูงสุดกว่า
77% ระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 ธันวาคม 2565 โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยมากกว่า
100 ราย ร่วมนำเสนอแพคเกจท่องเที่ยวต่าง ๆ กว่า 400 รายการ เช่น โรงแรม รีสอร์ท
สปา แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมกลางแจ้ง ตัวอย่าง การจัดทริปดำน้ำ ท่องเที่ยวเรือยอชต์
กิจกรรมพักผ่อนต่าง ๆ มากมาย
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
แคมเปญนี้ตรงกับยุทธศาสตร์การเติมลูกค้า เติมความรู้
และเติมนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้เพิ่มช่องทางการขาย
สร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ และได้เรียนรู้การสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก
เป็นการยกระดับความรู้และทักษะด้านดิจิทัลและเพิ่มรายได้ไปพร้อมๆ กัน จึงมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกระดับให้การตอบรับดีเยี่ยม
ในระยะยาวจะมีผู้สนใจเข้าร่วมแคมเปญอีกเป็นจำนวนมากด้วย
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่สนใจนำแพ็กเกจท่องเที่ยวเข้าร่วมรายการ
ภายใต้แคมเปญ “Best Deal เที่ยวไทย
เพิ่มสิ่งที่ใช่ให้ชีวิต” ททท.เปิดช่องทางให้ติดต่อโดยตรงทางเว็บไซต์ https://www.lazada.co.th/tatbest
ข่าวที่ 5 บางจากบูม“ทอดไม่ทิ้ง”เปิด44ปั๊มซื้อน้ำมันใช้แล้วเริ่ม21ธ.ค.65
นายสมชัย เตชะวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้นำโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”
เชิญชวนให้ประชาชนนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาขายที่สถานีบริการบางจาก 44 แห่ง มาขายให้บางจากฯ เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม
2565 เป็นต้นไป เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
(Sustainable Aviation Fuel – SAF) ตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจ BCG
ได้ด้วย
โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”
มีนางสาวกัณฑมาศ กฤตยานุกูล
รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการผลิตและจัดส่งน้ำมัน บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นางสาวกิตติมา
วงศ์แสน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจและการพาณิชย์ บริษัท บีบีจีไอ
จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารบริษัท บางจากฯ และบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด
ร่วมเปิดตัวพร้อมใจกันรณรงค์อย่างเต็มที่
โดยเปิดให้ผู้สนใจนำน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารมาขายได้ที่ปั๊มบางจาก
ดูรายชื่อสาขาที่รับซื้อน้ำมันได้ที่ https://greens-revolution.bangchakmarketplace.com/th/Promotion/detail/UsedcookingoiL และตรวจสอบราคารับซื้อได้ที่จุดรับซื้อในแต่ละวัน
นายสมชัยกล่าวว่า
โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” ริเริ่มทำโดยบริษัท ธนโชค ออย ไลท์ หนึ่งในผู้ร่วมทุนของ
บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ได้รณรงค์การ “ไม่ทิ้ง”
น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วสู่พื้นที่สาธารณะ
ป้องกันปัญหาจากการทิ้งของเสียอย่างไม่ถูกวิธีซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และการ “ไม่ทอดซ้ำ” เพราะจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
จากการเสื่อมสภาพของน้ำมันและเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่อันตรายต่อร่างกายมนุษย์
ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ
อีกทั้งการขยายผลโครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” ยังสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG -Bio-Circular-Green Economy หรือ “เศรษฐกิจชีวภาพ”
เน้นใช้ทรัพยากรชีวภาพสร้างมูลค่าเพิ่ม เชื่อมโยงกับ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ด้วยวิธีนำวัสดุต่าง ๆ
กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ “สร้างเศรษฐกิจสีเขียว”เคียงข้างกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทย กันเถอะ ทริปนี้ชวนไป “จังหวัดน่าน” รับลมหนาวชมวิวดอยสวยบน
“อุทยานแห่งชาติขุนสถาน” แล้วตะลอนทัวร์ อำเภอนาน้อย ให้จุใจ วันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
2566
กรมทางหลวงเปิดพื้นที่ให้กางเต็นท์พักแรมได้ด้วย ดูแลสุขภาพเรื่อง
“วิธีกินวิตามินซีอย่างไร” ให้ได้ประโยชน์สูงสุด และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “เปิด4ผู้สมัคร” ผู้นำ ทอท.รุ่นใหม่ “กีรติ”
สายแข็งเต็ง1ลุ้นผล ม.ค.66 ข่าวที่สอง “TCEB” นำ MICE CENTER คว้ารางวัลสำเภา-นาวาทองปี’65
ท่องเที่ยว -ปักหมุดเที่ยว“ขุนสถาน”นาน้อย วิวสวยธรรมชาติปัง จ.น่าน
เที่ยวไทย อะเมซิ่ง
ยิ่งกว่าเดิม “จังหวัดน่าน” กับจุดชมวิวอันสวยงามในอุทยานแห่งชาติขุนสถาน/
Khun Sathan National
Park ตั้งอยู่ตรงหมู่ 3 บ้านขุนสถาน
ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน
“น่าน” เป็นจังหวัดในอ้อมกอดขุนเขามีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติและจุดชมวิวอันสวยงามให้เลือกเที่ยวชมมากมาย ขับรถยาวจากกรุงเทพฯ สู่จุดหมาย “อุทยานแห่งชาติขุนสถาน”
เปิดให้เที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 16.30 น.
สิ่งแรกที่ต้องทำตอนไปถึงอุทยานคือ
ต้องจ่ายค่าเข้าพื้นที่ ผู้ใหญ่ คนละ 20
บาท เด็กคนละ 10 บาท รถยนต์ คันละ 30 บาท รถมอเตอร์ไซต์ คันละ 20 บาท
หากปั่นจักรยานเข้าฟรีได้เลย เส้นทางภายในค่อนข้างสะดวกสบายมาก พอลงจากรถก็ยืนชม “วิวสวยสุดอลังการ”
ได้เลย มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอกขึ้นชื่อว่าสวยงามมากอีกแห่งเมืองน่าน
พื้นที่ชมวิวในอุทยานฯ บนยอดดอยสวยมีบริการ
ร้านค้าสวัสดิการ เปิดให้นักท่องเที่ยวเลือกสั่งเครื่องดื่มร้อนและเย็นได้ตามชอบ
ทั้ง กาแฟ ชา โอวันติน ของกินเล่น และสินค้าทั่วไป
เทียบชั้นได้กับร้านคาเฟ่ราคาสบายกระเป๋า แลกการชมวิวหลักล้านจริง ๆ
นักท่องเที่ยว “สายแคมปิ้ง”
ทางอุทยานจัดพื้นที่ “ลานกางเต็นท์” มีให้เลือกมากถึง 6 ลาน หากต้องการพักก็สามารถจองล่วงหน้ามีบ้านพักอยู่ทั้งหมด
7 หลัง
ย้ำอีกครั้งเรื่อง “ค่าธรรมเนียม”เข้าชมอุทยาน
ผู้ใหญ่ 20
บาท/คน เด็ก
10 บาท /คน ผู้สูงอายุ 60 ปี เข้าฟรี รถยนต์ 30 บาท/คัน มอเตอร์ไซค์ 20 บาท/คัน จักรยาน ฟรี
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใน “อำเภอนาน้อย”
จังหวัดน่าน ที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะช่วงต้อนรับลมหนาว มี 1.ดอยเสมอดาว
2.อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
3.อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
4.หมู่บ้านประมงปากนาย
และ 5.เสาดินนาน้อย
ในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่
ตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2565
-2 มกราคม
2566 ทางกรมทางหลวง
ได้เปิดพื้นที่พักริมทางที่อยู่ในความดูแล
ต้อนรับนักท่องเที่ยวสายกางเต็นท์พักค้างคืนชมธรรมธาติ แวะใช้บริการในจังหวัดน่าน 3 แห่ง
แห่งที่ 1 หมวดทางหลวงนาน้อย ทล.1083 ตอน เด่นชาติ - นาน้อย กม.69+485
(ขาออก)
แห่งที่ 2 หมวดทางหลวงผาช้างน้อย ทล.1148 ตอน สะเกิน - สบทุ กม.82+000 (ขวาทาง)
แห่งที่ 3 หมวดทางหลวงบ่อเกลือ ทล.1081 ตอน หลักลาย - บ่อเกลือ กม.67+110
ปลายปีนี้และต้นปีหน้า
ปักหมุด “เที่ยวน่าน” ไปอุทยานแห่งชาติเขาสถาน แล้วลองกางเต็นท์นอนแคมปิ้ง เพิ่มประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติสักครั้ง
แล้วจะรู้ว่าเมืองไทย ยิ่งเที่ยว ยิ่งให้ ยิ่งได้ มีส่วนร่วมสร้างเศรษฐกิจไทย
สุขภาพ -ข้อควรรู้ก่อนกินวิตามินซีกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์
การกินวิตามินซีปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก
เพราะมีประโยชน์หลายด้าน เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
ทำให้ไม่เป็นหวัดหรือป่วยง่าย บำรุงผิวพรรณ และอื่น ๆ
แต่การกินวิตามินซีไม่ถูกวิธีอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่
แถมส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย
วิตามินซีชนิดละลายน้ำที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง
จึงต้องได้รับจากการกินอาหารประเภทผักใบเขียวและผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลายแล้ว
หรือบางคนอาจจะเลือกกินในรูปแบบอาหารเสริมเพิ่มเติมจากมื้ออาหาร
เพื่อการดูแลสุขภาพโดยรวม
“วิตามินซี” ชนิดรับประทานควรเลือกแบบไหน -ในรูปแบบเม็ดรับประทานมีผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ
เพื่อให้คนที่มีเงื่อนไขสุขภาพต่างกันสามารถเลือกรับวิตามินซีที่เหมาะสมกับตัวเองได้
โดยสังเกตได้จากฉลากผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่จะระบุส่วนประกอบไว้ เช่น
1.วิตามินซีในรูปกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic
Acid)
2.วิตามินซีในรูปกรดแอสคอร์บิกผสมกับไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids)
3.วิตามินซีในรูปไลโปโซมอล (Liposomal Vitamin
C)
4.วิตามินซีในรูปแคลเซียมแอสคอร์เบท (Calcium
Ascorbate)
วิตามินซีแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
บางชนิดเหมาะกับคนกลุ่มหนึ่งแต่อาจไม่เหมาะกับคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้
การกินวิตามินซีจึงควรเลือกรูปแบบเหมาะสมกับเงื่อนไขสุขภาพของตัวเองมากที่สุด
ส่วนใหญ่แล้วคนทั่วไปจะนิยมกินวิตามินซีประเภทกรดแอสคอร์บิก เนื่องจากการดูดซึมได้ใกล้เคียงกับวิตามินซีที่พบได้ในอาหารมากที่สุด
ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่าย
ส่วน “ปริมาณที่เหมาะสมในการกินวิตามินซี” คนทั่วไป ในวัยผู้ใหญ่กินวันละ 70–80 มิลลิกรัม แต่คนที่ต้องกินวิตามินซีเพื่อรักษาปัญหาสุขภาพบางอย่าง
เช่น เลือดออกตามไรฟัน แพทย์อาจแนะนำให้กินวันละ 1,000–2,000 มิลลิกรัม แต่ร่างกายอาจไม่สามารถดูดซึมวิตามินได้ครบทั้งหมดและไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้
วิตามินซีส่วนเกินก็จะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ
การกินวิตามินซีจึงไม่ค่อยเกิดผลเสียที่รุนแรงต่อร่างกายมากนัก อย่างไรก็ตาม
ปริมาณวิตามินทั้งหมดที่ได้รับทั้งจากอาหารและอาหารเสริมไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง
เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และนิ่วในไตขึ้นได้
“เวลาที่เหมาะสม” ในการกินวิตามินซี สามารถกินเวลาใดของวันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกินแค่เวลาเช้า กลางวัน
หรือเย็นเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องกินร่วมกับมื้ออาหาร
เนื่องจากเป็นวิตามินประเภทละลายน้ำ
เพียงแค่ดื่มน้ำร่วมด้วยเมื่อกินก็ทำให้ตัววิตามินละลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้แล้ว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.ได้4ผู้สมัคร”ชิงผู้อำนวยการใหญ่“กีรติ”เต็ง1ลุ้นม.ค.66
บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด(มหาชน) “ทอท./AOT” ได้ผู้สมัครชิงตำแหน่ง
“ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.” คนใหม่ เรียบร้อยแล้ว 4 คน
หลังปิดรับเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 มีผู้สนใจสมัครเป็นผู้บริหารภายใน ทอท. 2 คน และ
คนนอก 1 คน
ตามรายชื่อดังนี้
1.นายกีรติ
กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง ทอท.
2.นางฉฎาณิศา
ชำนาญเวช รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานท่าอากาศยานภูมิภาค ทอท.
3.นายวิทยา
พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ ฝ่ายปฎิบัติการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)
4.นายประสิทธิ์
เด่นโมรี อาจารย์ที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานรัฐ ปัจจุบันทำงานศูนย์อาชีวะทางการแพทย์
มีกระแสจากวงการบินยืนยันว่า
“นายกีรติ กิจมานะวัฒน์” หนึ่งในผู้ยื่นสมัคร
“ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.” เป็นเต็งหนึ่ง ด้วยองค์ประกอบสำคัญ คือ
1.ได้การยอมรับและสนับสนุนจากนายศักดิ์สยาม
ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
2.เป็นผู้บริหาร
ทอท.ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในองค์กรนี้ไม่นาน เพิ่งได้รับแต่งตั้งเข้ามาเป็นรองผู้อำนวยการใหญ่เมื่อวันที่
23 กันยายน 2563 แต่สามารถโชว์สร้างความโดดเด่นทำงานสนองนโยบายกระทรวงคมนาคมเป็นอย่างดี
ผลักดัน “โครงการขยายการลงทุนในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ” ทั้งการขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ
ขยายอาคารผู้โดยสารต่อขยายทิศตะวันออกและตะวันตก การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางด้านทิศเหนือของสนามบิน
และผลักดันโครงการขยายการลงทุนสนามบินนานาชาติดอนเมือง” เพิ่มขีดความสามารถสนามบินดอนเมือง
ล่าสุดที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งจะมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงใหญ่วงเงินกว่า 36,000
ล้านบาท
สำหรับการพิจารณาคัดเลือก
“ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.” ต่อจากนี้ไป เบื้องต้นมี 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 วันที่ 11 มกราคม 2566
ทางคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.
จะคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติหลักฐานครบถ้วน
และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์
ขั้นตอนที่ 2 วันที่ 16
มกราคม 2566 ผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องมาสัมภาษณ์และนำเสนอวิสัยทัศน์
แนวคิดในการบริหารจัดการ และพัฒนา ทอท.เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายในช่วงระยะเวลา 4
ปีหน้า เมื่อเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนต่อไป แทน
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนปัจจุบันจะสิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 20
เมษายน 2566
ขั้นตอนที่ 3 ผู้เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์จะต้องได้รับคะแนนรวมเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า
80% จึงจะผ่านเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก และคณะกรรมการสรรหาฯ
จะเสนอรายชื่อต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.พิจารณาต่อไป
ข่าวที่สอง -TCEBนำMICE
Centerคว้ารางวัล“สำเภา-นาวาทอง”ปี’65
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เป็นตัวแทนทีเส็บรับรางวัล “สำเภา-นาวาทอง” ประจำปี 2565
สุดยอดหน่วยงานภาครัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ในหน่วยงานระดับกรม
จากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ในฐานะที่เป็นองค์กรที่สร้างผลงานจากโครงการ One Stop Service
Center for MICE จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์
(Thailand MICE One Stop Service) และการดำเนินงานของคณะทำงานร่วมภาคสนาม
(JOC -Joint Operating Committee )
เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจัดประชุมและนิทรรศการของประเทศไทย
ช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผลและเป็นรูปธรรม
โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐปรับปรุงระเบียบและกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกการจัดงานไมซ์สร้างผลสำเร็จสร้างแรงจูงใจไมซ์ตลาดต่างประเทศเลือกนำงานมาจัดในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ทีเส็บได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานการอำนวยความสะดวกธุรกิจไมซ์ -One Stop
Service Center for MICE มุ่งเน้นเพิ่มช่องทางความสะดวกในการจัดกิจกรรมใน
12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สามารถเดินหน้ายกระดับความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจไมซ์
ผ่านทางเว็บไซต์เชื่อมโยงการให้บริการจัดงานไมซ์ผ่านดิจิทัล
ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้จัดงาน เจ้าของงาน และผู้เข้าร่วมงาน
สามารถเข้าถึงสะดวกรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์
รวมทั้งการเชื่อมโยงให้บริการจัดงานไมซ์เข้ากับหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล
ด้วยการลงนามความร่วมมือทำงานเชิงบูรณาการกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทางด้านระเบียบปฏิบัติไมซ์โลจิสติกส์
เช่น กรมศุลกากร กรมการจัดหางาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มประสิทธิภาพงานอย่างรวดเร็ว
ทีเส็บได้ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวต่อเนื่องมาตลอด
ควบคู่กับการส่งเสริมให้มีผู้แทนอำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์ประจำหน่วยงานภาครัฐ
ยกระดับไมซ์โลจิสติกส์ด้านการเคลื่อนย้ายสินค้าเพื่อการจัดงานไมซ์ครอบคลุมทั้ง 12
อุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมทั้งจัดทำและเผยแพร่คู่มือปฏิบัติหรือ Prototype
Manual ไมซ์โลจิสติกส์ ร่วมกันยกระดับมาตรการส่งเสริมการจัดงานไมซ์
พร้อมกับผลักดันให้เกิดมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนไมซ์
และมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดงานไมซ์ให้เกิดประสิทธิภาพเป็นผลดีต่อการขยายตลาดไมซ์ต่างประเทศนำงานมาจัดในเมืองไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น