ททท.ติดอาวุธ“ท่องเที่ยวสู่ยุคดิจิทัล”ปี’66รับมือไทย-เทศโต
ลุย3เรื่อง“เพิ่มทักษะ-ปั้นแทรเวลเทค-แจ้งเกิดลงทุนเวนเจอร์
ปูพรมNFTพื้นที่ฮอต“กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-เชียงใหม่-ขอนแก่น”
คิงเพาเวอร์รางน้ำชูคริสต์มาสชมศิลปินชิมอร่อยช้อปดิวตี้ฟรี
รร.เดอะสแตนดาร์ดมหานครเปิด4ห้องอาหารรับคริสต์มาส65
รับโค้ดด่วนช้อป”คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ลดทุกปสัปดาห์20+5%
ททท.แจกของขวัญเที่ยวไทยปีใหม่เงินสะพัด3.75หมื่นล้านบาท
บางจากชูปี’66เปิดปั๊มรับขยะกำพร้าสัญจรรับเศรษฐกิจCircular
“อีสาน”ชวนเที่ยวเคาน์ดาวน์วัฒนธรรรมวิถีถิ่นรับปีใหม่8พื้นที่
2วิธีบำรุงกระดูกด้วยวิธีง่าย
ๆ “กิน-ออกกำลัง”ทุกวัยทำได้แน่นอน
ไทยแอร์เอเชียลั่นปี’66เพิ่มบินต่างประเทศโกยผู้โดยสาร20ล้านคน
“ภาคเหนือ”แชมป์คนเที่ยวปีใหม่’66ทำเงินสะพัด9พื้นที่2พันล้าน
วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม
2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM
97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #ท่องเที่ยวยุคดิจิทัล
#เที่ยวอีสานเคาน์ดาวน์
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/
ช่วงที่ 1 ปรับโฉมท่องเที่ยวปี 2566 กับ “นิธี สีแพร” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล
วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ติดอาวุธไฮเทครับมือตลาดปีหน้าโตก้าวกระโดด
เที่ยวไทย 200 ล้านคน ต่างชาติ 20-25
ล้านคน ลุยทำ 3 เรื่อง “Literency-Travel
Tech-Investment” รุกตลาดท่องเที่ยว ชิมรางปล่อยโปรเจกต์ “NFT” นำร่องเมืองท่องเที่ยวฮ็อต กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น ระยอง
ปลุกกระแส ชเก็บแต้ม แลกสารพัดสิทธิ์ ทั้ง ส่วนลดโรงแรม แพกเกจทัวร์ ดัน “AR-VR”เครื่องมือสแกนเที่ยวได้ทุกซอกทุกมุมตามชุมชน ใช้ “ผลวิจัย” เป็นหัวหอกหนุน
3 เพิ่ม “รายได้/ความถี่/อัตราเข้าพัก”
เข้าถึงแก่นนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ 6 เทรนด์ 6 กลุ่ม “digital nomad-Workation-SeniorActive-Solo Travel-Wellness-Travel Tech”
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
เตรียมของขวัญ การยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศเข้าสู่ยุค “ดิจิทัล”
อย่างเต็มที่ทั้ง 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่
1 digital Literacy ให้ผู้ประกอบการเพิ่มทักษะการนำเครื่องมืออุปกรณ์
และเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำความรู้ใหม่มาใช้ดำเนินธุรกิจ
เรื่องที่ 2 สร้าง Travel tech สนับสนุนธุรกิจรุ่นใหม่
ซึ่งมีความพร้อมนำนวัตกรรมใหม่ ๆ
เข้ามาแก้จุดอ่อนของอุตสาหกรรมเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยว
เรื่องที่ 3
Digital Investment ทำให้เกิดการลงทุน
และการระดมทุน Ventures digital ต่าง ๆ เข้ามาร่วมเครือข่าย
พัฒนาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไป
โดย
ททท.พร้อมจะผลักดันโครงการนำร่องหรือ Pilot Project เพื่อขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เช่น เริ่มต้นเปิด โครงการที่
1 “Best
Deal เที่ยวไทย เพิ่มสิ่งใหม่ให้ชีวิต”
ร่วมกับ LAZADA แพลตฟอร์มออนไลน์ขายสินค้าแถวหน้าเมืองไทย
ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน
จับมือกันสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกว่า 100 ราย
ได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเปิดช่องทางขายส่งท้ายปีผ่านแพลตฟอร์มร่วมโปรโมชั่นกว่า
70 % แล้วยังสามารถเชื่อมโยงต่อยอดขายสินค้าจากแพกเกจท่องเที่ยว
ขยายไปแฟชั่นชุดและอุปกรณ์ดำน้ำ สร้างการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อนั่นเอง
โครงการที่ 2 “NFT Amazing Thailand” นำ NFT มาประยุกต์ใช้กับการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
พุ่งเป้าตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเกมเมอร์ นักสะสมทรัพย์สินดิจิทัล
โดยจะเปลี่ยนจากรูปแบบ “Play to Earn” เล่นเพื่อสร้างรายได้
เปลี่ยนมาเป็น “Travel to Earn”
ท่องเที่ยวแล้วสามารถสะสมสินทรัพย์ต่าง ได้ด้วย ททท.จะร่วมกับ Cryto
Currency Connect นำคาแร็กเตอร์ “น้องสุขใจ” มาสค็อตท่องเที่ยวของ
ททท.มาประยุกต์ใช้ ประสานกับแคแรกเตอร์อัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด
วางกลยุทธ์
“จังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง” ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ระยอง
และอื่น ๆ เพื่อสร้างเป็น NFT กระตุ้นให้คนเดินทางท่องเที่ยว
สร้างแรงจูงใจทั้ง เก็บสะสม NFT จากการเข้าไปเที่ยวตามจังหวัดเป้าหมาย
แล้วยังได้สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเป็น “ส่วนลด” จากการท่องเที่ยวต่าง ๆ
จากหลากหลาย
ขณะนี้เริ่มเปิดตัวแคมเปญ
“NFT BUAKAW 1 x
Amazing Thailand” ททท.ร่วมกับ
“บัวขา บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดัง ทำงานร่วมกันหลายมิตินำจุดแข็งเรื่อง Soft Power ศิลปะมวยไทย ซึ่งทางบัวขาวได้ปล่อย NFT ออกสู่ตลาด
ททท.จึงร่วมกับบัวขาวต่อยอดภาพศิลปะมวยไทยชุดดังกล่าว
แล้วให้นักท่องเที่ยวมารับโค้ดเป็น “ส่วนลดพิเศษน้ำยารักษาภาพศิลปะ”
กลายเป็นคอลเลคชั่นภาพชุดที่มีคุณค่า ทาง ททท.ได้สนับสนุนให้ NFT แคมเปญนี้ 2,000 คน
พร้อมทั้งเชิญชวนเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวเข้ามาร่วมมอบส่วนลดแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนักสะสม
NFT ชุดนี้ด้วย โดยมีโรงแรมต่าง ๆ เข้าร่วมมากมายทั้ง ระติล้านนาเชียงใหม่
เซนทาราสมุย ภูเก็ต ป่าตอง
และอีกหลายโรงแรมและรีสอร์ตสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้น เป็นโครงการที่จะทำให้ผู้ประกอบการเห็นถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ทางการตลาดได้จริง
นายนิธี
กล่าวว่า ททท.เตรียมแผนใช้ดิจิทัลเสริมทัพการตลาดรับมือปี 2566 ตามท่องเที่ยวทั้งในประเทศซึ่งจะมีกว่า 200
ล้านคน และต่างประเทศอีก 20-25 ล้านคน เติบโตก้าวกระโดดจากปี
2565 การนำดิจิทัลมาใช้ทั้งส่งเสริมสนับสนุนการตลาด
แล้วยังต้องอบรมภาคธุรกิจ รวมทั้งคิดวางแผนรับมือกับ Next Normal คาดจะมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย 15-20 % กระโดดเข้าร่วมทัพดิจิทัล
เพราะอนาคตต่อไปยังต้องร่วมเทรนด์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
การท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับ BCG เศรษฐกิจ “ชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว” ซึ่งจะต้องทำไปพร้อม ๆ กัน
ถึงแม้ดิจิทัลยังอาจจะมีจุดอ่อนหลายเรื่องเป็นอุปสรรคทำให้ผู้ใช้ดิจิทัลยังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
ทว่า ททท.พยายามทดลองนำ Meta เข้ามาใช้งาน หรือ
“หัวเหว่ย” ประยุกต์ใช้ ททท.จะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงโดยชูจุดเด่นของเทคโนโลยี AR-Augmented
reality การรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน
และ VR-Virtual Reality เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง
ทั้งสองเทคโนโลยีจะช่วยเติมเต็มนักท่องเที่ยวได้รู้ข้อมูลภาพเสมือนจริงก่อนเดินทางเข้าไป
โดยเฉพาะ “แหล่งท่องเที่ยวชุมชน” ทดลองทำที่ “ตลาดน้อย” กรุงเทพฯ
ได้นำภาพเสมือนจริง บอกเส้นทางกับจุดแวะท่องเที่ยวไว้ให้เห็นภาพเสมือนจริง
พร้อมทั้งมีแผนที่บอกทาง นำไปสู่การใช้จองร้านอาหาร พร้อมรับส่วนลดพิเศษ
หรือการทำเวิร์คช้อปร่วมกิจกรรมต่าง ๆ หรือบริการโลจิสติกส์
เรียกรถไปตามสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วย
โดยสรุป
ททท.กำลังเดินหน้านำเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพรองรับตลาดนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด
1.กระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้อุปกรณ์เข้าถึงทุกบริการการท่องเที่ยว
เมื่อเทคโนโลยี 5G เข้ามาก็จะใช้กล้องมือถือไฮเทค เห็นภาพสถานที่ท่องเที่ยว
ทิวทัศน์ สภาพอากาศ 2.จองโปรโมชั่น
เก็บคะแนนรับส่วนลดราคาพิเศษ สะสมคูปอง/โวเชอร์
ไว้ใช้ตามสถานที่พักและแหล่งท่องเที่ยว
นอกเหนือจากการขายบน แพลตฟอร์มออนไลน์ การทำโครงการ NFT ซึ่งทำคู่ขนานกันไปด้วย
ขณะเดียวกัน ททท.ได้นำ “งานวิจัยและพัฒนา” เข้ามาประยุกต์ใช้ในปี 2566 ด้วย เพื่อตอบโจทย์ “3 เพิ่ม”
คือ 1.เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2.เพิ่มรายได้/การใช้จ่ายต่อคนต่อทริป
และ 3.เพิ่มอัตราเข้าพักเฉลี่ย/OR-Occupacy Rate ได้ถึง 6 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
ตามโครงสร้างปัจจุบันมี
“กลุ่มคนรุ่นใหม่” 70-80 % สนใจดิจิทัลซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายหลัก
ปี 2566 คือ กลุ่มที่ 1 “digital
Nomad”
ต่างชาติทั่วโลกเลือไทยพักพิงเป็นสถานที่ทำงานผ่านระบบดิจิทัล กลุ่มที่ 2
“Workation/Work from anywhere”
เทรนด์ทำงานทุกสถานที่ได้เที่ยวด้วย
การนำ
Event Marketing หรือการบริหารจัดการ การวางแผน
และสร้างสรรอีเวนต์ เข้ามาขับเคลื่อนตลาดเติบโตได้อีกจาก กลุ่มที่ 3
Solo Travel สตรีเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว กลุ่มที่ 4
Senior Active ผู้สูงวัยที่ยังกระตือรือร้นออกเดินทางท่องเที่ยว
กลุ่มที่ 5 กลุ่ม Wellness
เดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม กลุ่มที่ 6 กลุ่ม Travel Tech โดยมี Start up จำนวนมากในเมืองไทยหันมาต่อยอดเรื่องการท่องเที่ยว
เพราะไทยมีรายได้จากท่องเที่ยวก่อนวิกฤตโควิดทำได้ถึงปีละ 3 ล้านล้นบาท
ททท.จะเร่งผลักดันเพิ่มจำนวน
Travel Tech ท่องเที่ยวมากขึ้น โดยจะจับมือกับค่ายใหญ่
อย่าง TRUE ,AIS หรือ Air Asia ซึ่งมีเริ่มการลงทุนในเชิง
Venture Capital มากขึ้น ผลักดันการแจ้งเกิดให้ได้กว่า 100
ราย แล้วทำให้ 1 ในจำนวนนี้จะมี Startup
ระดับซีรีย์ A, B เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ผันตัวกลายเป็น Unicorn
ได้
สำหรับ
“นักท่องเที่ยวในประเทศ”
ททท.จะออกแบบการเดินทางท่องเที่ยวด้วยดิจิทัลให้เหมาะสมกับสนใจตลาด เช่น
คนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ผู้สูงวัย สามารถกระตุ้นการใช้ออนไลน์เพื่อการท่องเที่ยวได้
เมื่อสร้างเป็นกระแสได้แล้วก็จะอัพเดทเทรนด์สู่ดิจิทัลท่องเที่ยวเติบโตได้ต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์รางน้ำชูคริสต์มาสชมศิลปินชิมอร่อยช้อปดิวตี้ฟรี
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา”
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์
รอมอบความสุขเพิ่มช่วงเฟสทีฟต้อนรับการฤดูการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยและนานาชาติด้วยแคมเปญ
KING POWER CELEBRATION 2023..HAVE
A NEW BESTINATION ที่
“คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เสาร์ 24-อาทิตย์
25 ธันวาคม 2565 มีนัดพบกันตั้งแต่ 16.00
น. – 21.00 น. มารวมตัวกันเติมความสุข ความสนุก อย่างจุใจใน “คริสต์มาส วิลเลจ คิง
เพาเวอร์”
สนุกกับศิลปินขวัญใจคนรุ่นใหม่
“เจฟ ซาเตอร์” ขึ้นเวทีส่งต่อความสนุกในวันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม จากนั้น “ไอซ์ พาริส” จะตบท้ายความสุขให้ทุกคนในวันอาทิตย์ที่
25 ธันวาคม 2565 ภายในงานสามารถเลือกรับประทานอาหารร้านดังกว่า 30 ร้าน พร้อมกับแฮงเอาต์ท่ามกลางการประดับตกแต่งไฟสวยงาม และช้อปอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อมียอดครบ 5,000
บาท รับทันทีคูปองมูลค่า 150 บาท
นำไปรับประทานอาหารในงาน
ระหว่างวันที่ 24-25 ธันวาคม ปักหมุดชิมของอร่อยในงานได้ทั้งที่ ร้านฮ่องเต้กุยช่ายบางกรอบ Egg
All Day แซนด์วิชสไตล์เกาหลี และเมนูอร่อยทุกร้าน
ข่าวที่ 2 รร.เดอะสแตนดาร์ดมหานครเปิด4ห้องอาหารรับคริสต์มาส65
“โรงแรม
เดอะ สแตนดาร์ด แบ็งคอก มหานคร” น้องใหม่ในกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
มีไฮไลต์พิเศษฉลองเทศกาล “คริสต์มาส 2565” ใน 4
ห้องอาหาร คือ
ห้องอาหารแรก
“OJO” ชั้น 76 ชวนครอบครัวมาสัมผัสเมนูสวยงาม 4 คอร์ส
จับคู่รับประทานกับไวน์เริ่มด้วย “วันคริสต์มาสอีฟ” 24
ธันวาคม เสิร์ฟมื้อค่ำ ตั้งแต่ 17.30 น. เป็นต้นไป “วันคริสต์มาส” 25 ธันวาคม เสิร์ฟมื้อกลางวัน 11.30 น. - 14.30
น. และมื้อค่ำ 17.30 น.เป็นต้นไป ทั้ง 2 วัน จะเสิร์ฟ 4 คอร์ส
เลือกจับคู่ไวน์และแชมเปญหนึ่งแก้ว ราคาเซ็ตเมนู
3,900++ บาท/คน
และไวน์แพร์ริ่ง 2,000++ บาท/คน
ห้องอาหารที่ 2 “THE STANDARD GRILL” ชั้น 5 รับประทานอาหารและเครื่องดื่มเทศกาลความสุขกับ 4 คอร์สสพร้อมตัวเลือกจับคู่ไวน์
พร้อมชมดนตรีแจ๊สสด “วันคริสต์มาสอีฟ” 24
ธันวาคม เริ่ม 17.30 น. เซ็ตเมนูราคา 3,200++
บาท/คน และไวน์แพร์ริ่ง 1,200++ บาท/คน “วันคริสต์มาส” 25 ธันวาคม มื้อกลางวัน 12.00-14.30 น.
เสิร์ฟเซ็ตเมนูสไตล์ครอบครัวพร้อมแพ็กเกจเครื่องดื่มเสริม 2 ชั่วโมง ชมการแสดงดนตรีแจ๊สสด ราคาชุดเมนู 2,800++ บาท/คน และชุดเครื่องดื่ม 2 ชั่วโมง 1,900++
บาท/คน
ห้องอาหารที่ 3 “TEASE” ชั้น
4 มอบของขวัญพร้อมจิบชายามบ่าย ตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2566ทุกวัน 13.00-17.00 น. เสิร์ฟชุดน้ำชายามบ่ายพร้อมสปาร์คกลิ้งไวน์ 1
แก้ว ราคา 1,400++
บาท/ชุด และไวน์ Cava ราคา 275++ บาท/คน
ห้องอาหารที่ 4 THE PARLOR ชั้น
4 พบกับ เพลย์ลิสต์เทศกาล และ ค็อกเทลคริสต์มาส ได้ตั้งแต่วันนี้- 31 ธันวาคม 2565 สนุกกับดีเจประจำร้านและค็อกเทลแห่งเทศกาล ค็อกเทลและอาหารว่างเริ่มต้นราคา
340++ บาท ท่ามกลางเสียงเพลงความสุขส่งท้ายปีอย่างจุใจ
ข่าวที่ 3 รับโค้ดช้อป”คิงเพาเวอร์ออนไลน์”ลดทุกปสัปดาห์20+5%
“คิง
เพาเวอร์” เเจกโค้ดช้อปทุกสัปดาห์! WEEKEND SPECIAL CODE ลดสูงสุด
20% ลดเพิ่ม 5%* เมื่อช้อปครบ 12,000 บาท คลิกด่วน ที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ช้อปสินค้า
DUTY FREE กับดีลสุดพิเศษ ใส่โค้ด ลดเพิ่มได้อีก! รหัสส่วนลด
WSC2 ตั้งเเต่วันนี้ - 25 ธ.ค. 65 เท่านั้น!
สินค้า
DUTY FREE สุดฮอต มีไฟลต์บิน ต้องรีบช้อป!
รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก
แล้วใช้สิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
8,000 บาท 3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ
จากแบรนด์ดัง (สินค้ามีจำนวนจำกัด) 4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท
เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ และ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 4 ททท.แจกของขวัญเที่ยวไทยปีใหม่เงินสะพัด3.75หมื่นล้านบาท
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันหยุดต่อเนื่อง ส่งท้ายปีเก่า
2565 ต้อนรับปีใหม่ 2566
จะสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 37,503
ล้านบาท มาจาก “ตลาดในประเทศ” ระหว่าง 30 ธันวาคม 2565 - 2 มกราคม
2566 รวม 11,200
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 % (เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปี 2562) โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 3.14 ล้านคน-ครั้ง
การท่องเที่ยวในประเทศช่วงปีใหม่สร้าง
“อัตราการเข้าพักเฉลี่ย” (OR-Occupacy Rate) 75 % กระจายยอดเข้าพักเฉลี่ยแต่ละภาคเรียงตามลำดับคือ
อันดับ 1 ภาคเหนือ 78
% อันดับ 2 ภาคอีสาน 75% อันดับ 3 ภาคตะวันออก
72 % อันดับ 4 ภาคใต้
70 % อันดับ 5 ภาคกลาง 68% และ “พื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม”
เรียงตามลำดับ 5 จังหวัด ได้แก่
ชลบุรี 85 % ขอนแก่น 77
% กาญจนบุรี 76 % ระยอง 67 % และนครราชสีมา 56 %
รายได้จาก
“ตลาดต่างประเทศ” ระหว่าง 22 ธันวาคม
2565-2 มกราคม 2566 มูลค่ารวม 26,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54 % (เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปี 2562) จากจำนวนนักท่องเที่ยว 700,000-800,000 คน เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกทยอยเดินทางเข้ามาไทยตั้งแต่วันที่
22 ธันวาคม 2565
เพื่อฉลองคริสต์มาส
ต่อเนื่องถึงเคาน์ดาวน์ปีใหม่
สถิติ
“นักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทย” ระหว่าง 1 มกราคม - 20 ธันวาคม 2565 ทำได้แล้ว 10,896,061 คน โดยมี 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 1,789,136 คน อันดับ 2 อินเดีย 914,229 คน อันดับ 3 สปป.ลาว 789,351 คน อันดับ 4 กัมพูชา 555,819 คน อันดับ 5 สิงคโปร์ 555,370 คน
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า ททท.จึงร่วมกับเอกชนจัดโครงการ “Amazing Thailand
Countdown 2023” กิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566 ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 12 พื้นที่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ททท.จัดเอง 2 พื้นที่
ในกรุงเทพฯ ชื่องาน “รุ่งอรุณส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2566” บริเวณสวนนคราภิรมย์ และ Amazing
Thailand 2023 @Hadyai อ.หาดใหญ่
จ.สงขลา
ส่วนที่ 2 ททท.สนับสนุนภาคเอกชน จัดเคาน์ดาวน์ตอกย้ำการเป็น Global
Countdown Destination ไฮไลต์ 10
พื้นที่หลัก เช่น กรุงเทพฯ ก็มี ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ถนนราชประสงค์-เพลินจิต เมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัด ใน “ภาคกลาง” 4 พื้นที่ ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์
“ภาคเหนือ” 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย อุทัยธานี “ภาคใต้”
1 พื้นที่ ได้แก่
ภูเก็ต “ภาคอีสาน” 2
พื้นที่ ได้แก่ อำนาจเจริญ นครพนม
เน้น “ขอบคุณ”
ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19
มาด้วยกัน ไม่ได้เน้นการเฉลิมฉลองแต่มุ่งเรื่อง “สร้างความสุข ความหวัง
กลับสู่หัวใจคนไทยอีกครั้ง” ส่วนเอกชนเจ้าของการจัดกิจกรรมเคาน์ดาวน์และปีใหม่
2566
ยังไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ขณะนี้ทั่วทั้งประเทศ
ประชาชน ภาครัฐ เอกชน พร้อมใจกันถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยสมบูรณ์โดยเร็ว
ข่าวที่ 5 บางจากปี’66เปิดปั๊มเพิ่มรับขยะกำพร้าสัญจรสร้างศก.Circular
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบาย
BCG Economy อย่างต่อเนื่องในปี 2566 เร่งเดินหน้าโครงการดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในสังคมการบริหารจัดการขยะตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ
Circular Economy วางกลยุทธ์เปิดพื้นที่ปั๊มบางจากเป็น “จุดรับขยะกำพร้า”
รับบริจาคกล่องเครื่องดื่มไปรีไซเคิลในโครงการเก็บกล่องสร้างบ้าน
มุ่งมั่นส่งเสริมการบริหารจัดการขยะตามแนวทาง Circular Economy ลดขยะตั้งแต่ต้นทางและช่วยลดผลกระทบต่อสังคมจากปริมาณขยะถูกทิ้งในบ่อ
สนับสนุนการจัดการขยะอย่างถูกวิธี และลดปริมาณมลพิษทางอากาศจากการฝังกลบ
โดยร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยใช้พื้นที่สถานีบริการบางจากเป็นจุดรับขยะกำพร้าในโครงการ
“ขยะกำพร้าสัญจร กับ N15 เทคโนโลยี”
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการกำจัดหรือทิ้งขยะเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการคัดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป
นางกลอยตา กล่าวว่า ปี 2565 บางจากใช้พื้นที่ปั๊มเป็นจุดรับขยะกำพร้าสัญจรได้การตอบรับเป็นอย่างดี
มีปริมาณขยะกำพร้าระหว่างเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2565 ที่นำมายังปั๊มบางจากสาขาต่าง
ๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ รวมกว่า 65 ตัน มาบตาพุด 5 ตัน และ Habito Mall 9 ตัน และจากข้อมูลของของ N15 เทคโนโลยีได้ระบุมีปริมาณขยะกำพร้ารวบรวมผ่านโครงการดังกล่าวได้ทั้งหมดถึง
270 ตัน
ความสำเร็จในการรับขยะกำพร้า ปี 2566 บางจากต้องขยายระยะเวลาและขยายเปิดพื้นที่รับขยะกำพร้าในกรุงเทพฯ
และปริมณฑลเพิ่มอีก 4 จุด อำนวยความสะดวกให้ภาคครัวเรือนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำได้
รวมทั้ง
บางจากยังได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 14 พันธมิตร “โครงการเก็บกล่องสร้างบ้าน” ซึ่งทาง บริษัท
เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ริเริ่มทำโดยเชิญชวนประชาชนส่งมอบกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีที่ใช้แล้วผ่านการทำความสะอาดเรียบร้อยนำมาไว้ยังจุดรับกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วนำร่องเปิดรับแล้วในปั๊มบางจาก
10 จุด เตรียมต่อยอดขยายตั้งจุดรับใหม่ในพื้นที่อื่น ๆ
รวมทั้งหมด 23 จุด
เพื่อเป็นช่องทางรับกล่องเครื่องดื่มยูเอชทีใช้แล้วรีไซเคิลไปทำวัสดุก่อสร้างบ้านประเภทต่าง
ๆ
เช่น
แผ่นหลังคา (Eco Roof) วงกบไม้สังเคราะห์
(Eco Door Frame) ไม้เทียมสังเคราะห์อีโค่ (Eco Wood)
และ อีโค่ บริค (Eco Brick) เพื่อให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง
(ฯภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย นำไปมอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัยจากภัยธรรมชาติ
ผู้ขาดแคลน ผู้ประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย
ขณะเดียวกันบางจากยังได้รณรงค์จัดเก็บกล่องเครื่องดื่ม
พื้นที่ใกล้สำนักงานใหญ่ของบริษัทเป็นเครือข่ายโรงเรียนรอบโรงกลั่นน้ำมัน 11 แห่ง
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยต้องไป “เคาน์ดาวน์” ที่ “อีสาน” สัมผัสมหัศจรรย์วัฒนธรรมดีวิถีถิ่นงาม
ได้ถึง 8 พื้นที่ “บุรีรัมย์” นำร่องก่อนใครโชว์ดินแดนเมืองภูเขาไฟไดโนเสาร์
ต่อด้วยสุขภาพ “2วิธีบำรุงกระดูกแบบง่าย ๆ ทำได้ทุกวัย”
และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ไทยแอร์เอเชีย” ลั่นปี’66โกยผู้สาร20ล้านคน ข่าวที่สอง “ภาคเหนือ” แชมป์คนเที่ยวปีใหม่ทำเงินกว่า 2,000 ล้านบาท
ท่องเที่ยว- “อีสาน”ชวนเที่ยวเคาน์ดาวน์วัฒนธรรรมวิถีถิ่น8พื้นที่รับปีใหม่
เที่ยวไทยเลือกปักหมุดเคาน์ดาวน์ “อีสาน” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ชวนสนุกและมีความสุขในเมืองหลักและเมืองรอง ปีใหม่ 2566 “บุรีรัมย์” นำร่องเริ่มก่อน 24 ธันวาคม 2565
ทั่วทั้งภาคเลือกเที่ยวได้ 8 พื้นที่
งานแรก “BURIRAM ถิ่นภูเขาไฟ ไดโนเสาร์ COUNTDOWN
2023” จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 24 ธันวาคม 2565 – 1 มกราคม 2566 ทางเจ้าของ “สนามช้าง อารีนา” นำร่องเปิดเคาน์ดาวน์ในอีสานก่อนจังหวัดอื่น ๆ
โดยใช้แลนด์มาร์กเมืองประวัติศาสตร์เป็นศูนย์รวมจัดกิจกรรมมอบความสนุกส่งต่อความสุข
ให้นักท่องเที่ยวเลือกได้มากมาย เริ่มจาก ร่วมทำบุญกับกาชาด โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ชมสวนไดโนเสาร์ในดินแดน
6 ภูเขาไฟ กินกัญ STREET FOOD MARKET ตื่นตากับการแสดงจากศิลปิน
THE VOICE ต่อด้วยการประกวด COVER DANCE หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีชุมชน งานกาชาดบุรีรัมย์
การแสดงจากโรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม แชมป์รายการชิงช้าสวรรค์ 2022 และการแสดงพลุ COUNTDOWN 2023
งานที่ 2 “ขอนแก่น Countdown”
ระหว่าง 25
ธันวาคม 2565 - 1 มกราคม 2566 จัดยิ่งใหญ่บริเวณ ประตูเมือง จ.ขอนแก่นชวนร่วมกิจกรรมเคาน์ดาวน์
ประตูเมืองขอนแก่นที่ประดับตกแต่งด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
งานที่ 3 “Nakhonphanom
Winter Festival 2023” จ.นครพนม ในธีม “สายลมแห่งความสุข”
ระหว่าง 26
ธันวาคม 2565 – 1 มกราคม 2566 จัดอลังการตรงหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ อ.เมือง เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไหว้ขอพรพระธาตุพนม
และพระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 8 พระธาตุ ขอพรพญาศรีสัตตนาคราช
เคาท์ดาวน์ปีใหม่
งานที่ 4 “Amazing
Thailand @ริมโขง Countdown 2023” จ.นครพนม ระหว่าง 29-31 ธันวาคม 2565 เปิดแนวถนนสุนทรวิจิตร ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.เมือง ให้นักท่องเที่ยวตื่นตากับกิจกรรมขบวนเรือไฟปีใหม่
กิจกรรมศิลปะการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงพลุสุดอลังการ เฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
งานที่ 5 “ร้อยเอ็ด Countdown” ระหว่าง 29 ธันวาคม 2565 - 1 มกราคม 2566 เปิดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม “หอโหวด 101” กับลานสาเกตนคร บึงพลาญชัย ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธมิ่งมงคล
จัดเต็มการแสดงดนตรีของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียง ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมหกรรม แสง
เสียง พลุ เฉลิมฉลอง ที่หอโหวด พร้อมจัดประกวดวงโหวดชิงถ้วยพระราชทาน
และพิธีทำบุญตักบาตรต้อนรับปีใหม่ 2566
งานที่ 6 “โคราช Countdown” ระหว่าง 29 - 31 ธันวาคม 2565 เปิดลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง ให้นักท่องเที่ยวสนุก ชมการแสดงดนตรี
การออกร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ร่วมนับถอยหลังสู่ปีใหม่ การจุดพลุ
กิจกรรมแจกของรางวัล การออกร้านค้าสินค้าOTOP
งานที่ 7 “รับตะวันใหม่ก่อนใครในสยาม” จ.อุบลราชธานี ส่งท้ายปี 31 ธันวาคม 2565
ต้อนรับศักราชใหม่ 1 มกราคม 2566 ตรง อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และผาชะนะได นักท่องเที่ยวจะมารวมตัวกันชมและรับแสงอาทิตย์แรกก่อนใคร
และร่วมกิจกรรมทำบุญรับพรปีใหม่
งานที่ 8 “Amnat Charoen 2023 Happy New Year Time
square of Happiness” จ.อำนาจเจริญระหว่าง 29-31 ธันวาคม 2565 นัดพบกันตรงแลนด์มาร์ก “หอนาฬิกา” ศูนย์รวมจัดขบวนพาเหรดปีใหม่ ร่วมเคาท์ดาวน์สู่ศักราชใหม่
ท่ามกลางแสงสว่างไสวการแสดงพลุ COUNTDOWN 2023
ททท.เชิญชวนนักท่องเที่ยวเลือกเคาน์ดาวน์ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วภาคอีสานทั้งเมืองหลักและเมืองได้ทั้ง
8 พื้นที่ สร้างเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24
ธันวาคม 2565 ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2566 มาร่วมกันใช้ท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจคืนชีวิตใหม่ให้วิถีท้องถิ่นเติบโตอย่างยั่งยืน
สุขภาพ -2วิธีบำรุงกระดูกด้วยวิธีง่าย
ๆ “กิน-ออกกำลัง”ทำได้ทุกวัย
การบำรุงกระดูกเป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายที่ทุกวัยไม่ควรมองข้าม
เพราะหากละเลยจนเข้าสู่ช่วงอายุที่มากขึ้น มวลกระดูกที่ลดลงจะทำให้กระดูกสูญเสียความหนาแน่น
และอาจนำไปสู่โรคกระดูกบาง (Osteopenia) โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) หรือบาดเจ็บกระดูกหักได้
แต่ละคนมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนอาจขึ้นอยู่กับของมวลกระดูกขณะอายุ 30 ปีและระยะเวลาของการสูญเสียมวลกระดูกหลังจากช่วงอายุนั้น
ซึ่งพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตก็อาจมีส่วนในการสูญเสียมวลกระดูกด้วย
เพราะฉะนั้นการดูแลใส่ใจเพิ่มความแข็งแรงและบำรุงกระดูกอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกหรือปัญหาสุขภาพด้านอื่น
ๆ ส่งผลให้ดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น
วิธีบำรุงกระดูกง่าย ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงสามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง
ๆ ทำได้ดังนี้
1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
แหล่งอาหารอุดมด้วยแคลเซียม
ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม ผักใบเขียวบางชนิด อย่างบร็อคโคลี กะหล่ำปลี กระเจี๊ยบเขียว
ถั่วชนิดต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาซาร์ดีนหรือปลาชนิดอื่น ๆ
ควรรับประทานแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมกับช่วงวัยร่วมกับรับประทานวิตามินดีเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนอาหารมากด้วย “วิตามินดี” ได้แก่
ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูงอย่างปลาแซลม่อน ปลาซาร์ดีน และปลาแมกเคอเรล ไข่ นม
ซีเรียลอาหารเช้าที่เพิ่มวิตามิน
นอกจากแคลเซียมและวิตามินดีแล้ว การศึกษายังพบว่าสารอาหารหลากหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความแข็งแรงของกระดูกเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี หรือวิตามินเค
แร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม รวมไปถึงสารอาหารหลักต่าง ๆ อีกมากมาย
2.การออกกำลังกาย แบบลงน้ำหนัก (Weight Bearing) อย่างน้อยสัปดาห์ละ
4 วันต่อสัปดาห์ ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ
ก็อาจช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูกที่เกิดขึ้นตามวัยได้ เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว
ควรยืดเส้นเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกายด้วย
“กิจกรรมช่วยบำรุงกระดูก” คือ การวิ่ง เตะฟุตบอล เล่นบาสเกตบอล
กระโดดแทรมโพลีน การเล่นยิมนาสติก การตีแบดมินตันหรือเทนนิส คาราเต้ เทควันโด
การเต้นแอโรบิค การต่อยมวย การเดินเร็วกระโดดเชือก หรือเดินขึ้นลงบันไดก็ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่มีภาวะกระดูกบางควรปรึกษาแพทย์ก่อนการออกกำลังกาย
เพื่อให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -ไทยแอร์เอเชียลั่นปี’66เพิ่มบินต่างประเทศโกยผู้โดยสาร20ล้านคน
นายสันติสุข
คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ประเมินการท่องเที่ยวของไทยปี 2566 จึงตั้งเป้าบริการผู้โดยสารไม่ตำกว่า
20 ล้านคน
ขานรับการฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงปี 2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 สอดคล้องกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย
18 ล้านคน กรณีจีนเปิดท่องเที่ยวอาจจะทำได้ถึง 30 ล้านคน ไตรมาส 1 ปี 2566 รัฐบาลจีนอาจจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าออกประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้
ไทย
แอร์ เอเชีย วางปี 2566 จะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ๆ
ในตลาดที่มีศักยภาพต่อเนื่อง เช่น เนปาล ปากีสถาน หรือเมืองใหม่อื่น ๆ ในอินเดีย ทำให้เส้นทางบินระหว่างประเทศมีจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า
90 %
ส่วนปี
2565 ไทย แอร์ เอเชีย ทำการตลาดเชิงรุกเส้นทางบิน อินเดีย เอเชียใต้ อาเซียน
ซึ่งผลตอบรับที่ดีมาก
รวมถึงตลาดแถบเอเชียตะวันออก อย่าง ญี่ปุ่น ได้บินตรง
ไป-กลับ ดอนเมือง-ฟูกูโอกะ เมื่อเร็ว ๆ เปิดบิน “ดอนเมือง-ไทเป” 4 เที่ยว/สัปดาห์ เปิดจองได้เเล้วทาง
airasia Super App ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับสิ้นปี 2565
ไทยแอร์เอเชียจะมีฝูงบินตามแผนที่วางไว้ 53 ลำ ขนส่งผู้โดยสารรวม 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี
2564 ทำได้เพียง 2.93 ล้านคน
ข่าวที่สอง -“ภาคเหนือ”แชมป์คนเที่ยวปีใหม่’66เงินสะพัด9พื้นที่2พันล้าน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ททท.สนับสนุน “ภาคเหนือ”
ซึ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566
มีนักท่องเที่ยวจองพักมากเป็นอันดับ 1 เพื่อร่วมกิจกรรม
“Amazing Thailand Countdown 2023” ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2565 – 2 มกราคม 2566 ซึ่งภาคเหนือได้รับการจองห้องพักเฉลี่ยมากที่สุดถึง
78 % คาดจะสร้างรายได้เข้าสู่พื้นที่กว่า 2,050 ล้านบาท
โดยเฉพาะ เชียงรายกับเชียงใหม่ เพียง 2 จังหวัด
คาดจะทำรายได้รวมกันประมาณ 1,180 ล้านบาท หรือคิดเป็นมากกว่า
50 % ของรายได้ภาคเหนือทั้งหมดในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปีใหม่นี้
ส่วนการจัดงาน “Amazing Thailand Countdown 2023” ททท.ให้แต่ละภาคเน้น
“สร้างความสุข ความหวัง
กลับสู่หัวใจคนไทยอีกครั้ง” ขณะนี้เอกชนและสถานที่ท่องเที่ยวเตรียมจัดงานทั่วภาคเหนือ
6 จังหวัด 9
พื้นที่ ดังนี้
“เชียงใหม่” ททท.คาดจะทำรายได้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 602 ล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว
95,740 คน อัตราเข้าพักเฉลี่ย 86 % เตรียมจัดต้อนรับนักท่องเที่ยว
2 งาน คือ
งานแรก “Amazing Charming Night Chaingmai Countdown” วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 82
พรรษา อำเภอเมือง เน้นตกแต่งไฟประดับแสง สี เสียง และเทคนิคพิเศษ
การแสดงพลุ ภายใต้แนวคิด “Charming Sky Garden” เนรมิตทุ่งดอกไม้เหนือท้องฟ้าด้วยพลุนับหมื่นนัด
งานที่ 2 เทศกาลเคาท์ดาวน์เชียงใหม่ 2023 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จัดที่ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เชิญชวนนักท่องเที่ยวชมการประดับไฟ
พร้อมต้นคริสต์มาสยักษ์สูงกว่า 5 เมตร เพลิดเพลินกับเยาวชนจะมาแสดงวัฒนธรรม
ชมมายากล การตอบคำถามชิงรางวัล
“เชียงราย” คาดจะมีเงินสะพัด
578 ล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว 83,040 คน อัตราเข้าพักเฉลี่ย 81 % เตรียมจัดต้อนรับนักท่องเที่ยว
2 งาน คือ
งานแรก “Countdown 2023” วันที่ 31 ธันวาคม 2566
- 1 มกราคม 2566 หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ นำกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
และวิถีถิ่นมาให้นักท่องเที่ยวได้สร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกัน
งานที่ 2 “Countdown
Winter Wonderful 2023” วันที่ 29-31 ธันวาคม 2565 จัดที่ ล้านเมืองวิลเลจ เปิดให้ทุกคนร่วมได้ในแต่ละวัน จะมีเพลงโฟล์คซอง โฟร์แบน
โซนขายสินค้าอาหารชุมชน และค่ำคืน 31 ธันวาคม นี้ ร่วมนับถอยหลังเริ่มศักราชใหม่พร้อมชมพลุ
COUNTDOWN 2023
“เพชรบูรณ์” จัด 2 งาน คือ งานแรก
“หนาวนี้ที่เพชรบูรณ์-Khao Kho Countdown 2023” วันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2565 บริเวณจุดชมวิวเขาค้อ ตื่นตากับขบวนรถ Truck การแสดงดนตรี
และไฮไลท์สุดพิเศษค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ร่วมนับถอยหลังท่ามกลางแสงสวยของพลุและดอกไม้ไฟกว่า 2,000 นัด
งานที่ 2 “Balloon
& Illumination” วันที่ 30 – 31 ธันวาคม 2565 ที่ไร่บีเอ็น จ.เพชรบูรณ์ ตื่นตกับเทศกาลบอลลูนและแสงไฟ พร้อมฟังดนตรีท่ามกลางขุนเขา
และสวนลิ้นจี่ ชมพลุตระการตาสีสันที่ดึงดูดนักเดินทางร่วมประสบการณ์สัมผัสลมหนาวอย่างมีความสุขต้อนรับศักราชใหม่
“อุทัยธานี” ททท.คาดจะมีรายได้ช่วงปีใหม่ 28 ล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว 18,940 คน อัตราเข้าพักเฉลี่ย 58 % จัด “Amazing Thailand Countdown 2023 @Uthaithani” วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2565 และ 1 มกราคม 2566 บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา อ.เมือง เชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง การแสดงพลุสวยงาม ต้อนรับปีใหม่ 2566
“พิษณุโลก” จัดเรียบง่ายสบาย ๆ “เคาท์ดาวน์ ประจำปี 2566” วันที่ 31
ธันวาคม 2565 ที่สวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ
อ.เมือง ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมบนเวทีสวนชมน่าน พร้อมใจกันนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่
เช้าวันใหม่ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล
“สุโขทัย” ชวนไปร่วม “Amazing Night Sukhothai Countdown
2023” วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2565
ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
สร้างประสบการณ์ความสุขในค่ำคืนแห่งความหวัง กลางโบราณสถานล้ำค่าเมืองมรดกโลก ชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย
ลานสอยดาว เลือกซื้อสินค้าที่ระลึก อาหารถิ่น กระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น