ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.เอเชียและแปซิฟิกใต้เปิดแผนปี'66ทำรายได้ 1.3ล้านล้าน-ไตรมาส2ปี66จีนเที่ยวไทยแน่

ททท.บิ๊กธิ้งค์ปี’66“ตลาดเอเชีย”โต้โผใหญ่ทำเงิน1.3ล้านล้าน

ติดอาวุธการขาย3กลยุทธ์“คอนซูเมอร์แฟร์-โร้ดโชว์/เทรดโชว์”

ยันQ2ปี66“จีน”เที่ยวไทยแน่ดึงเอเย่นต์จีนร่วมเมกะแฟมพังงา

ช้อปคิงเพาเวอร์FESTIVE BRANDได้ไม่หยุดทางออนไลน์ลด70%

คิงเพาเวอร์ปลุกนักช้อปรุ่นใหม่ขยายฐานสมาชิกLine&TikTok

สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้กะรัตแลกจุใจที่เว็บ&แอพ“MONOMAX”

ททท.โชว์11เดือนเที่ยวไทยพุ่ง219ล้านคนใต้แชมป์3.8แสนล.

บางจาก”แจกใหญ่ของขวัญปีใหม่ตรึง 24ธ.ค.65-2 ม.ค.66

เที่ยวเชียงรายชมศิลป์สวยวัฒนธรรมงามสุดล้ำ“Light  of  Life”

8เทคนิคต้องใช้ของเหล่าสายกินเดลิเวอรี่อร่อยแบบเฮลตี้

TCEBนำกทม.รับICCACongress2023ดึง91ชาติใช้เงิน434ล้าน

เฟอร์นานเดสนำเปิดใหม่แอร์เอเชียกัมพูชาโกยตลาดปี66

 


วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ทททเอเชียและแปซิฟิกใต้ #เที่ยวเชียงราย #LightofLife #เปิดแอร์เอเชียกัมพูชา

 

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/hjM_DEE5Vf/

ช่วงที่ 1 บิ๊กธิ้งค์กับ “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำ“ตลาดระยะใกล้” อาเซียน-เอเชีย-แปซิฟิกใต้ กุมชะตาตลาดต่างประเทศ รับโจทย์ทำรายได้ 62 %  และ 70% ของจำนวนนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน หรือไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน บุกหนักด้วย 3 โปรเจ็กต์ “คอนซูเมอร์แฟร์-เทรดโชว์-โรดโชว์” เดินสายทำกิจกรรม Million Thanks พร้อมขยายตลาดพื้นที่รอง มาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม เกาหลี คาดไตรมาส 2 จีนมาแน่ ลุยเปิด “Reborn Amatuer” เกาะเต่าขานรับ World Ocean Day จัดเมกะแฟมทริปนำเอเย่นต์ทั่วเอเชียสำรวจพังงา

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์แนวโน้มสิ้นปี 2565 จะสามารถทำได้ตรงตามเป้าหมายภาพรวมตลาดต่างประเทศจะได้จำนวน 10 ล้านคน สร้างรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท จากนั้นปีงบประมาณ 2566 ได้กำหนดกรณีฐาน Base Case ตลาดต่างประเทศจะต้องทำให้ได้ 18 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2 ล้านล้านบาท ทางตลาดอาเซียน เอเชีย รับโจทย์โดยมีความมั่นจะทำได้ด้วยการนำเข้านักท่องเที่ยวเป็นจำนวนคน 70 % และเป้ารายได้ 62 % ของเป้าหมายทั้งหมด 2.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 1.36 ล้านล้านบาท

ขณะนี้ได้ปัจจัยหนุนจาก “จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ” ตั้งแต่ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ภาพรวมทั้งอาเซียน และเอเชียแปซฟิกใต้ฟื้นกลับมาได้ประมาณ 60-70 %  ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินระยะใกล้ เช่น เวียดนาม กลับมาบินแล้ว 89 % อินเดียกว่า 80 % ออสเตรเลีย เกิน 65 มาเลเซีย 62 % เป็นตัวสะท้อนถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักภายในเวลาอันใกล้นี้

ขณะนี้ ททท.ด้านเอเชียและแปซิฟิกใต้ เร่งบุกหนักกระตุ้นรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2566 โดยจะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายแบบโฟกัสเป้าหมายเด่น ๆ ควบคู่การทำแบรนดิ้งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพแห่งเอเชีย จึงจะต้องเร่งเดินหน้าทำ 3 โครงการ คือ โครงการที่ 1 จัดงาน Consumer Fair ตลาดระยะใกล้ทั่วอาเซียน เอเชีย ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองยอดนิยมตามประเทศต่าง ๆ เชิญชวนผู้บริโภคมาเลือกซื้อแพกเกจท่องเที่ยวของไทย เพื่อเร่งเพิ่มจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยวให้กลับมาให้เร็วที่สุด ภายใต้แนวคิด Thailand Close to You โดยไม่ต้องให้มาไทยใช้การเดินทางนำสินค้าไปถึงตลาดเป้าหมายทันที ช่วงมกราคม-มีนาคม 2566 มีเพิ่ม 3 พื้นที่ กัวลาลัมเปอร์/มาเลเซีย มุมไบ/อินเดีย เลือกใช้พื้นที่ในศูนย์การค้า เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และอื่น ๆ

โดยยังคงมีความหวังกับตลาด “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ไตรมาส 2 ปี 2566 หลัง “สี เจิ้น ผิง” ประธานาธิบดีและภริยาเดินทางมาไทย แล้วรัฐบาลจีนก็อาจจะเริ่มผ่อนคลายให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมาเมืองไทยได้ ในงานเอเปค 2022 ไทยได้สร้างกระแส

สำหรับ “มาเลเซีย” เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามแล้วตอนนี้ทะลุเป้าเกิน 1.5 ล้านคน มาเที่ยวเมืองไทยเฉลี่ยวันธรรมดา 6,000-7,000 คน เสาร์-อาทิตย์ ถึงวันละกว่า 10,000 คน วันที่ 30 ธันวาคม นี้ เตรียมจัดงาน Thank you ขอบคุณตลาดมาเลเซียอีกครั้งตามคาดการณ์ช่วง 3 เดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2565 มาเลเซียจะเที่ยวเมืองไทยแตะ 1.8-1.9 ล้านคน โดยจะเน้นกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวรถบัส (bus Operator)

รวมทั้งยังจะเดินทางกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดเมืองรอง รัฐยะโฮห์บารู และเมืองรอยต่อชายแดนไทย

“อินเดีย” ก็เช่นกันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยแล้วเกือบ 9 แสนคน จะจัดกิจกรรม Million Thanks เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งจะมีจำนวนเกิน 1 ล้านคน ส่วน ททท.นับรอบปีกับอินเดียเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 หลังจากบรรลุข้อตกลงด้านการบินระหว่างไทยกับอินเดีย ทำให้สายการบินได้รับการปลดล็อกเปิดเที่ยวบินประจำได้ 

พร้อมกับนำเอกชนทำคอนซูเมอร์ แฟร์ ท่องเที่ยว ขยายพื้นที่ไปในเมืองรองของอินเดีย ปี 2566 เช่น เมืองใจปู ลัดนาว กัลกัตต้า และเมืองอื่น ๆ เพิ่มเติม

“เวียดนาม” มีแนวโน้มจะเที่ยวไทยครบ 500,000 คน ดังนั้นก็จะจัด Million Thanks ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ฉลองความสำเร็จไปพร้อม ๆ  กัน แล้วก็จะไปทำคอนซูเมอร์ แฟร์ เมืองรอง ได้แก่ ฮานอย ดาลัด ดานัง เว้ แถบเวียดนามกลาง

“ออสเตรเลีย” จะลุยต่อไปยังเมลเบิร์น เพิร์ธ ตอนนี้ทางไทยแอร์ เอเชีย มีแผนจะเปิดเที่ยวบินตรง เป็นอีกพลังร่วมกันเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย

“เอเชียตะวันออก” จะเพิ่มเมืองในเกาหลี กรุงโซล เมืองปูซาน จังหวัดเจจู มีอีกหลากหลายเมืองต้องการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19

สำหรับวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ททท.ได้จัดฉลองยิ่งใหญ่นำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 10 ล้านคน โดยมีแนวคิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกทุกคน ซึ่งสามารถ “ส่งการบ้านรัฐบาล” และจะทำการ “ขอบคุณโลก” ตามสนามบินทั่วประเทศ ทั้งที่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ สมุย และ ด่านชายแดน สะเดา/สงขลา กับหนองคาย ร่วมกันต้อนรับเป็นอย่างดีที่สุด

โครงการที่ 2 เข้าร่วมขายใน Trade Show ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ขาดไม่ได้ งานที่ 1 เปิดศักราชใหม่เดือนมกราคม 2566 จะต้องนำเอกชนท่องเที่ยวไทยไปขายในงาน ATF -ASEAN TRAVEL FORUM 2023 ที่ยอร์ค จากาตาร์ อินโดนีเซีย งานที่ 2 SATTE -South Asia Travel and Tourism Exchange 2023 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่อินเดีย

โครงการที่ 3 Road Show ททท.จะทำเพิ่มเติมนัดหมายจัดงานนำผู้ขายซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยไปจับคู่เจรจากับผู้ซื้อในแต่ละพื้นที่เป้าหมายทั่วอาเซียนและเอเชีย

นายธเนศวร์ กล่าวว่าหลังสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โครงสร้างการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเปลี่ยนไปมาก ททท.ต้องเน้นกลุ่มคุณภาพเจาะรายเซกเมนต์ตลาดที่ต้องเน้นทำเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้ง กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม หรือ Health and Wellness กลุ่มสตรี/Women กลุ่มคนรุ่นใหม่/Millenial  กลุ่มครอบครัว/family and kids และกลุ่มท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ/RT -Responsible Tourism

วางแผนจะประกาศทำโครงการ “Reborn Amateur” ประมาณเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เพื่อ “เปลี่ยนการรับรู้ของนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้” ในอาเซียน เอเชีย ให้กันมาช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกัน สร้างโมเดลต้นแบบ “การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ” ที่เกาะเต่า  พร้อมกับโปรโมตเกาะเต่าเป็นพิเศษในฐานพื้นที่นำร่องจัดมหกรรม World Ocean Day โดยจะระดมพลเชิญชวนนักดำน้ำทั่วโลกให้กลับมา (Re Union) ร่วมด้วยช่วยกันทำกิจกรรม เก็บขยะใต้ทะเล ซ่อมปะการัง ซ่อมบ้านปลา ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจ อันจะเป็นสีสันทำให้ทั้งผู้ประกอบการ เจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว และผู้เกี่ยวข้องตื่นตัวเรื่องกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม

เนื่องจากตลาดระยะใกล้แถบอาเซียน เอเชีย ส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยจะสนุกกับการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ การกินอาหาร บันเทิง ปี 2566 ททท.จะเร่งเพิ่มโครงการณรงค์ให้หันมาทำกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับตลาดยุโรป และทวีปไกล ตระหนักเรื่องการท่องเที่ยวด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมมานานแล้ว

นายธเนศวร์กล่าวว่า แนวทางอื่น ๆ 1.อาเซียนและเอเชียเป็นประเทศที่มีระยะเวลาบินสั้นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบเรื่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศมากนัก 2.BCG จะได้นำเสนออย่างเข้มข้น ทำอย่างเต็มที่และประสบความสำเร็จด้วย 3.การวางแผนจัดงาน TTM -Thailand Travel Mart 2023 จะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะนี้เริ่มที่จะกำหนดเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการต้องมีส่วนร่วมลดคาร์บอนด้วย นำร่องเชิญชวนเลือก “การเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ” เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งทางศูนย์สิริกิติ์มีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงได้ง่าย 4.การจัดแฟมทริประดมนำคู่ค้าต่างประเทศเข้ามาสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวในไทยตลอดทั้งปีก็จะสอดแทรก BCG โลว์คาร์บอน และใช้สินค้าท่องเที่ยว

เดือนมีนาคม 2566 จะจัด “เมกะ แฟมทริป” ครั้งใหญ่รอบ 2 ลงใต้ไปจัดที่จังหวัดพังงา ต่อเนื่องจากรอบแรก จัดหลังรัฐบาลไทยประกาศเปิดประเทศที่เชียงใหม่  โดยจะเชิญคู่ค้ากลุ่มบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 150 รายจากทั่วอาเซียน เอเชีย รวมทั้งมีเอเย่นต์จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาร่วมเดินทางมาด้วย 

เนื่องจาก “พังงา” เป็น Queen Destination มีสินค้าทางการท่องเที่ยวธรรมชาติสมบูรณ์แบบ จึงให้ ททท.พังงา เตรียมต้อนรับด้วยกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พายเรือล่องชมป่าชายเลนพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นเชิงนิเวศน์วิทยา เป็นการตอกย้ำถึงเชื่อมโยงให้เห็นถึงเส้นทางท่องเที่ยวเมืองไทยเข้าได้กับการท่องเที่ยวโลว์ คาร์บอน และท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์ FESTIVE BRANDได้ไม่หยุดทางออนไลน์ลด70%

 

กลุ่มคิง เพาเวอร์ ชวนมาสนุกกับมหกรรมเทศกาลท่องเที่ยวยอดนิยมหรือ Festive ในโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติส่งท้ายปีเดือนธันวาคม 2565 กับ “FESTIVE BRAND SALEBRATION ช้อปไม่หยุดคุ้มสุดทุกดีล” เน้นให้ทุกคนได้เพิ่มประสบการณ์ความสุขต่อเนื่อง ในแคมเปญ  “KING POWER CELEBRATION 2023..HAVE A NEW BESTINATIONจัดทัพศิลปินมากมายมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลความสุขส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมและความบันเทิงหลากหลาย ในบรรยากาศสนุกสดใสที่นักช้อปทุกคนจะได้รับความคุ้มค่าพร้อมโปรโมชั่นที่ดีที่สุดแบบจุใจ ทั้งออนกราวนด์ ออนไลน์ และห้ามพลาด 12 เดือน 12 วันที่ 12 ธันวาคม 2565 มีเซอร์ไพรส์ช้อปสินค้าได้ไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมง

 

โดย “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ส่งสัญญาณจัดโปรโมชั่นพิเศษในเดือนธันวาคม 2565   นำเสนอแคมเปญพิเศษ “FESTIVE BRAND SALEBRATION ช้อปไม่หยุดคุ้มสุดทุกดีล” มอบส่วนลดสินค้าจุใจลดสูงสุดถึง 70% เตรียมช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 13 - 31 ธันวาคม 2565 เปิด “3 ดีลพิเศษ” ให้ทุกคนช้อปสินค้าแบรนด์เนม อาทิ น้ำหอม เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน  

 

เตรียมเปิดประสบการณ์ “ช้อปออนไลน์” กับ คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการ Home Delivery จัดส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ที่ เว็บไซต์ คิง เพาเวอร์ www.kingpower.com และคิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชัน King Power  Application

 

ระหว่างวันนี้ -12 ธันวาคม 2565 ช้อปคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับรหัสส่วนลด TMS40 เลือกสินค้าก่อนใครไว้สำหรับปีใหม่กัน! กับTIME FOR MAGICAL SHOPPING ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 8,000 บาท มีครบ! ไอเทมเด็ด ๆ เพียบทั้งสินค้า DUTY FREE หรือสินค้าส่งบ้าน  

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ปลุกนักช้อปรุ่นใหม่ขยายฐานสมาชิกLine&TikTok

 

คิง เพาเวอร์ ปลุกนักช้อป “รุ่นใหม่” ร่วมด่วน 2 กิจกรรมห้ามพลาด กิจกรรมที่ 1 รีบเป็นเพื่อนกับคิงเพาเวอร์ด่วนด้วยการ Add LINE: @kingpower  ตั้งแต่วันนี้-26 ธันวาคม 2565 จำนวน 100 คนแรก รอฟังผลผู้โชคดี 28 ธันวาคม 2565 ทาง King Power เพื่อรับฟรี LINE Melody เพลง MY DUTY จาก JAYLERR x 4EVE โดยกด Like และ Share โพสต์ตั้งค่าสาธารณะ แคปเจอร์หน้าจอคอมเมนท์ใต้โพสต์กิจกรรมให้สมบูรณ์

 

กิจกรรมที่ 2 กดติดตาม TikTok King Power รับความสนุกเพิ่มพร้อมลุ้นรับรางวัลมากมาย ได้ตั้งแต่วันนี้- 15 ธันวาคม 2565 รับง่าย ๆ แฮปปี้ไปเลย 2 ต่อ

 

แฮปปี้ต่อที่ 1 ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลกับกิจกรรม Like Comment Share with JAYLERR & 4EVE  โดยการกด Like & Share คลิป แล้วตั้งค่าสาธารณะ แคปหน้าจอ Comment ใต้โพสต์ดังกล่าว เพื่อลุ้นรับ บัตรรับประทานอาหารที่ Thai Taste Hub คิง เพาเวอร์ รางน้ำ 3 รางวัล มูลค่ารวม 1,500 บาท

 

แฮปปี้ต่อที่ 2 ร่วมสนุกกับกิจกรรม My Duty Happy Dancing Challenge โดยคิดสร้างสรรค์ท่าเต้นเพลง My Duty ในสไตล์ของแต่ละคน แล้วโพสต์คลิปเต้นในช่องทาง Social Media ตั้งค่าสาธารณะ และติด Hashtag #MyDutyให้เธอแฮปปี้ #MyDutyHappyDancing #KingPower ลุ้นรับ CASH CARD มูลค่า 3,000 บาท* จากคิง เพาเวอร์  20 รางวัล ดาวน์โหลดเพลงได้เลยที่ http://bit.ly/3trqIpg

 

ข่าวที่ 3 สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้กะรัตแลกจุใจที่เว็บ&แอพ“MONOMAX

 

สมาชิก คิง เพาเวอร์ VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY ใช้กะรัตสะสมแลกรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 เพื่อรับชมความบันเทิงเต็มรูปแบบที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน “MONOMAX แลกได้ 2 แบบ คือ1.แลก 125 กะรัต เพื่อรับชมความบันเทิง 30 วัน และ 2.แลก 314 กะรัต เพื่อรับชมความบันเทิง 90 วัน

 

สมาชิก คิง เพาเวอร์ ต้องทำการแลกกะรัตเพื่อ”รับสิทธิ์” แล้วนำรหัสโปรโมชั่นที่ได้ไปใช้ทางเว็บไซต์ ME หรือแอปพลิเคชัน MONOMAX เพื่อทำการรับสิทธิ์

 

ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ MONOMAX ได้ทาง Website : www.monomax.me Fcebook Page : facebook.com/monomax.me โทร : 02-100-7007 เวลา 00 – 22.00 น.

 

ข่าวที่ 4 ททท.โชว์11เดือนเที่ยวไทยพุ่ง219ล้านคนใต้แชมป์ทำเงิน3.8แสนล้านบาท

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การกระตุ้นรายได้และนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายตลอด 11 เดือนระหว่างมกราคม – 30 พฤศจิกายน 2565 ททท.ร่วมกับผู้ประกอบการและทุกภาคส่วนรวมพลังกันกระตุ้นให้เกิดการเดินทางโดยมี จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย  219,311,231 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 123.775 % สร้างรายได้ 800,577 ล้านบาท

 

เกิดการกระจาย “รายได้” และ “จำนวน” นักท่องเที่ยว เข้าสู่ระบบโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศสดใสเพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่น ประกอบด้วย

 

อันดับ 1 ภาคใต้  14 จังหวัด สร้างรายได้มากที่สุด   382,854.75 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 376.37% มีจำนวนนักท่องเที่ยว 34.24 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น  207.15%

           

อันดับ 2 ภาคกลาง”  17 จังหวัด สร้างรายได้ 269,321.51 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 117.46% มีจำนวนนักท่องเที่ยว 75.36 ล้านคน-ครั้ง  เพิ่มขึ้น 95.04%

 

อันดับ 3 “ภาคตะวันออก” มีเพียง 9 จังหวัด สามารถสร้างรายได้ 253,921.88 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 245.89% มีจำนวนนักท่องเที่ยว 44.42 ล้านคน-ครั้ง  เพิ่มขึ้น 192.79% 

 

อันดับ 4 ภาคเหนือ” 17 จังหวัด สร้างรายได้  155,787.80  ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 141.91 % มีจำนวนนักท่องเที่ยว 34.05 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 139.69 %

 

อันดับ 5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” 20 จังหวัด สร้างรายได้126,050.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.49 % มีจำนวนนักท่องเที่ยว 55.62 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น  164.39%       

 

โดยจะต้องเพิ่มยอดคือ “อัตราการเข้าพักเฉลี่ย หรือ OR-Occupacy Rate” ที่จะสร้างความพึงพอใจจะต้องทำให้ได้เกิน 50 % แต่ช่วง 11 เดือนนี้ ทั่วประเทศทั้ง 5 ภูมิภาคทำค่าเฉลี่ยได้ประมาณ 48 % ในช่วงเดือนธันวาคมนี้จะเป็นตัวเร่งให้มีอัตราพักเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2565 ทำได้เกินกว่า 50 % อย่างแน่นอน เนื่องจากมีวันหยุดยาวทุกสัปดาห์เป็นแรงกระตุ้นคนเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

         

สำหรับวิธีนับจำนวน “นักท่องเที่ยวในประเทศ” ของ ททท.ขณะนี้ใช้เกณฑ์ “ผู้เยี่ยมเยือน” โดยนับจำนวนทริปการเดินทาง 11 เดือนแรกปีนี้จึงมีจำนวนสูงถึง  219,311,231 คน-ครั้ง แตกต่างจากการใช้เกณฑ์การนับ “วันพักค้างคืน” จะได้ประมาณ 160 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งจะต้องใช้หลักการคำนวณเรื่องการนับซ้ำรวมอยู่ด้วย

           

ส่วน 3 เดือนสุดท้ายปี 2565 มีนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น เชียงใหม่ มีมากกว่าวันละ 20,000 คน ตอนนี้งานมีงาน อินเตอร์เนชั่นแนล เวิลด์ สปอร์ต ในเชียงใหม่ ทำให้มีอัตราการเข้าพักโรงแรมเกิน 90 % รวมทั้งการประชุมสัมมนาอีกไม่ต่ำกว่า 80 %

           

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า การเดินหน้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติของขวัญปีใหม่ โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนเงินค่าห้องพักโรงแรมเพิ่มอีก 1.5 ล้านคืน รัฐจ่ายสมทบให้นักท่องเที่ยวเป็นค่าที่พัก 40 % ซึ่งจะเป็นขวัญให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศและเป็นกำลังใจผู้ประกอบการที่จะเพิ่มรายได้ หาก ครม.อนุมัติ ททท.จะเริ่มดำเนินโครงการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 ครอบคลุมต่อเนื่องถึงช่วงหยุดยาววันสงกรานต์ ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศแทนต่างประเทศในทิศทางที่ดีขึ้น

 

สำหรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5”   ททท.ทำกรอบงบประมาณขออนุมัติใช้เงินประมาณ 5,400 ล้านบาท เพื่อให้รัฐจ่ายเงินสนับสนุนค่าห้องพักตรงให้ผู้ประกอบการโรงแรม 40% จากนักท่องเที่ยวที่จะจองใช้ รวม 1.5 ล้านสิทธิ์หรือ 1.5 ล้านคืน

 

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวในประเทศที่จองใช้สิทธิ์ในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะได้รับส่วนลดค่าเข้าพักในโรงแรม 40% และต้องจ่ายเงินเอง 60% บวกกับรับฟรีคูปองอิเล็กทรอนิกส์มูลค่า 600 บาท/ห้อง/คืน แต่จะไม่มีการให้สิทธิ์เพื่อสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินต่อไป

 

ข่าวที่ 5“บางจาก”แจกใหญ่ของขวัญปีใหม่ตรึง 24ธ.ค.65-2ม.ค.66

 

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ พร้อมส่งมอบความสุขให้คนไทยช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 จะตรึงราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นราคารวม 10 วัน ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2565 – 2 มกราคม 2566 ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับขึ้น และหากตลาดโลกปรับลดลง บางจากฯ จะลดราคาลงให้อีกด้วย เพื่อร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ให้คนไทยทุกคนเดินทางกลับภูมิลำเนาร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกับครอบครัว

 

บางจากฯ ยังได้มอบสิทธิประโยชน์มากมายให้ “สมาชิกบางจากกรีนไมลส์” ได้ปรับเป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพียงบอกหมายเลขโทรศัพท์ก็สะสมคะแนนได้ไม่ต้องพกบัตรอีกต่อไป รวมทั้งทำผ่านแอพลิเคชั่นบางจาก Bangchak LINE Official Account หรือ www.bcpgreenmiles.com พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ดังนี้

 

สิทธิประโยชน์ที่ 1 ใช้ 9 คะแนน รับแผนความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่เที่ยวไทยปลอดภัย (ไมโครอินชัวรันส์) จะได้เดินทางด้วยความอุ่นใจ สมัครตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2565–15 กุมภาพันธ์ 2566 กรมธรรม์มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน

 

สิทธิประโยชน์ที่ 2 สมัครสมาชิกใหม่และสะสมคะแนนครั้งแรก รับคะแนนพิเศษมูลค่า 20 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2566

 

สิทธิประโยชน์ที่ 3 สมาชิกบางจากกรีนไมลส์  “เชียร์สุดใจ ไปให้สุด Rank รับ “แก้วแรงใจ” ฟรี 1 ใบ เมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ครบ 900 บาทขึ้นไป มี 8 ลวดลาย สุดน่ารัก น่าสะสม แจกสัปดาห์ละ 2 ลาย ตั้งแต่วันนี้– 18 ธันวาคม 2565 หรือจนกว่าของจะหมด รับได้สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศที่ร่วมรายการ (รับแก้ว 1 ใบ ต่อ 1 สลิปสะสมคะแนนสมาชิกบางจาก โดย 900 บาทแรกเลือกรับแก้วแรงใจ 1 ใบ หรือ น้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร 1 ขวด  ทุกๆ การเติม  900 บาท ถัดไปรับเป็นน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร 1 ขวด)  ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bcpgreenmiles.com

 

นายสมชัย กล่าวว่า ทางร้านอินทนิลก็ได้เตรียมความสดชื่นไว้ต้อนรับนักเดินทางด้วยกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% และเครื่องดื่มอีกหลากหลายชนิดทั้งโก้โก้อินทนิล และเมนูใหม่ อย่าง “Horlicks Dalgona  ต้อนรับการกลับมาของฟองครีมดัลโกนา ด้วยออริจินัลมอลต์ต้นตำรับจากอังกฤษพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ ต้องห้ามพลาด

 

1.อินทนิลทายผลบอลโลกรับฟรี ไปรษณียบัตรทายผลบอลโลก 2 ใบ เมื่อซื้อเครื่องดื่มอินทนิลเมนูใดก็ได้ 2 แก้ว พิเศษ สมาชิกบางจาก รับเพิ่มเป็น 4 ใบ ตั้งแต่ 12-17 ธันวาคม 2565

 

2.สมาชิกบางจากรับส่วนลด 5 บาท ทุกเมนู ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.inthanincoffee.com

สำหรับ “ผู้ใช้รถ” มีโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ ปลอดภัยกับ FURiO Care” บริการตรวจสอบความพร้อมของรถได้ ซึ่งบางจากฯ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกบริการตรวจเช็ครถฟรี 11 รายการ ที่ศูนย์ FURiO Care และ WASHPRO ในสถานีน้ำมันบางจากที่ร่วมโครงการ 40 สาขา เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2566 ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการได้ที่ www.bcpcarcare.com

 

ส่วน “ผู้ใช้รถยนต์ EV Car ใช้บริการ EV Quick Charging Station ได้ในสถานีบริการบางจาก ที่มีเครือข่ายมากที่สุดในเมืองไทยรวม 179 สาขา เพื่อให้ผู้ใช้รถได้แวะชาร์จรถและพักดื่มกาแฟอินทนิล เพื่อผ่อนคลายจากการเดินทาง สามารถตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันบางจากที่มี EV Quick Charging Station ได้ที่แอพลิเคชั่นของบางจาก

 

          ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยเทรนด์ใหม่ต้อง “เชียงราย” ตื่นตากับศิลปะสวยวัฒนธรรมสุดล้ำในงาน “Light of Life” เที่ยวได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 29 ม.ค.2566 แล้วสายกินเดลิเวอรี่ต้องรู้ “8เทคนิคสั่งอาหารไรเดอร์อร่อยแถมเฮลตี้” และข่าวฮ็อตส่งท้าย ข่าวแรก “TCEBนำกทม.รับเจ้าภาพจัด ICCA Congress 2023” รับ 91 ชาติเฮใช้เงินประชุมกว่า 434 ล้านบาท ข่าวที่สอง “เฟอร์นานเดสนำทีมเปิดแอร์เอเชียกัมพูชา” เริ่มปี’66 หวังโกยลูกค้าอาเซียน เอเชียเหนือ

 

ท่องเที่ยว –เที่ยวเชียงรายชมศิลป์สวยวัฒนธรรมงามสุดล้ำLight  of  Life”

 

เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม ที่ทาง “มูลนิธิแม่ ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์” ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ริเริ่มจัดครั้งแรกงาน “Light  of  Life” ชวนไปชมความสวยงาม แปลก ตระการตา กับงานแสดงนิทรรศการแสงไฟ กลไก และภาพเงาท่ามกลางอากาศเย็นสบายใน “อุทยาน ศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง” อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ทุกวันอังคาร  – อาทิตย์ โดยมีกิจกรรมทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างวันนี้ – 29 มกราคม 2566 ตั้งแต่ 16.00 – 22.00 น. ตั้งเป้าใช้พลังซอฟท์ เพาเวอร์ งานศิลปะกระตุ้นท่องเที่ยวเข้าไปยังจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง และ ผลักดันเชียงรายเป็น “เมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงศิลปะ”   เน้นเจาะกลุ่มตลาดเทรนด์คนรุ่นใหม่ ที่รักษ์งานศิลป์ เป็นนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะซึ่งชื่นชอบงานศิลปะ (Niche Tourism)

 

นิทรรศการ Light of Life นำเสนอ lighting installation ตระการตารวม 20 ชิ้น โดยศิลปิน 6 คน และสตูดิโอ 4 แห่ง ที่หลงใหลในแสงไฟ มาร่วมกันถ่ายทอดความงามของแสงสีขาว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อพลังสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนสู่สิ่งใหม่  แบ่งพื้นที่จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ชีวิต – ความคิด – ออกเดินทาง – แสง โดยได้จำลองเส้นทางการใช้ชีวิตตั้งแต่คนเราถือกำเนิดขึ้นมาในโลกใบนี้ จากนั้นต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ได้เรียนรู้ เติบโต จวบจนก้าวข้ามความท้าทาย

 

อีกทั้งยังมี “กาดหมั้ว” ทุกวันเสาร์-อาทิตย์  ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะร้านอาหาร ชื่อดังในเชียงรายมาออกร้าน พร้อมวงดนตรีจากเชียงรายและเชียงใหม่กว่า 10 วง ชมการสาธิตงานศิลปะจากศิลปิน ชั้นครูในเชียงราย นำโดยอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ

สำหรับ Light of Life นิทรรศการแสงไฟ กลไก และภาพเงาที่บอกเล่าการเดินทางของชีวิต ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก นั้น มีกลุ่มศิลปินนำโดย พล หุยประเสริฐ คอนเสิร์ตดีไซเนอรแถวหน้า ที่ชักชวนศิลปินรุ่นพี่รุ่นน้องจากหลากหลายสาขา อาทิ นักออกแบบ ภูมิสถาปนิก ศิลปินสื่อผสมอย่าง วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์, พงศ์ภาสกร กุลถิรธรรม, กรกต อารมย์ดี , ธัชพล สุนทราจารย์, 27 June, Lightis, Saturate Design, H-Lab  รวมถึงมีศิลปินรับเชิญพิเศษ “หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานด้วย

 

“พล หุยประเสริฐ” ถ่ายทอดถึงแนวคิดการออกแบบงานครั้งนี้ว่า ท่ามกลางงานออกแบบที่ใช้ไฟหลากสีกันบ่อยๆ  ผมอยากนำเสนอ ความธรรมชาติของแสง 2700-5500K ซึ่งเป็นอุณหภูมิตั้งแต่แสงจากไฟหลอดไส้ถึงอุณหภมูิของแสงอาทิตย์ที่ทำให้คนเรามีชีวิต เราเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จึงอยากใหผู้เข้าชมได้ซึมซับความสว่าง และความมืด สัมผัสแสงและเงาของตัวเอง  เลยอยากชวนมาถ่ายรูปภายในงานนี้ที่ไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน

 

ส่วนนักออกแบบและช่างฝีมือ ในพื้นที่ต่างก็ร่วมกันทุ่มเททำงานนี้ด้วยความตั้งใจมาก จึงเชื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมอย่างแน่นอน ผมเดินชมบรรยากาศในสวนที่ อาจารย์นคร  พงค์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ออกแบบและดูแลรักษาอย่างดีมาโดยตลอด  และได้เห็นงานศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ร่วมกกับธรรมชาติอย่างลงต้ว อยู่ทุกมุม  เลยอยากสร้างสรรค์งานที่สามารถมีชีวิตเข้ากับสวนแห่งนี้ได้ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้มองเห็น ความงามดั้งเดิมของที่นี่ด้วย อยากให้คนรุ่นใหม่ ได้ซึมซับและส่งต่อศิลปะแห่งการเข้าใจธรรมชาติ  เลยเป็นที่มาของการทำนิทรรศการนี้

 

ปัจจุบัน อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์รวบรวมศิลปวัตถุของล้านนา ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยอาณาบริเวณ 150 ไร่ และยังได้รับเกียรติจากจังหวัดเชียงรายให้เป็นสถานที่รับรองแขกบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง

 

“หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กล่าวว่า  ปีนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ก่อตั้งและดำเนินงานครบ 50 ปี จากก้าวแรกในการทำงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ก็เริ่มต้นที่อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ หรือที่คนเชียงรายเรียกกันติดปากว่า ไร่แม่ฟ้าหลวง  พื้นที่นี้มีมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมหาศาลที่เราอยากเผยแพร่ให้คน ทั่วไปได้รับรู้คุณค่าอันงดงามของศิลปะ

 

จึงได้ชวนกลุ่มดีไซเนอร์มาออกแบบและจัดงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะมี คุณค่าทั้งกับไร่แม่ฟ้าหลวงและคนรุ่นใหม่ด้วย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในเชียงราย ด้วยแนวคิดการจัดงาน Light of Life ที่นำเสนอแสงไฟสีขาวสีเดียว สะท้อนการดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ  ที่เปรียบเสมือนแสงสว่างส่องนำทาง  สังคมเสมอมา  ตามพระราชปณิธาน สมเด็จย่าฯ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนและชุมชน ได้ดำรงอยู่อย่างมีความสุขจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป

 

สุขภาพ - 8เทคนิคต้องใช้ของเหล่าสายกินเดลิเวอรี่อร่อยแบบเฮลตี้

 

สายกินที่ชื่นชอบการสั่งอาหารแบบ “เดลิเวอรี่” ทาง สสส. มีเคล็ดลับดี ๆ ถึงวิธีการเลือกสั่งอาหาร ให้ได้ทั้งความอร่อยและสุขภาพดีมาฝาก กินแล้วช่วยให้ร่างกายเฮลตี้ Healthyที่เราเลือกได้ กับ 8 ทริก ดังนี้

 

1. เน้นสั่งอาหารลดหวาน มัน เค็ม

2. ยึดหลัก 2:1:1

3. สั่งแต่พออิ่ม

4. ถ้าต้องการกินอาหารที่ให้พลังงานสูง ควรสั่งขนาดพอเหมาะ

5. เลือกสั่งเครื่องดื่มหวานน้อย

6. วางแผนก่อนสั่ง

7. เลี่ยงสั่งเมนูทอด

8. เลี่ยงสั่งเนื้อสัตว์แปรรูป

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก TCEB”นำกทม.รับICCACongress2023ดึง91ชาติใช้เงิน434ล้าน

 

 

            นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม The 62nd International Congress and Convention Association Congress 2023” หรือ ICCA Congress 2023 ร่วมกับ สมาคมการประชุมนานาชาติ (ICCA) โดยได้ต้อนรับคณะสำรวจจาก ICCA ที่เดินทางเข้ามาเมืองไทยระหว่างวันที่ 5-9 ธันวาคม 2565 และร่วมกันตั้งเป้าหมายให้การประชุม ICCA Congress 2023 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon-Neutral Event) มุ่งส่งเสริมการจัดงานอย่างยั่งยืนและจัดการสิ่งแวดล้อมได้ประสบความสำเร็จสอดคล้องกับล่าสุด “กรุงเทพมหานคร” คว้ารางวัล Global Destination Sustainability Index (GDS-Index) 2022 ในหมวด Most Improved Award

 

            สมาคม ICCA มีสมาชิกภาครัฐและเอกชนกว่า 1,000 หน่วยงาน จาก 91 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจทั่วโลก มาช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางการจัดประชุมนานาชาติทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ พร้อมเพิ่มรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

 

ตามกำหนดจะจัด ICCA Congress 2023 ประชุมสามัญประจำปี ขึ้นระหว่าง 12-15 พฤศจิกายน 2566 ที่กรุงเทพมหานคร ในเดือนมีนาคม 2566 จะเปิดรับลงทะเบียนผู้เข้าร่วมงานให้ได้กว่า 1,000 คน แบ่งเป็น ต่างชาติ 800 คน และไทย 200 คน คาดตลอดงาน 3 วัน จะสร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่ากว่า 434.92 ล้านบาท  4 ส่วนหลัก  ประกอบด้วย

 

ส่วนที่ 1 กระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 85 ล้านบาท ส่วนที่ 2 สร้างมูลค่าทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ในระดับนานาชาติให้กับประเทศไทยกว่า 300 ล้านบาท  ส่วนที่ 3 สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจในประเทศ (GDP) กว่า 47 ล้านบาท ส่วนที่ 4 เกิดรายได้จากภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานประชุม 2.92 ล้านบาท

 

 

โดยมีทีเส็บเป็นองค์กรหลักสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพการจัดประชุมนานาชาติผ่านโครงการสำคัญ ๆ ที่สนับสนุน เช่น การจัดประชุมนานาชาติ การประมูลสิทธิ์งานประชุมนานาชาติ การสร้างโอกาสทางธุรกิจและฐานตลาดใหม่ในระดับนานาชาติ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรนานาชาติในวงการการประชุมนานาชาติ รวมทั้งการพัฒนาสมาคมและผู้ประกอบการ และเร่งฟื้นเศรษฐกิจเมืองไทย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและคุณประโยชน์ต่อเนื่องหลังการจัดงาน

 

            ส่วนการจัดประชุม ICCA Congress เดือนพฤศจิกายน 2566 จัดขึ้นในไทยเป็นครั้งที่ 3  และนับเป็นการจัดในกรุงเทพฯ เป็นครั้งที่ 2  โดยร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน  ระหว่าง ICCA และทีเส็บร่วมกับ กรุงเทพมหานครในฐานะเมืองเจ้าภาพ (Host City) แบ่งหน้าที่กันทำคือ “ทีเส็บ” ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพในประเทศ (Local Host) รับดำเนินการและประชาสัมพันธ์การจัดงานในรูปแบบต่าง ๆ โดยแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายไทย (Local Organizing Committee) ประกอบด้วย องค์กรสมาชิก ICCA ในไทยและเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการและสมาคมที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันวางแผนงาน เตรียมความพร้อมและดูแลองค์ประกอบการจัดงานทุกขั้นตอน            

 

 

          นายเซนทิล โกพินาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมการประชุมนานาชาติ (ICCA) กล่าวว่า ยินดีนํางาน ICCA Congress ครั้งที่ 62 มาจัดที่กรุงเทพฯ เดือนพฤศจิกายน 2566 เลือกไทยเนื่องจากเป็นประเทศที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติ และมีศักยภาพจัดงานประชุมชั้นนำระดับโลกอีกหลายรายการ โดยเฉพาะทีเส็บเน้นพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุมนานาชาติในไทยได้อย่างน่าชื่นชม รวมทั้งเป็นพันธมิตรกับ ICCA มาอย่างยาวนานร่วมมือทำงานระดับโลกมาแล้วมากมาย

 

งาน ICCA Congress 2023 จึงเป็นอีกงานสำคัญ หลังได้มาสำรวจความพร้อมพื้นที่ครั้งนี้แล้วมีความมั่นใจว่ากรุงเทพฯ คือสถานที่จัดงานที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงาน และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นบุคลากรในอุตสาหกรรมการประชุมจากทั่วโลกมารวมตัวกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) และร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน

 

อีกทั้งการเลือกมาจัดในกรุงเทพฯ ถือเป็นหนึ่งเป้าหมายสำคัญในโครงการ “Bangkok Vision 2032” ของเมือง ซึ่งมุ่งมั่นนำเสนอกรุงเทพฯ ผ่านแนวคิดและมุมมองใหม่สู่ประชาคมโลก กรุงเทพมหานครมีบทบาทสำคัญต่อการจัดงานนับตั้งแต่กระบวนการประมูลสิทธิ์เจ้าภาพ การร่วมเดินทางไปรับธงเจ้าภาพ ที่เมืองคราเคา โปแลนด์ และการเตรียมความพร้อมของเมืองเพื่อแสดงศักยภาพของไทย

 

            นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร” มีความพร้อมทุกมิติที่จะทำให้ ICCA Congress 2023 เป็นอีกการจัดประชุมที่จะสร้างมาตรฐานให้ทุกคนที่เข้าร่วมจดจำได้ ในฐานะเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจอุดมด้วยความหลากหลายทั้งความเป็นพหุวัฒนธรรม เชื้อชาติ อาหารตั้งแต่สตรีทฟูดจนถึงเชฟในภัตตาคาร 6 ดาว โบราณสถาณ สถาปัตยกรรมร่วมสมัย สถานที่เพื่อการจัดประชุม สถานที่จัดเลี้ยง หอศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เอนกประสงค์อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน

 

ไฮไลต์สำคัญคืออุดมด้วยศิลปการแสดงเป็นเอกลักษณ์ไทย ไม่ว่าจะเป็น นาฎศิลป์ ดนตรี การแสดงร่วมสมัย กีฬามวยไทย  โดยบุคคลากรภาครัฐและเอกชนต่างตื่นตัว พร้อมต้อนรับคณะ ICCA และแขกผู้มีเกียรติทุกคน

           

อีกทั้งประเทศไทยยังได้รับโอกาสให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Asia Convention Alliance Association Forum ครั้งที่ 1  (#ACAAF1) ซึ่งเป็นงานแรกของกลุ่มพันธมิตรด้านการจัดประชุมนานาชาติร่วมเครือข่าย Asia Convention Alliance (ACA) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างตัวแทนผู้บริหารสมาคมเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติ โดยมีองค์กรพันธมิตรจาก 4 พื้นที่สำคัญได้แก่ ไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน ร่วมขยายเครือข่ายพันธมิตรส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติร่วมกัน

 

คาดงานนี้จะสร้างโอกาสดึงงานประชุมนานาชาติอย่างน้อย 4 งาน ซึ่งจัดหมุนเวียนในกลุ่มสมาชิกโดยงาน #ACAAF1 จะจัดในกรุงเทพฯ ช่วงเวลาเดียวกับงานประชุม ICCA Congress 2023 ด้วย    

 

ข่าวที่สอง เฟอร์นานเดสนำเปิดใหม่แอร์เอเชียกัมพูชาโกยตลาดปี66

 

นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม แคปปิตอล เอ เปิดเผยว่า กลุ่มแอร์เอเชีย เอวิเอชั่น (AirAsia Aviation Group Limited : AAAGL) ที่มีแคปปิตอล เอ เบอร์ฮาร์ด ดูแลธุรกิจการบินได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท ศิวิลัย เอเชีย เปิด “แอร์เอเชีย กัมพูชา” พร้อมให้บริการช่วงปี 2566 เป็นประเทศที่ 5 รองรับบริการในรัศมี 4 ชั่วโมง ไป-กลับ ระหว่างกัมพูชา เชื่อมโยงเครือข่ายขนาดใหญ่ของแอร์เอเชียเข้ากับกัมพูชาตามเมืองยอดนิยมอย่าง พนมเปญ เสียมราฐ และสีหนุวิลล์ รวมทั้งทำการบินสู่เอเชีย พื้นที่หลัก สาธารณรัฐประชาชนจีน เอเชียเหนือ และอินเดีย หลังเห็นสัญญาณโควิด-19 ลดความแรงลง จึงคาดการณ์ช่วงครึ่งหลังปีหน้าจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง

 

นายโบ ลินกัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มแอร์เอเชีย เอวิเอชั่น กล่าวเสริมว่า บริษัทร่วมทุนที่จะเปิดแอร์ เอเชีย กัมพูชา เป็นไปตามเป้าหมาย สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มซึ่งมีฐานการบินหลักอยู่ในมาเลเซียให้บริการผู้โดสารในรัศมีการบินประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อเปิดที่กัมพูชาก็จะยิ่งส่งผลดีโดยเฉพาะเส้นทางบินสู่อาเซียน และเอเชียเหนือ

 

ปัจจุบัน แอร์ เอเชีย มีเที่ยวบิน ไป-กลับ  มาเลเซีย-กัมพูชาสัปดาห์ละ 49 เที่ยวบิน จากเมืองหลัก “กัวลาลัมเปอร์” สู่จุดหมายปลาย 2 เมืองหลัก คือ เสียมราฐ กับพนมเปญ ขณะนี้วางแผนจะขยายเส้นทางบินใหม่ ไป-กลับ ปีนัง-พนมเปญ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ประเมินสถิติแล้วกลุ่ม แอร์ เอเชีย เปิดบินกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2548 ต่อเนื่องยาวนานกว่า 17 ปี โดยได้บริการผู้โดยสารเข้าออกไปแล้วมากกว่า 10 ล้านคน

 

ส่วน มาเลเซีย-ประเทศไทย ขณะนี้มีบริการบินสัปดาห์ละ 90 เที่ยว เตรียมเปิดเพิ่มเส้นทาง กรุงเทพฯ โดยจะใช้สนามบินนานาชาติดอนเมือง สู่ปลายกัมพูชา 2 เมือง คือ เสียมราฐ (นครวัด) และพนมเปญ เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

 

นายวิสธ นัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศิวิลัย เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชาเริ่มกลับมาฟื้นฟูการเดินทางและท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสดีที่จะเปิดสายการบินโลว์คอสต์ขึ้น ทำให้คนมีเลือกเดินทางทางอากาศไปยังจุดหมายปลายทางใหม่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะ 2 ตลาดหลัก คือ 1.กลุ่มนักเรียนกัมพูชาเดินทางไปต่างประเทศ 2.กลุ่มนักธุรกิจ อีกทั้งเมื่อสายการบินใหม่ยังสามารถส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกัมพูชาเติบโตอย่างได้มีอนาคตด้วย

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง